ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Yandere Creepypasta x Reader] Love Succubus ซัคคิวบัสในร่างมนุษย์ [18+]

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 4 : Safe [ 100% ]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.56K
      162
      23 ก.พ. 64

    Chapter 4 : Safe





           หลังจากที่คล็อกเวิร์คกลับมาจากการดูต้นทางเสร็จ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อีเจได้ผละออกจากการพิงผนังพอดีจึงทำให้หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตเห็น ซึ่งแน่นอนว่าเธอได้บอกว่าให้รีบจัดการกับออฟเฟนเดอร์เพราะตอนนี้หมอนั่นกำลังจะลงมาที่ห้องใต้ดิน ซึ่งอีเจไม่รอช้ารีบวิ่งตามหญิงสาวเจ้าของดวงตานาฬิกาโดยบอกกำชับกับคุณว่าให้รออยู่ในนี้...

           ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ออฟเฟนเดอร์กำลังลงมาพอดีแล้วอีเจก็ได้ปาระเบิดแก๊สยาสลบใส่บุรุษคาสโนว่าพร้อมทั้งยังบอกคนอื่นให้รีบเอามือปิดจมูกก่อนและรีบออกห่างให้เร็วที่สุด ซึ่งชายร่างสูงที่ไม่ทันตั้งตัวก็โดนเข้าเต็มๆ แม้ต่อให้จะปิดจมูกและพยายามมองหาทางออกแต่สุดท้ายก็สลบไปเพราะแก๊สนี้ไม่ใช่แก๊สยาสลบแบบธรรมดา...
           "เฮ้อออ ในที่สุดก็จัดการเจ้าหมอนี่ได้สักที!"เจฟฟ์พูดขึ้นพร้อมถอนหายใจออกมา เพราะการต่อสู้กับออฟเฟนเดอร์ในโหมดเอาจริงแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน แม้เขาจะรู้สึกสนุกแต่ก็เล่นเอาเหนื่อยใช่เล่น
           "ต้องขอโทษแทนออฟเฟนเดอร์ด้วยนะทุกคน ฉันไม่นึกเลยว่าเขาจะเป็นเอามากขนาดนี้"สเปลนเดอร์กล่าวขอโทษพร้อมมีสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อยหงอยๆจนกระทั่งสายตาของเขาก็ดันไปสะดุดเข้ากับร่างของคุณที่ถูกพามาโดยคล็อกเวิร์ค และที่เขาต้องตกใจมากกว่านั้นก็คือสภาพของคุณที่ไม่สวมเสื้อผ้า! มีเพียงแค่เส้นผมลอนๆเหล่านั้นที่ช่วยปกปิดเรือนร่างได้บ้างนิดหน่อยเท่านั้น
           "ด-ด-เดี๋ยวนะ! แล้วผู้หญิงคนนั้นคือ?"สเปลนเดอร์กล่าวขึ้นทั้งแปลกใจ ประหลาดใจ และอึ้งหนักมากๆจนเผลอคิดไปว่าคุณอาจจะโดนออฟเฟนเดอร์กระทำบางอย่างก็ได้
           "วางใจได้ครับ ออฟเฟนเดอร์ยังไม่ถึงตัวเธอเพราะตอนนั้นพวกผมกับคล็อกเวิร์คมาเจอกับเขาตอนลงบันไดมาพอดีจึงได้ปาระเบิดแก๊ายาสลบดักไว้ซะก่อนครับ อีกอย่าง...เธอไม่สามารถสวมเสื้อผ้าแบบมนุษย์ปกติได้เลยมีสภาพที่เห็นครับ"อีเจที่เป็นหมอกล่าวขึ้นอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายจะต้องคิดอะไรแบบนี้แน่ๆ เมื่อสเปลนเดอร์ได้ยินแบบนั้นเขาก็ยิ่งแปลกใจแต่ก็โล่งอกที่คุณไม่ได้ถูกพ่อหนุ่มคาสโนว่าทำอะไรมากกว่านั้น
           "ม-หมายความว่ายังไง?"
           "เรื่องนั้นเดี๋ยวค่อยอธิบาย เพราะดูแล้วเรื่องมันน่าจะยาว คล็อกเวิร์ค ขอบคุณมากที่ช่วยพา[ชื่อคุณ]ออกมา แต่ตอนนี้ถึงเวลาเปลี่ยนคนพา[ชื่อคุณ]ไปส่งแล้ว ฮู้ดดี้ ฉันขอฝากนายด้วยล่ะ"สเลนเดอร์แมนพูดแล้วหันไปสั่งพร็อกซี่ของเขาที่ยืนข้างๆแมสกี้ ฮู้ดดี้ขานรับอย่างว่าง่ายก่อนที่จะเดินเข้ามาหาคุณเพื่อพาคุณไปส่งที่ห้องนอนสำรองเอาไว้โดยมีคล็อกเวิร์คจิ๊ปากอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
           "ผมจะพาคุณไปที่ห้องครับ ช่วยตามผมมาด้วย..."
           "ค่ะ..."คุณตอบรับอีกฝ่ายด้วยเสียงแผ่วเบาและมีสีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีมากนักแต่ก็เดินตามชายหนุ่มเจ้าของฮู้ดสีเหลืองคนนั้นไปอย่างว่าง่าย โดยมีสเปลนเดอร์ที่มองเห็นเพียงเสี้ยผมสีบลอนด์ขาวที่บดบังแผ่นหลังนั้นเดินออกไป...
           "เอาล่ะ...มาเข้าเรื่องกันเถอะ..."

    [ ต่อ ]

           ทางด้านของคุณ
           โถงทางเดินที่เงียบสงัด มีเพียงแค่เสียงการเดินของคุณทั้งสองเท่านั้น ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆทั้งสิ้น แต่ขณะเดียวกันคุณเองก็หวนไปนึกถึงคำพูดของคุณหมออีเจในตอนนั้น...

           คนที่อยู่ใกล้คุณจะมีความรู้สึกประหลาด?

           "ถึงแล้วครับ..."
           "อะ!"ระหว่างเดินคุณก็ดันเผลอคิดอะไรนานหน่อยจนชายหนุ่มหยุดเดินทำให้คุณที่ไม่ทันตั้งตัวก็ชนเข้ากับหลังของเขาแต่ก็ไม่ได้แรงมากนัก คุณกล่าวขอโทษแต่เขาก็เงียบและพยักหน้ารับ
           "ห้องนี้คือห้องของเธอ เราได้เตรียมสำรองเอาไว้..."
           "ค-ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
           พูดจบ ฮู้ดดี้ก็ช่วยเปิดประตูให้เพื่อให้คุณได้เข้าไปชม คุณกล่าวขอบคุณอีกครั้งจากนั้นจึงก้าวเข้าไปในห้อง ภายในห้องนอนนั้นมันค่อนข้างกว้างและสวยหรูกว่าห้องแรกของคุณหน่อย มันถูกตกแต่งด้วยโทนสีขาวกับพีชชวนให้รู้สึกสบาย มีหน้าต่างติดผ้าม่าน ดูๆไปแล้วเหมือนห้องนี้จะถูกตกแต่งคล้ายกับห้องของนางฟ้าก็ไม่ปานแฮะ


    (ตัวอย่างห้องสำรองของคุณ)

           "ขอบคุณมากๆที่พามาส่งนะคะ"คุณกล่าวขอบคุณ แต่ฮู้ดดี้ก็ยังเงียบและกล่าวอีกว่า
           "อีกสักราวๆ 20 นาทีจะถึงเวลาอาหารเย็น ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้เตรียมอาหารกลางวันเพราะดันเกิดเรื่องซะก่อน..."ฮู้ดดี้กล่าว แต่คุณก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
           "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ยังไงก็ขอบคุณที่...ช่วยฉันนะคะ"คุณยิ้มให้เขา ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าจากนั้นจึงขอตัวและค่อยๆปิดประตูห้องให้คุณ และก่อนไปเขาก็ได้พูดทิ้งท้ายว่าเดี๋ยวถ้าอาหารเย็นเสร็จแล้วจะมีคนนำมาส่งให้ถึงห้องคุณ คุณตอบรับและจากนั้นประตูก็ปิดสนิท...

           เฮ้อออ

           คุณทิ้งตัวลงนอนบนเตียงพลางถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกอ่อนเพลียแปลกๆ ดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้มันก็ทำให้คุณเหนื่อยพอสมควร แม้จะเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้แต่ก็ไม่เคยเลยที่จะมีเหตุการณ์ที่แสนจะเลวร้ายมากขนาดนี้มาก่อน...

           แม้ตอนนี้คุณจะปลอดภัย คุณก็ยังไม่อาจวางใจได้จึงได้ลุดขึ้นนั่งพร้อมสวดมนต์ภาวนาขอให้ตัวเองรอดปลอดภัยเหมือนทุกครั้ง...

           ตอนนี้คุณเหนื่อยมาก จึงได้ลุกขึ้นจากเตียงและเข้าไปอาบนํ้าชำระร่างกายเพราะเนื้อตัวของคุณบัดนี้มันเต็มไปด้วยฝุ่นและกลิ่นสาปแปลกๆ และสำหรับคนนอกโบสถ์นั้นคงไม่นิยมแบบนี้เท่าไหร่นักนอกจากเนื้อตัวต้องสะอาด...แถมเจ้าบ้านนี้ยังดูเป็นคนที่ออกแนวไปทางคุณชายผู้มีระเบียบและรักสะอาดด้วย

           คุณหวังว่าในอนาคตจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก...






           "อะไรนะ!? นายรู้รึเปล่าว่าการพาเธอมาอยู่ที่นี่มันจะยิ่งอันตรายสำหรับเธอนะ!!"
           ในด้านของพวกพาสต้าที่อยู่ในห้องรับแขก หลังจากที่สเปลนเดอร์ได้ฟังเรื่องราวจากน้องชายของเขามันก็ทำให้ผู้เป็นพี่รับรู้ได้ทันทีว่ามันคงไม่ปลอดภัยสำหรับคุณหรือในอนาคตแน่ๆ
           "อีกอย่างนะสเลนดี้ ผู้หญิงคนนั้นอยู่กับพวกนายตลอดไปไม่ได้หรอกนะ! แล้วไหนจะพวกเรายังแตกต่างจากเธออีก! นายไม่คิดเหรอว่ามันจะส่งผลต่อเธอยังไง!?"
           "ฉันรู้...แต่หากไม่ทำแบบนี้ 'เจ้านั่น' มันอาจจะเอาตัวเธอไปได้..."
           "นายหมายถึง..."
           "สเปลนเดอร์ ฉันรู้ว่าทำแบบนี้มันคงไม่เป็นผลดีต่อตัว[ชื่อคุณ] เพราะพวกเราต่างถูกเรียกว่าเป็น 'ฆาตกร' ในขณะที่[ชื่อคุณ]นั้นก็เหมือนมนุษย์ทั่วๆไป หากเพียงแต่ว่าสิ่งที่เธอแตกต่างจากมนุษย์ยังมีอยู่ หากปล่อยให้เธออยู่ในเมืองมนุษย์ต่อไปมีหวังพวกมันได้รู้เรื่องเข้าและเอาตัวเธอไปแน่ และมันคงจะไม่ปลอดภัยสำหรับเธอเช่นเดียวกัน"ผู้นำของแก๊งซีพีกล่าว แม้จะยังคงความสุขุมและความใจเย็น แต่ทว่า...สำหรับผู้เป็นพี่ชายย่อมรู้ดีว่าน้องชายของเขากำลังมีความกังวลอยู่ลึกๆ...
           เทรนเดอร์ที่รู้ดีว่าพวกพี่ๆของเขาต้องการพูดคุยแบบส่วนตัว จึงได้ขอให้ทุกคนที่อยู่ในห้องไปที่ห้องนั่งเล่นซะ แม้เจฟฟ์จะมีท่าทีเหมือนไม่ค่อยพอใจนิดๆแต่ก็ยอมทำตามอยู่ดีเพราะเขาต้องการจะพักสักหน่อย ตามมาด้วยคนอื่นๆที่ต่างก็ค่อยๆทยอยเดินออกจากห้อง ส่วนทั้งสามพร็อกซี่เองต่างก็ต้องออกไปด้วยเช่นกันเพราะสเลนเดอร์เองก็บอกให้พวกเขาออกไปด้วย...

           ในที่สุด ภายในห้องรับแขกก็เหลือเพียงแค่ทั้งสเปลนเดอร์และสเลนเดอร์

           "สเลน...ฉันเข้าใจในความเป็นห่วงของนาย แต่นายก็รู้...ว่าหากนายพาเธอมาอยู่กับเรามันก็จะเป็นอันตรายต่อตัวเธอเองนะ ฉันเองก็ไม่อาจคาดการณ์ได้หรอกว่าพวกนั้นจะถึงขีดสุดเมื่อไหร่รวมถึงตัวนายเองด้วย โดยเฉพาะเบน ออฟเฟนและแมสกี้ยิ่งต้องอยู่ให้ห่างไว้"สเปลนเดอร์กล่าวเตือน
           "ฉันรู้ แต่ฉันไม่อาจปล่อยให้[ชื่อคุณ]ตกอยู่ในอันตรายและปล่อยให้เธอพบเจอกับหมอนั่นได้หรอก..."เขาตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งสงบเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ลึกๆก็แฝงไปด้วยความกังวลเช่นเดียวกัน สิ่งที่คุณเจอมานั้นหากปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปมีแต่เรื่องแย่ๆเข้ามาหาคุณเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุที่สเลนเดอร์จำเป็นจะต้องพาคุณมาที่ๆห่างจากพวกมนุษย์ สเปลนเดอร์ยามเมื่อเห็นน้องชายแบบนั้นเขาเองก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจและไม่อาจห้ามอะไรได้มากนัก
           "เอาเถอะ...ฉันคงห้ามปรามอะไรนายไม่ได้มากนัก ถ้านายคิดว่าสิ่งนี้ดีที่สุดแล้วก็ทำเถอะ แต่นายก็ระวังอย่าให้เธอพบเจอคนอื่นบ่อยๆละกัน...ยังไงฉันคงต้องขอค้างที่นี่สัก 2 วันหน่อยละกันนะ"
           เขาพูดและค่อยๆยันกายลุกขึ้น ตั้งแต่ที่จำความได้นั้น สเลนเดอร์ไม่เคยสนใจใครมาก่อนเลยสักครั้งนอกจากว่าคนๆนั้นจะเป็น 'คนพิเศษ' ที่ถูกเลือกเอาไว้และจะต้องอยู่ในการปกป้องดูแลอย่างดี ไม่มีครั้งไหนเลยที่น้องชายของเขาจะแสดงความรู้สึกรักต่อมนุษย์หรือใครก็ตามจึงทำให้เป็นที่ข้อสงสัยว่าตัวของเขานั้นเคยมีความรักหรือไม่

           "แต่นายอย่าลืม...ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เหมือน 'เธอในอดีตที่นายรู้จัก' อีกต่อไปแล้ว"

           กล่าวจบร่างของสเปลนเดอร์ก็ได้เดินออกจากห้องไปเหลือเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ภายในห้องรับแขก...ใบหน้าที่ไร้หน้านั้นราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่...






           อีกด้านหนึ่ง
           "แซลลี่ เดี๋ยวถ้าพี่ทำเสร็จแล้วพี่อยากให้เธอช่วยนำถาดอาหารนั้นไปส่งที่ห้องของ[ชื่อคุณ]ได้มั้ยครับ?"ร่างสูงในชุดผ้ากันเปื้อนสีขาวที่กำลังลงมือทำอาหารคํ่าอยู่นั้นก็ได้เอ่ยถามเด็กหญิงตัวน้อยที่กอดตุ๊กตาเหมือนเช่นทุกครั้ง
           "ได้ค่ะพี่เทรนเดอร์! แซลลี่จะเอามื้อคํ่าไปให้พี่สาวเอง!"แซลลี่น้อยขานรับอย่างว่าง่ายและดีใจอย่างมากที่จะได้เจอคุณอีก เพราะตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นเธอเองก็ทั้งกังวลและเป็นห่วงคุณอย่างมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่เมื่อพวกพี่ๆของเธอได้มาบอกว่าตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วก็ทำให้เด็กน้อยโล่งใจอย่างมากที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ...

           ก็ดีนะที่แซลลี่ไม่ได้รู้เรื่องที่เลวร้ายกว่านั้นอีก...

           ผ่านไปเพียงไม่นาน มื้อคํ่าของทุกคนนั้นก็ถูกจัดเตรียมเสร็จสิ้น และแซลลี่เองก็มาช่วยยกถาดอาหารไปที่ห้องของคุณทันทีโดยมีเทรนเดอร์ยืนมองท่าทางของเด็กน้อยตามแผ่นหลัง หากเขามีตาหรือริมฝีปากล่ะก็...อาจจะได้เห็นแววตาและรอยยิ้มที่มองด้วยความเอ็นดูจากนั้นชายหนุ่มร่างสูงก็ได้นำจานทั้งหมดไปจัดวางที่ห้องทานอาหาร...

           แซลลี่น้อยขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นที่ๆคุณอยู่ จนเมื่อมาถึงห้องของคุณ เธอเคาะประตูสองถึงสามครั้งและเรียกชื่อของคุณ ซึ่งคุณเองก็ขานรับและบอกให้แซลลี่เข้ามาได้เลย
           "พี่[ชื่อคุณ]! แซลลี่เอามื้อคํ่ามาให้ค่ะ!"
           "อะ ขอบคุณมากจ้ะแซลลี่"
           คุณยิ้มให้เด็กน้อยอย่างขอบคุณ จากนั้นร่างเล็กของเด็กน้อยก็เดินมาวางถาดอาหารบนโต๊ะข้างๆเตียงคุณแล้วใช้มือเล็กทั้งสองวางบนขอบเตียงหันมาพูดกับคุณ "พี่[ชื่อคุณ]เป็นยังไงบ้างคะ? ลุงออฟเฟนไม่ได้ทำอะไรใช่มั้ยคะ?" แซลลี่ถามซึ่งคุณก็ส่ายหน้าและบอกว่าไม่ได้ทำอะไรเพราะคุณซ่อนตัวอยู่
           "อย่างงั้นเองหรอคะ ดีแล้วล่ะค่ะ! ตอนนั้นอยู่ๆลุงออฟเฟนก็ตะโกนขึ้นมาจนแซลลี่ตกใจ พี่เทรนเดอร์ก็เลยพาแซลลี่ออกมาทันที แซลลี่กลัวมากเลยไม่รู้ว่าทำไมลุงออฟเฟนถึงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ปกติแล้วลุงออฟเฟนจะใจดีนะคะ! แม้ปะป๊าจะไม่ค่อยอยากให้แซลลี่เข้าใกล้ลุงเขามากเกินไปก็ตาม"เด็กน้อยอธิบายจนคุณเองก็สงสัย
           "เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอจ้ะ?"
           "อืมมม แซลลี่เองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เหมือนลุงออฟเฟนรู้จักกับพี่สาวมาก่อนนะคะ"
           "รู้จักฉัน...งั้นเหรอ?"
           คุณทวนสิ่งที่เด็กสาวตรงหน้ากล่าวออกมา คุณจำไม่เห็นได้เลยสักนิดว่าเคยรู้จักกับเขามาก่อน และคุณมั่นใจว่าคุณไม่เคยพบเจอเขามาก่อนเลยด้วยซํ้า...

           นอกจาก...ความรู้สึกบางอย่างที่คุณเองก็ไม่เข้าใจ

           "อะ! แซลลี่รบกวนเวลาอาหารของพี่[ชื่อคุณ]แล้ว! แซลลี่ขอโทษ งั้นพี่[ชื่อคุณ]ก็ทานเยอะๆนะคะ! ไว้แซลลี่จะมาเยี่ยมใหม่นะคะ!"
           "อื้ม แล้วเจอกันจ้ะแซลลี่"
           หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว แซลลี่ตัวน้อยจึงได้กล่าวอำลาก่อนที่จะเดินออกจากห้องของคุณไปโดยที่ไม่ลืมปิดประตูให้สนิทแล้วจึงเดินห่างจากห้องของคุณเพื่อที่จะไปเตรียมตัวร่วมทานอาหารกับพวกพี่ๆและปะป๊าของเธอทันที...

           คุณมองเด็กน้อยที่เดินออกไปสักพักจึงค่อยๆจ้องมองมายังจานสลัดของคุณก่อนจะค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆแล้วจึงสวดมนต์ภวนาก่อนรับประทานอาหาร...และเริ่มทานมันอย่างเงียบๆ...

           เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้...มีเรื่องที่คุณไม่รู้อะไรอีกเยอะ ว่ากันว่าพวกฆาตกรนั้น...มีสิ่งที่ซ่อนอยู่...

           แล้วคุณจะทำอย่างไร? ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรคุณ แต่เหตุการณ์เมื่อครู่นั้นก็สร้างความหวาดผวาให้กับคุณไม่น้อยเลย..






           ในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง...
           ท้องฟ้าสีเลือด กับรอบๆที่เต็มไปด้วยหินมากมาย เปลวเพลิงสีชาด กลิ่นอายของความอันตรายและเสียงกรีดร้องอันโหดหวนของเหล่าวิญญาณโสมมดังระงมไปทั่วบริเวณ ความเจ็บปวดจากการถูกทรมาณนั้นเป็นสิ่งที่พวกมันสมควรได้รับ

           'นรก' นั่นคือสิ่งที่พวกเรารู้ดี...

           เหล่าวิญญาณที่มาอยู่ในขุมนรกแห่งนี้ล้วนแต่เป็นวิญญาณบาปที่เคยทำชั่วจนทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเมื่อครั้นที่ยังเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการฉ่อโกง การเหยียบยํ่าผู้อื่นเพื่อไต่เต้า พวกใจทรามทำตัวเป็นอันธพาลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทำร้ายหรือลวนลามข่มขืนผู้อื่นทั้งเด็กหรือผู้ใหญ่โดยไม่ยินยอมหรือหลอกใช้ ฯลฯ ทุกสิ่งเหล่านี้มักจะเป็นพวกที่ความเลวมากมีแต่ความดีหาไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ที่จะถูกพามายังนรกแห่งนี้...

           ในห้องพระโรงแห่งหนึ่ง บนบัลลังก์ตรงนั้นมีร่างของปีศาจตนหนึ่งที่มีเขา ตัวของมันเป็นสีแดงดำ ร่างกายสูงใหญ่จนดูน่าหวั่นเกรงและน่าหวาดกลัว ฟันที่แหลมคมอันสามารถฉีกกระชากเนื้อเป็นชิ้นๆได้ กรงเล็บที่แหลมคมสามารถฟาดฟันทุกสิ่งที่ขัดขวาง กับเสื้อผ้าอันน้อยชิ้นที่โชว์เพียงสัดส่วนด้านบนจนเผยให้เห็นซี่โครงกระดูกและผิวหนัง มันมีรูปร่างผอมแต่ก็ก็มีความน่ายำเกรงกับปากตามลำตัวบางส่วนที่มีฟันแหลมคม ใบหน้าของมันเหมือนปีศาจ โดยรวมแล้วมันไม่ต่างอะไรกับราชาปีศาจในโลกใต้พิภพที่ทั้งมีอำนาจและความน่าสะพรึงกลัวมิน้อย ผู้ใดที่ได้เห็นเขาเป็นอันต้องหวาดผวาจนแทบลืมหายใจทั้งสิ้น...
           "ถวายบังคมท่านซัลโก"ปีศาจตนหนึ่งที่ทำหน้าที่รับใช้ท่านผู้นำสูงสุดของนรกแห่งหนึ่งกล่าวพร้อมกับโค้งตัวกับมือข้างหนึ่งทาบอกให้กับผู้เป็นนาย
           "รายงานความคืบหน้ามา"เสียงทุ้มแหบอันราบเรียบแต่ก็ยังคงเป็นเสียงของปีศาจที่เมื่อได้ฟังแล้วชวนให้ขนลุก
           "ที่โลกมนุษย์ยังคงเหมือนเดิมขอรับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ได้มีข่าวเหตุการณ์ฆาตกรรมเมื่อ 2-3 วันก่อน และตอนนี้ทางตำรวจกำลังตามหาแม่ชีหญิงคนหนึ่งที่หายตัวไป แต่ก็ไม่มีใครสามารถหานางพบเจอขอรับ"ปีศาจรับใช้กล่าวตามที่ผู้เป็นนายประสงค์ ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
           "เหตุการณ์นี้ดูๆไปแล้วน่าจักมิใช่ครั้งแรกด้วยขอรับที่เกิดขึ้นในโบสถ์แห่งนั้น"เมื่อมันได้กล่าวจบ ราชาแห่งใต้พิภพทันทีที่ได้ยินก็เอ่ยถาม
           "เจ้ากล่าวว่าเรื่องนี้หาได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งแรก"
           "ขอรับ โดยปกติแล้วโบสถ์แห่งนั้นมีสตรีเป็นส่วนใหญ่จนมิค่อยมีบุรุษเข้ามาเท่าไหร่นัก เพียงแต่ว่าผู้ที่มักตกเป็นเหยื่อคือสตรีที่อยู่ในข่าว พวกมันที่ถูกจับกุมนั้นมักจักแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่อตัวนางผู้นั้นอย่างมิสนใจสิ่งใด ทั้งๆที่นางมิรู้จักคนเหล่านั้นเลยสักครั้ง มีข่าวอีกว่าตอนนี้นางหนีเข้าไปในป่าและพบศพของฆาตกรที่นอนตายในสภาพเหมือนถูกสัตว์กิน แต่ไม่พบตัวของแม่ชีผู้นั้นเลยขอรับ"
           "หึ มีเรื่องแบบนี้ด้วยอีกงั้นหรือ มนุษย์เพศผู้ที่ได้พบเจอกับนางมักมีอาการลุ่มหลงมัวเมาในตัวนางผู้นั้นทุกคนที่ได้เห็นนางเชียวงั้นหรือ ช่างน่าขันจริงๆ"เขากล่าว
           "ท่านซัลโกขอรับ ตอนนี้แม่ชีคนนั้นพบเจอกับ 'สเลนเดอร์แมน' ขอรับและตอนนี้นางอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ของเขาขอรับ"ซัลโกที่ได้ยินก็ค่อยๆหันมามองปีศาจรับใช้ของตน
           "หืม? เจ้าสเลนเดอร์แมนนั่นพานางไปยังคฤหาสน์ที่เต็มไปด้วยเหล่าฆาตกรอย่างงั้นหรือ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนักที่มันจักพามนุษย์มาอยู่ด้วยหากมนุษย์คนนั้นมิมีอันไรที่พิเศษหรือน่าสนใจ"เขากล่าวอย่างสนอกสนใจเล็กน้อย
           "จับตาดูพวกมันไว้ให้ดีอย่าให้คลาดสายตา และจงไปสืบเรื่องมนุษย์หญิงผู้นั้นมาด้วย"สิ้นคำพูด ปีศาจรับใช้จึงขานรับโค้งตัวจากนั้นจึงสลายหายไปตรงหน้าอย่างไร้ร่องรอย...

           ร่างสูงใหญ่ค่อยๆลุกขึ้นจากบัลลังก์ก่อนจะเดินออกจากห้องพระโรงแล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังห้องบรรทมของตัวเองพร้อมกับล็อกมันอย่างแน่นสนิท...

           ร่างของท่านผู้นำแห่งนรกค่อยๆนั่งลงตรงขอบเตียงพลางค่อยๆเอนตัวล้มลงนอนคล้ายกับเหนื่อยอ่อนเล็กน้อยก่อนที่สายตาของเขาจะหันไปมองกับภาพวาดหนึ่งที่ถูกตั้งอยู่ตรงผนังทางด้านซ้ายมือของเขาที่บัดนี้ผ้าม่านที่ปิดบังได้ถูกเปิดออกจนเผยให้เห็นภาพวาดของหญิงสาวผู้หนึ่ง...

           เธอมีเส้นผมสีดำยาวสลวย กับดวงตาสีม่วงอ่อน เธอมีริมฝีปากที่อวบอิ่มสีชมพูอ่อนและใบหน้าอันงดงามดั่งนางฟ้า แต่แววตานั้นหากไม่มองดีๆมันกลับแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยแม้ต่อให้จะดูสวยงาม ทว่าก็ถูกวาดแต่งเติมโดยเป็นดอกกุหลาบสีพีชทั้งกรอบและพื้นหลัง เป็นความงามที่ชวนให้รู้สึกหลงใหล หากแต่ทว่าหญิงสาวในภาพนี้กลับมีชีวิตที่น่าเศร้า

           ร่างของชายผู้นั้นค่อยๆยันกายลุกขึ้นก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปภาพที่ถูกวางตั้งอยู่ติดผนัง มือนั้นค่อยๆลูบภาพของเธอผู้นั้นที่บริเวณพวงแก้มนั้นแม้ต่อให้มันเป็นเพียงภาพวาดก็ตาม...


           "เหตุใดเจ้าถึงทิ้งข้าไปกัน...'มารีญา' "


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×