SF: TWITTER (youngmin x donghyun)
how do you just walk away ?
ผู้เข้าชมรวม
345
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
SF: TWITTER
( youngmin x donghyun )
เสียงถอนหายใจดังขึ้นนับไม่ถ้วนของวัน
ดวงตาคู่สวยกำลังจดจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมจนแทบไม่กระพริบท่ามกลางแสงสว่างที่ออกจะสลัวในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆสีขาว
ชีวิตปิดเทอมของคิมดงฮยอนช่างน่าเบื่อหน่าย
เฮ้อ
นั่นแหละแล้วเสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นอีกรอบ
เขาออกจะเบื่อหน่ายกับการเข้าเว็บนู้นออกเว็บนี้ฟังเพลงก็แล้วดูหนังก็แล้วก็ยังไม่หายเบื่อ
ครั้นจะชวนเพื่อนสนิทออกไปเที่ยว เหล่าเพื่อนตัวดีของเขาก็ดันมีนัดกับแฟนหมดซะนี่ ‘น่ารำคาญจริงๆ’
‘น่าเบื่อ’
คำนี้ไม่ใช่เสียงในห้วงความคิดหรืออะไรแต่กลับเป็นข้อความสั้นๆที่เจ้าตัวอัพลงทวิตเตอร์ของตัวเองที่มีคนฟอลเป็นหลักหมื่น
เขาก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมคนอื่นถึง follow เขามากมายขนาดนี้
ก็เป็นแค่แอคเคาท์ที่ฟีลโซบลูแค่เพียงนิดเดียว เขาค่อนข้างเหนื่อยในด้านความรู้สึกเวลามีคนบอกว่าเขาทำตัวเป็นแอคคำคม
คำคมซะที่ไหนกันคนเหล่านั้นไม่เคยฟังเพลงแล้วรู้สึกอินกับมันบ้างหรือไงกันนะ ?
15 Notifications
อัพทวิตไปเพียงไม่กี่นาทีก็เป็นปกติที่การแจ้งเตือนของเขาจะเด้งมาอย่างรวดเร็ว ก็แค่แจ้งเตือนรีทวิตธรรมดาเหมือนในทุกๆวันแต่ครั้งนี้มันต่างออกไปตรงที่มีเมนชั่นแทรกเข้ามาด้วยน่ะสิ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมอ่านเมนชั่นจากแอคเคาท์นึงที่พิมพ์มาหา
Lym_1225: @b_kdh98 ออกมาเที่ยวกันมั้ยครับ
สารภาพตามตรงว่าแอบกลัวนิดหน่อยที่โดนเมนชั่นมาแบบนั้น หรือว่าจะเป็นแอคเค่อหรือไงกันนะ แต่ว่าไปแล้วเขาก็ออกจะคุ้นกับแอคเคาท์นี้นิดหน่อยเพราะแอคเคาท์นี้น่ะรีทวิตที่เขาอัพทุกทวิตมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแถมยังใช้ดิสเพลย์เดิมไม่เปลี่ยน
นั่งคิดได้สักพักด้วยความที่ไม่เคยคิดจะกดไปดูแอคคนอื่นเลยตอนนี้เขาก็แค่คิดว่าลองส่องดูสักนิดก็ไม่เสียหายเท่าไหร่
“ มีแต่รูปของกิน
” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเจ้าของแอคดันลงแต่รูปอาหาร
เขาค่อนข้างโล่งใจที่แอคที่เขากำลังส่องนั้นไม่ใช่แอคเค่อแบบที่คิดไว้
แถมไม่ต้องเสียสายตาไปดูอะไรที่ไม่ควรจะเห็นอีกด้วย
ครืด ครืด
เขาหลุบตามองโทรศัพท์ข้างคอมที่วางไว้พบว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขาเองที่โทรมา
ริมฝีปากอิ่มนั่นยกยิ้มอย่างมีความสุข
ให้เดาเถอะว่าจองเซอุนเดทกับแฟนเสร็จแล้วแน่ๆ
"ว่าไง"
‘รับเร็วเชียวดงฮยอน’
"ทำไมล่ะ
จะชวนไปเที่ยวต่อเหรอ
‘จะว่างั้นก็ได้แต่งานนี้เที่ยวกลางคืนนะ’
"อะไรกันเลิกกับแฟนหรือไง
เป็นเพื่อนกันมาไม่เคยชวนไปร้านเหล้า
‘รู้ได้ไงว่าร้านเหล้า
ทายถูกแล้วแต่ว่าไม่ได้เลิกกับแฟนนะ เขาก็ไปด้วยเนี่ยอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ’
"โอเค
ที่ไหนกี่โมงว่ามาพร้อมแล้ว
‘เจอกันร้าน xx
สามทุ่มครึ่ง’
"ดีล" สารภาพตามตรงว่าจริงๆแล้วเขาไม่ค่อยถูกกับเหล้ากับเบียร์เท่าไหร่เพราะดันเคยเมามากๆจนกอดโถส้วมอ้วกไปสองชั่วโมงอ้วกจนเหม็นกลิ่นเหล้าเบียร์ไปเลย ไหนจะแขนสองข้างที่ถูกหิ้วปีกทุลักทุเลกลับห้องพร้อมถุงพลาสติกที่ห้อยกับหูอีก เหตุการณ์ครั้งนั้นเลยทำให้เพื่อนคนอื่นมักจะชวนเขาไปร้านบ่อยๆเพราะอยากเห็นเขาสภาพแบบนั้น ให้ตายมันตลกมากหรือไงกันเนี่ย
เขาไม่รู้ตัวว่าสามารถส่องแอคเคาท์ใครคนนึงได้นานจนแถบสกอร์เม้าส์ข้างๆบีบเล็กจนเป็นแค่สี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็ก
แต่จุดที่ทำให้เขาหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเป็นส่าย ก็คงจะหน้าของเจ้าของทวิตเตอร์แอคนี้
นิ้วที่กำลังไถลสกอร์เม้าส์หยุดชะงักเพร้อมกับหัวใจที่แทบจะหยุดเต้นไปเสียครู่หนึ่ง
อิมยองมิน รุ่นพี่ที่เขากำลังแอบชอบอยู่เป็นเหตุผลของอาการที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
“เดี๋ยวนะ”
ยิ่งกว่าสูตรแคลคูลัสหนึ่งสองสามมารวมกัน
สมองเขาตอนนี้รวนไปหมดจนแทบวูบ ถ้าอีกฝ่ายไม่ลงรูปก็คงไม่รู้ว่าเป็นอิมยองมิน
แหงล่ะในเมื่อคนชื่ออิมยองมินในประเทศเกาหลีก็ไม่ได้มีคนเดียว
แอคเค้าท์นั่นน่ะอาจจะเป็นอิมยองมินคนที่ 100 แล้วก็ได้
อ่า
เขาไม่รู้ว่าจะดีใจหรือว่าควรรู้สึกอย่างไร
พอคิดได้ว่าตัวเขาเองก็เคยลงรูปตัวเอง
ไหนจะประโยคฟีลโซบลูที่อัพลงทวิตเตอร์แบบนั้นอีก
“
พี่เขาจะคิดว่าเราขี้เก๊กหรือเปล่าวะ ”
ขยี้หัวตัวเองจนเจ็บไปหมด
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอหน้ากันที่ม.ซะเมื่อไหร่ แต่ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้สนใจกับแค่คนเดินผ่านหรือเดินสวนกัน
แต่ถึงยังไงมันก็น่าอายอยู่ดีถ้าวันนึงเจอหน้ากันตรงๆน่ะ
"ฮัลโหล
‘ว่าไงดงฮยอน’
"กูไม่ไปละ
ไม่รอให้จองเซอุนต้องเอ่ยปากห้าม
เขาก็ชิงตัดสายซะก่อน จะหักไม่หักก็คราวนี้
b_kdh98: @Lym_1225 พูดจริงพูดเล่นครับ
เขาอยากจะขอโทษคุณแม่จริงๆที่ทำตัวแบบนี้
แต่ไหนๆแล้วโอกาสมาถึงขนาดนี้ก็ขอคว้าเอาไว้หน่อยก็ .. คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
Lym_1225: @b_kdh98 พูดจริงครับ
เดี๋ยวดีเอ็มไปได้มั้ย
b_kdh98: @Lym_1225 ครับ
ให้ตาย
ตอนนี้ใจเขาเต้นระรัวเป็นกลองแซมบ้าแล้ว บอกเลยว่าไม่ค่อยจะตื่นเต้นเท่าไหร่แต่เหมือนมือจะไปก่อนสมองเสียด้วยซ้ำเมื่อตอนนี้เขาดันเปิดกล่องดีเอ็มรอแจ้งเตือนคำขอทางข้อความเรียบร้อยแล้ว
นี่คือ ไม่ได้ตื่นเต้นจริงๆนะ!
คำขอทางข้อความ(1)
ไม่ได้ใช้เวลาในการรออะไรมากมาย
สิ่งที่เขารอคอยก็มาถึง ส่วนในเรื่องหัวใจตอนนี้ก็เต้นแรงไม่หยุด อะไรจะประหม่าขนาดนี้กันนะคิมดงฮยอน
Lym_1225: ไว้ใจคนง่ายขนาดนี้เลยเหรอครับ
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกับประโยคที่กึ่งจะออกแนวเชิงไปทางตักเตือนบวกกับเหน็บแนมนิดหน่อย
b_kdh98: ก็แค่เบื่อครับ
Lym_1225: ไม่กลัวผมพาไปทำอะไรที่น่าเสียหายเหรอครับ
b_kdh98: คนที่คิดจะทำจริงๆเขาจะมานั่งบอกกันแบบนี้เหรอครับ
Lym_1225: ย้อนเก่งจริงๆ
เจอกันร้านกาแฟหน้าม.นะครับบ่ายสาม
b_kdh98: รู้เหรอครับผมเรียนม.ไหน
?
Lym_1225: ก็เดินสวนกันอยู่ที่คณะทุกวันครับ
ออกตัวก่อนว่าถ้าสมมติตอนนี้มีโอ่งตั้งอยู่
เขานี่แหละจะพาตัวเองไปแหกปากใส่โอ่งให้รู้แล้วรู้รอด พลางคิดในใจกับตัวเองว่าสรุปในที่ผ่านมาอีกฝ่ายก็คือรู้ว่าเขาเป็นใครมาตลอดจริงๆน่ะเหรอ
แต่จากการพูดทั้งหมดแล้วความจริงก็คือความจริง
ไม่มีตรงไหนที่อีกฝ่ายจะพูดไม่ชัดเจนว่าเคยเห็นเขามาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
เขาค่อนข้างวุ่นวายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เสียมากกว่าว่าเรื่องในตอนนี้ทำไมถึงมาไวและเกิดขึ้นไวเสียขนาดนี้
‘ใจเย็นก่อนคิมดงฮยอน’
เขาพูดกับตัวเองเบาๆ อ่า ..
นี่มันเรื่องน่าอายที่สุดเลยไม่ใช่หรือไงเนี่ย ตามตรงเลยว่าตอนนี้เขาเริ่มคิดหนักกับการจะออกไปเจออีกฝ่าย
มีสมการสำเร็จอะไรให้แก้เพื่อหาคำตอบมั้ย ด้วยเกียรติของว่าที่วิศวกรเกียรติยมอันดับหนึ่งที่พอมีสติคิดถึงความเป็นจริงบอกเลยว่า
ไม่มี
ตอนนี้ใครจะว่าเขาปัญญาอ่อนก็ได้ที่กำลังสลับนับนิ้วตัวเองว่าไป/ไม่ไป
แหงล่ะถ้าเริ่มด้วยไม่ไปมันก็จบที่ไปทั้งนั้นและเขาก็ทำแบบนี้มาสามรอบได้แล้ว
สรุปน่ะเหรอ
เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนส์พร้อมกับสนีคเกอร์คู่โปรดถูกโยนออกมาจากตู้เรียบร้อย
เหลือบมองนาฬิกาก็จวนจะบ่ายสองครึ่งอยู่แล้ว
“เอาไงเอากันวะ”
.
.
.
15:01
เขารู้สึกขอบคุณที่วันนี้รถเมล์พาเขามาส่งถึงที่หมายได้ตรงเวลาอย่างรวดเร็ว
วันปกติเนี่ยไม่เคยจะมาไวหรอกในทุกเช้าที่เขารีบก็มักจะมาส่งเขาที่มหา’ลัยช้าอยู่ทุกทีเรื่อยไป แต่ทำไมทีเรื่องแบบนี้ล่ะก็เป็นใจกันนัก
ฟู่ว
อยู่ดีๆหน้าเขาก็รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาเสียอย่างนั้น
พูดเลยว่าตอนนี้น่ะประหม่าที่สุดในชีวิตแล้ว เขายืนจ้องร้านกาแฟที่ถูกปิดด้วยฟิล์มกระจกอยู่สักพัก
จริงๆแล้วจากด้านนอกนี้หากมองเข้าไปข้างในก็ไม่สามารถจะมองเห็นได้ พูดเลยว่าถ้าหากอีกฝ่ายมาจริงๆก็คงนั่งมองเขาเป็นตัวตลกจากข้างในนั่นแหละ
“หรือว่าจะกลับดีวะ”
ด้วยความไม่มั่นใจของเขาทำให้ต้องยืนกระวนกระวายอยู่นอกร้าน
แต่ยังไม่ทันจะได้หาคำตอบให้ตัวเองมือถือที่อยู่ในกางเกงก็ดันสั่นขึ้นมา หากคิดไม่ผิดก็คงจะเป็นอีกฝ่ายที่ส่งดีเอ็มย้ำมาอีกรอบ
และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาคิดไม่ผิดจริงๆ
Lym_1225: ไม่เข้ามาเหรอครับ
เห็นยืนอยู่หน้าร้านนานแล้ว
มือของเขาเริ่มสั่นเทาไม่ว่าจะด้วยความตื่นเต้น
ความประหม่าหรืออะไรก็แล้วแต่
ในเมื่อตอนนี้เขาก็หนีไปไหนไม่ได้อีกแต่ถ้าหากคิดที่จะหนีกลับไปทางเดิมมันก็สามารถทำได้
แต่หากไม่ติดว่าเวลาห้าเดือนที่ผ่านมาที่เคยมองอีกฝ่ายมาตลอดนั่นค้ำคอจนทำให้เขาอยากเริ่มความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายไม่ว่ามันจะลงเอยด้วยสถานะอะไรในตอนสุดท้ายเขาก็อยากที่จะลองเสี่ยงดูอยู่เหมือนกัน
“เอาวะ” เรียกกำลังใจให้กับตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพาตัวเองก้าวเดินเข้าร้าน
หลังบานประตูกระจกนั่นเขาแง้มหน้าเข้าส่องหาใบหน้าที่ทำให้เขาใจสั่นอยู่บ่อยครั้ง ประโยคทั่วไปที่เอ่ยกล่าวว่าเคยเจอใครแล้วโลกหยุดหมุนมีหรือไม่
คิมดงฮยอนอยากเขียนตอบกลับไว้ว่าสิ่งแบบนั้นมีอยู่จริงและมันกำลังเกิดขึ้นกับตัวเขาในตอนนี้
“สวัสดีครับ”
เขาก้าวขาเข้าไปใกล้โต๊ะวงกลมสีดำที่ถูกวางด้วยแก้วกาแฟของอีกฝ่ายก่อนจะหย่อนตัวเองลงบนเก้าอี้สีเทาที่อยู่ตรงข้ามในตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่าจะวางมือไปตรงไหนก็รู้สึกเกะกะไปเสียหมด
แม้กระทั่งการที่พูดว่าสวัสดีเขายังรู้สึกไม่เป็นตัวเองเสียด้วยซ้ำ
“เป็นทางการมากเลยครับ”
เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับดวงตาสีดำขลับที่จ้องมองมาทางเขา
รอยยิ้มถูกประดับอยู่ที่มุมปากของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องแอบลอบมองก่อนสายตาจะหลุบลงมองมือของตัวเองที่ถูกวางอยู่บนหน้าขา
เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มประหม่ามากขึ้นทุกทีเมื่อมือที่กำลังประสานกันทั้งสองข้างของเขาเริ่มที่จะสั่นเทา
“ก็คุณเป็นรุ่นพี่ผม”
“รู้จักผมด้วยเหรอครับ”
“ประธานสโมวิศวะปีสี่ใครจะไม่รู้จักกันล่ะครับ”
“แล้ว..
จะไม่มองหน้ากันจริงๆเหรอครับ” ได้สติก็ตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้น
จากที่นั่งก้มมองมือตัวเองด้วยความประหม่าก็ดันรีบเงยหน้าขึ้น
จนสบเข้ากับดวงตาที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้มองอย่างตรงไปตรงมาและเขาคิดว่ามันสวยงามมากเหลือเกินกับการที่คล้ายกับว่ามีดวงดาวล้านดวงอยู่ในดวงตาคู่นั้น
และพบว่าเขากลับชอบทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้มากกว่าเดิม
“ไม่สบายเหรอ
หน้าแดงเชียว” เหมือนระเบิดลงเป็นครั้งที่สองในเมื่อคนตรงหน้าดันรู้ทันและดักจุดเขาไปหมดทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มนั่นหรือดวงตาที่ส่อแววเหมือนรู้ทันทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจเขา ร้ายกาจ
“เปล่าครับ”
“กล้าดีนะครับที่ออกมา”
ประโยคที่อีกฝ่ายพูดคลับคล้ายคลับคลากับที่พูดในดีเอ็มทวิตเตอร์ไม่มีผิด
และนั่นมันทำให้เขาตะหงิดใจไม่น้อยว่าควรจะโกรธหรือไม่พอใจหรือจะว่าอย่างไรดี
แต่สิ่งที่อิมยองมินพูดไม่ว่าจะจุดประสงค์ไหนเขาก็ดูเป็นคนไม่ระมัดระวังตัวแบบที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ
แต่มันก็แค่กับอีกฝ่ายเท่านั้น
“มันแปลกหรือไงครับ” ลองถามย้อนกลับไปพร้อมทั้งรวบรวมความกล้ามองตรงไปยังอีกฝ่ายที่กำลังยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นมาดื่มโดยที่ไม่ได้สบตาเขาเลยสักนิด
ผมสีดำนั่นกับเสื้อโค้ทสีน้ำตาลอ่อนพร้อมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มรวมทั้งเสื้อคอเต่าสีดำนี่มัน
.. โคตรอันตรายต่อใจคิมดงฮยอนสุดๆ
“แล้วถ้าผมเป็นคนอื่น
คุณจะยอมออกมามั้ย” ดงฮยอนค่อนข้างชั่งใจในการที่จะตอบคำถามนี้
เขาไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงออกไปให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดสงสัยในคำพูดของเขา
และการที่เขานิ่งเงียบไปหลายวินาทีก็ทำให้อีกฝ่ายบอกปัดไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก
เขายังคงนั่งเงียบอยู่แบบนั้น
มีแต่เสียงพูดคุยในร้านกาแฟที่ทำลายความเงียบของระหว่างเขาและอีกคนในตอนนี้
“ขอตัวกลับก่อนนะครับ”
ความเงียบหลายนาทีเริ่มทำให้ดงฮยอนอึดอัด
การบอกลาอีกฝ่ายคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อระงับอาการประหม่าและความอึดอัดที่เกิดขึ้น
ดวงตาที่เป็นประกายของอีกคนจ้องมองมาทางเขา ริมฝีปากนั่นไม่ได้เอ่ยพูดอะไร เขาเลื่อนเก้าอี้เพื่อใช้พื้นที่ในการขยับลุกออกรวมทั้งการโค้งตัวเพื่อขออนุญาตอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
เขาไม่ได้มองอีกฝ่ายว่ามีปฏิกิริยาเช่นไรแต่ก็รับรู้ได้ว่าอีกคนไม่ได้สนใจใยดีอะไรเลยสักนิด
แหงล่ะก็แค่คนพึ่งรู้จักกันจะเอาอะไรมาใส่ใจ
“คิมดงฮยอน”
ก้าวเดินออกมาได้ไม่นานมากนัก
เสียงเรียกชื่อของเขาดังไล่ตามหลัง
ร่างกายของเขาหยุดชะงักและยังคงนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
ไม่แม้แต่ต้องหันไปมองเขาก็ทราบดีเวลาน้ำเสียงที่เรียกชื่อของเขาเมื่อสักครู่นี้เป็นน้ำเสียงของใคร
หัวใจกลับมาวูบวาบอีกครั้ง คนที่อายุมากกว่าเดินอ้อมมาด้านหน้าของเขา
รองเท้าหนังสีดำขลับอยู่ห่างจากตัวเขาไม่ไกลมากนักแต่ตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าที่จะเงยหน้ามอง
“ทำไมไม่มองผม”
ประโยคคำถามถูกเอื้อนเอ่ยและเขาก็ไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้
เขารู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายเริ่มสูงขึ้นเหงื่อที่ออกตามมือนั่นเป็นเครื่องบ่งบอกได้อย่างดีกับความรู้สึกในตอนนี้
เขาก็แค่สงสัยว่าอีกฝ่ายจะเดินออกมาตามเขาทำไมก็แค่นั้น
“ลืมกุญแจไว้หรือเปล่า”
เมื่อได้ยินดังนั้นจากใบหน้าที่กำลังก้มอยู่ก็เงยขึ้นมา
อ่า.. ใช่ เขาลืมกุญแจบ้านจริงๆ ก็นั่นแหละอย่างที่ว่าไป
ก็พึ่งรู้จักจะเอาอะไรมาพูดเยอะแยะ เป็นตัวเขาเองชัดๆที่มัวแต่หวังอะไรลมๆแล้งๆคิดอะไรไปไกลเรื่อยเปื่อยทั้งที่ความจริงระยะห่างของเราสองคนไม่ได้ใกล้กันเลยสักนิด
ก็แค่ประธานสโมวิศวะปีสี่กับเด็กในคณะที่แค่เดินสวนกันไปวันๆ
“ขอบคุณครับ”
เขากล่าวขอบคุณอีกคนที่ยังอุตส่าห์วิ่งเอาของมาคืน
อันที่จริงเขาก็ไม่รู้ว่าไปเผลอทำกุญแจตกไว้ตอนไหนเหมือนกันแต่ก็น่าจะเป็นจังหวะที่กำลังนั่งอยู่เพราะเขาก็ติดนิสัยชอบห้อยพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงเพื่อความสะดวกในตอนหยิบออกมา
เขาหยิบกุญแจจากมือของอีกคนก่อนจะก้าวเดินสวนตัวของอีกคนไป
‘ติ๊ง’
เสียงแจ้งเตือนของโทรศัพท์เขาดังขึ้นอีกครั้ง
ริงโทนแจ้งเตือนที่บ่งบอกได้เด่นชัดเป็นอย่างดีว่าเป็นแอพลิเคชั่นใดกำลังทำงานอยู่ในตอนนี้
ซึ่งมันทำให้เขาต้องรีบหยิบโทรศัพท์ของตนออกมาด้วยหัวใจที่เต้นรัว
ยิ่งหน้าจอแสดงแอคเคาท์ของอีกฝ่ายความวูบโหวงในช่องท้องของเขาก็เพิ่มมากขึ้น
Lym_1225: หันมาข้างหลังอีกทีหน่อย
เขาชั่งใจอยู่สักพักกับประโยคที่ถูกส่งมาเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน
มือของเขายังคงกำโทรศัพท์ของตัวเองเอาไว้แน่น ขาของเขาค่อยๆก้าวหันกลับไป
อิมยองมินยังคงยืนอยู่ที่เดิม เส้นผมของอีกฝ่ายปลิวไปตามแรงลมของฤดูหนาวที่เริ่มใกล้เข้ามา
ดวงตากลมยังคงจ้องมองมาทางเขาอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอีกฝ่ายพูดคำคำหนึ่งออกมา
และนั่นมันก็ทำให้เขาคิดว่าตัวเองกำลังตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่ยอมหันกลับมาตามคำขออีกคนอย่างว่าง่าย
“ลองคุยกันดูไหม”
“แบบที่ก่อนคนเป็นแฟนกันเขาทำน่ะ”
เขาไม่ได้ตอบกลับคำพูดที่อีกคนเอ่ยออกมาแถมยังหมุนตัวกลับมายังที่เดิมเพื่อหลบหลีกสายตาคู่นั้นและขาของเขาเริ่มออกเดินอีกครั้ง
ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้สึกอึดอัดหรืออะไร
คนที่ชอบมาตลอดพูดแบบนั้นใครๆก็ดีใจด้วยซ้ำไปแต่เขาเพียงแค่รู้สึกว่าทุกอย่างมันค่อนข้างกระชั้นชิดแบบที่คาดไม่ถึงต่างหาก
การเดินออกมาจากอีกฝ่ายเป็นการกระทำเดิมที่เขาทำอีกครั้ง ไม่มีแม้แต่เสียงเรียก
ไม่มีแรงกระชากที่ข้อมือแบบหนังหรือซีรีย์ทั่วไปทำ
ทั้งที่หวังแต่ก็ยังคงวิ่งหนีนี่คือสิ่งที่เขากำลังทำ
บางครั้งเขาแค่คิดว่าเขาอาจจะชอบการที่แอบมองดูอีกฝ่ายเพียงฝ่ายเดียวมากกว่าแต่เมื่อเวลาผ่านไปสองอาทิตย์จิตใจของเขาก็เริ่มอยู่ไม่สุกอีกครั้ง
หลังจากวันนั้นที่เขาเดินออกมา แอคเคาท์ทวิตเตอร์ของคนโตกว่าก็ถูกปิดไป
เขาค่อนข้างว้าวุ่นและร้อนรนภายในใจอย่างบอกไม่ถูก
อยากโทรถามให้รู้แล้วรู้รอดว่าทำไมถึงปิดแอค ทำไมถึงหายไป กำลังรู้สึกไม่ดีอะไรอยู่หรือเปล่าแต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยสักอย่าง
แน่นอนว่าเขาไม่ทราบอะไรของอีกคนเลยนอกจากแอคทวิตเตอร์นั่นหรือแม้กระทั่งที่เคยเดินสวนกันที่คณะ
เขาก็ไม่เจออีกฝ่ายอีกเลยถึงแม้ว่าหลายครั้งจะพยายามกวาดสายตามองไปทั่วทั้งคณะแล้วก็เถอะ
CE (60)
‘พวกมึง
มีไลน์พี่ประธานสโมมั้ย’
‘สโม ? สโมไหน’
‘สโมวิศวะ’
‘มี’
สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมแพ้ให้กับความรู้สึกของตัวเองที่เป็นไปอย่างไม่ฝืนกฎของธรรมชาติใดๆ
หากว่ามีใครอยู่ ณ ที่ตรงนี้ก็คงจะขำขันกับท่าทางที่เขาแสดงออกในตอนนี้อย่างแน่นอน
ใช่
เขาไม่ปฏิเสธว่าเขากำลังดีใจอย่างสุดขีดและเสียงตึงตังที่ดังทั่วบ้านจนแม่ของเขาตะโกนขึ้นมาว่าให้เบาๆนั่นก็คงเป็นสัญญาณบอกได้ดีว่าเขาดีใจมากจริงๆ
เขาทึ้งหัวตัวเองกับความคิดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
ก็แค่ลองก้าวข้ามผ่านความกลัวและอะไรเดิมๆแค่คิดจะตามหาอีกฝ่ายก็ตามหาไม่ยากเลยสักนิด
Flower.k : สวัสดีครับ
Lim : ใครครับ
Flower.k : พี่ครับ
Flower.k : ลองคุยกันดูมั้ยครับ
แบบที่ก่อนคนเป็นแฟนกันเขาทำน่ะ
Read
Lim is calling you..
อ่า เชี่ยละ
เขาสบถในใจเมื่อหน้าจอในตอนนี้กลับขึ้นโชว์ว่าอีกฝ่ายกำลังโทรต่อสายมาหาเขา
ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูกแต่มันก็ยังคงแฝงไปด้วยความประหม่าดั่งเช่นเคย
เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
ไหนๆแล้วก็กล้าก้าวข้ามทุกอย่างมาขนาดนี้ก็แค่ลองอีกครั้งจะเป็นอะไรไป
“ฮัลโหลครับ”
‘คิมดงฮยอน’
“ครับ”
‘เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวครับ
พรุ่งนี้ออกมาหาพี่ที่ร้านกาแฟเหมือนเดิมเวลาเดิม’
“เรื่องอะไรครับ”
‘ครับ เรื่องของเรา’
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จริงๆแล้วฟิคเรื่องนี้แต่งไว้นานมากเลยค่ะตั้งแต่เดือน 6 แล้วก็ว่าได้แต่พึ่งมาแต่งให้จบเอาตอนนี้
รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ไม่ได้ประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำอะไรมากนักอยากให้เรียบง่ายมากกว่า
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ :-) แค่เมนต์เดียวก็ต่อกำลังใจให้เราได้เยอะแล้วค่ะ ขอบคุณจริงๆ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ochqx ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ochqx
ความคิดเห็น