[SHORTFICTION
YONNGHWA - SEOHYUN]
THE
WINTER STORY
กาลครั้งหนึ่ง
หญิงสาวเจ้าของร่างสูงเพรียว ใบหน้าหวานจิ้มลิ้ม
พวงแก้มกลมใส
ริมฝีปากอิ่มเต็มสีชาด และผมดำยาวสยายดุจสีน้ำหมึก
เดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ริมแม่น้ำที่ขึ้นชื่อเรื่องความโรแมนติกแห่งหนึ่งอย่างไม่สะทบสะท้านกับลมหนาวที่พัดมาปะทะผิวกายตลอดเวลา เธอคือยัยโง่ ‘ซอจูฮยอน’
ที่พึ่งโดนหัวหน้าเฉ่งยับเรื่องโปรเจคใหม่ของบริษัทที่ยังไม่เรียบร้อยในความคิดของหัวหน้า
เธอคือยัยโง่ที่อาจจะกำลังป่วยจนลุกไม่ขึ้นในวันพรุ่งนี้ถ้ายังเดินตากลมเหมือนนางเอกซีรี่ย์น่าโง่แบบนี้อีกซักห้านาที เธอคือยัยโง่ที่กำลังจมอยู่กับเรื่องเก่าๆ
คนเก่าๆ และความรักเก่าๆ
ทั้งๆที่รู้ว่าการคิดถึงมันจะทำให้ต้องกลับไปนอนร้องไห้ทั้งคืนเหมือนคนโง่
แต่ก็ยังคงปล่อยให้ก้อนไขมันในหัวคิดถึงมันอย่างโง่เง่า
เอาล่ะ
ถ้าคุณรู้สึกว่าคำว่า ‘โง่’ ในย่อหน้าเมื่อครู่มันมากเกินไปแล้วล่ะก็ งั้นเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า
ฉันคือ ‘ซอจูฮยอน’ ยัยผู้หญิงที่ถูกบรรยายให้โง่บรมจนน่าไปเอาหัวมุดชักโครกฆ่าตัวตายในย่อหน้าเมื่อกี้ ถึงวันนี้จะใส่เสื้อสีเหลืองที่รายการโทรทัศน์ของหมอตั๊กฟันธงบอกว่าเป็นสีนำโชคและราศีเกิดจะอยู่ในเกณฑ์มีดวงรวยเละ แต่คุณก็รู้ความซวยมันไม่เข้าใครออกใคร
ฉันโดนหัวหน้าเฉ่งยับเรื่องโปรเจคบริษัทที่เสร็จไม่ทันใจหัวหน้า แถมยัยแก่ลงพุงพอกหน้าหนาเตอะเหมือนจะขึ้นโรงเล่นงิ้นตลอดเวลานั่นยังขู่อีกว่าถ้ามีคราวหน้าอีกให้ฉันเตรียมตัวเก็บข้าวของย้ายก้นออกจากบริษัทได้เลย ถ้าคุณคิดว่าแค่นั้นมันเฮงซวยแล้วล่ะก็
… คุณคิดผิด
ระหว่างที่กำลังยืนรอรถประจำทางเพื่อพาสาระร่างอันยับเยินกลับบ้านโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากลับสั่นไม่หยุดเหมือนถ้าฉันไม่หยิบมันออกมาดูจะต้องมีพ่อใครแถวนี้ตายยังไงยังงั้น
พอปลดล็อคแล้วเห็นหน้าจอเท่านั้นแหละคุณ ลมแทบจับ
เอ๊า แมร่งเอ๊ย ลืมปิดสามจี
ฉิบหายล่ะซอจูฮยอน
โปรอินเตอร์เน็ตหมดวันนี้พอดีซะด้วยแบบนี้เงินในโทรศัพท์ที่เติมไว้เป็นร้อยเป็นพันก็หมดไปแบบเปล่าๆปลี้ๆเลยน่ะสิ! แต่ที่น่าหงุดหงิดกว่าสามจีคือแชทไลน์ของฮวังมิยองคนชอบอวดผัวที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอต่างหาก โปรไฟส์คู่กับหนุ่มหล่อลูกครึ่งที่แม่เจ้าประคุณมาอวดไว้คราวก่อนที่เจอกันว่าเป็นว่าที่พ่อของลูกในอนาคตมันขัดลูกหูลูกตาจนอยากจะกดบล็อคแม่นี่ทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด
ฟานี่คนอินเลิฟ :
อีซอ! วันนี้กูไปเดินฮงแดมา Read 22:11
ฟานี่คนอินเลิฟ
: มึงรู้มั้ยกูเจออะไร!! Read 22:11
ข้อความนั้นถูกเน้นให้ดูน่าตื่นเต้นด้วยสติกเกอร์ไลน์รูปกระต่ายโคนี่ทำหน้าช็อค
ฟานี่คนอินเลิฟ : กูเจออดีตของมึงเดินกับคนอื่น! Read 22:12
ข้อความที่ถูกส่งมาในโปรแกรมแชททำให้อากาศรอบตัวเหมือนจะอุณหภูมิลดลงไปอีกหลายองศา ฉันรู้สึกเหมือนโดนน้ำแข็งสาดหน้ากลางหน้าหนาวยังไงยังงั้น แขนชา หน้าสั่น
ขนาดรถเมล์สายแปดศูนย์ที่รอมาแสนนานมาจอดเทียบท่ายังไม่มีแรงจะก้าวขึ้นไปเลย มันเจ็บ
เจ็บปวดเหมือนจะตายซะให้ได้
แน่ล่ะ ยัยมิยองที่นอกจากชอบอวดผัวยังชอบเผือกเรื่องชาวบ้านไม่ได้มารับรู้ความรู้สึกของฉันตอนนี้ด้วยแม่เจ้าประคุณถึงได้ยิ่งตอกย้ำให้ฉันชาหนึบไปทั้งตัวด้วยรูปถ่ายเบลอๆที่เจ้าหล่อนคงแอบถ่ายมาของ
‘เขา’ กับ ‘ใคร’ อีกคน
...
ภาพของคนในอดีตของฉันกับปัจจุบันและอนาคตของเขา
ฉันยัดโทรศัพท์กลับลงไปในกระเป๋า
กลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาอยู่มะรอมมะร่อไว้อย่างสุดความสามารถ
ก่อนขาสองข้างมันจะพาตัวเองออกเดินอย่างไร้จุดหมาย เข้าใจความรู้สึกของนางเอกMVขึ้นมาทันทีว่าทำไมเวลาโดนผัวทิ้งถึงต้องเดินร้องไห้ รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ตรงนี้ซะแล้ว ริมแม่น้ำที่กำลังจะจับตัวเป็นน้ำแข็งเพราะอุณหภูมิที่ใกล้ติดลบ
“ฮัดชิ่ว!”
ฉันจาม
น้ำมูกเหนอะๆเปรอะอยู่เต็มจมูก
ก่อนความรู้สึกจะยิ่งดิ่งลงเหวเมื่อตระหนักได้ว่ากาลครั้งหนึ่งเคยโดนใครคนนั้นขอคบที่ริมแม่น้ำเฮงซวยนี่ ในวันที่อากาศหนาวจัดแบบนี้ วันนั้นหิมะแรกของปีโปรยปรายลงมา บรรยากาศที่แสนโรแมนติกเหมือนภาพฝันทำให้เราเผลอไผลแลกจุมพิตหวานละมุนที่จนเดี๋ยวนี้ก็ยังคงตราตรึงอยู่ในความรู้สึกของฉัน
เขาบอกกับฉันว่าพระเจ้าบนสวรรค์กำลังอวยพรให้ความรักของเรา
...
พรห่าเหวอะไรล่ะ หลังจากนั้นห้าเดือนรักของเราล่มไม่เป็นท่า
ฉันเป็นฝ่ายบอกเลิกเขาก่อนเพราะเบื่อกับการทะเลาะซ้ำซากที่ทำให้เราทั้งคู่ประสาทไปตามๆกัน ตอนนั้นเขาร้องไห้จะเป็นจะตาย ขอโทษฉันเสียยกใหญ่ บอกว่าอยากกลับมาเป็นเหมือนเดิม บอกว่าถ้าไม่มีฉันเขาคงอยู่ต่อไปไม่ได้ ไงล่ะ
หนึ่งปีต่อมาใครกันที่เริ่มใหม่ได้ก่อน
ใครกันที่ไปเดินจูงมือกระหนุงกระหนิงกับเด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มที่ไหนก็ไม่รู้ อ่อใช่แล้ว
‘เด็กผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้ม’
ฉันไม่ได้พิมพ์ผิดและสายตาของคุณไม่ได้บกพร่องหรอกท่านผู้อ่านที่เคารพ
ใครจะไปเชื่อว่าผู้หญิงที่ถ้าเป็นในนิยายแปลจีนที่พึ่งอ่านจบจะต้องบรรยายว่า
หุ่นอรชรอ้อนแอ้นเหมือนกิ่งหลิว
ปากบางดุจดอกเหมยแรกแย้ม
คิ้วโก่งเหมือนคันศร งามจนคนมองเกือบลืมหายใจอย่างซอจูฮยอนคนนี้จะโดนแฟนเก่าเมินแล้วหันไปควงผู้ชายด้วยกัน
...สงสัยจะได้เอาหน้ามุดชักโครกตายจริงๆก็คราวนี้ล่ะมั้ง
“โว๊ย!”
ฉันตะโกนปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดทั้งมวลไปกับอากาศเย็นจัดกับสายลมเอื่อยๆที่แทบทำให้รูขุมขนอุดตันด้วยน้ำแข็ง
ฉันก้มหน้ามองลงไปในแม่น้ำที่กำลังจะจับตัวเป็นน้ำแข็ง เงาสะท้อนที่อยู่บนผิวไหวเป็นระลอกคลื่นคือเงาของฉันเอง ยัยโง่ที่ต่อให้คนทั้งโลกเดินจากไปเธอก็จะยังยิ้มให้ฉันเสมอ ฉันพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ลมหายใจร้อนๆเมื่อปะทะเข้ากับอากาศเย็นจัดภายนอกจับตัวกันกลายเป็นไอน้ำคลุ้งอยู่ในอากาศ นาฬิกาบนข้อมือกำลังบอกฉันว่าตอนนี้เป็นเวลา 23.50 น. จบไปอีกวันสำหรับชีวิตป่วงๆของซอจูฮยอน
เอาล่ะฉันคิดว่าตัวเองควรจะกลับบ้านได้แล้วก่อนที่เลือดจะจับตัวแข็งและยืนช็อกตายอยู่ตรงนี้ และตอนนั้นเอง....
23:51
PM
ฉันหมุนตัวกลับเพื่อพบว่าตัวเองจะไปชนกับใครบางคนที่เดินเซ่อซ่ามาหยุดอยู่ด้านหลังตัวเองพอดี ที่ก็มีตั้งเยอะนะดันมายืนให้ฉนชนซะได้ ในฐานะที่เขาหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ฉันจะให้เกียรติเรียกมันว่าพรหมลิขิตก็แล้วกันนะ
23:52
PM
กาแฟที่ยังกรุ่นไอร้อนของเขาหกกระจายเพราะแรงกระแทก
แล้วก็โป๊ะเชะเลอะเต็มโค้ทสีเหลืองของเขาที่รายการโทรทัศน์เมื่อเช้าบอกว่าเป็นสีนำโชคของฉัน
23:53
PM
หน้าหล่อๆของเขาชักดูหงุดหงิดงุ่นง่านขึ้นทุกที เดี๋ยวนะ
ฉันว่าไอ้หนุ่มหน้ามลคนนี้มันดูหน้าคุ้นๆยังไงชอบกล
23:54
PM
“เธอรู้มั้ยว่าโค้ทของฉันราคาเท่าไหร่!”
23:55 PM
“เธอจะรับผิดชอบยังไงไม่ทราบ!”
นึกออกแล้ว!
ถ้าคุณกำลังถามหาพระเอกของฟิคชั่นเรื่องนี้อยู่ล่ะก็
ยินดีด้วยคนที่คุณก็รู้ว่าใครเขายืนอยู่ตรงนี้แล้ว...
23:56 PM
“จองยงฮวา! นายคือจองยงฮวาใช่มั้ย!!”
“ห...หา?”
“ฉันเอง
ซอจูฮยอนหัวหน้าห้อง ป.6/3 ไง!”
ใครจะไปคิดว่าไอ้อ้วนจองยงฮวาเมื่อเกือบสิบปีที่แล้วจะโตขึ้นมาหล่อเฟี้ยวเปรี้ยวซ่าขนาดนี้
23:57 PM
“จูฮยอน....”
ยงฮวาทำน่านึกอยู่นานกว่าจะพึมพำคำว่า
“อ๋อ” ออกมาในที่สุด
23:58 PM
“ยังดูโง่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะเธอน่ะ”
23:59 PM
หิมะแรกของปีโปรยปรายลงมา
มันคงโรแมนติกน่าดูถ้าจองยงฮวาที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันไม่ได้กำลังยืนทำหน้าตาอ้อนมืออ้อนเท้าเหลือเกินแบบที่กำลังเป็นอยู่
00:00 AM
จบวันป่วงๆของซอจูฮยอนลงอีกหนึ่งวัน
00:01 AM
“ไหนๆก็ดวงซวยมาเจอเธอแล้ว”
“...”
“ไปหาอะไรดื่มด้วยกันหน่อยมั้ย”
และเรื่องราวของเราได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากนั้น...
THE
END
SF
ชั่ววูบค่ะ เกิดจากลมหนาวและความเดียวดายล้วนๆ 5555
ปล. ลมหนาว... โอ้ว ไร้เตอร์คะ ที่เมืองไทยแถวบ้านเราลมหนาวไม่ผ่านเลยค่ะฮือๆๆ