ฉันมาสายตามเคย ซึ่งตอนนี้เป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้ว หากแต่วันนี้เป็นเพราะเหตุผล
ที่ว่าฉันปวดท้องอย่างแรง สงสัยคงเป็นเพราะพิษส้มตำลาวที่ปู่ซื้อมาฝากเมื่อวานแน่ๆ
ฉันนั่งรถมากับแม่ตลอดทางโดยไม่พูดอะไรซักนิด
“ ทำไมเงียบผิดปกติล่ะ ไม่ใช่นิสัยของลูกเลยนะ” แม่ถามนิ่มๆ พลางบิดพวงมาลัยรถยนต์ไปทางซ้าย
เพื่อออกถนนใหญ่
“เมื่อยปากน่ะ แม่” ฉันพูดอ่อยๆ พลางหยิบลิปมันมาทา ฉันไม่ต้องการให้แม่เห็นว่า
ฉันน่ะปากซีดจนขาววอก ไม่งั้นได้นอนหยอดน้ำเกลืออยู่บ้านแน่ แทนที่จะมาเจอพี่พีทตามระเบียงทาง
เดินเวลาเปลี่ยนคาบ
“แน่ใจนะ ลูก ถ้างั้นก็ตามใจลูกก็แล้วกัน” แม่ตัดบท พลางเอื้อมมือไปหยิบเทปเพลง เดอะ บีทเทิลส์
เข้าไปเสียบในวิทยุ แทนที่จะเป็นเทป ลิงกิง พาร์คของฉัน
5 นาทีต่อมา เราก็ถึงโรงเรียน ฉันจูบลาแม่ พลางปิดประตูรถเบาๆ ตอนนี้ โรงเรียนเงียบจนไม่ต่างอะไร
กับป่าช้าวัดดอน นั่นคือหมายความว่า คาบแรกของฉันกำลังดำเนินไปอย่างเงียบๆอยู่บนตึกวาฒนัช โดยไม่มีฉัน
“ให้ตาย!!!!!! คาบแรกสังคมงั้นเรอะ” ฉับวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นบันได สายกระเป๋าบาดไหล่จนฉันชินแล้ว
ดูเหมือนว่าบันไดจะไม่มีวันสิ้นสุด ฉันวิ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องเรียน แต่คุณครูยังไม่เข้า
จึงนับเป็นโชคอย่างยิ่งสำหรับฉัน สงสัยคงจะเป็นผลบุญจากเมื่อวานซืน เนื่องจากฉันพยายามจะช้อนมดง่ามตัวเป้งๆ
ออกจากน้ำในชักโครกของฉัน แต่ระหว่างที่เดินอยู่นั้น ก็มีจรวดกระดาษที่พับลวกๆ พุ่งตรงมายังหน้าผากนิ่มๆ
ของฉันก่อนที่จะตกลงพื้นที่ปูกระเบื้องลายดอกไม้สีฟ้าอ่อนอย่างแผ่วเบา ให้ตายเถอะหลบไม่ทันจริงๆ
ตอนนี้ฉันเริ่มมองหาเจ้าของจรวด ซึ่งอีตาเจ้าของจรวดก็คือนายฟางนั่นเอง เจอดีแน่ ฉันหยิบจรวดกระดาษนั้นเร็วๆ
จากพื้นอย่างรู้สึกฉุนจัด ในนั้นมีตัวหนังสือสีเข้มดูโย้เย้ไม่เป็นระเบียบที่เขียนด้วยปาก-กาหมึกซึมติดๆกัน ว่า
\'ยัยเฉิ่ม มาสาย\' เป็นประโยคสั้นๆแต่หยาบคายที่สุด ฉันมาสายแต่ก็มีเหตุผลน้ะ
ฉันขยำกระดาษนั่น ก่อนที่จะฉีกมันออกเป็นชิ้นๆจนนับไม่ถ้วน ก่อนที่จะโปรยมันไปตามทางเดิน จนแม่บ้าน ภารโรง
มองฉันอย่างตำหนิ ในขณะที่ฉันกำลังก้าวโครมๆ ตรงเข้าไปหา ไอ้เจ้าของจรวดเกระดาษเฮงซวย ไม่เอาไหน
ที่มีนามว่า ฟาง ฉันง้างแขนเต็มเหนี่ยว เล็งตรงไปยังหัวของนายฟาง แรงง้างทำให้มือฉันเด้งไปอย่างรวดเร็ว
เฮอะหลบไม้ทันหรอก เพราะนายนั่น หันหลังให้ฉัน ฉันไม่สนว่านายนั่นหันหลังไปทำไม แต่นายฟางนายเจอดีแน่ เผี๊ยะ
.. จ๊ากส์ๆๆๆๆๆๆๆๆ นายนั่นมันก้มหลบ ก้มทำไมน่ะเหรอ ฮือๆๆๆ มันก้มไหว้ครูน่ะสิ ฮือๆ มือ
..มือฉัน
.มือฉัน
ตบโดนหัวครูอย่างจัง ต
.ตาย แน่ๆ ครูหันหน้าไปตามแรงที่ฉันตบ แล้วค่อยๆหันหน้ามาทางฉันช้าๆ
..........................
ฉันรู้สึกเหมือนกับมีน้ำที่เย็นเฉียบค่อยๆคืบคลานขึ้นมาเรื่อยๆตั้งแต่เท้าจนถึงใบหน้าของฉัน
“เพชรรัตน์ เธอคิดว่าเธอทำอะไรอยู่” อาจารย์พูดด้วยเสียงอันเยือกเย็น ทำให้ฉันรู้สึกแข็งไปถึงไขกระดูกสันหลังแน่ะ ใบหน้านางยักษ์ของอาจารย์ระวิพรรณ ผู้สอนวิชาสังคม หนึ่งในวิชาที่ฉันเกลียดที่สุด นั้นเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
“คือ
แบบว่า
หนูไม่ได้ตั้งค่ะ อาจารย์ หวังว่าอาจารย์คงจะเข้าใจความหมายของหนูนะคะ คือ..” ฉันตอบเบาๆ พลางเชิดหน้าขึ้นมามองอาจารย์ระวิพรรณอย่างรวดเร็ว
“เธอเห็นครูเป็นอะไร เป็นหมาแมวรึไง คนที่ทำให้เธอทำอย่างนี้คือใครกัน หวังว่าคงไม่ใช่ฉัน!” อาจารย์เริ่มพูดด้วยเสียงดังขึ้น จนคนส่วนมากเริ่มหันมามอง
“โอ้
..มะ
ไม่ใช่ค่ะ อาจารย์..ไม่มีทางใช่อาจารย์อยู่แล้ว คือ
..” ฉันเริ่มต้นพูดอย่างเงอะงะ แต่ถูกอาจารย์ผู้เลิศเลอ ไม่มีที่ติขัดเอา
\"เธออยากจะตบใคร ไม่ใช่ฉันใช่มั้ย\"
โธ่เว้!!!!จะเป็นเมิงได้ไงเล่า (ฉันได้แต่คิด)
“ฉันถามว่าเธออยากจะตบใคร!\"
“นายณัฐพลค่ะ” ฉันพูดเสียงสั่น พลางชี้ไปที่ไอ้เจ้าจอมก่อเรื่อง ทำไมอาจารย์ไม่หยุดตะโกนซะที ฉันอายจะตายอยู่แล้ว
“ผม-เปล่า-ซะ-หน่อย!” นายฟางร้อง พลางดิ้นหนีอาจารย์ ซึ่งกำลังดึงหูนายฟางอยู่
“โกหก!!!!” ฉันแผดเสียง อย่างฉุนจัด ตอนนี้ฉันรู้สึกแย่มากๆ ถ้าอาจารย์แค่พูดว่า ไม่เป็นไร เรื่องคงไม่ใหญ่ขนาดนี้
“หยุดนะ เพชรรัตน์ ฉันไม่ได้ขอให้เธอตะโกนซักหน่อย” อาจารย์ปราม พลางลากนายฟางมาจากโต๊ะของเขา
“แต่
..อาจารย์คะ
.เขามันโกหก
..ถ้าเป็นอาจารย์ อาจารย์จะยอม
”
“เงียบ! ไม่มีใครขอความเห็นจากเธอ นังเด็กมือบอน ตัดคะแนนจากวิชาสังคมของเธอ 10คะแนน”
ฉันคราง
อะไรกัน ฉันไม่ผิดเลย แม้แต่นิดเดียว เรื่องชักใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะเจ็บใจแล้ว ยังเสียคะแนนอีก
“เธอทั้งสองคน ต้องถูกกักบริเวณเย็นนี้ และทุกๆวัน ตลอดสัปดาห์นี้ แต่ฉันว่ากักบริเวณน้อยไปหน่อยนะ
เอาเป็นว่าเธอน่ะ ต้องเสียคะแนนเหมือนกัน หวังว่านี้คงเป็นบทเรียนให้เธอสองคนได้นะ จริงๆครูอยากจะให้เข้าฝ่ายปกครองด้วยซ้ำ แต่เห็นว่า นี่เป็นคาบเรียนแรก ฉันจำเป็นต้องผ่อนปรนบ้าง เอาละ
.. 10 คะแนน คงเป็นเครื่องเตือนใจนะ นายณัฐพล”
คราวนี้ตานายฟางเป็นฝ่ายครางบ้าง
ฉันไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนสังคมเรย จิตใจของฉันห่อเ่xxx่ยวเหมือนลูกโป่งถูกเจาะ ฉันลองเหลือบดูนายฟาง เขาไม่ได้มีสีหน้ายียวนกวนประสาทเหมือนทุกที จริงๆแล้ว เขาไม่ได้มองฉันด้วยซ้ำไป เขาเอาแต่ขูดขีดบนกระดาษของเขา ฉันไม่คิดว่า 10คะแนน จะทำให้เขาหดหู่ขนาดนี้ ฉันเรียนคาบนี้อย่างไม่มีความสุขเลย ยิ่งกว่าวิชาคณิตอีกกระมัง(ล่อภาษาโบรานนนน) ไม่มีอะไรเข้าหัวฉันเลย ให้ตายเถอะ เกรดปีนี้ต้องลดแน่ๆ ไปๆมาๆ เสียงครูคนนี้แทบทำให้ฉันหลับไปเสียทีเดียว ปรกติฉันจะง่วงเฉพาะภาคบ่ายเท่านั้นนี่นา อืมๆๆ
.งั่มๆๆๆ
..ง่วงจังเลย คร่อกๆๆ คงเป็นเพราะพิษท้องเสียแน่ๆ เลยเหนื่อยอย่างงี้ ออกแรงเบ่งเมื่อเช้าเยอะไปหน่อย งั่ม
.คร่อก
-_- zZZZ
“จ๋าๆ จ๋าๆ ตื่นได้แล้ว จ๋า” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น
“ง่ะๆ งั่มๆๆ พี่พีทจ๋า จ๊วบๆๆ”
“ยัยบ้า ตื่นได้แล้ว จุ๊บๆจ๊วบๆอะไร ทุเรส ” เสียงริดแน่นอน สมองฉันเริ่มทำงานแล้ว
“อืมๆ
. จ้าๆ
.ตื่นแล้ว ฮ้าว
.”ฉันอาปากหาววอดๆ
“ต่อเป็นเป็นคาบโฮมรูมน้ะ เดี๋ยวครูคงมาแล้วล่ะ เอ่อ แล้วก็ตะกี้ก่อนออกห้อง ครูสังคมเห็นเธอหลับก็เลย
ถูกกักบริเวณอีก 1 อาทิตย์ ฉันโทรไปหาเธอ คิดว่าระบบสั่นคงจะทำให้เธอตื่น แต่เธอปิดมือถือ” ชะเอมพูดอย่างหดหู่ ยังกะเธอโดนกักบริเวณแทนฉันอย่างงั้น ฉันถอมหายใจทางจมูกอย่างโมโห พลางหันไปหานายฟาง แต่ไม่ได้นั่งที่ของเขา คงออกไปหลีสาวข้างนอกล่ะมั้ง
\"สวัสดีนักเรียนทุกคน ไม่ได้เจอกันนานเป็นไงกันมั่งล่ะ เทอมใหม่นี้ เราจะทำอะไรใหม่ๆกัน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เธอพูดคุยกัน จนอาจารย์คนอื่นฝากครูมาพูดกับพวกเธอ(อาจารย์มองมาทางชั้น) เพระฉะนั้นเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ครูได้ทำเบอร์มาให้เธอจับกันแล้วน้ะจ้ะ\" น้กเรียนหลายคน ตะโกนโหวกเหวก อย่างไม่พอใจ เมื่อครูพูดพลางยกมือขึ้นเขย่าเบอร์ที่ใส่เอาไว้ในกล่องพลาสติกสีเขียว
ฉันมองหน้า ชะเอมอย่างอาลัยอาวร พลางหันไปมอง แอ๊น ริดแล้วก็แหนมทีละคนอย่างช้า ฮือๆ
.เราคงต้องจากกันแร้ว ฉันได้แต่ภาวนา ขอให้ได้นั่งกับเพื่อนๆที่รักของฉันเถอะ ได้โปรด
“ เราจะจับกันตามเลขที่น้ะจ้ะ เอ้าเลขที่ 1 ออกมา” ครูพูดตัดบท ขณะที่คนที่เลขที่ 1 ออกไปจับ เขาได้นั่งกลางๆ แถวที่ 3
ฉันรอแล้วรอเล่า ตอนนี้ เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ในห้องก็ได้ที่นั่งกันแล้ว แต่เนื่องจากฉันเป็นนักเรียนใหม่ ฉันก้เลย อยู่เลขที่ท้ายๆ ซึ่งตอนนี้ฉันก็รู้แล้วว่า แหนม ริด แล้วก็แอ๊นน่ะนั่งที่ไหน ทุกคนมีคนนั่งข้างแล้วด้วย ซึ่งแน่นอน ไม่ใช่ฉัน แต่ ข้างแหนมมีที่นั่งว่างอยู่พอดีเลย ฮูเร่
ขอให้ฉันได้นั่งเถอะ
“เลขที่ 47 “ เสียงครูดังขึ้น มันทำให้ฉันสนใจเพราะนั่นคือเลขที่ของนายฟาง
“30 ไปนั่งแถวกลางโต๊ะสุดท้าย” ครูพูด
แย้กส์ โต๊ะตัวนั้นก็ว่าง
“เลขที่ 48” ครูแหกปากอีกครั้ง
“โต๊ะที่ 17 นั่งกับศศิวิมล สรุปคือนักเรียนใหม่ของเรา เพชรรัตน์ นั่งโต๊ะที่ 29” ครูพูดตัดบท ซึ่งตอนนี้เหมือนตัดชีวิตฉันขาดออกเป็นสองท่อน ฉันตกใจมาก จนก้าวขาไม่ออก ซึ่งตอนนี้นายนั่นก็อ้าปากหวอ ซึ่งก็ดูตกใจไม่น้อย คงตกใจพอๆกับฉัน
“เพชรรัตน์ นั่งที่สิ” ครูพูดไล่ฉัน
“เออ
ครูขาคือหนูสายตาสั้นน่ะค่ะ คือหนูนั่งหลังแล้วมองไม่เห็น” ฉันแก้ตัวน้ำขุ่นๆ พูดอย่างรวดเร็วเหมือนท่องมา ฉันไม่มีปัญหาเรื่องสายตาซักนิด
\" ครูจะย้ายที่ให้ เมื่อได้รับ ใบรับรองแพทย์ กับลายเซ็นผู้ปกครอง\" ครูพูดอย่างรู้ทัน
\"...\" ฉันแก้ตัวไม่ขึ้น
\"เพราะฉะนั้น ไปนั่งข้าง ณัฐพล ก่อนแล้วกัน\" ครูพูดอย่างไม่ใยดี
ฉันเดินเหมือนคนใกล้ตาย ซึ่งนายนั่นก็เริ่มที่จะหงุดหงิดแล้ว ฉันวางก้นลงบนเก้าอี้อย่างเหม่อลอย ทำสีหน้าเซ็งเหมือนคนไร้วิญญาณ ฉันต้องนั่งข้างไอ้อัปลักษณ์นี่จริงๆเหรอ ฉันถามตัวเองหลายครั้ง
\"ยายหน้าจืดเอ๊ย\" เขาสบถเบาๆ
\"ตาโง่งี่เง่า\" ฉันได้ยินน้ะถึงแม้จะพูดเบาๆก็เถอะ
\"ทำไมถึงซวยอย่างนี้น้ะ\" นายฟางพูดพลางทำหน้าเหยเก เหมือนคนเจ็บปวดเอามากๆ
\"นั่นน่ะฉันต้องพูดย่ะ\"
\"นี่เธอ คิดจะแย่งคำพูดทุกคำที่ฉันพูดไปหมดเลยรึไง ไม่มีสมองเรอะ\"
\"เปล่าน้ะ ก็ทุกคำที่นายพูดฉันต้องพูด เหอะลองนึกดูสิ ฉันซวยเพราะโดนครูด่า โดนกักบริเวณ มาโรงเรียนสาย แล้วก็ได้มานั่งข้างตัวอัปลักษณ์ อย่างนาย\"
\"มากเกินไปแล้วน้ะ ยัย...\"
\"นี่นายณัฐพล เธอคิดว่าที่นี่เป็นตลาดหรือไง เงียบเดี๋ยวนี้น้ะ\"
\"นอกจากจะหน้าจืด ซุ่มซ่าม แล้วยังขี้บ่นอีกเรอะ ขึ้นคานแน่ๆเลยเธอน่ะ\" เขาพูดเบาๆ อย่างเหยียดหยาม
\"เรื่องของฉัน\" ฉันจบบทสทนานี้อย่างรวดเร็ว เพราะครู มองมาทางนี้อีกแล้ว dอิอิb
.................................
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น