OS - GOOD LOVE
youngmin x donghyun
โคตรเจ็บ
ความรู้สึกจุกอยู่ที่ตรงกลางอก
รวมไปทั้งขอบตาที่เริ่มร้อนผ่าวหากเขาได้ลองปิดตาและเปิดมันขึ้นมันอีกครั้งหนึ่ง
สิ่งที่ตามมาก็คงหนีไม่พ้นน้ำตาที่พร้อมจะร่วงหล่นตามแรงดึงดูดของโลก
ใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น
และใครอีกคนที่กำลังยืนอยู่แทนที่ของเขา
ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด
ในขณะที่เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม
แต่เขาคนนั้นกำลังเดินไปข้างหน้าพร้อมกับคนใหม่
หลายอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกัน ความสัมพันธ์ทุกอย่างถูกทิ้งและวางเอาไว้เฉกเช่นเดิม รอยยิ้มในวันสุดท้ายที่เจอกันเขาจำมันได้ดี อิมยองมินไม่ได้รั้งเขาเอาไว้เหมือนที่ผ่านมา รวมไปทั้งคำขอร้องที่เคยเอ่ยกับเขาตลอดเวลาที่เขาอยากจะไป ในวันนั้นอิมยองมินก็ไม่ได้พูดมันออกมาเช่นเดียวกัน
การรักสนุก หลงไหลไปกับชีวิตที่ไม่อยากผูกมัด
ความสัมพันธ์ที่เหมือนเป็นด้ายรัดตัวนึกว่ามันช่างน่ารำคาญ
นั่นคือความคิดของเขาในตอนที่กำลังคบกับอีกฝ่าย
ความใส่ใจและความรักที่คิดว่าเริ่มจางหายออกไปจากความรู้สึก
เขาคิดว่ามันไม่ควรเลยสักนิดที่จะใช้ชีวิตและผูกสถานะกับอีกฝ่ายเอาไว้แบบนี้ ก็ถ้ารู้สึกน้อยลงมากๆแล้วแบบนั้น
ปล่อยเขาไปเจอคนที่ดีกว่าไม่ดีหรือไง
วันศุกร์ 18
มกราคม 2019
บทสนทนาเป็นไปด้วยความเรียบง่าย
การกระทำเดิมๆเกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมาและในวันนั้นมันก็ยังคงเหมือนเดิม
การเดินทางออกจากมหาวิทยาลัย มือที่กอดรวบเอวอีกฝ่ายเอาไว้
ใบหน้าที่อิงแนบชิดกับแผ่นหลังกว้าง
สิ่งที่เขาทำก็ยังคงเป็นสิ่งเดิม
หากมันจะเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะไม่ได้ทำแบบนี้อีก
การเตรียมใจในการบอกเลิกใครสักคนไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับเขา
ความสัมพันธ์ทั้งหมดในชีวิตที่เริ่มตั้งแต่วัยที่พอจะรู้จักกับความรัก
เพราะเป็นคนเบื่อง่าย การตัดสินใจจบความสัมพันธ์เลยไม่ได้ยากเลยสักนิดสำหรับเขา
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
เขาก็แค่คิดไว้แบบนั้น
‘ทำไมเงียบแปลกๆล่ะวันนี้
เจอเรื่องไม่สบายใจอะไรมาหรือเปล่า’
อีกฝ่ายมักจะอ่อนโยนและใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยของเขาเสมอ
‘มากอดหน่อยมั้ย
หงอยเป็นแมวเลย’
รอยยิ้มนั้นน่ะ
ยังคงสวยงามเหมือนวันแรกไม่มีผิดเลย
.
.
‘พี่’
‘ว่าไงครับ’
แต่เขากำลังลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าช่วงเวลาที่ยากที่สุด
คือตอนที่กำลังจะเอ่ยปากบอกออกไปไม่ใช่หรือไงกัน
‘เลิกกันมั้ย’
ความเงียบและความอึดอัดในตอนนี้ส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจเขามากเสียจนน่ากลัว
รอยยิ้มนั่นค่อยๆเลือนหายไป
พร้อมกับบรรยากาศสีทึมในห้องสี่เหลี่ยมที่ลอยฟุ้งขึ้นมาจนแทบเหมือนจะทำให้หายใจไม่ออก
‘เอาสิ
ถ้าเราอยากจะไป’
จนถึงตอนสุดท้ายของความสัมพันธ์
ผู้ชายคนนี้ก็ยังคงยิ้มให้เขาอีกอยู่ดี
.
.
“ไหวป่ะวะ”
เขารับรู้ถึงสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้อย่างชัดเจน
เขารู้ว่าใครกำลังยืนอยู่ข้างเขาและใครกำลังจับสังเกตของเขาได้ เอ่ยท้วงทักเพื่อให้ตัวของเขาเองได้ออกจากภวังค์และอุโมงค์มืดทึบที่กำลังฉายภาพคนรักเก่าที่กำลังยืนเคียงข้างกับใครคนใหม่
คนที่สามารถมอบความสุขให้ได้แทนเขา
นึกแล้วมันก็น่าขำ
ฉากภาพเก่าที่ฉายขึ้นมาในวันนั้นคือการที่เขาเดินออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมของเราและไม่มีการที่จะย้อนกลับไปทางเดิมอีก ประโยคสุดท้ายค้างเติ่งกับการบอกลาของอิมยองมิน ไร้ซึ่งน้ำตาสักหยดที่จะรินไหลออกมา
รู้สึกแค่ว่าโล่งอกที่ต่อจากนี้จะใช้ชีวิตยังไงก็ได้
จะไปเมาที่ไหนก็ได้ไม่ต้องมีคนโทรตาม
ไม่ต้องมีคนคอยเป็นห่วง ไม่ต้องปรามการกระทำของตัวเองเมื่อถึงเวลาออกสนุก
คำถามที่ถูกส่งออกมาจากเพื่อนสนิทวนเวียนอยู่ในหัวเขาจนน่าหงุดหงิดไปเสียหมด
ถามว่าไหวหรือเปล่า
ตอนแรกก็มั่นใจเต็มร้อยว่าไหว มันคงเป็นเรื่องที่โคตรน่าขำสิ้นดีถ้าต้องกลับมาร้องไห้ทั้งที่เป็นฝ่ายทิ้งเขาไปเสียเอง
แต่ในตอนนี้เขาก็ชักจะไม่มั่นใจเอาเสียเลย
มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าขำจริงๆน่ะแหละ
น้ำตาหยดแรกที่ร่วงหล่น
เป็นสิ่งที่บอกได้อย่างดีว่าความเจ็บปวดตอนนี้มันเกิดขึ้นจริง
“ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วว่ะ”
ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่ทั้งสองคนมีให้กัน
ก็ยิ่งรู้สึก ..
อยากหายตัวไปเสียให้ได้
จริงๆแล้วรอยยิ้มนั้นมันเคยเป็นของเขาไม่ใช่หรือไง
ไหนจะมือที่กำลังกอบกุมกันนั่นอีก ความอบอุ่นนั่นมันก็เป็นสิ่งที่เขาเคยได้รับ
แล้วยังไงวะ ?
“ไปกันเถอะมึง”
“มึง ร้องออกมาได้เลยนะเต็มที่”
“ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก”
ปากดีและปากเก่งไปเสียอย่างนั้น
พูดให้มันได้อะไรออกมาเขาแทบไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดในเมื่อตอนนี้น้ำตาทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาและไม่มีท่าทีว่าจะจบสิ้น
แค่คิดว่าที่ผ่านมาไม่รู้สึกและเลิกรักแล้วมาตลอด จนกระทั่งวันนี้เขารู้ตัวเองแล้วว่ามันไม่ใช่เลยสักนิด
“แต่มึงร้องอยู่”
เอาแต่ยืนอยู่ตรงนั้น
นานแล้วนะ
เมื่อไหร่จะเดินออกมาสักทีคิมดงฮยอน
ริมฝีปากเริ่มสั่นเทาและเขาก็เริ่มกัดมันจนเจ็บไปหมด
ร่างกายที่คิดว่าแข็งแรงมาตลอดแค่เพียงโดนสะกิดด้วยประสาทสัมผัสที่เปิดอยู่
แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้นก็เหมือนจะทรุดลงเสียให้ได้
อย่ามองมาเลย
อย่ามองมาเลยนะ
“เหี้ย มึง
มึงไหวมั้ยวะ”
ภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเบลอแต่การมองเห็นผ่านม่านน้ำตานั่นมันยังทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองตรงมาทางเขา
นึกเกลียดตัวเองจนแทบอยากจะทำให้ร่างกายแตกสลายในไปในทุกวินาที ใบหน้าของอีกฝ่ายเรียบตึงและไม่แสดงความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น
ก็เป็นแบบที่เขาบอกจริงๆว่ามันโคตรไม่ยุติธรรมทั้งที่เขากำลังยืนอยู่ที่เดิม
แต่อีกฝ่ายกลับกำลังก้าวไปข้างหน้า
ในตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน
ยังคงมีแต่เขาที่เอาแต่ยืนร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังอยู่อย่างนี้
ทั้งที่อีกฝ่ายก็เดินออกไปแล้ว
.
.
“กลับไหวแน่นะ”
สนามอารมณ์ในตอนเช้าค่อยๆเลือนและจางหายไป
การเรียนทั้งหมดในวันนี้เสร็จสิ้น เอ่ยบอกลาเพื่อนสนิทที่ช่วยประคองความรู้สึกและร่างกายในยามเช้า
คำถามที่ถูกส่งมาเขาตอบมันด้วยรอยยิ้ม
การเดินทางระหว่างมหาวิทยาลัยและคอนโดของเขาไม่ได้ยุ่งยากมากนัก
ห่างกันแค่สองช่วงตึกเขาก็สามารถพาตัวเองกลับไปนอนจมปลักกับความรู้สึกแย่ๆบนเตียงนุ่มๆได้แล้ว
ก้าวเดินไปพร้อมกับความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นมาอีกครา
ในตอนนี้เขามั่นใจในตัวเองเต็มร้อยว่าความรู้สึกเมื่อเช้ายังคงไม่เลือนและจางหายไปแบบที่คิด
วันนี้ดูเหมือนคอนโดที่พักจะอยู่ห่างไปไกลกว่าในทุกวัน
จำนวนก้าวที่เพิ่มมากขึ้นดูเหมือนจะมากขึ้นไปพร้อมๆกับน้ำตาที่เริ่มก่อตัวขึ้นมา
เขายังคงทำใจไม่ได้
เป็นแบบนั้นหรือเปล่านะ
“ดงฮยอน”
เขาไม่เคยเชื่อในความบังเอิญและโชคชะตาเพราะเป็นสิ่งที่พิสูจน์ออกมาไม่ได้
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องของพฤติกรรมมนุษย์มาจากความคิดและความรู้สึกล้วนๆ
“มีอะไร”
เอ่ยพูดออกไปทั้งที่ไม่ได้มองหน้าอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิด
แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้มองหน้าใกล้ๆอีกครั้ง น้ำตาที่ถูกก่อตัวขึ้นก่อนหน้านี้ก็แทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไปเสียแล้ว
อะไรก็ได้
ขอร้อง
อย่าร้องไห้ต่อหน้าคนตรงหน้าเลยนะคิมดงฮยอน
“เอาของมาคืน”
หันมองกับสิ่งที่คนตรงหน้ายื่นออกมาให้
ทุกอย่างเหมือนจบสิ้น
ความรู้สึกแตกสลายและพังทลายลงมามากกว่าเดิม
“ทิ้งไปก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ”
พยายามบังคับเสียงของตัวเองให้ไม่สั่น
แต่มันก็เหมือนจะทำไม่ได้เลยสักนิด เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ อันที่จริงมันก็เป็นเวลาอาทิตย์นึงแล้วที่เลิกกัน
และเราไม่ควรมายุ่งเกี่ยวกันแบบนี้ตั้งนานแล้ว
“สำคัญไม่ใช่หรือไง”
เลิกคิดแทนคนอื่นสักทีได้มั้ย
“พอเถอะ
อย่าเสียเวลากับเราเลย”
ฉากในละครที่เขาเคยเห็นว่ามันเกินจริง
ตอนนี้ใครจะไปรู้ว่ามันดันเกิดกับตัวเขาเข้าเสียแล้ว การเดินออกมาจากจุดที่เคยยืนมันยากจนไม่อยากจะฝืนเดินออกมา
ไร้ซึ่งการเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกต่อไปและการปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสิ่งที่เขาเลือกทำหลังจากนั้น
จากความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นความขุ่นเคืองใจและความสงสัยแต่ยังคงพ่วงมาด้วยความเจ็บเช่นเดิม
เอาเวลาไปคุยกันตอนไหน
?
ทำไมถึงมีใครคนอื่นได้ไวเสียขนาดนั้น
“ดงฮยอน”
พอสักที
“คิมดงฮยอน!”
ถ้าการที่มีใครใหม่แล้วทำให้ต้องเปลือยตัวตนที่ไม่น่ารักและทำลายความรู้สึกของเขาแบบนี้
ก็อย่าเลือกที่จะเดินกลับมาตอกย้ำกับของเก่าแบบนี้ได้มั้ยอิมยองมิน
“เราเกลียดพี่”
อย่าทำให้ความรู้สึกดีที่มีอยู่ต้องกลายเป็นความรู้สึกเกลียดอย่างที่บอกเลยนะ
มีความสุขกับใครคนนั้นให้มากๆ ถึงแม้ว่าตัวของเขาเองจะเจ็บปวดมากขนาดไหนก็ตาม :-)
โชคดีก็แล้วกัน.
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
based on true story ป่ะเนี่ยแม่ U_____U
ช่วงนี้ถนัดแต่ฟิคหน่วงๆจังเลยค่ะ /กราบแรงมาก
เป็นวันช็อตที่ inspiration มาจากเพลง GOOD LOVE ของ 11:11 ค่ะอินมากเป็นพิเศษ
ขอบคุณที่อ่านฟิคเรามาตลอดนะคะ ขอบคุณมากๆด้วยนะคะที่ช่วยเม้นท์เป็นกำลังใจ
แค่เม้นท์เดียวก็ต่อการเขียนของเราได้มากแล้วจริงๆ ;---- ; รักนะคะ
งือออ เดี๋ยวนะ หน่วงกันไปมั้ยลูก เอาจริงคนที่บอกเลิก กลับเจ็บกว่าคนที่ถูกบอกเลิกอีกนะ ทำไมอิพี่เป็นแบบนี้ ไปคุยกันตอนไหน สัปดาห์เดียวเองมั้ยจะไม่ให้เวลาลูกชั้นเรียนรู้ใจตัวเองเลยหรอ หรืออิพี่นางหมดรักตั้งแต่แรกแล้ว โอ้ยยย อิแม่เครียด กอดๆนะลูก แง้~
แงงงงงงงงงงงงง ทำไมหลอกกันด้วยชื่อเรื่องแบบนี้คะ เข้ามาด้วยฟีลลิ่งรักใสใสหัวใจสี่ดวง กลับออกไปด้วยอารมณ์ดิ่งซะงั้น *กัดผ้าเช็ดหน้า* สงสารน้องดงฮยอนมาก บอกเลิกเขาแต่ก็เจ็บเอง ไม่เป็นไรนะรู้กนะ แต่สงสัยพี่ยองมินมาก เลิกกันแค่อาทิตย์เดียวไปรักกับอีกคนตอนไหน ไม่เผื่อเวลาเจ็บบ้างเลยเรอะ ฮึ่ม แอบไปทำอะไรลับหลังมาก่อนแล้วใช่มั้ย!
ฮืออ เศร้าเกินไปค่ะแงงง คนน้องบอกเลิกเองคือมูฟออนไม่ได้เลย จุกอ่า