เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากสามก๊ก(๓)ลิโป้ เฟยเสียง
เกร็ดเกี่ยวกับลิโป้ เทพสงครามแห่งยุคสามก๊ก แรงบันดาลใจในการเขียนหนึ่งในตัวหลักของเรื่องมังกรพเนจร
ผู้เข้าชมรวม
1,482
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ชีวประวัติของเขามีดังนี้ ลิโป้ เป็นชาวเมือง อู่เหยียน จิ่วเหยียน (ปัจจุบัน คือ อำเภอ อู่เหยียน มณฑลซานซี) ว่ากันว่าลิโป้มีเชื้อสายของชาวนอกด่าน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าลิโป้เป็นลูกครึ่งระหว่างชาวฮั่น และชนเผ่านอกด่าน เพราะบ้านเกิดของลิโป้อยู่แถวชายแดนระหว่างประเทศจีนกับชนเผ่านอกด่าน บริเวณ ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งคาดกันว่าอาจจะเป็นเผ่าซงหนู จึงอาจมีความเป็นไปได้ว่าลิโป้มีเชื้อสายของชาวซงหนูอยู่ (นี่เป็นเพียงความคิดของผมเท่านั้น)
ตัวลิโป้นั้นมีรูปร่างสง่างามมาก ว่ากันว่า มีหน้าตาคมเข้ม ตัวสูงใหญ่ตระหง่าน ไหล่กว้าง เอวแคบ มีแขนที่ทรงพลัง ทั้งยังเชี่ยวชาญ การขี่ม้า ยิงธนู และการใช้หอกดาบทุกชนิด เก่งกาจจนได้รับสมญานามว่า “ แม่ทัพบิน ”
แต่ถึงจะเก่งกล้าสามารถชนิดหาใครเทียบยาก แต่ลิโป้เป็นคนไร้คุณธรรม และเป็นคนโลภโมโทสันต์ เห็นแก่เงินทองและหน้าที่การงาน จึงไม่ได้รับการสรรเสริญจากผู้คนทุกยุคทุกสมัย และเป็นตัวแทนของคนเก่งที่ไร้คุณธรรม
ด้วยฝีมือที่เก่งกาจของลิโป้ทำให้ลิโป้ได้รับราชการเป็นครั้งแรกกับ เต็งหงวน เจ้าเมือง เป็งจิ๋ว ซึ่งเต็งหงวนรักในฝีมือของลิโป้มากถึงกับแต่งตั้งให้ลิโป้เป็นองครักษ์ประจำตัว และรับลิโป้เป็นลูกบุญธรรมด้วย
จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ความปั่นป่วนในราชสำนัก ตั๋งโต๊ะนำกำลังเข้ายึดครองเมืองหลวงได้สำเร็จ และเหิมเกริมคิดจะถอดหองจูเปียนออกจากบัลลังค์ฮ่องเต้และตั้งหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน จึงทำการเชิญขุนนางผู้ใหญ่มาที่งานเลี้ยง ซึ่ง เต็งหงวนกับลิโป้ก็มาในงานเลี้ยงนี้ด้วย หลังจากขุนนางมากันครบ ตั๋งโต๊ะก็ประกาศที่จะถอดหองจูเปียนออกจากบัลลังค์ฮ่องเต้และตั้งหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน และถามว่ามีใครไม่เห็นด้วยหรือไม่ ขุนนางต่างๆ กลัวตั๋งโต๊ะไม่มีใครกล้าคัดค้าน มีเพียงเต็งหงวนเท่านั้นที่ลุกว่ากล่าวตั๋งโต๊ะว่าเป็นกบฏ ตั๋งโต๊ะโกรธมาก ลิยูที่ปรึกษาตั๋งโตะเห็นองครักษ์ข้างกายเต็งหงวน เป็นลิโป้ ก็รู้ว่าลิโป้นั้นฝีมือกล้าแข็งมาก จึงบอกให้ตั๋งโต๊ะใจเย็นๆ อย่าบุ่มบ่าม
หลังจากนั้นก็มีการทำศึกกันระหว่างกองทัพของตั๋งโต๊ะ และ เต็งหงวน กองทัพของตั๋งโต๊ะก็ต้องพบกับความน่ากลัวของลิโป้
ลิโป้สำแดงเดชฆ่าฟันแม่ทัพนายกองของ ตั๋งโต๊ะล้มตายเป็นอันมาก กระทั่งตั๋งโต๊ะเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอด ทำให้ตั๋งโต๊ะถึงกับพูดว่า “ ถ้าข้าได้ลิโป้มีหรือใต้หล้านี้จะไม่ตกเป็นของข้า ” ว่าดังนั้น ลิซก เพื่อนในวัยเด็กคนบ้านเดียวกับลิโป้ซึ่งอยู่ในกองทัพของตั๋งโต๊ะได้อาสาไปเกลี้ยมกล่อมลิโป้ โดยบอกว่า “ ลิโป้นั้นกล้าหาญชาญชัย แต่เป็นเป็นคนโลภโมโทสันต์ ถ้าให้ทรัพย์สินเงินทองของมีค่าและยอดอาชาไนย เซ็กเธาว์ตัวโปรดของท่าน ลิโป้ต้องยอมอยู่ด้วยท่านเป็นแน่ ” ตั๋งโต๊ะได้ฟังดังนั้นตอนแรกก็ลังเลใจอยู่แต่ก็อยากได้ตัวลิโป้มาก จึงยอมตกลง ลิซกได้ไปเกลี่ยกล่อมลิโป้ถึงค่ายและได้มอบแก้วแหวนเงินทองมากมาย พร้อมทั้งยอดอาชาเซ็กเธาว์ให้ลิโป้ด้วย ลิโป้เห็นดังนั้นก็ยินดีเป็นยิ่งนักความโลภครอบงำจิตใจ จึงตัดสินใจฆ่าเต็งหงวน และตัดหัวไปมอบให้ตั๋งโต๊ะ
ตั๋งโต๊ะเห็นลิโป้ยอมมาอยู่ด้วยก็ดีใจมากถึงขนาดก้มลงคุกเข่าคำนับลิโป้ แล้วพูดว่า “ ตัวข้าได้ท่านลิโป้มาอยู่ด้วยก็เหมือนต้นข้าวแล้งที่ขาดน้ำจนเกือบแห้งตายไป แล้วได้ฝนตกลงมาห่าใหญ่ ท่วมต้นข้าวจนกลับฟื้นคืนเขียวขจีดังเดิม ” ลิโป้เห็นตั๋งโต๊ะให้เกียรติตนขนาดนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปอุ้มตั๋งโต๊ะให้ลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้และสาบานว่า ตนจะจงรักภักดีต่อ ตั๋งโต๊ะตราบสิ้นชีวิต
หลังจากนั้นตั๋งโต๊ะก็มอบชุดเกราะทองคำให้ลิโป้ พร้อมแต่งตั้งตำแหน่งให้ลิโป้เป็น “ แม่ทัพกองทหารม้ารักษาพระราชวัง ” ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยนครหลวงลกเอี๋ยงควบตำแหน่งองครักษ์ประจำตัวและรับลิโป้เป็นบุตรบุญธรรมอีกด้วย
เมื่อตั๋งโต๊ะได้ตัวลิโป้มาก็เหมือนเสือติดปีก มีอำนาจอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนอีกจึงทำการถอดหองจูเปียนออกจากบัลลังค์ฮ่องเต้และตั้งหองจูเหียบขึ้นเป็นฮ่องเต้แทนมีพระนามว่า
“ พระเจ้าเหี้ยนเต้ ” ตั๋งโต๊ะตั้งตัวเองเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน กระทำการป่าเถื่อนโหดร้าย ปล้นฉุดฆ่าประชาชน แสดงถึงความเป็นทรราชย์ เต็มตัว ความเดือดร้อนกระจายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
จนกระทั่งวันหนึ่งโจโฉอาสาจะเป็นคนลอบฆ่า ตั๋งโต๊ะแต่ทำงานพลาดจึงหนีไปก่อตั้งกองทัพที่เมืองตันหลิว และทำราชโองการปลอม ส่งสารไปชักชวนเจ้าเมืองต่างๆให้มารวมตัวกันล้มล้างตั๋งโต๊ะ โดยผู้นำกองกำลังคณะปฏิวัติคือครั้งนี้ “ อ้วนเสี้ยว ” ส่วน “ โจโฉ ” เป็นที่ปรึกษากองกำลังคณะปฏิวัติ และในกองกำลังคณะปฏิวัติยังมีขุนศึกคนสำคัญๆอีกมากมายที่จะได้ฝากชื่อในแผ่นดินในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ซุนเกี๋ยน กงซุนจ้าน อ้วนสุด และคนอื่นๆอีกมากมาย กองกำลังคณะปฏิวัติได้เคลื่อนทัพไปที่ ด่านเฮาโลก๋วนและเกิดการสู้รบกันอย่างดุเดือด ฮัวหยงแม่ทัพฝ่ายตั๋งโต๊ะถูกฆ่าตายโดยกวนอู*
เมื่อฮัวหยงตาย ทัพกองกำลังคณะปฏิวัติก็บุกเข้าตีอย่างหนักหน่วง จนกระทั่งพวกเขาต้องพบกับขุนศึกที่เก่งกล้าที่สุดในใต้หล้า ในขณะนั้น คือ ลิโป้ เฟยเสียง..........และนี่คือศึกที่ทำให้ชื่อเสียงของลิโป้ขจรไกลไปทั่วทั้งสี่คาบ มหาสมุทร ว่ากันว่าในตอนนั้น “ ลิโป้สวมเกราะทองคำ ถือง้าวกรีดนภา ขี่ยอดอาชาไนย เซ็กเธาว์ เมื่อแสงตะวันสะท้อนมายังตัวลิโป้ซึ่งแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างโอ่อ่า ก็ อุปมาดั่งเทพนักรบจุติลงมาจากสวรรค์ ”
ทำให้ขุนศึกของกองกำลังคณะปฏิวัติต่างตะลึงในความสง่างามและหวาดกลัวไปพร้อมๆกัน ลิโป้นำทัพบุกตะลุยอย่างน่ากลัวฆ่าฟันแม่ทัพนายกองของกองกำลังคณะปฏิวัติล้มตายเป็นอันมาก พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป
กงซุนจ้านเห็นดังนั้น ก็ ควบม้าเข้าไปรบกับลิโป้ได้แค่ 10 เพลง ก็สิ้นกำลัง รีบชักม้าถอยหนีไป ลิโป้เห็นดังนั้นก็เร่งควบม้าตามไปทัน เงื้อง้าวกรีดนภา เตรียวจะแทงกงซุนจ้าน แต่ทันใดนั้น เตียวหุยควบม้าเข้ามาสกัดลิโป้ พร้อมตะโกนด่าลิโป้ว่า “ อ้ายลูก 3 พ่อข้าจะสู้กับเจ้าเอง ” ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธนัก เข้ารบกับเตียวหุยถึง 50 เพลง จนกระทั่งเตียวหุยเริ่มอ่อนแรงลงแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเพลี่ยงพล้ำกวนอูเห็นดังนั้นกลัวน้องสามเสียทีก็ควงง้าวนิลนาคะ
เข้าไปร่วมวงรุมรบลิโป้กับเตียวหุยอีก 30 เพลง แต่ลิโป้ก็อาศัยชั้นเชิงการรบที่เหนือกว่ายอดขุนศึกทั้ง 2 ที่ตอนนั้นเป็นแค่เพียงทหารเลว รบป้องกันต้านทานได้อย่างแข็งแกร่ง นายอำเภอเล่าปี่ในตอนนั้นเห็นสองพี่น้อง กวนอู เตียวหุย รุมรบลิโป้อย่างหนักหน่วงแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชัยลิโป้ได้ จึงควบม้าถือดาบคู่เข้าไปรุมรบลิโป้อีก
เป็น 3 รุม 1 คราวนี้ลิโป้เริ่มจะต้านทานไม่ไหวเพราะต้องสู้กับยอดขุนศึกแห่งยุคอีก 2 คน และความเหนื่อยล้าจากการรบมายาวนาน ประกอบกับตอนนั้นกองทัพของกองกำลังคณะปฏิวัติยกทัพกระหนาบเข้ามาด้วย ลิโป้จึงคิดว่าขืนปล่อยไว้อย่างนี้อาจเสียทีได้ จึงควบยอดอาชาไนย เซ็กเธาว์หนีกลับเข้าด่านไปก่อน กองทัพของกองกำลังคณะปฏิวัติจึงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะและเร่งเข้าตีด่านเฮาโลก๋วนอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถเข้าตีให้แตกได้เพราะพวกกองทัพ ตั๋งโต๊ะต้านทานอย่างหนัก ซึ่งศึกครั้งนี้ลิโป้จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ถอยไป แต่เขาก็ได้ฝากฝีมือการรบอันระบือลือลั่นไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วทั้งสี่คาบมหาสมุทร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากพ่ายแพ้กองทัพตั๋งโต๊ะก็ถอยทัพกลับเมืองหลวง และคิดว่าขืนอยู่อย่างนี้อาจต้านทานกองกำลังคณะปฏิวัติไม่ไหว จึงปรึกษากับที่ปรึกษาลิยู ลิยูจึงเสนอแผนการย้ายเมืองหลวงขึ้นโดยให้ย้ายเมืองหลวงไปเมืองเตียงฮันซึ่งอยู่ทางตะวันตกของลกเอี๋ยง และได้สั่งให้ลิโป้ไปขุดทรัพย์สมบัติจากสุสานกษัตริย์มาจนหมดสิ้นและขนไปเตียงอันแล้วก็ทำการจุดไฟเผาเมืองลกเอี๋ยงขึ้นเพื่อไม่ให้กองกำลังคณะปฏิวัติสามารถใช้เมืองหลวงลกเอี๋ยงเป็นฐานที่มั่นในการโจมตีได้
ดังนั้นเมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่นเมืองลกเอี๋ยงจึงถูกเผาทำลายย่อยยับกว่าจะฟื้นคืน ก็ อีกหลายปีหลังจากนั้น เมื่อตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวงไปเตียงอันกองกำลังคณะปฏิวัติก็เริ่มแตกคอกันเองเพราะต่างไม่มีความจริงใจที่จะทำเพื่อชาติล้วนเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน กองกำลังคณะปฏิวัติจึงแตกสลาย ยกทัพกลับกันไปหมด ตั๋งโต้ะเห็นกองกำลังคณะปฏิวัติล่มสลายก็มีความสุขยิ่งนักเกิดความชะล่าใจ เหิมเกริมในอำนาจมากกว่าเก่า ทำการปล้นฉุดฆ่าประชาชนอย่างที่เคยฆ่าฟันขุนนางที่คัดค้านต้อต้านอย่างเหี้ยมโหด ผิดมนุษย์มนา บ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนแสนสาหัส แผ่นดินลุกเป็นไฟ
จนวันหนึ่ง “อ้องอุ้น” เสนาบดีใหญ่แห่งราชสำนักฮั่น ได้วางแผนอุบายหญิงงามขึ้น เพื่อทำให้ ตั๋งโต๊ะและ
ลิโป้ขัดใจกัน โดยใช้ “เตียวเสี้ยน” บุตรสาวบุญธรรมเป็นชนวนที่ทำให้ตั๋งโต๊ะและลิโป้เกิดความระหองระแหงกัน โดยในตอนแรกอ้องอุ้นเชิญ ลิโป้มาที่จวนก่อน และให้เตียวเสี้ยนออกมาต้อนรับ เมื่อลิโป้เห็นเตียวเสี้ยนก็ตกหลุมรักเตียวเสี้ยนทันที อ้องอุ้นเสนาบดีใหญ่ดูออกว่าลิโป้ ตกหลุมรักเตียวเสี้ยนแล้ว ก็รีบเสนอยกเตียวเสี้ยนให้เป็นภรรยาน้อยลิโป้ทันที ลิโป้ได้ยินดังนั้น ก็ดีใจตัวลอยรีบตกลงรับเตียวเสี้ยนเป็นภรรยาทันทีและอ้องอุ้น บอกว่าจะส่งตัวไปให้ทีหลังลิโป้ตกลง ก็กลับไป
ต่อมาอ้องอุ้นเชิญตั๋งโต๊ะไปกินเลี้ยงที่จวน ของอ้องอุ้น และตั๋งโต๊ะก็ตกลงไปไปกินเลี้ยงที่จวน ของอ้องอุ้น เมื่อตั๋งโต๊ะไปถึงจวน อ้องอุ้นก็เรียกเตียวเสี้ยนออกมาเต้นรำให้ตั๋งโต๊ะดู ซึ่งตั๋งโต๊ะก็ตกหลุมรักเตียวเสี้ยน เช่นเดียวกับลิโป้ อ้องอุ้นเสนาบดีใหญ่ดูออกว่า ตั๋งโต๊ะก็หลงรักเตียวเสี้ยน เช่นเดียวกับลิโป้ จึงยกให้ตั๋งโต๊ะ เช่นเดียวกันกับลิโป้ แต่คราวนี้ให้ ตั๋งโต๊ะนำตัวไปเลย หลังจากนั้นลิโป้ก็ได้ไปหาพ่อบุญธรรมตั๋งโต๊ะเช่นเคย ก็ได้ยินหญิงรับใช้ในจวนของตั๋งโต๊ะพูดกันว่าตั๋งโต๊ะได้หญิงงามเป็นภรรยาคนใหม่ ลิโป้จึงถามสาวใช้ว่าหญิงงามผู้นั้นชื่ออะไร สาวใช้ ก็ตอบลิโป้ว่า“นางชื่อเตียวเสี้ยนคะท่านแม่ทัพ” ลิโป้ได้ยินดังดังนั้น ก็ตกใจ และก็แค้นเคืองไปในเวลาเดียวกัน ก็วิ่งเข้าไปถึงนอกห้องนอนของตั๋งโต๊ะ ก็เห็นเตียวเสี้ยนหวีผมอยู่นอกหน้าต่างเมื่อเห็นลิโป้ เตียวเสี้ยนก็แกล้งร้องไห้ทำหน้าหมองเศร้า ลิโป้เห็นหญิงรักในดวงใจถูกตั๋งโต๊ะรังแก ก็โกรธเป็นกำลังในตอนนั้น ตั๋งโต๊ะ ก็รีบออกไปดูที่หน้าต่างเห็นลิโป้มาจ้องมองเมียสาวตนเอง ก็ไล่ลิโป้ออกไปลิโป้เห็นดังนั้น ก็โกรธายิ่งนัก แต่เห็นตั๋งโต๊ะเป็นพ่ออยู่ ก็ข่มใจระงับความโกรธ เร่งเดินออกไปจากจวนตั๋งโต๊ะและมีความสงสัยจึงไปถามอ้องอุ้นที่จวนให้รู้เรื่อง
เมื่อพบอ้องอุ้น ลิโป้ ก็ เล่าเหตุการณ์ ทั้งหมดให้อ้องอุ้นฟังและถามด้วยความโกรธและขุ่นเคืองใจว่า “ท่านเสนาบดีใหญ่เหตุใดท่านจึงยกเตียวเสี้ยนให้พ่อข้า ไหนท่านบอกว่าจะมอบตัวแม่นางเตียวเสี้ยนให้ข้าไงละและเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้ ” อ้องอุ้นเสนาบดีใหญ่ คาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าผลจะต้องมาเป็นอย่างนี้ จึงตอบไปว่า “อะไรกัน ท่านมหาอุปราช บอกข้าว่าจะมารับตัวเตียวเสี้ยน ไปให้ท่านแม่ทัพลิโป้ โดยบอกว่าต้องการให้ท่านแม่ทัพแปลกใจข้าจึงส่งตัวไปให้ แล้วทำไมจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นได้ท่านแม่ทัพเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า” ลิโป้ได้ยินดังนั้น ก็ เข้าใจว่า อ้องอุ้น คงไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ และนึกแค้นตั๋งโต๊ะที่แย่งหญิงรักของตนไป จึงตอบอ้องอุ้นเสนาบดีใหญ่ไปว่า“ข้าเข้าใจไม่ผิดหรอก ไอ้เฒ่าตั๋งโต๊ะมันเอาแม่นางเตียวเสี้ยนทำเป็นภรรยาของมันไปแล้ว” อ้องอุ้นได้ยินดังนั้นก็แกล้งตกใจบอกว่า“ท่านมหาอุปราชทำเช่นนี้ไม่ได้เห็นแก่หน้าท่านแม่ทัพลิโป้แม้แต่น้อยเลย” หลังจากนั้นความสัมพันธ์พ่อลูกของตั๋งโต๊ะและลิโป้ก็แย่ลงๆ
จนวันหนึ่งความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ก็แทบขาดสะบั้นลง วันนั้นลิโป้ติดตามตั๋งโต๊ะไปคุ้มกันเช่นเคยหลังจากประชุมขุนนางเสร็จตั๋งโต๊ะก็บอกให้ลิโป้กลับบ้านไปพักผ่อนซึ่งลิโป้ก็กลับจริงๆแต่ไม่ได้กลับบ้านตัวเองแต่ไปบ้านของพ่อบุญธรรม ตั๋งโต๊ะ.... เมื่อลิโป้ไปถึงก็พบเตียวเสี้ยนอยู่ที่ศาลาริมน้ำ เมื่อเตียวเสี้ยนเห็นลิโป้ ก็แกล้งร้องไห้ลิโป้เห็นเตียวเสี้ยนร้องไห้ ก็ปวดใจยิ่งนัก เข้าไปกอดปลอบประโลมเตียวเสี้ยนเป็นการใหญ่ เตียวเสี้ยน ก็บอกลิโป้ว่าที่ทนอยู่มาจนวันนี้ก็เพราะอยากจะสั่งลาลิโป้ก่อนที่จะฆ่าตัวตาย เพราะทรมานใจที่ไม่ได้อยู่กับลิโป้ ลิโป้ได้ยินดังนั้น ก็อ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูกเตียวเสี้ยนเห็นลิโป้อ้ำอึ้งแกล้งพูดอีกว่า“ท่านแม่ทัพลิโป้ชื่อเสียงระบือลือลั่นจรดไปทั้งสี่คาบมหาสมุทรข้าเอามือปิดหูก็ยังได้ยินชื่อเสียงของท่าน แต่ข้าเห็นท่านตอนนี้ดูก็รู้ว่าท่านเกรงกลัวตั๋งโต๊ะ ไม่สมกับที่ผู้อื่นว่าท่านเป็นคนกล้าหาญอย่างนี้ข้าคงไม่มีวันได้อยู่กับท่านเป็นแน่ข้าจะฆ่าตัวตายจะได้ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป” ว่าแล้วเตียวเสี้ยนก็แกล้งจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ลิโป้เห็นเตียวเสี้ยนทำอย่างนั้นก็สะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งก็เข้าโอบกอดเตียวเสี้ยนและพูดว่า“ข้าลิโป้ ก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ชาตินี้จะต้องเอาเจ้ายอดรักของข้ามาเป็นภรรยาของข้าให้ได้ต่อให้ต้องฆ่าไอ้ตั๋งโต๊ะข้าก็จะทำ” ว่าจบ ลิโป้กับเตียวเสี้ยน ก็ กอดกันกลม และในตอนนั้นตั๋งโต๊ะก็กลับมาพอดีเห็นภาพบาดใจ ก็โกรธแค้นลิโป้สุดหัวใจ คว้าง้าวกรีดนภาของลิโป้ที่พิงอยู่ข้างเสาไล่แทงไล่คว้างใส่ลิโป้แต่ลิโป้ ก็หนีออกไปได้ จนลิยูที่ปรึกษาและลูกเขยผ่านมาเห็นบอกว่าควรยกเตียวเสี้ยนให้ลิโป้เพื่อแก้ปัญหานี้
ตอนแรกตั๋งโต๊ะก็ใจอ่อนจะยกให้เพราะรักในฝีมือลิโป้แต่โดนเตียวเสี้ยนอ้อนก็เปลี่ยนใจไม่ยอมยกให้ จนวันหนึ่งความอดทนของลิโป้สิ้นสุดเขาไประบายอารมณ์กับอ้องอุ้นเสนาบดีใหญ่ บอกว่า“ชาตินี้ถ้าข้าไม่ได้เตียวเสี้ยนเป็นภรรยาและไม่ได้ฆ่าไอ้ตั๋งโต๊ะข้าไม่ขอเกิดเป็นคน” อ้องอุ้นได้ยินดังนี้ก็คิดว่าแผนการหญิงงามของตนสำเร็จแล้วแต่ต้องการลองใจลิโป้อีกทีเพื่อความแน่ใจจึงพูดว่า“ท่านแม่ทัพอย่าได้พูดเช่นนี้เกิดคนอื่นได้ยินข้าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย”ลิโป้ได้ยินดังนั้น ก็พูดว่า“ข้าก็เป็นลูกผู้ชายชาตรีคนหนึ่งจะให้อยู่ใต้อำนาจใครไปตลอดชีวิตได้อย่างไร”อ้องอุ้นได้ยินดังนั้นก็มั่นใจว่าลิโป้เอาใจออกห่างจากตั๋งโต๊ะแล้ว ก็เสนอแผนการฆ่าตั๋งโต๊ะให้ลิโป้ฟังลิโป้ ก็พูดว่า“ที่ท่านพูดมาข้าก็คิดอย่างเดียวกันกับท่านอยากจะร่วมทำการด้วยแต่ติดอยู่ปัญหาหนึ่ง ข้ากับตั๋งโต๊ะเป็นพ่อลูกกันอยู่ถ้าฆ่ามันเสียก็กลัวจะถูกผู้อื่นประณามเอาได้” อ้องอุ้นได้ยินดังนั้นก็บอกลิโป้ว่า“ อันตัวท่านแซ่ลิ ไม่ใช่แซ่ตั๋งจะเป็นพ่อลูกกับมันได้อย่างไร อันตั๋งโต๊ะเป็นโจรชั่วทรราชย์แห่งแผ่นดิน ถ้ายอมอยู่รับใช้มันท่านก็จะถูกประณามไปนับหมื่นนับพันปีแต่ถ้าท่านร่วมมือกับข้าล้มล้างโจรชั่วทรราชย์ช่วยเหลือกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นท่านก็จะได้รับการสรรเสริญ ว่าเป็นวีรบุรุษนับหมื่นนับพันปี”ลิโป้ได้ฟังดังนั้นดวงตาก็ลุกวาว ตอบตกลงร่วมทำการด้วยทันที และกรีดเลือดสาบานร่วมทำการใหญ่ครั้งนี้พร้อมพูดด้วยเสียงอันดังว่า“เพื่อชื่อเสียงวีรบุรุษหมื่นพันปี” หลังจากนั้นทั้ง 2 ก็วางแผนนัดแนะกันล้มล้างตั๋งโต๊ะ โดยตัวอ้องอุ้นได้เข้าเฝ้าพระเจ้าเหี้ยนเต้เพื่อให้ทรงมีราชโองการเรียกตัวตั๋งโต๊ะเข้าวังโดยบอกว่าจะยกราชบัลลังก์ให้ซึ่งตั๋งโต๊ะก็หลงเชื่อและเข้ามาตามที่อ้องอุ้นได้วางแผนการไว้ จากนั้นก็อาศัยที่ตั๋งโต๊ะเข้ามาถึงพระราชวัง ให้เหล่าขุนนางและทหารต่างพกอาวุธ ตั๋งโต๊ะเห็นดังนั้นก็แปลกใจว่าทำไมเหล่าขุนนางต่างพกอาวุธกันหมด ว่าดังนั้นอ้องอุ้นก็บอกให้เหล่าขุนนางและทหารให้ช่วยกันรีบฆ่าตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะได้ยินดังนั้นก็ตกใจวิ่งหนีอย่างหวาดกลัวร้องหาตัวลิโป้ให้มาช่วยและเขาก็เจอลิโป้จริงๆลิโป้ได้อ่านราชโองการว่า“อันตั๋งโต๊ะนั้นเป็นโจรกบฏให้ช่วยกันจับฆ่าทิ้งซะ”หลังจากอ่านเสร็จ ลิโป้ก็ควงง้าวกรีดนภาแทงคอตั๋งโต้ะเลือดพุ่งกระฉูดขาดใจตายคาที่ จบตำนานจอมทรราชย์ที่ผู้คนทั้งแผ่นดินต่างเกลียดชัง
หลังจากนั้นลิโป้และอ้องอุ้นก็นำทหารไปฆ่าครอบครัวของตั๋งโต้ะที่ป้อมเหม่ยอูจนหมดสิ้น ซึ่งว่ากันว่าหลังจากตั๋งโต๊ะตายไปเมืองเตียงอันได้มีการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นและมีการนำศพของตั๋งโต๊ะเดินประจานไปรอบเมืองซึ่งเหล่าประชาชนที่ต่างเคียดแค้น ก็เข้าทุบตีศพตั๋งโต้ะจนมีสภาพเละเทะ ทหารใช้ตะเกียงจุดไฟบนสะดือตั๋งโต้ะไฟนั้นก็สว่างไสวอยู่หลายวันหลายคืนเลยทีเดียว ประชาชนทั่วทั้งเมืองไม่ว่าจะยากดีมีจนต่างออกมาฉลองดื่มสุราสังสรรค์และเต้นรำกันอย่างมีความสุขในโอกาสที่จอมทรราชย์แห่งแผ่นดินตั๋งโต้ะได้ตายไปแล้ว โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่าความมืดมนกำลังเคลือบคลานมาถึงเตียงอันอีกครั้งในไม่ช้านี้ **
หลังจากกำจัดตั๋งโต๊ะได้แล้ว ลิโป้ กับ อ้องอุ้นก็ได้ร่วมมือกันบริหารราชการเมืองหลวง ซึ่งลิโป้ได้รับความดีความชอบในการปราบปรามตั๋งโต๊ะ ครั้งนี้ โดยได้รับตำแหน่ง “แม่ทัพพิทักษ์รักษาพระนครหลวง” มีบรรดาศักดิ์เป็น “พระยาแห่งเหวิน ผู้สร้างคุณงามความดี” มีอำนาจสูงส่งในเมืองหลวง แต่หลังจากนั้นได้ไม่นานพวก ลิฉุย กุยกี หวนเตียว เตียวเจ ข้ารับใช้ของเก่าของตั๋งโต๊ะ ก็บุกระดมพลบุกเข้าตีเตียงอัน ลิโป้นำกำลังออกจากเมืองหลวง เข้าต้านทานอย่างกล้าหาญ พวก ลิฉุย กุยกี ไม่สามารถต้านทานความแข็งแกร่งของลิโป้ จึงคิดแผนการขึ้นโดยแยกกองทัพออกเป็น 2 สาย ให้กองทัพของ ลิฉุย กุยกี รบต้านทานลิโป้ไว้และให้พวกกองทัพของ หวนเตียน เตียวเจ บุกอ้อมเข้าตีเตียงฮันจนเมืองเตียงฮันแตก ลิโป้เห็นดังนั้นก็นำทหารตีฝ่าออกไปยังในเมืองเตียงฮัน ฆ่าทหารของกองทัพ ลิฉุย กุยกี ล้มตายเป็นอันมาก ไปพบ อ้องอุ้น ก็ชวนให้หนีออกไปด้วยกันแต่อ้องอุ้นปฏิเสธและกล่าวว่า “ท่านกับข้าได้ร่วมทำการทำนุบำรุงแผ่นดินมาจนถึงบัดนี้ตอนนี้เมืองหลวงเกิดความเดือดร้อนฮ่องเต้ทรงได้รับอันตรายจะให้หนีเอาตัวรอดไปได้อย่างไรท่านแม่ทัพลิโป้หนีออกไปคนเดียวเถิดและรีบไปบอกเจ้าเมืองต่างๆให้รีบไปยกทัพเข้ามากำจัดไอ้พวกโจรชั่ว ลิฉุย กุยกี ช่วยองค์ฮ่องเต้ด้วย” ลิโป้ได้ฟังอ้องอุ้นพูดจบก็เร่งให้อ้องอุ้นหนีกับไปกับตนอีกหลายครั้งหลายครา แต่อ้องอุ้นก็ไม่ยอมไปจนพวก กองทัพของ ลิฉุย กุยกี นำทัพใกล้เข้ามา ลิโป้เห็นจวนตัวก็นำทหารที่เหลือเพียงเล็กน้อยตีฝ่าออกนอกเมืองเตียงอันไปโดยไม่ได้นำครอบครัวของตนที่ติดอยู่ในเมืองหนีออกมาด้วย หลังจากนั้น พวก ลิฉุย กุยกี ยึดเมืองเตียงอันได้ ก็ฆ่าอ้องอุ้นและครอบครัวหมดทั้งตระกูล ยังไม่พอยังคิดจะคิดฆ่าพระเจ้าเหี้ยนเต้ด้วยแต่ก็คิดได้ในภายหลังจึงเปลี่ยนใจยึดอำนาจแทน สืบต่อจากตั๋งโต๊ะนายเก่า แล้วก็ทำการปกครองอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนยิ่งกว่าตั๋งโต๊ะมากนัก ชนิดตั้งแต่สามัญชนคนธรรมดาจนถึงฮ่องเต้ ต่างก็เดือดร้อนไปตามๆกัน
เมื่อลิโป้หนีออกมาได้ก็ระเหเร่ร่อนเป็นเจ้าไม่มีศาลไปขอพึ่ง อ้วนสุดที่ลำหยงก็ถูกอ้วนสุดขับไล่ออกมาไปอยู่กับอ้วนเสี้ยวเคยทำผลงานได้ครั้งหนึ่งแต่ไปมีเรื่องกับลูกน้องอ้วนเสี้ยวจึงถูกขับไล่ออกมาอีก หลังจากนั้นไปขออยู่กับ เตียวเอี๋ยน เจ้าเมืองเซียงต๋ง ขณะนั้น บังสี สหายของลิโป้ที่อยู่ในเมืองเตียงฮัน ก็ลอบส่งครอบครัวของ ลิโป้ รวม ทั้งนางเตียวเสี้ยน ไปให้ลิโป้ที่เมืองเซียงต๋ง ลิฉุย กุยกี รู้เรื่องเข้าจึงจับบังสีฆ่าเสีย และส่งหนังสือไปหายังเตียวเอี๋ยนให้จับลิโป้ฆ่าทิ้งซะ ลิโป้เห็นท่าไม่ดีจึงพาครอบครัวอพยพไปขออาศัยอยู่กับเตียวเมาเจ้าเมืองตันลิว ซึ่งเตียวเมาก็ยิน ดีเพราะชื่นชมฝีมืออันกล้าหาญของลิโป้
ในตอนนั้นโจโฉเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในภาคตะวันออกสามารถปราบปรามและเกลี่ยกล่อมพวกโจรโพกผ้าเหลืองได้มีกำลังทหารถึง 200,000คน เป็นใหญ่ที่เมืองกุนจิ๋ว ประกอบกับได้รับการแต่งตั้งจากทางการให้เป็นผู้ว่าราชกามณฑล ภาคตะวันออกทั้งหมด จึงมีชื่อเสียงขจรไกลออกไปและมีผู้มีความสามารถมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แต่มีเรื่องผิดใจกับ โตเกี๋ยม เจ้าเมืองชีจิ๋ว เนื่องจาก โจโก๋ บิดาของโจโฉได้อพยพครอบครัวประมาณสองร้อยคน จากเมืองตันลิวจะไปอยู่เมืองกุนจิ๋วกับโจโฉ แต่ถูกพวกเตียวคี โจรเก่าซึ่งเป็นนายทหารของโตเกี๋ยม ฆ่าตายหมดทั้งครอบครัว แล้วชิงเอาทรัพย์สินหลบหนีไป โจโฉคิดว่านี่เป็นฝีมือของโตเกี๋ยมที่สั่งฆ่าบิดาและครอบครัวของตนเอง ก็แค้นเคืองจนสุดบรรยาย น้ำตาไหลหลั่งออกมาแทบเป็นโลหิต กรีทาทัพทั้งหมดบุกตีชีจิ๋ว หวังแก้แค้นโตเกี๋ยม
เตียวเมาเจ้าเมืองตันลิว เกรงอิทธิพลที่มากมายของ โจโฉ ว่าซักวันจะขยายอิทธิพลมาถึงเมืองของตน จึงสั่งให้ให้ลิโป้นำทหารยกทัพไปตีเมืองกุนจิ๋วของโจโฉ โดยให้ ตันก๋ง เป็นที่ปรึกษาไปในกองทัพ ซึ่ง ลิโป้ก็สามารถตีเมืองกุนจิ๋วและตีรายทางไปถึงปักเอี้ยง จนทำให้โจโฉเหลือเพียงแค่ 3 เมือง คือ เอียงเสีย ลองไฮและฮวนกวน โจ
หยินลูกพี่ลูกน้องของโจโฉแตกพ่ายจากเมืองกุนจิ๋ว จึงให้ม้าเร็วไปแจ้งข่าวแก่โจโฉ พอรู้เรื่องโจโฉก็ตกใจ จำเป็นต้องรีบถอยทัพจากเมืองชีจิ๋ว จึงเป็นโชคดีของโตเกี๋ยม ที่รอดจากการโจมตีด้วยความแค้นของโจโฉได้ในครั้งนี้
ลิโป้ครอบครองเมืองกุนจิ๋วของโจโฉอยู่ได้ไม่นานก็ได้ข่าวว่าโจโฉยกทัพกลับจากเมืองชีจิ๋วหวังตีเมืองทั้ง หมดคืน ลิโป้จึงไปอยู่ปักเอี้ยง และให้ลูกน้องไปอยู่เฝ้ากุนจิ๋ว หลังจากนั้นลิโป้กับโจโฉก็ยกทัพมาประจันหน้ากัน เมื่อ โจโฉพบหน้าลิโป้ ก็พูดว่า“ข้ากับท่านไม่เคยมีความแค้นต่อกัน เหตุใดท่านจึงนำทัพมายึดตีเมืองของข้าเล่า” ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็ตอบไปว่า “เมืองและแผ่นดินทั่วใต้หล้าเหล่านี้เป็นของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็เสมือนหนึ่งเป็นของผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน ถ้าผู้ใดมีบุญญาธิการความสามารถ ก็จะครอบครองเมืองได้เช่นกัน เหตุใดท่านจึงว่าบ้านเมืองและแผ่นดินเหล่านี้เป็นของท่าน ท่านหามีความละอายไม่”โจโฉได้ยินดังนั้นก็โกรธนัก
ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต่างสั่งทหารเข้ารบอย่างดุเดือดและลิโป้ก็แสดงความสุดยอดในเชิงรบเข้าสู้กับแฮหัวตุ้นและงักจิ้นแม่ทัพกล้าของโจโฉ จนทั้ง2ต้องพ่ายแพ้หนีไป และบุกโจมตีอย่างหนักจนกองทัพโจโฉแตกพ่ายหนีเข้าค่ายไป
โจโฉเห็นลิโป้มีความประมาท จัดแจงเลี้ยงดูทหารเป็นการเอิกเกริกจึงคิดจะยกทัพมาตีตอนกลางคืนแก้แค้น แต่ตันก๋ง ที่ปรึกษา เตือนลิโป้ให้ระวัง จึงเตรียมการป้องกันไว้เมื่อโจโฉยกทัพมาตีก็ต้านทานอย่างหนักหน่วงและตีโต้จนกองทัพ โจโฉแตกพ่ายอีกครั้ง เล่นเอาโจโฉเกือบสิ้นชีวิตแต่โจโฉได้ เตียนอุย ยอดองครักษ์ช่วยไว้จึงสามารถหนีเอาชีวิตรอด ไปได้ หลังจากนั้นทั้ง2ฝ่ายก็กลับเข้าค่าย ตันก๋งที่ปรึกษาคิดอุบายได้จึงบอกกับลิโป้ว่า“ในเมืองนี้ยังมีเศรษฐีอยู่ผู้หนึ่งนามว่า เตียนซี อันเตียนซีนี้ มีใจสัตย์ซื่อเป็นที่นับถือของชาวเมืองทั้งปวง ควรจะชักชวนให้เข้าเป็นพวก เพื่อทำอุบายล่อลวงโจโฉให้เข้ามาติดกับ”
ลิโป้ได้ฟังดังนั้นเห็นด้วย จึงเกลี้ยกล่อมให้ เตียนซี ช่วยเขียนหนังสือล่อลวงโจโฉให้เข้ามาติดกับ โดยให้เตียนซีเขียนบอกว่าตนจะเป็นไส้ศึกเปิดประตูให้กองทัพโจโฉเข้ายึดเมืองปักเอี้ยง และตนเองจะคุมชาวเมืองตีกระ หนาบด้วย เตียนซีเกรงกลัวอำนาจของลิโป้ จึงยอมกระทำตามลิโป้สั่ง โจโฉเห็นหนังสือของเตียนซี ก็ดีใจ คิดว่าเตียนซีจะทำช่วยการเป็นไส้ศึกเปิดประตูให้จริง ก็นำทัพบุกเข้าไปตามที่หนังสือของเตียนซีบอก พอถึงประตูเมืองก็เห็นประ ตูเมืองเปิดออกตามที่นัดแนะกัน โจโฉจึงขี่ม้านำทัพเข้าไปในเมืองปักเอี้ยง แต่ไม่พบผู้คนก็เกิดความสงสัย ทันใดนั้นกองทัพของลิโป้ที่ดักซุ่มอยู่นานแล้ว ก็จุดไฟเผาเมืองและยกทัพเข้าล้อมตีกกองทัพโจโฉจนแตกพ่าย ซึ่งโจโฉก็หนีรอดออกไปได้อีกด้วยฝีมือ เตียนอุย ยอดองครักษ์ อีกครั้งหนึ่ง แม้โจโฉจะหนีรอดกลับมาได้ แต่ก็ได้รับบาดเจ็บถูกไฟไหม้หนวดเคราเสื้อผ้าและบริเวณแขนในตอนหนีออกมาจากเมืองปักเอี้ยง หลังจากหนีมาถึงค่ายของตนโจโฉก็คิดอุ บายแยบยลพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยให้เหล่าทหารไปปล่อยข่าวว่าตัวเองถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บสาหัสทนพิษบาด แผลไม่ไหวสิ้นใจตายไปแล้ว ซึ่งก็ได้ผลเมื่อลิโป้ได้ยินข่าวว่าโจโฉตายแล้วก็ยินดีเป็นยิ่งนัก ยกทัพไปตีค่ายโจโฉด้วยตนเองหวังจะเผด็จศึก และเมื่อกำลังเดินทางไปถึงค่ายของโจโฉ ระหว่างทางก็พบกองทัพของโจโฉที่ดักซุ่มอยู่ตามคำสั่งของ โจโฉเอง บุกเข้าโจมตีอย่างหนักหน่วงและฉลับพลัน จนกองทัพลิโป้ไม่สามารถต้านทานได้ทหารล้มตายไปมากมาย ลิโป้จึงอาศัยฝีมืออันกล้าแกร่งของตนบุกตีฝ่ากองทัพโจโฉหนีกลับเข้าเมือง ไปได้กลับทหารเพียงไม่กี่คน
หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดภัยธรรมชาติ ครั้งใหญ่ขึ้น บ้านเมืองเกิดความแห้งแล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล และไร่นาก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแมลงศัตรูพืชต่างๆ เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง มีคนอดตายจำนวนมาก กองทัพทั้ง 2ฝ่าย จึงหย่าศึกกันชั่วคราว ต่างยกทัพกลับเมืองของตัวเองไป ต่อมาหลังจากนั้นโจโฉได้ยินข่าว ว่ากอง ทัพลิโป้ขาดแคลนเสบียงอยู่จึงระดมทัพใหญ่เข้าตี กุนจิ๋วก่อนและก็ตีได้อย่างง่ายดาย เมื่อได้เมืองกุนจิ๋วมาแล้วโจโฉก็นำทัพบุกต่อไปถึงเมืองปักเอี้ยง ซึ่งในศึกคราวนี้ “หลอกว้านจง” ได้บรรยายถึงความเก่งกาจของ ลิโป้อีกครั้งหนึ่งโดยบรรยายว่า ลิโป้เมื่อรู้ว่าโจโฉนำทัพใกล้มาถึงเมืองก็นำทัพออกมารับมือซึ่งลิโป้ก็ได้แต่งตัวโอ่โถง เช่นเดิม โดย สวมชุดเกราะทองคำ ถือง้าวกรีดนภา ขี่ยอดอาชาไนย เซ็กเธาว์ และขับม้านำหน้ากองทัพออกไปร้องท้าทายกองทัพ โจโฉว่า “ผู้ใดคิดว่าตนเองมีฝีมือเก่งกล้าสามารถ ก็ให้เร่งออกมาพิสูจน์ฝีมือกับข้าลิโป้ผู้นี้ ” ว่าจบ เคาทูทหารเสือของ โจโฉได้ยินดั้งนั้นก็โกรธขี่ม้ารำทวนเข้าไปรบกับลิโป้ได้ 20 เพลงก็ทำอะไรลิโป้มิได้ โจโฉ กลัวว่าเคาทูผู้เดียวจะสู้ลิโป้มิได้ ก็สั่ง เ ตียนอุย ยอดองครักษ์ เข้าไปช่วยเคาทูรุมรบ ลิโป้เป็น 2 รุม 1 ก็ยังทำอะไร ลิโป้ผู้มีชั้นเชิงการรบในระ ดับขั้นสุดยอดมิได้อีก โจโฉ เห็นจอมพลังของกองทัพตนทั้ง 2 คน ทำอะไรลิโป้มิได้คราวนี้จึงสั่งยอดขุนศึก อีก 4 คน คือ แฮหัวตุ้น แฮหัวเอี๋ยน งักจิ้น ลิเตียน ซึ่งบุคคลทั้ง 4 นี้ล้วนมีฝีมือที่กล้าแข็ง เข้ารุมรบลิโป้เป็น 6 รุม 1 แต่ลิโป้ก็ใช้เพลงง้าวอันลือลั่น ของตนต้านทานขุนศึกทั้ง 6 อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าโดนรุมขนาดนี้คงไม่สามารถเอาชนะได้ ขืนปล่อยไว้เช่นนี้อาจเสียทีได้ จึงขี่ยอดอาชาไนย เซ็กเธาว์จะหนีเข้าเมืองแต่ เตียนซี ผู้ที่เคยช่วยลิโป้ออกอุบายหลอกโจโฉ ปิดประตูเมืองไม่ให้ลิโป้เข้า และบอกว่าตนเข้ากับฝ่ายโจโฉแล้ว ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธด่าว่าเตียนซี อย่างหนักและพาทหารยกทัพไปหา เตียวเมาเจ้าเมืองตันลิว โจโฉก็ยึดเมืองปักเอี้ยงคืนมาได้ ก็เห็นว่ากอง ทัพตนกำลังได้เปรียบจึงนำทัพบุกตามตี ลิโป้ถึงเมืองตันลิวจนเมืองตันลิวแตกไป พวกลิโป้และครอบครัวจึงต้องหนีออกไประเหเร่ร่อนเป็น เจ้าไม่มีศาลอีกครั้ง ส่วน เตียวเมาเจ้าเมืองตันลิว หนีไปอยู่กับ อ้วนสุด ดังนั้นโจโฉจึงสามารถยึดเมืองทุกเมืองที่ลิโป้ยึดไปได้ กลับคืนมาได้ทั้งหมด
หลังจากนั้นพวกลิโป้ที่ระเหเร่ร่อน ก็ไม่รู้จะไปพึ่งพาใครจึงลองส่งหนังสือไปขออยู่กับ อ้วนเสี้ยวอีกครั้งแต่คำตอบของ อ้วนเสี้ยวคือกองทัพหนุน 60,000 คนที่ส่งมาเพื่อช่วยโจโฉกำจัดตัวเขา ลิโป้ จึงต้องหนีไปอีก ตันก๋งที่ปรึกษาจึงแนะนำว่า “ท่านแม่ทัพ ควรไปขอพึ่งเล่าปี่ผู้ที่รับตำแหน่งต่อจากโตเกี๋ยมโดยตรง เพราะโตเกี๋ยมเจ้าเมืองชีจิ๋วคนก่อนนั้น ก่อนตายได้ยกเมืองให้เล่าปี่ปกครองเพราะนิยมชมชอบในตัวของเล่าปี่ที่เป็นคนมีน้ำใจกว้างขวางอารีต่อคนทั้งปวง และเคยยกทัพมาช่วยโตเกี๋ยมในตอนที่ถูกโจโฉคุกคาม มิเพียงเท่านั้นตัวเล่าปี่ก็เป็นอริกับโจโฉด้วยถ้าพวกเราไปขอพึ่ง ตัวเล่าปี่ ต้องยินดีช่วยเหลือเราเป็นแน่” ลิโป้ได้ฟังตันก๋งพูดดังนั้นก็เห็นด้วยจึงพาครอบครัวและพรรคพวกไปหาเล่าปี่ที่เมืองชีจิ๋ว เล่าปี่เมื่อรู้ว่าลิโป้จะมาขออาศัย ก็ยินดีรับลิโป้มาอยู่ด้วย เพราะชื่นชมในฝีมืออันกล้าหาญของลิโป้ และต้องการใช้ลิโป้เป็นกันชนสำหรับการป้องกันโจโฉ ถึงแม้ลูกน้องหลายๆคนจะคัดค้านก็ตาม เล่าปี่ออกไปรับตัวลิโป้เข้ามาในเมืองชีจิ๋วทั้ง 2 ก็ได้พูดจากันโดยลิโป้บอกเล่าปี่ว่าตอนที่ไปตีโจโฉเพราะหวังช่วยเล่าปี่แต่ตอนนี้ตนพ่ายแพ้แตกมาจึงขอพึ่งพาอาศัยเล่าปี่ด้วย ส่วนเล่าปี่ก็ถ่อมตัวบอกว่าเมืองชีจิ๋วนี้ไม่ใช่ของตนที่ดูแลอยู่ก็เพราะยังหาคนที่เหมาะสมมาดูแลไม่ได้ พูดจบก็เอาประจำเมืองมามอบให้ลิโป้ ลิโป้ตอนแรกก็จะรับอยู่ แต่เห็น กวนอู เตียวหุย ไม่พอใจมาก จึงไม่รับและหัวเราะพูดว่า “ตัวข้าเป็นแต่ทหาร ซึ่งจะว่าราชการบริหารบ้านเมืองนั้นเหลือสติปัญญาความสามารถของข้านัก” หลังจากนั้น เล่าปี่จึงให้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ และจัดหาบ้านให้ลิโป้กับครอบครัวอยู่ในเมืองชีจิ๋ว
ลิโป้เมื่อมาอยู่กับเล่าปี่ก็รู้สึกว่าเล่าปี่ดีกับตนมากรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณจึงชวน พวก เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย มางานกินเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ เพื่อเป็นการขอบคุณ ในน้ำใจของเล่าปี่ เมื่อพวกเล่าปี่มาถึง ก็เรียก บุตร และภรรยา ทั้ง 2 ของตนมาคำนับเล่าปี่***
นางเหงียมซีภรรยาหลวงของลิโป้ มีอายุมากกว่าเล่าปี่ เล่าปี่เห็นนางเหงียมซีจะคำนับก็บอกว่าอย่าคำนับตนเลยเพราะตนอายุน้อยกว่าไม่สมควรจะมาคำนับ ลิโป้เห็น เล่าปี่ถ่อมตน ก็ กล่าวว่า “ อันน้องข้าอย่าได้ถ่อมตัวไปเลยให้บุตรแลภรรยาของข้าได้คำนับท่านเถิด” เตียวหุยได้ยินลิโป้เรียกเล่าปี่ว่าน้องก็ของขึ้น กล่าวอย่างไม่พอใจด้วยเสียงอันดังว่า “เจ้าเป็นใครกันจึงบังอาจกล่าวเรียกพี่ข้าว่าเป็นน้อง พี่ข้าเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น อุปมาเหมือนต้นไม้ทองใบแก้ว ซึ่งเจ้าอวดตัวว่ามีฝีมือกล้าหาญ ก็จงออกไปประลองกับข้าดูสักสามร้อยเพลงเป็นเช่นไร ” เล่าปี่ได้ยินดังนั้นก็ห้ามปรามเตียวหุยไว้ และให้กวนอูพาออกไปข้างนอก แล้วก็ขออภัยลิโป้ว่าอย่าถือโทษน้องชายเลย ลิโป้ก็สั่นศรีษะไม่รู้ที่จะตอบว่าประการใด หลังจากนั้นเตียวหุยก็ผูกใจพยาบาทคอยหาเรื่องลิโป้ไม่หยุดหย่อนแต่ลิโป้ก็อดทนไว้ไม่ได้ตอบโต้อะไรเพราะคิดถึงคุณเล่าปี่อยู่ จนวันหนึ่งอดรนทนไม่ไหวจะลาเล่าปี่ ไปอยู่ที่อื่น แต่เล่าปี่ขอร้องไว้ เพราะเดี๋ยวผู้คนจะครหานินทาได้ ถ้าลิโป้หนีไปอยู่ที่อื่น เขาจึงขอให้ลิโป้ไปอยู่เมืองที่เมืองเสียวพ่ายซึ่งเป็นเมืองขึ้นของซีจิ๋ว
ลิโป้ได้ฟังก็ยินดีจึงยอมย้าย กองทัพและครอบครัวไปอยู่ซีจิ๋วตามคำเล่าปี่ ในตอนนั้นโจโฉผู้ยิ่งใหญ่ในภาคตะวันออกได้ทำศึกกับ ลิฉุย กุยกี จอมโหดร้าย ที่ยึดอำนาจการปกครองของราชสำนัก ควบคุมตัวพระเจ้าเหี้ยนเต้ไว้ และโจโฉก็เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอย่างงดงาม อันเชิญพระเจ้าเหี้ยนเต้ ไปประทับ ณ เมืองฮูโต๋ราชธานีใหม่ ตัวโจโฉได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาอุปราช ควบตำแหน่ง จอมทัพใหญ่ และผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน มีอำนาจการปกครองทาง ด้านพลเรือนและการทหารทั้งปวงเป็นสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อมีอำนาจวาสนามากขึ้นก็คิดเข้ายึดครองเมืองชีจิ๋วที่เล่าปี่ครอบครองอยู่แต่เห็นว่าเล่าปี่กับลิโป้ ปรองดองกัน ซุนฮก ที่ปรึกษาของโจโฉจึงเสนออุบาย “สองเสือห้ำหั่นกัน” ให้โจโฉ โดยแต่งตั้งให้เล่าปี่เป็นเจ้าเมืองชีจิ๋วอย่างถูกต้อง และมีหนังสือลับไปถึงเล่าปี่ ให้ทำการฆ่าลิโป้ซะ โจโฉเห็นด้วยจึงดำเนินการทันที เมื่อลิโป้รู้ข่าวว่าเล่าปี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเมืองชีจิ๋วอย่างเป็นทางการ ก็ไปแสดงความยินดีกับเล่าปี่ด้วยแต่ก็พบกับเตียวหุยเจ้าเก่าขาประจำหยิบดาบเข้ามาจะฆ่าตนจึงถามเตียวหุยว่าโกรธแค้นตนด้วยเหตุใดจึงจะฆ่าตนเสียหลายครั้งหลายครา เตียวหุยก็ตอบไปตามภาษาคนซื่อใจโหดว่า “ตัวเจ้ามิรู้จักคุณคน โจโฉมีหนังสือมาถึงพี่ข้าให้ฆ่าเจ้าเสีย” เล่าปี่เห็นเตียวหุยทำแผนเสียจึงให้ทหารพาเตียวหุยออกไปและเรียกลิโป้เข้าไปดูหนังสือลับที่โจโฉส่งมา ลิโป้ได้อ่านก็ร้องไห้บอกเล่าปี่ว่าโจโฉทำเช่นนี้หวังให้เราทั้ง 2 ห้ำหั่นกันเอง เล่าปี่ก็บอกว่าตนก็รู้อยู่และบอกลิโป้ว่าไม่ว่าใครยุยงให้ฆ่าลิโป้ ตนก็จะไม่เชื่อฟังกระทำตามเป็นอันขาด ลิโป้ก็ขอบคุณเล่าปี่ที่ออกปากสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายตน แล้วทั้ง2ก็กินเลี้ยงกันก่อนที่ลิโป้จะลากลับไปอยู่เสียวพ่ายตามเดิม
ดังนั้นอุบาย “สองเสือห้ำหั่นกัน” จึงไม่สำเร็จ ซุนฮก ที่ปรึกษาของโจโฉ จึงใช้ไม้ 2 คือ อุบาย “ต้อนเสือกลืนสุนัขป่า” โดยให้เล่าปี่ยกกองทัพไปตีเมือง ลำหยง ของอ้วนสุด ฝ่ายอ้วนสุดรู้ว่าเล่าปี่ยกกองทัพมาก็นำทัพออก ไปต่อสู้ กองทัพ 2 จึงสู้รบกันอย่างดุเดือดที่เมืองอุไถ เตียวหุยได้อาสาดูแลเมือง ชีจิ๋วในตอนนั้นได้ดื่มสุราเมาทำหยาบช้าเฆี่ยนตีต่อ โจป้าพ่อตาลิโป้ เพราะไม่ยอมดื่มสุรากับตน โจป้าแค้นเตียวหุยมากจึงเขียนหนังสือไปให้ ลิโป้ ลูก เขยของตนที่เสียวพ่าย ให้ยกทัพมายึดชีจิ๋วโดยตนจะร่วมทำการเปิดประตูเมืองให้ ลิโป้ได้อ่านหนังสือก็ลังเลใจพูดว่า “อันตัวเล่าปี่นั้นมีบุญคุณต่อเราเป็นอันมาก หากเรายกทัพไปบุกยึดเมืองเขา ตัวข้าก็จะมิเป็นคนอกตัญญูไปหรือเห็นทีข้าจะทำมิได้หรอก” ตันก๋งที่ปรึกษาจึงยุลิโป้ว่า “เตียวหุยทำการครั้งนี้หยาบช้านัก อันท่านจะอยู่แต่เมืองเสียวพ่ายนี้ก็เป็นเมืองเล็ก เห็นไม่สมควรเป็นที่มั่น บัดนี้ได้โอกาสดีแล้ว ควรยกทัพไปตีเอาเมืองชีจิ๋วเป็นที่มั่น จะได้คิดการใหญ่สืบ ไป” ลิโป้ได้ฟังก็เห็นด้วย แต่งองค์ทรงเครื่อง ยกทัพไปบุกตีชีจิ๋ว พวกโจป้าพ่อตาลิโป้ เห็นลิโป้มาก็เปิดประตูเมืองรับ กองทัพลิโป้จึงเข้ายึดเมืองชีจิ๋ว เตียวหุย เมางัวเงียพึ่งตื่น เห็นกองทัพลิโป้เข้ายึดเมืองชีจิ๋วก็ตกใจรีบนำทหารเพียงหยิบมือตีฝ่าออกนอกเมืองไปหากองทัพ เล่าปี่ ที่ตั้งค่ายอยู่ที่เมืองอุไถ โดยทิ้งครอบครัวของเล่าปี่ ที่ตนอาสาดูแล อยู่ในเมืองชีจิ๋วอย่างครบครัน
หลังลิโป้ยึดเมืองชีจิ๋วได้ก็ดูแลภรรยาและครอบครัวของเล่าปี่เป็นอย่างดีไม่ได้ทำอันตรายแต่อย่างใดเพราะลิโป้คิดถึงบุญคุณของเล่าปี่อยู่ เมื่ออ้วนสุดรู้ข่าวว่า ลิโป้ยึดครองเมืองชีจิ๋วจากเตียวหุย ได้แล้ว ก็รีบให้ทหารถือหนัง สือไปถึงลิโป้ ให้ช่วยส่งกองทัพมารุมรบเล่าปี่ ที่เมืองอุไถให้พ่ายแพ้แตกไป โดยจะมีรางวัลม้าห้าร้อย ข้าวห้าหมื่นถัง ทองเงินหมื่นตำลึง แพรพันพับ ลิโป้ได้อ่านหนังสือของอ้วนสุดก็เกิดความโลภและ ดีใจมากให้โกซุ่นทหารกล้าคุมทหาร 50000 คน รีบยกไปเมือง อุไถ หวังบุกเข้ากระหนาบหลังกองทัพของเล่าปี่ ฝ่ายสามพี่น้องสวนท้อนั้นเห็นว่าข้า ศึกมีกำลังมากกว่า และเป็นห่วงครอบครัวที่เมืองชีจิ๋วด้วย จึงแอบถอยทัพไปในเวลากลางคืน ตอนฝนตกหนัก หลัง จากนั้นโกซุ่นรู้ว่าเล่าปี่ถอยหนีไปแล้วก็ไปทวงรางวัลตามหนังสือ กับพวกอ้วนสุดแต่ก็ถูกพวกอ้วนสุดบ่ายเบี่ยงไม่ทำตามสัญญา
ลิโป้เห็นดังนั้นก็โกรธคิดจะยกทัพไปตีอ้วนสุดแต่ตันก๋งที่ปรึกษาทัดทานไว้และให้รับตัวพวกเล่าปี่กลับมาและให้ไปอยู่เสียวพ่าย ลิโป้เห็นด้วยก็ไปรับพวกเล่าปี่เข้ามาในเมืองชีจิ๋วและคืนภรรยาและครอบครัวของเล่าปี่ให้ พร้อมบอกเล่าปี่ว่า “ที่ข้าทำการทั้งนี้ใช่ว่าข้าจะเห็นแก่สมบัติของท่าน นั้นหามิได้ เพราะเตียวหุยน้องท่านเสพสุราเมาอาละอาด ข้ากลัวว่าจะทำการหยาบช้าวุ่นวายกันขึ้นจึงมาทำการทั้งนี้ เพื่อหวังจะรักษาเมืองไว้ให้ท่าน” ว่าจบก็แสร้งทำเป็นจะคืนเมืองชีจิ๋วให้เล่าปี่แต่เล่าปี่ปฎิเสธและขอไปอยู่เสียวพ่ายตามความตั้งใจเดิม ลิโป้พูดเช่นนี้อยู่หลายครั้งแต่เล่าปี่ก็ปฎิเสธอยู่เช่นเดิม ลิโป้จึงยอมให้ให้เล่าปี่พาสมัครพรรคพวกและครอบครัวไปอยู่เมืองเสียวพ่ายและคอยส่งเสบียง สิ่งของไปให้เล่าปี่อยู่สม่ำเสมอ ทั้ง2ฝ่ายก็อยู่เป็นปกติสุขดีโดยที่ตัวลิโป้ไม่รู้ว่าเล่าปี่แอบเก็บความแค้นฝังลึกอยู่ในใจ
หลังจากนั้นพวกอ้วนสุดได้รับตราหยกสำหรับกษัตริย์ จากซุนเซ็ก บุตรชายคนโตของ ซุนเกี๋ยน มาเพราะซุนเซ็กต้องการยืมทหารจากอ้วนสุดไปล้างแค้นแทน บิดาตน จึงเอาตราหยกสำหรับกษัตริย์ มาค้ำประกันไว้
เมื่ออ้วนสุดได้ตราหยกสำหรับกษัตริย์มาครองสมใจ ก็คิดจะขยายอิทธิพลอำนาจ ก่อนจะตั้งตนเป็นฮ่องเต้ โดยมองไปที่เล่าปี่ศัตรูคู่แค้น แต่อ้วนสุดเห็นลิโป้คอยปกป้องเล่าปี่อยู่เลยส่งหนังสือไปให้ลิโป้พร้อมด้วยข้าวยี่สิบหมื่นถัง เพื่อไม่ให้ลิโป้ยกทัพไปช่วยเล่าปี่ในตอนที่ตนยกทัพไปตีเล่าปี่ที่เสียวพ่าย ซึ่งลิโป้ก็รับของกำนัลและตอบ ตกลง อ้วนสุดจึงให้ กิเหลง ขุนศึกเอกนำทหาร 50,000 คน เข้าตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่รู้ว่าอ้วนสุดส่งกองทัพมารู้ตัวว่าตนมีทหารและเสบียงน้อยประกอบกับเสียวพ่ายเป็นเมืองเล็กคงไม่สามารถต้านทานได้จึงส่งหนังสือไปขอความช่วยเหลือจากลิโป้ เมื่อลิโป้ได้รับหนังสือก็ตัดสินใจช่วยเล่าปี่เพราะลิโป้คิดว่าการมีเล่าปี่ที่เสียวพ่ายปลอดภัยกว่าการปล่อยให้อ้วนสุดได้เสียวพ่ายแทน โดยในใจก็คิดอุบายได้อย่างหนึ่ง และยกทัพออกไปตั้งค่ายระหว่างกองทัพ เล่าปี่ กับ กิเหลง และเรียกทั้งแม่ทัพทั้ง 2 ฝ่ายออกมา ฝ่ายพวกเล่าปี่ มาถึงก่อน เมื่อลิโป้พบเล่าปี่ก็บอกเล่าปี่ว่า “ครั้งนี้เราจะช่วยท่านให้พ้นจากอันตราย นานไปท่านอย่าลืมคุณเรา”และพาพวกเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย เข้าไปรอในกระโจมของตน โดยที่เตียวหุยนั้นไม่ไว้ใจตัวลิโป้เลย เมื่อฝ่าย กิเหลง มาถึง กิเหลงก็ตกใจที่เห็นพวกเล่าปี่มานั่งอยู่คิดว่าลิโป้ลวงตนมาฆ่า แต่ลิโป้ก็ไปดึง กิเหลง เข้าไปในกระโจมเช่นเดียวกัน ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นลิโป้ทำดังนี้ก็สงสัย ว่ากำลังทำอะไรและต่างฝ่ายต่างซักถามว่าลิโป้จะอยู่ข้างใครกันแน่ จนทั้ง 2 ต่างด่าทอทะเลาะ กันข้ามหัวลิโป้ไปมา ลิโป้เลยตะโกนสั่งทหารให้หยิบง้าวกรีดนภาของตนมา ทั้ง2ฝ่ายเห็นลิโป้จับง้าวกรีดนภาก็ตกใจกลัวเงียบกันหมด ลิโป้จึงให้ทหารเอาง้าวกรีดนภาไปตั้งห่างจากค่ายประมาณ 5 เส้น(200 เมตร) ซึ่งเหตุการณ์นั้เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ โดยลิโป้กล่าวกับ ฝ่ายเล่าปี่ และ ฝ่ายกิเหลง ว่า “ข้าจะเสี่ยงให้ประจักษ์แก่เทพยดาฟ้าดินทั้งหลาย แม้นข้ายิงเกาทัณฑ์ไปมิได้ถูกปลายง้าวกรีดนภาของข้า พวกท่านทั้ง 2 ฝ่ายจะทำสงครามกันก็ตามใจเถิด แต่ถ้าข้ายิงถูกท่านทั้ง 2 จงเลิกทัพกลับไปตามคำข้าว่า แม้นฝ่ายใดมิฟัง ข้าลิโป้ก็จะทำสงครามด้วยฝ่ายนั้น” พอพูดจบ ฝ่ายเล่าปี่ได้ฟัง ก็ยอมตกลงตามข้อเสนอของลิโป้ เพราะตนไม่มีทางเลือกแล้ว ส่วนฝ่าย กิเหลงได้ยินลิโป้พูดอย่างนั้นก็หัวเราะและยอมตกลงเพราะคิดว่าถึงลิโป้จะเก่งยังไงก็ไม่มีทางยิงปลายง้าวที่อยู่ระยะไกลขนาดนั้นได้ หลังจากนั้นลิโป้ก็กระดกสุราเข้าปากไปอีกหลายถ้วย และหัวเราะหยิบเกาทัณฑ์ ออกมาที่หน้าค่ายพร้อมตระโกนด้วยเสียงอันดังว่า “ดู” แล้วน้าวสายเกาทัณฑ์เต็มกำลัง และปล่อยลูกเกาทัณฑ์ออกไปถูกปลายง้าวกรีดนภาเสียงดังสนั่น
ฝ่ายเล่าปี่ กิเหลงได้เห็นฝีมือเกาทัณฑ์ของ ลิโป้ ก็ตกตะลึงแทบไม่เชื้อสายตาตนเอง ลิโป้หัวเราะและหันมาจูงมือเล่าปี่ กิเหลง พาเข้าไปกินเลี้ยงในกระโจมก่อนที่จะต่างฝ่ายต่างยกทัพกลับเมืองของตนไป เมื่อกิเหลงกลับมา ถึงเมืองรายงานเรื่องต่อ อ้วนสุด อ้วนสุดไม่พอใจที่ลิโป้ออกอุบายช่วยเล่าปี่ จึงวางแผนใหม่ โดยให้หันอิ้นเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอลูกสาวลิโป้ที่เป็นลูกที่เกิดกับภรรยาหลวง นางเหงียมซี มาแต่งงานกับลูกชายคนโตของตน ลิโป้เลยขอปรึก ษาภรรยา นางเหงียมซี ก่อน และทั้ง 2 ก็เห็นตรงกันตกลงยกสูกสาวให้ อ้วนสุดมีความยินดีจึงให้หันอิ้นนำสิ่งของขัน หมากมาให้ลิโป้ และจะได้รับตัวบุตรสาวไปแต่งงานที่เมืองลำหยง ลิโป้ก็รับของหมั้นไว้ แล้วจัดที่พักให้หันอิ้นรออยู่ พอถึงเวลาก็จัดส่งลูกสาวไปแต่งงานกับบุตรชายอ้วนสุดที่เมืองลำหยง แต่ตันกุ๋ยขุนนางคนเก่าคนแก่ ตั้งแต่ โตเกี๋ยม เจ้าเมืองชีจิ๋วคนก่อนซึ่งมีใจคิดคดกับลิโป้ได้คัดค้านว่า อ้วนสุด เป็นคนใจคอคับแคบ โลภโมโทสันต์ อีกทั้งยังคิดเป็นขบถต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทุกหัวเมืองต่างเกลียดชัง หากเกี่ยวดองกับ อ้วนสุด จะมีผลร้ายมากกว่าดี ลิโป้ได้ยิน ตันกุ๋ย พูดดังนั้นก็หลงเชื่อ จึงให้ เตียวเลี้ยว ออกไปชิงตัวลูกสาวคืนมาพร้อมจับตัวหันอิ้นไปขังคุกไว้และส่งหนังสือไปบอกอ้วนสุดว่าพร้อมเมื่อไหร่จะส่งตัวลูกสาวไปให้
ต่อมาไม่นานลิโป้ให้ลูกน้องไปซื้อม้าเพื่อนำมาใช้ในการศึกแต่ถูกกองโจรปล้นไปและจำได้ว่าผู้นำกองโจรนั้นคือ เตียวหุยปลอมตัวมา ลิโป้ได้ยินดังนั้นก็โกรธมากเพราะตนกับ เตียวหุย ไม่ถูกกันอยู่แล้ว และยังมาขโมยม้าตน จึงนำทัพบุกไปเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่ เห็นลิโป้ ยกทัพมาก็ตกใจจึงถามลิโป้ว่ายกทัพบุกมาด้วยเหตุใด ลิโป้เอาแส้ม้าชี้หน้าด่าเล่าปี่ พร้อมทวงบุญคุณว่า ตนเคยช่วยชีวิตเล่าปี่ตอนโดน กิเหลงบุกมา แต่พอเล่าปี่รอดมาได้ก็ไม่ได้รู้จักบุญคุณส่งคนมาปล้นชิงม้าตนไป เล่าปี่ก็งงเพราะตัวเองไม่เคยสั่งใครมาปล้นม้าลิโป้ ก็บอกว่าตนไม่ได้สั่งใครไปปล้นม้า ลิโป้ก็บอกอีกว่าก็เตียวหุยนั่นแหละเป็นคนไปปล้นทำไมไม่รับผิด เตียวหุยเห็นแค่ตนไปขโมยม้าลิโป้มาไม่กี่ตัว ลิโป้ก็ด่าพี่เล่าปี่ของตัวเองยกใหญ่จึงด่าตอบลิโป้ไปอย่างเจ็บแสบว่า “ข้าบุกปล้นเอาม้าของเจ้ามาเจ้าโกรธหรือ แล้วทีเจ้าบุกปล้นเอาเมืองชีจิ๋วของพี่ข้าไปนั้น เจ้าว่าข้าไม่โกรธบ้างหรือ” ว่าจบ 2 ยอดขุนศึกแห่งยุคก็เข้าสู้กันดุเดือดเลือดพล่าน ถึง 100 เพลง แต่ยังไม่สามารถเอาชนะกันได้ เล่าปี่กลัวน้องเสียทีจึงตีม้าล่อให้เตียวหุยกลับเข้าเมือง และ ส่งคนไปขอขมาลาโทษที่เตียวหุยปล้นม้าไปพร้อมจะคืนม้าให้ ลิโป้ก็ยอมยกโทษให้แต่ตันก๋งที่ปรึกษา แนะนำลิโป้ว่าตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะกำจัดเล่าปี่ไม่ควรปล่อยโอกาสนี้หลุดมือไป ลิโป้ก็เห็นด้วยจึงยกทัพ เข้าตีเมืองเสียวพ่าย เล่าปี่เห็นจะต้านทานกองทัพลิโป้ไม่ได้ก็นำทัพพา กวนอู เตียวหุย ตีฝ่าออกนอกเมือง หนีไปหาโจโฉที่เมืองฮูโต๋
เมื่อวีรบุรุษทั้ง 2 โจโฉ กับ เล่าปี่ได้พบพานกัน โจโฉมีความยินดีที่จะช่วยเหลือเล่าปี่กำจัดลิโป้ จึงขอรับสั่งแต่งตั้งเล่าปี่ให้เป็นเจ้าเมืองอิจิ๋ว เพื่อรวบรวมกำลังพลให้กล้าแข็งคอยหาเวลาที่เหมาะสม ร่วมมือกันกำจัดลิโป้
หลังจากตีเล่าปี่หอกข้างแคร่หนีออกไปหาโจโฉแล้วลิโป้ก็ให้โกซุ่นทหารกล้าเฝ้าเมืองเสียวพ่ายและตนยกทัพกลับชีจิ๋ว ต่อมาโจโฉจะไปทำศึกกับเตียวสิ้วที่คบคิดกับเล่าเปียวจะมาตีฮูโต๋ แต่ก็กลัวลิโป้บุกมาชิงเมืองอีก จึงเอาใจลิโป้โดยการ ขอรับสั่งแต่งตั้งให้ลิโป้เป็น “แม่ทัพฝ่ายซ้าย”ทำหน้าที่ปราบปรามโจร ฝ่ายตะวันออก และเกลี้ยกล่อมให้ลิโป้กับเล่าปี่เลิกทะเลาะเบาะแว้ง หันมาสามักคีปรองดองกัน ลิโป้เมื่อได้รับแต่งตั้งจากโจโฉก็ดีใจมาก คิดว่าโจโฉนิยมชมชอบตนก็เชื่อฟังและเอนเอียงไปหาโจโฉทันที ขณะนั้นอ้วนสุดส่งคนมาแจ้งให้ลิโป้เร่งส่งลูกสาวไปแต่งงานกับลูกชายของตนตามที่ลงกัน เพราะตนใกล้จะตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้วและจะตั้งลูกชายเป็นรัชทายาท แต่ลิโป้ตอนนี้ได้เอนเอียงไปหาโจโฉแล้ว ไม่ได้คิดจะอาศัยอ้วนสุดอีกต่อไปจึง ด่าอ้วนสุดกบฏต่อแผ่นดินพร้อมฆ่าคนนำสารทิ้งและให้ ตันเต๋ง ลูกของ ตันกุ๋ย ที่คิดคดต่อลิโป้ทั้งพ่อทั้งลูก นำตัวหันอิ้นที่นอนอยู่ในคุกนานแล้วไปมอบให้โจโฉ แนบด้วยหนังสือขอให้แต่งตั้งตนเป็น เจ้าเมืองชีจิ๋ว โจโฉเห็นลิโป้ให้ตันเต๋งนำตัวหันอิ้นมาส่งให้ ก็เข้าทางเพราะตันเต๋งคิดทรยศลิโป้อยู่แล้วจึงสมคบคิดกับโจโฉขอเป็นไส้ศึกในเมืองชีจิ๋วพร้อมกับบิดา และโจโฉก็จับหันอิ้นไปประหารเพื่อให้ ลิโป้ กับ อ้วนสุด เป็นศัตรูกัน ดังนั้นลิโป้เลยได้ทั้งไส้ศึกและศัตรูเพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้ตำแหน่งเจ้าเมืองชีจิ๋วที่ตนขอไป
เมื่ออ้วนสุดรู้ว่าลิโป้กลับคำพูด ฆ่าคนนำสารของตนและส่งหันอิ้นไปให้โจโฉฆ่าเสียแล้ว ก็โกรธแค้นมาก จึงยกทัพใหญ่ทหารกว่า 200,000 คน โดยแบ่งออกเป็น 7 สาย บุกตีเมืองชีจิ๋วของลิโป้ ลิโป้เห็นอ้วนสุดยกทัพใหญ่ทหารมหาศาลมาตีเมืองตนก็ปรึกษากับเหล่าขุนนางทั้งหลายว่าจะทำอย่างไรดี ตันก๋งที่ปรึกษาเลยบอกว่าที่เดือดร้อนเป็นเช่นนี้ก็เพราะตันกุ๋ย ตันเต๋งสองพ่อลูก ยุยงไม่ให้ส่งตัวลูกสาวลิโป้ไปแต่งงานกับลูกอ้วนสุด จึงควรตัดหัวพ่อลูก ตันกุ๋ย ตันเต๋ง ไปให้อ้วนสุดพร้อมทั้งบอกความจริงให้ฟัง อ้วนสุดน่าจะยอมถอยทัพกลับไป ลิโป้เห็นด้วยเลยให้เอาตัวสองพ่อลูกไปตัดหัว แต่ตันเต๋งกลับหัวเราะและบอกว่า “ท่านนี้แต่แรกข้าเห็นว่าจะมีสติปัญญา มาบัดนี้เห็นความคิดท่านนั้นอ่อนนัก จะกลัวอันใดกับกองทัพอ้วนสุดเจ็ดกองเท่านี้ อุปมาเหมือนหญ้าเจ็ดกำอันใกล้ปากโค ถ้าจะคิดทำการเห็นกองทัพอ้วนสุดนั้น จะไม่พอความคิดเสียอีก” ลิโป้ได้ฟังสนใจแล้วบอกว่าถ้าสองพ่อลูก คิดอุบายเอาชนะกองทัพอ้วนสุดได้จะไว้ชีวิต และสองพ่อลูก
ตันกุ๋ย ตันเต๋ง บอกต่อไปว่ากองทัพอ้วนสุดถึงมีมากแต่ไม่ชำนาญการศึกเหมือนกองทัพของลิโป้และยังมีแม่ทัพนายกองเอาใจออกห่าง หากไปเกลี้ยกล่อมให้เป็นไส้ศึก พร้อมส่งหนังสือไปให้ โจโฉ กับ เล่าปี่ ยกทัพมาช่วยอีกแรง ต้องสามารถเอาชนะกองทัพอ้วนสุดได้แน่ ลิโป้ได้ฟังก็เห็นด้วยจึงให้ตันเต๋งไปดำเนินการตามแผน ส่วนลิโป้ก็กระ จายกำลังออกไปผนึกกำลังเข้ากับกองทัพเล่าปี่ที่ส่งกวนอูมาช่วยเข้าตีกองทัพอ้วนสุดร่วมกับแม่ทัพที่ร่วมเป็นไส้ศึกอยู่ภายในจนกองทัพอ้วนสุดไม่สามารถต้านทานได้แตกพ่ายกลับไป หลังเอาชนะกองทัพอ้วนสุดได้ ลิโป้ก็จัดงานเลี้ยงให้เหล่าแม่ทัพนายกองต่างๆพร้อมปูนบำเหน็จรางวัลให้และฉลองกันอย่างเอิกเกริก ซึ่งต่อมาตันกุ๋ย ตันเต๋งสองพ่อลูกที่วางแผนเอาชนะอ้วนสุดจึงเป็นที่โปรดปรานของลิโป้มาก จนลิโป้แทบไม่เคยฟังคำพูดของใครอีกเลยนอกจากสองพ่อลูกจอมคิดคดคู่นี้
โจโฉเห็นอ้วนสุดฮ่องเต้ปลอมเสียทีแพ้ลิโป้กลับไป ก็คิดจะบุกไปถอนรากถอนโคนจึงชวน ลิโป้ เล่าปี่ ผนึกกำลังกับตนเป็น 3 เส้า รวมเป็นกองทัพใหญ่ บุกไปจัดการฮ่องเต้ปลอมอ้วนสุดที่ลำหยงแต่เกิดเสบียงอาหารไม่เพียงพอ จึงต้องถอยทัพกลับไปแต่การโจมตีครั้งนี้ ก็ทำให้อิทธิพลของอ้วนสุดลดน้อยถอยลงเป็นอันมากเพราะต้องสูญเสียกำลังทหารไปมากมาย ก่อนจะกลับโจโฉได้ตกลงกับลิโป้ให้เล่าปี่ไปอยู่เมืองเสียวพ่ายตามเดิม ซึ่งตัว ลิโป้ก็ตอบตกลง โดยที่เขาไม่รู้ว่า นี่คือแผนการของโจโฉที่จะให้เล่าปี่คบคิดกับพวก ตันกุ๋ย ตันเต๋ง ช่วยกันกำจัดตัวเขานั้นเอง ต่อมาไม่นานพวกลิโป้ได้จับทหารของโจโฉที่กำลังควบม้าออกมาจากเมืองเสียวพ่ายได้และลองค้นตัวดูก็พบ หนังสือลับของเล่าปี่ที่ส่งไปให้โจโฉ โดยมีเนื้อหาบอกว่าถ้า โจโฉยกทัพมาตีชีจิ๋วกำจัดลิโป้ เล่าปี่จะช่วยทำการด้วย ลิโป้ได้อ่านหนังสือลับของเล่าปี่ก็โกรธแค้นมากที่โจโฉและเล่าปี่สมคบกันจะกำจัดตน จึงสั่งให้เหล่าแม่ทัพต่างๆคุมทหารไปตีเมืองเสียวพ่ายและตีภาคตะวันออกของโจโฉ ไปจนกว่าจะถึงเมืองกุนจิ๋ว เล่าปี่เห็นกองทัพลิโป้ยกมาก็กลัวต้านทานไม่ได้ ส่งหนังสือไปขอให้โจโฉยกทัพมาช่วย
โกซุ่นกับเตียวเลี้ยวขุนศึกกล้าของลิโป้เข้าโจมตีเมืองเสียวพ่ายอย่างหนักหน่วงแต่ยังไม่สามารถตีแตกได้ จนโจโฉยกทัพมาถึงเมืองเสียวพ่ายเพื่อช่วยเล่าปี่ โกซุ่นกับเตียวเลี้ยวเห็นดังนั้นจึงขอให้ลิโป้ยกทัพมาช่วยบ้าง พอลิโป้ยกทัพมาถึงทั้ง 2 ฝ่ายก็เข้ารบกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ฝ่ายเล่าปี่ โจโฉ ไม่สามารถต้านทานการโจมตีอันรุนแรงของลิโป้ได้จึงแตกพ่ายไป โดย โจโฉหนีไปตั้งหลักที่ชายแดนเมืองเจปัก ส่วนเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย แตกกระจายหนีกันไปคนละทิศคนละทาง ทิ้งบิต๊กพี่ชาย นางบิฮูหยิน ภรรยารองของเล่าปี่ อยู่ดูแลครอบครัวของเล่าปี่ในเมืองเสียวพ่าย เมื่อฝ่ายเล่าปี่ โจโฉ แตกหนีไปแล้ว ลิโป้ก็บุกตีทะลุเข้าไปในเมืองฆ่าฟันทหารที่อยู่ในเมืองจนไปถึงหน้าบ้านของเล่าปี่ก็พบบิต๊กที่รักษาครอบครัวของเล่าปี่อยู่ออกมาคำนับลิโป้แล้วขอร้องว่า “ ข้าได้ยินโบราณว่าสืบ ๆ กันมาว่า ผู้ที่จะตั้งตัวเป็นใหญ่ ถึงจะตีบ้านเมืองได้เอาแต่ชัยชนะ ผู้ใดเป็นเสี้ยนหนามก็ทำอันตรายแต่ผู้นั้น มิได้ทำอันตรายแก่บุตรภรรยาและราษฎรทั้งปวง บัดนี้ท่านก็คิดอ่านจะตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ จะเป็นศัตรูของท่านก็แต่โจโฉผู้เดียว อันเล่าปี่ก็คิดถึงคุณท่านอยู่เนือง ๆ ว่า เมื่อครั้งอ้วนสุดให้กิเหลงยกมาตีเมืองเสียวพ่ายนั้น เพราะท่านยกมาช่วยเสี่ยงยิงเกาทัณฑ์ แล้วพูดจาเกลี่ยไกล่ให้กิเหลงยกกลับ ไป เล่าปี่จึงได้อยู่เย็นเป็นสุขมา เล่าปี่ก็มีความกตัญญูต่อท่านอยู่ อนึ่งท่านกับเล่าปี่ก็มีคุณต่อกันมา ขออย่าทำอันตรายแก่ครอบครัวเล่าปี่เลย คุณของท่านนั้นก็จะอยู่กับเล่าปี่สืบไป ” ลิโป้ได้ยินก็ตอบบิต๊กว่า “ท่านอย่าวิตกไปเลย ข้ากับเล่าปี่ก็เป็นมิตรกันมาแต่ก่อน ซึ่งครอบครัวของเล่าปี่นั้น ข้ามิได้ทำอันตรายแต่อย่างใด ”แล้วก็ให้บิต๊กพาครอบครัวของเล่าปี่ไปพักอยู่ที่เมืองชีจิ๋ว และให้โกซุ่นอยู่เฝ้ารักษาเมืองเสียวพ่าย ส่วนตัวลิโป้เองยกกองทัพบุกไปทางตะวันออก มุ่งไปสู่เมืองกุนจิ๋ว โดยให้ตันก๋งกับกลุ่มโจรที่มาเข้าพวกด้วย อยู่ป้องกันด่านเสียวก๋วนไว้
ฝ่ายเล่าปี่นั้น เมื่อเมืองเสียวพ่ายแตกก็หนีไปหาโจโฉที่หนีไปตั้งหลักอยู่ก่อนแล้ว และโจโฉกับเล่าปี่ก็จัดทัพใหม่บุกมาประชิดด่านเสียวก๋วนไว้ โจโฉก็ยกทัพเข้าโจมตีกลุ่มโจรที่เป็นพวกของตันก๋ง ซึ่งตั้งค่ายอยู่หน้าด่านแตกกระจุยพ่ายไป และบุกต่อเข้าตีด่านเสียวก๋วนอย่างหนักหน่วงแต่ตันก๋งก็พยายามป้องกันด่านไว้อย่างสุดความสามารถ แม้ว่าทหารของโจโฉจะมีมากกว่า เมื่อลิโป้รู้ว่าข่าวโจโฉยกทัพเข้าตีด่านเสียวก๋วน จึงยกทัพกลับเมืองชีจิ๋ว และมอบให้ตันกุ๋ยอยู่รักษาเมืองชีจิ๋ว ส่วนตนเองจะยกไปช่วยตันก๋งที่ด่านเสียวก๋วน และให้ตันเต๋งไปเป็นที่ปรึกษาในกองทัพด้วย ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ที่มอบหน้าที่สำคัญให้ตันกุ๋ย ตันเต๋งสองพ่อลูกจอมคิดคดที่รอโอกาสนี้มานานแล้ว....ก่อนลิโป้จะยกทัพออกไปช่วยตันก๋ง ตันเต๋งคนลูกก็ดำเนินการตามแผนที่ตกลงกับโจโฉโดยบอกให้ลิโป้ย้ายครอบครัวไปอยู่แห้ฝือเพื่อความปลอดภัย แต่แท้จริงคือเพื่อให้ความสะดวกในการยึดเมืองชีจิ๋วแก่ ตันเต๋งผู้พ่อ ต่อมาก็ให้ลิโป้พักกองทัพรออยู่กลางทาง ส่วนตนเองอาสาไปสืบข่าวข้าศึกและสถานการณ์ทางด่านเสียวก๋วนก่อน เมื่อไปถึงด่านก็หลอกตันก๋งว่า ลิโป้โกรธมากที่ทำการเสียทีแก่โจโฉ จะมาเอาโทษให้ระวังตัวไว้ให้ดี แต่ตันก๋งมิได้กลัวความผิด และให้ตันเต๋งกลับไปบอกลิโป้ว่าให้รีบกลับไปป้องกันรักษาเมืองชีจิ๋วไว้ให้ดีเพราะศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก คืนนั้นตันเต๋งก็เขียนหนังสือผูกลูกเกาทัณฑ์ ยิงเข้าไปในค่ายของโจโฉ บอกว่าตนจะเป็นไส้ศึกให้ เมื่อได้โอกาสจะจุดไฟขึ้น เป็นสัญญานและให้โจโฉยกทัพเข้าตีทันที
พอรุ่งเช้าก็กลับมาหลอกลิโป้อีกว่า ตันก๋งขอให้ยกทัพเข้าไปช่วยโดยด่วน ลิโป้ก็หลงเชื่อเพราะไม่คิดว่าตันเต๋งจะเป็นไส้ศึก เลยให้ตันเต๋ง กลับไปบอกตันก๋งว่า จะยกทัพเข้าตีทหารของโจโฉเข้าไปถึงด่านในค่ำวันนี้ ตันเต๋งก็ย้อนกลับมาบอกตันก๋งอีกครั้งว่า ลิโป้สั่งให้ถอยออกจากด่านคืนนี้ ตันก๋งก็หลงเชื่อเพราะนึกว่าเป็นคำสั่งลิโป้จริงๆ จึงยกทหารออกจากด่านในคืนนั้น ตันเต๋งก็จุดไฟขึ้น แล้วก็เผ่นหนีออกจากด่านไปหลอกโกซุ่นกับเตียวเลี้ยวต่อให้ยกทัพออกจากเมืองเสียวพ่ายมาช่วยลิโป้อีกแรง โจโฉก็ยกทัพเข้าตีด่านเสียวก๋วนด้านหน้า ตันก๋งยกทัพถอยออกทางด้านหลัง เจอกับทัพของลิโป้ที่มาช่วยก็คิดว่าเป็นข้าศึก ทั้ง 2 ฝ่ายจึงรบราฆ่าฟันกันเองอยู่จนนานถึงเช้า พอเห็นหน้าค่าตากันแล้วก็งงจึงหยุดรบ และพากันถอยกลับไปเมืองชึจิ๋ว มาถึงกลางทางก็พบโกซุ่น กับเตียวเลี้ยว จึงรู้ว่าถูกตันเต๋งทำแสบเข้าแล้ว เมื่อมาถึงเมืองชีจิ๋วก็เข้าเมืองไม่ได้ เพราะ ตันกุ๋ย กับ บิต๊ก สมคบคิดกันปิดประตูเมือง แล้วระดมยิงเกาทัณฑ์ลงมาเป็นอันมาก พร้อมกับตะโกนบอกลิโป้ว่า บัดนี้ได้ยึดเมืองคืนให้เล่าปี่แล้ว ลิโป้มีได้ยินดังนั้นก็แค้นมากแต่ตนเหลือทหารน้อยไม่สามารถเข้าตีเมืองชีจิ๋วได้ ก็ยกไปเมืองเสียวพ่าย แต่ก็ถูกตันเต๋งปิดประตูเมืองไม่ให้เข้าอีก แล้วให้ทหารขึ้นรักษากำแพงเมืองอย่างแน่นหนา ลิโป้ก็ควบม้าเข้าไปใกล้กำแพงเมือง ร้องด่าตันเต๋งว่า “ตัวเจ้าสองคนพ่อลูก ข้าไว้ใจรักใคร่แต่งตั้งให้เป็นขุนนาง บัดนี้เจ้าบังอาจคิดคดทรยศต่อข้า ข้าจะตัดศรีษะเจ้าเสียให้ได้ ” ตันเต๋งก็ร้องตอบไปว่า “ ลิโป้เจ้าอย่าได้พูดจาโอหัง ตัวข้าเป็นข้าพระเจ้าเหี้ยนเต้ต่างหาก เมื่อครั้งอ้วนสุดยกมาตีเมืองชีจิ๋วนั้น ก็เพราะความคิดของข้ากับบิดา เจ้าจึงรอดจากความตายมาได้ ยังมีหน้ามาว่าข้าทรยศอีกรึ ” ลิโป้ได้ยินตันเต๋งว่ากลับอย่างนั้นก็โกรธแค้นมากก็จะยกทัพข้าตีเมืองเสียวพ่าย แต่พอดีกวนอูและเตียวหุยซึ่งแตกไปครั้งก่อน ได้รวบรวมทหารกลับมาถึง ก็ช่วยกันเข้าตีกองทัพลิโป้ ประจวบกับโจโฉยกทัพจากด่านเสียวก๋วนหนุนเข้ามา ลิโป้เห็นต้านทานไม่ไหวจึงต้องถอยหนีไปอยู่ที่เมืองแห้ฝือ แล้วสั่งให้ทหารป้องกันรักษาเมืองไว้อย่างแน่นหนา เล่าปี่ซึ่งมาในกองทัพของโจโฉ ก็พบกับกวนอูและเตียวหุย จึงได้ร่วมกันคิดปราบลิโป้ต่อไป
ต่อมากองทัพโจโฉที่พาพวกเล่าปี่มาด้วยได้ตั้งค่ายอยู่นอกเมืองแห้ฝือ ตันก๋งที่ปรึกษาได้แนะนำให้ลิโป้ออกไปโจมตี แต่ ลิโป้ปฎิเสธว่าจะให้โจโฉยกทัพเข้ามาโจมตีก่อนและจะทำการตีโต้กลับไป เมื่อโจโฉยกทัพมาประชิดเมืองก็ได้ร้องเกลี่ยกล่อมลิโป้ว่า “ เมื่อครั้งตั๋งโต๊ะเป็นขบถ ท่านคิดอ่านฆ่าตั๋งโต๊ะเสีย ท่านมีความชอบต่อแผ่นดินเป็นอันมาก บัดนี้ท่านมาคบคิดกับอ้วนสุดซึ่งเป็นขบถต่อแผ่นดิน กิตติศัพท์ทั้งนี้รู้ขึ้นไปถึงเมืองฮูโต๋ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ทรงพระพิโรธ จึงให้ข้ายกทัพมา แม้ท่านมิได้คบคิดกับอ้วนสุด แลมีใจซื่อตรง ต่อแผ่นดินอยู่ ก็เร่งออกมาหาข้าแต่โดยดี จะได้ช่วยแก้ไขกราบทูลเลี้ยงท่านเป็นขุนนางสืบไป ถ้าท่านไม่ออกมาหาข้าแต่โดยดี เมื่อเราตีเมืองได้แล้ว ท่านจึงจะแจ้งในโทษท่าน ซึ่งกระทำความผิดไว้แต่ก่อน ”
ลิโป้ชักลังเลใจจึงตอบโจโฉไปว่า “แม้มหาอุปราชกรุณาข้าแล้ว ก็ให้ยกทหารกลับไปก่อนเถิด ข้าจะขอหารือกับเหล่าที่ปรึกษาทั้งปวงก่อน ” ตันก๋งซึ่งเป็นคนไม่กลัวตายและไม่ชอบหน้าโจโฉอยู่แล้ว จึงเอาเกาทัณฑ์ยิงลงไป ถูกพู่หมวก ของโจโฉด้วยความเกลียดแค้น เพราะตนไม่อยากให้นายตนเองไปสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ พร้อมเสนอแผนใหม่โดยให้ลิโป้ยกทัพไปตั้งอยู่นอกเมืองส่วนตนเองจะอยู่เฝ้ารักษาเมือง ถ้าโจโฉเข้าตีเมืองก็ให้ลิโป้ยกทัพเข้าตีกระหนาบหลัง ถ้าโจโฉยกไปตีลิโป้ ตนก็จะยกทัพจากเมืองไปช่วยเช่นเดียวกัน ลิโป้ได้ฟังก็เห็นด้วย แต่ขอไปปรึกษาภรรยาสุดที่รักทั้ง 2 ก่อน โดยไปถามภรรยาหลวง นางเหงียมซีก่อน ก็เลยได้คำตอบดังนี้
“ซึ่งท่านจะไว้ใจให้ตันก๋งอยู่รักษาเมืองนั้น ข้าเห็นว่าจะสู้โจโฉไม่ได้ เมื่อท่านไปแล้วอยู่ภายหลังเมืองเป็นอันตราย ข้าจะเหลียวหน้าไปพึ่งผู้ใด เมื่อครั้งท่านทิ้งข้าไว้ที่เมืองเตียงอันนั้น หากว่าบังสี ช่วยคิดอ่านส่งข้ากับครอบครัวออกมาให้ท่าน ข้าจึงรอดมาได้ บัดนี้ข้ามิได้เห็นผู้ใดที่จะเป็นที่พึ่ง ซึ่งท่านจะยกทัพไปครั้งนี้ ถึงลาภสักการเท่าใด ก็ไม่คิดถึงข้าผู้เพื่อนยากนี้ก่อน ” แล้วร้องไห้อ้อนวอนลิโป้เป็นอันมาก ลิโป้เห็นภรรยารักเพื่อนคู่ทุกคู่ยากร้องไห้ออนวอนตนก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยไปหาภรรยาน้อย เตียวเสี้ยน สุดที่รักของตนบ้างซึ่งก็ห้ามปรามแบบเดียวกันกับ ภรรยาหลวง นางเหงียมซี ทุกประการ พร้อมกอดเท้าร้องไห้อ้อนวอนเป็นการใหญ่ ลิโป้เห็นภรรยาทั้ง2 ของตน ที่ตนรักที่สุดในชีวิตร้องไห้อ้อนวอนก็ใจอ่อนปลอบว่า “เจ้าอย่าวิตกไปเลย ถึงจะเป็นประการใด ข้ามิให้เจ้าเป็นอันตรายเด็ดขาด จะกลัวอันใดกับโจโฉ ทวนกับม้าของข้ามีกำลังมหาศาล ข้าจะตั้งมั่นอยู่ในเมืองดังนี้ ผู้ใดจะบังอาจเข้ามาทำอันตรายได้ ” แล้วก็ออกมาบอกกับ ตันก๋งที่ปรึกษา ว่าตนจะอยู่เฝ้ารักษาเมืองตามคำขอร้องของภรรยาสุดที่รักทั้ง 2 ตันก๋งได้ยินก็ถอนหายใจ แล้วคิดว่านายของตนเชื่อฟังแต่คำภรรยา มากกว่าเหล่าที่ปรึกษา แม่ทัพนายกอง เห็นจะต้องพากันไปวอดวายตายกันหมดแน่ หลังจากนั้นลิโป้ก็ขลุกอยู่กับภรรยาที่รักทั้ง 2 มิได้คิดที่จะไปสู้รบกับโจโฉเลย และเอาแต่เสพสุราทุกวัน หวังจะปลอบขวัญตนเองให้คลายทุกข์
ที่ปรึกษาอีกสองคนก็แนะนำให้พาลูกสาวไปส่งแก่ อ้วนสุด และขอให้ยกกองทัพมาช่วยก็ไม่สำเร็จ เพราะถึงแม้ลิโป้จะพยายามพาลูกสาวไปส่งด้วยตนเอง แต่ก็ไม่สามารถฝ่ากองทัพของโจโฉที่ล้อมอยู่อย่างแน่นหนาได้และ กลัวว่าลูกสาวตนจะเป็นอันตราย จึงต้องพากลับเข้าเมืองอย่างไม่มีทางเลี่ยง แค่นั้นยังไม่พอโจโฉยังให้เล่าปี่คุมทหารไปดัก เส้นทางที่จะติดต่อกับอ้วนสุดได้ แม้จะมีเมืองที่เป็นพวกลิโป้จะยกทัพมาช่วยแต่ ก็ถูกกำจัดตัดหนทางไปสิ้น ลิโป้จึงจนมุมอยู่เพียงผู้เดียวในเมืองแห้ฝือนั้นเอง และกลุ้มอกกลุ้มใจ เอาแต่เสพสุราอยู่ตลอดสองเดือนจนหมดสง่าราศีเทพนักรบผู้รูปงาม ภรรยาเอากระจกมาให้ส่องหน้าดู ก็ตกใจว่าทำไมตนถึงได้โทรมเช่นนี้และคิดได้ว่าเป็นเพราะสุรา จึงสั่งให้ทุกคนในกองทัพห้ามดื่มสุราเด็ดขาด ตอนนั้นเองทหารในกองทัพของลิโป้ ได้เอาใจออกห่างนำยอดอาชาไนยเซ็กเทาว์ ม้าคู่ศึกของลิโป้ไปมอบให้โจโฉ แต่เฮาเสงแม่ทัพผู้ภักดีได้จับได้ก่อนและเอายอดอาชาไนยเซ็กเทาว์ มาคืนให้ แม่ทัพคนอื่นๆรู้สึกชื่นชมในตัวเฮาเสง จึงนำสุรามามอบให้ แต่เฮาเสง นำสุรามามอบต่อให้ ลิโป้นายของตน ลิโป้เห็นเฮาเสงนำสุรามามอบให้ ทั้งๆที่ตนสั่งห้ามดื่มสุรา ก็โกรธลงโทษเฆี่ยนเสียห้าไป 50 ที ทหารในกองทัพดังนั้นเห็นก็หมดกำลังใจ เอาใจออกห่างกันมากมายรวมทั้งเฮาเสงที่เคยภักดีต่อลิโป้ด้วย เฮาเสงแค้นที่ตนถูกลิโป้ลงโทษอย่างไร้เหตุผลจึงทำการขโมยม้าเซ็กเทาว์ไปให้โจโฉเสียเองเลย และเมื่อลิโป้ขาดอาชาคู่ศึกอย่างยอดอาชาไนยเซ็กเทาว์ไปความร้ายกาจของลิโป้ก็ลดน้อยถอยลง ประกอบกับสภาพจิตใจที่เศร้าหมอง ร่างกายที่ทรุดโทรมลง ลิโป้จึงไม่ได้เก่งกล้าสามารถอย่างเช่นที่เคยเป็นอีกแล้ว
โจโฉต้องการทำให้สภาพจิตใจของกองทัพลิโป้ตกต่ำลงไปอีก เลยสั่งทหารไปพังเขื่อนกั้นแม่น้ำกิซุยที่อยู่บนเขาให้ไหลลงมาท่วมเมืองแห้ฝือ และทำการยกทัพเข้าตีเมืองอย่างหนักหน่วง ลิโป้ที่ขาดยอดอาชาไนยเซ็กเทาว์ไป ก็หยิบง้าวกรีดนภาของตนเข้าสู้รบอย่างกล้าหาญร่วมกับทหารที่เหลืออยู่ของตั้งแต่เช้ายันเที่ยง จนเหนื่อยล้าอ่อนแรง ม่อยหลับไป ซงเหียนกับงุยซกขุนศึกของลิโป้ ที่เอาใจออกห่าง ก็แอบลักเอาง้าวกรีดนภาของลิโป้ไปทิ้งให้ข้าศึกนอกนอกกำแพงเมือง แล้วก็ช่วยกันกลุ้มรุมจับลิโป้มัดไว้ทั้งกำลังหลับไม่รู้สึกตัว และเปิดประตูเมืองให้กองทัพของโจโฉบุกเข้าเมืองได้สำเร็จ โจโฉเมื่อเข้าเมืองแห้ฝือได้แล้ว ก็ให้ทหารพังทำนบที่กั้นน้ำเสีย น้ำที่ท่วมก็ไหลออกจากเมืองแห้งไป แล้วก็ให้เอาตัวลิโป้กับพรรคพวกมาพิพากษาโทษบนหอรบ ซึ่งมี เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ยืนรออยู่ด้วย โจโฉสั่งให้ โกซุ่นขุนศึกผู้กล้าหาญภักดีของลิโป้ถามว่าจะเอายังไง โกซุ่นนิ่งเฉยไม่ตอบอะไร โจโฉเลยให้เอาไปประหารเป็นคนแรก ต่อมาถึงตาตันก๋ง โจโฉเกลี้ยกล่อมตันก๋งเพราะตันก๋งเคยมีบุญคุณกับตนเมื่อตอนหนีจากตั๋งโต๊ะ ไปก่อ ตั้งกองกำลังคณะปฏิวัติแต่ตันก๋งไม่ยอมอยู่กับโจโฉจะขอตายเพียงอย่างเดียว โจโฉสงสารก็เดินร้องไห้ตามลงไปปลอบโยน แต่ก็ไม่สำเร็จอีก
ตอนโจโฉไม่อยู่ลิโป้ขอร้องเล่าปี่ว่า “มหาอุปราชนับถือท่านอยู่ ครั้งนี้ข้าเป็นคนโทษถึงตาย ท่านจงคิดอ่านว่ากล่าว ขอชีวิตข้าไว้ให้รอด คุณท่านก็จะมีกับข้าสืบไป ” เล่าปี่ได้ฟังก็พยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร จนโจโฉเดินกลับมาลิโป้ก็อ้อนวอนโจโฉว่า “ทุกวันนี้มหาอุปราชคิดการใหญ่ เกรงอยู่แต่ข้าเพียงผู้เดียวว่าเป็นเสี้ยนหนาม บัดนี้ก็จับตัวข้าได้แล้ว ข้าจะขอชีวิตไว้ทำการสนองคุณท่านในการครอบครองแผ่นดิน นานไปราชสมบัติก็จะเป็นสิทธิแก่ท่าน ” โจโฉได้ฟังก็ลังเลอยู่จึงถามเล่าปี่ว่าคิดยังไง เล่าปี่จึงตอบไปว่า “ครั้งเต๊งหงวนกับตั๋งโต๊ะตายนั้น ท่านเองก็ทราบอยู่ เหตุใดจึงมาถามข้าอีกเสียเล่า” โจโฉได้ฟังก็สั่งให้เอาตัวลิโป้ไปประหาร ตอนทหารนำตัวลิโป้ไปสำเร็จโทษระหว่างทางลิโป้ได้ตระโกนด่าเล่าปี่ด้วยความแค้นว่า“ อ้ายเล่าปี่หูยาวมิได้คิดถึงคุณกู เมื่อครั้งกิเหลงจะทำอันตรายแก่มัน หากกูคิดกลอุบายยิงเกาทัณฑ์ให้ถูกทวน มันจึงรอดชีวิตอยู่ ” พอดีตอนนั้น เตียวเลี้ยว ขุนศึกผู้กล้าหาญคนสนิทของลิโป้ถูกทหารมัดพาตัวขึ้นมาข้างบน เห็นนายตนรักตัวกลัวตาย เตียวเลี้ยวจึงให้สติว่า “ท่านแม่ทัพเราเกิดมาเป็นชายชาติทหารแล้ว จะมัวรักชีวิตอยู่ทำไม ถึงคราวจะตาย ก็ควรจะให้ลือชื่อไว้ในแผ่นดิน ” ลิโป้ได้ฟังก็รู้สึกปลงตก สงบจิตสงบใจ ยอมรับชะตากรรมของตน ก่อนที่เขาจะถูกเอาผ้ารัดคอให้ตายและตัดหัวไปเสียบประจานไว้ที่หอธรณีขาว เมืองแห้ฝือ เสียชีวิตเมื่ออายุได้ 42 ปี ในปีเจี้ยนอันศกที่ 3 (คริสตศักราช 198)
*ในประวัติศาสตร์ กล่าวว่า ซุนเกี๋ยนเป็นคนฆ่า ไม่ใช่กวนอู
**ที่ได้เขียน ผ่านมาคือเหตุการณ์ การล้มล้างตั๋งโต้ะในสามก๊ก ฉบับของ “หลอกว้านจง”
ส่วนเหตุการณ์ การล้มล้างตั๋งโต้ะในสามก๊ก ฉบับของ “เฉินโซ่ว” ขอกรุณาเขียนคร่าวๆดังนี้
ตั๋งโต๊ะนั้นเป็นคนอารมณ์รุนแรงและเป็นพวกเผด็จการวันหนึ่ง ตั๋งโต๊ะมีเรื่องไม่เห็นด้วยกับลิโป้เพียงเล็กน้อยตั๋งโต๊ะคว้าเอาขวานสั้นขว้างใส่ลิโป้เต็มแรงแต่ลิโป้หลบทันแล้วยอมขอโทษตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะจึงหายโกรธตั้งแต่นั้นลิโป้นั้นก็เรี่มไม่พอใจในตัวตั๋งโต๊ะ และตอนนั้นลิโป้กับตั๋งโต๊ะต่างหมายปองผู้หญิงคนเดียวกันอยู่จึงทำให้ทั้ง2คนไม่พอใจกันมากขึ้นไปอีก บวกกับตัวลิโป้อยากได้อำนาจจึงร่วมมือกับอ้องอุ้นวางแผนฆ่าตั๋งโต๊ะ แล้วก็กระทำได้สำเร็จ(ซึ่งไม่มีการกล่าวถึงชื่อ เตียวเสี้ยน เลยจึงคาดกันว่านางไม่มีตัวตนจริงๆในประวัติศาสตร์)
***(ลิโป้มีภรรยา 2 คน โดยภรรยาหลวงมีชื่อว่า นางเหงียมซี ส่วน ภรรยาน้อย คือ เตียวเสี้ยน)
บทความโดย lu bu feng xian
ผลงานอื่นๆ ของ หลินจื้อโหยว ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หลินจื้อโหยว
ความคิดเห็น