ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Chapter 9 : ทดสอบครั้งที่ 2 กับพบเจอ SCP-035 [ 100% ]
Chapter 9 : ทดสอบครั้งที่ 2 กับพบเจอ SCP-035
ณ โรงอาหารแห่งหนึ่ง
ร่างของชายผู้สวมเสื้อคลุมสีขาวของนักวิจัยกับหมวกอันที่คล้ายๆคาวบอยอันเป็นเอกลักษณ์ที่เดินมือล้วงกระเป๋าเสื้อมุ่งตรงไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อสั่งอาหาร เขาได้บอกกับแม่ครัวว่าให้เตรียมทำมื้อกลางวันตามที่คุณต้องการ ซึ่งแม่ครัวเองก็ตอบรับแล้วจึงเริ่มเตรียมมื้อกลางวันมาให้
ระหว่างรอนั้นจู่ๆก็มีเสียงหนึ่งทักเรียกเขาขึ้นมา "เฮ้" เสียงนั้นทำให้เขาหันไปมองเจ้าของเสียงนั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ทักทายเพื่อนร่วมงาน...ผู้เป็นคู่แข่งของเขา
"ว่าไงพี่เขียว(?) วันนี้มาหาอะไรกินครับ"
"ใครสั่งให้แกเรียกฉันว่าพี่เขียวเหมือนยัยหนูนั่นไม่ทราบห๊ะไอ้คาวบอยสัมเพง"
บทสนทนาที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหมือนการกวนประสาทก็ไม่เชิงหลังจากที่คุณได้เรียกคอนดรากิเป็นพี่เขียวเพียงเหตุผลเพราะเขาสวมเสื้อสีเขียวจนนึกถึงเดอะฮั*เนี่ยแหล่ะเลยทำให้พ่อหนุ่มคาวบอยนั้นเรียกตามไปเลย(?)
แต่มันก็ทำให้ดร.คอนดรากิแทบอยากจะกระโดดไรเดอร์คิกใส่เจ้าหมอนี่จริงๆ
"คุณเครฟครับ คือผมว่าอย่าเพิ่งไปกวนคุณคอนดรากิจะดีกว่านะครับ ว่าแต่...คุณเครฟเองก็มาหาอะไรทานเหมือนกันสินะครับ"ดร.อิทคินกล่าวขึ้น จนดูเหมือนว่าก็พอจะทำให้สงบศึกทั้งสองฝ่ายได้บ้างแหล่ะ
"ก็ไม่เชิง แต่ฉันก็มาเอาของกินให้เจ้าหญิงน้อยนั่นด้วย"
"คุณหมายถึง....เด็กที่อยู่ในการดูแลของพวก SCP-[หมายเลขที่คุณเลือก] สินะครับ"
"ใช่แล้วล่ะ เด็กคนนั้นหิวแล้วก็เลยว่าจะมาสั่งสักหน่อย~"
"เหอะ! กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปแล้วหรอเนี่ย"
"ทำไมเล่า~ มันออกจะดีนะ~"ครั้นเมื่อดร.เครฟกล่าวเช่นนั้นก็ทำให้คอนดรากิสบถคำหยาบออกมาไม่ดังไม่เบานักด้วยความหงุดหงิดนิดๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากชักสีหน้าใส่ แต่เครฟก็ยังคงส่งยิ้มเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
"อะ! ถ้ามัวแต่คุยแบบนี้ล่ะก็เด็กน้อยคงจะหิวแย่เลย นายเนี่ยถ้าอยากชวนคุยก็บอกกันตรงๆสิ~"
"ฉันไม่ได้ต้องการจะชวนแกคุยเฟ้ย!"
แต่ทว่าดร.เครฟก็ดันชิ่งเดินออกไปเสียก่อนโดยไม่ฟังเสียงสบถคำหยาบของคนที่เป็นศัตรูคู่แข่งเลยสักนิด แต่ก็มีดร.อิทคินเข้ามาห้ามปรามพยายามทำให้ใจเย็นลง...
หลังจากที่บุรุษหมวกคาวบอยได้สั่งอาหารและนำมาเสริฟให้กับคุณที่ห้องกักกัน(ที่เปรียบเสมือนห้องนอนซะมากกว่า) คุณดีใจมากที่ของชอบของคุณได้มาถึงแล้วจึงกล่าวขอบคุณและรับมากินที่โต๊ะอย่างเอร็ดอร่อยโดยมีดร.เครฟยืนดูอยู่เงียบๆด้วยรอยยิ้มเช่นเคย ซึ่งระหว่างกินนั้นคุณก็มีการถามว่าเขาได้กินอะไรไปรึยัง แต่เครฟก็ตอบกลับไปว่าเขาได้กินชินนาม่อนไปแล้ว
"กินแต่ชินาม่อนโยลมันไม่ดีนะคะพี่คาวบอย! ต้องกินข้าวด้วย! จะได้มีแรงทำงาน มากินกับหนูนะคะ!"
"ไม่เป็นไรหรอกสาวน้อย พอดีว่างานแต่ละอย่างมันจำเป็นจะต้องรีบกินหน่อยเพราะไม่มีเวลาน่ะ"
"อย่างงั้นเองหยอคะ..."
สุดท้ายคุณเองก็ไม่อยากขัดชายหนุ่มตรงหน้าจึงกินแพนเค้กที่เป็นของหวานตบท้ายจนเสร็จ คุณรู้สึกอิ่มมากแต่ก็มีผ้าสีขาวที่ถูกยื่นมาเช็ดมุมปากของคุณอย่างแผ่วเบา "ขอบคุณค่ะพี่คาวบอย!" คุณกล่าวขอบคุณซึ่งเขาเองก็ยิ้มรับและจากนั้นจึงเก็บจานให้คุณ
"เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีการทดสอบ ยังไงหนูมาร์(คุณ)ก็พักผ่อนให้เต็มที่ อ้อ! เราน่ะกินเยอะขนาดนี้อย่าเพิ่งทำอะไรล่ะ เดี๋ยวจะจุกจนอ้วกซะก่อนนะ~"
"ไม่ต้องห่วงค่ะพี่คาวบอย! น้องมาร์คนนี้ไม่เล่นอะไรทั้งๆที่เพิ่งกินอิ่มแน่นอน!"
ชายหนุ่มกล่าวหยอกล้อคุณนิดหน่อยและคุณเองก็ตอบกลับอมลมพองแก้มใส่อย่างน่ารัก จนนักวิจัยหนุ่มอย่างเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆและยีหัวคุณอย่างหมั่นเขี้ยวจากนั้นจึงบอกลาและเดินออกจากห้องของคุณไป...
พอหลังจากที่ดร.เครฟออกไปแล้ว คุณก็ได้เดินมาที่บันไดเพื่อที่จะนั่งพักสักหน่อยและเล่นกับตุ๊กตาคู่ใจเพื่อการย่อยอาหารที่ดี
"พี่ลูคาสต้า! หนูอยากฟังนิทาน! อยากฟังนิทานเรื่องซินเดอเรลล่า!"คุณพูด จากนั้นก็มีร่างของหญิงสาวเจ้าของเส้นผมสีดำสั้นกับหน้ากากสีดำแซมแดงปรากฎขึ้นชั่วพริบตา แล้วจึงเดินเข้ามาหาคุณเพื่อรับหน้าที่ในการอ่านนิทานที่เตรียมมานั้นให้คุณฟัง คุณดีใจมากที่อย่างน้อยก็มีนิทานมาอ่านให้ฟังเพราะคุณจะได้ไม่รู้สึกเหงาหรือเบื่อด้วย
การเล่านิทานได้ดำเนินขึ้น...แม้ว่าการแสดงออกของลูคาสต้าจะนิ่งเงียบและเฉยชา แต่สำหรับคุณแล้วคุณกลับไม่รู้สึกว่ามันน่าเบื่อหรืออย่างใด เพราะพวกพี่เลี้ยงของคุณก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วคุณก็ไม่อาจไปบังคับพวกเขาได้หรอก เพราะคุณรักพวกพี่เลี้ยงมาก...
"พี่ลูคาสต้า"คุณเอ่ยเรียกหลังจากที่ฟังนิทานจนจบ หญิงสาวเจ้าของดวงตาอัญมณีเพอริโดค่อยๆเงยหน้ามองคุณพลางปิดหนังสือนิทานนั้นเพื่อรอฟัง
"ถ้าหากว่าในชีวิตจริงมีความรักในแบบดั่งนิทานเจ้าชายกับเจ้าหญิงมันจะดีมากเลยใช่มั้ยคะ?"พอคุณถามแบบนั้นก็ทำให้หญิงสาวนิ่งเงียบไป...แต่ลูคาสต้าก็ยังพยักหน้าเบาๆ
"ถ้าอย่างงั้นถ้าหนูโตขึ้นก็จะมีเจ้าชายที่แสนดีและอ่อนโยนแบบนิทานได้เหมือนกันสินะคะ!"คุณเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใสและไร้เดียงสา พลางมีแววตาที่เป็นประกายอย่างตื่นเต้น
"......."
"เห...อย่างงั้นหยอคะ..ชีวิตจริงคงหาเจ้าชายดั่งในนิทานยากจริงๆด้วยจินะคะ"เมื่อคุณได้รู้แบบนั้นก็ทำให้คุณมีแววความเศร้าลงเล็กน้อย แต่ก็กลับมายิ้มอีกครั้ง
"แต่! แต่! แต่! แต่หนูยังเชื่อว่าบนโลกเรายังมีคนดีๆอยู่แน่นอนค่ะ! หนูยังคงเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเลวร้ายไปซะหมดแน่นอน! หนูเชื่อว่าสักวันจะต้องเจอคนดีๆอยู่บนโลกใบนี้แน่นอนค่ะ! ถึงต่อให้มันจะหายากแต่หนูยังคงเชื่อมั่นว่าต้องมีแน่ๆ! ต้องมีแน่นอนค่ะ!"คุณพูดออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับมีปณิธานอันแรงกล้าภายในจิตใจและแววตา
"......."ตัวแทนเพอริโดเงียบแต่ก็พยักหน้าให้คุณก่อนที่แววตาของเธอจะค่อยๆเหลือบมองมาทางมุมกำแพงหนึ่ง...ที่ไม่มีใครมองเห็น...
"พี่ลูคาสต้า! หนูอยากฟังนิทานอีก! อยากฟังนิทานอื่นๆด้วย!"คุณพูดและออดอ้อนหญิงสาวด้วยการเข้าไปกอดแขน ลูคาสต้าเองก็ไม่ได้ว่าอะไรและพยักหน้าตกลงจึงไปหยิบหนังสือนิทานเล่มอื่นๆมาเล่าให้คุณฟังอีก แต่ก็มีบางนิทานที่แต่งขึ้นมาบ้าง...
คำพูดของคุณนั้นจริงๆมันก็ไม่ได้ผิดไปซะหมด...
มนุษย์ดีๆมันก็มีอยู่จริง...
แต่มันก็ไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นกันซะหมดทุกคน
เพราะสิ่งที่มนุษย์มีเหมือนกันนั่นคือ...
'ความเห็นแก่ตัว' และ 'ความโลภ'
อีกด้านหนึ่ง
เหล่านักวิจัยต่างเริ่มพูดคุยและประชุมเกี่ยวกับเรื่องของวัตถุอันตรายที่อยู่กับคุณตลอดเวลา และนั่นจึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าบางทีการให้เด็กไปเสี่ยงอันตรายนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด เนื่องจากว่าคุณยังเด็กและเกรงว่าหากทางกองบัญชาการ O5 สั่งการอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อยเช่นกัน
"เอาล่ะ...ในวันพรุ่งนี้จะมีการทดสอบกับ SCP-035 ซึ่งยังไม่มีการบันทึกเกี่ยวกับการใช้เด็กไปทดสอบกับเจ้าหน้ากาก และผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ดีมากเท่าไหร่นักเพราะผมเองก็ไม่ทราบว่าปฏิกิริยาของ SCP-035 ที่มีต่อเด็กมันจะเป็นรูปแบบไหน"ดร.เกียร์พูดขึ้น
[ ต่อ ]
คำพูดของดร.เกียร์นั้นก็ทำให้เหล่านักวิจัยบางส่วนที่เป็นฝ่ายดูแลการกักกันของเอสซีพีหมายเลขนี้ที่มาร่วมประชุม ต่างก็พากันตั้งสันนิษฐานและคิดเห็นต่างกันออกไปว่าเจ้าหน้ากากนั่นอาจจะหลอกล่อและทำให้เด็กน้อยอย่างคุณเชื่อใจเพื่อพามันหนีออกมาก็ได้เพราะมันก็เคยพยายามหลบหนีออกจากการกักกันของศูนย์วิจัยมาหลายครั้งแล้วด้วย
"ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจกับเรื่องนี้เท่าไหร่นักกับการที่จะต้องให้เด็กไปทดสอบกับเจ้าหน้ากากผีสิงนั่น"นายAกล่าวขึ้น
"แล้วถ้าหากว่าเจ้า035หลอกให้เด็กคนนั้นเชื่อใจเพื่อพาตัวเองออกจากห้องกักกันล่ะ? เด็กก็เปรียบเสมือนผ้าขาวที่สามารถถูกย้อมเป็นอะไรก็ได้และหากเจ้า 035 คิดจะเปลี่ยนแปลงจิตใจของเด็กคนนั้นขึ้นมาล่ะ?"นายBกล่าวตั้งสมมุติฐานขึ้น เพราะอย่าง SCP-035 นั้นเคยมีประวัติเรื่องการใช้กลอุบายและสามารถสะกดจิตคนอื่นได้ด้วย
"แต่ถ้าสมมุติว่าเด็กคนนั้นมีภูมิคุ้มกันล่ะครับ? เพราะมีบันทึกว่า SCP-096 นั้นไม่มีปฏิกิริยาต่อเธอเลย"นายCกล่าว
"นั่นเป็นเพียงแค่การทดสอบแรกเท่านั้น ยังไม่อาจหาข้อสรุปเรื่องนี้ได้หรอก"นางสาวAพูด
พวกเขาเองก็พูดคุยและปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับการทดสอบโดยใช้เด็กอย่างคุณมาทดสอบกับเจ้าวัตถุอันตรายระดับคีเตอร์ตัวนั้นพลางตั้งข้อสมมุติฐานกันไปต่างๆนาๆ กับผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะเกรงว่าเด็กจะเป็นอันตรายได้
"ถึงอย่างไรก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นอกจากต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตาด้วยตัวเอง"
"ดร.เกียร์ครับ!--"
"ผมรู้ แต่เราคงไม่มีทางเลือกในเมื่อเบื้องบนต้องการทราบเรื่องของเจ้าวัตถุอันตรายตนใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ไม่เพียงแค่เบื้องบน...แต่นักวิจัยอีกหลายคนก็คงอยากรู้เกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้เช่นกัน"ดร.เกียร์กล่าวขึ้นซึ่งนั่นเหมือนเป็นสัญญาณบอกได้ดีว่าพวกเขาคงไม่อาจขัดคำสั่งได้แล้ว เพราะพวกเขาและนักวิจัยคนอื่นๆต่างก็อยากรู้ถึงความสามารถของเจ้าวัตถุอันตรายเหล่านั้นเช่นกัน...
ดร.เกียร์ถอนหายใจออกมาเบาๆหลังจากที่เขาได้ประชุมกับนักวิจัยคนอื่นเสร็จ เขาหวนไปนึกถึงคำพูดของเอสซีพีทั้งสองหมายเลขที่กล่าวในเทปบันทึกนั้น...
เขาเองก็ยอมรับในสิ่งที่มันพูด...ว่ามนุษย์เรานั้นมีความอยากรู้อยากเห็น...
และบางทีความอยากรู้อยากเห็นก็อาจนำไปสู่หายนะได้เช่นกัน...
"คุณเกียร์ครับ"
"คุณไอซ์เบิร์ก มีอะไรรึเปล่าครับ?"
"คุณคิดว่า...หากการทดสอบเจ้า SCP-035 ผ่านไปได้แล้ว...คุณคิดว่าพวกเขาจะให้เด็กคนนั้นทดสอบกับใครอีกรึเปล่าครับ"คำถามของดร.ไอซ์เบิร์กนั้นเองมันก็น่าชวนคิด แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นคำถามที่ชวนให้รู้สึกถึงลางไม่ดีเช่นกัน นิ้วทั้งสองยกขึ้นเชยคางตัวเองเบาๆราวครุ่นคิดก่อนที่มือของเขาจะลดลงและตอบกลับ "ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน.." ขณะพูดนั้นเองเขาก็เดินผ่านไอซ์เบิร์กไปก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า...
"เพราะมนุษย์เราล้วนมีความอยากรู้อยากเห็นทั้งสิ้น..."
และในที่สุด...วันนี้ก็มาถึง...
การทดสอบเอสซีพีระดับคีเตอร์ที่ได้ถูกกำหนดไว้ ซึ่งแน่นอนว่าคุณเองก็ไม่อาจทราบได้เช่นกันว่าพวกเขาจะให้ทำอะไรเนื่องจากทางนั้นก็ไม่ได้บอกรายละเอียดมากนัก โดยมีเคลฟคอยดูแลคุณอยู่เสมอ
"พี่คาวบอยคะ การทดสอบนี้คืออาไยหยอคะ?"คุณถาม
"อืมมม เรียกว่า...การพูดคุยล่ะมั้ง"เคลฟเลือกที่จะเลี่ยงตอบคำถามกับคุณเล็กน้อย เพราะในการทดสอบครั้งนี้มันเหมือนจะเสี่ยงต่อเด็กมากสักหน่อย ชายหนุ่มค่อยๆอุ้มคุณขึ้นโดยคุณได้บอกกับเขาว่าคุณจะเอาตุ๊กตาหมีตัวนั้นไปด้วยซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรและยืนยอมที่จะให้คุณเอาไปด้วย คุณร้องด้วยความดีใจก่อนที่ร่างสูงจะค่อยๆวางคุณลงและให้คุณไปอุ้มตุ๊กตาหมีตัวนั้นมา แม้มันจะเล็กแต่ก็พกพาง่ายจนไม่ลำบาก นักวิจัยหนุ่มเผยยิ้มให้ก่อนจะค่อยๆอุ้มคุณขึ้นอีกครั้งและเดินออกจากห้องไป...
ครั้นเมื่อพ่อหนุ่มเจ้าของหมวกคาวบอยผู้นั้นเดินออกไปกับคุณแล้ว ร่างของคนในชุดดำนั้นก็ปรากฎขึ้น คิโอเน่คลับคล้ายจะเหมือนต้องการออกไปจัดการแต่โครนอสก็ได้ยื่นมือมาจับไหล่ของหญิงสาวคล้ายจะเตือนบางอย่าง เธอมองเขาเล็กน้อยแล้วจึงยอมหยุดแต่โดยดี...
ร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของดวงเนตรอัญมณีนิลดำนั้นค่อยๆหันไปส่งซิกให้กับดูเวสซ่า เธอพยักหน้าก่อนที่ร่างของเธอจะอันตธานหายไป...
ตัดมาทางด้านของคุณ
ภายในห้องกักกันห้องหนึ่งที่เป็นห้องเหล็กและฉาบด้วยตะกั่ว เมื่อชายหนุ่มได้นำคีการ์ดเปิดประตูนั้นเข้าไปแล้วก็พบว่ามีบานกระจกขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นคนข้างในได้กับประตูด้านข้างและทางด้านฝั่งตรงข้ามก็มีพวกสวิตซ์ต่างๆ นักวิจัยคนหนึ่งค่อยๆหันมาพร้อมกับกล่าวทักทาย "สวัสดี คุณอัลโต"
"สวัสดีครับคุณจัสติน คุยแบบเป็นกันเองก็ได้นะครับคุณนักวิจัย~" ดร.เคลฟกล่าวก่อนจะหันไปทางกระจกบานนั้นแล้วเอ่ยขึ้น "คุณคงเตรียมเอาไว้ก่อนแล้วสินะ ดูๆไปแล้วเขาน่าจะนั่งรอมาได้สักพักแล้ว"
"ใช่ และฉันได้อธิบายไปแล้วว่าจะมีการสัมภาษณ์นิดหน่อยน่ะ ฉันเพียงหวังแค่ว่ามันจะไม่ทำอะไรเด็กคนนี้ก็พอ"ดร.จัสตินกล่าวก่อนจะค่อยๆหันมามองทางคุณแล้วเอ่ยทักทาย
"สวัสดีครับคุณหนูตัวน้อย ผมจัสติน ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"มาร์เชียน่า(คุณ)ค่ะ!"
คุณกล่าวแนะนำตัวและทักทายกลับไปด้วยรอยยิ้มอันสดใสและไร้เดียงสาตามประสาเด็ก เขายิ้มให้คุณอย่างเอ็นดูเบาๆก่อนจะกลับมามีท่าทีเคร่งขรึมและจริงจังขึ้นเล็กน้อย
"การทดสอบนี้เธอก็แค่เข้าไปแล้วพูดคุยทักทายกับเขาแค่นั้นเองแหล่ะ คงพอจะทำได้ใช่มั้ย?"
"ได้แน่นอนค่ะ!"
เมื่อได้รับคำตอบแบบนั้นอีกฝ่ายก็ดูจะพอใจนิดหน่อยก่อนที่จะเอ่ยถามความพร้อมของคุณ ซึ่งคุณเองก็ตอบว่าพร้อมอย่างไม่คิดอะไร ดร.จัสตินเริ่มรู้สึกว่าการที่ให้เด็กไร้เดียงสามาทดสอบอะไรแบบนี้มันคงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่และอาจเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงจากมันได้ แต่หากเกิดอะไรขึ้นบุคลากรก็คงต้องรีบนำตัวคุณออกมาให้เร็วที่สุด...
ทุกอย่างได้เตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ว เขาอนุญาตให้คุณเอาตุ๊กตาที่พกมาเข้าไปได้เพราะคุณก็ต้องการเพื่อนเล่นยามพูดคุยกับเพื่อนใหม่ที่จะมาถึงนี้ คุณตื่นเต้นและอยากจะรู้ว่าพวกเขาจะให้คุณพูดคุยอะไร หรือคุณจะได้เพื่อนใหม่กัน? มันเป็นคำถามที่อยู่ในหัวของคุณ...
*ฟึ่บ*
ประตูห้องกักกันได้ถูกเปิดออก ซึ่งเนื่องจากห้องกักกันนี้มันถูกล็อคด้วยประตูถึงสามชั้นตลอดเวลายกเว้นการให้เข้าออกของบุคลการในการปฏิบัติหน้าที่หรือทำความสะอาดและการทดสอบ ตัวของคุณค่อยๆถูกวางลงอย่างช้าๆแล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆจูงมือพาคุณเดินเข้าไปข้างในห้องนั้น...
ภายในห้องกักกันนั้นก็ไม่ได้กว้างอะไรมาก ตรงกลางนั้นมีกล่องแก้วที่มีความหนาไม่ตํ่ากว่าสิบเซนติเมตร(4 นิ้ว) ซึ่งกล่องนี้ต้องอยู่ภายในห้องเหล็กกล้า ห้องเหล็กและฉาบด้วยตะกั่ว และทางฝั่งข้างๆก็มีร่างของชายคนหนึ่งในชุดนักโทษดีคลาสสีส้ม กับเส้นผมสีนํ้าตาลและสวมหน้ากากเซรามิกแปลกๆที่คุณไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่นัก เขาอยู่ในท่านั่งยกศอกวางบนโต๊ะและมือทั้งสองที่ประสานเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังนั่งรอหรือครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นแล้วมองมาทางคุณด้วยรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของหน้ากากนั้นพร้อมกล่าวทักทาย "ช่างหายากจริงๆเลยนะครับที่คุณจะมาที่นี่น่ะ โอ้! สวัสดีหนูน้อย! เธอคงจะเป็นเจ้าหญิงน้อยที่กล่าวถึงงั้นสินะ~" ชายคนนั้นพูดซึ่งคุณเองก็เข้าไปแอบหลบขาหลังของเคลฟด้วยความอายและไม่ค่อยคุ้นชินกับคนตรงหน้าเท่าไหร่ เขาดูแปลกจนคุณเองก็รู้สึกหวาดหวั่นนิดๆ
"โอ้! เธอไม่ต้องอายหรอกนะพริ้นเซส(Princess)~ เธอคงจะไม่คุ้นชินเท่าไหร่แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันไม่ทำอะไรเธออย่างแน่นอน~!"เขาพูดอย่างเป็นมิตร ซึ่งเคลฟรู้สึกไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาก
"035 ฉันหวังว่าแกคงจะไม่ทำอะไรเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสาหรอกนะ"
"ไม่เอาน่าพวกคุณ~ ผมทำอะไรเด็กคนนี้ไม่ได้หรอก ขืนทำดูสิผมคงต้องแย่แน่ๆ ไม่แคล้วอาจจะโดนพี่เลี้ยงไล่ตะกวดผมก็ได้~"เขากล่าวคล้ายขบขันติดตลกนิดหน่อย ดร.เคลฟค่อยๆผ่อนลมหายใจก่อนจะก้มมองคุณ
"เอาล่ะ ฉันจะให้เธออยู่คุยกับเขาสักพัก พอเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันจะเรียกเธอเข้าใจมั้ย?"
"เข้าใจแย้วค่ะพี่คาวบอย"
เมื่อได้รับคำตอบแบบนั้นเขาก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากนั้นจึงปล่อยมือของคุณและเดินออกจากห้องไป...
ตอนนี้ภายในห้องก็เหลือเพียงแค่คุณกับชายที่นั่งอยู่ตรงฝั่งตรงข้ามกับคุณ เขาลุกขึ้นแล้วเดินมาอีกฝั่งและค่อยๆเลื่อนเก้าอี้เพื่อบอกให้คุณนั่ง "มาสิครับพริ้นเซส มานั่งคุยกันจะดีกว่านะครับ~ ยืนแบบนั้นตลอดเดี๋ยวจะเมื่อยเอาได้นะ" เขาพูด ซึ่งคุณเองก็ขานรับแล้วตรงดิ่งขึ้นมานั่งบนเก้าอี้โดยมีชายหนุ่มเจ้าของหน้ากากเซรามิกนั้นค่อยๆเลื่อนเก้าอี้กลับเข้าไป...
ดูเหมือนว่าทางองค์กรจะจัดเตรียมเก้าอี้สำหรับเด็กให้คุณเอาไว้ก่อนแล้ว
"เอาล่ะ เรามาเริ่มจากการแนะนำตัวก่อนสินะ งั้นขอแนะนำตัวก่อนนะครับหนูน้อย ฉัน SCP-035 หรือ 035 ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ~"เขาแนะนำตัวอย่างเป็นกันเองและดูสุภาพ
"มาร์เชียน่า ไซเฟอรัสค่ะพี่035! เรียกหนูว่ามาร์(คุณ)ก็ได้นะคะ!"
"แหมๆ ช่างเป็นเด็กที่น่าเอ็นดูจริงๆเลยนะ~"ชายสวมหน้ากากกล่าวยิ้มร่าก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่การสนทนา
"ไม่ทราบว่าคุณหนูตัวน้อยมาที่นี่เพราะเหตุอะไรเหรอ"
"พวกพี่ๆเขาบอกว่าจะพาพวกพี่โครนอสมายังที่ๆปลอดภัยเพราะพวกเขาบอกว่ามีคนจะมาทำร้ายพวกพี่ของหนูค่ะ"
"โห! เป็นเหตุผลที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ แบบนี้ก็แย่น่ะสิ"SCP-035 กล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอกตัวเองคล้ายกับตกใจ แต่ทว่ามันกลับมีอะไรแอบแฝงอยู่จนคนที่เฝ้ามองอยู่นั้นสังเกตและรับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงดูออกว่าพวกเขาโกหกน่ะ
"ค่ะ! เพราะงั้นหนูก็เลยพยายามขอร้อฝห้พวกพี่เขามาให้ได้เพื่อความปลอดภัยของพวกพี่ๆของหนู!"
"แบบนี้นี่เอง เข้าใจล่ะ ถ้าอย่างงั้น...เรามาลองพูดคุยกันแลกเปลี่ยนดีมั้ย"
"พูดคุยแบบแลกเปลี่ยนงั้นหยอคะ?"
"ใช้แล้ว~ เธอถามฉันตอบ จากนั้นฉันถามเธอก็ตอบตกลงมั้ย~"
"ว้าว! น่าสนใจมากๆเลยค่ะ! ตกลงๆๆ! หนูจะทำค่ะ!"คุณกล่าวด้วยความตื่นเต้นกับการพูดคุยแบบแปลกใหม่ที่คุณไม่เคยได้รับรู้มาก่อน ถึงแม้ว่าพวกพี่เลี้ยงจะเคยสอนเรื่องพวกนี้แต่คุณเองก็ไม่เคยได้นำออกมาใช้จริงๆเลยนอกจากการเรียนรู้จากพวกพี่ๆของคุณ พอได้มาเจอของจริงแล้วมันก็อดที่จะรู้สึกยินดีและมีแววตาที่เป็นประกายไม่ได้เลย
035 ลอบมองคุณเพียงเล็กน้อย ใบหน้าที่เป็นหน้ากากรูปยิ้มนั้นเราอาจคาดเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น "งั้นเริ่มจากเธอก่อนเลยก็แล้วกันนะ~"
"อืม~ พี่ชายมีชื่ออื่นที่เรียกมั้ยคะ?"
"โอ้! ฉันมีหลายชื่อเลยล่ะเด็กน้อย มันมีเยอะมากเลยแต่คนในมูลนิธิแห่งนี้เขาเรียกฉันว่า SCP-035 น่ะนะ"เขาตอบกลับด้วยท่าทางชิลๆสบายๆ ถึงคุณจะสงสัยว่าทำไมต้องเป็นชื่อหมายเลขก็เถอะ
"ทำไมต้องเป็นชื่อหมายเยค(เลข)ล่ะคะ?"
"อะๆ ถึงตากระผมถามแล้วนะครับพริ้นเซส~ ไว้ค่อยถามหลังจากกระผมถามเสร็จดีกว่านะครับ~"พอได้ยินแบบนั้นคุณก็ทำต้องเงียบและอมลมพองแก้มเหมือนขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดีจนอีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ
"ทำไมถึงใช้นามสกุลไซเฟอรัสล่ะหนูน้อย? ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยนะ"เขาถาม
"เพราะพวกพี่โครนอสบอกให้หนูเปลี่ยนชื่อ ทั้งชื่อจริงและนามสกุลของหนูจะต้องเปลี่ยนเพื่อลืมเรื่องในอดีตค่ะ"คุณตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเขาเองก็พยักหน้าและบอกว่าเป็นนามสกุลที่แปลกดีแต่เขาก็ถามอะไรต่อไม่ได้เพราะต่อไปจะเป็นตาคุณแล้ว
"ถามคำถามเดิมค่ะว่าทำไมถึงเป็นชื่อหมายเยคหยอคะ?"
"นั่นสินะ~ คงเพราะมันจะเรียกง่ายกว่าการที่จะต้องมาตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติน่ะนะครับ เพราะมันก็ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวนี่ที่จะเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติน่ะนะ"เขาตอบกลับตามความเป็นจริงแต่ก็ยังคงความสุภาพและความเป็นมิตรเช่นเดิม
"สิ่งเหนือธรรมชาติหยอคะ? งั้นก็คือ...แฟนตาซี!!"คุณพูดออกมาอย่างตื่นเต้นอีกครั้งและขยับมือไปมาราวกับว่าสิ่งที่คุณได้ยินนั้นไม่ได้หูฝาดหรือฝันไป พวกสิ่งเหนือธรรมชาตินั้นมักจะแตกต่างจากมนุษย์หรือบางตนก็มีพลังวิเศษไปเลย คุณเคยดูหนังหรือพวกการ์ตูนแนวนี้ไม่ก็นิยายมาตั้งแต่เด็กก็รู้สึกชื่นชอบมากๆ
พวกแฟนตาซีมีจริง! สุดยอดเยย!!
"จะคิดแบบนั้นก็ได้นะหนูน้อย~ ตาเธอแล้วนะ"
"พี่035ก็เป็นแฟนตาซีเหมือนกันใช่มั้ยคะ? แล้วพี่เป็นอาไยหยอคะ?"คุณถามอย่างกระตือรือร้นและต้องการคำตอบจากเขามากๆ เพราะหากเป็นแบบนั้นจริงหมายบความว่าคนตรงหน้าก็เช่นกัน
"ฉันเป็นหน้ากากน่ะพริ้นเซส เป็นหน้ากากที่ไม่สามารถเดินหรือพูดได้(?)แค่นั้นเองนอกจากว่าจะมีคนมาสวมฉันเท่านั้น"เขาตอบอย่างรื่นเริงแต่คนด้านนอกที่ได้ฟังนี่เป็นต้องเบะปากมองบนกันเป็นแถวเลยทีเดียว...
ตอแหล! ใครเข้าไปนี่เป็นจิตหลอนกันเพราะเมิงคนเดียวอ่ะแหล่ะ!
"แล้วความสามารถล่ะคะ! อะ ไม่ได้ๆ! ต้องพี่ถามต่อก่อน!"คุณที่หลุดถามก็เพิ่งนึกขึ้นได้จริงรีบแก้ทันทีจนอีกฝ่ายต้องหลุดขำออกคล้ายจะเอ็นดู
"ฮะๆ ก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะพริ้นเซส ถ้าอย่างงั้น..."
หลังจากนั้นพวกคุณทั้งคู่ก็พูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เขาถามถึงชื่อเดิมของคุณซึ่งคุณเองก็ตอบกลับไปว่าชื่อจริงของคุณนั้นคือใคร ซึ่งเขาบอกว่มันเป็นชื่อที่ดีแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถเรียกคุณด้วยชื่อเดิมได้เพราะเนื่องจากคุณได้เปลี่ยนชื่อและนามสกุลไปแล้ว...
บทสนทนานั้นดูๆไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรมาก ไม่ได้เหมือนการถามคำถามเดิมๆที่เขาเคยพบเจอมาบ่อยๆจนน่าเบื่อ บางทีคุณก็ถูกเขาแกล้งถามมากกว่าหนึ่งจนคุณต้องอมลมพองแก้มเหมือนหนูแฮมสเตอร์ไปเลยและมีโวยนิดๆ แต่คุณก็สามารถเอาคืนได้โดยการถามคำถามมากกว่าหนึ่งเล่นเอาชายหนุ่มเจ้าของหน้ากากเซรามิกถึงกับหัวเราะแล้วยื่นมือมายีผมคุณอย่างหมั่นเขี้ยว...
แต่พอเป็นคำถามเรื่องครอบครัวของคุณ...คุณบอกเขาเหมือนกับที่คุณเคยเล่าให้ดร.เกียร์ฟังว่าชีวิตของคุณเจออะไรมาบ้าง พ่อของคุณก็หย่าขาดกับแม่ของคุณไปแล้วและคุณก็ต้องอาศัยอยู่กับแม่ที่คอยใช้แรงงานเธอและบังคับให้เธอทำนู่นนี่นั่น...
"คุณแม่มักจะอารมณ์เสียทุกครั้งหากว่าหนูไม่สามารถหาเงินมาให้ท่านได้ แต่ตอนนี้หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ! เพราะหนูได้เจอกับพวกพี่โครนอสแล้วพวกพี่เขาก็ใจดีมากๆ!"ขณะที่คุณเล่านั้นคุณก็ไม่สามารถรับรู้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติตรงหน้าได้เลย หน้ากากของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าอันบูดบึ้ง และไม่สามารถคาดเดาได้ว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอย่างไรตั้งแต่ที่คุณบอกเรื่องชีวิตครอบครัวเก่านั้น...
"พวกพี่เขาไม่มีชื่อหนูก็เลยช่วยพวกพี่เขาตั้งชื่อซะเลย! พวกพี่เขาทั้งใจดี! น่ารัก! แถมยังสอนหนังสือหนูอีกด้วย! ตั้งแต่เด็กหนูก็ไม่เคยเรียนหนังสือมาก่อนเพราะหนูจะต้องช่วยคุณแม่ทำงานเลยไม่มีโอกาสได้เรียนแบบเพื่อนๆคนอื่น อ้อๆๆ! พวกพี่โครนอสยังมักจะซื้อตุ๊กตาหรือพวกของเล่นไม่ก็ของขวัญมาให้หนูทุกครั้งที่กลับมาจากการทำงานในทุกๆอาทิตย์ค่ะ!"คุณยังคงเล่าเรื่องราวในชีวิตในปัจจุบันต่อไปอย่างมีความสุข เพราะสิ่งที่คุณได้พบเจอนั้นมันช่างวิเศษ...
"ถึงพวกพี่โครนอสจะไม่ค่อยพูดก็ตาม แต่ว่า...พวกพี่เขาก็ไม่เคยบังคับหนู! พวกพี่ไม่เคยบอกให้หนูทำงานแบบคุณแม่! พวกพี่เขาตามใจหนู! แต่บางทีถ้าหนูดื้อมากๆก็อาจจะโดนดุเล็กน้อยไม่ได้ทำอะไรมากค่ะ! พวกพี่ไม่เคยตีหนู! ไม่เคยทุบตีหนูเป็นการลงโทษแบบคุณแม่! พวกพี่เขาคือพี่ชายและพี่สาวที่ดีที่สุดและรักมากที่สุดพอๆกับคุณพ่อเลยค่ะ!"หลังจากที่คุณเล่าจบรอยยิ้มก็ได้ปรากฎบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่ทั้งสดใส บริสุทธิ์และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขมากล้นจนคุณไม่อาจบรรยายได้...
ตั้งแต่ที่คุณได้พบกับพวกพี่เลี้ยง...คุณก็สัมผัสได้ถึงอิสรภาพ...
แม้พวกเขาจะดูน่ากลัวนิดๆแต่พวกเขาก็เป็นคนที่ช่วยดึงคุณออกมาจากสิ่งอันตราย หากคุณไม่พบเจอพวกโครนอสป่านนี้คุณก็คงกลายเป็นเด็กไร้บ้านที่เร่ร่อนไปตามถนนแน่ๆ...
คุณมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับพวกเขา...พวกเขาไม่เคยทุบตี ไม่เคยดุด่าสาดเสียเทเสีย ไม่เคยแม้กระทั่งบังคับให้คุณทำในสิ่งที่ไม่ชอบนอกจากว่ามันจำเป็นจริงๆ พวกเขาคอยสอนคุณเสมอ...
พวกเขาคือ 'ครอบครัว' ของคุณ...
"ฉันขอแสดงความยินดีที่เธอได้พบเจอกับครอบครัวใหม่ด้วยนะพริ้นเซส"035 ที่ได้ยินที่คุณเล่าจนจบนั้น ใบหน้าก็กลับมาเปื้อนยิ้มอีกครั้งและมีนํ้าเสียงที่แสดงถึงความยินดีอย่างไม่ปิดบังพร้อมทั้งยังปรบมือแสดงความยินดีอีกด้วย
ในทางด้านของคนด้านนอกเคบฟที่เคยฟังเรื่องราวของคุณตอนสัมภาษณ์กับดร.เกียร์นั้นเขารู้ดี แต่พอมายิ่งฟังอีกทีเขากลับยิ่งรู้สึกโกรธแทนเด็กคนนี้มากๆแต่เมื่อฟังเรื่องของครอบครัวปัจจุบันเขาเองก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้เหมือนกัน แต่ทว่า...ถึงอย่างไรทั้งเด็กคนนี้และพวกโครนอสก็แตกต่างกัน...
ดร.จัสตินเมื่อได้ฟังเรื่องราวก็ทำเอาเขาแทบจะหยุดเขียนแต่ก็ยังคงนั่งฟังต่อไปจนได้รู้ว่าชีวิตของเด็กในคนนี้ในตอนที่ยังเป็น [ชื่อคุณ] พาร์กินสัน นั้นมันช่างลำบากแค่ไหนจนเขาเองก็รู้สึกว่าการกระทำของคนเป็นแม่ของคุณน่ะมันช่างโหดร้ายเกินความเป็นมนุษย์ไปอีกมาก ส่วนการ์ดทั้งสองต่างก็มองหน้ากันและไม่อาจรู้ได้ว่าสีหน้าภายใต้หมวกนั้นเป็นอย่างไร...
"ฉันรู้สึกดีมากๆเลยล่ะนะที่ได้คุยกับเธอน่ะพริ้นเซส~ วันนี้คุยสนุกมากเลย ไม่เคยคุยอะไรกับใครสนุกแบบนี้มานานแล้วนะ~"เขากล่าวขึ้นอย่างแจ่มใส
"หนูเองก็สนุกที่ได้คุยเหมือนกันค่ะ! พี่ชายคือเพื่อนใหม่ที่คุยแล้วสนุกมาก! ไว้ครั้งหน้าหนูจะมาเล่นกับพี่035ด้วยนะคะ!"คุณพูดและหวังว่าจะได้เล่นกับเขาสักครั้ง
"แน่นอนสิ! ถ้าทางมูลนิธิเขาอนุญาติน่ะนะ~ เราคงได้เจอกันอีกแน่นอน~ แต่ดูเหมือนว่าเวลาของเราใกล้จะหมดแล้วล่ะ"
-"SCP-[หมายเลขของคุณ] กรุณาออกมาจากห้องกักกันของ SCP-035 ด้วยครับ"-
"หวา...หมดเวลาแล้วหยอ..."ครั้นเมื่อคุณได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกเศร้านิดหน่อย เพราะถึงมันจะผ่านมาเป็นชั่วโมงและแต่สำหรับคุณแล้วมันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วมากจนเหมือนได้คุยกันเพียงแค่สองถึงสามประโยคเอง
"ไม่เอาน่าพริ้นเซส ยังไงพวกเราก็ยังคงได้เจอกันอีกแน่นอนในสักวันนึงน่ะนะ"หน้ากากนั้นกล่าวคล้ายกับพยายามปลอบโลมเด็กน้อยขี้เหงาอย่างคุณ เื่อคุณได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของคุณก็ดูจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง
"จริงหยอคะ? หนูสามารถมาพบพี่035ได้จริงๆหยอค?"
"จริงสิ! ถ้าทางมูลนิธิอนุญาตให้เธอมาพบฉันได้ล่ะก็...ไว้เรามาเล่นด้วยกันนะ~"เขาพูดขณะยกมือขึ้นเหมือนเชิงการแสดงออกความยินดี แต่แล้วคุณก็โผล่เข้าสวมกอดที่เอวของเขาด้วยความรวดเร็วอย่างดีใจจนชายหนุ่มถึงกับเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นใบหน้าที่สอง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการบูดบึ้งหรือไม่พอใจอย่างไร
"หนูจะมาหาพี่แน่นอนค่ะ! พี่พูดแล้วนะคะว่าจะมาเล่นกับหนู! สัญญาแล้วนะคะ!"
".........."
"แน่นอนสิ"
"ไว้เรามาเล่นด้วยกันนะพริ้นเซส"
หลังจากที่สิ้นสุดการทดสอบระหว่างคุณกับ SCP-035 แล้ว คุณก็ได้เดินออกมาจากห้องกักกันและตรงดิ่งเข้ามาสวมกอดขาของดร.เคลฟอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่มีการพูดคุยกันเล็กน้อยหลังจากนั้นเคลฟก็ได้ขอตัวพาคุณกลับไปยังห้องพักทันทีโดยเหลือเพียงแค่ดร.จัสตินกับการ์ดอีกสองคนที่ยังคงอยู่ในห้องกักกันข้างนอกนั้น...
"ไม่นึกเลยว่าฉันจะได้เห็นอีกมุมนึงของคุณนะ SCP-035"เขาพูดแล้วจ้องมองมายังเจ้าวัตถุระดับคีเตอร์ที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องเช่นเดิมขณะที่ยกมือขึ้นประสานไว้ที่หน้าตักเหมือนกำลังฟังสิ่งที่คนด้านนอกพูดอยู่
"แหม~ ก็เด็กน้อยคนนั้นน่ารักน่าเอ็นดูนี่นา~ จะไม่ให้ฉันเอ็นดูบ้างไม่ได้เหรอ~"มันพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรและดูจะไม่คิดอะไรมากด้วยในขณะที่ดร.จัสตินยังคงยืนมองมาทางเขาด้วยความฉงนเล็กน้อย
"ฉันขอถามอะไรหน่อย....คุณได้สะกดจิตอะไรเธอหรือเปล่า..."คำถามของดร.จัสตินได้เอ่ยขึ้น เพราะคนในมูลนิธิที่ทำงานในไซต์นี้หรือนักวิจัยนอกไซต์บางส่วนต่างก็รู้ดีว่ามันมีความสามารถในการสะกดจิตและสร้างภาพหลอนให้คนเหล่านั้นได้ และวีรกรรมของมันก็สร้างความหวาดผวาจนไม่อยากจะเข้าใกล้ด้วยซํ้า
หากมีมนุษย์ที่เข้าไปในเขตของมัน...มันก็สามารถชักจูงและเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจอย่างเต็มที่และฉับพลัน บางคนก็ถึงขั้นฆ่าตัวตายและบางคนก็ถึงขั้นทำร้ายทั้งคนรอบข้างและคนอื่นๆไปด้วย มันสามารถเปลี่ยนสภาพจิตใจให้เป็นไปตามที่เขาต้องการได้ ดังนั้นแล้วหากเป็นเด็กก็คงจะสามารถชักจูงได้ไม่ยาก..
"พวก...ฉันไม่สามารถสะกดจิตพริ้นเซสได้"คำตอบของคนด้านในนั้นก็ทำเอาจัสตินต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจและอึ้งเมื่อได้ยินแบบนั้น สิ่งที่ได้รับมันเกินความคาดหมายเอาไว้
"คุณหมายความว่ายังไง?"
"มันก็จริงอยู่ที่ฉันสามารถสะกดจิตมนุษย์ให้เป็นไปตามที่ต้องการได้แม้กระทั่งเด็ก ยังไงพวกคุณก็รู้ความสามารถของฉันดีนี่จริงมั้ย? ฉันสามารถที่จะสะกดจิตให้เด็กที่มีประโยชน์นั้นทำตามที่ฉันต้องการเพื่อออกไปจากที่นี่ได้เช่นกัน"SCP-035 บอกจากนั้นนํ้าเสียงของเขาก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความจริงจัง...
"แต่เด็กคนนี้พิเศษกว่า...เมื่อครู่ฉันก็ลองสะกดจิตให้เด็กคนนี้กลายเป็นอารมณ์เศร้าจนถึงขั้นร้องให้"
"และมันช่างน่าเสียดายที่เธอสามารถต่อต้านพลังของฉันได้ สุดท้ายฉันก็ทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดีแหล่ะนะ~ แต่ถ้าขืนยังพยายามสะกดจิตเธอต่อไปยังไงฉันคงไม่แคล้วจะโดนพวกพี่ของพริ้นเซสไล่ฆ่าฉันก่อนน่ะสิ~"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น