love music ดนตรีมีรัก - love music ดนตรีมีรัก นิยาย love music ดนตรีมีรัก : Dek-D.com - Writer

    love music ดนตรีมีรัก

    เมื่อเค้าคือตัวเบียดเบียนความสุขของเธอ สำหรับเค้าเธอคือความสุข จะลงเอยอย่างไร กับความรักที่สลับขั้วกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    117

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    117

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 มี.ค. 52 / 14:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บทที่ 1 เริ่มต้น
             สายลมพัดโชยอ่อนๆ ณ ชายทุ่งกว้างสุดขอบฟ้าดินแดนแห่งความเขียวขจีไร้ซึ่งสิ่งแบ่งกั้นเขตแดน   แต่งแต้มแสมสลับ ด้วยพฤกษานานาชนิดต่างอวดสีสันระหว่างกันจนระรานตามองทีไรก็เป็นภาพที่แสนสบายตาสิ้นดี
          “ไง วัยรุ่น”   เสียงแหบของชายหนุ่มดังขึ้น
                      ปองสะดุ้งหันตามที่มาของเสียงเพื่อดูว่าเสียงกวนอารมณ์นี้เป็นเสียงใคร แล้วก็ได้คำตอบชัดเจน
         “เรื่องของวัยรุ่น น่ะ.. พี่ไนท์”  +-+   ปอง ตอบกลับไนท์ รุ่นพี่ปี 3  มหาลัยฯมหาลัยเดียวกัน ที่ปองเคารพ (ซะเมื่อไร)
            “ ชอบอะไรนักหนากับแค่ภาพทุ่งหญ้าโหลๆ หะ ”  ไนท์พูดพลางทำท่าสนใจยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆคล้ายหาอะไรบ้างอย่างจากภาพ
             “จะทะลุเข้าไปดูเลยไหมล่ะคะ”   ปองถามอย่างประชดให้ไนท์รู้ตัว ว่าคนรอบข้างกำลังมองมาที่ทั้งคู่
            “ ก็ ...พี่เห็นปองดูอยู่ตั้งนานเลยดูบ้าง  ไม่ได้ ไง”   ไนท์พูดทั้งๆที่ยังไม่เลิกทำท่าประหลาด ท่าทางประหลาดของไนท์ทำให้ปองถึงกับขำไม่หยุดที่เดียว
              “ฮ่า..ฮ่า ฮ่า ฮ่า คนบ้า ...ฮึ.. ฮ่ า ..แก่แล้วยังทำ....ตัวติ๊งต๋องอีก .ฮ่าฮ่า”    พูดไปปองก็ค่อยค่อยเดินห่าง ไนท์อย่างรู้ซะตา ถึงไนท์เองจะดูเข้มจนครึมและออกจะดูน่ากลัว  แต่สำหรับน้องๆใน    มหาลัยฯ   ก็เป็นสิ่งที่ทำให้สาวสาว ในมหาลัยหลงใหลและปลื้มไนท์มากทีเดียว  รวมทั้งเวลาที่ถูกกวนประสาทแบบนี้ ยากที่จะรู้ว่าเอาจริงหรือเล่น จึงเป็นเหตุผลหลักที่ปองถอยทัพอย่างรวดเร็ว 
             “ ไอ้ ..อย่าหนีสิ..ไอ้ปอง..จับได้จะแตะๆๆๆๆ..เลย”    ถึงจะขายาว และวิ่งเร็วแต่ ไนท์ก็ทำอะไรปองไม่ได้ เพราะในงานแสดงภาพ มีคนเต็มไปหมดและกำลังหันมามองอย่างตำหนิที่ทั้งคู่ทำเสียงดัง ไนท์เลยได้แต่ขู่ปองไป งั้นๆๆ
                              ปองวิ่งไปรวมกับเพื่อนและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ” คงจะโดนด่าแน่ท่าพวกมันรู้ว่าเราไปกวนขวัญใจของพวกมัน”   ปองคิดในใจก่อนจะเดินถึงกลุ่มเพื่อนเพื่อน
            “มึงไปไหนมาว่ะ” 
            “กู..ไม่ได้ไปหา พี่ไนท์ของพวกมึงหรอก น่ะ”   ไม่ได้โกหก น่ะ ก็พี่ไนท์เดินมาทักฉันเองนะ (ปองคิดในใจ) เป็นเรื่องแปลกที่ไนท์มักทักทายและเล่นกับปอง มากกว่าคนอื่น คงเป็นเพราะ ปองเองไม่ได้ตามกรี๊ดหรือทำท่าทางประหลาดเมื่อเค้าเดินผ่านหรือยิ้มให้อย่างไม่ได้คิดอะไร เหมือนรุ่นน้องส่วนใหญ่ในมหาลัยฯ ที่มักทำให้ไนท์รู้สึกหงุดหงิด มากกว่าที่จะรู้สึกภูมิใจในใบหน้าที่หล่อเหลาของตนเอง
               งาน นิทรรศการแสดงภาพของคณะศิลปกรรมที่ปองเรียนอยู่นี้เป็นงานของมหาลัย I ที่เป็นแหล่งรวมหนุ่ม สาวมากฝีมือและขึ้นชื่อว่าเป็น มหาลัยที่จัดว่ามีนักศึกษาน่าตาดีอันดับต้นๆก็ว่าได้   ในงานครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อโชว์ผลงานของนักศึกษา จึงมีทั้งนักข่าวหลายสังกัด ผู้ปกครองที่มีอุปการะคุณกับทางมหาลัย รวมทั้งนายกฯ  คนใหญ่คนโตหลากหลายวงการ มาร่วมเปิดงาน ที่มีน้องปีหนึ่งเป็นผู้จัดและดูแลงานทั้งหมด    ส่วนปอง และเพื่อน ที่เรียนปี 2 รวมทั้งนิสิตปีต่างๆทุกคนก็มาร่วมพิธีเปิดหลังจากท่านประธานในพิธีกลับหมดแล้ว เหตุผลหลักที่มีนิสิตมาร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคังจนผิดปกติ ก็เพราะมีสิ่งที่หนุ่มสาวมหาลัยชื่นชอบรวมทั้งเพื่อนๆของปองที่ตั้งใจรอคอย                                     
           “กริ๊..ด..กรี๊ .ดกรี๊ด.”       เสียงยังกะนกหวีดดังลั่นไปทั่ว หอประชุม   ทุกสายตาจับจ้องไป ที่เวทีซึ้ง ณ ตอนนี้มีเครื่องดนตรีวางอยู่ เฉยๆไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใดใด                                                                                                                                                                                          “กรี๊ด  ห่าอะไรกันหนักหนาว่ะ”      ปองบ่นกับ เอิงเพื่อนซี้แสนห้าวที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุด
      ยายเอิงหันมาพยักหน้าเป็นเชิงส่งสัญญาณให้มองตาม
                “มึงก็ดูสิ ที่ ข้างเวทีอ่ะ…ฮึ.. แล้วอย่ากริ๊ดตามพวกมันล่ะ”   พูดจบมันก็ยิ้มหวานเจี๊ยบไปข้างเวที
            “ว๊าย....ว๊าย”  ร้องในใจนะ //////*-* //////   อย่าจะกริ๊ดจิงจิง แต่ยายเอิงมันดักคอไว้แล้วนะสิ ไม่กรี๊ดหรอกเสียฟอร์ม
           “ไง แทบกรี๊ดเลยไหมล่ะแก”      รู้ทันอีกเฮอะไอ้นี่  
            “นั่นไง มาแล้ว......พี่ไนท์”   เอิงยังไม่ละสายตาจากเวที
             พี่ไนท์ถือกีต้าร์ ตัวเท่เดินยิ้มหน้าบานขึ้นเวที เก๊กหน้าหล่อใหญ่โต และมันก็ได้ผลเพราะตอนนี้เหล่าสาวแท้ สาวเทียมพากันเพิ่ม ความถี่ของคลื่นเสียงที่ดังเหมือนเสียงเตือนสึนามิไม่มีผิด
            “กูไม่ได้มองพี่ไนท์ซะหน่อย”   เอิงหน้างงสักพักก็หันไปส่งยิ้มหวาน ให้พี่ไนท์น่าตาเฉยไม่สนใจเพื่อนเลย  
               พี่ไนท์นี่เจ๋งจิงจิง ขนาดยายเอิงออกห้าวนะยังไปปลื้มพี่แกได้ ถึงไม่แสดงออกอย่างคนอื่นๆเค้าแต่ก็แอบฝันหวานอยู่เหมือนกัน
            “แล้วแกมองคัยว่ะปอง”       ต๊ายพึ่งนึกได้ว่าต้องสนใจเพื่อน
                           ปองไม่ได้ตอบเอิงเพราะรู้ว่าเอิงไม่ได้ฟังหรอกมัวแต่มองพี่ไนท์เซตเครื่อง อยู่ จิงจิงแล้วปองกำลังมองหามือกลองต่างหาก สำหรับปองแล้ว ไม่ว่า วงไหนจะหล่อไม่หล่อหรือดังขนาดไหน มือกลองก็เป็นบุคคลที่น่าจับตาของปองเสมอเป็นเพราะแค่ท่าตีกลองก็เท่ละลายใจปองไปครึ่งนึงแล้ว ปองสนใจอยากเล่นกลองชุดเป็นพิเศษ โดนเฉพาะคนตีกลองอ่ะ *_<
         “พี่อ้น !!!!!!!” ปองพูดเสียงดังอย่างดีใจจนลืมตัว
       “ไรว่ะไอ้ปอง “    เอิงและเพื่อนคนอื่นรุมถาม
                   “   เป.ล่า..ไม่มีไรน่า”   ปองรีบแก้ตัว   จะไม่ดีใจได้ไงก็มือกลองที่อยู่บนเวทีเป็นรุ่นพี่ที่ปองปลื้มตั้งแต่ วันรับน้องแล้ว ทั้งใจดี ยิ้มหวาน ถึงจะคลำไปหน่อยจนออกแนวเข้มจนดำ แต่ก็เข้มบาดใจเลย 555++
                     แถมนิสัยสนุกสนานเสมอ   ที่สำคัญเอามากๆก็ตรงที่พี่เค้าเป็นมือกลองนี่แหละ แบบนี้จะไม่ให้ปองร้องกรี๊ดอย่างดีใจจนเป็นที่ผิดสังเกตของเพื่อนได้ไง
                      หลังจากเซตเครื่องเสร็จพี่แกก็เล่นบรรเลงเพลงอย่างเมามัน ในวงนี้รวมคนหน้าตาดีเป็นพิเศษเพื่อเอาใจสาวโดยเฉพาะมือกีต้าและร้องนำก็ไอคุณพี่ไนท์ที่เป็นถึง    เดือนมหาลัย ตามด้วยกีต้าอีกคน ก็คือเพื่อน จิ้งเกอร์เบล  ชื่อจริงคือ เบลเฉยๆนะ แต่เติม ไอ้เบลก็เป็นเพื่อนในห้องนะแหละแต่ดูจะถูกใจพี่ๆผู้หญิงในมหาลัยฯ ทั้งสาวแท้ สาวเทียม รวมทั้งสาวหล่อด้วย จะไม่ให้ถูกใจได้ไงล่ะ ก็เล่นสูงขาวตี๋ เป็นเกาหลีฟรีเวอร์ขนานนั่น
                     ถัดมาก็พี่บอย   นักกีฬามหาลัยฯคงเดาไม่ยากนักนะคะว่าพี่แกเล่นอะไรก็กีฬายอดฮิตของหนุ่มหน้าตาดีเค้าเล่นกัน นั่นเหละ ก็บาสไงล่ะพี่บอยมีหน้าที่ในวงคือ เล่นเบส   อีกคนที่เก็บแนะนำคนสุดท้ายก็พี่ ////*-*//// พี่อ้นสุดเท่ไงล่ะแน่นอนว่าพี่เค้าตีกลองล่ะ ถึงพี่เค้าจะไม่ขาวตี๋เกาหลี ฟีเวอร์ แต่ก็คมเข้มดูเท่บาดใจใช่น้อย(0o0)
                     ไม่ต้องแปลกใจนะว่าทำไมปองรู้จักทุกคนในวงนี้หมด   ปองก็ตามเพื่อนๆไปกริ๊ดพี่ไนท์เวลาซ้อมตลอดล่ะ ก็มันลากไปทุกที จะยอมไปดีดีหรอกน่ะถ้าพี่อ้นมาซ้อมน่ะ แต่คนเก่งเค้าไม่ซ้อมกันบ่อยหรอกน่าเบื่อจะตายและนี่ก็เป็นเหตุผลที่ไม่ค่อยเห็นพี่อ้นและก็เป็นเหตุผลที่ฉันไม่ค่อยชอบไอ้คุณพี่ไนท์ด้วย ที่เป็นต้นเหตุทำให้เวลาเที่ยวตอนเย็นของฉันลดลงซึ่งแน่นอนวันไหนที่พี่แกหนีซ้อมคนตรีหรือไม่มีซ้อมน่ะเป็นวันที่มีความสุขของปองสุดๆ
                 หลังจากวงดนตรีกลุ่มของพี่ไนท์เล่นจบ ก็มีวงอื่นๆที่หน้าตาพอใช้ได้ ขึ้นเล่นบรรเลงทั้งเพลงซึ้ง เพลงมันให้ได้สนุกกันอย่างสะใจแล้ว งานเลี้ยงก็เลิกราไป เช่นเดียวกับ ความสนุกในวันนี้ของปองที่จะปิดฉากลงด้วยความหงุดหงิด
            “ปองจ๋า...”   เสียงหวานเจี๊ยบเลี่ยนหูนี้เป็นของหญิงใดมิได้นอกจาก จ๊ะจ๋า หวานเจี๊ยบประจำกลุ่ม
              “ จ๋า  จ๊ะ “     เอาสิหวานมาก็หวานกลับ
              “  เย็นนี้ ไปเป็นเพื่อนจ๋าหน่อยนะ”     เสียงก็หวานแล้วยังทำหน้าตาน่าสงสารใส่อีก
      เกือบใจอ่อน
              “  เอาแล้...ว ไอ้ปองงานเข้าว่ะ”      เพื่อนผู้ชายที่นัดกัน(แอบไปนัดตอนไหน)ว่าจะไปห้องซ้อมดนตรีส่งเสียงเหมือนรู้ซะตาแทนปอง
           ยังไม่ทันที่ปองได้เปร่งเสียงตอบ   ยัยจ๋าจอมหวานก็พูดตัดหน้าก่อน
            “พวก  เธอไปก่อนเถอะวันนี้ปองเพื่อนรักจะไปกับพวกเรา”
             “ ใช่ ไหมเอิง”   จ๋าทำท่าทางขยิบตาให้ยายเอิงเป็นอันรู้กันว่าวันนี้ปองก็ต้องไปดูไอ้คุณพี่ไนท์ซ้อมคนตรีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ยิ่งยายเอิงเออออด้วยอีกคน ดิ้นไม่หลุดซะแล้ว
               “ แล้วทำไมปองต้องไปด้วยล่ะ ไอ้เอิงก็ไปด้วยแล้วนิ” พยายามขอความเป็นธรรม
                   ยัยจ๋าเหมือนรู้ว่าปองจะดื้อเลยเดินมาเกาะแขนปอง
               “ แล้วทำไมปองจ๋า ต้องเถียงด้วยล่ะ” ประโยคหลังนี่แกมโมโหนิดหน่อย
      ในที่สุดปองก็ต้องยอม ยัยจ๋า อีกครั้งเพราะใจอ่อนกับหน้าตาน่าสงสารของจ๋าซึ่งต้องเรียกว่าจำใจยอมทุกครั้ง
               “ โทษทีว่ะไปกันก่อนแล้วกัน วันไหนเราหนียายพวกนี้ได้เดี๋ยวเราไปแจม ห้องเดิมชะ” ปองหันไปบอกพวกเพื่อนผู้ชาย ที่พยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบแล้วเดินจากไปยังไม่ลืมที่จะหันมาแกมบ่นจ๋าอีก แต่ดูเหมือนว่าคุณเธอจะไม่ได้รู้สึกเลย
              “พวกเธอคงต้องรอปองไปอีกนานเลยล่ะ”   ยัยตัวแสบยังมาตัดอนาคตฉันอีกนะ
              “ปองแก ก็คิดซะว่าแกช่วยเพื่อนนิดๆหน่อยๆไม่ตายหรอก”
              “แกก็พูดได้ ดิ ไอ้เอิง แกเองก็เป็นพวกบ้าลัทธิพี่ไนท์เหมือนกันนี่”
               “นั่นเหละ ไอ้ปองแกอยู่กับสองคนนี้บ่อยระวังติดไวรัสลัทธิพี่ไนท์มาน่ะโวย”   พวกผู้ชายเดินไปไม่ไกลนักได้ยินเลยหันมาแซวปอง
            “ไอ้พวกบ้า มาว่าเค้าได้ไง”    จ๋าหันไปว่าพวกเพื่อนผู้ชาย ที่เดินไปไกลแต่คงพอได้ยิน แล้วยังไม่วายหันมาบ่นปองต่อ
            “ อีกอย่างปองจ๋าจะบ่นทำไมล่ะจ๊ะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องไปอยู่ดี ฮิฮิ” พูดจบยัยจ๋าก็เดินหัวเราะชอบใจนำหน้าพวกเราไม่รอใคร           “ วันนี้เป็นอีกวันที่น่าเบื่อสำหรับชีวิตยามเย็นของฉันที่ควรจะสนุกสนานตามวัยอันสมควร แต่ต้องมานั่งเฝ้าไอ้คุณพี่ไนท์ที่น่าเบื่อจิงจิง” ปองได้แต่คิดในใจ    ด้วยความแค้นปองเลยวิ่งตามจะไปแกล้งจ๋า วิ่งเล่นแกล้งกัน ลืมความเป็น  กุลสตรีที่มีน้อยซะสนิทจนยายเอิงต้องตามไปห้าม ถึงแม้ว่าเรา สามคนบุคลิคจะต่างกันแต่ก็รักกันและเป็นเพื่อนรักที่เข้าใจกันดี
           “พี่ไนท์คงหิว เราไปซื้อหนมของชอบของพี่เค้ากัน”    ยัยจ๋าเสียงหอบหลังจากที่วิ่งหนีปองมาได้ไม่กี่เมตร
            “โฮ    เพื่อนตัวไม่ซื้อให้กิน เนอะ” คราวนี่ยายเอิงร้อนตัวแทน “แต่ก็ดีนะพี่เค้าคงหิวแล้ว ป่ะ”   อ้าวพูดจบก็จูงมือกันวิ่งไปร้านขนมใกล้ๆ ทิ้งฉันยืนเหนื่อยอยู่คนเดียว
           ทันทีที่ฉันเริ่มหายใจทัน ก็วิ่งตามไปที่ร้านเพราะท่าช้าฉันอาจไม่ได้กินของฟรีนะซิ
      พอไปถึงแม่ 2 สาวก็เลือกแต่ของที่ผู้หญิงชอบทั้งนั้น ก็มีป๊อกกี๊รส สตอเบอร์รี่
      ชาเขียวรสมะนาวยี่ห้อดัง ช็อกโกแลตแท่งโต ตามด้วยขนมสีหวานแหว่วเต็มไปหมด
      มันน่าอิจฉาซะจริง แต่แปลกไหมล่ะ ผู้ชายอะไรกินแต่ของเลียนๆแบบนั้น สงสัยจะเป็นเกย์แน่แน่เลย!!!!!!!!!!ตายแล้ว ฉันลืมนึกไปเลย
            “นี่ พวกแกไม่คิดมั้งเหรอ ว่ามันแปลกน่า... “  ปองเอ่ยอย่างน่าสงสัย
            “แปลกอะไรหรอปอง”    มันพูดกับฉันแต่มือกับตายังไม่เลิกหยิบขนมเลย
            “เออ ใช่แปลกไรว่ะ”
          “เสร็จฉันแน่ฉันมีวิธีให้เพื่อนรักฉันเลิกปลื้มพี่แล้ว ไอ้คุณพี่ไนท์” คิดในใจน่ะ
         “ก็.....ผู้ชายทั่วไปน่ะเค้าไม่กินหรอกนะ ไอ้ขนมหวานยั่งเนี้ยนะ.....มันก็มีแต่ผู้หญิง  กระเทย ......แล้วก็... “ ปองหยุดให้เพื่อนคิด
         “.......”    เงียบไม่มีเสียงตอบรับ
         “ก็เกย์ไงล่ะ” ได้ผลเอิงกับจ๋า หันมาพร้อมกันทำหน้าคิดมากใส่กัน ตลกสุดๆๆ เหมือนหมาบูลด๊อกสองตัวจะจูบกันเลย
           “จะบ้าหรอ ห่ะ ปอง    ลี จุน กิ     เซเว่น     คิมจองฮุน ดาราเกาหลีตี๋ๆขาวๆอย่างพี่เค้าก็ชอบกินแบบนี้แหละ ไม่รู้เรื่องเลย โถอารมณ์เสีย” ซะงันเลย!!!
           “นี่ถ้าอิจฉา พี่เค้ามากนักนะ ฉันเลี้ยงแกกล่องนึง เอ้า เอาไปแล้วไม่ต้องโวยวายหาญาติแถวนี่”     โดนเป็นชุด เลย
          “เชอะคนอย่างปองไม่ยอมแพ้ สักวันเถอะน่า”    ปองก็ได้แต่บ่นงึมงำอยู่คนเดียว แต่มือก็คว้าขนมจากเอิงมากินแก้โมโห ของฟรีใครจะพลาด
             หลังจากซื้อขนมเสร็จก็พากันเดินไปที่ห้องซ้อมจะเรียกว่าพากันเดินคงไม่ได้ เพราะยัย จ๋าเดินนำหน้าขนมที่ซื้อมาก็ให้ไอ้เอิงถือ   ส่วนปอง ก็เดินอารมณ์เสีย กิน ป็อกกี๊รสซ็อกโกแลต ของโปรดที่เอิงเพื่อนรักมันส่งมาอุดปากปองกับน้ำเปล่ายี่ห้อดังขวดหนึ่ง
             พอปองเดินถึงห้องซ้อมเอิงกับจ๋าก็เดินทำหน้าหมาเศร้าสวนออกมา เมื่อกี้ยังร่าเริงอยู่เลย ปรับอารมณ์เร็วจริง
         “เป็นไรกันอ่ะ “ ปองแกล้งถามด้วยเสียงเห็นใจ ทั้งที่ดีใจสุดที่เอิงกับจ๋าเดินกลับแสดงว่าพี่ไนท์ไม่ซ้อมดนตรีแน่ๆ   พี่ไนท์คงเหนื่อยหลังจากพึ่งขึ้นเล่นดนตรีบนเวที
       “วู้ฮู้ สรรค์มีตาแท้ๆ” ปองแอบดีใจอยู่คนเดียว
           “สมใจแกแล้วล่ะสิไอ้ปอง” เอิง ยังคงเฉยแต่เสียงดูผิดหวังเหมือนกันนะ   
      “พี่ไนท์ของฉันหนีไปไหนน่า” จ๋าเดินเลยปองไปหน่อยแล้ว สะบัดไปสะบัดมาอย่างอารมณ์เสีย
         มันก็ดีนะที่ไอ้คุณพี่ไนท์ไม่อยู่ เพราะปองก็จะได้เป็นอิสระน่ะสิ แต่ ก็น่าสงสารยัยเพื่อนตัวดี เหมือนกันนะ 
      “โถ จ๋า ถือว่าวันนี่เป็นวันกลับบ้าน อ่านหนังสือก็แล้วกัน การบ้านยังไม่เสร็จ ไม่ใช่หรอ”
      “ของจ๋านะ เสร็จแล้ว” “ถึงจ้าจะคลั่งพีไนท์แต่ก็ไม่เคยเสียการเรียนเหมือนปองน่ะ”
             อ้าวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันเนี่ย ?????ปองได้แต่ทำน่างง แต่มันก็จริงอ่ะ
           พอหันไปพึ่งยัยเอิงก็เอาแต่กินขนมไม่ มาช่วยเลย
      “ยังไงวันนี้ก็คงต้องกลับ แล้ว จิงป่ะเอิง”
      “ก็จริงนะจ๋า..พี่ไนท์ก็ไม่อยู่แล้ว เราก็กลับก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
                  ถึงไม่ค่อยเห็นด้วยที่พรุ่งนี้ต้องมาอีกแต่ก็
       “ใช่..ใช่ กลับเถอะนะจ๋า”   แล้ว “ไหนไหนก็ .....ถ้าจ๋าไม่มีอะไรทำก็ การบ้านภาษาอังกฤษเนี่ยก็ฝากด้วยก็แล้วกันนะ จ๋าก็รู้ว่าปอง ไม่เก่งภาษาน่ะ”ได้ที่แล้วเราอิอิอิอิ
      “แกไม่ได้แค่ไม่เก่งหรอกว่ะ แค่โง่นิดหน่อย” ยัยเอิง ดูมันซ้ำเติม
                แต่ก็ได้ผลยัยจ๋ายอมยิ้มขึ้นได้เล็กน้อย
       “ok กลับก็กลับ”
      “ปอง ยังไม่กลับนะ วงดนตรีเล็กๆที่ จะดังในอนาคตอีกวงยังรอค่อย นักร้อง ดาวรุ่งพุงทะลุอวกาศอย่างนู๋ปองคนนี้อยู่” ว่าแล้วปอง ก็ทำท่าทางแปลงร่าง เพื่อให้ยัยจ๋ายิ้มได้อีกครั้ง แล้วก็รับการบ้านของปองไป ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านปอง เดินไปยังห้องซ้อมดนตรีเล็กๆข้างมหาลัย พร้อมถุงขนมที่เอามาจากผู้สนับสนุนอย่างไม่ค่อยเต็มใจของเอิงกับจ๋า
       
                                                        บทที่ 2 ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ
            ปองก็เดินกินขนมจนมาถึงหน้าห้องซ้อมที่เพื่อนเพื่อนจ่ายค่าเช่าชั่วโมงล่ะหลายร้อยเพื่อเปิดซ้อมหวังว่าจะมีโอกาสขึ้นเล่นบนเวทีกับเค้าบ้าง แล้วก็ต้องซะงักกับเสียงที่พยายามหลีกหนี และคุ้นเคย
          “ของพี่ไม่ใช่เหรอ ในถุงอ่ะ” ไอ้พี่ไนท์นั่งอยู่บนขั้นบันไดตรงหน้าปอง
          “อะไร ขี้ตู่น่ะเนี่ย” ปองยังตีหน้าซือพยายามเดินหลีกไนท์ขึ้นไปข้างบน
           “ปกติ จ๋ากับเอิงชอบซื้อมาให้พี่นิ แล้วปองก็ไม่ชอบของหวานๆไม่ใช่หรอ” ไนท์พูดอย่างรู้ทัน
                มีเรอะคนอย่างปองจะยอมจนมุม   “ วันนี้อยากกิน มีไรป่ะล่ะ” ว่าแล้วปองก็พยายามเดินหนีไปให้พ้นๆๆ แต่บันไดเจ้ากรรมกว้างไม่ถึงเมตรเลยจึงทำให้เดินสวนลำบาก น่าเรียกวิศวกรมาเข้กกะโหลกซะมัด  ปองได้แต่คิดในใจ ทำหน้ามุ่ยและพยายามทำในสิ่งที่พยายามมาตลอด 5 นาทีกว่าคือเดินผ่านตัวซวยที่ชื่อไอ้พี่ไนท์นี่ไปโดยเร็ว
       
      ต่างกับไนท์ที่ไม่เคยรู้ตัวว่า ทำอะไรให้ปองไม่พอใจ เค้าเพียงแต่คิดว่าจะทำให้ปอง    เปลี่ยนความรู้สึกแบบนั่นได้อย่างไร ไนท์จึงพยายามในสิ่งที่ไม่ควรทำมาตลอดคือการเข้าหาเธอให้มากขึ้นซึ่งเป็นเหตุผลที่ไนท์อยู่ที่นี่  
            เมื่อความอดทนที่มีน้อยนิดของปองสิ้นสุดลง หลังจากที่ไม่มีวิธีที่จะเดินผ่านไปง่ายๆๆ นอกจากกระโดดข้ามหัวอีตานี่ไป ถ้าทำได้ล่ะก็ปองไม่อยู่ หงุดหงิดตรงนี้แล้ว
       
      “จะหลบไปหรือพี่ว่า ปองควรกระโดดข้ามพี่ไปดีมีเวลาให้คิด 3 ..วินะ”
      “ ...1...” คิดเหรอว่าหนุ่มสุดฮอตอย่างไนท์จะกลัวโถ ไนท์ยังนิ่งอยู่กับที่พร้อมน่าตากวนประสาท
      “...2...” ปองนับต่ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะล้อเล่น ทำให้ไนท์เริ่มลังเล
      “...3....” ปองยกขาขึ้นสูงเตรียมตัวจะกระโดด ดีที่ไนท์ก็ลุกขึ้นหลบทัน
      “โหดนะปอง ..ล้อเล่นนิดเดียว” ไนท์เหวหน้าตาเจื่อนๆๆลง
      “ พูดจิงก็ทำจิง”ว่าแล้วปองก็เดินขึ้นไปยังห้องซ้อมได้สักทีทั้งที่ในใจก็โล่งอกเพราะถ้าไนท์ไม่หลบล่ะก็ ปองก็พร้อมจะ(อย่างคิดล่ะว่าปองจะกระโดดจริงน่ะ นางเอกมีความเป็นกุลสตรีอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ)เดินกลับบ้านไงคือทางเลือกของปองอิอิอิ
      ว่าแล้วก็เดินโล่งใจตรงไปยังห้องซ้อมห้องเกือบสุดท้ายด้านขวามือที่มาเป็นประจำเวลาที่ไม่ต้องไปเฝ้าใคร(ไนท์น่ะแหละ)
      “ซาหวาดดี...ทุกทุกคน..เอิ..ก” อารมณ์ดีไม่ถึง 3 นาทีเลย ปองก็ต้องซะงักทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องซ้อม เพราะวันนี้สมาชิกในวงมันดูเยอะขึ้นนะ
       
      “มาทามอารายกัน...เหรอค่ะ” 
      “มาช่วยไง” ไนท์เดินเข้ามาใช้มือช่วยปองเปิดให้กว้างขึ้นด้วยความสูงของไนท์ทำให้มือที่ช่วยผลักประตูอยู่บนหัวของปองแล้วไนท์เดินเข้ามาด้านในโดยที่ปองล้มลงไปนั่งกับพื้นเพราะไม่ทันตั้งตัวกับแรงที่เปิดประตู
      “เฮ้..ย เป็นไรเปล่าปองฮึ..ฮึ”ไนท์พยายามช่วยปองลุกขึ้น พยายามกลั้นหัวเราะไม่ได้
      “ฮึ..ฮึ..ขำ ..ตลก   เนอะ”ปองขำเชิงประชดฟังแล้วน่ากลัวสุดๆ
      “เออ..พี่ขอโทษ ..ไม่ได้ตั้งใจจิงๆ” กลั้นหัวเราะไม่อยู่จริงๆอะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้นนั่งซะเรียบร้อยซะ
      “จริงใจป่ะเนี่ย..ขอโทษอ่ะ ..ยังหัวเราะชอบใจอยู่เลย” ปองค้อนมือก็สำรวจบาดแผลและความเรียบร้อยของตัวเอง
      “ ฮะ..ฮะๆๆๆ โทษว่ะ เออวันนี้พี่เค้ามาซ้อมด้วยห้องเติม ฮะฮะ..”เพื่อนร่วมวงทรยศพูดไปขำไป พากันขำทั้งวงเลยด้วยช้ำ
      “ ตลก..ห้องเติม ห้องมีเป็น สิบเนิ่ยนะ”
      “จิงจิง ไม่งั้นพี่ไม่มากวนหรอก เพราะรู้ว่าปองไม่ค่อยชอบขี้หน้าคนบ้างคนที่ชอบสร้างความหงุดหงิดให้ปองบ่อยๆหรอก” พี่บอยที่เลิกหัวเราะแล้วรีบอธิบาย
      “แล้วทำไมพี่ไม่ซ้อมที่โรงเรียนล่ะ” ปองเดินออกห่างประตูและปิดมันอย่างหงุดหงิดที่มันทำให้เสียหน้าเมื่อกี้
      “หนี ชะนีที่ตามรังควานว่ะ ถึงจะไม่ตามฉันเท่าพี่ไนท์ก็เถอะ” ไอ้เบลปาก สุนัขที่นั่งไขว่ห้างบนตู้แอม พร้อมกีต้าประจำตัวที่ไม่ห่างกาย”
      “พูดดีดีหน่อย...ชะนีที่แกด่าอ่ะรวมเอิง กับ.......จ๋า ...ด้วยนะโว้ย” ปองตั้งใจเน้นคำว่าจ๋าเป็นพิเศษเพื่อดูอาการ เอ๋อ   ของไอ้เบลเพื่อนปากดีที่   ปองรู้ความลับของมันที่มี   จ๊ะจ๋าหวานเจี๊ยบเข้ามาเกี่ยว
      “ เฮ้ย..ไม่เกี่ยวดิไม่รวมไม่รวม..เอิงก็เพื่อนฉันนะจะด่าได้ไง”
      “แล้ว จ๋าล่ะว่ะ ไม่ใช่เพื่อนหรือแกไม่อยากเป็นแค่เพื่อนกับจ๋าว่ะ” ปองแกล้งทำหน้าทะเล้นที่ได้แกล้งเบลอย่างเหนือกว่า ทำให้ปองพอยิ้มได รวมไปถึงพี่และเพื่อนๆที่ต่างทำหน้าตาอย่างรู้อย่างเห็น ในขณะที่กำลังหน้าแดงแต่พยายามกลบเกลื่อน
      “ไอ้ปอง มาซ้อมดีกว่า อย่างดูฝีมือว่ะ “ว่าแล้วเบลก็กระโดดลงจากตู้แอมมาปรับนู้นปรับนี่ เหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วโดนจับได้  ไม่เหมือนเบลปากดีคนเคยเห็น
      “เฮ้ยเร็วดิ ...ไม่ซ้อมหรอครับพี่”โดนพาลกันทั้งห้องเลย
      ปองค่อยๆเดินเข้าด้านหลังของเบลที่แกล้งทำเป็นยุ่งอยู่ “ไม่เนียนว่ะ” ทุกคนก็ต่างเริ่มเตรียมตัวกันแล้ว
      “เนียนไร แกห่วงตัวเองบ้างนะปอง ที่เค้าว่ากันว่า เกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะ จริงนะเว้ย”
      “อะไรว่ะ ..งง”    แล้วมันก็ยิ้มเหมือนผู้ชนะแบบที่ปองพึ่งทำไปเมื่อกี้นี้เอง...
       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×