(exo) Aftershave | krisyeol/chankris - (exo) Aftershave | krisyeol/chankris นิยาย (exo) Aftershave | krisyeol/chankris : Dek-D.com - Writer

    (exo) Aftershave | krisyeol/chankris

    โดย kæreste

    หนึ่งในกลิ่นที่ชานยอลจำได้ขึ้นใจ คือกลิ่นอาฟเตอร์เชฟจางๆของอี้ฝาน ღ

    ผู้เข้าชมรวม

    600

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    600

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    17
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 พ.ค. 58 / 21:19 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้












    * ฟังเพลงไปด้วยได้อารมณ์กว่า 
















     เครดิตบทความ

    SQWEEZ theme
    THE GIRL IN : L music code




     
    @SQWEEZ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      Aftershave






      หนึ่งในกลิ่นที่ปาร์คชานยอลคิดว่าเขาจำได้ขึ้นใจ คือกลิ่นอาฟเตอร์เชฟของอี้ฝาน

       
       

      ชายหนุ่มคิดว่ามันเป็นกลิ่นติดตัวของอีกฝ่ายที่เขาคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าน้ำหอมผู้ชายที่เจ้าของร่างโปร่งมักจะฉีดในยามเช้าเสียอีก และเป็นกลิ่นที่เรียกได้ว่าชัดเจนในความทรงจำของเขามากที่สุดนับตั้งแต่วันแรกที่ได้เข้ามาทำงานในกองถ่ายภาพยนตร์ในฐานะของช่างกล้อง

       
       

      อู๋อี้ฝานเป็นผู้ชายที่แก่กว่าเขาสองปี สูงกว่าเขาราวสองเซนติเมตรและเป็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่คนทั้งกองถ่ายหลงรัก หน้าที่คนเขียนบทภาพยนตร์ของอีกคนทำให้ชานยอลต้องเฝ้ามองแผ่นหลังกว้างๆ ของหนุ่มรุ่นพี่ที่นั่งเคียงข้างผู้กำกับอยู่ไกลๆ ผ่านเลนส์กล้องเป็นเวลาร่วมหลายเดือน โดยเฝ้าฝันมาตลอดว่าจะมีสักวันที่จะได้นั่งเคียงข้างอีกฝ่ายบ้าง

       
       

      แต่วันนั้นก็ยังไม่เคยมาถึง มีเพียงความสัมพันธ์เท่านั้นที่ค่อยๆ ขยับขึ้นจากคนรู้จักมาเป็นเพื่อนสนิท

       
       

      อี้ฝานเป็นคนง่ายๆ และไม่คิดอะไรมาก เพราะเหตุนี้กระมังถึงได้ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าหลายเรื่องที่ทำนั้นพาให้เขาหวั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เอาหน้าเข้ามาใกล้ หรือว่าการเอาแก้วกาแฟเย็นเฉียบมาแนบกับผิวแก้มของเขา มือบางคู่นั้นที่มักจะเอื้อมมาดึงหน้าเขาเล่น และรอยยิ้มสดใสที่ถูกส่งมา

       
       

      จนกว่าจะรู้ตัวอีกที ปาร์คชานยอลก็ไม่สามารถหลีกหนีความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อนได้เสียแล้ว



       

       

       
       

      “ชานยอลลา คืนนี้จะอยู่ปาร์ตี้ปิดกล้องไหม” คำถามถูกส่งมาพร้อมกับท่อนแขนยาวที่ยกขึ้นพาดไหล่ทำให้เจ้าของชื่อต้องละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นไปมอง รุ่นพี่ที่เขาแอบชอบมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้ากำลังส่งรอยยิ้มสดใสมาให้พลางวาดมือข้างหนึ่งเข้าโอบบ่าของเขาเอาไว้หลวมๆ “รอบนี้มีเปิดฟลอร์เต้นรำด้วยนะ”

       
       

      ใบหน้าหล่อเหลานั้นยื่นเข้ามาใกล้จนกลิ่นจางๆ ของอาฟเตอร์เชฟที่เขาคุ้นเคยลอยมาให้พอนึกถึง

       
       

      ชานยอลกระตุกยิ้มจางขึ้นบนริมฝีปากบาง ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีน้ำตาลส่ายไปมาน้อยๆ อย่างขบขัน

       
       

      “ผมไม่ใช่จงอินนะรุ่นพี่ ที่จะสนใจงานเต้นรำน่ะ”

       
       

      “รอบนี้จงอินไม่เต้นเถอะ เขาบอกว่าจะเป็นคนร้องเพลงประกอบ” คนเป็นรุ่นพี่ยกยิ้มกว้างจนตาหยี “อยู่ด้วยกันเถอะนะชานยอล ฉันจะได้มีเพื่อนกลับบ้านไง”

       
       

      ช่างกล้องหนุ่มยังคงแต้มรอยยิ้มที่คล้ายจะปฏิเสธเอาไว้บนกลีบปากบาง แม้ว่าใจจะตอบตกลงไปตั้งแต่วินาทีแรกที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาถามแบบตัวต่อตัว ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองออกไปทางโชคดีเสียด้วยซ้ำที่มีห้องพักอยู่ในอาคารเดียวกับรุ่นพี่ที่เขาเฝ้ามอง การได้ไปกลับจากที่ทำงานด้วยกันให้ความรู้สึกเหมือนฝัน และนั่นทำให้ได้อยู่ด้วยกันแทบจะทั้งวัน ยกเว้นเพียงแค่ตอนแยกกันไปพักผ่อน

       
       

      เหลือบตามองคนถามที่ยังคงจับจ้องมายังเขาด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนจะพยักหน้าตอบรับไปเบาๆ

       
       

      “ครับ อยู่ก็อยู่”

       
       

      “นั่นไง ฉันรู้อยู่แล้วว่าชานยอลต้องตอบตกลง นายน่ารักที่สุด” มือบางเอื้อมมาหยิกแก้มของเขาอย่างมันเขี้ยวพร้อมรอยยิ้มกว้างที่พาให้คนมองใจเต้นแรง

       
       

      อี้ฝานเดินกลับไปเก็บข้าวของภายในกองถ่ายหลังจากพูดคุยกันต่อไม่กี่คำ แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เขายิ้มไปได้อีกพักใหญ่ รอยยิ้มกว้างของรุ่นพี่ตัวสูงยังคงติดตาและทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าอยากจะเร่งเวลาให้ถึงช่วงค่ำโดยเร็วที่สุด

       
       

      ก็รุ่นพี่สัญญาเอาไว้นี่นา ว่าจะเต้นรำกับเขาเป็นคนแรก

       
       

       
       

       

       

      จังหวะเพลงแผ่วเบาดังคลอไปกับสายลมอ่อนที่พัดผ่าน แสงไฟค่อนข้างมืดคล้ายกับที่เห็นได้ตามงานเต้นรำของวัยรุ่นทั่วไปทำให้รู้สึกประหลาดใจได้ไม่น้อย ปาร์คชานยอลนึกไม่ออกเลยว่าเหตุใดเหล่าผู้ใหญ่ในกองถ่ายภาพยนตร์ที่เพิ่งปิดฉากลงไปถึงได้จัดปาร์ตี้ฉลองปิดงานออกมาแนวอบอุ่น แทนที่จะเป็นการเปิดห้องร้องคาราโอเกะแล้วจิบเหล้าตามประสา

       
       

      ทุกคนที่เคยร่วมงานกันมาไม่ได้แต่งกายหรูหรา แต่ความผ่อนคลายที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับครอบครัวนี่แหละ ที่ช่างกล้องหนุ่มคิดว่าเป็นเสน่ห์ของเพื่อนร่วมงานทุกคนในคราวนี้

       
       

      เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สูงใกล้กับบาร์เครื่องดื่ม เท้าคางมองรุ่นพี่หลายคนพากันออกไปเต้นรำขับเคลื่อนตามจังหวะเพลงคลาสสิกที่เปิดคลอ ยังมองไม่เห็นตัวของผู้ชายที่ได้ยินมาว่าจะร้องเพลงอย่างคิมจงอิน แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับการที่ข้างกายของเขามีใครบางคนอยู่ด้วยกัน

       
       

      อู๋อี้ฝานขยับตัวลงนั่งข้างเขา พร้อมกับแก้วเครื่องดื่มในมือ ทางนั้นหันมายิ้มทักทายให้เมื่อชายหนุ่มหันไปสบตา จนสุดท้ายก็ต้องเป็นเขาเองที่เลือกจะหลบสายตาเพราะพวงแก้มที่เหมือนจะร้อนขึ้นมา รุ่นพี่ของเขาน่ารักจริงๆ และยิ่งดูมีเสน่ห์กว่าเดิมภายใต้แสงสลัว รอยยิ้มมุมปากนั่นกำลังทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง

       
       

      และหัวใจเจ้ากรรมก็ยิ่งเต้นแรงเสียยิ่งกว่าเก่า เมื่อมือข้างที่ว่างของอี้ฝานเอื้อมมาประสานเข้ากับอวัยวะอย่างเดียวกันกับของเขา

       
       

      “รุ่นพี่?”

       
       

      “นายขอฉันเต้นรำไว้ไม่ใช่หรือไง แล้วเราจะนั่งรออะไรล่ะ” พูดพลางก็วางแก้วเครื่องดื่มสีใสลง แล้วหันมาคว้ามือของเขาเอาไว้ทั้งสองข้างแทน ชานยอลพบว่าตัวเองกำลังถูกฉุดให้ลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะก้าวเข้าไปในพื้นที่เต้นรำกลางห้องด้วยกันกับคนข้างกาย ยืนมองหน้ากันอยู่สักพักอย่างเงียบเชียบ จนได้ยินเพียงเสียงหัวใจที่ดังก้องอยู่ในหู

       
       

      อู๋อี้ฝานส่งยิ้มจางให้น้อยๆ มือบางคว้ามือข้างหนึ่งของเขาขึ้นมา

       
       

      “ฉันให้นายเลือกว่าอยากจะเต้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” น้ำเสียงของผู้พูดดูเหมือนไม่ได้คิดอะไร แต่อีกฝ่ายจะรู้บ้างไหมนะว่าทำให้หัวใจของช่างกล้องคนนี้เต้นแรงมากแค่ไหน ชานยอลรู้สึกว่ามือของเขากำลังสั่นตอนที่เลื่อนมันไปวางบนแผ่นหลังของคนตรงหน้าแทนคำตอบ

       
       

      รุ่นพี่หนุ่มยังคงยิ้ม มือข้างหนึ่งแตะลงที่บ่าของเขา ก่อนจะประสานมืออีกข้างเข้าด้วยกัน

       
       

      กลิ่นบางเบาของอาฟเตอร์เชฟที่คุ้นเคยยังคงพาชายหนุ่มให้นึกถึงวันแรกที่ได้พบกัน

       
       

      เสียงเพลงที่ดังก้องไปทั่วห้องคล้ายว่าจะไม่ได้ผ่านเข้าในโสตประสาทแม้แต่น้อย ชานยอลรู้สึกว่าโลกของเขามีเพียงความเงียบงัน ได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจของตนเองที่ดังกึกก้องไปทั่วในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังคนตรงหน้า มันยิ่งกว่าความฝันเสียอีกที่มีคนที่แอบปลื้มมาโดยตลอดอยู่ในอ้อมแขน ยิ้มให้กัน สบตากัน

       
       

      รู้สึกเหมือนโลกนี้ไม่มีใครอีก นอกจากเขาเพียงแค่สองคน

       
       

       




       

      รถประจำทางเที่ยวสุดท้ายในยามดึกเงียบเชียบไร้ผู้คน ชานยอลสังเกตว่านอกจากเขากับรุ่นพี่อี้ฝานที่มักจะกลับบ้านด้วยกันเสมอแล้ว ก็มีเพียงชายชรากับวัยรุ่นอีกเพียงแค่สองคนเท่านั้นบนรถเมล์สายนี้ แสงสีของเส้นทางถูกดูดกลืนด้วยยามวิกาลที่เงียบสงบ และบนคันรถก็ไร้เสียงพูดคุยใดๆ นอกจากเสียงของเขาสองคน

       
       

      เรื่องจิปาถะมากมายถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน แม้จะเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ในงานเลี้ยงปิดกองถ่ายภาพยนตร์แล้ว หากชานยอลก็รู้สึกว่าเขากับอี้ฝานมีเรื่องพูดกันอย่างไม่รู้จบ อีกฝ่ายมักจะเล่าเรื่องสมัยอยู่มหาวิทยาลัย วีรกรรมแปลกๆ ที่เคยทำ วิชาที่ลงเรียน รวมถึงเรื่องรักครั้งเก่า

       

       

      หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความอาลัยของคู่สนทนาที่เหม่อมองไปเบื้องหน้า มันอาจเป็นความเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่ชานยอลก็รู้สึกว่าเขาไม่อยากให้ดวงตาคู่นั้นมองใครนอกไปจากเขาเพียงคนเดียว

       
       

      เขาเพียงคนเดียว เหมือนตอนที่เต้นรำด้วยกัน

       
       

      กลิ่นอ่อนๆ ของอาฟเตอร์เชฟที่คุ้นเคยมานาน พร้อมกับน้ำหนักที่กดลงบนบ่าทำให้ต้องเหลือบตาไปมอง ก่อนก้อนเนื้อในอกของช่างกล้องหนุ่มวัยยี่สิบต้นจะแทบหยุดเต้นเมื่อระลึกขึ้นได้ว่ารุ่นพี่อี้ฝานเอนศีรษะมาซบพิงเข้ากับไหล่ แพขนตายาวที่อยู่ใกล้จนเกินไปทำให้หวั่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

       
       

      อยากจะเอื้อมมือไปเขี่ยความยาวนั้นเล่น แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่เหมาะสม

       
       

      “ขอยืมไหล่หน่อยนะชานยอล” เสียงของอีกคนเอ่ยขึ้นเบาๆ เป็นเชิงขออนุญาตตามหลังการกระทำ ซึ่งชานยอลก็ไม่คิดจะขัดอะไร ชายหนุ่มทำเพียงแค่เอนศีรษะลงพิงบนกลุ่มผมสีอ่อนของอีกคน ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอย่างเชื่องช้า

       
       

      กลิ่นของอาฟเตอร์เชฟยังคงติดจมูก เหมือนเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเจ้าของนั้นอยู่ยังคงนั่งอยู่ไม่ห่าง

       
       

      ปาร์คชานยอลชอบในกลิ่นของมันมาตลอด จนคิดว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงตัวอี้ฝานได้ดีกว่าน้ำหอมที่อีกฝ่ายใช้ทุกวันในยามเช้า มันเป็นกลิ่นที่เรียกได้ว่าชัดเจนในความทรงจำของเขามากที่สุด

       

       
       

      เพราะอาฟเตอร์เชฟที่อี้ฝานใช้ เตือนความจำได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้รุ่นพี่หนุ่มกำลังอยู่ใกล้กับเขามากเพียงไร




      .END 
      ღ 










       

      ::TALK::
      ไม่รู้ว่าควรจะระบุคู่ยังไงดี เลยใส่ไปทั้งสองแบบเลย ๕๕๕๕
      ก็เป็นแค่เรื่องของคนสองคนเนอะ ไม่เห็นจำเป็นกำหนดโพซิชั่นเลย :3
      ขอบคุณแรงบันดาลใจดีๆ จากพี่ขนม @washikashi ครับ
      แล้วก็ขอบคุณทุกๆ คนที่ให้ความสนใจด้วยครับ :)




       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×