~ครั้งหนึ่ง~ - ~ครั้งหนึ่ง~ นิยาย ~ครั้งหนึ่ง~ : Dek-D.com - Writer

    ~ครั้งหนึ่ง~

    มันเป็นเพียงความฝันหรือแค่ผมคิดไปเอง ไม่ใช่! มันมีตัวตนอยู่จริง 'นักล่าวิญญาณ!!'

    ผู้เข้าชมรวม

    188

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    188

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 มี.ค. 49 / 21:15 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผม   ทอม  เอริค   ผมยอมรับว่าผมไม่มีเพื่อนแต่ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนเลวจนคนอื่นไม่กล้าคบหรอกนะ   พวกเขาไม่เข้ามาหาผมเองต่างหาก   ในสายตาของพวกเขาผมมันก็แค่ไอ้เด็กบ้าเรียนคนหนึ่งที่มักจะถูกล้อ   ผมผิดด้วยหรอที่ผมไม่มีแม่คอยปลอบคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆและผิดด้วยหรอที่ผมจะตั้งใจเรียนเพื่อตัวผมเอง

       

                      มันก็ไม่เชิงหรอกนะที่ผมจะไม่มีแม่คงเป็นเพราะแม่ผมเสียตั้งแต่ผมยังเด็ก   พ่อเองก็เริ่มเปลี่ยนไปนับแต่ท่านแต่งงานใหม่   เย็นชาขึ้น   เก็บตัวเงียบอยู่กับงาน  บ้านช่องแทบจะไม่มีเวลาอยู่   ผมจึงอยู่กับแม่เลี้ยงมาตลอด   หล่อนไม่ได้พิสมัยผมขนาดยกเป็นลูกหัวแก้วหัวแหวน   ผมเองก็ทำใจยอมรับหล่อนว่าเป็นแม่ไม่ได้สักทีเหมือนกัน   พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างจืดชืดที่สุด   และมันจะไม่มีอะไรถ้าหล่อนจะไม่พล่ามใส่ผมทุกๆครั้งที่ผมทำอะไรไม่เข้าตาหล่อนเข้า 

       

       ผมเกลียดเสียงแหลมบาดแก้วหูของหล่อนที่นับวันมันยิ่งรุนแรงขึ้น   แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะโต้กลับ   เลยได้แต่ยืนเงียบให้หล่อนบ่นเสียดแทงอยู่ทุกวัน   หากวันใดผมทำเป็นไม่สนใจล่ะก็   หล่อนได้ปาข้าวของจนบ้านเละแน่   และมันคงหนีไม่พ้นหน้าที่ผมที่จะต้องมาคอยเก็บกวาดเมื่อหล่อนระบายจนสาสมแก่ใจแล้ว   ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิดทั้งๆที่ริซ่าลูกสาวของหล่อน   ทั้งซ่าและบ้าบิ่นสมชื่อซะขนาดนั้น   โดดเรียนเป็นประจำ   ซ้ำยังเที่ยวกลางคืน   ใช้เงินเป็นว่าเล่น   แต่หล่อนกลับไม่เคยที่จะปริปากต่อว่าเธอเลยแม้แต่คำเดียว   ผิดกับผมที่นั่งทำการบ้านอ่านหนังสือสอบทั้งคืนทำให้งัวเงียบ้างตอนตื่น   หล่อนก็เอ็ดใส่ผมทั้งเช้าจนความง่วงตกใจหนีเตลิดเปิดเปิงไปไกล  

       

      ในตอนเย็นหลังเลิกเรียนผมไปนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดก่อนกลับบ้าน   จึงกลับช้ากว่าปกติที่จะเป็น   เพียงแค่ผมแง้มประตูเปิด   คงไม่ต้องรอให้ได้ยินสัญญาณใดๆเสียงแหลมสูงก็พุ่งปรี๊ดเข้าหูผมทันที   หล่อนบ่นใส่ผมทุกวันจนผมแอบคิดไปว่าหล่อนไม่เบื่อบ้างหรือไง   ผมยังเบื่อที่จะฟังหล่อนพล่ามเลย

       

      เย็นวันนี้หลังจากที่ผมกลับมาจากบ้าน   ผมก็เตรียมตัวมาอย่างดีในการทดสอบพลังหูและระดับความอดทน   ที่มีผู้หวังดีจัดให้โดยไม่ต้องเอ่ยคำขอให้เสียเวลา   ผมยื่นมือไปจับลูกปิดก่อนจะเปิดออก   แน่นอนเสียงที่ผมได้ยินเป็นเสียงแรงคือเสียงของหล่อน   ทั้งที่ผมเตรียมตัวมาอย่างทุกวันแล้วแต่วันนี้ผมคงเหนื่อยเกินไปที่จะมายืนให้หล่อนเทศนาพระธรรมประจำวัน   ผมจึงเดินผ่านหล่อนไปอย่างไม่สนใจเหมือนกับหล่อนเป็นอากาศธาตุ   ไม่เกินความคาดหมายหล่อนทำสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด   ผมรู้สึกสังหรณ์ใจถึงรางร้ายจึงรีบรุดขึ้นห้องและมันก็เป็นอย่างที่ผมคิด   วัตถุชิ้นหนึ่งกระทบบานประตูห้องผมอย่างแรงตามหลังที่ผมเพิ่งปิดมาได้อย่างหวุดหวิด   นับว่าผมยังไม่ถึงกับอัปโชคเสมอไปนะเนี่ย   เกิดเสียงดังโครมครามครู่หนึ่งก่อนจะเงียบไป   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทรุดตัวลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า

       

      เวลาผ่านพ้นไปผมคิดถึงชีวิตตัวเองอย่างปลงอนิจจัง   ทำไมผมถึงไม่ได้สนุกอย่างเพื่อนๆทำไมผมจะต้องอยู่ในกฎระเบียบของแม่เลี้ยงตลอดเวลา   ทำไมผมถึงต้องยอมทำทุกอย่างที่หล่อนสั่ง   อาจเป็นเพราะผมไม่มีที่พึ่งอื่นแล้วก็ได้  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ   ผมไม่มีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างเลยหรือไง   ทำไมผมไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว   เพื่อนฝูงรวมถึงทุกคนรอบข้างอย่างคนอื่นๆกัน   ผมเกียดทุกคนเกลียดทุกคนได้ยินไหม   ทำไมไม่หายๆไปเลยนะ   ในขณะที่ผมได้แค่คิดอยู่นั่นเองเสียงหนึ่งก็ปลุกให้ผมหลุดจากห้วงอารมณ์   มันไม่ใช่เสียงที่ผมเคยได้ยิน

       

      เบื่อชีวิตมากนักหรือไง มันถามผม

       

      ผมสะดุ้งตกใจที่สุดก่อนจะตะเกียดตะกายลุกนั่ง   ผมมองหาต้นเสียงนั่นอย่างสั่นเทา   ผมได้ยินเสียงนั่นจริงๆแต่ในห้องนี้มีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นหรือจะบอกว่าเจ้าลิ้นชักนั่นมันเปิดปากพะงาบๆพูดเองได้เหมือนดั่งในการ์ตูน

       

      ฉันอยู่ตรงนี้ เสียงนั่นเอ่ยอีกครั้งพร้อมกับควันสีดำจางๆเกาะกลุ่มกันเป็นร่างๆหนึ่งตรงหน้าผม

       

      ผมเบิกตากว้างพินิจพิจารนาร่างตรงหน้าใครก็ได้โปรดบอก   ผมไม่ได้ตาฝาด   เขาเป็นชายร่างสูงในชุดคลุมสีดำ   ใต้ผ้าคลุมนั้นเสื้อผ้าที่เขากำลังสวมอยู่มันดูแปลกถึงขั้นแปลกมาก   เขาสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวในมือถือไม้คทายาวที่รูปร่างพิลึกเช่นกัน   ใบหน้าคมคายนั้นหันมาสบกับผมนิ่ง   ก่อนที่ริมฝีปากบางจะขยับรอยยิ้ม

       

      ฉัน   ซาคูส   เป็นนักล่าวิญญาณ   ห้องของนายนี่รกเป็นบ้าเลยนะทั้งที่คิดว่าเป็นคนเจ้าระเบียบแท้ๆ เขาแนะนำตัวเองอย่างรู้ทันว่าผมจะถามอะไร   แต่ประโยคสุดท้ายฟังดูไม่โสภานัก

       

      ......... ตอนนี้ลิ้นผมแข็งทื่อไปหมดแม้แต่จะขยับปากยังเหมือนถูกแช่แข็ง

       

      นี่นายจะไม่พูดกับฉันเลยหรือไง   ทอม  เอริค คราวนี้เขาเป็นฝ่ายแนะนำผมซะเอง

       

      นะ...นายรู้จักชื่อฉันได้ยังไง พลันปากมันก็พูดออกมาเองตามสัญชาติญาณ

       

      มีอะไรบ้างที่ฉันไม่รู้   นายน่ะเกิดวันที่   20   กรกฎาคม   ปีฉลู   ส่วนสูง   170   ซม.   น้ำหนัก...เขาพล่ามพลางทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัดว่าเสแสร้งโดยไม่สนใจเจ้าของข้อมูลที่หน้าขึ้นสีก่อนจะตัดบทพูดของเขาไป

       

      พอได้แล้ว ผมตะโกนดังลั่น นายคิดว่าฉันไม่รู้ประวัติตัวเองหรือไง

       

      อ้าว...คิดว่าลืมซะอีกเลยอุตส่าห์เตือนความจำให้ เขายังพูดอย่างทีเล่นทีจริง

       

      นี่นายต้องการอะไร ผมพูดอย่างเหลืออด   ตอนนี้ผมชักหงุดหงิดมาก   หงุดหงิดเกินกว่าจะคิดว่าอะไรเป็นอะไร   ถ้าผมต้องเจอแต่กับสิ่งที่เลวร้ายเรื่องแค่นี้มันอาจธรรมดาก็ได้

       

      น่าๆใจร้องไปได้ เขาเปรยพร้อมกับยกถ้วยน้ำชาที่ไม่รู้เตรียมมาจากไหนขึ้นมาจิบหน้าตาเฉย   และนั่งอย่างสบายอารมณ์บนเก้าอี้ทำงานผม

       

      ฉันจะถามนายอีกครั้ง   นาย  ต้อง  การ  อะไร ผมพูดย้ำเสียง

       

      เฮ้อ   วัยรุ่นสมัยนี้ช่างใจร้อนซะจริงเชียว   เอาเป็นว่าฉันเห็นนายเบื่อชีวิตก็เลยมาเยี่ยม   เออ...ของฝากเยี่ยมน่ะโทษทีไม่ได้เอามา เขาพูดกลั้วหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องสนุกแต่ผมไม่ยักจะสนุกกับเขาเลยแม้แต่น้อย   มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์ผมมากขึ้นสิไม่ว่า

       

      ฉันไม่ได้ป่วยอะไร

       

      แต่นายคือผู้ป่วยของฉัน   ฉันเปล่าใช่หมอ   แต่จะช่วยรักแผลให้   ฉันช่วยนายได้แล้วกันน่า

       

      นายพูดอะไร    ฉันไม่ได้บาดเจ็บ   และไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากนายด้วย   เลิกพูดไร้สาระสักที   ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์เล่นด้วยหรอกนะ   หรือถ้านายมีเหตุผมจริงๆก็คงมาผิดที่แล้วล่ะ ผมเอ่ยก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง   แต่ก็ต้องชะงักกับประโยคต่อมา

       

      นายเกลียดทุกคนไม่ใช่หรอ   นายอยากให้ทุกคนหายไปไม่ใช่หรือไง   ฉันจะช่วยให้สิ่งที่นายปรารถนาเป็นจริง คราวนี้น้ำเสียงไม่ได้ล้อเล่นอย่างทุกที

       

      หมายความว่าไง

       

      ฉันบอกนายแล้ว   ฉันคือนักล่าวิญญาณ   เจ้าแห่งการทำลายล้าง   ผู้ใช้ชีวิตโดยการดูดกลืนวิญญาณมนุษย์   ฉันสามารถทำให้นายบ่งการโลกทั้งโลกทั้งโลกเอาไว้ในมือ   หรือนายจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างหายไปจนเหลือแต่ความว่างเปล่า

       

      บ้าน่าเรื่องแบบนั้นมันจะมีจริงได้ยังไง   หรือถ้ามันเป็นความจริง   นายเก่งขนาดนั้นนายคงไม่มาหาฉันหรอกสู้เอาเวลาไปครองโลกเองไม่ดีกว่าเหรอน้ำเสียงผมสั่นด้วยความหวาดระแวง

       

      ก็บอกว่านายเป็นคนป่วยของฉันไงเล่า   ฉันมาเพื่อช่วยนาย

       

      ฉันขอให้ช่วยเมื่อไหร่ ผมพูดขึ้นลอยๆ

       

      เอ้า   คนเค้าหวังดียังมาทำหยิ่งอีก

       

      นายว่าใครหยิ่ง   อย่ามาพูดมากน่า ผมพูดเสียงดังก่อนจะปาหมอนใส่เขาเต็มแรงโกรธ   เขาเอียงตัวหลบนิดหนึ่งแล้วกล่าวต่อไปอีก

       

      นายนี่เล่นแรงจริงๆเอาเป็นว่านายไม่เข้าใจ   เฮ้อ   ทั้งที่นายก็หัวดีต่ำไมเข้าใจยากนักนะ   เอางี้เพียงแค่นายเดินทางไปกับฉัน   นายก็จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ รอยยิ้มเล็กๆผุดพรายที่มุมปากเขาพลางยื่นมือออกมาข้างหน้าผม   ผมจ้องมองมือข้างนั้นไม่ลดสายตาแต่เหมือนต้องมนต์ผมค่อยๆขยับมือออกไปตามคำเชื้อเชิญของมือเขา    ผมเอื้อมมือไป   ปลายนิ้มผมแตะกับปลายนิ้วของเขานิดหนึ่ง   ความรู้สึกแรกที่วิ่งพล่านเข้ามาในตัวผม   เย็นมันเย็นมาก   เย็นเยือกดุจน้ำแข็ง   ผมสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะสะดุ้งมากกว่าเดิม   ผมรีบชักมือกลับทันที   เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ประตูมันเป็นเสียงที่แหลมสูงบาดแก้วหูไปจนถึงโซนประสาท   เสียงที่ผมคุ้นเคยมาก

       

      ทอม   นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ได้ลงมาช่วยงานเดี๋ยวนี้ หล่อนตบประตูดังปึงปัง   ทำให้ผมหลุดจากห้วงนิทราโดยฉับพลัน

       

      ผมมองซ้ายมองขวาก็เห็นแค่ตัวเองนอนเหงื่อโทรมกายอยู่บนเตียง   สรุปเรื่องเมื่อกี้ผมฝันไปเองหรือนี่   ถ้าคิดอีกทีมันก็เสียดายอยู่นิดๆแฮะ   ผมเดินโซเซออกจากห้องไปเพราะขี้เกียจฟังคำเทศนามากกว่านี้

       

      แกนี่   ยิ่งวันชักจะสบายใหญ่แล้วนะ   ไปออกไปซื้อของมาให้ฉันเดี๋ยวนี้   ถ้ากลับมาช้าแกอดข้าวเย็น   เข้าใจ!” หล่อนยื่นเงินและใบสินค้าให้ผม   ผมเดินออกจากบ้านไปอย่างไม่เต็มใจนัก

       

      ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยๆยืดเวลากลับบ้านให้นานที่สุด   พอพ้นมุมซอยภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏมันทำให้ผมถึงกับตะลึงก้าวขาไม่ออก   ร่างกายผมชาไปหมดทั้งตัว   ผู้ชายในชุดคลุมสีดำนั่งไขว้ขาอยู่บนคทายาวที่ลอยอยู่เหนือพื้น   เขากำลังแสยะยิ้มให้ผม

       

      นายยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ น้ำเสียงเรียบเยือกเย็นนั้นชวนขนลุกเป็นที่สุด   ผมคงไม่โง่มาหลับกลางถนนหรอกนะ   ขณะนี้ผม   ทอม  เอริค   แทบยืนช็อคคาถนนซะให้ได้    ในสมองคิดอยู่อย่างเดียว   คำถามที่มันวนเวียนไปมา

       

      เขาเป็นใครกันแน่

       

       ..................................................................................................................................................


                ฮ้าาาาา   ในที่สุดก็ได้ลงซะที   ฮือๆจอมอู้งาน   เรื่องนี้บังเอิญตอนกำลังนอนปั่น   Kingdom   อยู่   มันดันไปเจอติดแหมะอยู่หลังสมุด   เลยลองเอามาลงดูค่ะ   เอิ๊กๆๆ   ซึ้งอ่านดูแล้ว  มันบ้าบอสิ้นดีเลย   คนที่หลงเข้ามาช่วยเม้นให้ทีนะคะ   ^^  เพราะเราอาภัพเหลือเกิน

       

      ด้วยไมตรีจิต                                                                                                                    Sl_vincharon

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×