"ตระกูลเฉินคือตระกูลอภิมหาอำนาจของประเทศ 'ซาเล็ม' ซึ่งก็คือประเทศที่พวกเราอาศัยอยู่นั่นเอง
พวกเขามีธุรกิจตั้งแต่โรงสีข้าวไปจนถึงโรงแรมระดับประเทศ
เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ ไปจนถึงเจ้าของพิพิทธภัณฑ์โบราณวัตถุ"
"ตระกูลเฉินแบ่งออกเป็นหนึ่งสายหลัก 'เฉิน' สามสายย่อย 'จิ้น ลู่ มี่' "
ตระกูล จิ้น มีหน้าที่ทำงานให้แก่รัฐบาล
ตระกูล ลู่ มีหน้าที่จัดการร้านค้า
ตระกูล มี่ มีหน้าที่เฝ้าสมบัติ
สามตระกูลย่อย มี่ ลู่ จิ้น คือก้านและใบเลือดที่แตกแขนงมาจากต้นไม้ใหญ่ชื่อตระกูล 'เฉิน'
แม้จะราวกับอยู่กันคนละทาง แต่เราทั้งหมดก็คือครอบครัวใหญ่
เป็น 'ครอบครัว' ที่ตัดกันไม่ขาด แม้จะชังหน้ากันเพียงใด แม้ปากจะบอกว่าขอไม่ข้องแวะกันอีกต่อไป
ทว่าย่อมรู้ดีแก่ใจ ว่าสายเลือดของเฉิน ไม่อาจ 'รัก' ใครได้ นอกจาก เครือญาติ ผู้มีเลือดเฉินไหลเวียนเฉกเช่นเดียวกัน
![ผลà¸à¸²à¸£à¸„้นหารูปภาพสำหรับ chinese red pinterest couple](https://iwanttothewind.files.wordpress.com/2013/03/bnh5.jpg)
บ้านตระกูลเฉินล้วนไร้ซึ่งคนปกติธรรมดา
"บางคนก็เคารพเฉินจริงๆ แต่ก็มีบางคนที่เหม็นหน้าเฉินออกนอกหน้า"
"เพราะพวกเขาคิดว่าเราเอาแต่ชี้นิ้วสั่งพวกเขา ส่วนตัวเองก็นั่นสบายแฮอยู่บนเก้าอี้นุ่มที่บ้านใหญ่แน่ๆ"
ฉันเอามือซุกกระเป๋า จมูกเย็นเสียจนกลัวว่ามันจะกลายเป็นเนื้อตาย
ปากสั่นเทา การยืนท่ามกลางหิมะ ติดอยู่ในภูเขายามย่ำค่ำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่
พอหันไปมองข้างๆ พี่สามเองก็มีสภาพไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่ ปากเขาซีดและแห้ง แต่มือก็ใช้จอบจ้วงหิมะออกจนได้หลุมใหญ่แล้ว
"เป็นคนตระกูลเฉินนี่มันเหนื่อยจริงๆเลยโว้ย!" ฉันแทบร้องไห้ มีคนพูดในสิ่งที่ฉันอยากพูดในตลอดหลายปีนี้แล้ว
เพราะเป็นเฉิน ฉันต้องไปฝ่าทะเลทราย ปีนภูเขา หนีห่ากระสุน แกล้งปลอมตัวเป็นคนจรจัดก็ยังเคยทำมาแล้ว
พวกคนตระกูลรองไม่รู้อะไร นึกว่างานที่ตัวเองทำมันหนัก ไม่รู้ซะแล้ว ถ้าพวกเขาทำงานจนเลือดตากระเด็น
เฉินสายหลักอย่างเราก็คงกระอักเลือดตาย ข้อหาทำแต่งานยากๆ
ทำงานทีหนึ่ง แก่ไปสิบปี นั่นล่ะ คืองานประเภทที่เฉินต้องออกโรง
ความคิดเห็น