The Legend of Love. [YeRyeo] เรื่องสั้น - The Legend of Love. [YeRyeo] เรื่องสั้น นิยาย The Legend of Love. [YeRyeo] เรื่องสั้น : Dek-D.com - Writer

    The Legend of Love. [YeRyeo] เรื่องสั้น

    บทความรักที่เป็นไปไม่ได้ ที่รอคอยคุณพิสูจน์

    ผู้เข้าชมรวม

    1,241

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    1.24K

    ความคิดเห็น


    15

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.ค. 54 / 10:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    GG ..



    จ๊ะเอ๋ ! (- 3 -) และแล้วก็คลอดเรื่องสั้นอีกแล้ว 555

    ผ่านไปสองชั่วโมงของคืนวันศุกร์หลังจากเรียนมาทั้งอาทิตย์ ฟ้าก็ได้ตั้งมือบนแป้นพิมพ์งานออกมาอีกหนึ่งเรื่อง

    เนื้อเรื่องนี้ก็คงจะงงงวย แต่ทนอ่านไปเหอะเนอะ 55 ไม่เคยแต่งแนวนี้อยากให้ได้อ่านกัน ยัดเยียด!ด้วย ไม่อ่านงอน คริคริ


    ** เนื้อเรื่องจะเป็นเกี่ยวกับซาตานมีปีก เทพเจ้า ความเชื่อ และการเชื่อมโยง  บทความรักที่รอการพิสูจน์ เลื่อนลงไปเลยค๊า ! ไปอ่านกันเลย คือย่อเรื่องไม่ถูก (;  ^ ;) ขอสารภาพ555






    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      เสียงสายน้ำไหลเอื่ยข้างๆหูมันดังแว่วเบาๆปลุกให้ตื่นจากภวังค์ความฝัน ไอเย็นของหยาดน้ำเย็นชื้นติดอยู่ทั่วร่างกายนี้….

      ร่างกายขาวซีดที่เคยเป็นของข้า

      เมื่อนานมาแล้วถูกปกคลุมด้วยใบไม้และต้นหญ้าสีเขียว ไม้เลื้อยที่พันรอบกายบ่งบอกระยะเวลาที่ข้าหลับไปสู่อีกโลกนึง

      หลับไปนานเชียวคราวนี้กว่าจะรู้สึกตัว เนื้อตัวก็ถูกสัตว์ป่ากัดเทะจนได้แผล….

      มือหนาค่อยๆเกะชะรูดใบไม้ออกจากตัวพลางยันร่างกายใหญ่แล้วลุกขึ้นช้าๆ ท่ามกลางป่าสีนวลค่อยๆผลัดใบทิ้งลงมาอย่างอ่อยอิ๋ง ชายคนที่นอนหลับไหลบนแท่นหินก็ตื่นขึ้นอีกครั้ง เป็นประจำของทุกปี ที่เค้าจะตื่นขึ้นมาเพื่อจุติอยู่บนโลกมนุษย์ที่มีแต่ความลุ่มหลงและไร้ซึ่งความปราณีต่อผู้ร่วมโลกนี้ เพื่อมองสิ่งเดิมๆและเบื่อหน่ายกับการเป็นสิ่งประหลาดให้ผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นเข้ามาลอบมองพฤติกรรม

      จ่อม

      ชายหนุ่มจุ่มเท้าลงที่ผืนน้ำสีขาวใสระยิบระยับมองเห็นก้อนกรวดด้านล่าง เค้านุ่งชุดสวมโคร่งสีขาวที่เมื่อจับต้องกับแสงแล้วเรื่อจนแสบนัยตา มันคล้ายชุดสวมลงมาธรรมดาหากแต่กลับมีช่องว่างที่ด้านหลังเปลือยยาวจนถึงเอว  ปีกสีดำกระพือพรึ่บพรับก่อนที่จะเก็บตัวเรียบติดหลัง

      หน้าที่ข้าคือผู้นำพาความตายเก็บดวงวิญญาณที่กระจัดกระจายไร้ที่พักพิงไปสู่อีกโลกที่ข้าจากมา…. อีกทั้งข้ายังมีหน้าที่ประทานพรแก่มนุษย์ผู้ใดก็ตามที่อยากได้สิ่งที่ปราถนาพร้อมกับข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างที่สมควรค่าแก่ราคา…. เพื่อให้อยู่อย่างสงบสุขและปราศจากอันตรายของความน่ารำคาญใจที่พวกทนุษย์คอยหวาดระแวงและพยายามทำลายร่างนี้ ทุกปีข้าต้องตื่นและกลับมายังโลกนี้เพื่อขจัดเสียงร่ำไห้ของดวงวิญญาณที่ไร้ที่พักพิง พร้อมประทานพรให้แก่มนุษย์เหล่านั้น

      ป่าดิบชื้นนี้ตั้งห่างจากหมูบ้านชุมชนคนเมืองอยู่พอสมควร และไกลเกินกว่ามนุษย์ผู้ใดจะก้าวเข้ามาได้ หากแต่ข้าก็ยังถากถางทางเข้าเพื่อให้พวกเค้าเข้ามาขอพรและจากไปพร้อมกับความหวังของชีวิต เพื่อกลืนกินความผิดหวังประทังความหิวจากร่างกายอ่อนแอนี้ ข้าไม่กินธัญญาหารหรือเนื้อสัตว์หากแต่พวกข้าดื่มกินความหวาดกลัวและความผิดหวังจากโลกใบนี้เพื่อกลับไปยังโลกที่ข้าจากมา สัตว์รับใช้ชั้นต่ำอย่างข้ามีหน้าที่แค่รักษาสมดุลวงจรความตาย ข้าไม่มีหัวใจและไม่มีความรู้สึกอยู่อย่างแท่นหินที่แข็งทื่อไร้อารมณ์

      กร๊อบแกร็บ

      เท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่ำกิ่งไม้สีน้ำตาล ปลายเท้าขาวก้าวไปตามทางเดินเล็กๆ เค้าหายใจเบาๆพร้อมกับกางปีกแล้วพุ่งทะยานตัวออกจากพุ่มไม้ พุ๊บ! เสียงกิ่งไม้และใบไม้หักพร้อมกับเศษใบไม้ที่หลุดปลิวขึ้นและลอยลงสู่ด้านล่างในเวลาไม่ช้า

       

      เสียงเคาะระฆังดังขึ้นในชุมชนเมือง เมื่อเห็นเงาปีกทะยานกลางท้องฟ้าสีคราม ซาตานที่ร่ำรือว่าจะมานำดวงวิญญาณผู้ใดที่มันพบเห็นได้มาเยือนแล้ว ปัง! ปัง! ปัง! ทุกบ้านต่างปิดหน้าต่างและพากันเข้าไปในบ้านของตนพร้อมกับเงียบเสียงไว้

      บางสิ่งที่มีชีวิตทะยานกลางท้องฟ้าเหนือตัวเมืองพร้อมกับสูดลมหายใจแล้วบินโฉบลงที่หลังคาบ้านแล้วร่อนตัว แสงไฟสุกใสลอยขึ้นเหนือตัวเมือง พร้อมกับหายไปเมื่อเงาของซาตานบินผ่าน ขนนกสีดำร่วงหล่นลงไปพร้อมกับเลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากริมปาก ปีกใหญ่กระพือก่อนจะบินรอนแรมกลับสู่รังพักพิง

      พรึ่บพรับ!

      ใบหน้าหล่อเงยคอขึ้นก่อนจะค่อยๆโน้มตัวลงเตะพื้นดินด้านล่างของป่า เค้ายกมือหนาจับไหล่ใหญ่ก่อนแล้วค่อยๆเขยื่อนร่างกายอันบอบช้ำไปที่แท่นหินที่เค้าใช้พัก

      “เหอะ”

      เมื่อมาถึงก็ได้แต่ล้มตัวลงนอนพร้อมกับหลังตาพร้อมความรู้สึกเช่นเดิม ชิงชังสิ่งที่เป็นอยู่

       

      __________________________________________________*

       

      เมื่อเช้าวันใหม่มาถึง เค้าก็ตื่นขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเดินลากเท้าไปที่ริมน้ำเช่นเดิม ทว่าวันนี้กลับผิดแปลกไปจากทุกวัน เด็กชายวัยเยาว์ตัวเล็กที่ไม่เคยเห็นหน้า กำลังจุ่มเท้าลงที่บ่อน้ำของเค้า พลางหันมองด้วยแววตาใสซื่อ ทว่าแววตานั้นกลับดูว่างเปล่า

      “เจ้าเป็นใคร”

      “ท่านหล่ะ

      เสียงถามกลับทำเอาคนถูกถามใบหน้าย่นลงเล็กน้อย คนตัวใหญ่มองกลับไปพร้อมกับตั้งใจยกปีกสีดำด้านหลังกระพือขึ้นตีลมแรงๆให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวว่าไม่ควรเข้ามายุ่งในเขตบริเวณนี้

      “ท่านคือเทพที่เค้าว่ากันหรือไม่ที่สามารถขอพรอะไรก็ได้”

      “ข้าเป็นแค่สัตว์รับใช้ของสวรรค์ตัวนึงก็เท่านั้นแต่ก็สามารถให้ตามประสงค์ของเจ้าได้”

      “เช่นนั้นข้าก็รอท่านอยู่

      “ขอพรจากข้าแล้วข้าจะบอกข้อแลกเปลี่ยน”

      เด็กชายค่อยๆขึ้นจากน้ำพร้อมกับเดินเหยียบหินสีขาวแล้วเดินเข้ามาใกล้คนตัวใหญ่อย่างระวัง เค้าพูดเสียงเบาแล้วมองที่ดวงตาอีกฝ่าย

      “ข้าปราถนาอยากรับรู้ถึงความสุข”

      “แววตาเจ้าบ่งบอกถึงพลังชีวิตที่ใกล้มอดดับ”

      คนพูดกางมือออกพร้อมกับพยักหน้าแล้วบอกข้อตกลง

      “ข้าจะให้ในสิ่งที่เจ้าปราถนา เมื่อเจ้าได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วข้าจะขอรับหัวใจเจ้า ข้าจะควักมันออกมาจากร่างกายเจ้า”

      “ได้”

      เด็กชายตอบก่อนจะเดินก้าวไปใกล้พลางยื่นบางอย่างให้ซาตาน

      “กอดข้าแล้วกินความรู้สึกข้า ท่านอ่อนแอจากการเก็บวิญญาณเร่ร่อนที่เต็มไปด้วยโทสะพวกนั้น”

      คนฟังมองก่อนจะยกตัวขึ้นพร้อมกับกระพือปีกแล้วบินออกขึ้นสู่ท้องฟ้า หายวับไปจากสายตาเด็กน้อย มือเล็กยกขึ้นลูบที่อกข้างซ้ายก่อนจะเดินไปที่แท่นนอนแล้วทิ้งตัวลงอย่างช้าๆพร้อมหลับลง

      เมื่อตะวันดับลงแสงดวงจันทร์ก็ส่องเข้ามา เด็กชายที่ตื่นขึ้นเตรียมที่นอนอย่างดีไว้ด้วยเศษฟางนุ่มพร้อมกับต้มน้ำร้อนรอคนที่กลับมา เมื่อผ่านไปเพียงชั่วครู่เสียงเดินย่ำเท้าก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาว ริมปากมีเลือดสีแดงติดอยู่ คนที่เดินแทบจะทรงตัวไม่อยู่เค้าเดินเข้ามาใกล้แท่นนอนพร้อมกับเขี่ยเศษฟางหนาให้ตกลงไปที่พื้นด้านล่างให้พ้นทางพร้อมกับหมอบตัวต่ำแล้วเลื่อนปีกสีดำปิดคลุมตัวไว้

      “เจ้าตายไปแล้ว เหตุใดยังมีร่างกายใช้อยู่”

      เด็กชายหันมองร่างของชายที่ค่อยๆสยายปีกออกมา คนพูดมองตรงมายังร่างเด็กชายที่นั่งกอดเข่าแล้วหันมาพร้อมกับพูดด้วยแววตาเศร้ามีเสน่ห์

      “พ่อแม่ข้าตายในสงคราม..ทิ้งข้าไว้คนเดียวในบ้านเก่าอยู่ท้ายป่านี้..

      “ข้าหิวโหย ไร้ซึ่งความสุขสุดท้ายก็ตายอย่างทรมาน หากแต่ดวงวิญญาณกลับไปไหนไม่ได้ ได้แต่เฝ้าวนเวียนขอร้องผู้ที่ผ่านไปมาแต่ก็ไม่มีใครได้ยินคำขอร้องข้า จนเมื่อวันนึงมีแม่เฒ่าจากที่แสนไกลผ่านมาเค้าจึงใช้หุ่นนี้แล้วเสกมนต์สะกดข้าให้อยู่เสียแต่ร่างนี้ไม่มีตายและไม่มีวันที่จะจากไป

      “แม้ข้าจะสามารถสื่อสารกับคนได้แล้ว แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะมอบไมตรีให้ข้า ซ้ำยังทำร้ายให้ร่างกายนี้ให้ย่ำแย่ลง

      “ก็คนมันตายไปแล้ว อยู่ดีๆลุกขึ้นมาเดินได้ใครจะไม่กลัว”

      คนพูดหลับตาพูดพร้อมกับหายใจแรง

      “ยิ่งยึดติดยิ่งจากไปไม่ได้ เมื่อตายแล้วทำไมจึงยังอยากอยู่บนโลกนี้ เมื่อไม่มีใครกลับมาแล้วทุกคนก็ล้วนจากเจ้าไป”

      “เพราะหวังว่าสักวันพ่อแม่จะกลับมาหาข้าตามคำสัญญานั้นที่ให้ไว้ก่อนจะออกจากบ้านไป

      “ข้าอยากรู้สึกถึงความรู้สึกนั้นอีกครั้ง ความสุขที่เคยมีข้าอยากจำมันให้ได้..

      เด็กชายเดินช้าๆพร้อมกับยกมือทั้งสองกอดเข้ากับร่างที่นอนอยู่ เค้าสอดมือผ่านปีกสีดำแล้วค่อยๆซบหน้าลงที่อกแกร่ง คนนอนอยู่ก้มมองพร้อมกับนิ่งไม่ได้พูดสิ่งใด

      _______________________________*

      จวบจนเวลาดึกเสียงพระพือปีกก็ปลุกให้เด็กน้อยลืมตา ร่างของชายคนเดิมค่อยๆจมลงที่สระบึงพร้อมกับจมตัวเองลงไป เด็กชายยันตัวขึ้นมองพร้อมกับพิจารณาร่างกายชายที่ไม่มีปีกในผืนน้ำด้านล่าง ช่องอกด้านซ้ายเต็มไปด้วยเลือดมันโหว่และมองไม่เห็นหัวใจที่ร่างนี้เคยมี นี่คือร่างที่ซาตานเคยใช้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์

       

      “ท่านไม่มีหัวใจหรือ”

      “เห็นแล้ว ถามอีกทำไม”

      “เหตุใดหัวใจท่านเมื่อครั้งเป็นมนุษย์จึงหายไป”

      “เพราะคนรักข้า ”

      คนตอบพูดก่อนจะหันมองเด็กชาย “ข้าไม่เคยถูกหลอกให้รอคอยเช่นเจ้า..แต่เคยถูกคำโป้ปดจากคนรักหลอกลวง”

      “ข้าถูกหลอกลวงจากคนรักที่คบชู้ให้เข้าป่าเพื่อหายารักษานางให้หายไข้ ข้าก็ถูกลอบทำร้ายและควักหัวใจออกไป

      “นาทีสุดท้ายที่ข้าใกล้สิ้นใจ ข้าภาวนาให้ข้าได้อยู่ต่อไป ไม่ว่าจะต้องเป็นข้ารับใช้ชั้นต่ำของสวรรค์เบื้องบนข้าก็ยอม ขอแค่ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป

      “ข้าจึงได้ขายตัวเองให้แก่ซาตานที่มารับดวงวิญญาณ เพื่อให้รับตัวข้าแล้วเปลี่ยนให้เป็นสัตว์นรกชั้นต่ำที่คอยเก็บกวาดดวงวิญญาณและทรมานกับร่างกายนี้ ”

      “จนกว่าจะสลายหายไปจากโลกนี้ จึงถือว่าหมดหน้าที่”

      “อยู่แก้แค้นหรือ”

      “ข้าอยู่เพื่อหาหัวใจข้าคืน”

      “ท่านหามันจากคนที่มาขอพรท่านใช่หรือไม่”

      “ใช่

      “อีกกี่คืนที่ท่านจะจากไป”

      “สาม”

      คนตอบพูดห้วนๆพร้อมกับทะยานปีกขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วหายไปด้วยความรวดเร็ว

      ________________________________________________*

      เมื่อผ่านพ้นอีกคืนไป เค้าก็กลับมาพร้อมกับขมวดคิ้วเมื่อมีดอกไม้สีขาววางอยู่เต็มแท่นพร้อมกับเด็กชายที่นอนเกาะขอบแท่นหลับผล็อยไป

      “เจ้า..เจ้า”

      ขี้เซาอีก ..

      คนสะกิดคิดในใจก่อนจะค่อยๆช้อนร่างบางขึ้นวางบนแท่นพร้อมกับนอนข้างๆแล้วยกปีกคลุมคนตัวเล็กกว่าเมื่อท้องฟ้าตั้งเค้าครึ้มฝน

      มองไกลๆคล้ายปีกนกสีดำใหญ่ห่อหุ้มบางสิ่งไว้ เมื่อลมแรงพัดโฉบมาก็มาพร้อมฝนเย็นฉ่ำ คนตัวเล็กลืมตาตื่นพร้อมกับยกริมปากเล็กเตะปากบางอีกคนที่หลับพริ้มอยู่

      ดวงตาของอีกคนลืมตื่นอีกครั้ง เมื่อลมฝนหยุดลง ร่างกายเด็กชายที่โอบกอดไว้กลับเปลี่ยนไปกลายเป็นชายใบหน้าสวยงามราวดอกไม้ คนตัวใหญ่สลัดปีกยกขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเมื่ออีกคนลืมตาตื่นพร้อมกับมองมาที่เค้า

      “เรียวอุค..

      “ไปซะ

      ซาตานล่วงรู้ชื่อผู้อื่นได้เสมอ เค้ารู้ว่าเรียวอุคถูกเสกมนต์ให้ต้องคำสาปไว้ จนกว่าเค้าจะพบคนที่รักที่แท้จริง เค้าจึงจะกลับกลายเป็นมนุษย์อีกครั้งและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทว่าไม่ใช่ ไม่อาจเป็นไปได้

      “แต่

      “ไปซะ”

      คนพูดย้ำอีกครั้งพร้อมกับยกตัวคนตัวเล็กขึ้นอุ้มไว้พร้อมกับกระพือปีกแล้วเร่งความเร็วท่ามกลางเม็ดฝนที่โปรยปรายเข้าสู่ชานเมืองเล็กๆเค้าค่อยๆร่อนลงพร้อมกับวางชายตัวเล็กที่หนาวสั่นไว้ข้างกำแพงของร้านอาหารแล้วจากไปโดยไม่ฟังคำพูดขอร้องจากเด็กชาย

      เค้าจากมาพร้อมกับทำงานตามหน้าที่แล้วกลับมาพักผ่อนตามเดิม

      แน่นอนหากเค้าคือคนรักของเรียวอุคแล้ว เด็กชายคนนั้นจะต้องเข้ามาทำให้ชีวิตเค้าวุ่นวาย ซาตานจะมีคู่ครองไม่ได้ หากมีแล้วคนที่รักจะต้องกลายเป็นสิ่งเดียวกับเค้า เค้าไม่สามารถทนเห็นน้ำตาและไม่อยากพรากบางสิ่งไปจากโลกนี้ เด็กคนนั้นควรมีชีวิตที่นี้ตามที่มันจะเป็น ตอนนี้เรียวอุคกลับเป็นมนุษย์ครึ่งนึงแล้วสักวันเค้าจะมีความสุขที่แท้จริงเมื่อถึงเวลานั้นเค้าคนนี้จะกลับมาทวงสัญญาคืน ควักเอาหัวใจนั้นไปเพื่อเติมเต็มให้แก่ตนเอง

       

      “ยังทิ้งไมตรีไว้เสมอนะมนุษย์”

      คนตัวใหญ่จับกิ่งดอกไม้สีขาวขึ้นมาจากพื้นแล้วสูดดมกลิ่น เค้าก็อดคิดห่วงไม่ได้ ปีกดำกางออกพร้อมกับลอยตัวขึ้นไปยังชานเมืองเช่นเดิม แล้วเกาะกิ่งไม้เฝ้ามองความเป็นไปของโลกนี้ มนุษย์กลุ่มนึงกำลังโยนเงินลงบนถาดเหล็กแล้วหยิบไม้แหลมแทงเข้าไปในกรงเหล็ก

      “แทงมันไป! มันโดนคำสาปไม่ตายหรอก !

      “ข้าขายให้ ใครมีรสนิยมแปลกอยากอ้างค้างแรมเพียงแค่สิบทอยเท่านั้น”

      ดวงตาหรี่มองชายคนนึงที่เก็บแผ่นทองบางรูปรีมีหวงที่เรียกว่าเงินทอยไว้กับมือ จากชายที่แห่ล้อมกรงเหล็กที่ตั้งกลางถนนไว้ เมื่อมองเข้าไปในกรงกลับพบเด็กมนุษย์ตัวเล็กนอนขดตัวสภาพเปลือยกายเลือดไหลซึมเป็นริ้วรอย ร่างนั้นสั่นเทาพร้อมกับก้มหน้าร้องไห้เมื่อมีคนแทงเหล็กแหลมเข้ากับตัว

      พรึ่บ!!!!!!!!!!!!!

      ขนนกสีดำพุ่งตรงไปยังกลุ่มชายพวกนั้นก่อนที่เจ้าของจะกางปีกแห่งซาตานแล้วร่อนโฉบเอากรงเหล็กลอยสูงขึ้นด้วยขาทั้งสองที่กลายเป็นเท้าขนาดใหญ่ของนก เค้าหันมองไปรอบๆก่อนจะกระพือปีกสบัดเต็มแรง คนในเมืองเงยหน้าแล้วกรีดร้องพร้อมกับวิ่งหายไปเมื่อพบว่าบนท้องฟ้ามีซาตานลอยตัวมองด้วยแววตาไม่พอใจ

       เมื่อข่มขู่เสร็จสิ้นเค้าก็บินกลับผืนป่าแล้วร่ายมนต์คุ้มกันไว้พร้อมกับโฉบต่ำลงแล้ววางกรงเหล็กไว้บนแท่น เค้าค่อยๆปล่อยปลายเท้าที่เป็นดังเดิมไว้บนพื้นพร้อมกับง้างเหล็กด้วยแรงมือที่มากกว่ามนุษย์แล้วค่อยๆช้อนเอาเด็กชายด้านในมากอดไว้พร้อมกับประคองกอดไว้ตลอดทั้งคืน

      “ท่านทำไมจึงทิ้งข้าไป

      เมื่อผ่านไปครึ่งคืน เด็กชายในอ้อมกอดก็พูดขึ้น

      “เพราะข้ากลัว

      ซาตานพูดขึ้นพร้อมกับก้มลงมองร่างชายอีกคนที่อยู่ในอ้อมกอด

      “ข้ากลัวความรัก

      ดวงตาสีดำก้มมองคนตรงหน้าพร้อมกับยกมือทั้งสองจับใบหน้าสีขาวของอีกฝ่ายไว้

      “กลัวที่จะพบมันอีกครั้ง

      ซาตานพูดพร้อมกับหันมองอีกคน

      “บอกข้าได้หรือไม่ชื่อท่านครั้งเป็นมนุษย์”

      “ข้าชื่อเยซอง”

      คนพูดค่อยๆเอนตัวลงพร้อมกับกอดกระชับร่างบางไว้ พร้อมกับกระชับกอด มือบางของอีกคนไล้ริมปากซาตานสิ่งที่ไร้หัวใจกลับมองกลับมาด้วยแววตารู้สึก

      “หัวใจข้าไม่เคยเต้นแรง”

      “แต่ข้ากลับรู้สึกว่าข้ากำลังอยู่ในฝันอันอบอุ่น”

      คนพูดปิดเปลือกตาแล้วหลับลง เมื่อเช้าอีกวันมาถึงคนที่นอนข้างๆก็ยังคงหลับอยู่ เมื่อีกฝ่ายตื่นอีกคนก็ลืมตาตาม เรียวอุคยกมือจับใบหน้าหล่อพลางยิ้มบางแล้วพูด

      “นานแล้วที่ข้าไม่รู้สึกผิดหวัง ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นและความห่วงใยของคนอื่น”

      พรึ่บ!

      อยู่ดีๆอีกคนก็กดแขนคนตัวเล็กลงแล้วยกตัวขึ้นพร้อมกางปีกออก เรียวอุคจ้องมองแววตาอีกคนพร้อมกับยกมือประทับที่อกข้างซ้าย

      “ตอนนี้ข้ามีความสุขแล้ว ยินดีจะให้ในสิ่งที่เคยสัญญาไว้”

      “ความรัก ความสุข และความห่วงใย ข้ารู้สึกถึงมันแล้ว”

      แววตาซาตานแข็งกร้าว เค้ายกมือที่ค่อยๆมีเล็บยาวแหลมขึ้นพร้อมกับมองอีกร่าง

      ฉั๊ว!

      เสียงบางอย่างขาดออกจากกันทันที ปีกสีดำร่วงลงสู่พื้นด้านล่าง พร้อมกับแผลที่หลังของคนตัวใหญ่ที่สมานตัวติดกัน มีเพียงเลือดบางๆติดที่ปากแผล  เรียวอุคยกตัวขึ้นพร้อมกับหันมองแล้วเอ่ยถาม

      “ท่านตัดมันออกทำไม สลัดทิ้งปีกนั้นไปทำไมกัน”

      “ข้าจะทิ้งมันข้าไม่อยากเป็นซาตานอีกแล้วหากแต่อยากเรียนรู้หัวใจและความรู้สึกมนุษย์อีกครั้ง”

      “แล้วหัวใจข้าหล่ะ

      “ไม่มีหัวใจก็รู้สึกได้”

      ทันทีที่พูดเค้าก็โน้มหน้าพร้อมกับเตะริมปากบางเบาๆแล้วเงยมองคนตัวเล็ก สัมผัสเย็นนุ่มติดริมปากเชิญชวนให้ลองอีกครั้ง มือหนาโอบรัดอีกคนพร้อมกับค่อยๆโน้มคนตัวเล็กลงแล้วเอ่ยถาม

      “เจ้าจะขัดขืนข้าก็ได้ แต่หากไม่ขัดขืนก็จงแน่ใจว่าเจ้าจะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

      “เราจะหนีไปด้วยกัน ข้าจะไม่เสียใจ

      อีกคนตอบรับพร้อมกับยกใบหน้าจุมพิตอีกคน เสียงเนื้อเบียดเสียดแว่วเบาๆพร้อมกับเสียงร้องครางของความทรมานดังแผ่ซ่าน เมื่อซาตานได้ลิ้มรสความสุขและสละทิ้งปีกอันทรงเกียรติ์ทิ้งไป นั้นเท่ากับว่าเค้าได้กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาและต้องตัดทอนชีวิตให้เหลือแค่หนึ่งในสี่ของการมีชีวิตในโลกนี้ และเมื่อตายไปวิญญาณจะไม่ถูกนำไปชำระล้างเพื่อการเกิดใหม่ หากแต่จะสลายหายไปไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกครั้ง

      “แม้จะต้องตายตกสลายหายไป ข้าก็ยอม”

      “แท้จริงแล้วข้าไม่ได้อยู่เพียงเพราะต้องการหัวใจคืนสู่ร่างกายนี้ หากแต่ข้าอยู่เพื่อรอคอยเจ้า

      “เรียวอุค..ข้าอยู่เพื่อรอคอยเจ้า

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×