เงารักเริงไฟ
ในเมื่อความรักมันหาความจริงใจยาก ก็ต้องซื้อมันด้วยเงินที่หามาด้วยตัวเอง แม้มันจะเปื้อนเลือด เปื้อนโคลนไปบ้างแต่ใคร ๆ ก็ทำ ชายหนุ่มไม่คิดว่ามันจะผิดมากนักหากเขาจะทำเพื่อความสะใจ
ผู้เข้าชมรวม
881
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เรื่อง เงารัก เริงไฟ
โดย แพรตะวัน
ตอนที่ 1 วันที่รอคอย
คฤหาสน์ โฆษะวาฤทธิ์ตั้งตระง่านอยู่กลางหุบเขาภายในเหมืองแร่ของนายเหมืองโฆษะ รอบ ๆ บริเวณปลูกไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม หลายอย่างที่เต็มไปด้วยความคึกคัก คนงานเดินเข้าออกจนเหมือนเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ปกครองตัวเองอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ล้อมกรอบเป็นขอบภาพที่จิตมากรรมบรรจงแต่งเติมให้สวยสะดุดตา
ชายวัยกลางคนยืนเหม่อมองไปเบื้องหน้าเหมือนภาพที่ปรากฏกำลังสะกดให้เขานิ่งมองมันด้วยความพิศวง ในดวงตาหม่นเศร้า เพราะเรื่องราวมากมายกำลังรุมเร้าให้ต้องตัดสินใจเร่งด่วน
“นายเหมืองครับ”
เสียงของผู้มาเยือนกระชากความรู้สึกเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ชายวัยกลางคนค่อย ๆ หันกลับมาหาผู้ที่เข้ามาช้า ๆ อิริยาบถทุกอย่างบ่งบอกว่าเหนื่อยอ่อนกับสิ่งที่อยากระบาย
“ศิลามันไปบอกว่านายเหมืองอยากเจอ มีอะไรเหรอครับ” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาค้อมหัวเล็กน้อยเป็นการแสดงความเคารพ แววตาของทั้งคู่ต่างมีร่องลอยแห่งกาลเวลาบอกเล่าเรื่องราวในอดีตเป็นอย่างดี มุมปากมีรอยยิ้มนิด ๆ หากแต่เต็มไปด้วยภาระหนักอึ้งที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
“ใช่ สนั่นช่วงนี้ในเหมืองเราเป็นไง มีใครไปมีเรื่องข้างนอกไหม” โฆษะเดินนำขณะที่ถามแต่ไม่ได้ประสงค์ต่อคำตอบ สิ่งที่เขากำลังกังวลกลับเป็นสิ่งที่วางอยู่กลางโต๊ะประชุมเล็กในห้องทำงานส่วนตัว เขาค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งก่อนที่จะเลื่อนภาพตรงหน้าให้กับลูกน้องคนสนิทดู
“คุณโฆษิตนี่ครับ ภาพนี้ถ่ายเมื่อไหร่กันไม่เคยเห็น” ภาพสองใบขยับเข้ามา สนั่นดีใจมากเมื่อเห็นภาพของชายหนุ่มในอิริยาบถสบาย ๆ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความฝัน คนหนุ่มมีพลังในการใช้ชีวิต หากแต่ชายหนุ่มที่อยู่ในภาพมีวิถีชีวิตที่ต่างออกไป เขาเหมือนคนที่ตายแล้วเกิดใหม่โดยแท้ ในความรู้สึกของคนอื่น ๆ เขาคือคนที่ตายแล้ว
“เมื่อวาน เขาเพิ่งส่งเข้ามาตอนที่เราคุยกันทางอินเทอร์เน็ต” รอยยิ้มจาง ๆ ของนายเหมืองทำให้สนั่นขมวดคิ้วงุ้นด้วยความฉงน
“ครับ ดูเหมือนนายเหมืองกังวล มีอะไรหรือเปล่าครับ” ฟังจากโทนเสียงของเจ้านายดูเป็นกังวลอยู่มาก ไม่บ่อยที่เจ้านายจะเรียกให้ขึ้นมาพบลำพังในห้องทำงานส่วนตัว
“เขาจะกลับมา ฉันอยากให้สนั่นปล่อยข่าวเรื่องการกลับมาของโฆษิตเร็วที่สุด” นายเหมืองใหญ่ขบริมฝีปากตัวเอง การตัดสินใจของเขาในวันนี้จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด ชายทั้งสองมองหน้ากันเหมือนกำลังค้นหาคำตอบ มีหลายอย่างที่ไม่สามารถยอมรับเพราะความเป็นความตายของลูกชายนายเหมืองใหญ่มีเปอร์เซ็นต์เท่า ๆ กัน หากมีคนรู้ว่าเขากลับมาทั้งที่ยังมีชีวิต เขายังไม่ตายอย่างเคยเป็นข่าว
“อันตรายมาก นายเหมืองรู้ใช่ไหมครับ เราอาจจะ...”
“เรื่องนั้นฉันรู้ เราปิดข่าวมานาน คราวนี้เจ้าตัวเขาบอกว่าเขาต้องการดับเครื่องชน เขาพร้อมที่จะตามคิดบัญชีเลือด เขาเลือกวิธีของเขาเอง ฉันห้ามเขาไม่ได้”
“นายเหมืองนั่นหมายถึงชีวิตเลยนะ” สนั่นทัดทานด้วยความปรารถนาดี
“สนั่น นายอย่าลืมสิว่าเขาเคยผ่านช่วงชีวิตบนเส้นตายมาพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ บาดแผลในใจเขาก็ยังไม่จางหายไปเหมือนกัน มันไม่เคยลบไปจากใจ นายก็รู้” ความหม่นเศร้าในแววตาของชายวัยกลางคนกลับมาอีกครั้ง เรื่องราวครั้งอดีตหวนกลับมาตอกย้ำความเจ็บปวดจนเขาไม่อาจจะเก็บซ่อนมันมิด ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขามีชีวิตอยู่กับความทุกข์เข็ญ ไม่มีคนที่รักอยู่ด้วย เพราะหากคนที่เขารักอยู่ใกล้นั่นหมายถึงความตายที่ต้องเผชิญ และมันมักจะเกิดขึ้น
“ครับนายเหมือง แล้วนาย...คุณโฆษิตยอมเสี่ยงเหรอครับ” หลายปีผ่านไปจากเด็กชายน่ารักที่เคยดูแล จากวันนั้นก็เห็นหน้ากันเพียงภาพถ่ายจนเขากลายเป็นหนุ่มใหญ่เต็มตัว เขาเองก็แทบไม่เชื่อว่าเวลาได้ผ่านไปแล้วเป็นสิบปี ความปลอดภัยของโฆษิตเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
วันนั้นก่อนจากไปเขาฝ่าดงกระสุนแทบเอาชีวิตไม่รอด วันนี้หากเขากลับมาก็ไม่แน่ว่าชีวิตก็ยังแขวนอยู่บนเส้นดาย ความเป็นความตายเท่า ๆ กัน
“คนของเราน่าจะฝึกให้หนักกว่าเดิม อีกอาทิตย์หนึ่งเขาจะเดินทางมาถึง” น้ำเสียงเฉียบขาดของนายเหมืองใหญ่สั่งการ จำเป็นต้องทำตามอย่างเคร่งครัด
“ผมจะกำชับสิมาเรื่องความปลอดภัย นายเหมืองไม่ต้องห่วง”
“ฉันอยากให้ปล่อยข่าวเลยนะ คงมีคนอยากรู้ความจริง สิบปีกว่ารอยแผลเป็นไม่เคยจางหายถึงเวลาที่จะต้องสะสางกันให้หมดไปซะที” ดูเหมือนการตัดสินใจของโฆษิตจะมีอิทธิพลต่อนายเหมืองมาก
“ครับนายเหมือง” สนั่นถือว่าเป็นลูกน้องที่รู้ใจนายเหมืองโฆษะมาก เป็นคนที่ไว้วางใจของนายเหมือง และคนงานเหมืองเป็นอย่างมาก ทุกอย่างที่เป็นความต้องการของเจ้านายเขายอมทำจนตัวตายถวายหัวเลยทีเดียว ชีวิตเขาที่เหลือยู่เป็นเพราะบุรุษที่อยู่ตรงหน้าได้ให้โอกาสถึงกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
เนื้อแท้ของคนไม่ได้ชั่วช้ามาโดยกำเนิด หากแต่เส้นทางชีวิตนำพาให้เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับวังวนนักเลง และอนาคตเขาก็หมดสิ้นไปพร้อมกับเมียรัก หลงเหลือไว้เพียงลูกสาวตัวน้อย ๆ ที่เขาไม่รู้จะหาทางเลี้ยงดูให้เติบใหญ่ได้อย่างไร ทั้งชีวิตมีแต่ทำงานหนักกับจับปืน เขาไม่มีทางจะพาตัวเองไปสู่เส้นทางที่ดีได้ หากไม่มีนายเหมืองใหญ่ให้โอกาสในวันนั้น บาดแผลเมื่อครั้งอดีตเตือนความทรงจำของเขาเป็นอย่างดี
“บอกทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม โฆษิตมาครั้งนี้เขากะจะล้างบางคนชั่วให้สิ้นซาก เขาตั้งใจกับเรื่องนี้มาก” นายเหมืองใหญ่เข้าใจถึงแรงแค้นที่ลูกชายจะต้องนอนกอดมันมาตลอดชีวิต กลางคืนหลับยังผวาเพราะไม่รู้ว่าปลายกระบอกปืนที่จ่อยิงมาที่เขามันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร มันคืนฝันร้ายที่ไม่สามารถหลุดพ้น นายเหมืองใหญ่เข้าใจความรู้สึกของลูกชายดี
“ผมจะเตรียมรับมือกับทุกอย่างให้ดี ไอ้พวกเหมืองโน้นคงช็อกกับข่าวนะครับนาย” นายเหมืองใหญ่รู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าของเหมืองคู่แข่งต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของภรรยาเขาแน่ แต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ กฎหมายเข้าไม่ถึง
“มันก็คงคิดว่าได้ฝังทุกอย่างของฉันไปหมดแล้ว เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น อย่าลืมบอกสิมาด้วยนะ เรื่องนี้คงทำให้เธอดีใจมาก” เมื่อเอ่ยถึงหญิงสาวนายเหมืองใหญ่มีแววตาเปล่งกายด้วยความสุข หากเปรียบเธอเป็นดอกไม้งามก็เต็มไปด้วยหนามคมที่มีพิษร้ายแรง เธอแกร่งด้วยการฝึกฝนจากผู้เป็นพ่อ และเจ้านายที่เอ็นดูเหมือนลูกสาวแท้ ๆ
“ครับนายเหมือง”
“งั้น...ก็จบเรื่องแค่นี้ ไปเถอะ เออสนั่น เห็นอะไรในรูปสองใบนี้หรือเปล่า” นายเหมืองใหญ่ลังเลที่จะถามก่อนที่ลูกน้องจะก้าวพ้นประตู
“ครับนายเหมือง หมายความว่ายังไง” เกิดความฉงนในใจของชายสองคนซึ่งต่างอารมณ์ รอยยิ้มของนายเหมืองทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
“ไม่มีอะไรหรอก นายไปทำงานต่อได้แล้ว” นายเหมืองใหญ่รวบรูปภาพขึ้นมาถือ สายตาเพ่งมองสองภาพสลับกัน รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก
มันเป็นภาพของคนสองวัยที่ถ่ายไว้ต่างเวลากัน ความเปลี่ยนแปลงระหว่างเวลาไม่มากนักยังมีเค้าโครงเดิมให้เห็นเป็นการยืนยันถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่างชีวิต
“มันจริงอย่างที่ลูกว่า ขอให้คุณพระคุ้มครองลูกด้วยเถิด” ภาพถ่ายของลูกชายถูกเก็บเข้าลิ้นชัก ก่อนที่นายเหมืองใหญ่จะเดินกลับยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพของคนงานที่กำลังเดินกันควักไขว่เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เป็นภาพเจนตาเขามากว่าสามสิบปี การดูแลคนงานกว่าห้าร้อยกว่าคนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ยากสำหรับคนดี ๆ อย่างนายเหมืองโฆษะ
********************
“สิมา จะซ้อมหนักไปไหนอะ พักบ้างเถอะ” เสียงโอดครวญของชายหนุ่มวัยเดียวกันดังเข้ามา หลังจากที่ยืนมองหญิงสาวซ้อมเตะกระสอบทรายอย่างเอาเป็นเอาตาย
“จะเตรียมตัวไปแข่งโอลิมบิกหรือไง พักได้แล้ว” เขาเพิ่มน้ำเสียงขึ้นเมื่อเห็นว่ายังไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสาว ชายหนุ่มฝืนตัวเองเดินอ้อมเข้ามาใกล้ ๆ กลิ่นเหงื่อจาง ๆ โชยมารู้สึกคุ้นชินกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มีอะไรเหรอศิลา เข้ามาใกล้ ๆ เดี๋ยวเจอลูกหลง” หญิงสาวกอดกระสอบทรายดันตัวเองเอาไว้ก่อนที่จะลอยไปกระทบหน้าชายหนุ่ม ทั้งสองอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน สนั่นเลี้ยงศิลามากับสิมา ทั้งคู่จึงมีความสนิทสนมกันมาก
“พ่อให้มาตาม พักก่อนเถอะ” ศิลาหันมองรอบ ๆ โรงยิม วันนี้ดูคึกคักกว่าทุก ๆ วัน คนงานต่างก็ให้ความสนใจในการเข้ามาฝึกซ้อมเตรียมพละกำลังกันอย่างพร้อมเพรียง
“มีเรื่องอะไรป่ะ” หญิงสาวหันมาถาม ร่างของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อพราว บนใบหน้ามีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเป็นเม็ดเล็ก ๆ เพิ่มเสน่ห์หญิงสาวให้ชวนมองยิ่งนัก
“ไม่รู้ดิ ไปถามเอง คงสำคัญมั้งถึงให้ตาม แล้วนี่จะออกรบกันหรือไงทำไมเตรียมซ้อมใหญ่ขนาดนี้” เสียงการซ้อมที่ชายฉกรรจ์กำลังง้วนอยู่กับการประลองฝีมือ ส่งเสียงฮึกเหิมแปลก ๆ
“พูดมาก มีอะไรหรือเปล่าทำไมพ่อไม่เข้ามาซ้อมด้วยล่ะ” หญิงสาวคว้าผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อเพียงเบา ๆ ความเป็นสตรีเพศยังคงมีอยู่ในตัวแม้เธอจะชอบกีฬาหมัดมวย
“ทำตัวหญิง ๆ ก็เป็นเหมือนกันนี่พี่สาวเรา”
“ศิลา อย่ามาเรื่องมากกะฉัน ไปสิ นำไปเลย พ่ออยู่ไหน” สิมาดันหลังชายหนุ่มไปด้านหน้าจนหัวคะมำ ความสนิทสนมของสองคนเปรียบเสมือนพี่น้องคลานตามกันมา ศิลาเป็นอีกคนที่นายเหมืองใหญ่นำมาเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนกับสิมาหลังจากที่โฆษิตเดินทางไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ที่มาของเด็กชายในวันนั้นไม่มีใครรู้ ทุกอย่างสำหรับตัวของศิลาเป็นความลับซึ่งมีเพียงสนั่นคนเดียวเท่านั้นที่รู้ และเลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี
“ศิลา วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ มาเสนอหน้าแต่หัววัน” ศิลายังเรียนหนังสืออยู่ในตัวเมืองซึ่งทุกครั้งเขาจะกลับบ้านค่อนข้างมืด แต่ความปลอดภัยของคนในเมืองช่วงนี้นายเหมืองใหญ่สั่งให้ระวังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นคนในระดับไหนก็ล้วนแต่ได้รับความดูแลเท่า ๆ กัน
“วันนี้หยุดหนึ่งวัน ไม่รู้เหรอ ทำแต่งานถึงไม่รู้เรื่องอะไร แล้วเดี๋ยวทุ่มหนึ่งนายเหมืองสั่งให้ประชุมพร้อมหน้าทุกคนด้วยนะ” ชายหนุ่มยื่นหน้าทำเป็นอวดรู้เป็นการยอกเย้าตามประสาวัยคะนอง
“ศิลา บอกกี่ครั้งแล้วอย่าทำหน้าทะลึ่งใส่ฉันอีก เดี๋ยวโดนเตะไม่รู้ด้วยนะ หยุดทำไมไม่มาซ้อม นายเหมืองใหญ่สั่งไว้จำไม่ได้หรือไงว่าต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม” เสียงสาวต่อว่าเสียงสูง วินัยของคนในเมืองเป็นหัวใจสำคัญในการอยู่ร่วมกัน เพราะคนหมู่มากหากต่างก็ทำตามใจตัวเองก็จะเสียการปกครองได้
“พร้อมเพื่ออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ชายหนุ่มยังมีคำถามตามมาเสมอ
“ศิลา การตั้งคำถามเป็นเรื่องดีนะ แต่เราจะตั้งคำถามสำหรับทุก ๆ เรื่องมันไม่เหมาะรู้ไหม” หญิงสาวปรามน้องชายอย่างเอ็นดู
“รู้แล้วครับ แล้วสิมาจะเครียดไปไหนอะ แค่นี้เองไม่เห็นต้องเครียด”
“ฉันเปล่าเครียด อย่ามาใส่ความกันนะ ถามว่าทำไมไม่มาซ้อมยังไม่ได้ตอบเลย”
“โห เจอครูระเบียบเข้าสิงอีกคนแหระ พ่อให้ไปช่วยงานในออฟฟิศ ฉันต้องไปทำเอกสาร ฉันก็มีความสามารถเหมือนคนอื่น ๆ เขานะ ถึงจะเรียนไม่เก่งก็ตาม” ชายหนุ่มลอยหน้าตอบส่งเดช
“อย่างศิลาเนี่ยนะไปเรียนรู้เรื่องเอกสาร โม้นะสิไม่ว่า” สิมาไม่ค่อยสนใจกับงานนั่งโต๊ะ ถึงแม้จะเข้าไปช่วยงานในออฟฟิศช่วงกลางวัน แต่งานออกภาคสนามเป็นงานที่เธอคิดว่าเหมาะกับตัวเองที่สุด
“ไม่ได้โม้ เรื่องที่ว่าไม่ใช่แค่เสมียนหรอกนะ แต่นายเหมืองใหญ่ให้ฉันเรียนรู้เรื่องการตรวจเอกสารอาญาบัตรประมูลสายแร่ เท่ห์ระเบิดรู้ไว้ด้วย ได้แต่งตัวหล่อ ๆ เก๊กหน้าเป็นรู้เรื่องทุกอย่าง งานแบบนี้ศิลาชอบ”
“แล้วรู้ทุกเรื่องไหม รู้หรือเปล่าว่าเขาซื้อขายกันยังไง” หญิงสาวนึกขำที่ชายหนุ่มผยองในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้
“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่อีกเดี๋ยวก็รู้ เพราะนายเหมืองอยากให้ศิลาเรียนรู้เรื่องงานกับท่านเอง เป็นไง เท่ห์ไหมล่ะ” เมื่อนึกถึงภาพที่จะต้องเดินเคียงกับนายเหมืองใหญ่ไปในที่ต่าง ๆ เพื่อเสนอการประมูลแร่ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มลำพอง ความฝันของเขาในยามนี้เพียงแค่เป็นจุดสนใจของสาว ๆ ซึ่งก็เป็นความปรารถนาที่แรงกล้าสำหรับวัยแตกเนื้อหนุ่ม
“ถามจริง ๆ อยากเรียนรู้งาน หรือว่าอยากแต่งตัวอวดสาว ๆ กันแน่” หญิงสาวรู้ทัน
“ทั้งสองอย่าง และถ้าทำได้รับรองเลย สาว ๆ ตรึม”
“เกรงแต่ว่า ตรีนจะมาตรึมอะดิ รู้ไว้ด้วยว่าศิลาทำตัวเป็นจุดสนใจมากเท่าไหร่ศัตรูก็เยอะเป็นเงาตามตัว ฉันขี้เกียจตามไปช่วยอะ” สิมาส่ายหัวไปมา เรื่องราววีรกรรมของศิลาในวัยแตกเนื้อหนุ่มมีมากจนแทบจำไม่ไหว หลัก ๆ ก็เห็นแต่จะเป็นเรื่องชิงรักหักสวาท ลงท้ายด้วยการยกพวกตีกัน แต่ความรักเล็ก ๆ ของชายหนุ่มก็มักจะเกิดขึ้นเสมอทุกครั้งที่เจอสาวงามถูกใจ
“โห นั่นมันช่วงวัยรุ่น ตอนนี้ไม่มีแล้ว เชื่อดิ ช่วงนี้สาระล้วน ๆ สิมาเดินเร็วหน่อยดิ ท่าทางพ่อจะรีบนะ” เมื่อรู้ว่าตัวเองออกจะโม้เกินไปแล้ว ศิลารีบเปลี่ยนเรื่องปรับสีหน้าเคร่งครึมเพราะใกล้จะถึงบ้าน หญิงสาวหันมองหน้าอย่างรู้ทัน สายสัมพันธ์ระหว่างสองคนไม่ต่างจากพี่น้องที่สนิทสนมรู้ใจมาแต่เยาว์วัย ต่างก็รู้ทันในสิ่งที่คิด
“พ่อเครียดไปไหมช่วงนี้ ศิลาทำอะไรให้พ่อไม่สบายใจหรือเปล่า” หญิงสาวนึกระแวง
“อ้าว ไหงเป็นงั้นอะ ไม่เกี่ยวกะศิลาเลยนะ พ่อก็เป็นของพ่อแบบนี้แหระ เคยมีเหรอที่จะมายิ้ม มาหัวเราะกะเราอะ มาโยนความผิดให้กันได้ยังไง” ศิลาตัดพ้อเสียงดัง
“ไม่ได้โยน ร้อนตัวไปป่ะ แค่ถามดู นึกว่าไปสร้างปัญหาทำใครท้องจนพ่อต้องเครียดไปอีกคน”
“ไม่เอาน่า เรื่องอย่างว่าศิลาไปเอาหรอก กลัว ศิลาก็เป็นลูกไม่มีพ่อมีแม่มาคนแล้วไม่กล้าทำใครเขาท้องหรอกน่าไม่เอานะ ไม่พูดแบบนี้อีกนะ” ศิลาเปราะบางมากเรื่องของครอบครัว เขาเข้ามาอยู่ในเหมืองโฆษะวาฤทธิ์เมื่อวัยสิบขวบ จำเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองได้ดี เขาไม่ต้องการพูดถึงมัน อดีตที่ผ่านมาเลวร้ายแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มฝันที่คว้ามันมาเป็นของกำนัลให้กับชีวิต
“ล้อเล่นนะ ไหนอะพ่อไปไหนแล้ว ไม่เห็นมีใครในบ้าน” บ้านหลังเล็กท้ายเหมืองดูอบอุ่น กลิ่นอายความรักฟุ้งกระจายอยู่ทั่วบริเวณ สนั่นถึงจะดูเคร่งครึมจริงจังกับชีวิต แต่กับลูกสาวแล้วเขารักเธอดั่งแก้วตาดวงใจ ความรักทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปจากชีวิตได้เป็นอย่างดี เขาเป็นทั้งพ่อ และแม่ในเวลาเดียวกัน ถึงไม่ดีที่สุดแต่ก็ดีมากสำหรับสิมา
“กลับมากันแล้วเหรอ ศิลาไปอาบน้ำไป เดี๋ยวมากินข้าวด้วยกัน” สนั่นสั่งการก่อนที่ลูก ๆ จะได้ตั้งคำถาม
“อ้าวพ่อ แล้วสิมาไม่ให้ไปอาบก่อนล่ะ ศิลายังไม่อยากอาบตอนนี้” ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกันออกไปจากวงสนทนา
“ศิลา ไปอาบน้ำ ทำไมถึงชอบมีคำถามอยู่เรื่อยนะเราเนี่ย” สนั่นรู้ว่าศิลามักจะหาข้ออ้าง ถึงจะไม่ใช่การเลือกที่รักมักที่ชังแต่ชายหนุ่มก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ความรู้สึกขาดในบางช่วงเวลาจึงแสดงกิริยาออกไปโดยที่ไม่ทันระวัง
“ครับพ่อ อาบก็อาบ แต่สิมาอาบช้าจะตาย พอ...ศิลา” เขายังตัดพ้อในคำสั่ง แววตาเว้าวอน
“นายศิลา จะไปอาบดี ๆ หรือว่าจะไปอาบทั้งน้ำตา” หญิงสาวนึกขำท่าทางของน้องชายจึงขู่สำทับ
“โอเค ไปอาบแล้ว รู้แล้วว่ามีเรื่องต้องคุยกัน ไปละ” ศิลาเดินเร็วหายเข้าไปในบ้าน สนั่นมองตามยิ้ม ๆ จนชายหนุ่มลับตาไป
“พ่อมีอะไรเหรอ ทำไมไม่อยากให้ศิลารู้” หญิงสาวรู้ทันในความหมายที่ผู้เป็นพ่อกระทำ ไม่มีอะไรที่เธอไม่สามารถอ่านใจของพ่อได้
“พ่อมีเรื่องอยากจะบอก โฆษิตจะกลับมาในอาทิตย์หน้า”
“อะไรนะพ่อ โฆษิตจะกลับมาเหรอ ไม่เห็นบอกสิมาเลย” หญิงสาวดีใจจนลืมตัว กระโดดกอดผู้พ่อจนแทบจะล้มไปด้วยกัน สนั่นได้แต่ดันตัวสิมาออกเพื่อยัดตัวยืนให้มั่นคง
ความผูกพันที่เฝ้ารอคอยกำลังจะกลับมาสู่อ้อมกอดของกัน และกันแล้ว จะมีอะไรทำให้เธอดีใจเท่า คนที่ห่วงหากำลังกลับมาพบหน้าให้คลายความคิดถึง
จบตอน
ผลงานอื่นๆ ของ แพรกมน ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ แพรกมน
ความคิดเห็น