[SF Yonghwa - Seohyun]
Angel
นางฟ้า
“เธอคนที่ฉันไม่อาจสัมผัส ไม่อาจกอดไว้ในอ้อมแขน
แม้หลับตาลงมันก็เหมือนสิ่งเร้นลับที่ไม่อาจฝันถึง
ไม่รู้ว่าจะจรดปากกาเขียนเรื่องราวของเธอให้จบลงอย่างไร
ยิ่งปรารถนาเท่าไหร่ เรื่องราวแสนเศร้านี้ก็ยิ่งเจ็บปวด”
Moonlight – EXO(Chinese Version)
Cr. L Rabbie
ภาพคืนนั้นยังคงติดตา เสียงความวุ่นวายที่ดังรายล้อมอยู่รอบตัวยังคงติดตรึงอยู่ในทุกห้วงลมหายใจแม้วันเวลาจะร่วงเลยมาแล้วถึงสามปี เขายังจำเสียงของตัวเองที่ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดได้แม่นยำ
“คนไข้คลอดแล้วครับ คุณได้ลูกสาว...”
“แล้วเมียผมละหมอ เมียผมเป็นยังไงบ้าง!”
“หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ....คนไข้เสียเลือดมากและมีภาวะครรภ์เป็นพิษทำให้...”
“พูดเ หี้ ย อะไรของมึง! มึงเป็นหมอไม่ใช่เหรอเป็นหมอก็ต้องรักษาคนไข้สิ!!”
“หมอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วครับ”
“ฮึก....ไม่จริง....ไม่...”
แม้กระทั่งเสียงร้องไห้ก็ยังไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำ...
ยงฮวาผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง เหงื่อเย็นๆผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าทั้งที่ในห้องอากาศเย็นฉ่ำเพราะลมหนาวที่พัดโชยเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ดวงตาคมหันไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเข็มยาวกับเข็มสั้นบนหน้าปัดกำลังบอกให้รู้ว่าเวลายังไม่ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่อย่างที่คิด
........ขนาดยานอนหลับก็ยังเอาไม่อยู่อีกงั้นเหรอ อาการของเขามันชักจะหนักขึ้นทุกที
ยงฮวามีอาการนอนไม่หลับ เป็นติดต่อมาแบบนี้เกือบสามปีเต็มจนหมอต้องสั่งยานอนหลับให้เพราะร่างกายทรุดโทรมลงจากการทำงานหนักและพักผ่อนไม่เพียงพอ หมอบอกว่าอาการของเขาเกิดจากความฝังใจจากการสูญเสียภรรยา และจะค่อยๆดีขึ้นเองถ้าได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างและการเข้ารักษาอย่างต่อเนื่อง แต่ยงฮวารู้ดีว่ามันเปล่าประโยชน์ ทุกอย่างในคืนนั้นยังติดแน่นอยู่ในความทรงจำ ฝังลึกอยู่ในหัวใจราวกับรอยเปื้อนบนผ้าขาวที่จะไม่มีวันซักออก มันจะค่อยๆกัดกินและทรมารเขาไปจนวันตาย....
“พ่อคะ”
เสียงเรียกปนสะอื้นดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องที่ถูกมือเล็กๆผลักเปิดออก ยงฮวาหันไปมองทางต้นเสียงก่อนจะคลี่ยิ้มบนริมฝีปากหนาเมื่อร่างเล็กๆของเด็กหญิงวัยสามขวบเดินเข้ามาหาพร้อมกับตุ๊กตากระต่างที่แทบจะตัวเท่ากับเด็กหญิง
“ยังไม่นอนอีกเหรอแทยอน พรุ่งนี้เราต้องไปหาแม่กันแต่เช้านะ”
“หนูฝันร้ายอีกแล้ว”
แทยอนพูดขณะกำลังพยายามใช้ขาสั้นๆปีนขึ้นมาบนเตียงของเขา
“พ่อเล่านิทานให้ฟังหน่อย”
เสียงอ้อนๆของลูกสาวทำให้ยงฮวายิ้มกว้าง ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามากอด กดจมูกโด่งหอมลงบนแก้มยุ้ยไปฟอดใหญ่
“งั้นเอาเรื่องเจ้าหญิงนิทราดีมั้ย”
“ก่อนหนูเข้านอนพ่อเล่าไปแล้วนี่”
แทยอนพูดขณะโดนคนเป็นพ่อจับให้นอนลงบนเตียง ก่อนแขนเล็กจะเปลี่ยนจากกอดตุ๊กตาคุณกระต่ายมากอดร่างหนาของคุณพ่อตัวโตแทน
“สโนไวท์?”
“เรื่องนี้พ่อก็เคยเล่าแล้ว”
“บ้านขนมหวาน”
“พ่อเคยเล่าแล้ว”
“งั้นแทยอนของพ่ออยากฟังเรื่องอะไรล่ะ”
“...”
“...”
“พ่อเล่าเรื่องคุณแม่ให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”
“...”
“นะๆๆ”
“ไม่เอาหรอก”
“ทำไมล่ะคะ”
“เพราะพรุ่งนี้เราต้องรีบไปหาคุณแม่กันแต่เช้าไง แทยอนของพ่อต้องนอนได้แล้วนะ”
โชคดีที่แทยอนไม่ใช่เด็กดื้อ หัวทุยพยักหน้ารับรู้ก่อนจะผล็อยหลับไปเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดอุ่นๆของผู้เป็นพ่อ โชคดีที่เขาอดทนได้จนกระทั่งลูกหลับ เพราะมันคงไม่ดีซักเท่าไหร่นักถ้าปล่อยให้เด็กหญิงเห็นว่าพ่อของตัวเองกำลังร้องไห้....
20%
ช่อกุหลาบขาวถูกวางลงตรงหน้าป้ายหินสีเทาหม่น ตัวอักษรที่สลักเป็นชื่อของร่างที่หลับอย่างสงบอยู่ที่นี่ทำให้ขอบตาของยงฮวาร้อนผ่าว และเรียกให้หยดน้ำอุ่นไหลเอ่อท้นออกมาจากดวงตาคู่คม เขากำลังจะร้องไห้ และคงจะร้องออกมาจริงๆถ้าไม่มีมือเล็กๆของเด็กหญิงวัยสามขวบเอื้อมมาจับแขน
“คุณแม่อยู่ตรงนี้เหรอคะ”
แทยอนถามดวงตากลมใสแจ๋วจ้องมองป้ายหินตรงหน้าอย่างใคร่รู้ ก่อนนิ้วเล็กๆจะจิ้มลงไปบนอักษรภาษาเกาหลีที่สลักเป็นชื่อของผู้เป็นแม่ที่ตนไม่เคยเจอ
“เขียนว่าอะไรเหรอคะพ่อ”
“ชื่อของแม่หนูไงคนเก่ง”
ยงฮวาย่อตัวลงนั่งให้เท่ากับความสูงของเด็กหญิงพลางวางมือลงบนหัวทุยอย่างรักใคร่
“แม่ชื่ออะไรเหรอคะ”
ยงฮวาหายใจผิดจังหวะไปชั่วขณะเพราะคำตอบของเด็กน้อย แทยอนพึ่งสามขวบเด็กอายุเท่านี้ยังอ่านหนังสือไม่ออกไม่ใช่เรื่องแปลก แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของแม่ตัวเอง ยงฮวาไม่เคยเอ่ยชื่อภรรยาให้ลูกได้ยิน ไม่เคยเลยซักครั้งตั้งแต่เธอจากไปเมื่อสามปีก่อน เพราะกลัวเหลือเกินว่าความทรงจำในอดีตจะทำให้ตนอ่อนแอ จะทำให้พ่อผู้เข้มแข็งของลูกสาวกลายเป็นพวกขี้แพ้ เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้สิ่งล้ำค่าอย่างสุดท้ายที่ภรรยามอบให้ต้องผิดหวัง
“แทยอนรอพ่ออยู่ตรงนี้อย่าไปไหนนะรู้มั้ย พ่อจะไปหาอุปกรณ์มาทำความสะอาดแถวนี้ก่อน”
เด็กหญิงพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจโดยไม่สงสัยซักนิดว่าทำไมอยู่ๆพ่อก็เปลี่ยนเรื่องพูด ดวงตากลมมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนกระทั่งยงฮวาเดินหายไปจากกรอบสายตา ความหมายของตัวอักษรสามตัวบนแผ่นหินยังคงติดค้างอยู่ในใจของเด็กหญิง แทยอนจะตั้งใจเรียน จะได้อ่านหนังสือออกไวๆ จะได้รู้ว่าคุณแม่ชื่ออะไรซักที
“คุณกระต่ายรู้มั้ย มีแต่คนบอกว่าคุณแม่ของแทยอนเป็นนางฟ้าใจดีแหละ”
เสียงใสเอ่ยกับคุณกระต่ายตัวอ้วนกลมด้วยนุ่นด้านใน ก่อนปากบางที่ใครๆก็บอกว่าถอดแบบมาจากแม่จะย่นลงจนหลายเป็นเส้นโค้งเมื่อนึกถึงใบหน้าชุ่มน้ำตาของผู้เป็นพ่อเมื่อคืน แทยอนหลับไปแล้ว ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงสะอื้นของยงฮวา เด็กหญิงวัยสามขวบไม่ได้มีระบบความคิดซับซ้อนขนาดจะสงสัยว่าทำไมพ่อถึงร้องไห้ แทยอนแค่ไม่ชอบที่พ่อร้องไห้ไม่ชอบน้ำตาของพ่อ เพราะรอยยิ้มของพ่อมันน่าดูกว่าเป็นไหนๆ
“ถ้าแม่เป็นนางฟ้าใจดี แทยอนขอพรกับแม่ได้รึเปล่า”
“..”
“ขอให้พ่อไม่ร้องไห้อีกได้มั้ยคะ”
แทยอนผล็อยหลับไปหลังจากฟังนิทานของเขาไปสามเรื่อง ยงฮวากลับมาที่ห้องของตัวเอง จัดการงานที่ยังคั่งค้างจากบริษัท ก่อนจะหย่อนตัวลงบนเตียงนอนนุ่มเมื่อแน่ใจว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ลมหายใจอุ่นถูกพ่นออกมาเมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาบนหัวเตียงและพบว่าจวนจะเที่ยงคืนแล้ว แต่เขากลับยังไม่รู้สึกง่วงเลยซักนิด ยงฮวาเอื้อมมือไปที่ลิ้นชักหัวเตียง คุ้ยหาตัวช่วยที่จะทำให้ตนนอนหลับตลอดคืนจนถึงเช้า ก่อนซองยานอนหลับที่หมอจ่ายให้จากโรงพยาบาลจะถูกหยิบออกมา ยาเม็ดเล็กถูกส่งเข้าปากพร้อมกับน้ำอึกใหญ่ ร่างสูงล้มตัวลงบนเตียงนอน ปิดเปลือกตาลง ปล่อยให้ฤทธิ์ของยานอนหลับค่อยๆทำงานและพาตนเข้าสู่ห้วงนิทรา พรุ่งนี้มีอะไรที่เขาต้องไปจัดการที่บริษัทบ้างนะ อีกสามวันต้องไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนแทยอนนี่นา การ์ดวันพ่อที่ลูกให้เมื่อปีที่แล้วเขาไปเก็บไว้ที่ไหนแล้วนะ....
..........แล้วมันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
“ฮึก”
“คนไข้คลอดแล้วครับ คุณได้ลูกสาว...”
“ไม่...”
“หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ....คนไข้เสียเลือดมากและมีภาวะครรภ์เป็นพิษทำให้...”
“อย่า.....อย่าไป”
“หมอพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วครับ”
“อึก....”
“ไม่เป็นไรนะ”
ก่อนทุกอย่างจะค่อยๆสงบลงเพราะเสียงหวานราวระฆังแก้วที่ดังคลออยู่ข้างหู ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนมาตลอดสามปีค่อยๆกลายเป็นสีดำพร้อมกับสัมผัสเย็นเฉียบที่ข้างแก้ม เปลือกตาของยงฮวาหนักอึ้งเพราะยานอนหลับ แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังค่อยๆเปิดขึ้นตามสัญชาตญาณเพื่อจะพบว่าร่างบางของใครบางคนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า หัวใจของยงฮวาเต้นแรงจนเขาแทบจะได้ยินเสียงของมันดังออกมาจากอกข้างซ้ายเมื่อเผลอสบเข้ากับดวงตากลมสีดำขลับ ผิวขาวเนียนราวกระเบื้องเคลือบ ริมฝีปากสีแดงก่ำดุจกุหลาบและผมดำยาวสยายเหมือนยามรัตติกาล ในห้วงความคิดอันมึนเบลอและแทบจะกลายเป็นสีขาวโพลนในหัวของยงฮวามีเพียงคำๆเดียวที่เปล่งประกายและยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆเมื่อพบว่ามือเรียวของคนตรงหน้าวางทาบอยู่บนผิวแก้มหยาบกร้านของตน
.........นางฟ้า
“อย่า......อย่าไป”
เสียงแหบแห้งพยายามพูดพร้อมกับมือที่เอื้อมไปไขว่คว้าร่างบางเอาไว้โดยอัตโนมัติ เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าปลุกเขาให้ตื่นจากการหลับใหลและพยายามผละจากไป ยงฮวาทรุดตัวลงบนพื้นอย่างน่าอับอาย ขาสองข้างราวกับไร้เรี่ยวแรงเพียงแค่ก้าวลงจากเตียง คนตัวบางดูตกใจเธอทำท่าเหมือนอยากจะเข้ามาดูอาการของเขาแต่สุดท้ายก็เลือกปีนออกไปนอกหน้าต่าง ยงฮวาไม่อาจละสายตาออกจากร่างบางระหงส์ เท้าเรียวที่โผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรงสีขาวยาวกรอมเท้ายืนอยู่บนขอบระเบียงอย่างหมิ่นเหม่ราวกับไม่เกรงกลัวอันตรายจากความสูง ริมฝีปากสีแดงก่ำแย้มรอยยิ้มหวานที่ทำให้เขาคิดว่าคงไม่อาจลืมได้ไปชั่วชีวิต ก่อนแสงจันทร์สีเงินยวงที่อาบอยู่ทั่วร่างระหงส์จะร้อยเรียงกลายเป็นปีกสีขาวบริสุทธิ์บนแผ่นหลัง
........ดวงตาของยงฮวาหนักอึ้งก่อนจะปิดลงอีกครั้งเมื่อปีกคู่นั้นพานางฟ้าโบยบินไปจากเขา
“กูเคยบอกมึงแล้วไงว่าให้ลองไปนั่งสมาธิกับแม่กูที่วัด เผื่อจิตใจจะได้สงบลงบ้าง”
คังมินฮยอกเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนบริษัทคนสำคัญพูดพร้อมกับวางกาแฟกลิ่นหอมกลุ่นลงตรงหน้าเขา
“ยังฝันเรื่องนั้นอยู่อีกเหรอวะ”
“ก็ไม่เชิง”
ยงฮวาตอบ พลางยกกาแฟขึ้นจิบรสขมปร่าของคาเฟอีนที่แผ่ซ่านไปทั่วปากทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้างหลังจากตื่นขึ้นมาบนพื้นในสภาพเดียวกับตอนเห็น ‘นางฟ้า’ บินหายไปในฝันเมื่อคืนเป๊ะ เขาสามารถอธิบายได้ว่าที่ตัวเองลงมานอนบนพื้นเป็นเพราะอาการละเมอ และคงจะไม่รู้สึกค้างคาใจเท่านี้ถ้าไม่ได้ตื่นขึ้นมาพบว่ามีขนนกสีขาวร่วงอยู่ข้างๆ
“ไอ้ยงฮวา!”
เสียงตะโกนของมินฮยอกคือสิ่งที่ปลุกให้เขาหลุดออกจากภวังค์ และลบภาพใบหน้าของนางฟ้าออกไปจากหัว
“ถ้าจะเหม่อขนาดนี้กูว่ามึงไปหาหมอเถอะ อาการมึงชักจะน่ากลัวขึ้นทุกวันแล้วนะยงฮวา”
“กูไม่เป็นไร...”
“...”
“มึงเชื่อมั้ยวะว่านางฟ้ามีจริง”
“หะ?”
“กูคิดว่ากูเจอนางฟ้าว่ะ”
“ก็ก็คิดนะ...”
มินฮยอกพูดด้วยสีหน้าที่ดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“คิดว่ามึงควรไปหาหมอน่ะ”
วันนี้เขาเกือบโดนมินฮยอกจับส่งโรงพยาบาลหลังจากบอกว่าเมื่อคืนตัวเองเจอนางฟ้าตัวเป็นๆ มันคงจะน่าเอ็นดูกว่านี้ถ้าคนพูดคือแทยอนไม่ใช่คุณพ่อตัวโตวัยเกือบสามสิบของเธอ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นยงฮวาก็ยังไม่คิดว่าตัวเองฝันอยู่ดี คงไม่มีฝันที่ไหนชัดเจนและเป็นรูปธรรมขนาดนั้น จนถึงตอนนี้เขายังจำสัมผัสเย็นๆของมือนั่นบนแก้มตัวเองได้ด้วยซ้ำ....
ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเตียงหลังจากส่งลูกสาวเข้านอนและเคลียงานทุกอย่างเรียบร้อย เปลือกตาคมปิดลงโดยไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของยานอนหลับ แน่นอนตลอดสามปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยนอนหลับโดยไม่ใช้มันรวมถึงครั้งนี้ก็ด้วย และนั่นแหละคือสิ่งที่ยงฮวาต้องการ....
เวลาค่อยๆเคลื่อนผ่านไปอย่างไร้ค่า ยงฮวาเกือบจะคิดว่าตัวเองควรไปหาหมอตามคำแนะนำของมินฮยอกเมื่อเขานอนนิ่งๆแบบนั้นบนเตียงโดยไม่ได้หลับมาสี่ชั่วโมงเต็ม ยงฮวาเกือบคิดว่าตัวเองบ้า เกือบคิดว่าสิ่งที่เจอคืนก่อนคือภาพหลอนที่สร้างจากจินตนาการ
ตุบ!
จนกระทั่งเสียงแผ่วเบาของฝีเท้าที่หย่อนลงบนพื้นดังแหวกอากาศเข้ามาในโสตประสาท เขาหลับตาอยู่แบบนั้น ฝืนความอยากรู้อยากเห็นที่อัดแน่นอยู่เต็มอกจนสัมผัสได้ว่าที่ว่างข้างเตียงกำลังยุบตัวลง
“แอบเข้าห้องคนอื่นแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
เสียงของเขาพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมไปคว้าแขนเรียวเอาไว้ทำให้หญิงสาวสะดุ้งไปทั้งตัวเพราะความตกใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่สีหน้าตื่นตระหนกนั่นน่าเอ็นดูเหลือเกินในความคิดของยงฮวา
“เธอ...”
ประโยคที่เหลือสูญหายไปกับอากาศเมื่อนางฟ้าไม่ได้อ่อนหวานเรียบร้อยอย่างที่คิด มือบางอาศัยจังหวะที่เขาเผลอผลักอกแกร่งแรงๆจนร่างสูงเซล้มลงไปบนเตียงก่อนจะสลัดมืออีกข้างจนเป็นอัสระจากพันธนาการของยงฮวา ร่างเล็กถลาไปที่หน้าต่าง แต่ก็ยังช้ากว่ายงฮวาที่รีบยันตัวลุกขึ้นยืนและตรงดิ่งไปที่หน้าต่างบานเดียวในห้องที่จงใจเปิดทิ้งไว้ ใบหน้าสวยของนางฟ้าดูผิดหวัง ดวงตากลมๆแดงก่ำเหมือนกำลังจะร้องไห้เมื่อเขาเลื่อนปิดหน้าต่างลงแถมยังลงกลอนเสร็จสรรพ
“ทีนี้จะหนีไปไหนได้อีก”
ยงฮวาพูดขณะสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวเล็ก เขาแทบกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่เมื่อก้าวเข้าไปหาเธอหนึ่งก้าวคนสวยก็ก้าวถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว
“อ๊ะ!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจยามร่างบางเสียหลักล้มลงบนเตียงคือเสียงแรกที่ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ย และก่อนเธอจะได้ตั้งหลักลุกขึ้นยืนยงฮวาก็ตามไปทาบทับคร่อมร่างนั้นเอาไว้ พวงแก้มของหญิงสาวซับสีเลือดฝาดอย่างหน้าชังเมื่อตระหนักได้ว่าตนกำลังตกอยู่ในท่วงท่าน่าอาย และชวนให้คิดไปถึงไหนต่อไหน และใช่.....สติของยงฮวามันกำลังเตลิดไปไกลแล้วจริงๆ มือหนาเอื้อมไปสัมผัสผิวแก้มเนียนแผ่วเบา ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายกระตุกแรงจนปวดแปลบไปทั้งอกเมื่อดวงตาดำขลับดุจรัตติกาลช้อนขึ้นมามองตน
“อย่า”
เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาจนแทบกลายเป็นกระซิบ ยงฮวาปล่อยให้มันเป็นเพียงลมที่พัดผ่านหูเพราะในวินาทีต่อมาริมฝีปากสีกุหลาบที่เอื้อนเอ่ยประโยคเมื่อครู่ก็ถูกครอบครองเอาไว้ด้วยอวัยวะเดียวกันของเขา ริมฝีปากของเธอเย็นเฉียบไม่ต่างกับส่วนอื่นของร่างกายที่กำลังค่อยๆถูกเขารุกราน แต่ก็ยังไม่เย็นพอจะดับความร้อนของจูบที่ทำท่าจะไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ
......คิดถึง โหยหา และอยากเติมเต็มให้กันและกันอีกครั้ง
“คิดถึง”
เสียงแหบพร่าจนแทบกลายเป็นสะอื้นกระซิบแผ่วเบาข้างใบหูสวยเมื่อละริมฝีปากออกจากกัน ยงฮวากดจูบลงบนคอระหงส์แผ่วเบาสูดดมเอากลิ่นกายหอมหวานอย่างถะนุถนอมในขณะที่มือหนาเลื่อนขึ้นไปดึงรั้งเดรสสีขาวออกจากร่างบาง
“คิดถึงมาก....”
“ฮึก...”
เสียงสะอื้นของคนที่อยู่ใต้ร่างทำให้เขาปวดแปลบไปทั้งอก แสงสีเงินยวงของดวงจันทร์ที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้มองเห็นหยดน้ำใสที่เปียกชุ่มอยู่บนใบหน้าสวย ไม่ต่างกันกับเขา...
“ฉันคิดถึงเธอ...”
“...”
“ซอฮยอน”
ใครบางคนเคยบอกไว้ว่าเพราะอดัมกับอีฟแอบกินแอปเปิลของพระเจ้าทำให้มนุษย์กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีบาปติดตัวมาตั้งแต่กำนิด และบาปข้อหนึ่งคือการที่ชีวิตของมนุษย์เปรียบดังถนนเส้นตรงที่ทอดยาวสู่ปลายทาง ไม่มีทางให้ย้อนกลับไปแก้ไข้สิ่งผิดพลาดในอดีต
......ต่อให้ร้องไห้คร่ำครวญจนแทบขาดใจ
กริ๊ง...
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ดังขึ้นซ้ำๆขณะกำลังเข้าประชุมสำคัญกับหุ้นส่วนบริษัททำให้ยงฮวาทั้งหัวเสียและขายหน้า เขาผละออกมาจากที่ประชุมอย่างเสียไม่ได้เพื่อกดรับโทรศัพท์
(ยงฮวาเรา....)
“ซอฮยอนเราบอกแล้วไงว่าวันนี้มีประชุม มีอะไรก็โทรไปหาแม่ก่อน”
(....)
“แค่นี้ก่อนนะประชุมเสร็จแล้วเราจะโทรกลับ”
ยงฮวาเป็นฝ่ายกดตัดสายโดยไม่รู้ว่าซอฮยอนกำลังจะคลอดลูกของเขา ไม่รู้ว่าเธอมีภาวะครรภ์เป็นพิษและกำลังต้องการกำลังใจ ไม่รู้ว่าซอฮยอนจะไม่มีโอกาสได้รับโทรศัพท์เมื่อเขาโทรกลับไป ไม่รู้ว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ยินเสียงของผู้หญิงที่รักสุดหัวใจ….
แสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านหน้าต่างทิ่มแทงจนเปลือกตาหนักอึ้งสั้นระริกก่อนจะเปิดขึ้นอีกครั้งอย่างยากเย็น ยงฮวาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เสื้อผ้าที่เคยสวมใส่กองกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ขนนกมากมายร่วงหล่นรายล้อมอยู่รอบตัวราวกับจะย้ำเตือนให้คิดถึงคนที่บัดนี้ไม่ได้นอนอยู่ข้างกายอย่างที่ควรเป็น....
หัวใจของยงฮวาหนักอึ้ง พอๆกับดวงตาที่เริ่มพร่ามัวเพราะของเหลวอุ่นร้อนที่ไหลเอ่อออกมาเมื่อพบว่าหน้าต่างที่เมื่อคืนตนปิดเองกับมือถูกเปิดทิ้งไว้
“ฮึก.......ให้อภัยกันไม่ได้เหรอ”
“...”
“ยกโทษให้ฉันไม่ได้เลยเหรอ”
“...”
“ซอฮยอน”
.........ต่อให้อ้อนวอนเท่าไหร่
..........ก็ไม่เคยมีโอกาสครั้งที่สอง
60 Years ago
พ่อของแทยอนมักจะบอกเสมอว่าพระเจ้าบนสวรรค์ใจดีกับทุกคนยกเว้นตัวพ่อ เพราะพระเจ้าพรากแม่ไปจากพ่อ และทำให้พ่อจมอยู่กับความคิดถึงทุกวันเป็นสิบๆปี แทยอนไม่เคยเห็นหน้าแม่นอกจากในรูปถ่ายเก่าๆ ไม่เคยสัมผัสจริงๆว่าผู้หญิงที่พ่อรักสุดหัวใจเป็นคนยังไง ทำไมถึงทำให้พ่อฝังใจและรักแค่แม่คนเดียวตราบจนกระทั่งวันสุดท้ายของลมหายใจ แม้กระทั่งชื่อสุดท้ายที่พ่อเรียกก็ยังเป็น.........ซอฮยอน
ช่อกุหลาบขาวถูกหญิงวัยหกสิบสามวางลงตรงหน้าหลุมศพของผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิตในวันที่คลอดตน ข้างๆกันคือหลุมศพของพ่อที่พึ่งจากไปเมื่อปีก่อน พ่อไม่ได้ชอบกุหลาบขาว อันที่จริงไม่มีดอกไม้ซักชนิดด้วยซ้ำที่จองยงฮวาชอบ แต่มันเป็นดอกไม่ที่แม่โปรดปราน แทยอนจำได้ว่าสมัยก่อนทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียนจะเจอแจกันดอกกุหลาบขาววางกระจายอยู่ตามมุมต่างๆทั่วบ้าน เพราะมันคือสิ่งที่ทำให้พ่อคิดถึงแม่ และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่พ่อเลือกฝังร่างของแม่ไว้ที่สุสานนอกเมืองที่รายล้อมด้วยพุ่มกุหลาบขาวป่าแห่งนี้
“แม่ครับกลับกันเถอะ เดี๋ยวจะถึงโซลค่ำนะครับ”
เสียงของลูกชายเรียกให้ดวงตากลมต้องละสายตาออกจากอักษรภาษาเกาหลีบนแผ่นหินที่ตนเคยอ่านไม่ออกและเฝ้าถามผู้เป็นพ่อเสมอว่าอ่านว่าอะไร
“จ๊ะ งั้นก็ไปกันเถอะ”
แทยอนพูด หากแต่มือที่กำลังจะเอื้อมไปจับแขนผู้เป็นลูกกลับหยุดชะงักอยู่กับที่
“มีอะไรเหรอครับแม่”
“...”
“...”
“ป.....เปล่า เปล่าจ๊ะสงสัยแม่จะตาฝาด”
แทยอนพูด ใช่ เธอคงตาฝาดที่เห็นชายหญิงคู่หนึ่งจูงมือกันอยู่ท่ามกลางทุ่งกุหลาบ คนสองคนที่เคยโดนโชคชะตาพลัดพรากให้แยกจาก และนับจากนี้จะได้อยู่คู่กันไปจนชั่วนิจนิรัน
THE END
จบแล้วค่ะ! เป็นSFที่ได้พล็อตตอนฟังเพลง Moonlight โดยส่วนตัวแล้วชอบเวอร์ชั่นเกาหลีมากกว่า แต่รู้สึกว่าความหมายของเวอร์ชั่นจีนกินใจกว่า โดยเฉพาะท่อนที่ใส่เอาไว้ในหัวบทความ มันเป็นอารมณ์โหยหาความรักจนแทบบ้าแต่สุดท้ายก็ไม่มีวันได้มาครอบครอง ฮุฮุ เจ็บปวดจนต้องแอบแม่ไปซื้อน้ำใบบัวบกกินแกล้มกับแห้ว ท้อ ระกำ 555555555555555
ความรักที่ดูแลไว้ไม่ดี กว่าจะรู้ว่าสำคัญก็เอาคืนมาไม่ได้แล้ว
โหยหาแค่ไหนก็ไม่มีทางได้คืน เรื่องจริงมากๆๆ
"พูดเ หี้ ยอะไรของ
พี่ยงเราโหดไปนะ -.,-