เริ่มต้นด้วยร้าย ลงท้ายที่เรา - เริ่มต้นด้วยร้าย ลงท้ายที่เรา นิยาย เริ่มต้นด้วยร้าย ลงท้ายที่เรา : Dek-D.com - Writer

    เริ่มต้นด้วยร้าย ลงท้ายที่เรา

    กะอีแค่ผู้หญิงธรรมดา ที่ชอบเถียงผมเวลาเจอหน้า เฮอะ! ไม่เห็นจะอยากรักเลย -*-

    ผู้เข้าชมรวม

    1,697

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    1.69K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ค. 55 / 10:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     +: Talk :+

    ฉลองเปิดเทอมพรุ่งนี้ -.,- จึงเอาเรื่องนี้มาให้อ่านกัน เป็นเรื่องสั้นที่เขียนไว้นานแล้วจ้ะ ส่งไปกองเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ผ่าน T^T เพราะเรื่องนี้พระเอกไม่หล่อไม่รวย นางเอกก็หน้าตาธรรมดา ฐานะปานกลาง เน้นไปทางรักใสๆ พบเห็นง่ายตามโรงเรียนมากกว่า :D ไม่มีปมปัญหาให้ปวดหัว เป็นเรื่องสั้นอ่านต้อนรับเปิดเทอมจ้า ><

    คิดถึงนักอ่านทุกคนมากๆ T T อยากอัพนิยายที่รีไรท์ไปแล้วหน่อยนึงให้อ่านเหมือนกัน แต่ไหนๆ ก็เสียสละเวลาให้ฝนมาแล้ว ก็จะขอใช้เวลาให้คุ้มค่าจ้า ^^

     

    ปล.ไม่รู้ว่าใครเปิดเทอมวันไหน แต่ขอให้เป็นเปิดเทอมใหม่ที่แสนสดใส มีความสุขมากๆ นะค่ะ J

     

    ขอบคุณธีมสวยๆ จาก
    Free Theme Mouse ❥Season II


    +❥ Free theme mouse.naru
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นี่นาย! แซงคิวได้ไง ออกไปนะ!!!”

      เรื่องดิ คนหิวนะเว้ย เธอต่างหากมีน้ำใจเสียสละให้เพื่อนร่วมโลกบ้าง

      ฉันน่ะมีน้ำใจ แต่ไม่ใช่กับไอ้แซงคิวอย่างนาย ผมชักอารมณ์บ่จอยแล้วนะข้าวเช้าก็ไม่ได้กิน พอแซงมากินข้าวกลางวันหน่อย ก็ดันมียัยผู้หญิงคนนี้มาด่าได้ - -+

      ผมหันหลังไปมองยัยนั่นอย่างเอาเรื่อง หน้าตาก็ไม่เห็นจะน่ารักเลย ธรรมดาโคตรๆ ผมบ็อบสีดำตามกฎของโรงเรียน ติดกิ๊บเก็บผมหน้าเรียบร้อยเผยให้เห็นหน้าผากเถิกๆ ที่มีจุดด่างดำใกล้จาง ใส่แว่น แถมยังเป็นนักเรียนม.4 รุ่นเดียวกันด้วย

      เฮ้ยๆ ผมอยู่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่ม.1 แล้วนะ ยัยนี่มันก็ต้องเคารพคนที่อยู่ก่อนอย่างผมสิ -^-+ (โรงเรียนผมมอต้นเป็นนักเรียนชายล้วน ส่วนมอปลายเขาก็จะรับนักเรียนใหม่เข้ามา)

      ฉันอยู่ที่นี่ก่อนเธอตั้งสามปีนะ เคารพกันมั่งสิ

      นายไม่ใช่ญาติฉันซะหน่อย ทำไมฉันต้องเคารพด้วย!”

      ไม่เอาน่ามด ให้เขาแซงไปเถอะ เพื่อนที่อยู่ข้างหลังยัยนั่นจับแขนเอาไว้ พร้อมกับปรามให้เธอหยุด มดเหรอ...มิน่าล่ะ แสบซะไม่มี

      แต่...

      แกอยากโดนหักคะแนนความประพฤติเหรอ - -

      -*-

      ยัยมดคันไฟทำหน้างุม พร้อมกับเดินออกนอกแถวไป เป็นจังหวะเดียวกันที่ป้าแม่ครัวถามว่าผมจะเอากับข้าวอะไร หิวเว้ยหิว เอาหมดเลยได้ไหมป้า ><! ผมตะโกนก้องอยู่ในใจอย่างหิวกระหาย แต่ก็ห้ามปากบอกว่าเอาแค่ยำหนวดหมึก กับหมูทอด ก่อนจะเดินไปนั่งที่ และสวาปามทันทีโดยไม่รอใคร สักพักเพื่อนผมก็มา

      กล้ามากเลยนะครับคุณเพื่อนเค เถียงกับยัยนั่นน่ะ

      “’ง่ำๆๆๆ -)O(-”

      ฟังกูอยู่หรือเปล่าครับคุณเพื่อน -_-^”

      ฟังอยู่

      ผมตอบไอ้เรนิว เพื่อนร่วมก็วนที่สนิทที่สุดตั้งแต่อยู่มอหนึ่ง เมื่อเคี้ยวข้าวในปากหมดแล้ว ก่อนจะจัดการรวบช้อนส้อม และคว้าขวดน้ำไอ้ยูกิ เพื่อนอีกคนมาดูด

      น้ำกูไอ้สาด~”

      ไอ้ยูกิตบหัวผมจังเบ้อเร้อ เมื่อผมแย่งดูดน้ำมันหมด ผมลูบหัวป้อยๆ ด้วยความเจ็บ มือหนักชิบไอ้เวรนี้  - -*

      กะอีแค่ยัยมดคันไฟตัวเดียว ทำไมมึงถึงได้กลัวนักหนาว่ะ

      ไม่ให้กลัวได้ไงล่ะครับคุณเพื่อน

      ก็ยัยนั้นน่ะ ปากจัดจะตาย

      ผมมองหน้าไอ้เรนิว สลับกับไอ้ยูกิด้วยความงง ทำไมพวกมันสองตัวต้องแบ่งท่อนกันพูดด้วยวะ =_=

      ตอนงานปฐมนิเทศ เพื่อนกูคนหนึ่งมันเข้าไปจีบ เพราะคิดว่าจีบง่ายอ่ะนะ พอบอกว่าขอเบอร์เท่านั้นแหละ ยัยนั่นก็สวนกลับมาว่า...

      191 พ่อเคลียร์อยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง โทรไปดิ - -*

      แล้วแค่นั้นเพื่อนมึงก็เถียงกลับไม่ได้ ถ้าเป็นกูนะบอกไปแล้ว...พ่อทำงานอยู่ที่กรมตำรวจ หรือ 7-11 กันแน่ ถึงได้เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง -O-”

      ผมพูดพลางหันหัวไปมองยัยคันไฟ ที่นั่งอยู่โต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง อย่างเซ็งๆ มีเพื่อนด้วยเหรอ ปากจัดอย่างยัยนั่น แถมเพื่อนเยอะซะด้วย เจ็ดคนเห็นจะได้มั้ง เวลาคุยก็ดูมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใสเชียว ทีเมื่อกี้ทำเป็นเก๊กท่า ด่าอยู่ได้

      เฮ้ย! กูขึ้นห้องแล้วนะ บายว่ะ

      ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่อาคารเรียนตัวเองทันที สวนกับยัยคันไฟนั่นชนิดว่าฉิวเฉียด เพราะยัยนั่นก็ลุกขึ้นมาเหมือนกัน อย่าเจอะอย่าเจอกันอีกนะ ยัยแสบ - -*

      อ๋อใช่ลืมบอก! ผมชื่อเค เรียนสายวิทย์ - เกษตร มีเพื่อนสนิทสองคนคือไอ้เรวิน กับไอ้ยูกิ ครอบครัวผมเป็นครอบครัวเล็กๆ แม่เปิดร้านอาหาร พ่อทำงานบริษัท น้องสาวอยู่ป.3 การเรียนของผมก็ไม่ได้เก๊มาก สอบได้ที่236จากการสอบเข้าของโรงเรียน ในขณะที่ไอ้เรวินกับไอ้ยูกิสอบได้ที่สี่ร้อยกว่า =_=;

      อนาคตผมว่าจะทำงานราชการอยู่ที่กรมเกษตรฯ มีครอบครัวเล็กๆ กับผู้หญิงที่ผมรัก มีลูกที่น่ารักจะชายหรือหญิงก็ได้ไม่เกี่ยง ขออย่างเดียว...อย่ามีนิสัยเหมือนยัยแสบนั่นก็พอ

      แล้วทำไมผมต้องเอายัยมดคันไฟนั่นมาเกี่ยวด้วย >O<!

      กรี๊ง~!!!

      เสียงกริ๊งหมดคาบสุดท้ายดังขึ้น ผมเก็บหนังสือเรียนใส่ใต้โต๊ะ อีกส่วนหนึ่งที่อาจารย์สั่งเป็นการบ้านก็เอาใส่กระเป๋านักเรียน ก่อนจะแบกมันขึ้นบ่า และออกไปนอกห้อง เพื่อตรงไปห้องห้า ที่ไอ้เรวินกับไอ้ยูกิอยู่

      มารับแล้วมด

      แปบนึงเหมียว จะเสร็จแล้ว

      ก็วนเพื่อนของยัยแสบมายืนอออยู่ที่หน้าห้องเจ็ดเต็มไปหมด เรียกว่าปิดทางเดินไปห้องห้าเลยก็ว่าได้ ผมหยุดรอเพื่อให้ช้างโคลงนี้ออกไป แต่ไม่มีทีท่าว่าจะไปเลยว่ะ -*-

      เฮ้ย! มด...เร็วๆ ไอ้เมจิมันรอนานแล้วนะเว้ย -O-+”

      ใช่ๆ เดี๋ยวมันก็อกแตกตายอยู่หน้าโรงเรียน เพราะเจอผู้ชายหรอก

      เสร็จแล้วๆ

      พอเจอประโยคนั่นเข้า ยัยแสบก็รีบวิ่งออกมาหน้าตาตื่น พร้อมกับเดินไปเกาะแขนเพื่อนอย่างขี้อ้อน และในที่สุดช้างโคลงนี้ก็ออกไปสักที เฮ้อ...

      ตะล้าๆ ไอเลิฟยู

      ทันทีที่ผมยกเท้าเพื่อเดินต่อไป ก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมา ผมก้มหน้าลงพร้อมกับยกเท้าขึ้น ก็เจอที่ห้อยโทรศัพท์ตุ๊กตาเขียวๆ แถมตาเหล่อยู่ใต้เท้า พอผมก้มลงไปหยิบแล้วบีบท้องมัน มันก็จะมีเสียงว่า

      ตะล้าๆ ไอเลิฟยู

      ใครช่างทำตกว่ะ หน้าตาตุ๊กตากวนส้นตีนได้ใจชิบหายเลย ชักอยากได้แล้วสิ แต่ถ้าเกิดว่ามันมีเจ้าของ? เราก็จะผิดศีลข้อสอง อะทินนาทานา เวรมะณีสิขาปะทังสะมาทิยามิฯ ว่าด้วยการไม่ขโมยของผู้อื่น งั้นก็ต้องหาเจ้าของดูก่อน

      หันซ้าย (  - -) ไม่เจออะไรนอกจากระเบียง

      หันขวา (- -  ) คนในห้องไม่มีใครโวยวายว่าทำที่ห้อยมือถือหาย

      ก้มมองตุ๊กตาในมือ (. .)

      เสร็จกู ^^! (เด็กดีไม่ควรเลียนแบบอย่างยิ่ง -.-)


       

      เช้าวันต่อมา

      ทันทีที่ผมมาถึงโรงเรียนในตอนเช้า ครูฝ่ายปกครองสุดโหดก็เรียกตัวผมมาคุยทันที อย่าบอกนะว่าไอ้ที่ห้อยมือถือนั้นเป็นของอาจารย์!!!

      ครูจะให้ผมนำร้องเพลงชาติเหรอครับ O_o!”

      ใช่ บังเอิญว่าคนเมื่อวานเขาไม่อยากทำแล้วน่ะ ครูก็ไม่ค่อยชอบคนไม่รับผิดชอบด้วย เธอทำนะเค

      ครูแกมองหน้าผม เหมือนกับฝากความหวังไว้ทั้งชีวิต ตาย! ถ้าปฏิเสธอาจารย์แกโดนฆ่าทิ้งแน่ สงสัยมีคำเดียวที่พูดได้ตอนนี้...

      ครับครู ^-^;”

      ครืด~

      ครูเรียกหนูมามีเรื่องอะไรเหรอค่ะ?”

      เสียงหวานๆ ตามหลังเสียงเลื่อนประตูมาอย่างเร็ว ผมหันหน้าไปมองกะว่าต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากแน่ๆ แต่ผิดคาด...มันดันเป็นยัยแสบนั่นอ่ะ -[]-! ยัยคันไฟเห็นผมแล้วก็อึ้งๆ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ และคุยธุระกับอาจารย์

      เธอเคยนำสวดมนต์ตอนอยู่โรงเรียนเก่าใช่ไหม?”

      ค่ะ

      งั้นก็ดีเลย นำสวดมนต์ทีสิ แว้ก!!! ผมร้องเพลงชาติ แล้วให้ยัยแสบสวดเหรอ ไม่เอานะเว้ย!!! ส่งกระแสจิตไม่สวด ไม่รับ -/\-

      ...ก็ได้ค่ะโชคร้ายชิบหาย T^T

      บทสวดก็เหมือนกับที่โรงเรียนเก่าเธอ ฝากด้วยแล้วกัน เธอก็ด้วยนะเค นำร้องเพลงชาติดีๆ ล่ะ

      ครับ T_T”

      เจ็ดโมงสิบห้า เจอกันที่ห้องเสียงนะ เชิญ

      อาจารย์แกเชิญผมกับยัยแสบออกไปข้างนอก ด้วยความยินดีปรีดาที่หาตัวแทนได้แล้ว ส่วนผมนะเหรอ ถ้าไม่ใช่ยัยนี่ยังจะดีใจกว่านี้อีก!

      นายร้องเพลงชาติงั้นเหรอ!?!”

      แล้วคิดว่าฉันร้องโเปร่าตอนแปดโมงหรือไง!?!”

      “ถ้านายร้องโอเปร่าจริง ฉันจะตบหัวนาย -_-+++”

      เฮอะ! หน้าเธอก็...นะ สมควรนำสวดจริงๆ ไปโกนหัวแล้วบวชชี ยังจะดีกว่าเรียนที่นี่ตั้งเยอะ

      อะ...ไอ้บ้า! ไอ้เลว! จะด่าฉันว่าแก่เหรอ o[]O!”

      หรือมันไม่จริงล่ะครับ แม่ชี ^_^++”

      มาต่อยกับฉันเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้บ้า >O<!”

      ผมสะใจว่ะ เวลาที่เห็นยัยนั่นเถียงไม่ได้ มันรู้สึกสบายใจยังไงไม่รู้เวลาที่เถียงกับยัยนี่ เอ๊ะ...นี่ผมแอบจิตเปล่าเนี่ย -_-;;;

      พวกเราเถียงกันไปเถียงกันมา จนเดินมาถึงห้องเสียง เลยนั่งเถียงต่อไป จนกระทั่งเวลา 08.00 น.

      เตรียมตัวเคารพธงชาติ นักเรียนทั้งหมด แถวตรง! ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย~”

      เก๊ก!”

      ยัยนั่นกระแหนมกระแหนะผม สีหน้า...ได้ใจมาก~! ส่วนไอ้คนคุมเครื่องเสียง ก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ สงสัยจะไปจ้วงอุจจาระกินในส้วมแล้วมั้ง หายไปตั้งเป็นชาติ! (ขออภัยสำหรับผู้ที่กำลังรับประทานอาหาร)

      ฉันเก๊กแล้วไม อย่างน้อยเสียงฉันก็ต้องดีกว่าเธอแหง่มๆ

      ฟังฉันสวดก่อนเถอะ แล้วอย่ามาร้องไห้แล้วกัน

      จะสวดประมาณว่า อะระหัง ฮือๆๆ สัมมา ฮือๆๆ สัม แงๆ พุธโธภะคะ ฮึก วาเหรอ - -^^”

      ฉันไม่ได้สวดไปร้องไห้ไปย่ะ =_=^^”

      ยัยแสบมองผมอย่างแค้นๆ ก่อนจะคว้าไมค์จากมือผมมาเตรียมสวด ผมหมั่นไส้ก็เลยออกไปรอข้างนอก ใกล้ๆ ลำโพงจะได้ฟังเสียงยัยแสบชัดหน่อย เวลาติจะได้เอาให้กระจุย ฮ่าๆๆ

      นักเรียนทั้งหมดพนมมือ...อะระหังสัมมา สัมพุทธโธภะคะวา

      ฮะ...เฮ้ย! ยัยนี่แอบเปลี่ยนให้คนมาสวดแทนเปล่า ทำไมเสียงมันคนละเรื่องกันแบบนี้ล่ะ ผมมองกลับเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่ายัยนั่นเป็นคนสวดแน่ๆ ไม่ได้ตาฟาด แถมสีหน้าก็...จริงจังสุดๆ หนังสือสวดมนต์ก็ไม่มีแต่ท่องปร๋อ ไม่ผิดด้วย นานเท่าไรไม่รู้ ยัยนั่นถึงได้สวดจบ เธอหันมามองผม และยิ้มออกมาน่ารักมาก

      ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก~!

      ใจผมกำลังเต้นรัว เมื่อเห็นเธอเดินมาตรงนี่ ปกติใจเจ้ากรรมมันจะชอบเต้นอย่างนี้เวลาเจอผู้หญิงที่ตรงสเป็ค แต่ทำไม...ทำไมถึงได้ใจเต้นกับยัยนี่ล่ะ!

      เป็นไงเสียงฉัน เพราะกว่านายตั้งเยอะ

      เพราะ...เพราะอะไรถึงได้สวดต่างหาก ฉันล่ะสงสารคนฟังจริงๆ ให้ตายเถอะ

      อย่ามาว่าหน่อยเลย ฉันเห็นนายฟังฉันสวด ไม่ปิดหูเลย เนี่ยนะเหรอไม่เพราะ

      เอ่อ...ก็ฉันอยากจะ...มีวิบากกรรมร่วมกับนักเรียนอื่น จะให้ฉันปิดหูคนเดียวก็ยังไงอยู่อะเนอะ

      เรื่องอะไรผมจะยอมรับว่าฟังยัยคันไฟสวดตลอด ไม่มีทาง! ผมเกิดความขัดแย้งขึ้นในใจอย่างไม่มีเหตุผล ผมเป็นคนปากไม่ตรงกับใจตั้งแต่เมื่อไร ทั้งๆ ที่ยัยคันไฟนี่ก็สวดเพราะ น้ำเสียงของเธอสามารถสะกดคนฟังให้เคลิ้มได้เลยล่ะ เฮ้ย! จะไปชมยัยนี่ทำพระติ่งอะไรว่ะกู

      หมดหน้าที่ฉันแล้วซินะ ขอตัวล่ะ

      เดี๋ยวซินาย โอ๊ะ!”

      หืม...เหวอ O_o!!!” ผมหันหลังไป ว่าจะกวนประสาทยัยคันไฟเรื่องที่เรียกผม แต่กลายเป็นว่าผมเห็นยัยนี่กำลังโน้มตัวมา!!!

      ปึก!!! โครม!!! เพล้ง!!!

      เกิดความชุลมุนขนาดย่อมขึ้น เมื่อผมดันตั้งตัวไม่ทัน ล้มลงไปเมื่อยัยคันไฟล้มมาโดน แถมพอล้มลงไปปุ๊บ หัวของผมก็ดันไปโขกกับพื้นทันที จะได้เย็บเปล่าฟะ เจ็บชิบหายเลย!

      โอ๊ย~ เจ็บๆๆ ><!”

      ฉันต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น โอ๊ย! หัวกู T_T!” แล้วดูยัยซุ่มซ่ามตัวต้นเหตุสิ ลูบหัวตัวเองไปมา ทั้งๆ ที่ล้มมาโดนอกผมเนี่ยนะ! อกไม่ได้เสริมใยหินซะหน่อย เวลาโดนแล้วมันจะได้เจ็บ เหมือนที่หัวผมไปโขกพื้น!!!

      เรียกทำไมว่ะ!?!”

      นายอย่ามาตะคอกใส่หน้าฉันนะ L


      ยัยคันไฟมองผมอย่างเอาเรื่อง พร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่...หน้ายัยนี่เวลาไม่ได้ใส่แว่นก็...ก็โอเคดีว่ะ -///- ตาขาวเนี่ยใส๋แจ๋วเลย ส่วนตาดำก็โตยังกับคนใส่บิ๊กอายส์ ตอนใส่แว่นไป ตามันจะดูโตผิดปกติ ส่วนตอนนี้ตาเล็กเข้ากับโครงหน้าเลย

      มองอะไร!!”

      มอง...มองว่าเมื่อไรเธอจะลุก หนัก!!!”

      ผมระงับความคิดตัวเองที่จะชมตายัยนี่ พร้อมกับมองไปที่ตัวยัยคันไฟ ซึ่งทับผมอยู่ไม่ยอมลุก เธอมองตามตาผม ก่อนจะลุกขึ้นยืนและปัดกระโปรงสีกรมท่าของตัวเอง ผมก็เลยลุกขึ้นและปัดกางเกงสีกากีของผมบ้าง

      ขอโทษแล้วกันที่ฉันทำนายเจ็บ ฉันแค่อยากจะถามชื่อเอง เรียกนายๆๆๆ มันกระดากปาก

      ฉันชื่อเค

      เค...ชื่อยังกับพระเอกในการ์ตูนเอสเอเลย

      เธอดูเรื่องวัยมันส์คนพันธุ์เอด้วยเหรอ?” ผมถามด้วยความสงสัย ปกติการ์ตูนเรื่องนี้ถ้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้จริงๆ ไม่รู้จักกันหรอก  ผมก็ไม่รู้จัก...แต่ไอ้ยูกิดูแล้วมาเล่าทุกตอน จนตอนนี้มันซึมซับไปอยู่ในหัวแหละ =_=;;

      ดูสิ ฉันชอบจะตาย

      ชอบจนตายเลยใช่ไหม ^^?”

      - -* ฉันกลับห้องล่ะ ยัยนั่นทำคิ้วกระตุกนิดๆ และเดินหันหลังไปชนกับเสา! ซุ่มซ่ามได้สองรอบติด - -

      ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”

      เจ็บง่ะ ฮือๆๆ T3T” ผมจับยัยนั่นให้ลุกขึ้นมาอย่างเกร็งๆ ไม่เคยเข้าใกล้ตัวผู้หญิงคนไหนใกล้ขนาดนี้มาก่อน ขนาดคนที่ขอเบอร์ ผมยังไม่ใกล้ขนาดนี้เลย

      ทำไมมันมองอะไรไม่ชัดเลยอ่ะ @~@”

      ก็เธอลืมใส่แว่นนี่ เฮ้อ~” ผมบอก ทำให้ยัยนั่นเหมือนพึ่งนึกได้ ก็เลยเดินเข้าไปในห้องเสียง แต่ก็ออกมาเหมือนคนไม่เจออะไร ก่อนจะมองมาที่ผม และทำหน้าตาตื่นอย่างกับคนเห็นศพ

      วะ...แว่นฉัน O[]o/ /!!”

      ห๋า!” ผมมองตามมือที่ยัยนั่นชี้แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง พลางยกเท้าขึ้น วะ...แว่นยัยนั่นจริงๆ ด้วย แตกละเอียดเลย -[]-! กรรมแล้วไงกู

      อ๊ากกก~!!! แว่นช้านนน TT[]TT!!”



       

      แว่นฉันตัดมาตั้งพันกว่านะ แค่คำขอโทษคงไม่พอหรอก T_T^’

      แล้วจะให้ฉันทำยังไงเล่า หาตังค์มาพันหนึ่ง ให้ไปเธอตัดแว่นใหม่หรือไง!’

      เออ! นั่นแหละที่ฉันต้องการ!!’

      ผมหวนนึกถึงคำพูดเมื่อตอนเช้า พลางจับซากแว่น ที่พกกระเป๋ากลับบ้านมาด้วย

      เอาไงดีว่ะ! บอกแม่ว่าทำแว่นเพื่อนพัง ขอตังค์พันหนึ่งไปใช้คืนเหรอ? เหอะ...แม่คงได้เขกกะบาลหัว พร้อมกับเทศนาชุดใหญ่น่ะสิ -_-; หรือจะเอาไปคืนยัยนั่น แล้วบอกว่าบ้านยาจก ไม่มีจะกิน หาตังค์พันหนึ่งมาใช้ไม่ได้ อันนี้ยัยคันไฟคงได้วีนแตก พร้อมกับพาพ่อแม่มาหาเรื่องมากกว่า เฮ้อ~ จะเลือกทางไหน ก็มีแต่ผมเสียคนเดียวล่ะว่ะ

      อ๊ะ! ใช่...งานพิเศษ ทำประมาณสองสามเดือน เบิกเงินมาใช้ล่วงหน้า คงได้อยู่หรอก ความคิดเจ๋งเป๋งไปเลย ^^! ว่าแต่ที่ไหนดีน่า...ที่ไหนดีน่า? ที่ไหนมันรับเด็กอายุสิบห้าย่างสิบหกทำงานพิเศษ อืม...ใช่แล้ว! Sha la la Café แถวโรงเรียนไง มันติดป้ายรับสมัครเด็กเสิร์ฟอยู่นี่หว่า

      พอคิดได้แล้ว ผมก็เอาเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ แน่นอนว่าแม่ถามหาเหตุผลว่าทำไมผมถึงอยากไปทำงานพิเศษ ผมก็เลยตอบไปว่า อยากพิสูจน์กำลังของตัวเอง แล้วไม่อยากพึ่งพ่อแม่ นับว่าโชคยังช่วยที่แม่ยอมเชื่อคำโกหกของลูกชายคนนี้ แถมยังอวยพรซะดิบดีด้วย

      ขอโทษนะแม่...ใช้เงินยัยนั่นเสร็จเมื่อไร จะรีบมาบอกความจริงเลย T^T!


       

      เย็นวันต่อมา

      เมื่อเสียงกริ่งหมดเวลาเรียนดังปุ๊บ ผมก็รีบพาตัวเองมาเสนอหน้าอยู่ที่ Sha la la Café ทันทีพร้อมกับยื่นเอกสารต่างๆ ให้กับผู้จัดการร้าน ที่เป็นพี่ผู้ชายใส่ชุดนักศึกษา

      เอกสารครบ โอเค...ฉันรับเธอเข้าทำงาน

      ขอบคุณคร้าบ~ ผมเริ่มงานได้วันนี้เลยไหมครับ?”

      เฮ้ย! จะรีบร้อนไปไหน รีบใช้เงินเหรอ?”

      ก็แนวนั้นอ่ะพี่ บังเอิญว่า...

      เขาต้องหาเงินมาใช้ค่าแว่นหนูน่ะคะ - -^^”

      ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบดี ก็มีมารพจญอย่างยัยมดคันไฟโผล่มา แถมยังเป็นชุดเด็กเสิร์ฟของร้านนี้ซะด้วย อย่าบอกนะ...ว่ายัยนี้ก็มาทำงานพิเศษ โอ้โลกจ้า~ ช่วยเบี้ยวนิดนึงก็ได้ ขอทีเถอะ Y_Y

      อ้าว...งั้นคนนี้ก็คือไอ้จมูกบาน ที่ทำแว่นน้องมดพังล่ะสิ

      ก็แนวนั้นอ่ะคะพี่เชน

      อะ...ไอ้จมูกบานเหรอ? ฉุนเว้ยฉุน! ยัยนี้มานินทาผมลับหลังว่าจมูกบานได้ไงเนี่ย อีโธ่เอ้ย! ยัยเถิก - -+ ผมยังด่าในใจไม่ทันจบดี ไอ้พี่เชนบ้านั่นก็เดินมาตบไหล่ พร้อมกับทำหน้าตาซาบซึ้ง ยังกับญาติตัวเองถูกรางวัลที่หนึ่ง - -***

      แหม...ขอบใจน้องชายมากจริงๆ นะ พี่กำลังคิดอยู่เลยว่าทำยังไงจะให้น้องมดถอดแว่น เฮ้ย! เห็นด้วยกับพี่มั้ย เวลามดถอดแว่นน่ะดูดีนะ

      ตรงไหนอ่ะพี่ ผมยังไม่เห็นตรงไหนที่เขียนว่าดูดีเลย เอ๊ะ! หรือจะเป็นที่หน้าผากเถิกๆ นั้น โอ๊ยพี่! ผมเจ็บนะ

      บังอาจมาว่าน้องมด -__-!”

      ไอ้พี่เชนทำท่าจะตบหัวผมอีกรอบ ผมก็เลยรีบบึ้งออกมาเปลี่ยนชุด เตรียมทำงานทันที

      งานของที่นี่ก็ไม่มีอะไรมาก แค่รับออเดอร์ลูกค้า มาส่งให้ที่เคาน์เตอร์ เสิร์ฟ พอลูกค้าออกก็เก็บตังค์ เช็ดโต๊ะ เก็บแก้ว แล้วก็ช่วยเก็บร้านตอนร้านปิด แค่นั้นแหละ

      ยัยคันไฟพูดพร้อมกับเช็ดโต๊ะไปด้วยอย่างเร่งรีบ ผมก็ได้แต่ฟังและพยักหน้าหงึกๆ พลางสังเกตพนักงานคนอื่นในร้านไปด้วย ทุกคนทำอย่างที่ยัยนี่บอกจริงๆ ด้วยแฮะ ดูเหมือนจะเป็นงานสบายๆ ไม่มีอะไรมาก อ๊ะ! นั่นไงลูกค้ามาแล้ว

      สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ ^^”

      เอ๊ะ!?! เอ่อ...เด็กใหม่เหรอเรา ^-^;;”

      ผู้หญิงคนนั้นถามผมด้วยสีหน้างงๆ เธอเป็นคนที่น่ารักมากกก~!!! ใจอดเต้นตึกตักไม่ได้เลย เป็นนักศึกษาด้วย หุ่นนี่เซฟบ๊ะสุดยอด อยากเป็นน้องชายพี่เค้าจัง

      อ้าว...พี่มาอิ มาหาพี่เชนเหรอค่ะ ^3^?”

      จ้ามด แล้วนี่เด็กใหม่ของร้านเหรอ? หล่อดีนะเนี่ยเขาชมว่าผมหล่อด้วยแหละทุกคน *-*

      ค่ะ เป็นเด็กใหม่ ที่จมูกบานมากเลย -O-”

      ยัย...- -+ ผมอยากจะด่าว่าเถิกชิบหาย ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ติดที่ว่าพี่คนนี้ยืนอยู่นะ ไม่ใช่แค่เถิกหรอก แต่จะมีคำตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ยันโลกอนาคตมาให้ฟังเลย

      ฮ่าๆๆ จมูกบานเหรอ โดนจังเลยอ่ะน้องมด ^O^!”

      พี่มาอิคนสวยหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับกุมท้องไปด้วย หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาเล็ดเลย แล้วผมก็เริ่มคิดว่า...เจ๊แกไม่สวยแหละ ขอถอดคำพูดที่ชมให้หมดเลย หมดรมณ์ ชมคนสวย ที่ขำเพราะมุขจมูกบาน -..-

      ขำอะไรนักหนาครับฮันนี่ ขำจนขี้มูกเยิ้มแล้วนะ ^^”

      ห๋า O.,o!!” พี่มาอิรีบสูดเอาขี้มูกเข้า ก่อนจะเดินลากคอพี่เชนออกไปข้างนอก โธ่~ แฟนพี่แกหรอกเหรอ หมดสิทธิ์เป็นน้องชายแล้วกู ฮือๆๆ TT_TT แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ร่ำไห้ ยัยคันไฟก็ไล่ให้ผมไปรับออเดอร์ลูกค้าที่โต๊ะอื่นก่อน ยัยมารขัดความเศร้าเอ้ย!

      พึ่งรู้ว่าร้านเล็กๆ อย่างนี้ลูกค้าก็เข้าเยอะ ไม่แพ้ร้านใหญ่ๆ เพราะผมทำงานแค่เนี้ย แต่วุ่นโคตร!!! เดี๋ยวก็ไปรับออเดอร์โต๊ะนี้ เก็บตังค์โต๊ะโน้น เก็บแก้วโต๊ะนั้น คิดตังค์ให้ลูกค้า และอีกมากมายสารพัด ในที่สุดเวลาก็ล่วงเลยผ่านไป จนถึงเวลาสองทุ่มที่ร้านปิด

      หลังจากที่ผมจัดการยกเก้ากี้ขึ้น เปลี่ยนชุด ยกมือลาพี่ๆ ในร้านแล้ว ผมก็เดินไปที่เจ้าเวฟคู่ใจ เพื่อที่จะขี่มันกลับบ้าน เลิกดึกขนาดนี้แม่จะยังเปิดบ้านรอเปล่าหว่า คงรออยู่หรอก...ก็ผมไม่ได้แอบไปเที่ยวกลางคืนซะหน่อย ผมมาทำงานนะ เรื่องอะไรที่แม่จะไม่เปิดบ้านรอลูกชายสุดหล่อคนนี้ล่ะ ฮ่าๆๆ -.,-

      ผมกำลังสตารท์รถเตรียมขี่กลับ ยัยคันไฟก็เดินออกมาจากร้าน พลางคุยโทรศัพท์หน้าเครียด คิ้วนี่ผูกกันเป็นปมเชียว

      พ่อเลิกประชุมกี่โมงล่ะ...เที่ยงคืน? หนูรอไม่ไหวหรอก...ไม่เอามอไซค์รับจ้างอ่ะ น่ากลัวจะตาย...เดินกลับบ้าน? แล้วใหญ่เลย พ่อคิดว่าหนูเหาะมาโรงเรียนหรือไง...ก็ได้ๆ! มอไซค์ก็มอไซค์ งั้นแค่นี้แหละ...ค่า~ เฮ้อ…”

      ยัยนั่นถอดหายใจเฮือกใหญ่ พลางตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง สงสัยพ่อทำงานดึกแฮะ เลิกประชุมตั้งเที่ยงคืนเลยอ่ะ ผมคิดพลางลงจากรถเดินไปหายัยนั่นที่นั่งหน้าหงอยอยู่ตรงม้านั่งหน้าร้าน เธอเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางอื่น ผมจับแขนเธอไว้

      เธอจะ...ไปไหน?”

      นายก็น่าจะได้ยินที่ฉันคุยกับพ่อนี่ หามอไซค์รับจ้างไง จะได้กลับบ้าน

      กลางคืนอย่างนี้เนี่ยนะ...จะบ้าเหรอ! เดี๋ยวก็โดนฉุดหรอก

      หน้าอย่างฉันใครจะมาฉุด - -

      มันมีน่า เธอไม่ได้ขี้เหร่ถึงขั้นดูไม่ได้ซะหน่อย”…ยิ่งตอนถอดแว่นอย่างเนี้ย ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่เลย...ผมระงับปากไม่ให้พูดประโยคข้างหลังต่อ เพราะกลัวว่าเธออาจจะรู้ความในใจผม

      ขอบใจที่เตือน แต่ยังไงฉันก็ต้องไป ไม่งั้นแม่เป็นห่วงแน่

      “…มด เป็นครั้งแรกที่ผมยอมเอ่ยชื่อยัยนั่น หลังจากที่เรียกยัยเถิก ยัยแสบมาตั้งนาน ยัยนั่นเหมือนจะอึ้งหน่อยๆ เธอหันมามองหน้าผมช้าๆ วินาทีนี้ผมรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปเนิ่นนาน ผมบ้าไหมที่รู้สึกว่ายัยนี่น่ารักขึ้น ถึงจะเป็นคนที่ปากจัดแค่ไหน แต่ก็ยังมีด้านที่อ่อนแอให้ปกป้องอยู่บ้าง อย่างตอนนี้ไง

      บ้านอยู่ไกลจากที่นี่ไหม?”

      ...ก็ไม่ไกลมาก ประมาณสามกิโลกว่าๆ

      เดี๋ยวฉันไปส่ง ผมพูดพลางออกแรงดึงมดไปที่รถ ก่อนจะโยนหมวกกันน็อคอีกอันหนึ่งให้เธอใส่ ส่วนตัวผมก็สตาร์ทรถ และใส่หมวกกันน็อคไปด้วย พอถอยรถออกมาได้แล้ว ผมก็บอกเธอให้ขึ้นมานั่ง พอเธอนั่งแล้วผมก็ขี่ออกไป

      มดชี้ทางไปเรื่อยๆ เวลาที่ผมถาม บังเอิญว่าผมก็เป็นคนขี่รถเร็ว มดก็เลยนั่งจับเอวผมไปตลอดทาง พึ่งรู้ว่าบ้านมดก็เป็นทางเดียวกับบ้านผม เพียงแต่ว่าอยู่คนละฟากถนนเท่านั้น

      ขอบใจที่มาส่งมดนะลูก ^^”

      ไม่เป็นไรครับแม่ ทางเดียวกันนี่นา ^--^”

      แม่มดยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร เมื่อรู้ว่าผมเป็นเพื่อนที่ทำงานพิเศษของลูกสาวเขา ก่อนจะบอกให้ผมขี่รถกลับบ้านดีๆ



       

      วันเวลาผ่านไปหลายต่อหลายวัน ชีวิตของผมก็ผ่านไปเหมือนเดิมไม่หวือหวาอะไร คือมาโรงเรียนตอนเช้า นำร้องเพลงชาติกับเธอที่ห้องเสียง กินข้าวกลางวันแล้วคอยลอบมองเธอไปด้วย ตอนเย็นก็ไปรับเธอที่ห้อง แล้วเดินไปทำงานด้วยกัน ก่อนจะตบท้ายด้วยการขี่รถมาส่งเธอที่บ้าน

      มดตอนนี้...แตกต่างจากตอนที่ผมเจอเธอครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง เธอน่ารัก ยิ้มง่าย และคุยเก่งมาก เธอบอกว่าที่ตอนแรกปากจัดใส่นั้น เป็นเพราะว่าเธอเข้ากับใครไม่เก่ง พอจะคุยกับใครเป็นต้องด่าไปก่อนทุกที ถ้าคนที่ไม่รู้จักเธอจริง จะไม่รู้เลยว่าเธอมีนิสัยยังไง

      อีกอย่างเรามีหลายส่วนที่เข้ากันมากๆ ไม่ว่าจะชอบดูการ์ตูนเหมือนกัน อ่านนิยายแนวเดียวกัน ชอบคนที่จิตใจไม่ใช่หน้าตา และอีกหลายๆ อย่างที่เราสองคนชอบเหมือนกัน

      ส่วนเงินพันหนึ่งที่ผมเก็บให้มดไปตัดแว่นก็ครบแล้ว และตอนนี้...ผมก็กำลังเอามาให้เธอล่ะ นั่นไงเจอแหละ กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะตัวเองในห้องเรียน

      นี่มด

      หือ?” มดเงยหน้าจากนิยายในมือ ขึ้นมามองผมที่กำลังยื่นกล่องสีน้ำเงินเล็กๆ ผูกโบสีชมพู เขินไปบ้า!!!

      อะไร? จะให้อะไรเนี่ย

      มดตัวผู้ ให้เธอไปผสมพันธุ์กับมัน ผลิตลูกหลานมดมั้ง - -

      ไอ้บ้า -_-+ มดด่าเหมือนจะไม่เอา แต่ก็ยอมคว้ากล่องไปเปิด และสิ่งที่อยู่ในกล่องก็ทำให้มดอึ้ง ใช่...เงินหนึ่งพันสำหรับเอาไปตัดแว่นให้เธอไง

      เงิน...หนึ่งพัน

      อ่าฮะ ที่นี้เธอก็ไปตัดแว่นใส่ได้แล้วน่า ดีใจเปล่า ^^?”

      “…” มดเงียบ เธอปิดกล่องนั้นเหมือนเดิม ก่อนจะลุกขึ้นเดินไป ผมสงสัยพฤติกรรมของเธอ ก็เลยตามไปตื้อให้เอาเงิน

      นี่...ฉันหาให้เธอได้แล้วนะ เธอก็เอาไปสิ

      ...เก็บไปเถอะ ฉันไม่เอาแล้ว

      อ้าว? ทำไมอ่ะ อย่าบอกนะว่าเธอไปตัดแว่นแล้วง่ะ ^3^”

      ผมพยายามพูดแบ๊วๆ เพื่อเอาใจเธอ โดยหวังว่าเธอจะหันหน้ามาพูดกับผมดีๆ แต่สิ่งที่ได้กลับตรงกันข้าม มดหันหน้ามาก็จริง แต่เธอกลับปัดกล่องในมือผมออก มันตกพื้น...เงินหนึ่งพันที่ผมหามาให้...ถูกเธอปัดตก อะไรว่ะ! ผมโมโหแล้วนะ

      ถ้าไม่เอาก็บอกกันดีๆ สิ ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย

      เอ่อ...

      คิดว่าเงินหนึ่งพันมันน้อยไปหรือไง ถึงได้ปัดมันตกยังกับมีค่าแค่หนึ่งบาท ตอนแว่นแตกเธอก็บอกให้ฉันหามาให้ ตอนนี้ฉันก็หามาให้แล้วไง แล้วเธอจะเอายังไงอีก!!!”

      เค...ฉัน...ฉัน...ผมก้มหยิบเจ้ากล่องนั้น และกำมันไว้ในมือแน่น ก่อนจะประกาศคำนั้นออกมา

      ถ้าเธอไม่ต้องการ ก็บอกกันดีๆ ถ้าเธอไม่อยากเจอหน้าฉันก็บอกกันดีๆ ถ้า...โธ่เว้ย!!!

      ผมตะโกนพลางหันหลังเดินกลับ พวกนักเรียนอื่นพากันมองว่าเกิดอะไรขึ้น ผมถึงได้โมโหขนาดนี้ แล้วผมก็ได้ยินเสียงมดร้องไห้...ผมอยากจะหันหลังไปปลอบเธอ แต่ไม่! เธอทำผมเสียใจขนาดนี้ ให้ตาย...ผมก็จะไม่สนแล้ว!!!

      ผมคิดอย่างนั้นแล้วก็รีบวิ่งตรงมาที่ห้องเรียน รอแค่ไม่กี่อึดใจอาจารย์ที่สอนก็เดินเข้ามาในห้อง ผมจึงเลิกสนใจเรื่องมด แล้วหันมาสนใจการเรียน แต่เสียงร้องไห้ของเธอก็ยังดังก้องอยู่ในหัว ไม่สน! ไม่สนสิว่ะไอ้เค มึงต้องเรียนนะเว้ย ผมย้ำตัวเองอยู่อย่างนั้นตลอดทั้งวัน แต่เวลาที่เผลอทีไร เสียงนั่นก็ยังตามมาหลอกหลอน เฮ้อ~ ทำยังไงถึงจะลบมันออกไปจากหัวได้นะ

      กรี๊ง~!!!

      เสียงสวรรค์ดังขึ้น ผมเลิกสนใจเรื่องของเธอ แล้วหยิบหนังสือที่อยู่บนโต๊ะ ยัดใส่กระเป๋า วันนี้เวรผมนี่นา  ต้องอยู่ทำเวรก่อน แล้วถ้าเกิดไปทำงานก็ต้องเจอมดด้วย ไม่อยากจะไปเลย งั้นโทรไปลาพี่เชนก่อนแล้วกัน

      [ตรู๊ด~ ตรู๊ด~...ฮัลโหลมีอะไรไอ้น้อง?]

      หวัดดีครับพี่ คือผมจะลา...

      [อ๊ากกก!!! อย่าพูดคำว่าลางานเด็ดขาดเลยนะ]

      ทำไมพี่ ก็ผมจะลาอ่ะ -*-” เอ๊ะ! คนจะลายังไม่ให้ลากันอีก ทั้งๆ ที่ผมทำมาตลอดไม่เคยขาดนะเนี่ย

      [น้องมดก็โทรมาขอลางาน พี่ก็เลยให้ไป แล้ววันนี้คนมันดันขาดเยอะซะด้วย นี่พี่ต้องลงทุนวอนมาอิให้มาช่วยกันเลยนะเนี่ย เดี๋ยวอีกสักพักพี่ก็ต้องไปช่วยด้วย ทั้งๆ ที่วันนี้ว่าจะไปดูหนังแท้ๆ =_=]

                 สงสัยสวรรค์จะเห็นใจพวกเราเหล่าเด็กเสิร์ฟ เลยให้ผู้จัดการร้านที่วันๆ เอาแต่สวีตกับแฟนตัวเองต้องมาช่วยด้วย ฮ่าๆๆ ว่าแต่...มดลางั้นเหรอ ป่วยหรือเปล่านะ คงจะเสียใจเรื่องเมื่อตอนกลางวันล่ะมั่งเนี่ย เฮ้ย! ไม่ใช่เวลามาสน >_<

      งั้น...ผมไปช่วยก็ได้ แต่ต้องเพิ่มค่าแรงนะพี่

      [ห้าสิบสตางค์ต่อชั่วโมง -3-]

      แว้ก~! กดขี่แรงงาน เพิ่มห้าสิบบาทดิพี่

      [ยี่สิบห้าบาทขาดตัว แค่นี้นะ พี่ไปแล้ว มาเร็วๆ ด้วยล่ะ บ๊ายบาย ^^] แล้วพี่เชนแกก็รีบตัดสายทิ้ง คงจะกลัวผมขอขึ้นเงินเดือนเยอะกว่านี้ล่ะสิ ผู้ชายอะไรว่ะ งกชิบหาย ขอนินทาหน่อยเถอะไอ้ผู้จัดการงกๆๆๆ!

      ผมเลยต้องบอกเพื่อนว่าจะมาทำเวรให้ตอนเช้าแทน แล้วรีบบึ่งไปที่ Sha la la Café แต่ระหว่างทางผมก็สะดุดเข้ากับชายหญิงคู่หนึ่งตรงหน้าโรงเรียน ไม่ให้สะดุดได้ไงก็ผู้หญิงคือยัยคันไฟ และผู้ชายก็คือไอ้ชิน คนที่ชอบฟันหญิงทิ้งนี่หว่า เฮอะ...ที่โทรไปลางาน นี่กะจะมาอยู่กับมันล่ะสิท่า ไม่สนๆ ไปทำงานดีกว่า -_-^^

      น่ามด วันเสาร์นี่ไปเที่ยวกับชินนะครับ ^^”

      ฉันมีงานต้องไปทำ - -+”

      โธ่~ มด อะไรก็งาน หัดหาความสุขใส่ตัวมั่งสิ

      ไอ้ชินถือโอกาสจับมือมดขึ้นมา แต่ดันโดนมดสะบัดออกอย่างเร็ว นิสัยอีกอย่างหนึ่งของยัยนี่ ที่ผมคิดว่าผู้หญิงทุกคนควรมีก็คือเรื่องนี้แหละ...รักนวลสงวนตัว ฮั่นแน่! ทุกคนกำลังคิดว่าผมผิดคำพูดล่ะสิ ใช่ครับ...ยอมรับ ผมสนใจยัยนี่ ผมกลัวยัยนี่โดนมันหลอก ห่วงครับ หวงด้วย = =+++

      แล้วความสุขที่นายว่า คือการไปเที่ยวกับนายซินะ?”

      ใช่ครับ ^^”

      เฮอะ! ฝันไปเถอะ ฉันว่าไปเที่ยวกับนายแล้วต้องระวังตัวเองมากกว่า ถอยไป!”

      มดเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง แต่ก็โดนมันดัก ดูท่าว่าเธอก็รู้เรื่องไอ้นี่อยู่บ้างล่ะว่ะ ถึงได้ระแวงขนาดนี้ แต่มันยอมปล่อยไปง่ายๆ ที่ไหน พอเห็นมดไม่ยอมเล่นด้วย ก็คว้าเธอมากอด =[]=!!!

      นี่!”

      อย่าเล่นตัวหน่อยเลยน่า ฉันรู้หรอกว่าเธออยากมีแฟนใจจะขาด ไหนๆ ฉันก็มา...

      เฮ้ย! ปล่อยมดนะเว้ย - -!” ทนไม่ไหวแล้ว!!! ผมเดินไปผลักไอ้ชิน เพื่อให้มันปล่อยมด ก่อนจะจับเธอมาอยู่ข้างหลัง เพราะผมรู้ว่าไอ้ชินมันจะต้องต่อยผมแน่ ถ้าเกิดผมทำอย่างนี้

      อะไรว่ะ!?!”

      โทษฐานที่มึงมายุ่งกับมดไง ผู้หญิงเขาไม่เอาแล้วยังจะตื๊ออยู่อีก ด้านว่ะ

      แล้วมึงเกี่ยวอะไรด้วย!”

      ไม่ให้เกี่ยวได้ไง ก็มดแฟนกู

      มดหยิกที่ต้นแขนผมแรงๆ ทีนึง แต่ผมก็ไม่สน และจับมือข้างที่หยิกมากุมเอาไว้ ก่อนจะออกแรงลากเธอให้เดินตามผม พอมาถึงร้าน ผมก็บอกพี่เชนว่าขอเวลาเคลียร์กับมดแปบ และเดินไปในห้องเปลี่ยนชุดพร้อมกับเธอ ท่ามกลางสายตางงๆ ของพวกพี่ในร้าน

      นี่! ไปบอกไอ้บ้านั่นอย่างนั้นทำไม ฉันกับนายไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย

      งั้นเธอก็อยากจะไปเป็นเมียมันงั้นสิ

      จะบ้าหรือไง! นายคิดว่าฉันเป็นคนอย่างงั้นเหรอ!!” มดมองตาผมนิ่ง แววตาเศร้าสร้อย ทำเอาผมที่กำลังเปลี่ยนชุด ต้องชะงักค้างทันที ผมรู้สึกผิด...ยังไงก็ไม่รู้

      ฉันขอโทษนะ...ที่ปัดเงินนายตก

      ...

      ที่ฉันทำไป ก็เพราะว่า...ฉันไม่อยากให้เรื่องของเราต้องจบลงแค่นี้ ฉันรู้...ถ้าเกิดนายหาเงินมาคืนค่าแว่นฉันได้เมื่อไร เราก็จะกลายเป็นแค่เพื่อนกันทันที เพราะฉะนั้น...ฉันถึงรับเงินนั้นไม่ได้

      “…”

      ฉัน...ชอบนาย ฉันชอบนาย! ฉันชอบนายจริงๆ นะ อ๊ะ!”

      ผมไม่ปล่อยให้มดพูดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว มดชอบผม และผมก็ชอบมด แค่นี้ก็พอแล้วที่จะระงับความโกรธของผมให้สงบลง ผมกอดเธอแน่น...ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไป

      ฉันก็ชอบเธอ

      “...”

      ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน แต่เพราะว่ายังไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเอง ก็เลยได้แต่ปิดมันไว้ แต่ตอนนี้...ฉันกล้าพูดเลย ฉันชอบเธอ

      ฮึกๆ T^T”

      เฮ้ย! แค่นี้จะร้องไห้เลยเหรอ?”

      ฮึกๆๆ ฮัดเช้ย >O<!”

      ยัยแสบนั่นฮัดชิ้วออกมา อย่างไม่เกรงใจบรรยากาศโรแมนติกของเราสองคนเลย ให้ตายเถอะพระเจ้า เอาบรรยากาศเมื่อกี้คืนมานะ T_T^

      แหะๆ โทษที สงสัยฉันจะฉุนกลิ่นน้ำหอมนายมากไปหน่อยน่ะ ^^;;”

      ยัย...- -**พอรู้ว่ายัยนี่ชอบผมแล้ว หาคำด่าไม่ออกเลยเว้ย Y^Y

      ไหนๆ ก็มาถึงร้านแล้ว ทำงานดีกว่าเรา ฉันขอตัวไปเปลี่ยนชุดที่ห้องน้ำหญิงนะ

      เอาค่าตอบแทนเรื่องที่ทำบรรยากาศพังมาก่อนนะเฟ้ย

      ตะล้าๆ ไอเลิฟยู

      เจ้าเหล่ไม่รู้ว่าลอยจากกระเป๋ามาอยู่ที่ฝ่าพระบาทผมเมื่อไร เพราะพอรู้ตัวอีกที มันก็โดนเหยียบ แล้วส่งเสียงมาว่าไอเลิฟยูแล้ว มดมองตามที่ผมถือขึ้นมา ก่อนจะทำตาโตและพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า

      เฮ้ย! เลิฟยูลูกแม่ O_O!”

      อ้าว...เจ้านี่เป็นของเธอเหรอแถมยังชื่อว่าเลิฟยูด้วย ชื่อเพราะกว่าพ่อได้ไงห่ะลูก -_-+

      นายเป็นคนขโมยไปเหรอ =_=+++”

      เอ่อ...เรื่องนี้ฉันอธิบายได้นะ ^O^;”

      อธิบายว่าอะไร...จะให้อธิบายว่าอาร้ายยย~!!!” มดเดินมากระชากคอเสื้อผม หน้าตาเนี่ยโหดสุดยอด แล้วผมจะอยู่ทำไมล่ะครับ ก็หนีสิ T_T!!!

      คู่รักคู่ใหม่เล่นวิ่งไล่จับกันเหรอ ^O^”

      ไล่จับอะไรเล่าพี่เชน ยัยนี่จะฆ่าผมแล้ว!!!”

      อย่าหนีนะ!”

      อยู่ให้โง่สิ แบร่ -U-”

      ผมแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกยัยคันไฟอย่างสนุกสนาน แต่ในใจก็ยังไม่วายลืมวิ่งไปด้วย

      ต้นร้าย ปลายรัก...นี่คือความรักในแบบฉบับของผมสินะ ถึงแม้ว่ายัยมดนี่จะปากจัดไปบ้าง ไม่ค่อยสวยเหมือนพี่มาอิ แต่...ผมก็ขอสัญญาว่าจะชอบยัยนี่ และจะเปลี่ยนจากความชอบ ค่อยๆ พัฒนาเป็นความรัก...แล้วถึงตอนนั้นผมจะบอกให้มดฟัง…‘ผมรักเธอ

      แล้วความรักในแบบของคุณล่ะ หาคำนิยามให้มันเจอหรือยัง?

      -The End-

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×