ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยมฑูตปีศาจ&ธิดาแห่งโลกา

    ลำดับตอนที่ #2 : bone 1แม่ทัพไร้นาม

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 56


     


     

     

    “เราต้านไม่ไหวแล้วครับหัวหน้า”ทหารสวมเกราะเต็มยศวิ่งเข้ามาบอกแม่ทัพของเข้าในสนามศึก

    “ทัพซ้ายแตกแล้วก็ครับ”ทหารอีกคนควบม้ามาบอกแต่ไกล

                ความเครียดฉายชัดอยู่บนใบหน้าแม่ทัพทันที ทหารของเขาเหลือเพียงร้อยเศษ แต่ฝั่ง ตรงข้ามเหลือตั้งสองร้อยกว่าคน เขาต้องสั่งถอนทัพเร็วที่สุด พวกฟรากซ์ยกทัพมาหมื่นกว่า ในขณะที่พวกเขามีอยู่เพียงสามพันเท่านั้นต้านมาได้นี่ก็เต็มที่แล้ว ขณะที่กำลังจะออกคำสั่งให้ถอยทัพ ทหารคนโปรดของเขาก็วิ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม

    “หัวหน้าครับ ทัพใหญ่ส่งกำลังเสริมมาครับ”

    “จริงเหรอ จำนวนเท่าไหร่ล่ะ”แม่ทัพแห่งเทียร่าถามด้วยความหวัง

    “...คนเดียวครับ”ทหารของเขาพูดแหยๆ

    ....

    .....

    “คนเดียว!!!”ทั้งสามประสานเสียงดังลั่น

    “ทหารเวทสร้างเกราะไว้”แม่ทัพตะโกนลั่นด้วยเสียงทรงอำนาจ และหันมาถาม

    “ส่งมาได้ไงคนเดียว”ทหารคนนั้นยิ้มแหยกับคำถาม

    “หรือว่าทัพใหญ่ก็แย่เหมือนกัน”ท่าทางทั้งสามจะถามอะไรอีกมากเขาจึงรีบบอก

    “ทัพใหญ่บอกว่าคนเดียวก็เกินพอแล้วครับ”

    “ใครกันที่มีความสามารถขนาดนั้น”ทหารควบม้าถาม

    “แม่ทัพไร้นามครับ!”ทหารตอบ

    “...ได้ยินเหมือนกันว่าเป็นสตรีที่มีความเก่งกาจ แต่จะต้านศัตรูเป็นร้อยได้เหรอ”

    “เดียวก็รู้”เสียงสตรีเรียบสงบดังขึ้นข้างหลัง ทั้งสี่หันไปมองทันที

    !!!

    “แม่ทัพไร้นามรายงานตัว”สตรีคนหนึ่งที่อยู่ใต้ผ้าคลุมสีดำกรอมเท้าเอ่ย และก็มีเสียงขัดขึ้น

    “ท่านแม่ทัพคร้าบ เกราะจะพังแล้วน้าคร้าบ”หัวหน้าทหารเวทตะโกนบอก

    “ปล่อยเกราะแล้วให้ทหารของเราข้ามมาฝั่งเดียวกันให้หมด”เธอเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเครื่องหมายคำถามเด้งบนใบหน้าก็มือเกือบกระตุก

    “เร็วสิ!

    “เอ่อ...ปล่อยเกราะ แล้วถอยมานี่”แม่ทัพแห่งเทียร่าพูดอย่างงงๆ เมื่อทหารข้ามมาฝั่งนี่หมดแล้ว เธอก็เดินออกมาด้านหน้า เธอชูมือขึ้นเหนือหัว และเอ่ยเสียงก้องกังวานแต่น่าขนลุก

    “ศัสตรามายาไร้นาม”รอบข้างของแม่ทัพไร้นามมีหมอกสีดำน่าสะอิดสะเอียน และมันก็ไปรวมกันที่มือที่ชูเหนือหัว มันค่อยๆรวมเป็นรูปเคียว และก็ปรากฏเป็นเคียวไม้ที่มีเถาวัลย์เลื้อย รอบ ใบมีดเคียวสีมุกคมวาว ตรงโคนใบมีรูอยู่และในรูก็มีแก้วขนาดย่อมลอยอยู่ และตรงท้ายมีดมีปีกทองกางอยู่

                ทั้งสนามรบตกอยู่ในความเงียบ และความตะลึงกับความงามของเคียว มันควรเอาไว้เคียงคู่สายเลือดขัตติยะ มากกว่าจะมาใช้ในสนามรบและแค่พริบตา พริบตาเดียวที่ทั้งหมดนิ่ง เธอก็วาดเคียวออกไปในแนวขนาน  เสียงกรีดร้องโหยหวนผิดมนุษย์ดังระงม ควันสีดำกระจายไปคลุมทั่วสนามเสียงกรอบแกรบเหมือนบางอย่างหักดังไปทั่วบริเวณไม่มีเสียงกรีดร้องมีเพียงเสียงกระอักเพียงสองสามครั้ง และเมื่อควันจากลงข้าศึกทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้รอย

    ....

    “เรียบร้อยแล้วล่ะ”เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มน่าขนลุกราวกับไม่ใช่มนุษย์

    ...

    ....

     “ต้องขออภัยด้วยขอรับท่านแม่ทัพ”แม่ทัพแห่งเทียร่าเอ่ยเมื่อเดินทางกลับมาที่ค่ายทหาร

    “ไม่เป็นไรหรอก ต้องแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันแม่ทัพไร้นาม”เธอเอ่ยและเปิดหมวกออก เผยให้เห็น ดวงตาสีเพอริดอตเรียว  บนใบหน้างามเข้ม ผมสีอะเก็ตตรงเหยียดยาวเกือบกลางหลัง ปลายผมซอยไม่สม่ำเสมอ ความงามนั้นทำเอาทั้งหมดอึ้งอีก

    “กระผม ฟีเดอร์ริด อันฟอร์ด แม่ทัพขอรับ”ชายร่างใหญ่ ผมและตาสีดำหน้าคมเข้มพูดแนะนำตัวเอง

    “นี่ เซนเฟอร์ ทหารแนวหน้าขอรับ”เขาแนะนำทหารที่วิ่งเข้ามาบอกในตอนแรก

    “นี่ เทเลีย ทหารม้า และเดลอฟทหารคนโปรด”ทหารขวบม้าและทหารคนโปรดถูกแนะนำในเวลาต่อมา เทเลียมีผมสีน้ำตาลและตาสีฟ้ารูปร่างสันทัด ส่วนเดลอฟหน้าตาหล่อเหล่าตาสีน้ำเงิน และผมสีกุหลาบแดง เธอพยักหน้ารับ

    “ต้องขออภัย แต่ท่านนามว่าอะไร”เทเลียถามอย่างนอบน้อม ขณะที่พวกเขานั่งอยู่หน้ากองไฟ ทหารทั้งหมดนั่งพักกันตามอัชฌาสัยแต่ไม่วายมองมาที่เธอเป็นระยะ

    “ก็ตามที่ฉันพูด ฉันไม่มีชื่อ”

    “แล้วพระราชินีเรียกขานท่านอย่างไร”

    “เจสเรียกข้าว่าเจสก็ได้”

    “ขอรับท่านเจส”ทั้งหมดขานรับพร้อมกัน ว่าตามยศแล้ว ถึงเธอจะมียศเป็นเป็นแม่ทัพเช่นกัน แต่เธอเป็นทหารส่วนพระองค์จึงมียศสูงกว่าปรกติ1ขั้น

    “ข้าต้องขออภัยในความกังขาอีกครั้ง”

    “ไม่เป็นไร ฉันไม่ถือสาอะไรหรอก”เจสเอ่ยและลุกขึ้น

    “ท่านจะไปไหนหรือ”เดลอฟถาม

    “อ้อ คิดว่าอีกเดี๋ยวมันต้องมา”เธอพูดพร้อมสวมถุงมือ กำไลสีทองที่มีซ้ายสว่างวาบราวจะประกาศให้รู้ว่ามันมีตัวตน ไม่ทันที่ทั้งสามจะถามว่าอะไรมาก็เกิดเสียงเอะอะขึ้น

    “ว้ากกกก ยูนิคอร์นบุก”

    “เฟกาซัสด้วย”

    “เฮ้ยๆๆ ปกติสัตว์เทพไม่ทำร้ายมนุษย์ไม่ใช่เราะ”เสียงเอะอะทั้งหมดเรียกความสนใจทั้งหมดไปได้ อันฟอร์ดจึงพูดเบาๆ

    “เสียงอะไรกันน่ะ”

    “มากันแล้ว”เธอพูดราวกับรู้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้น ทั้งหมดเห็นเงารางๆวิ่งมาแต่ไกล พอเข้ามาใกล้ก็เห็นว่าที่มาคือรถม้าที่เทียมด้วยยูนิคอร์นและเฟกาซัส มันมาจอดอยู่หน้าพวกเขา

    “เรียนแม่ทัพไร้นามหรือ เจลอสก้า แอน ทีโบน ตามที่พระราชินีเรียกขาน องค์อลาน่าให้ข้ามาเรียนว่าภารกิจที่มอบหมายมาได้สำเร็จแล้ว และ...”เอลฟ์ตนงามเอ่ยเสียงเหนื่อยหน่ายราวกับว่าเป็นสิ่งที่ท่องมาอย่างดี

    “และ ราชินีมาให้รับข้ากับล่ะสิ”เธอพูดหน่ายๆ เอลฟ์นั้นยิ้ม เจสถอนหายใจ และเดินขึ้นรถม้าโดยมีอีกสามตามองตาม

    ...นางเป็นใครนะ องค์ราชินีถึงให้ความสำคัญถึงขนาดส่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มารับ แล้วไหนจะเคียวอันนั้นอีก... เดลอฟคิดเมื่อมองตามรถมาที่วิ่งไปบนฟ้า

              “หม่อมฉันกลับมาแล้ว มีคำสั่งให้หาหรือเพคะ”เจสพูดขณะเดินเข้าห้องส่วนพระองค์ ในห้องมีของประดับประดางดงามแต่ไม่น่าจะแพงนัก ห้องเป็นห้องขนาดกลาง ที่ชุดโซฟารับแขก มีสตรีที่ท่าทางอายุไม่น้อยแต่งดงามยิ่งนัก พระเส้นเกศาสีทอง และพระเนตรสีไพลิน พระนางยิ้มเมื่อเธอเข้ามาในห้อง

    “เหนื่อยมั้ยหลานรัก”เจสขมวดคิ้ว และปิดประตูก่อนจะหันมาบอก

    “พระองค์ไม่ควรพูด อาจมีคนได้ยิน”เธอไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ มันจะไม่ดีต่อทุกคน

    “น้าให้คนออกไปหมดแล้ว”พระนางยิ้ม และผายมือให้นั่งลง

    “เหรอคะ”เธอยิ้มบ้าง และนั่งลงตรงข้ามกับพระราชินี

    “ขอบใจหลานมากนะจ๊ะ ที่ออกไปช่วย”

    “ไม่เป็นค่ะ ที่ต้องขอบใจน้ามากกว่าค่ะ”เจสพูดกับน้าของเธอ

    “หนูให้น้าช่วยหลายอย่าง แม้แต่จะบอกชื่อตัวเองยังต้องอ้างว่าน้าตั้งให้”

    “น้าแค่ทดแทนที่แม่หลานทำผิดต่อหลานเท่านั้นเอง”องค์อลาน่าเอ่ยด้วยเสียง เศร้า เรื่องที่พี่สาวของเธอทำผิดกับเด็กคนนี้ช่างมากมายนัก

    “น้าอย่าพูดถึงเรื่องนี้ดีกว่า”เธอเบือนหน้าไปทางอื่น และพูดต่อ “น้ามีอะไรคะ”

    องค์อลาน่านิ่งไปกับท่าทีของเด็กสาว เธอมีท่าทีเช่นนี้ทุกครั้งที่เอ่ยถึงมารดา ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอทั้งหมดมันเข้าใจผิด แต่เธอก็ไม่สามารถทำใจอธิบายมันลงได้

    ...พี่เอ๋ยอย่าโกรธฉันเลยนะ ฉันทนให้เด็กสิบห้ารับรู้ความจริงข้อนั้นไม่ได้จริงๆ”

    “น้ามาคุยเรื่องเรียนต่อ”องค์อลาน่าพูดในที่สุด

    “หา?”อย่างเธอเนี่ยนะเรียนต่อ เธอน่ะเป็นฝ่ายใช้แรงงานต่างหาก เรียนจบประถมได้ก็บุญแล้ว

    “น้าเข้าใจว่าหลานมีความเป็นตัวเอง และไม่ชอบเรียน แต่...”องค์อลาน่าเงียบลงไป

    “แต่ว่าการให้เด็กกุมบังเหียนทหารมันดูไม่ดีอยู่แล้ว แม้จะมีทหารมากมายที่เคารพแต่ก็ยังมีทหารจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย”

    “ใช่จ้ะ น้าเลยคิดว่าถ้าหลานจบการศึกษาจากโรงเรียนดีๆซักแห่งโดยน้าไม้ช่วยเหลือคงสยบเสียงพวกนี้ไปบ้าง”เจสถอนหายใจพรืด ได้เสียงนกเสียงกาหาเรื่องอีกแล้ว แค่นี้ก็เครียดผมร่วงแล้วนะ แต่เธอก็ให้น้าแบกรับความไม่มั่นคงกว่านี้ไม่ได้

    “ตกลงค่ะ แต่หนูเลือกเองนะคะ”องงค์อลาน่ายิ้ม

    “เชิญจ้ะ เลือกเอาไว้แล้วเหรอจ๊ะ”

    “ค่ะ”

    “ที่ไหนหรือ”

    “ดิ เอ็มเพอร์ สคูล ค่ะ”

    “...”

    “เป็นอะไรคะ หรือน้าไม่ชอบ”

    “เปล่าจ้ะ ก็แค่...ไม่มีอะไรจ้ะ”ราชินีหน้าซีด ภาพบางอย่างผุดเข้ามาในหัว ภาพในวัยเยาว์ วัยที่เธอไม่อาจลืมลง!!


                ร่างบางอันงดงามเป็นที่หนึ่งในอาณาจักรมองเชื้อสายทางอ้อมขี่สัตว์ปะเภทหนึ่งออกไปจากปราสาท

              ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่รออยู่ปลายทางคงเป็นชะตาอันน่าเศร้าเท่านั้น  องค์ราชินีคิดอย่างเศร้าสร้อย 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×