ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตราพันธนาการหัวใจ #ป๋อจ้าน #ป๋อตี้จ้านเกอ

    ลำดับตอนที่ #2 : >

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 62




    << Chapter 2 >>

     

     

     





    เคร้ง!!

     

    “ว่าไงนะ!!”

     

    ข้อมือบางกระแทกส้อมลงกับจานเสียงดังหลังจากฟังถ้อยคำอธิบายจนจบ อี้ป๋อไม่ได้พูดอะไรต่อแต่กลับตักอาหารเข้าปากเสมือนว่าเรื่องจำเป็นที่ต้องพูดคุยกันมีเพียงเท่านี้ ผมส่งคิ้วขมวดอันยับย่นกดดันไปยังบุคคลซึ่งนั่งตำแหน่งหัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกัน ระยะห่างระหว่างเราทั้งคู่ทำให้ผมตัดสินใจยกจานของตัวเองแล้วเขยิบไปนั่งเก้าอี้ข้างเขาแทน

     

    "นี่.."

    "......."

    “เมื่อกี้อยู่ห่างเกินไปอาจจะฟังไม่ถนัด นายช่วยพูดอีกทีได้ไหม”

    “.......”เจ้าตัวยังคงนิ่งเงียบใช้เพียงปลายหางตาเหล่มองอีกคนที่พยายามจะเข้ามาชิด 

    “นายว่าใครกันที่กำลังถูกหมายหัวแล้วใครกันต้องหลบอยู่ที่เมืองชิรัณย์”

    “.......”

    “น่านะ~ ช่วยพูดอีกทีได้ไหมคุณโรบอท”

    “.......”

    “หวังอี้ป๋อ!!”ผมแกล้งตะโกนใส่หูเขาเสียงดังลั่น สุดจะทนแล้วกับท่าทีนิ่งเฉยราวกับโรบอทเพิ่งผลิตออกจากโรงงาน ผมนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะแต่เขากลับมองผมเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุไม่มีตัวตน 

    “เสียงดังทำไม หนวกหู”ท้ายประโยคคล้ายเจ้าตัวจะพึมพำกับสายลมมากกว่า

    “ก็นายไม่ยอมพูดสักทีนี่”

    “แล้วเมื่อกี้ที่พูดไปทั้งหมดได้ฟังบ้างหรือเปล่า มีประโยคไหนที่ฉันยังอธิบายไม่ชัดเจนหรือไง”

    “ทุกตรง”

     

    แม้ปากจะพูดไปแบบนั้นแต่สมองกลับประมวลผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมเพียงแค่ยังไม่พร้อมจะเข้าใจว่าทำไมผู้ชายที่ดูดีมีสไตล์อย่างเซียวจ้านต้องตกระกำลำบากในต่างเมืองเพราะถูกหัวหน้าแก๊งมาเฟียหมายหัวถึงขั้นเอาชีวิต หากผมไม่ยินยอมประทับตราพันธะเข้าเป็นคนในตระกูลของเขตหนึ่งสาม นายอี้โจวอะไรนั่นก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อขู่บังคับผมจนได้ ผมเพิ่งรู้ว่าทั้งหมดมันคือแผนการที่ถูกวางเอาไว้โดยมีผมตกเป็นหมากตัวหนึ่งในกระดานมาตั้งแต่แรก 

     

    ‘อี้โจวสืบประวัติผู้ชายทุกคนที่เข้ามาพัวพันกับลูกสาวแล้วดันพบนายเข้า นายเป็นความบังเอิญซึ่งโผล่เข้ามาอยู่ในแผนการของมันพอดี สิ่งที่มันต้องการจริงๆคืองานวิจัยลับที่พ่อของนายทำ เพราะเหตุผลนี้มันถึงหลอกนายมาที่เมืองชิรัณย์และจับตัวนายไปเพื่อบังคับให้ประทับตราพันธะ หากมันทำสำเร็จมันจะมีสิทธิ์ในตัวของนายทุกประการ’

     

    หลังจากผมก่อวีรกรรมคบแล้วชิ่งก็ไม่เคยมีแผนที่เมืองชิรัณย์ปรากฏอยู่ในหัว ผมไม่โง่พอคิดพาตัวเองกลับมาเหยียบย่ำยังเมืองแห่งนี้อีก ไม่นึกเลยว่านายอี้โจวจะสืบหาประวัติผมอย่างละเอียดและดันค้นพบบางสิ่งซึ่งเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมโดยตรง แสดงว่าบัตรวีไอพีเชิญร่วมงานปาร์ตี้(นมโตโต้รุ่ง)ก็เป็นสิ่งที่ถูกจัดฉากเอาไว้เป้าหมายเพื่อล่อให้ผมมาติดกับโดยเฉพาะ วินาทีที่ผมดื่มแอลกอฮอล์แก้วนั้นทุกอย่างจึงลงล็อคตามแผนของมันพอดี ผมโง่เองที่รักสนุกจนลืมตัวไม่ทันระวัง แต่เอาเข้าจริงใครมันจะไปคิดล่ะว่าเรื่องวุ่นวายทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะโครงการลับของพ่อซึ่งผมไม่มีส่วนรู้เห็นเลยสักนิด

     

    “เอาเป็นว่านายกำลังตกอยู่ในอันตราย ระหว่างที่ฉันสืบหาความจริงนายจะต้องหลบอยู่ที่นี่ไปก่อน”

    “อีกนานแค่ไหนกันล่ะแล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้กลับบ้าน”

    “จนกว่าฉันจะเปิดโปงธุรกิจมืดของอี้โจวสำเร็จ”

    “นายบอกว่าสืบหาเรื่องนี้มาเป็นสิบปีแล้วนี่”

    “ก็ใช่”

    “ขนาดผ่านมาสิบปีเรื่องยังไม่คืบหน้าไปไหน กว่าความจริงทั้งหมดถูกเปิดเผยต้องรอไปอีกยี่สิบปีไหมเนี่ย ถึงวันนั้นฉันก็คงหัวหงอกกันพอดี”

    “นายไม่มีทางเลือกนอกจากฟังคำสั่งของฉัน..เซียวจ้าน”

    “ไม่เอาด้วยหรอก ใครจะอยู่รอให้อี้โจวส่งคนมาเก็บกันล่ะ สู้หนีไปตายเอาดาบหน้ายังดีซะกว่า”ผมหั่นชิ้นเนื้อในจานพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก อยู่ดีๆมีดที่ใช้หั่นก็หยุดชะงักเอาดื้อๆหลังจากเจอประโยคถัดมาของเขา

    “วินาทีที่นายก้าวออกจากคฤหาสน์นายจะได้ตายสมใจแน่ อี้โจวพร้อมจะเล่นสกปรกทุกเมื่อโดยไม่สนใจกฎของสภากลางอีกต่อไป ถ้านายอยู่นอกเหนือเขตการปกครองของฉันเมื่อไหร่..”

    “.......”

    “นายก็เตรียมตัวเป็นศพได้ทันที”

     

    อึก!!

     

    ผมลอบกลืนน้ำลายเมื่อจินตนาการภาพตัวเองถูกจับโดยหัวหน้าเขตหนึ่งสาม สารพัดวิธีทรมานต่างๆนานาผุดขึ้นในหัวเหมือนฉากหนังฆาตกรรมที่เคยดูในวัยเด็ก ผมไม่รู้จักอี้โจวมาก่อนและไม่เคยเห็นอีกคนจัดการกับศัตรูจึงไม่รู้สึกกลัวมากเท่าไหร่ ผิดกับผู้ชายที่นั่งอยู่เคียงข้างผมในขณะนี้

     

    หวังอี้ป๋อ

    เจ้าของฉายาโรบอทมือสังหาร

    ยามแรกเจอเขาก็โชว์สกิลขย้ำเหยื่อให้ดูเป็นบุญตาซะแล้ว

    ถ้าผมต้องเลือกระหว่างอยู่ในการปกครองของเขากับหนีไปซ่อนตัวยังทะเลทรายอันไกลโพ้น

    อย่างน้อยตัวเลือกหลังก็ยังอันตรายน้อยกว่า

    ใครจะไปรู้ว่าวันดีคืนดีเขาจะจับผมเป็นอาหารให้เหล่าสิงโตลูกๆของเขาเมื่อไหร่

    ถึงปากบอกว่าจะปกป้องผมเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมก็เถอะ

    ผมสามารถไว้ใจเขาได้แค่ไหนกันนะ

     

    “นะ..นายบอกว่าอี้โจวต้องการตัวฉันไม่ใช่เหรอ ถ้าถูกจับก็คงไม่ถึงตายหรอกน่า”

    “หึ แล้วนายคิดว่าสิ่งต่อไปที่มันจะทำหลังจากใช้ประโยชน์ในตัวนายเสร็จแล้วคืออะไรล่ะ ชวนจิบน้ำชาเล่นหลังสวนหรือไง”

     

    ก็คงไม่..

     

    “นายต้องอยู่ที่เมืองชิรัณย์ภายใต้การดูแลของฉันจนกว่าเรื่องทุกอย่างคลี่คลาย นี่ไม่ใช่ประโยคขอร้องแต่เป็นประโยคคำสั่ง”

    “ฉันควรเชื่อใจนายดีไหม..หวังอี้ป๋อ”

    “.......”

    “นายเป็นใคร โผล่มาจากไหน ตัวตนที่แท้จริงเป็นยังไง พวกเราสองคนแทบไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ”

    “ใช่ เราไม่รู้จักกัน”

    “.......”

    “แต่ถ้าฉันขอแค่เพียงให้นายลองเชื่อใจฉัน เชื่อใจชายแปลกหน้า..แค่สักครั้ง”

    “ฉัน..”

    “แล้วฉันจะใช้การกระทำต่อจากนี้เพื่อพิสูจน์คำพูดทุกอย่างที่ฉันเคยพูดไป..ได้ไหม”

    “.......”

    “อยู่ที่นี่เถอะนะ..อยู่กับฉัน”

    “.......”

    “ฉันสัญญาว่าตราบใดที่นายอยู่เคียงข้างฉัน..เซียวจ้าน เมื่อนั้นนายจะปลอดภัยเพราะฉันจะปกป้องนายสุดชีวิตเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้”

     

    ผมได้แต่นิ่งค้างพลางจ้องมองนัยน์ตาคมซึ่งฉายแววอ่อนลงกว่าที่เคยราวกับถูกสะกดไว้ให้ตราตรึง คำพูดเหล่านั้นชวนให้ผมคิดไกลไปจนถึงสุดขอบจักรวาล อี้ป๋อดูเสียอาการเล็กน้อยเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกอีกฝ่ายจับจ้องนานจนเกินไปนัก เขาจึงทำเฉไฉด้วยการกระแอมหนึ่งทีพร้อมตักอาหารเข้าปากและก็ไม่ได้ชวนสนทนาคำใดต่ออีกเลย ผมหั่นชิ้นเนื้อบนจานพลางครุ่นคิดบางสิ่งอยู่ในหัว 

     

    ลึกๆแล้วผมรู้ว่าตัวเองเชื่อเขาจนหมดใจ

    แต่..

    ผมจะหลบซ่อนอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้หรอก

    แม้เข้าใจในความหวังดีที่เขาอยากปกป้องผมก็ตาม

    ผมขอโทษ

    ผมคงรับมันไว้ไม่ได้จริงๆ











     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากเสร็จสิ้นมื้ออาหารอี้ป๋อก็นำทางผมมายังปีกตะวันออกของคฤหาสน์ เขาคงนึกว่าผมยอมตกลงไม่คิดขัดขืนแล้วจึงไม่ได้สั่งให้ลูกน้องคอยคุมตัวเหมือนตอนพาผมมาที่นี่ในทีแรก 

     

    หึ

    แบบนี้ก็สบโอกาสหาหนทางหนีน่ะสิ

     

    จะว่าไปภาพเหตุการณ์ยามเราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันในร่างกึ่งเปลือยเปล่าช่างน่าอนาถใจนัก ไม่รู้ว่าพวกลูกน้องของเขาจะเอาผมไปนินทาถึงไหนต่อไหน ผมแอบได้ยินบางคนซุบซิบถึงคำว่า ‘ต้าซ้อ’ พร้อมหัวเราะคิกคักแบบที่รู้กันดี อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นครับคุณ ผมก็เป็นเพียงชายหนุ่มกลัดมันธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่สาววัยแรกแย้มซะหน่อย พวกคุณจะมาตื่นตาตื่นใจอะไรนักกับการได้เห็นนายโรบอทผู้ตายด้านทางอารมณ์อุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของผมขึ้นพาดบ่า ทำอย่างกะว่าเจ้านายเพิ่งพาคนแปลกหน้าเข้าบ้านครั้งแรกอย่างนั้นแหละ

     

    เอ๊ะ..หรือว่า..

    ผมจะเป็นคนแรกของเขาจริงๆนะ

     

    ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านต่างๆนานาเปลี่ยนมาใช้สายตาคอยสอดส่องหาหนทางหลบหนีจะดีกว่า อี้ป๋อเดินนำห่างจากผมประมาณหกก้าว เขาคงไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมคิดจะทำอะไร นี่ถือเป็นโอกาสดีในการสำรวจรังของเขา ผมไม่รอช้ารีบเดินไปที่บานหน้าต่างทันทีก่อนจะตรวจสอบโครงสร้างของมัน

     

    กุกกัก

     

    ไม่ได้ล็อคแฮะ

     

    กุกกัก

     

    บานนี้ก็ด้วย

     

    กุกกัก

     

    แปลกจัง

    ทำไมหน้าต่างทุกบานถึงเปิดออกได้อย่างง่ายดาย

    คนอย่างเขาจะสะเพร่าได้ขนาดนี้เลยเหรอ

    หรือเพราะเห็นเป็นบ้านตัวเองก็เลยไม่มีความจำเป็นต้องรัดกุม

     

    กึก!!

    ดูเหมือนฝีเท้าหนักจะเริ่มชะลอลงหลังจากสัมผัสได้ว่าคนด้านหลังแอบเดินเล่นซนเกินไปหน่อย เซียวจ้านคงไม่รู้เลยว่าจากประวัติที่ถูกสืบค้นทำให้อีกคนสามารถมองเห็นความคิดของเจ้าตัวอย่างปลอดโปร่ง

     

    เซียวจ้าน..ชายหนุ่มอายุย่างสามสิบ

    สถานะโสด(ไม่สนิทนัก)

    หน้าตาก็หล่อเหลาสมคำร่ำลือ

    ฐานะจัดอยู่ในขั้นดีถึงดีมาก

    วาจาพลิ้วไหวดั่งสายลม

    ดวงตาเจ้าเล่ห์ฉายแววแพรวพราว

    นิสัยซุกซนไม่หยุดนิ่งเหมือนพ่อปลาไหล

    ชอบวางแผนเก่งเป็นที่หนึ่ง

    ดูท่ากำลังคิดจะก่อความวุ่นวายอีกแล้วสินะ

     

    “เซียวจ้าน”

    “หืมม..ห๊ะ..”

    “.......”ดวงตาคมจับจ้องตรงมาแฝงไว้ด้วยความนิ่งสงบแบบที่อีกคนชอบทำเป็นประจำเล่นเอาเสียววาบไปถึงสันหลัง 

    “อ้อออ..ฉันแค่เดินไปสูดอากาศน่ะ ไม่ยักรู้ว่าเจ้าพ่อมาเฟียอย่างนายก็ชอบธรรมชาตินะเนี่ย มาสร้างบ้านอยู่บนภูเขาซะสูงเชียว อากาศที่นี่ดี๊ดีจัง แฮะๆ~”

     

    ผมกำลังร้อนตัวหรือเปล่านะ

    ไม่หรอกน่า

    ก็แค่ชิงตอบก่อนที่จะถูกถามเท่านั้นเอง

     

    “ก็ไม่ได้ว่าอะไร ฉันแค่จะบอกว่าถึงห้องพักของนายแล้ว”

     

    เพล้ง!!

     

    เสียงหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ

    อย่างงี้ผมก็ร้อนตัวฟรีน่ะสิ

     

    “อะ..อ้ออ..อืมม..ขอบใจที่มาส่ง”

    “หากต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกหาอวี๋ปินได้เลย ฉันจะให้เขาคอยดูแลนายชั่วคราว เบอร์ติดต่อแปะอยู่บนโต๊ะข้างโทรศัพท์ตรงหัวเตียง โทรศัพท์สามารถใช้ติดต่อได้เฉพาะภายในเขตเท่านั้น ส่วนของใช้ที่จำเป็นฉันจะพาไปซื้อวันหลัง ถ้าเบื่อนายสามารถไปเดินเล่นรอบคฤหาสน์ได้มากเท่าที่ต้องการ ลูกน้องฉันจะคอยคุมอยู่ด้านนอกไม่เข้ามารบกวน”

    “เดินเล่นได้มากเท่าที่ต้องการเหรอ”น่าสนใจดีแฮะ

    “นายกำลังคิดอะไร”

    “ปะ..เปล๊า เปล่านี่ ก็ไม่ได้คิดอะไร”เปล่าร้อนตัวอีกรอบด้วยนะ

    “ที่ฉันหมายถึงคือบริเวณรอบคฤหาสน์ ส่วนอาณาเขตนอกเหนือจากนี้..”

    “.......”

    “ฉันไม่อนุญาตให้นายไป”

    “รู้แล้วล่ะน่า นักโทษอย่างฉันจะหนีไปจากรังเจ้าพ่อได้ยังไงเล่า นายน่ะคิดมากเกินไปแล้วนะ คิดมากบ่อยๆระวังจะแก่เร็วไม่รู้ตัว เอ๊ะ..แต่โรบอทตายด้านทางอารมณ์อย่างนายคงไม่มีวันแก่หรอก ฮะฮ่า~”

     

    ผมทำทีพยักหน้าตอบรับกับเจ้าของบ้านก่อนจะแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนไม่ให้เขาล่วงรู้แผนการในใจ อี้ป๋อใช้สายตามองเพียงครู่เดียวก็ลอบถอนหายใจออกมา

     

    ดูท่าคืนนี้พ่อเสือนักท่องราตรีคงเตรียมหนีอีกแล้ว

    ถ้าคิดว่าตัวเองเหนือกว่าก็จงรู้ไว้ว่าโลกใบนี้ยังมีราชานักล่าอยู่

    คอยดูเถอะ

    สิงโตเจ้าป่าตัวนี้จะแสดงให้เห็นว่าใครกันแน่ที่อยู่สูงสุดบนห่วงโซ่อาหาร

    เมื่อเวลานั้นมาถึง

    จากเสือนักรักอาจกลายเป็นเพียงกระต่ายตัวน้อยไร้พิษสงในอุ้งมือเขาก็ได้..ใครจะรู้











     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ปินปินอา~~ นายไม่คิดจะรับข้อเสนอของฉันหน่อยเหรอ”

    “พอเลยครับคุณชาย ทางที่ดีคุณชายเลิกคิดจะหนีไปจากที่นี่ดีกว่า อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณชายเอง”

     

    ตุบ

     

    ร่างบางทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพลางกลิ้งไปมาอย่างซุกซน ผมแอบส่งค้อนให้กับลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ อันที่จริงพอรู้ว่าต่อให้เกลี้ยกล่อมยังไงอีกคนก็ไม่มีทางใจอ่อน ไม่น่าเชื่อว่าในโลกใบนี้จะยังมีสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้อยู่อีก

     

    “รู้แล้วน่า ก็แค่ลองถามดูเผื่อนายเปลี่ยนใจ”

    “นี่น้ำผลไม้ครับคุณชาย ลองดื่มสิครับจะได้รู้สึกสดชื่น”

     

    ข้อมือบางรับแก้วน้ำสีสันสดใสมาดื่มอัตโนมัติ ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะยังรู้สึกงัวเงียเล็กน้อย เหตุการณ์เมื่อคืนรวมถึงฉากการสู้กันบนรถค่อนข้างกินแรงผมไปพอสมควร หลังจากอี้ป๋อพามาส่งถึงห้องผมจึงรีบโถมใส่เตียงเพื่อชาร์จแบตร่างกายลากยาวจนพระอาทิตย์ตกดิน เพิ่งรู้สึกตัวตื่นเมื่อครู่นี้เองตอนที่อวี๋ปินตั้งใจนำอาหารว่างมาบริการถึงหน้าประตู

     

    “เฮ้ออ~”

     

    นัยน์ตาทั้งสองข้างทอดมองออกไปยังบริเวณทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่าง ต้องยอมรับเลยว่าคฤหาสน์แห่งนี้แม้จะเป็นสถานที่โอ่อ่าผุดขึ้นกลางธรรมชาติแต่กลับถูกสร้างอย่างกลมกลืนคล้ายพยายามหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ยามได้สูดกลิ่นไอบริสุทธิ์ของป่าไม้อันเขียวขจีจนชุ่มปอดก็เหมือนได้เติมพลังอย่างเต็มที่ ยิ่งได้นั่งจ้องมองพระอาทิตย์ตกดินก็ทำให้ผมคิดถึงบ้านขึ้นมา 

     

    ครอบครัวของผมเคยอบอุ่น

    ครอบครัวที่เคยมีครบทั้งสามคน..พ่อ แม่ ลูก

    ไม่รู้ว่ากาลเวลาพัดพาให้ความอบอุ่นนั้นจางหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่

    ภาพการมองพระอาทิตย์ตกดินพร้อมหน้าพร้อมตาครั้งสุดท้าย

    จากวันนั้นทุกอย่างก็ไม่เคยกลับมาเหมือนเดิม

     

    ผมต้องสูญเสียแม่ไปในวัยเด็กเพราะโรคร้ายคร่าชีวิตเธอ

    ส่วนพ่อ..แม้จะยังอยู่ด้วยกันแต่ก็เหมือนไม่มีตัวตนในโลกของผม

    พ่ออุทิศทั้งชีวิตให้กับงานวิจัยของเขา

    พ่อทั้งรักทั้งเทิดทูนมันยิ่งกว่าสิ่งใด

    ผมคงเป็นสิ่งสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่เขาเลือกจะปกป้อง

    หันกลับมามองอีกทีโลกใบนี้ก็เหลือผมอยู่เพียงลำพัง

     

    ถ้าหากเขาได้รับรู้ว่าตัวผมกำลังตกอยู่ในอันตราย

    ผมอยากรู้นักว่าเขาจะเลือกทิ้งงานวิจัยเพื่อมาสนใจตัวผมไหม

    น่าตลกดี

    ผู้ชายอย่างผมที่ดูเพียบพร้อมไปซะทุกอย่างแต่กลับมีปมด้อยฝังลึกอยู่ภายใน

    ผู้ชายที่อยากได้ความรักจึงพยายามโหยหาความรักมาทั้งชีวิต

    แต่ถึงแม้โหยหามากมายเท่าไหร่กลับไม่เคยรู้สึกเพียงพอ

     

    “เฮ้ออ~”

     

    ผมหลับตาข่มความคิดมากมายในหัวพร้อมกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อ่อนไหว ยังไงซะพรุ่งนี้ผมก็คงไม่มีโอกาสได้นั่งมองพระอาทิตย์ตกที่บานหน้าต่างนี้อีก ผมควรจะใช้เวลาจดจำความสวยงามของมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นึกอิจฉาเจ้าของบ้านจริงๆที่ได้ครอบครองอ้อมกอดจากธรรมชาติอยู่ทุกวัน ถ้ามองจากภายนอกแล้วอี้ป๋อดูเป็นคนที่เพียบพร้อมมากกว่าผมหลายเท่าตัวนัก 

     

    หวังอี้ป๋อ..ชายหนุ่มอายุย่างยี่สิบห้า

    เขาทั้งสูงชะลูดแข่งกับต้นตาล(แต่ก็เตี้ยกว่าผมหน่อยนึงนั่นแหละ)

    กะด้วยสายตาแล้วหุ่นดี(เชฟบ๊ะ)เท่าแขนข้างนึงโอบรอบ

    เบ้าหน้าก็ไม่เบาจมูกดูสันเป็นคม 

    รวยล้นฟ้าขนาดว่านั่งๆนอนๆนับเงินยังได้

    มีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าแก๊งผู้ดูแลเขตแปดห้า 

    บริวารมากมายไม่ขาดมือ 

    ฉลาดหลักแหลมความคิดว่องไว 

    เป็นมิตรกับสัตว์(ดุร้าย)

    ทักษะต่อสู้ยากหาใครทัดเทียม

    และที่สำคัญร่างกายนั้นยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยผ่านสนามรักแบบ100%แน่นอน

    เชื่อใจเรดาร์พ่อเสือจอมโชกโชนอย่างผมได้เลย

     

    นี่ถ้ายังไม่หยุดร่ายยาวข้อดีของเขาล่ะก็..คงต้องยกนิ้วเท้ามานับเพิ่มแล้วนะ

     

    จะว่าไปตั้งแต่มาถึงผมก็ยังไม่เห็นบุคคลนอกซึ่งคาดว่าจะเป็นครอบครัวของเขา คฤหาสน์แห่งนี้ใหญ่โตมากเกินกว่าจะอยู่คนเดียว นอกจากอวี๋ปินกับลูกน้องที่ชอบซุบซิบนินทาพวกนั้นผมก็สัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า ด้วยความสงสัยอยากปิ้งเผือกจะแย่ผมจึงตัดสินใจรัวคำถามใส่อวี๋ปินเอาให้ยิ่งกว่ารายการแฟนพันธุ์แท้กันเลยทีเดียว

     

    “ปินปินอา~ เหล่าต้าของนายอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ”

    “ใช่ครับคุณชาย”

    “แล้วครอบครัวเขาล่ะ”

    “เอ่อ..คุณชายคงยังไม่รู้ เหล่าต้าเสียครอบครัวไปตั้งแต่วัยเด็ก”ไม่ต่างอะไรจากผมเลยสินะ

    “อ้อ..งั้นเหรอ เพราะแบบนี้หรือเปล่าเขาก็เลยชอบทำตัวเย็นชาเหมือนภูเขาน้ำแข็ง”

    “จะว่าเพราะแบบนั้นก็ได้ครับ ตั้งแต่คุณท่านจากไปเหล่าต้าก็เก็บตัวเงียบมาโดยตลอดแทบไม่สุงสิงกับใคร กลุ่มพันธมิตรถือเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวและคงเป็นกลุ่มสุดท้าย ชีวิตของเหล่าต้าน่าสงสาร..ฮะ..ฮึกก พูดแล้วผมก็พาลจะร้องไห้ทุกที”

     

    ข้อมือบางหยิบยื่นผ้าเช็ดปากที่ยังไม่ถูกใช้ให้กับคนข้างเตียงเพื่อเอาไว้ซับน้ำตาแทน ดูท่าอวี๋ปินน่าจะต้องการมันมากกว่าผม เพียงเจอกันไม่กี่ครั้งผมก็พอรู้ถึงนิสัยของลูกน้องผู้ซื่อสัตย์คนนี้ ดูจากท่าทีนอบน้อมน้ำเสียงสุภาพกิริยาอ่อนหวาน อวี๋ปินทำหน้าที่คล้ายพ่อบ้านมากกว่าจะออกไปสู้รบปรบมือกับใคร อีกทั้งนิสัยซื่อสัตย์ภักดีต่อผู้เป็นนายคงเป็นเหตุผลหลักที่อี้ป๋อเลี้ยงดูเอาไว้ให้อยู่ข้างกาย

     

    “มันจะดูเสียมารยาทหรือเปล่าถ้าฉันขอให้นายช่วยเล่าประวัติของเขาเท่าที่นายรู้”

    “อันที่จริงผมก็ไม่ควรพูดแต่ในเมื่อคุณชายขอมาผมก็คง..เอ่อ..เล่าได้นิดนึงครับ”

    “นิดนึงก็นิดนึง ดีกว่าไม่รู้อะไรเลย”

    “แม่ของเหล่าต้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ตั้งแต่เหล่าต้าอายุเพียงห้าปีเท่านั้น คุณท่านก็เลยต้องเลี้ยงดูลูกให้เติบโตตามลำพังด้วยความยากลำบาก เพราะศักดิ์ศรีของตระกูลมันค้ำคอจึงทำให้คุณท่านเก็บงำความเสียใจไว้กับตัวเรื่อยมา คุณท่านใช้เวลาทั้งหมดคอยสอนให้เหล่าต้าเข้มแข็งอีกทั้งยังฝึกทักษะการต่อสู้อย่างหนัก บางวันคุณท่านก็บังคับให้เหล่าต้าล้มคู่ต่อสู้จนเลือดอาบไปทั้งตัว แม้จะเหนื่อยและล้าเพียงใดเหล่าต้าก็ไม่เคยยอมแพ้ เด็กคนหนึ่งต้องโตมาท่ามกลางกำปั้นกับเสียงปืนพร้อมความเจ็บปวดมากมายแค่ไหน ผมรู้ว่าทั้งหมดที่คุณท่านทำก็เพราะรักและอยากให้ลูกแข็งแกร่งเหนือกว่าใคร แต่อันที่จริงแล้วเด็กชายคนหนึ่งจะต้องการอะไรมากไปกว่าอ้อมกอดอุ่นๆจากใครสักคน เพราะเหล่าต้าไม่เคยได้รับสัมผัสนั้นและไม่เคยได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กเหมือนเพื่อนคนอื่นเลย เหล่าต้าต้องแบกรับภาระต่างๆมากมายเอาไว้เพียงลำพัง ไม่นานก็เริ่มกลายเป็นคนเก็บตัว เงียบขรึม หยิ่งทะนง เย็นชา ไม่สนใจเรื่องภายนอก ด้วยวัยเพียงสิบสามปีก็ได้รับฉายาว่าโรบอทมือสังหาร ต่อมาภายในปีเดียวกันคุณท่านก็จากไปไม่มีวันหวนคืนเหลือเพียงตำแหน่งผู้ปกครองคนต่อไปของตระกูลทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า”

    “อายุแค่สิบสามก็ต้องขึ้นมาเป็นผู้นำคนแล้วเหรอ”

    “ครับ ถึงแม้ในสายตาคนนอกมองว่าเหล่าต้ายังไม่คู่ควรเพราะขึ้นครองตำแหน่งตั้งแต่อายุยังน้อย แต่พวกผมรู้ดีว่าเหล่าต้าคู่ควรมากกว่าใคร เหล่าต้ามีความคิดความอ่านฉลาดหลักแหลมกว่าคนทั่วไปอีกทั้งยังมีสายตาเฉียบคมสามารถมองคู่ต่อสู้ทะลุปรุโปร่ง ถ้าเหล่าต้าไม่เก่งจริงก็คงอยู่ไม่รอดจนถึงทุกวันนี้”

    “โอ้โหแฮะ..ดูท่านายจะชื่นชมเขาไม่น้อยเลยนะ”

    “ใช่ครับ เพราะว่าเหล่าต้าดูแลพวกเราเหมือนคนในครอบครัว ตอนเด็กๆพ่อผมเคยป่วยหนักมาก ทั้งที่เหล่าต้าจะไม่สนใจก็ได้แต่เขากลับเลือกที่จะช่วยรักษาพ่อผมจนหายดี ผมทั้งรักคุณท่านแล้วก็รักเหล่าต้าไม่แพ้กัน ผมจึงตั้งปณิธานกับตัวเองว่าจะขอซื่อสัตย์ต่อเหล่าต้าเพียงคนเดียวตลอดชีวิตที่เหลือ”

    “มิน่าล่ะ ฉันถึงเสนอเงินให้เท่าไหร่นายก็ไม่เอา”

    “คุณชายอย่าได้คิดหนีไปจากเหล่าต้าอีกเลยครับ ทั้งหมดที่เหล่าต้าทำไปก็มีแต่ความหวังดีอยากปกป้องคุณชายให้ปลอดภัยเท่านั้น”

     

    ฟึบ

     

    มะ..ไม่ทันแล้วมั้ง

    เมื่อกี้ฉวยโอกาสแอบฉกกุญแจรถที่นายห้อยเอาไว้ตรงเอวเรียบร้อยแล้ว

    อันที่จริงก็เริ่มวางแผนตั้งแต่เพิ่งมาถึงคฤหาสน์กะว่านายเผลอเมื่อไหร่เป็นอันรู้กัน

    จะมาพูดเกลี้ยกล่อมตอนนี้คงไม่ช่วยอะไร

    ขอบใจนะที่มาหาถึงห้องจะได้ไม่เหนื่อยออกตามหาให้เปลืองแรง

     

     “เหล่าต้าตามสืบเรื่องของนายอี้โจวมานานแล้ว บางทีการมีคุณชายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอาจช่วยให้เปิดโปงธุรกิจมืดของอี้โจวง่ายขึ้นก็ได้ ถ้าคุณชายกับเหล่าต้าร่วมมือกันล่ะก็..”

    “เดี๋ยวก่อนปินปิน ฉันว่านายอย่าเพิ่งคิดไกล ฉันเป็นเพียงแค่ผู้ชายที่โชคร้ายคนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับแผนการของลูกพี่นายสักนิด”

    “ผมได้ยินมาว่าอี้โจวต้องการบางสิ่งที่เกี่ยวพันกับด็อกเตอร์ไม่ใช่เหรอครับ”

    “คนพ่อก็ส่วนคนพ่อ คนลูกก็ส่วนคนลูกสิ หน้าฉันดูฉลาดเหมือนพ่อนักหรือไง จริงๆเลยนะพวกนายเนี่ย ถ้าอี้โจวอยากได้งานวิจัยลับบ้าบออะไรนั่นทำไมไม่ไปจับตัวพ่อแทนที่จะเป็นฉันเล่า”

    “ก็คงเพื่อ..ต่อรองบางสิ่ง เพราะว่าคุณชายเป็นคนสำคัญของด็อกเตอร์ไงครับ”

     

    หึ..สำคัญอะไรกัน

    สำหรับพ่อ..ตัวผมสำคัญได้ถึงครึ่งนึงของงานวิจัยรึเปล่าก็ไม่รู้

     

    “ยังไงคุณชายลองใช้เวลาระหว่างอยู่ที่นี่ทบทวนดูก็ได้ครับ ผมน่ะดีใจมากเลย ต่อจากนี้เหล่าต้าก็คงไม่เหงาเพราะมีเพื่อนคุยแล้ว”

    “คนที่ไม่เหงาน่ะคือเหล่าต้าหรือนายกันแน่ ปินปิน”

    “แฮะๆ ก็คงทั้งสองแหละครับ ปกติผมพูดคนเดียวซะเคยตัว พูดไปสิบคำเหล่าต้าตอบรับแค่หนึ่งคำ”วงวารที่แท้ปินปินเอ๋ย~~

    “ดีจัง..ต่อจากนี้จะมีต้าซ้อมาเป็นเพื่อนคุยเล่น อีกหน่อยถ้าต้าซ้อ..เอ้ย..คุณชายได้รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเหล่าต้าก็คงจะรักเหมือนที่ผมรักแน่นอน”

    “ต้าซงต้าซ้ออะไรกัน เหอะ..แล้วเรื่องอะไรฉันต้องไปรักเจ้าพ่อมาเฟียด้วย แค่นี้ชีวิตยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ”

     

    ผมยกมือขึ้นเกาหัวยุกยิกพาลจะหงุดหงิดทุกทีเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ประวัติของอี้ป๋อที่อวี๋ปินยอมเล่า(แบบนิดนึงจริงๆนะ)ทำให้ผมรู้ถึงภูมิหลังของเขา จะว่าไปชีวิตที่ต้องเติบโตมาเพียงลำพังไร้พ่อขาดแม่คอยมอบความอบอุ่นผมเข้าใจเป็นอย่างดี เราสองคนต่างกันแค่ชีวิตของผมโลดแล่นเป็นอิสระแต่ชีวิตของเขาเสมือนมีกรงขังขนาดใหญ่ล้อมเอาไว้ ปกครองผู้คนมากมายตั้งแต่อายุยังน้อยแถมไร้ที่ปรึกษาอยู่เคียงข้างกาย ถึงจะมีบ้านหลังใหญ่โตเท่าภูเขาก็ไม่มีประโยชน์เพราะมันช่างเงียบเหงาและเต็มไปด้วยความว่างเปล่า ผมไม่แปลกใจเลยที่พวกลูกน้องทุกคนดูจะตื่นเต้นมากกว่าปกติเมื่อเห็นเจ้านายตัวเองพาคนนอกมาอยู่ที่นี่ แถมยังเรียกผมว่าต้าซ้อกันอย่างสนุกปาก

     

    ดูท่านายโรบอทจะตายด้านทางอารมณ์จริงๆ

    ชนิดที่ว่าลูกน้องภาวนาให้ใครสักคนมาลากลงจากคานทองอันสูงลิบ

    แม้จะเป็นผู้ชายก็ไม่คิดเกี่ยงขอยกตำแหน่งพี่สะใภ้ให้ผมกันใหญ่

     

    “ว่าแต่คุณชายอยากได้อะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ”อวี๋ปินที่เริ่มกลับมายิ้มได้ดังเดิมเอ่ยประโยคคำถามออกมา ผมทำเพียงส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบส่งผลให้อีกคนใช้ฝีเท้าหนักก้าวพ้นไปจากบริเวณห้อง

    “งั้นเจอกันอีกทีเมื่อต้องการความช่วยเหลือนะครับคุณชาย”

     

    แกร๊ง

     

    เมื่อประตูปิดสนิทข้อมือบางก็ยกกุญแจรถที่แอบฉกตอนทีเผลอขึ้นมาส่องดูจนเกิดเสียงดังกระทบกัน คืนนี้ผมตั้งใจว่าจะพาตัวเองหนีไปจากเมืองเจ้าพ่อมาเฟียและไปหลบซ่อนอยู่ดินแดนอันไกลโพ้นถึงทะเลทรายซาฮาร่าเลยยิ่งดี

     

    ขอโทษนะปินปินที่คงอยู่เป็นเพื่อนคุยเล่นให้นายไม่ได้

     

    ขอโทษ..

    ผมไม่อาจรับความหวังดีของนายเอาไว้ได้จริงๆ..อี้ป๋อ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     











     

     

     

     

    ตึกตัก!!

     

    เสียงหัวใจเต้นรัวเร็วเหมือนตอนที่ผมเพิ่งหัดฝึกปีนกำแพงเพื่อโดดเรียนเป็นครั้งแรก ครั้งนี้ก็คงรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก ต่างแค่อาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนที่กำลังอาศัยอยู่คือเจ้าพ่อมาเฟียผู้ใช้สิงโตเป็นอาวุธคู่กาย เลิกเรียนแล้วเหล่าลูกๆสิงโตคงกลับบ้านกินนมนอนเรียบร้อยถือว่าทางสะดวก อีกอย่างดึกจนป่านนี้อาจารย์ใหญ่กำลังเข้าเฝ้าพระอินทร์เป็นแน่ ผมเฝ้ารอให้ถึงช่วงเวลาตีหนึ่งพอดีเป๊ะเพราะมันคือเวลานำโชคของผม เมื่อเข็มนาฬิกาชี้เลขหนึ่งผมก็รีบเก็บข้าวของ(ซึ่งก็เหลือแค่ตัวเปล่านั่นแหละ)ออกมายืนอยู่ในมุมมืด สายตาพยายามสอดส่องไปโดยรอบและก็พบเพียงความเงียบงันกับบรรยากาศวังเวงชวนให้ขนลุกชอบกล

     

    “.......”

     

    เงียบแฮะ

    เงียบเกินไปด้วยซ้ำ

    แต่ก็ดีแล้วนี่นา

     

    พอลองนึกย้อนไปถึงถ้อยคำทิ้งท้ายก่อนลาจาก อี้ป๋อบอกกับผมว่าจะให้ลูกน้องคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกของคฤหาสน์ แสดงว่าปกติแล้วเขาไม่ค่อยชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายในโลกส่วนตัวสักเท่าไหร่นัก แม้กระทั่งโถงทางเดินใหญ่ที่ผมเดินผ่านก็ไร้ซึ่งผู้คน อีกนัยหนึ่งผมเดาเอาว่าคงเพราะทางด้านนอกวางกองกำลังไว้แน่นหนามากพอจึงไม่จำเป็นต้องส่งคนมาดูแลทางด้านใน

     

    หึ..แบบนี้ก็เสร็จโจรน่ะสิ

     

     ถ้าผมได้กลายเป็นเจ้าของคฤหาสน์คงเปิดให้คนเช่าใช้ถ่ายหนังสยองขวัญแนววัยรุ่นใจกล้าบุกเข้ามาสำรวจบ้านร้างไปนานแล้ว หวังอี้ป๋อนะหวังอี้ป๋อ..คนอะไรจะตายด้านทางอารมณ์เหมือนโรบอทซะจริงๆ บ้านก็ออกใหญ่โตแต่กลับปล่อยให้วังเวงจนน่าขนลุก อ้อผมลืมไปว่าระดับเขาแค่ความมืดทำให้กลัวไม่ได้หรอก ผมอยากรู้นักว่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียผู้ดุดันอย่างเขานึกกลัวอะไรบนโลกใบนี้บ้าง หรือเพราะการต้องเติบโตมาเพียงลำพังทำให้หัวใจดวงนั้นถูกก้อนน้ำแข็งเกาะกินจนด้านชาไร้ซึ่งความรู้สึกต่อสิ่งใดอีก

     

    “.......”

     

    ระหว่างที่ผมแอบย่องตามทางเดินก็ครุ่นคิดอะไรในหัวไปเรื่อยเปื่อย โรงจอดรถเป็นจุดหมายปลายทางที่ผมจะต้องฝ่าฟันไปให้ถึง ผมจำแผนผังคฤหาสน์ได้คร่าวๆตอนที่ถูกอี้ป๋อลากตัวมาในตอนเช้า หลังจากอวี๋ปินส่งพวกเราบริเวณหน้าคฤหาสน์รถก็เลี้ยวหายลับไปทางด้านหลัง ผมคิดว่าโรงจอดรถจะต้องอยู่จุดนั้นแน่นอน โถงทางเดินนี้เชื่อมต่อทุกทิศเสมือนเป็นศูนย์กลางของบ้าน หากผมเดินไปทิศเหนือจนสุดปลายทางจะต้องมีบานหน้าต่างให้ปีนออกไปถึงโรงจอดรถ ขอฟันธงว่าสิ่งที่ผมคิดถูกต้องล้านเปอร์เซ็นต์

     

    แหงสิว่าผมเชี่ยวชาญเรื่องคำนวณเส้นทางเพราะปีนหลังคาบ้านสาวมาแล้วหลายหลัง

    แถมยังพ่วงดีกรีเป็นนักย่องเบาไอ้เรื่องปีนเนี่ยถนัดนัก

    ถ้าหากคืนนี้ผมหนีรอดไปได้

    กินเนสส์บุ๊คจะต้องจารึกว่าผมเคยหนีออกจากรังเจ้าพ่อเชียวนะ

     

    โอ้โหแฮะ..โคตรเท่ชิบหายไอ้เซียวจ้านเอ้ยยยย

     

    กุกกัก

     

    “ฮึบบ~”

     

    ผมลอบกลั้นหายใจหลังจากพาตัวเองออกมาอยู่นอกบานหน้าต่างสำเร็จ เป้าหมายต่อจากนี้คือต้องพาตัวเองไปอยู่บนพื้นดินให้ได้ซะก่อน ทุกย่างก้าวที่เดินต้องคอยระมัดระวังเป็นพิเศษ พอได้ลองทดสอบความแข็งแรงของกระเบื้องแล้วผมคิดว่างานนี้ไม่ยากเท่าไหร่นัก ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีผมก็ปีนหลังคาลงมาอยู่ที่ตำแหน่งหลังคฤหาสน์จนได้

     

    แปะๆ

     

    “หมูนี่หว่า”

     

    ข้อมือบางยกขึ้นถูไถกันเหมือนในหนังที่พระเอกชอบเต๊ะท่าใส่คนดูประจำหลังจากทำภารกิจสำเร็จ ผมใช้สายตาเพ่งพินิจบริเวณโดยรอบเพื่อหาจุดต่อไปที่จะปีน ดูเหมือนว่าก่อนไปถึงโรงจอดรถผมต้องเดินผ่านสวนขนาดย่อม จะว่าไปก็น่าแปลกทั้งที่หนีออกมาด้านนอกแล้วก็ยังไม่มีวี่แววแม้แต่เงาใครสักคนคอยเฝ้าประตู

     

    คนของเขาหายไปไหนหมดนะ

    ไม่ใช่ว่าแอบซุ่มอยู่เหรอ

     

    ผมรีบหลบหลังหินก้อนโตพลางใช้สายตาสอดส่องไปยังพุ่มไม้ต่างๆ อี้ป๋อเป็นคนฉลาดคงให้ลูกน้องคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ในที่ลับมากกว่าจะเผยตัวออกมาตรงๆในที่โล่งแจ้ง

     

    นั่นไง

    ผมนับได้แล้วสามคน

     

    ชายหนุ่มท่าทางนิ่งสงบหลบซ่อนอยู่บริเวณซอกหินไม่ห่างออกไปนัก การแต่งตัวกลมกลืนไปกับธรรมชาติคล้ายทหารเฝ้ายาม โชคดีว่าจังหวะยกแขนขึ้นตบยุงทำให้ผมเห็นการเคลื่อนไหวไม่งั้นคงได้เล่นเกมจับผิดจนถึงรุ่งเช้าแน่ พ้นคืนนี้อย่าลืมไปหาซื้อซอฟเฟลสเปรย์กันยุงมาฉีดซะล่ะจะได้ไม่เป็นไข้เลือดออก 

     

    เอาล่ะจังหวะนี้!!

     

    ผมใช้โอกาสตอนทีเผลอค่อยๆย่องไปยังจุดหมายโดยอาศัยหลบตรงบริเวณจุดบอดที่อีกคนมองไม่เห็น แอบทำไปเรื่อยๆทีละก้าวๆจนในที่สุดก็หลุดพ้นสายตาของทหารเฝ้ายามสำเร็จ ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็ตรงมาถึงสวนหย่อม ทีแรกผมนึกว่าจะเป็นเพียงสวนขนาดเล็กแต่ที่ไหนได้กลับกว้างขวางสมฐานะเจ้าของบ้านอยู่เหมือนกัน สวนแห่งนี้ทอดยาวไปเรื่อยๆไม่รู้ว่าปลายทางไปสิ้นสุดที่ใดแต่ขอให้หลังคาที่เห็นลิบๆอยู่ตรงนั้นเป็นโรงจอดรถอย่างที่คิดไว้ทีเถอะ ระหว่างเดินทางผ่านสนามหญ้าผมก็ได้รับกลิ่นไอบริสุทธิ์คล้ายม่านหมอกบดบังสายตาจนกระทั่งลองเพ่งพินิจดีๆถึงได้เห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าชัดเจน ต้นไม้ต้นหนึ่งตั้งสูงตระหง่านผลิดอกอันสดใสงดงามกลางแสงจันทร์ ไม้ต้นนั้นถูกโอบล้อมรอบด้านเอาไว้ด้วยแอ่งน้ำขนาดใหญ่ดูคล้ายจะเป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งถูกสร้างให้ใช้งานแบบส่วนตัว ละอองจากน้ำร้อนลอยมากระทบผิวกายส่งผลให้พวงแก้มทั้งสองข้างอุณหภูมิสูงกว่าปกติเล็กน้อยและยังส่งผลให้คิ้วเข้มขมวดปมอย่างฉงน พื้นที่ลับที่ผมค้นเจอเข้าโดยบังเอิญถูกสร้างสรรค์เอาไว้ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ไม่นึกเลยว่าสถานที่โรแมนติกขนาดนี้จะถูกเก็บไว้ใช้งานกับชายโสดอย่างอี้ป๋อแค่เพียงคนเดียว 

     

    หากผมสามารถพาสาวๆมาปาร์ตี้ที่นี่ได้ก็คงแจ่มน่ะสิ

    ผู้ชายอย่างเขามีอารมณ์สุนทรีสร้างสถานที่เอาไว้แช่น้ำชมจันทร์กับคนอื่นก็เป็นแฮะ

    เอ๊ะ..หรือไม่แน่

    บางทีรสนิยมของเขาอาจเหมาะกับการพาเหล่าสิงโตมาแช่น้ำด้วยกันมากกว่า

     

    “หึ..นึกอะไรสนุกๆออกแล้ว”

     

    ผมอมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ขณะก้าวเท้าเดินตรงไปยังบ่อน้ำร้อนที่ปรากฏเบื้องหน้า ข้อมือบางค่อยๆปลดเข็มขัดตัวเองอย่างเชื่องช้าพลางรูดซิปกางเกงลง ก่อนลาจากกันผมก็ควรมีของเอาไว้ให้เขาดูต่างหน้าสินะ 

     

    “อ๊าา~ ลมเย็นแบบนี้เหมาะแก่การระบายของเหลวเป็นที่สุด”

     

    เพียงแค่ลองนึกภาพคุณโรบอทหน้านิ่งลงแช่น้ำแล้วจากนั้นก็สัมผัสได้ถึงรสชาติแปลกปลอมของน้ำที่เพิ่งแช่ไปผมก็อดหัวเราะเสียงดังออกมาไม่ได้ คนอย่างเขาถ้าได้ถูกหยามศักดิ์ศรีเพียงหนึ่งหนก็คงจะจำและเข็ดไปจนตาย เห็นไหมว่าแค่คิดก็สนุกแล้ว 

     

    ฟุบ

     

    ระหว่างที่ผมกำลังจะควักเซียวจ้านน้อยออกมาระบายของเหลวในท้องก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งย่ำเข้ามา ผมรีบสาวเท้ายาวๆหาที่ซ่อนหลังต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดเดิมนักเพื่อสังเกตการณ์ ชายร่างสูงท่าทางคุ้นเคยปรากฏกายขึ้นท่ามกลางแสงจันทร์ แผงอกสีนวลโผล่พ้นเสื้อคลุมอาบน้ำชวนให้ใจสาวๆที่ได้จ้องมองเป็นอันต้องไหวสั่นทุกราย

     

    ตึกตัก!!

     

    ไอ้เซียวจ้าน

    เอ็งไม่ใช่สาวๆในประโยคที่หมายถึง

    ใจไม่ต้องสั่นมากนักก็ได้

     

    ผมหายใจไม่ค่อยเป็นจังหวะมีอาการตุ๊มๆต่อมๆเหมือนตอนลอกข้อสอบแล้วถูกอาจารย์จับได้ยังไงอย่างงั้น ดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมอีกคนยังมีอารมณ์นึกอยากแช่น้ำอยู่อีกนะ รอให้ผมหนีไปก่อนแล้วค่อยมาไม่ได้หรือไงกัน ถึงผมจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการเฝ้ารอเพราะหนทางที่ผมต้องไปต่อดันอยู่อีกฟากของบ่อน้ำเข้าพอดี ดูท่าว่าอี้ป๋อจะล่วงรู้ความคิดของผมถึงได้ประวิงเวลาไว้ด้วยการยืนทำสมาธิสงบนิ่งอยู่ซะนาน(ประชด)

     

    ยุบหนอ~ 

    พองหนอ~ 

    ขัดขวางหนอ~

    ไม่ให้หนีหนอ~ 

     

    ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวตัวบางยืนอยู่ริมขอบบ่อตรงบริเวณเดิมที่ผมเคยยืน สายตาของเขาจับจ้องตรงไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้าคล้ายกำลังเล่นเอ็มวีเพลงคืนที่ดาวเต็มฟ้าฉันจินตนาการถึงหน้าเธอ..ละเมอไปไกลมองไม่เห็นเป็นดาว~ ผมรอจนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเขาจะกระดิกตัวลงแช่น้ำสักนิด หรือคิดอีกแง่เขาอาจจะแค่มาเดินเล่นรับลมตอนตีหนึ่งก็เป็นได้

     

    ไปสักทีสิคุณโรบอท

    รอจนยุงหามแล้วนะ

     

    ในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายหมดความอดทนเพราะอีกคนดูท่าไม่คิดขยับหนีไปไหน ทันใดนั้นเองสมองก็ประมวลผลแผนการใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ผมอมยิ้มซุกซนก่อนจะค่อยๆย่องออกจากที่ซ่อนเพื่อไปโผล่ด้านหลังเขาแทน เท้าข้างขวาถูกยกลอยจากพื้นเตรียมพร้อมส่งอีกคนให้ตกลงไปอยู่ใต้น้ำ ยังไม่ทันที่ผมจะออกแรงหรือขยับตัวใดๆคนตรงหน้าก็หันขวับกลับมาซะก่อน

     

    หมับ!!

     

    “จับได้แล้ว”

    “อ๊ะ!!”

     

    ตู้ม!!

     

    ความว่องไวของนักล่าระหว่างเราสองคนถือว่าต่างชั้นกันมาก อี้ป๋อใช้เวลาอันรวดเร็วหันกลับมาจับข้อเท้าของผมเอาไว้จากนั้นจึงออกแรงเหวี่ยงเพียงเล็กน้อยร่างของผมก็ลอยละลิ่วสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น ร่างบางรีบดีดตัวขึ้นจากน้ำทันทีที่รู้สึกว่าอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆเหมือนมีคนจงใจแกล้งกัน 

     

    “นี่นาย!!”

     

    ติ๊ด

     

    อี้ป๋อยืนนิ่งกดสายตาลงต่ำมองพ่อเสือนักท่องราตรีดิ้นพล่านอยู่ในน้ำพลางยกยิ้มมุมปากขึ้นมา นิ้วเรียวค่อยๆกดคำสั่งเพิ่มอุณหภูมิของน้ำอย่างไม่รู้สึกรู้สาต่อสิ่งใด เพราะความร้อนจากน้ำจึงส่งผลให้พวงแก้มใสเริ่มเปล่งสีแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว ประกอบกับเสื้อเชิร์ตลายมันถูกทำให้บางลงเผยเนื้อในทะลุปรุโปร่งไปเกือบถึงไขกระดูก พลันหัวใจของโรบอทหนุ่มผู้ปิดตายมาช้านานกลับเสียอาการเอาดื้อๆ เขาจำเป็นต้องละสายตาจากคนเปียกปอนไปชั่วคราวเพื่อทำสมาธิ

     

    ก็ไม่เห็นจะน่ามองตรงไหน

    ทำไมใจถึงสั่นขึ้นมาได้วะ

     

    “ระ..ร้อน อ๊ะ..นะ..นี่นาย!! ตั้งใจแกล้งกันเหรอ”

    “.......”

    “นี่อี้ป๋อ!! มัวแต่มองอะไรอยู่ได้ ยังไม่รีบลดอุณหภูมิน้ำอีก”

     

    ผมทำทีตวัดน้ำใส่คนบนบกถึงรู้ว่าด้วยแรงขณะนี้จะส่งไปไม่ถึงก็เถอะ เพียงชั่วครู่เขาก็หันกลับมาตามเสียงเรียก ชั่วขณะนั้นเองที่เราสองคนเผลอประสานสายตากันพร้อมไอเย็นวูบหนึ่งลอยผ่านมาพัดเอากลีบดอกไม้ให้ร่วงหล่นลอยละล่องปลิวไสวปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ เขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นกับตัวผมที่ยืนอยู่ตรงนี้ ต่างคนต่างแน่นิ่งคล้ายถูกมนต์สะกดบางอย่างตราตรึงเอาไว้ไม่ให้เบือนหน้าหนีไปไหน

     

    “.......”

    “.......”

     

    เอ๊ะ..จังหวะแบบนี้มันชักคุ้นๆนะ

    ใช่จังหวะที่พระนายในละครตกหลุมรักกันหรือเปล่า

     

    “ฉันกำลังพิจารณา”ในที่สุดเสียงเข้มของเขาก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน

    “พิจารณาอะไร”ข้อมือบางเสยผมที่เปียกเล็กน้อยขณะเอ่ยตอบกลับไป

    “พิจารณาว่านายพิเศษกว่าคนอื่นตรงไหน”

    “.......”

    “ทำไมถึง..”

     

    ทำไมถึงส่งผลต่อหัวใจด้านชาให้กลับมาไหวสั่นเพียงชั่วขณะวินาที

     

    “อะไร”

    “เปล่า ก็แค่..”

    “.......”

    “ทำไมนายถึงได้ดื้อกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจอมา”

     

    ผมได้แต่ลูบแขนตัวเองอย่างไม่คิดจะตอบรับคำใดกลับไปอีก ถ้าเขารู้ว่าผมดื้อนักก็ควรปล่อยให้ผมหนีไปซะสิ ไม่รู้ว่าจะตามมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันทำไม เก็บผมไว้ข้างตัวก็มีแต่จะสร้างภาระเพิ่มขึ้นเปล่าๆ

     

    “เพราะนายคนเดียวฉันถึงต้องเปียกแบบนี้”ผมทำหน้าหงิกงอพลางตวัดน้ำใส่คนบนบกอีกรอบ นอกจากจะถูกจับได้แล้วก็ยังต้องเปียกมะล่อกมะแล่กเหมือนลูกหมา ผมมีกางเกงในแค่ตัวเดียวนะ

     

    ซ่า!!

     

    “นายจะมาโทษกันไม่ได้ มันคือกลไกการป้องกันตัว อีกอย่างนายคิดที่จะแกล้งฉันก่อนฉันก็ต้องเอาคืน”

    “อ้อ ลืมไปว่านายเป็นถึงหวังอี้ป๋อเจ้าของฉายาโรบอทมือสังหาร นายคือเจ้าพ่อมาเฟียผู้มากฝีมือและประสบการณ์ ขอเดาว่าแผนหลบหนีในคืนนี้นายเองก็คงรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหม”

    “เซียวจ้าน อย่าพยายามทำอะไรที่ไร้ประโยชน์อีกเลย นายคิดว่าจะหนีไปไหน”

    “ไปที่ไหนก็ได้ที่ไกลจากเมืองนี้มากที่สุด”

    “สิ่งที่ฉันอธิบายไปทั้งหมดเมื่อไหร่นายจะเข้าใจสักที นายหลบหนีตัวคนเดียวไม่รอดหรอก”

    “อยู่เมืองนี้ฉันก็ไม่รอดเหมือนกัน”

    “รอดสิถ้านายอยู่กับฉัน หัดทำตัวดีๆ หัดเชื่อฟังไม่ดื้อไม่ซนและไม่คิดหนีอีก แค่นี้ทำได้ไหม”

    “ไม่ได้และก็ไม่คิดจะทำด้วย แบร่~”

    “เซียวจ้าน”น้ำเสียงนั้นกดต่ำลงส่งผลให้ผมเอาลิ้นเก็บกลับมาแทบไม่ทัน 

    “แหย่เล่นหน่อยเดียวไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลยนี่”

    “ตกลงจะยอมขึ้นมาเองหรือต้องให้ฉันไปลากตัวนายขึ้นมา”เขาคงคิดว่าผมกลัวตายล่ะ

    “นายสืบประวัติของฉันมาแล้วไม่ใช่เหรอ”

    “ใช่”

    “มันไม่ได้ระบุสถิติการโดดเรียนของฉันหรือไง”

    “ถามทำไม”

    “เพราะถ้ามันระบุเอาไว้นายก็คงรู้ดีว่าฉันโดดเรียนสำเร็จทุกครั้งและครั้งนี้ก็เช่นกัน”

    “นี่..นาย!!”

    “แน่จริงก็ตามจับนักเรียนคนนี้ให้ได้สิ คุณครูหวังอี้ป๋อ ฮะฮ่า~”

    “ตัวแสบ!!”

     

    ผมหัวเราะสุดเสียงพร้อมกับโบกมือลาคนบนฝั่งขณะที่ดีดตัวว่ายน้ำหนีไปข้างหน้า ในเมื่อเดินทางบกไม่ได้ก็คงต้องไปทางน้ำเหมือนปลาสวายนี่แหละ อดทนอีกนิดเดี๋ยวก็ออกจากรังของเจ้าพ่อได้แล้ว ดูเหมือนว่าน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้นทุกวินาทีเพิ่มความร้อนสองข้างแก้มอีกเป็นเท่าตัว แทบไม่ต้องหันกลับไปมองก็พอรู้ว่าอีกคนกำลังโมโหมากเพียงใด เขาคิดจะต้มผมจนสุกเลยหรือไงนะ หัวร้อนเข้าไปเถอะอีกไม่นานผมก็จะไปถึงสุดปลายฝั่งแล้ว 

     

    ลาก่อนเขตแปดห้า

    ถ้ามีโอกาสผมคงได้นำเลขไปแทงหวย

    หวังว่าจะถูกสักรางวัลนะ

     

    ซ่า!!

     

    “อ๊ะ!! ปล่อยยยย!!”

     

    ผมคงรีบดีใจเร็วเกินไปหน่อยเพราะในขณะที่กำลังจะปีนขึ้นฝั่งฝันนั้นข้อมือหนาก็ตรงเข้ามาล็อคคอสกัดกั้นหนทางหลบหนี ใครจะรู้ว่าเขาดันกล้าบ้าบิ่นกระโจนลงน้ำตามผมมา ทั้งที่ผมตัวสูงกว่าอีกคนแต่ถ้าเทียบพละกำลังผมกลับสู้เขาไม่ได้เลย เราทั้งสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นานไม่มีทีท่าว่าใครจะล่าถอยก่อนกัน ในที่สุดผมก็นึกแผนการอะไรดีๆในหัวออก อย่างที่บอกแหละครับ..เรื่องสกิลการพูดจาหลอกล่อให้อีกฝ่ายตายใจผมถนัดนัก

     

    “อ๊ะ..ปะ..ปล่อยก่อน อี้ป๋อ..ฉะ..ฉันยอมแล้ว”

    “.......”

    “ยอมแล้ว..ยะ..ยอมจริงๆ”

    “เลิกเล่นแล้วกลับสักที”

     

    อี้ป๋อยอมคลายข้อมือออกโดยง่ายก่อนจะเปลี่ยนมาดึงแขนผมแทนเพื่อลากให้ผมกลับไปยังทางเดิมที่จากมา ผมแกล้งขืนตัวเอาไว้เล็กน้อยส่งผลให้ดวงตาคมหันมาจ้องด้วยท่าทีฉงน ภายในเวลาไม่กี่วินาทีผมก็เริ่มเปิดโหมด ‘ออกล่า’ อย่างเป็นทางการ ให้มันรู้ไปว่าระหว่างพ่อสิงโตกับพ่อเสือใครจะเป็นฝ่ายชนะในเกมนี้ก่อนกัน

     

    “ทำอะไร”

    “ฉันอยากขอพนัน”

     

    ผมค่อยๆใช้ปลายนิ้วเรียวไล้สัมผัสผิวกายอันนวลเนียนใต้น้ำก่อนจะไล่ขึ้นสูงเรื่อยๆและมาหยุดอยู่บริเวณรอบต้นคอของคนตรงหน้า ออกแรงเพียงนิดเดียวผมก็เกี่ยวรัดขยับเขามาใกล้ให้ปลายจมูกเราสองแนบชิด อี้ป๋อชะงักไปทันทีคล้ายถูกแช่อยู่ในถ้ำน้ำแข็งที่ความเย็นติดลบ ชุดคลุมอาบน้ำตัวบางซึ่งเขาสวมใส่นั้นโดนลมพัดตกหล่นมาข้างหนึ่งเผยให้เห็นแผงอกทางด้านขวา ขณะที่การต่อสู้เมื่อครู่ก็ทำให้เสื้อเชิร์ตบนร่างบางฉีกกระชากเม็ดกระดุมหลุดออกโชว์ให้เห็นเนื้อในลึกไปถึงไหนต่อไหน อุณหภูมิของน้ำเวลานี้เพิ่มสูงขึ้นจนร้อนจัดเปลี่ยนอุณหภูมิร่างกายให้ร้อนตาม กว่าจะรู้ตัวอีกทีอี้ป๋อก็เผลอวางข้อมือลงบนสะโพกเล็กอย่างไม่อาจห้ามใจไว้ได้อยู่

     

    “พนันเรื่องอะไร”น้ำเสียงยามเอ่ยนั้นแหบพร่าใกล้ขาดสติเพราะหลงวนในดวงตาคู่งาม ยิ่งเห็นอีกคนเสียอาการมากเท่าไหร่แผนที่วางเอาไว้ก็มีโอกาสสำเร็จสูงมากเท่านั้น

    “จ้องตากัน”

    “.......”

    “ภายในสิบสามวินาที ถ้านายตกหลุมรักฉัน..นายจะต้องปล่อยฉันไป”

    “ก็แล้วถ้าไม่ล่ะ”

    “ฉันก็จะไม่ดิ้นรนขัดขืนยอมอยู่ภายใต้การดูแลของนายแต่โดยดี”

    “อะไรทำให้มั่นใจว่าเดิมพันนี้นายจะเป็นฝ่ายชนะ”

    “แล้วอะไรทำให้นายมั่นใจว่าเดิมพันนี้ฉันจะเป็นฝ่ายแพ้ล่ะ”

    “เพราะว่าสิงโตคือราชานักล่า”

    “ไม่จริงหรอก..จนกว่าจะได้พิสูจน์”

     

    1

    2

    3

    .

    .

     

    ผมอมยิ้มกว้างโชว์ฟันกระต่ายฉายแววซุกซนขณะจับจ้องนัยน์ตาตรงหน้า ผู้ชายที่เปรียบเสมือนโรบอทตายด้านทางอารมณ์อย่างเขาจะเริ่มหวั่นไหวก็ไม่แปลก เขาไม่เคยได้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ใดมาก่อนนี่นา แม้ว่าผมจะเป็นผู้ชายแต่การตกอยู่ในสถานการณ์ชวนให้วาบหวามใจสองต่อสองคงพอจะสะกิดอารมณ์ส่วนลึกของเขาได้บ้างแหละ

     

    อีกอย่างฉายาจ้องตาสิบสามวิเสร็จโจ๋ของผมก็ยังคงใช้ได้ผลเสมอมา

    ต่อให้เป็นเพศเดียวกันก็ตามเถอะ

    คืนนี้อี้ป๋อจะต้องพ่ายแพ้ให้กับผมอย่างหมดท่าแน่นอน

     

    .

    .

    7

    8

    9

     

    “.......”

    “หวังอี้ป๋อ”

    “.......”

    “นายแพ้แล้ว”

     

    10

     

    “อ๊ากก!!”

     

    พวกเราจ้องตากันไปได้แค่ประมาณสิบวินาทีผมก็ทำใจกล้ากัดหูคนตรงหน้าเข้าไปซะแรง แน่นอนว่าการหลอกพนันจ้องตาอะไรนั่นก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแผนการ ผมรอจังหวะเหมาะอาศัยตอนที่อีกคนเผลอใจไม่ทันระวังหวังเล่นงานให้เขาออกห่างก่อนจะรีบชิ่งปีนหนีขึ้นบนบกทันที

     

    “เซียวจ้าน!! นายมันตัวแสบ!!”

    “คืนนี้เล่นกับนายสนุกจัง ขอตัวก่อนล่ะ บ๊ายบาย~”

     

    ผมโบกมือให้กับคนในน้ำพลางเริ่มออกตัววิ่งเพื่อหลบหนีต่อทันที ยังไม่ทันจะก้าวไปไหนได้ไกลขาทั้งสองข้างก็ต้องหยุดชะงักกะทันหัน เจอแบบนี้บ่อยๆเข้าชักจะไม่สนุกแล้วสิ

     

    โฮกก!!

     

    สิงโตตัวเดิมเพิ่มเติมคือแยกเขี้ยวอวดซะกว้างราวกับไปประกวดเวทีหนูน้อยฟันสวยมาก็ไม่ปาน ผมลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อมันย่างกรายเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกขณะ ดึกดื่นป่านนี้ไม่หลับไม่นอนกันอีกเหรอหนูๆหรือว่าเจ้านายใจดีพามาเดินเล่นรับแสงจันทร์ยามตีหนึ่ง ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดทำให้เท้าทั้งสองข้างค่อยๆก้าวขยับหนีทันทีจนในที่สุดแผ่นหลังก็ชนเข้ากับบุคคลซึ่งผมอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลแสนไกล

     

    ตุบ

     

    ลาก่อนสถิติกินเนสส์บุ๊ค

    ผมไม่อาจหนีออกจากรังเจ้าพ่อได้สำเร็จ

    หมดเวลาสนุกแล้วสิ

     

    “นะ..นาย..ชะ..ช่วยไล่มันไปที”

    “เก่งมาก เลอา..ธีออน”

     

    โฮกก!!

     

    บอกให้ไล่โว้ยไม่ได้ให้ชื่นชม!!

     

    “ยังคิดจะหนีอยู่อีกไหม”

    “หะ..หวังอี้ป๋อ!! นายนั่นแหละตัวแสบ!!”

    “หึ..ทีนี้นายรู้รึยังล่ะว่าใครกันแน่ที่เป็นราชานักล่า”น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นข้างใบหูก่อนที่เขาจะเริ่มพูดประโยคถัดมาทำเอาภาพการหนีไปขี่อูฐในทะเลทรายซาฮาร่าพลันสลายไปในพริบตาเดียว

    “.......”

    “เซียวจ้าน..นายไม่มีวันหนีฉันพ้นหรอก จำใส่ใจเอาไว้”











     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อ๊ากกกกกก!! ปล่อยยยยยยย!!”

    “.......”

    “หยุดนะเจ้าคนชั่ว!! ปล่อยโว้ยยยยยยย!! ฮรื้ออออออ!! เรียกหนึ่งเก้าหนึ่งที พลีสสสส!!”

     

    ผมร้องโวยวายดังลั่นคฤหาสน์หลังถูกเจ้าบ้านอุ้มพาดบ่า(อีกแล้ว)ท่ามกลางฝูงมหาชนซึ่งก็คือลูกน้องของเขานั่นแหละคอยมุงดูพร้อมซุบซิบกันอย่างสนุกปาก ผมจะจำเอาไว้ว่าต่อจากนี้ไม่ควรคบค้าสมาคมกับคนที่เลี้ยงสิงโตไว้ในบ้านเป็นอันขาด แค่เพียงนิดเดียวผมก็จะหนีสำเร็จอยู่แล้วเชียวดันต้องมาพลาดท่าเสียทีถูกจับกลับมาในรังเจ้าพ่ออีกจนได้

     

    ตุบ!!

     

    อี้ป๋อเหวี่ยงร่างของผมลงบนเตียงนอนเหมือนกำลังฝึกซ้อมบทพระเอกในเรื่องสวรรค์เบี่ยงแข่งกับพี่เคนธีรเดช ผมทั้งดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่อาจหนีพ้นไปจากเงื้อมมือของเขาได้ สีหน้าอี้ป๋อในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธจัดคงเพราะผมถือเป็นคนแรกที่กล้างัดข้อกับเขาและยังไม่ยอมศิโรราบทั้งที่จนมุมแล้วก็ตาม

     

    “เซียวจ้าน!!”

    “ปล่อยยยยยย!!”

    “ถ้ายังไม่หยุดดิ้นฉันจะไม่ปราณีแล้วนะ”

    “คิดว่ากลัวตายล่ะ”

     

    ผมพยายามวิ่งหนีไปยังประตูห้องแต่สุดท้ายก็ถูกจับกลับมาที่เตียงตามเดิม ร่างสูงตัดสินใจขึ้นคร่อมพลางใช้ข้อมือหนากดแขนผมเอาไว้ไม่ให้กล้าแผลงฤทธิ์อีก เขาส่งเสียงเรียกลูกน้องคนสนิทขณะที่ผมเองก็ยังคงแหกปากร้องจนบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย

     

    “ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะเซียวจ้าน”

    “ปลอยปล่อยปล้อยปล๊อยปล๋อย!! ปล่อยโว้ยยยยย!!”

    “อวี๋ปิน!!”

    “ครับเหล่าต้า!!”

    “ไปเอากุญแจมือมา”

    “ไม่นะปินปิน!!”

    “เอ่อ..”

    “ฉันบอกให้ไปเอามา!!”

    “คะ..ครับ”

     

    ใช้เวลาเพียงไม่นานอวี๋ปินก็กลับมาพร้อมกับกุญแจมืออย่างที่อี้ป๋อได้สั่งไป ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการขัดขืนแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจหนีพ้นเงื้อมมือของเจ้าพ่อ แขนด้านขวาถูกจับล็อคติดสนิทกับลูกกรงตรงบริเวณหัวเตียงไร้หนทางหลบหนีจริงๆก็คราวนี้

     

    แกร๊ก!!

     

    “อี้ป๋อ!! นายจะล็อคฉันไว้กับหัวเตียงไม่ได้นะ!!”

    “ลองคิดหนีอีกสิ”

    “คนใจร้าย นายมัน..”

    “ฉันทำไม”

    “ฮึ่ยย!!”

    “ในเมื่อดื้อนักก็ต้องเจอแบบนี้แหละ”

     

    อวี๋ปินที่กำลังจะก้าวพ้นบานประตูอดใจไม่ไหวจึงแอบสำรวจสถานการณ์ระหว่างคนทั้งคู่ก่อนจาก ขณะนี้เจ้านายกำลังทาบทับอยู่บนร่างบางด้วยสภาพเปียกปอนแทบจะเนื้อแนบเนื้อใส่กัน อีกทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ก็ชวนให้คิดไกลไปถึงไหนต่อไหน เซียวจ้านไม่รู้ตัวเลยว่าจากแผนการลอบระบายของเหลวเมื่อครู่ทำให้กางเกงที่ถูกปลดซิปออกยังคงเปิดอ้าอยู่อย่างนั้นเผยให้เห็นขอบชั้นในสีแดงชวนวาบหวามใจ 

     

    เหล่าต้าที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ

    ต้าซ้อที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือย

    โอ้..ที่แท้ต้าซ้อของเราก็ร้อนแรงไม่เบา

    ชวนเล่นบทละครในน้ำแล้วลากมาต่อกันบนเตียง

    ดูท่าเหล่าต้าคงอยากเปลี่ยนบรรยากาศเป็นนอกสถานที่

    จนแล้วจนรอดเลยรู้ว่าอะไรก็ไม่นุ่มเท่าเตียงนอน

    แถมยังมีกุญแจมือมาเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากอีกต่างหาก

    ต้องใช่แน่ๆ

    พล็อตคืนนี้คงหนีไม่พ้น 85 shades of เหล่าต้า.. (20+)

     

    [แชทกลุ่ม] ตั้งมาสักชื่อมันจะตายหรือไง

     

    BinBin > ส่งไฟล์วิดิโอลงในกลุ่ม

    ‘.......’

    BinBin > หนังที่เหล่าต้ากำลังจะดูคืนนี้ (แนบอีโมจิเขิน)


    ..อ่านแล้ว 85 คน..

     

    ‘OMG!!’

    ‘เช็คอายุก่อนกดดูด้วยนะ ฮิฮิ’

    ‘ว่าแต่คุณชายคนนี้จริงๆเหรอที่กำลังจะมาเป็นต้าซ้อของพวกเราน่ะ’

    ‘โนคอมเม้น’

    ‘ก็ต้องใช่อยู่แล้วสิ ร้อยวันพันปีเหล่าต้าเคยอุ้มใครเข้าห้องซะที่ไหน’

    ‘โอ๊ยย..แบบนี้ต้องฉลองที่เหล่าต้ากำลังจะลงจากคานสักที’

    ‘แสดงว่าต้าซ้อกำลังจะกินเด็กหรอกเหรอเนี่ย’

    ‘ถ้าเด็กหล่อล่ำเร้าใจเหมือนเหล่าต้าเป็นใครก็ต้องกินป่ะ’

    ‘ได้ข่าวว่าปินเอากุญแจมือไปให้เหล่าต้าด้วยนี่’

    ‘อุ๊บบบบบส์!!’

    ‘กดอีโมเขินรัวๆ’

    ‘ไปๆแยกย้าย ค่อยมาเผือกต่อพรุ่งนี้’

    ‘ส่วนคืนนี้ใครไม่เข้าเวรเฝ้ายามก็มามุงดูหนังกันได้นะเปิดตี้ห้อง69’

    ‘ยกมือเข้าตี้คนแรกเลยจ้าาาาา’

    ‘GN (แนบอีโมจิพระจันทร์)’

     

    BinBin > พรุ่งนี้อย่าลืมเตรียมยาบำรุงไว้ให้ต้าซ้อเตรียมรับศึกในคืนต่อไปด้วยนะ หุหุ

    BinBin > จบการรายงานข่าว

     

     

    อวี๋ปินอมยิ้มร่ากับข้อความในมือถือก่อนจะค่อยๆปิดประตูลงปล่อยให้ผู้ถูกเอ่ยถึงอยู่กันตามลำพังในห้องสองต่อสองเพื่อสานภารกิจต่อจนสำเร็จ

     

    “.......”

    “.......”

    ไฉนเลยจะรู้ว่าบุคคลในห้องกำลังทำสีหน้าปั้นปึ่งใส่กันเพียงใด ผมแทบจะแยกเขี้ยวใส่อี้ป๋อหลังจากถูกเขาจับล็อคกับหัวเตียงขยับหนีไปไหนไม่ได้ เมื่อไร้ซึ่งหนทางสู้เรี่ยวแรงที่เคยมีกลับหมดลงเอาดื้อๆเสียอย่างงั้น

     

    “หายซ่าแล้วเหรอ”

    “จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากคุยกับนายแล้ว”ผมเบือนหน้าหนีไปทางอื่นแต่ยังไม่วายลอบเบ้ปากใส่เขาไปหนึ่งที

    “หึ..ไปแน่แต่ว่าก่อนที่จะไปยังมีเรื่องที่ฉันต้องจัดการ”

     

    ว่าแล้วอี้ป๋อก็ยันกายลุกยืนผละออกจากเตียงและเริ่มเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เขาควานหาสิ่งของบางอย่างจนในที่สุดก็เดินกลับมาหาพร้อมกองเสื้อผ้าแห้ง ผมจ้องมองสิ่งของในมือคู่นั้นด้วยความสงสัย

     

    “อะไร”

    “นายตัวเปียก”

    “เหอะ ยังมีหน้ามาห่วงกันอีกเหรอหลังจากล็อคกุญแจขังฉันไว้น่ะ”

    “พรุ่งนี้ฉันจะมาไขกุญแจมือให้แต่ถ้านายคิดหนีอีกก็คงต้องล่ามโซ่แล้วล่ะ”

    “อือ”

    “เปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ใช้ความสามารถด้วยแขนข้างเดียวคงไม่มีปัญหาใช่ไหม นายเก่งรอบด้านอยู่แล้วนี่”ผมใช้สายตามองดูกองเสื้อพวกนั้นก่อนจะถอนหายใจ อันที่จริงก็ทำเองได้แต่หลังจากสู้รบกับเขามายกใหญ่ร่างกายก็เหนื่อยล้าจนยกแขนแทบไม่ขึ้น

    “เปลี่ยนให้หน่อยสิ”ผมเลยฉวยโอกาสหลอกใช้เขาแบบโต้งๆนี่แหละ ยางอายอะไรไม่ต้องสะกดกันแล้วเซียวจ้าน

    “.......”

    “นะ”

    “.......”

    “ทำไมเงียบล่ะ อ้อ..หรือว่า..”

    “อะไร”

    “ตอนที่แข่งจ้องตากันนายเกิดหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆ”

     

    ผมแกล้งแหย่เขาเล่นเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าอี้ป๋อจะเริ่มเสียอาการจนไม่กล้าสบตาผม ยิ่งดวงตาคมจับจ้องเลยผ่านแถวบริเวณขอบกางเกงที่ซิปถูกเปิดอ้าออกเขาก็ยิ่งเปลี่ยนสีแก้มให้แดงเรื่อขึ้นไปอีก ผมว่าอี้ป๋อไม่เพียงแค่ยังไม่ผ่านประสบการณ์รัก..ดูท่าแม้กระทั่งหนังสิบแปดบวกก็คงไม่กล้าเปิดดูล่ะมั้งเนี่ย พวกผู้ชายที่หมกหมุ่นอยู่กับการต่อสู้ทั้งวันทั้งคืนตั้งแต่เด็กจนโตจะเอาเวลาไหนไปสนใจเรื่องบนเตียง 

     

    ราชานักล่าอะไรกันเล่า

    ไก่อ่อนชะมัดหวังอี้ป๋อเอ๋ย~

    “ว่าไงล่ะ”

    “ฉันไม่ได้หวั่นไหว”

    “งั้นก็ทำสิ”ผมอ้าแขนออกสองข้างเป็นเครื่องหมายทางร่างกายเชิงอ้อนวอนขอให้เขาเปลี่ยนชุดสักทีเพราะรู้สึกน้ำท่วมปอดจะแย่แล้ว

    “หน้าไม่อาย 

    “นายกับฉันก็เป็นผู้ชายด้วยกันทำไมต้องอายล่ะ”

    “นายชอบให้คนอื่นจ้องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าหรือไง”

    “อันที่จริงก็ชอบนะโดยเฉพาะสาวๆน่ะ”

    “เหอะ..งั้นก็เสียใจด้วยที่ฉันไม่ใช่สาวๆแบบที่นายชอบ ฉันจะกลับห้องส่วนนายเปลี่ยนเสื้อเองก็แล้วกัน”

    “อี้ป๋อ นายนี่สมกับเป็นโรบอทจริงๆด้วย มิน่าล่ะนายถึงไม่สนใจมีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นเลย สักวันนายจะต้องอยู่อย่างเดียวดายในบ้านหลังโตอันว่างเปล่าแน่ คอยดูเถอะ”

     

    คำพูดนั้นฉุดรั้งขาทั้งสองข้างเอาไว้ไม่ให้ก้าวพ้นบานประตู  สิบสองปีนับตั้งแต่วันที่ทุกคนล้มหายตายจาก อีกคนคงไม่มีวันรู้หรอกว่าการต้องเติบโตมาเพียงลำพังมันรู้สึกเช่นไร นึกว่าเขาจะหวาดกลัวงั้นเหรอ ในเมื่อเขาชาชินกับความว่างเปล่ามานานแล้ว

     

    “งั้นก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของฉัน นายไม่ต้องมาสนใจ”

    “ก็ไม่อยากสนใจนักหรอก นายจะไปไหนก็ไป ชิ่วๆ~”

    “เซียวจ้าน”

    “หืมม”

    “พรุ่งนี้นายคิดจะหนีอีกไหม”

    “ทำไมล่ะ นายจะให้สิงโตลูกๆของนายมาเฝ้าหน้าห้องหรือไง”แค่พูดล้อเล่นเท่านั้นนะอย่าริอาจทำจริงก็แล้วกัน

    “ก่อนหน้านี้ฉันเคยคิดว่าจะให้เวลานายอีกสักหน่อย”

    “เวลาสำหรับอะไร”

    “สำหรับการตัดสินใจและเตรียมพร้อม”

    “ตัดสินใจอะไรเหรอแล้วทำไมต้องเตรียมพร้อม”

    ประทับตราพันธะ

    ผูกมัดร่างกายทั้งสองไว้ด้วยกัน

    “วันพรุ่งนี้นายก็จะรู้เอง”

     

    ร่างสูงทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินจากไปแต่ก็ยังไม่วายฉุกคิดอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขายืนค้างตรงบานประตูทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่นานจนในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยประโยคถัดมาโดยเลือกที่จะไม่หันมองกัน

     

    “เรื่องที่ฉันบอกว่าไม่หวั่นไหวน่ะ”

    “.......”

    “ก็เพราะว่ามันยังไม่ครบ”

    “หืมม”

    “ยังขาดเวลาอีกสามวินาที”

    “สาม..วินาที”ผมพึมพำกับตัวเองอย่างไม่แน่ใจนักว่าอีกคนต้องการจะสื่อถึงเรื่องอะไรกันแน่

    “ใช่”

    “.......”

    “ยังขาดเวลาอีกสามวินาทีที่จะทำให้ฉันตกหลุมรักนาย”

     

    ท้ายประโยคเราทั้งคู่หันมาประสานสายตาซึ่งกันและกัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรผมจึงเลือกจะเป็นฝ่ายเงียบเพื่อรอรับฟังสิ่งที่อีกคนต้องการพูดอย่างแท้จริง

     

    “ฉันยังไม่รู้ความรู้สึกตัวเองจนกว่าพวกเราจะได้จ้องตากันครบสิบสามวินาทีจริงๆ”

    “.......”

    “เรื่องที่ฉันบอกว่าไม่หวั่นไหวน่ะ”

    “.......”

    “ไว้วันหลัง แล้วฉันจะมาพิสูจน์อีกที”





    << To Be Continued >>

    #ตราพันธนาการหัวใจ



    แวบมาอัพตอนสองให้แล้วน้า

    มีคนบอกว่าพี่จ้านของเราแสบใช่ย่อยแต่ว่านี่ยังแค่น้ำจิ้มเท่านั้น

    มารอดูกันว่าใครจะปราบพยศใครกันแน่ อ่ะฮุ~

    คอมเม้นติชมเป็นกำลังใจกันได้เหมือนเดิม

    เจอกันใหม่อีพีหน้าฮับ~



    รักนักอ่านและนักอ่านเงาทุกท่าน *ปาหัวใจชุบแป้งทอดใส่บ้าน*


    ปล.แอบแปะรูปตอนแช่น้ำ -,.-





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×