[SHORTFANFICTION KYORYUGER]Only one
When no one’s by your side I’ll wait for you, always.
ผู้เข้าชมรวม
875
ผู้เข้าชมเดือนนี้
9
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผู้คนมากมายเดินขวักไขว่กันให้วุ่น เมื่อถึงเวลาเลิกงานของวันทำงานวันสุดท้ายของสัปดาห์อย่างวันศุกร์แล้ว ฝูงชนกลุ่มใหญ่ก้าวเดินกันออกมาจากชินคันเซ็น รถไฟความเร็วสูงของประเทศอย่างรีบเร่ง
ไม่ใช่แค่วัยกลางคนเท่านั้นที่กำลังกลับบ้าน แต่ยังมีทั้งกลุ่มนักศึกษาด้วยเช่นกัน
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อน ที่ตอนนี้ยาวมากจนระต้นคอ ส่วนผมด้านหน้าก็ปรกลงมาจนแทบจะปิดดวงตาเรียวจนแทบหมด ริปปูกัง โซจิ สะพายกระเป๋าเป้สีดำสนิทไว้ที่ไหล่ที่ไม่กว้างนักเมื่อเทียบกับชายวัยเดียวกัน เขากระชับเป้ให้แน่นขึ้นเมื่อคลื่นฝูงชนจำนวนมากดันให้เด็กหนุ่มออกมาจากสถานี
ดวงหน้าขาวใสบ่งบอกความไม่พอใจออกมาเสมอ ไม่ว่าจะตั้งแต่เด็กหรือจะเป็นนักศึกษาก็ตาม โซจิอยู่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างเมืองชื่อดัง ชุดแต่งกายของเขาไม่มีสีเขียวปรากฎอยู่เหมือนตอนมัธยมปลาย มีเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงขาวยาวสีดำสนิท
เสียงดนตรีดังขึ้นมาจากกระเป๋าเป้สีดำที่สะพายอยู่ โซจิเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดนตรีคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมานานตั้งแต่เขาเข้ามหาวิทยาลัยและย้ายไปอยู่ต่างเมือง กว่าเขาจะกลับมาที่บ้านก็จบเทอม หรือไม่ก็มาตอนวันหยุดตามเทศกาล ซึ่งล่าสุดที่เด็กหนุ่มมาก็เมื่อตอนฉลองปีใหม่
โซจิหยิบจูเดนโมบัคเคิลจากกระเป๋าเป้ออกมาก็พบว่ามันเป็นการติดต่อมาจากคิริว ไดโกะ หรือที่เขาเรียกว่าคิง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันพักใหญ่แล้ว
"กลับมาแล้วเหรอ โซจิคุง~" แต่เสียงแรกที่ได้ยินกลับไม่ใช่เสียงของไดโกะ มันคือเสียงสดใสของเอมี่ ยูสึกิ ผู้หญิงคนเดียวในทีมที่เก่งด้านการเตะต่อยจนแม้แต่หนุ่มเจ้าชู้อย่างเอียน ยอร์คแลนด์ยังไม่กล้าที่จะยุ่งด้วยเท่าไหร่
"อ..อื้อ ครับ เอมี่ซัง" เขาตอบตะกุกตะกัก อาจเป็นเพราะได้ยินเสียงจ้อกแจ้กของคนทั้งห้าที่แทรกเข้ามาไม่ขาดสาย
"บอยจะหาสาวๆได้สักคนมั้ยนะ~?"
"ท่านเอียนพูดอะไรอย่างนั้นล่ะขอรับ"
เรียวขายังคงก้าวเดินดุ่มต่อไปยังปลายทางในขณะที่ได้ยินเสียงโนบุฮารุเล่นมุกออกมาจากปลายสาย ซึ่งเสียงหัวเราะของคิงและคนอื่นๆก็ดังขึ้นมา ก่อนที่คิงจะบอกว่าให้เจอกันที่บ้านของนตซังด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะ
กว่าโซจิจะมายังบ้านของนตซัง ดวงอาทิตย์ก็คล้อยต่ำ ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนสีจากความสดใสเป็นความมืดมิด ดวงดาวเริ่มปรากฎขึ้นประดับฟากฟ้ายามค่ำคืน
เอมี่เป็นคนแรกที่วิ่งมาและสวมกอดเขา เธอยิ้มสดใสเป็นประกายเจิดจ้า ก่อนที่คิงจะเข้ามาโอบไหล่เขา โนบุฮารุยิ้มให้และพูดคุยถามเรื่องการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ก่อนจะกอดเด็กหนุ่ม และเล่นมุกออกมาอีกครั้ง อุจจี้เข้ามาทักทายเล็กๆน้อยๆ ถามเรื่องการซ้อมดาบที่เขาไม่มีเวลาซ้อมสักเท่าไหร่
“ฉันอ่านหนังสือมากกว่าจับดาบอีก อุจจี้" โซจิพูดอย่างปลงๆ ถอนหายใจเบาๆให้กับความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดเทอมการศึกษานี้
ซามูไรหลงยุคพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ พูดเชิญชวนเด็กหนุ่มที่มาจากตระกูลนักดาบชั้นสูงอย่างมีความหวัง "ปิดเทอมนี้มาฝึกดาบกับกระผมนะขอรับ"
“อื้ม" คนถูกชวนตอบกลับพร้อมรอยยิ้มบางๆ หันไปมองคนอื่นๆที่เริ่มสังสรรค์กันแล้ว โดยคิงเป็นคนแรกที่กรอกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าปาก
โซจิและอุสึเซมิมารุยืนคุยกันต่ออีกครู่หนึ่งในมุมมืด โดยมีเด็กหนุ่มหันไปมองวงสังสรรค์ที่สนุกสนานเป็นระยะ จนกระทั่งสบตากับใครอีกคนเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านมานานแล้ว
สายตาเย็นชาของเอียนกำลังทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ ดวงตารีเรียวสั่นคลอนไปวูบหนึ่งก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวตามปกติในวินาทีถัดมา
"มหาวิทยาลัยในเมืองนี้ก็มีไม่ใช่หรือขอรับ?" อุจจี้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปจนผิดสังเกต
โซจิได้ยินคำถามชัดเจน แต่ไม่ได้เอ่ยปากตอบคำถามของอุสึเซมิมารุในทันที เพราะคำตอบของคำถามนั้นดังก้องอยู่ในใจ
โซจิกำลังหนีตัวเอง..
“.......ไม่รู้สิ” เจ้าของดวงตาเรียวเอ่ยตอบ ก่อนที่คนถามจะชวนไปร่วมการสังสรรค์กับคนอื่นๆ
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบถึงเที่ยงคืน งานเลี้ยงจึงจะเลิกรา โดยที่แต่ละคนเมาบ้างไม่เมาบ้าง คนที่ไม่ได้ดื่มก็ต้องแบกคนที่เมาหนักเข้าบ้านนตซังไป แน่นอนว่าคนที่เมาหนักนั้นหนีไม่พ้นคิงและนตซังเจ้าของบ้านอย่างแน่นอน โดยเอมี่และยูโกะ น้องสาวของนตซังช่วยกันแบกผู้ชายตัวโตสองคนเข้าบ้านไปอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ส่วนอุจจี้นั้นวิ่งตามหญิงสาวทั้งสองไปอย่างเงอะงะแล้ว
เหลือเพียงเอียนและโซจิที่ไม่ได้สนทนากันแม้แต่ประโยคเดียวตั้งแต่พบหน้ากันคราวนี้ เอียนพูดน้อยลงกว่าเก่าอาจจะเป็นเพราะ’สาเหตุ’ที่คิงเล่าให้เด็กหนุ่มฟังก่อนจะเมาไม่รู้เรื่องอย่างนั้นจนลำบากคนอื่นไป
เอียนคบผู้หญิงคนหนึ่งมานานหลายปีแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนรู้ดี..
แต่ทว่าดูเหมือนคนทั้งคู่จะมีปากเสียงและทะเลาะกันหนักทีเดียว
โซจิที่ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตร่นลงมาสองสามเม็ด หันไปมองผู้ชายร่างสูงในชุดสีดำทั้งตัวที่นั่งห่างกันไม่มาก ดวงตาคมไม่ได้เป็นประกายเจ้าชู้แล้ว แต่เป็นดวงตาที่เฉยชา.. นิ่งสงบ เยือกเย็น ไร้ความรู้สึก........
โซจิไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอกำชายเสื้อตัวเองแน่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สายตาของเอียนมันดูแปลกไปจนเด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อที่อกมันเต้นช้าลง ทุกครั้งที่มันเต้นเขาจะรู้สึกปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาเรียวรีหลุบลงต่ำมองกระป๋องเบียร์เย็นๆที่อยู่ในมือของตน ก่อนจะยกมันกระดกเข้าปาก รสขมซ่านแผ่ไปทั่วโพรงปาก โซจิเบ้ปากทันทีเหมือนเด็กโดนบังคับให้กินยาขมๆ ซึ่งคนที่อยู่ไม่ไกลนักก็ไม่ได้นึกจะหันมองมายังเด็กหนุ่มไม่ประสาคนนี้
“อ..เอียนล่ะ หมอนั่นไม่ฆ่าตัวตายไปแล้วเหรอ” โนบุฮารุที่โดนน้องสาววางลงบนฟูกนอนอย่างแรงจนเริ่มสร่างเมาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมทีมที่ดูซึมเศร้าผิดปกติ
“ไว้ใจโซจิเถอะน่า สองคนนั่นสนิทกันจะตาย ต้องทำให้เอียนหายเศร้าแน่ๆ” คิงพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ หัวเราะคิกคัก และผล็อยหลับไปทันทีหลังจากพูดจบ
อุสึเซมิมารุห่มผ้าห่มให้คนทั้งสองที่หลับสนิทเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปแล้ว ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวทั้งสองที่มีสีหน้าหนักใจกับเรื่องของเอียนไม่แพ้กัน ซามุไรหนุ่มเด้งตัวขึ้นยืนอย่างรวดเร็วก่อนจะเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“กระผมเชื่อท่านคิงนะขอรับ”
ซึ่งมันทำให้หญิงสาวทั้งสองดูตึงเครียดน้อยลง ก่อนที่สองสาวจะเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้มบางๆที่ดูฝืนยิ้มบนใบหน้า อุจจี้ผ่อนลมหายใจออกราวกับจะให้ความเครียดลอยผ่านอากาศไป
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นเอียนซึมแบบนี้มาก่อน
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เอียนซึมเพราะความรัก
ความรักที่ไม่เคยคิดจะมอบให้ใครมาก่อน
ความรู้สึกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จนหลายๆคนนึกมองข้ามมันไป
“เอียน....”
เวลาเที่ยงคืนมาถึงแล้ว แต่ทว่าชายทั้งสองคนยังคงนั่งอยู่กับที่ไม่ไปไหน แม้แต่เด็กหนุ่มตัวบางที่ลุกไปนั่งข้างกายเจ้าของเรือนผมสีดำสนิท
“............” คนถูกเรียกไม่ตอบ แต่เงยหน้ามองท้องนภายามค่ำคืนด้วยสายตานิ่งสงบ
โซจิจึงมองใบหน้าด้านข้างของเอียนเพื่อฆ่าเวลาเล่น เพลย์บอยคนนี้ดูไม่ต่างจากครั้งแรกที่เขาเจอกันที่ร้านเล็กๆที่เอมี่ทำงานอยู่ ใบหน้าคมคาย คิ้วเรียวกับดวงตาคมที่เวลานี้ดูเย็นชาเหลือเกิน จมูกโด่งเป็นสันเหมือนนายแบบ ริมฝีปากหยักได้รูปราวกับพระเจ้าสรรสร้างมา
ถ้าหากหัวใจของเขาเด้งกระดอนออกมาจากอกได้ ป่านนี้เขาคงตายเพราะการลอบมองใบหน้าหล่อคมคายนั่น โซจิพยายามบอกให้ตนเองเลิกสนใจ และหันไปมองผืนฟ้ายามค่ำเช่นเดียวกันกับคนด้านข้าง
แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีกครั้ง เขาหันไปมองเอียนอีกครั้ง โซจิอาจกำลังคิดไปเองว่าแววตาเฉยชาแบบนี้ของเอียนเหมือนมันกำลังร้องไห้อยู่โดยไร้น้ำตา....
มือเรียวเล็กที่จะยกขึ้นกอดชะงักไป หยุดการกระทำไปอย่างทันทีเมื่อได้ยินเสียงในสมองสั่งการว่าอย่าทำอะไรโง่ๆแบบนี้ออกไป
“ไม่ต้องฝืนก็ได้นะ...” โซจิพูดขึ้นมาลอยๆ ในหัวนึกถึงน้ำเสียงร่าเริงของเอียนที่แซวเขาเล่นเรื่องผู้หญิงที่ดังออกมาจากจูเดนโมบัคเคิลเมื่อตอนเย็น เขาอาจคิดไปเองอีกครั้งก็ได้ว่าเอียนแสร้งทำมันเพื่อให้เขาสบายใจ
ชายร่างสูงละสายตาออกมาจากท้องนภายามราตรี เขายกกระป๋องเบียร์ขึ้นมาดื่มจนหมด ก่อนจะหันไปหยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมาเปิด และดื่มเข้าไปอีกจนหมด หยิบกระป๋องใหม่ ดื่มจนหมด.. ทำแบบนี้ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง
“ถ้ามีปัญหากัน ก็ขอโทษสิ” โซจิขมวดคิ้วเข้าหากัน รีบจับแขนของอีกคนไว้ไม่ให้ซดแอลกอฮอล์เข้าปากมากเกินไป
เอียนชะงัก ก่อนที่เขาจะหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขันออกมา
“คิงบอกแล้วสินะ เรื่องไม่เป็นเรื่องของฉันน่ะ”
‘เรื่องของนายไม่ใช่แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง !’ โซจิรีบกลืนคำพูดลงคอพร้อมกับน้ำลายไป เขาเงียบไม่พูดอะไรต่อ เพราะกลัวว่าจะหลุดคำพูดอะไรแปลกๆออกไป
“ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อไปขอโทษเธอ แต่นายรู้ไหม ว่าเธอทำยังไงตอนเห็นหน้าฉัน..” เอียนพูดขึ้น แววตาของเขายังคงฉายความเฉยชาไม่เปลี่ยน
โซจิส่ายหน้า เขาไม่เคยมีแฟนมาก่อน เขาจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอคนนั้นทำอะไร
“เธอทำเหมือนฉันไม่มีตัวตน” เอียนยักไหล่ ดวงตายังคงฉายแววของความเจ็บปวดวันนั้นชัดเจนจนโซจิรู้สึกเหมือนก้อนเนื้อในอกถูกกรีดด้วยใบมีดแหลมคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทำไมเวลาเขาเห็นเอียนเป็นแบบนี้...
แล้วรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจแปลกๆกันนะ.......
คนทั้งคู่สบตากันในความเงียบ โซจิเห็นตัวเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่เฉยชาคู่นั้น เขาไม่ต้องการให้เอียนเศร้า เสียใจไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามเถอะ ความรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาของเขามันดูน่ารำคาญมากในตอนนี้
น้ำหยดใสๆไหลรินจากดวงตารีเรียวอย่างเชื่องช้า โดยที่โซจิไม่คิดที่จะเช็ดมันออกจากใบหน้าของตน กลับปล่อยให้มันไหลออกมาอย่างนั้น
“ร้องไห้ทำไม” เอียนขมวดคิ้วเข้าหากัน ยื่นมือมาเช็ดแก้มที่เริ่มมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อนเหมือนเป็นเด็กๆของโซจิ
พักพิงฉันได้เสมอนะ...
ถ้าวันนั้นนายไม่เหลือใคร........
“เปล่า.... ไม่มีอะไร” โซจิเอ่ยปฏิเสธ ปัดมือฝ่ามือหนาที่เช็ดน้ำตาให้ออกอย่างไม่ใยดี
ถ้าหากเขาสามารถโอบกอดเอียนไว้ด้วยน้ำตาและความรักของเขา
เขาจะขอใช้สายตาของตัวเองกอดผู้ชายคนนี้ไว้.......
“บอยกำลังโกหกฉัน” เสียงของเอียนมันออกจะหงุดหงิดไปสักหน่อย เพราะโซจิกำลังโกหกอย่างเห็นได้ชัด เขารู้ดีว่าเขาโกหกเอาไม่เก่งเอาซะเลย แต่ถ้าจะให้บอกความจริงไป ให้โซจิเป็นเด็กโกหกแบบนี้ต่อไปยังจะดีกว่า
ช่วงบ่ายของไม่กี่วันถัดมา เอียนดูเหมือนว่าจะง้อแฟนสาวคนนั้นได้สำเร็จ เธอจึงยอมมาพบเจอด้วย โดยที่เหล่าเคียวริวเจอร์ที่เหลือนั้นก็ตามไปเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ รวมทั้งโซจิด้วย
เอียนยืนรอแฟนสาวอยู่หน้าร้านขายดอกไม้เล็กๆแห่งหนึ่ง เขามองนาฬิกาอยู่แทบทุกนาที ในมือของชายหนุ่มร่างสูงถือช่อดอกเดซี่ที่ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ แน่นอนว่าเขาซื้อมาจากร้านขายดอกไม้ที่เขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าร้าน
ผ่านไปเกือบสิบนาที แฟนสาวหน้าตาดีของเอียนก็ปรากฏตัวอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของถนน เธอเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาน่ารักมากทีเดียว ดวงตาของเธอกลมโตเป็นประกาย จมูกรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อน เธอมัดผมสีดำยาวสลวยด้วยยางสีเดียวกันกับผมไว้ลวกๆ หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสีขาวสะอาดกับรองเท้าส้นสูงที่ผู้หญิงมักจะนิยมใส่กัน
คิงถึงกับอ้าปากค้างอย่างน่าขัน จนกระทั่งเอมี่กระทุ้งศอกเต็มแรงใส่ท้องของแฟนหนุ่มที่คบกันได้ไม่นานมานี้ ไดโกะหัวเราะแห้งๆให้ก่อนที่จะหันกลับไปสนใจสถานการณ์ต่อไป โดยมีสายตาดุๆของเอมี่จ้องมองไดโกะอยู่แทบจะตลอดเวลา
โซจิส่ายหัวอย่างเอือมๆให้กับคู่รักของทีม เขาหลุบตาลงต่ำพยายามคิดว่ามันดีแล้วถ้าหากเอียนสามารถตามง้อแฟนสาวคนนี้ได้สำเร็จ ก็ดูเหมือน.... เอียนรักผู้หญิงคนนี้มากนี่นะ
เด็กหนุ่มกัดปากแน่น จ้องมองปลายเท้าของตัวเองเพื่อจะได้ไม่ต้องมองคู่รักที่หน้าร้านขายดอกไม้นั่น เอียนรู้สึกเศร้าเสียใจ เขาก็รู้สึกไม่ต่างกันกับเอียน และถ้าเอียนมีความสุข..
.....เขาก็ควรจะเลิกก้มหน้ามองเท้าตัวเอง แล้วยิ้มรึเปล่านะ?
เอี๊ยดดดดดดดด !!
เสียงยางรถเสียดสีกับพื้นถนนเสียงดัง โซจิรีบหลับตาปี๋เหมือนเด็ก ในขณะที่หูเริ่มได้ยินเสียงความวุ่นวายชุลมุนถัดจากเสียงรถเมื่อกี้ เขาลืมตามองรอบตัวอีกครั้งก็พบว่ามีคนถูกรถชน.....
โซจิมองเห็นไดโกะวิ่งออกไปพร้อมกับโนบุฮารุ เอมี่ดันหลังให้เขาวิ่งออกไปดูสถานการณ์ความวุ่นวายพร้อมกับเธอ โดยมีอุสีเซมิมารุวิ่งรั้งท้าย โซจิวิ่งผ่านร้านดอกไม้ขนาดเล็กที่น่าจะมีเอียนยืนอยู่ แต่กลับพบเพียงช่อดอกเดซี่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ผู้คนมากมายในบริเวณนี้ต่างก็วิ่งไปยังที่เกิดเหตุเพื่อจะดูหน้าผู้บาดเจ็บ เอมี่และอุสึเซมิมารุวิ่งไปยังกลุ่มฝูงชนที่รุมล้อมสถานที่เกิดเหตุแล้ว
เด็กหนุ่มยืนนิ่ง สมองกำลังประมวลผลอย่างเชื่องช้า เขาก้มเก็บช่อดอกไม้ที่ตอนนี้ไม่เป็นระเบียบอีกต่อไปขึ้นมา เขาจำรูปร่างลักษณะของช่อดอกไม้ที่เอียนถือไว้ได้.. มันต้องเป็นของเอียนอย่างแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้น??” เขากระซิบกับตัวเองเสียงแหบแห้ง เรียวขาก้าวยาวๆไปยังกลุ่มคนที่ยืนมุงกันอยู่จนเขามองอะไรแทบไม่เห็น
สิ่งเดียวที่เขาหวังคืออย่าให้เอียนเป็นอะไรเด็ดขาด..
กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายไปทั่วทิศ เขาเดินแหวกผู้คนเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุอย่างยากลำบาก จนในที่สุดเขาก็สามารถเข้ามายังที่เกิดเหตุได้สำเร็จ
รถพยาบาลมาถึงพอดี เขาเห็นเลือดสีแดงฉานสาดกระจายเต็มท้องถนน รถยนต์ต้นเหตุไม่ได้ขับหนีความผิดแต่อย่างใด คนขับที่ดูเหมือนว่าจะเมายืนโงนเงนมองเหตุการณ์ข้างๆรถของตนที่ชนเสาไฟฟ้าไปอย่างจัง
ม่านตาเรียวเบิกกว้างอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นเอียนที่ตัวเปื้อนเลือดไปเกือบทั้งตัวกำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นถนน โดยมีคิง นตซัง เอมี่และอุจจี้ยืนนิ่งอยู่โดยไม่ขยับไปไหน ความรู้สึกในตัวเขาสั่งการให้วิ่ง วิ่งไปให้ถึงตรงนั้นให้เร็วที่สุด ทั้งๆที่สมองกำลังสั่งการให้เขายืนมองอยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร
เด็กหนุ่มตัวบางเบิกตากว้างกว่าเดิมกับสิ่งที่ได้เห็น ผู้หญิงคนนั้นตัวอาบเลือดนอนอยู่บนเปลเคลื่อนที่ เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวเธอไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด
แฟนของเอียน......
ส่วนเอียนนั้นคุกเข่าอยู่ตรงที่เดิม น่าประหลาดใจที่เพลย์บอยหนุ่มไม่ได้ร้องไห้ออกมาแต่กลับอยู่ตรงนั้นราวกับจะคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตที่เพิ่งผ่านมา
เขาหายใจเข้าออกแรงๆด้วยความเหนื่อยหอบ มือเรียวเล็กยังคงกำช่อดอกไม้ไว้แน่นราวกับมันเป็นที่ยึดเหนี่ยวสุดท้าย มืออีกข้างกุมซี่โครงไว้ ซึ่งเวลาที่เขาหายใจจะรู้สึกปวดร้าวไปหมด
เขามองเอียนที่ขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว ไดโกะก็อาสาว่าจะไปเป็นเพื่อนเอียนด้วยซึ่งเวลานี้เอียนดูเหมือนคนที่ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปจริงๆ เขาดูว่างเปล่า ตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าเขายังคงมีสติอยู่ทุกประการ เขายังใจเย็นเสมอเวลามีเรื่องอะไรต้องตัดสินใจ
เอียนเป็นผู้ชายเจ้าชู้ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งเขาเป็นคนขี้เล่น
อบอุ่น รักพวกพ้อง และกลัวการสูญเสียคนสำคัญที่สุด.....
รู้ตัวอีกที โซจิก็อยู่บนรถพยาบาลที่เคลื่อนที่ออกไปด้วยความเร็วกับเอียน มือเรียวเล็กยังคงกำช่อดอกไม้ไว้แน่นเมื่อในตัวรถมีแต่ความเงียบ
เอียนกุมมือผู้หญิงคนนั้นไว้หลวมๆ กระซิบกับเธอว่ามันจะเป็นไปด้วยดี เธอจะต้องไม่เป็นอะไร อยู่ซ้ำๆถึงแม้สติหญิงสาวจะเลือนรางมากแล้วก็ตาม
เป็นอีกครั้งที่โซจิรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเด็กขี้แง
ความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ขอบตามันทำให้เขาต้องเบนหน้าหนีจากภาพคู่รัก หันไปมองด้านนอกที่มองจนแทบไม่เห็นว่าอะไรเป็นอะไรเพราะความเร็วที่มากเกินไปของรถ โซจิสูดจมูกฟุดฟิด ยกหลังมือขึ้นมาถูจมูกโด่งเชิดรั้น ก่อนจะเงยหน้าให้น้ำตามันไหลกลับไป โชคดีที่เอียนไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากแฟนสาวของตัวเอง จึงทำให้ไม่เห็นว่าโซจิแอบหันหน้าไปเช็ดน้ำตาตัวเองเงียบๆ
รถพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลในไม่นานนัก แต่แฟนสาวของเอียนนั้นยังมีสติอยู่ถึงแม้จะน้อยมากก็ตาม เธอถูกวางบนเตียงนอนผู้ป่วยแบบฉุกเฉินและถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไปแล้ว
โซจิมองร่างสูงที่เดินวนไปมาที่หน้าห้องฉุกเฉิน แน่นอนว่ามือของโซจินั้นยังถือช่อดอกไม้ของเอียนมาด้วย
“ของนาย” โซจิยื่นช่อดอกเดซี่สีขาวสะอาดให้ร่างสูงในชุดสีดำทั้งชุด ซึ่งในเวลานี้เปื้อนเลือดไปแล้วเกือบทั้งตัว
ดอกเดซี่ หมายถึง ความไร้เดียงสา...
ความเที่ยงแท้...
เอียนไม่ได้พูดอะไรแต่ก็รับช่อดอกเดซี่ของตัวเองที่ทิ้งไว้หน้าร้านขายดอกไม้ร้านนั้นมาแต่โดยดี ก่อนจะโยนมันลงถังขยะ
“มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว ถ้าไม่มีแฟนของฉัน....” เอียนถอนหายใจออกมา พลางหันกลับไปมองประตูห้องฉุกเฉินด้วยสายตาที่โซจิไม่สามารถอธิบายได้ว่าเอียนรู้สึกอะไรอยู่
“เอียน.........” ในเวลานี้โซจิคงทำได้เพียงเรียกชื่อผู้ชายคนนี้แล้วล่ะมั้ง.. ทำไมเขารู้สึกเจ็บปวดอีกแล้วเมื่อเห็นว่าเอียนเป็นห่วงแฟนสาวคนนี้ มือคู่เรียวเล็กจับไหล่หนาของเพลย์บอยไว้แน่น ให้มาเผชิญหน้ากับตน
“ฉันไม่เป็นไรหรอก บอย” ราวกับผู้ชายคนนี้สามารถอ่านสายตาและการกระทำทุกอย่างของโซจิออก โดยไม่ต้องอธิบายอะไร.. เอียนเป็นแบบนี้เสมอ......
ถึงจะบอกว่าไม่เป็นอะไร
แต่เขาก็รู้สึกได้...
ว่า..หัวใจของเอียนอ่อนล้าขนาดไหน
โซจิเป็นคนที่ไม่ว่าจะทำอะไรมักจะคิดให้รอบคอบก่อนเสมอ... เพราะแบบนี้ล่ะมั้งเขาถึงถูกเรียกว่าเยือกเย็นในสายตาของใครหลายๆคน แต่เพราะผู้ชายตัวโตเบื้องหน้าคนนี้ที่ทำให้เขาไม่อยากจะคิดอะไรให้มากมายอีกต่อไป เด็กหนุ่มตัวผอมบางในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขายาวกอดชายร่างสูงในชุดเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำกับกางเกงสีดำที่ดูตกตะลึง
โซจิจับหัวของเอียนกดลงบนไหล่บางของตัวเอง ซึ่งเขาก็แอบคิดเหมือนกันว่าถ้าหากทำแบบนี้มันดูเป็นเขามากที่สุดแล้ว
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว....”
“........................” เอียนเงียบ ไม่ได้ตอบกลับคำพูดของเด็กหนุ่ม
“อยากทำอะไรก็ทำสิ อยู่กับฉันน่ะ....”
“........................”
“......ไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับอะไรไว้คนเดียวหรอกนะ”
นับตั้งแต่วันนั้นผ่านไป โซจิและเอียนก็ไม่พบเจอกันอีกเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นโซจิเองที่หลบหน้าเอียนเองก็เถอะ จนกระทั่งเอียนมาที่บ้านของโซจิ เด็กหนุ่มก็ยังจะยืนยันว่ายังไม่ต้องการจะพบหน้าเพลย์บอยหนุ่มคนนี้ และไม่ได้ออกไปที่ไหนเหมือนวัยรุ่นคนอื่นๆ อยู่บ้านฝึกซ้อมดาบกับอุสึเซมิมารุที่มาหาที่บ้านแทบจะทุกวัน
ใกล้เวลาเปิดภาคเรียนขึ้นมาทุกขณะ ซึ่งวันนี้เขาก็ตั้งใจว่าจะกลับไปยังหอพักของตนก่อน โซจิมองไปรอบๆห้องตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม มือเรียวเล็กจัดการพับชุดนักศึกษาของเขาลงกระเป๋าเป้สีดำสนิทอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
แค่เพียงเห็นสีดำ เขาก็นึกถึงใครอีกคนขึ้นมาดื้อๆเสียอย่างนั้น
เคียวริวแบล็ค...
โซจิรูดซิปกระเป๋าและสะพายมันไว้ที่ไหล่ข้างเดียวอย่างเคยชิน ก่อนจะหันไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าเขาเก็บของครบหมดแล้วจริงๆ เขาผ่อนลมหายใจออก เพราะในหัวฟุ้งซ่านไปหมด มันมีแต่เรื่องของผู้ชายที่ชื่อเอียน ยอร์คแลนด์มาเสมอ เด็กหนุ่มก้าวออกจากห้องนอนของตน พร้อมปิดประตูลงด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว
เขาเดินออกมาจากบ้านก็พบว่าพ่อกำลังจะเดินเข้าบ้านมาพอดิบพอดี เด็กหนุ่มตัวผอมชะงักมองผู้เป็นบิดา
"ไปแล้วนะครับ พ่อ.." ประโยคบอกลาที่ฟังดูแปลกเปร่งดังลอดออกมาจากริมฝีปากบาง
“.........” ชายวัยกลางคนไม่ได้พูดอะไรขึ้น เพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
เด็กหนุ่มมองผู้เป็นบิดาเดินเข้าบ้านไปด้วยสายตาไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ก่อนจะเดินออกมาจากบ้านที่มีลักษณะเป็นแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
เด็กหนุ่มตัวผอมบางในชุดธรรมดาหยุดเดิน เขาหยิบอุปกรณ์ที่เหมือนปืนพกแต่ทว่ามีสีสันสดใส หรือที่เรียกว่า กาบุ รีโวลเวอร์ ขึ้นมายิงไปยังฝาท่อที่หน้าตาแปลกประหลาด
ไม่นานเท่าใดนัก สีแสงต่างๆก็เริ่มหมุนวน และร่างผอมบางก็ยืนอยู่ที่ฐานทัพของเคียวริวเจอร์ ‘สปิริตเบส’ที่เขาไม่ได้มายังสถานที่แห่งนี้นานพอสมควรแล้ว ทุกอย่างที่นี่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมา ดวงตารีเรียวปรายมองไปทั่วจนกระทั่งพบว่าเป้าหมายของเขาในครั้งนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
ถึงแม้ว่าเอียนจะหลับหรือตื่นอยู่ก็ตาม ผู้ชายร่างสูงคนนี้ก็ยังส่องประกายท่ามกลางทุกสิ่งเสมอ เขาเป็นคนๆเดียวที่โซจิจะหาเจอในหมู่ผู้คนมากมาย ริมฝีปากบางยกยิ้มขึ้น มันไม่ใช่รอยยิ้มสดใสที่ส่องประกายอย่างเอมี่ หรือรอยยิ้มที่ดูเข้าอกเข้าใจกันเหมือนไดโกะ แต่มันเป็นเพียงการยกยิ้มให้กับความเศร้าบางอย่างที่ตีรวนขึ้นมาในอกจนเด็กหนุ่มรู้สึกชาวาบไปหมด
ในมือของโซจิถือกาบุ รีโวลเวอร์ประจำตัวของตนไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งถือก้านดอกไม้สีแดงจัดจ้านไว้ในมือหลวมๆ
โซจิหลุบตาลงต่ำ ปล่อยให้พื้นของฐานทัพเป็นที่ยึดสายตาอยู่ชั่วขณะ ในหัวสมองของเด็กหนุ่มพยายามคิดไตร่ตรองอะไรบางอย่างว่าเขาควรจะทำอย่างนี้รึเปล่า...
เขาตัดสินใจในความเงียบ.. ฝืนให้ปากของตัวเองคลี่ยิ้มออกมา
ดวงตาพระจันทร์เสี้ยวที่หยีเล็กเพราะกำลังยิ้มให้ชายหนุ่มที่หลับสนิทอยู่ น้ำตาหยดใสๆก็ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่เรียวสวย หยดน้ำตาที่ปะปนไปกับความรู้สึกบางอย่างในอกที่พูดออกมาไม่ได้ไหลไปตามโครงหน้าเรียวของเด็กหนุ่ม ก่อนที่น้ำตาหยดแรกจะหยดลงไปยังกลีบดอกไม้สีแดงจัดที่ถืออยู่
เขาอยากจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันกับผู้ชายคนนี้
อยากจะฝันแบบเดียวกันกับเอียน...
โซจิกัดปากของตัวเองแน่น ร้องไห้โดยไร้เสียงอยู่ในความเงียบงัน หยดน้ำตาทำให้ภาพทุกอย่างพร่ามัว ถึงแม้ภาพของเอียนที่หลับอยู่จะเลือนรางมากก็ตาม เด็กหนุ่มไม่สนใจที่จะปัดน้ำตาออกจากใบหน้าแม้แต่น้อย
แต่โซจิไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น....
เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่นิดเดียว..........
ดูเหมือนว่าเอียนจะอ่านหนังสือจนผล็อยหลับไป เพราะหนังสือเล่มหนาไม่มากถูกเปิดออก วางอยู่บนตักของชายร่างสูง มือเรียวเล็กที่ในเวลานี้สั่นระริกค่อยๆวางดอกไม้สีแดงลงบนหนังสือเล่มนั้นอย่างเบามือเพื่อไม่ให้คนกำลังหลับตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา
เขาใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันหลังกลับไปยังที่ที่เขาควรจะไป...
ดอกคาร์เนชั่นมีถิ่นกำเนิดในยุโรปตอนใต้...
ลักษณะขอบกลีบหยักเป็นแฉก มักมีหลายสีสัน..
ดอกคาร์เนชั่นสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของ หัวใจที่แตกสลาย...
คำพูดนั้นยังคงดังก้องอยู่ในใจของโซจิเสมอ....
คำพูดที่โซจิกล่าวในใจมาตลอดเวลา.....
คำพูดที่ไม่เคยพูดออกไป....
‘ฉันรักนายนะ....’
ผลงานอื่นๆ ของ {p-phoenix} ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ {p-phoenix}
ความคิดเห็น