fic (sooyoung&kai) พี่สาวครับ..เรารักกันได้ไหม
...เธอและเขามีความรู้สึกที่ดีต่อกันแต่เพราะคำว่าพี่น้องทำให้พวกเขาต้องเก็บความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ สุดท้ายความรักของพวกเขาจะลงเอยอย่างไร...
ผู้เข้าชมรวม
1,507
ผู้เข้าชมเดือนนี้
16
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ สวัสดีค่ะฉัน คิม ซูยอง เป็นน้องคนที่สามของบ้านตระกูลคิม ตอนนี้ฉันอยู่กับพี่ชายฝาแฝดสองคนและน้องเล็กที่สุดแสนจะน่ารักอีกหนึ่งคน ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันสี่คน พ่อแม่ของพวกเราอยู่ที่อเมริกาท่านสองคนอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีพวกเราทั้งสี่คอยกวนน่ะแต่ฉันก็เข้าใจนะเพราะพวกท่านคงเหนื่อยมากที่ต้องคอยดูแลพวกเราทั้งสี่คนพอพวกเราโตแล้วท่านทั้งสองก็เลยหายห่วงหนีไปเที่ยวกันสองคนนี่แหละ กลับมาที่เรื่องของฉันต่อดีกว่าทุกคนคงไม่รู้ว่าพี่ชายและน้องชายของฉันน่ะหล่อขนาดไหนเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังแล้วกันพี่ชายของฉันสองคนเป็นฝาแฝดกันแต่เพราะเกิดจากไข่คนละใบเลยทำให้หน้าตาของทั้งสองคนไม่เหมือนกัน แต่เรื่องความหล่อเนี่ยไม่มีใครยอมใครจริงๆ
พี่ชายคนโตของฉันชื่อ คิม จุนมยอน หรือ พี่ซูโฮ มีใบหน้ารูปไข่ มีดวงตาและรอยยิ้มที่สดใสบวกกับผิวที่ขาวผุดผ่องยิ่งทำให้ดูดี จะว่าไปดูสวยกว่าผู้หญิงซะอีกนะ
พี่ชายคนที่สอง คิม ซูเถา หรือ พี่เถานั่นเอง เขามีใบหน้าที่คมเข้มราวกับภาพวาด ริมฝีปากหยักสวยได้รูป ดวงตาคมที่ใครๆได้เห็นเป็นต้องละลาย จมูกโด่งเป็นสันบวกกับผิวพรรณที่ขาวผ่องยิ่งทำให้น่ามองจนไม่อยากละสายตาเลยล่ะ
ส่วนฉันไม่รู้สิจะว่าสวยก็ไม่สวยเท่าไรจะว่าน่ารักก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้นก็คงธรรมดาแหละถ้าให้เทียบกับพี่ชายทั้งสองพวกเขายังสวยกว่าฉันซะอีกแต่ก็โชคดีหน่อยที่ฉันก็มีดีตรงที่ขาวเนี่ยแหละ อิอิ
มาถึงน้องเล็กคนสุดท้ายชื่อ คิม จงอิน หรือ ที่พวกเราทั้งสามเรียก ไค มีหน้าตาน่ารักคล้ายเด็กผู้หญิง ดวงตากลมใสไร้เดียงสา ใบหน้าเรียวได้รูป มองยังไงก็ดูดีไปซะทุกมุม แต่ที่ฉันไม่เข้าใจก็คือทำไมพวกเราทั้งสามคนชื่อต่างก็ขึ้นต้นด้วยซูแต่กลับมีไคคนเดียวที่แปลกไปจากคนอื่นบวกกับสีผิวที่ยังไงก็แตกต่างกับพวกเราโดยสิ้นเชิงเพราะผิวของไคออกจะคล้ำจนเกือบดำด้วยซ้ำ แต่ก็นะคนเราถึงจะเป็นพี่น้องกันก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรที่เหมือนกันทุกอย่าง แค่น้องเล็กของฉันดูดีก็พอแล้ว ”
“ คิม ซูยอง เธอจะออกจากห้องได้หรือยังถ้าพี่นับหนึ่งถึงสามแล้วยังไม่ออกมาพี่จะทิ้งเธอให้อยู่บ้านคนเดียวจริงๆนะ ” พี่ชายคนโตของเธอพูดขึ้นเมื่อมาหยุดยืนที่หน้าห้องของน้องสาวตัวแสบ
“ ค่ะ พี่ซูโฮ ฉันจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้ ” ซูยองตอบกลับไปหลังจากได้ยินเสียงของพี่ชายและคำขู่ว่าจะทิ้งเธอไว้บ้านเพียงคนเดียว
“ อีกสิบนาทีถ้ายังไม่ลงไปข้างล่างพี่จะให้เธอเฝ้าบ้านจริงๆเข้าใจไหม ” พี่ชายของเธอพูดพร้อมกับยืนรอฟังคำตอบ
“ ค่ะ ฉันจะรีบลงไปไม่ปล่อยให้พี่ชายสุดหล่อต้องรอนานอีกแล้ว ” ซูยองตะโกนกลับไปและรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเพราะวันนี้พี่ชายของเธอจะพาไปเที่ยวสวนสนุก ยังไม่ถึงสิบนาทีเธอก็แต่งตัวเสร็จและรีบลงไปข้างล่างตามที่พี่ชายบอกเพราะว่าเธอกลัวจะถูกทิ้งจริงๆ
“ พี่ซูยองมาแล้วเหรอฮะมานั่งทานข้าวก่อนจะได้มีแรงไปเล่นเครื่งเล่นที่สวนสนุกไงฮะ ” น้องเล็กพูดหลังจากที่เห็นพี่สาวเดินลงมาแล้ว
“ ซูยองพี่ถามเธอจริงๆเถอะนะเธอได้อาบน้ำหรือเปล่าเนี่ยทำไมถึงได้แต่งตัวเสร็จไวจัง ” พี่ชายคนที่สองของเธอเอ่ยแซวหลังจากที่เห็นน้องสาวรีบซะจนหัวฟู
“ พี่เถาอย่ามาว่าเขานะ ทำไมจะไม่อาบแต่อาบแค่แป็ปเดียวเอง ” ซูยองพูดพร้อมทำหน้าอายๆ
“ รีบขนาดนั้นเลยเหรอเราอาบสะอาดหรือเปล่าเนี่ย ฮืม
” พี่ชายคนที่สองเอ่ยแซว
“ ก็พวกพี่จะไม่รอฉันนิ ฉันกลัวว่าจะไม่ทันก็เลยรีบอาบอ่ะ ” ซูยองแอบบ่น
“ พี่ก็แค่ล้อเธอเล่นเห็นพี่เป็นคนใจดำขนาดทิ้งน้องตัวเองไว้บ้านคนเดียวหรือไง ” ซูโฮพูดก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องสาวเล่น
“ แกล้งกันได้ลงคอนะพี่ซูโฮไม่คุยด้วยแล้วปล่อยหัวเขาเลยเห็นมั้ยผมเขายุ่งหมดแล้วเดี๋ยวไม่สวย ”
ซูยองบ่นแล้วทำหน้าหงิกทำให้ทุกคนหัวเราะในท่าทางของเธอ
“ ผมว่าเรารีบทานข้าวดีกว่านะฮะจะได้รีบไปผมอยากเล่นเครื่องเล่นจะแย่อยู่แล้วใช่ไหมฮะพี่ซูยอง” น้องเล็กว่าแล้วหันไปขอคำตอบจากซูยอง
“ใช่จ้า” ซูยองตอบแล้วยิ้มให้น้องเล็ก “รีบๆทานซิค่ะพี่สองคนน่ะเห็นมั้ยว่าน้องเล็กเขาอยากจะไปสวนสนุกจะแย่อยู่แล้ว” ซูยองไม่วายหันมาเร่งพี่ชายทั้งสอง
“เป็นงั้นไปไหงกลายเป็นเราสองคนผิดเนี่ยเถา” ซูโฮพูด
“ นายต้องทำใจน่าซูโฮก็เขารักน้องเล็กมากกว่าเราไง ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ผิดซะแล้ว ” เถาพูดแล้วทำหน้างอน
“ อย่างอนเขาเลยนะเขาก็รักทุกคนเท่ากันแหละ” ซูยองรีบอ้อนทันทีเมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอเริ่มงอน หลังจากง้อกันเสร็จทุกคนก็เดินทางไปยังสวนสนุก
“ ชอบไหมไค” ซูยองเอ่ยถามน้องเล็กเมื่อมาถึง
“ชอบฮะ ชอบมากที่สุดเลยยิ่งได้มากับพวกพี่ๆแล้วยิ่งทำให้รู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่” น้องเล็กพูดอ้อน
“เอาล่ะพี่ว่ารีบไปเล่นกันดีกว่านะเดี๋ยวจะหมดเวลาซะก่อน” ซูโฮบอกกับทุกคน
“ ค่ะ/ ครับ” ซูยองและไคตะโกนออกมาพร้อมกันแล้วทั้งสองก็ได้เล่นเครื่องเล่นมากมายจนได้เวลากลับบ้าน
“วันนี้สนุกมากๆเลยขอบคุณพี่ชายทั้งสองมากนะค่ะที่พาพวกเราไปเที่ยว” ซูยองพูดขณะที่กำลังตักอาหารเย็นเข้าปาก
“ถ้าพี่ชายมีเวลาวันหลังพาผมกับพี่ซูยองไปอีกนะฮะ” ไคพูดขณะที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก
“นี่ไคไม่ต้องรีบ เคี้ยวข้าวให้หมดก่อนแล้วค่อยพูดเดี๋ยวก็สำลักหรอกเรา” ซูโฮเตือนน้องชายด้วยความเป็นห่วง
“แล้วตกลงจะพาไปเที่ยวอีกไหมฮะ” ไคยังคงถามต่อ
“แน่นอนถ้ามีเวลาพี่สองคนจะพาเราไปเที่ยวกันอีก ตอนนี้ก็รีบทานข้าวแล้วก็อาบน้ำนอนซะเข้าใจไหม” เถาพูด
“ ค่ะ/ครับ” ทั้งสองตอบออกมาพร้อมกันแล้วทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน
สิบปีผ่านไปไวเหมือนโกหกตอนนี้ซูยองก็ได้โตเป็นสาวเข้ามหาลัยแล้ว ส่วนน้องเล็กนั้นก็กำลังเรียนมัธยม พี่ชายทั้งสองคนช่วยกันดูแลค่ายเพลงที่สร้างขึ้นมาด้วยความรัก
“พี่ซูโฮฉันไปเรียนก่อนนะคะ” ซูยองคนที่เคยอ้อนพี่ชายตอนเด็กๆตอนนี้โตเป็นสาวแล้วแม้แต่การพูดจาก็เปลี่ยนไปดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
“ให้พี่ไปส่งไหมซูยอง” ซูโฮเอ่ยถามเมื่อเห็นน้องสาวกำลังจะออกจากบ้าน
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ซูโฮเดี๋ยวฉันจะไปกับไคพี่รีบไปทำงานเถอะค่ะ” ซูยองบอกพร้อมกับตะโกนถามไคที่ยืนพิงจักรยานรออยู่หน้าบ้าน “ ไคพร้อมหรือยัง ”
“ผมพร้อมตั้งนานแล้วครับเราจะไปกันได้หรือยังเดี๋ยวจะสายนะครับ” ไคตะโกนตอบกลับมาน้องเล็กของบ้านตอนนี้ก็กลายเป็นหนุ่มแล้วเช่นกัน
“ไคขี่รถดีๆรู้หรือเปล่าระวังด้วยเข้าใจไหม” เถาตะโกนบอกน้องเล็กอย่างเป็นห่วง “สองคนนี้อยู่ด้วยกันทีไรหาเรื่องให้ได้เป็นห่วงทุกทีซิน่า” เถาบ่นอย่างอ่อนใจ
“เอาน่าน้องเล็กของเราเขาไม่ปล่อยให้พี่สาวของตัวเองเป็นอะไรหรอกอย่ากังวลไปเลยเถา” ซูโฮพูดปลอบใจแฝดผู้น้อง ที่ซูยองและไคไปเรียนพร้อมกันก็เพราะว่าโรงเรียนและมหาลัยของทั้งสองอยู่ตรงข้ามกันเลยไม่แปลกที่เพื่อนของเขาทั้งสองจะคิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันเพราะหน้าตาของทั้งสองคนยิ่งโตขึ้นยิ่งไม่เหมือนกันซักนิด พวกเขาจะรู้สึกแปลกใจกันบ้างไหมน้า
“ขอบใจนะไคตั้งใจเรียนด้วยรู้หรือเปล่า” ซูยองพูดหลังจากที่เธอลงจากจักรยานเพราะถึงหน้ามหาลัยแล้ว
“ผมรู้ครับ ตอนเย็นเจอกันนะครับพี่ซูยอง” ไคพูดแล้วยิ้มให้พี่สาวก่อนที่จะข้ามไปยังโรงเรียนของตัวเอง
“ซูยองคนที่มาส่งเธอทุกเช้าที่หน้ามหาลัยเป็นแฟนเธอเหรอ” เพื่อนร่วมคณะคนหนึ่งของเธอถามขึ้น
“จะบ้าเหรอฟ้าได้ผ่ากันพอดี” ซูยองพูดติดตลก
“ทำไมล่ะ” เพื่อนของเธอเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ
“นั่นน่ะน้องชายคนเล็กของฉันเองไม่ใช่แฟนหรอกเธอเข้าใจผิดแล้ว” ซูยองบอกออกไปตรงๆ
“น้องชาย..แต่ทำไมหน้าตาถึงไม่เหมือนกันเลยล่ะแล้วยังสีผิวอีกมันต่างกันเกินไปนะ” เพื่อนของเธอยังคงถามต่อ
“ไม่รู้สิ” ซูยองตอบได้แค่นั้นอาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาพอดีทำให้การสนทนาจบลงแค่นั้น
“พี่ซูยองครับผมมารับแล้ว” ไคบอกพร้อมส่งรอยยิ้มที่สดใสมาให้เมื่อเห็นร่างของพี่สาวเดินมา
“ไม่เบื่อหรือไงเราเลิกเรียนแล้วต้องมานั่งรอพี่ที่มหาลัยทุกวัน” ซูยองพูดเมื่อเห็นว่าทุกวันไคจะมานั่งรอเธอที่มหาลัยเนื่องจากเธอเลิกทีหลัง
“ผมไม่เบื่อหรอกครับให้นั่งรอทั้งวันยังได้จะให้พี่ซูยองกลับบ้านคนเดียวผมเป็นห่วงเรากลับด้วยกันทุกวันเนี่ยแหละดีแล้ว” ไคพูดอย่างจริงจัง
“รู้หรือเปล่าว่าเพื่อนพี่เขาแซวกันใหญ่คิดว่าไคเป็นแฟนพี่” ซูยองพูดขำๆหลังจากที่เธอนั่งซ้อนท้ายจักรยานของน้องชายเรียบร้อยแล้ว
“เพื่อนของผมก็แซวเหมือนกัน” ไคพูดแล้วหัวเราะขึ้นมาก่อนที่จะทำเสียงจริงจังและเอ่ยถามพี่สาวของตน “พี่ซูยองครับพี่ว่าเราสองคนหน้าเหมือนกันหรือเปล่า.
“พูดเรื่องอะไรเนี่ยไคเราเป็นพี่น้องกันก็ต้องเหมือนอยู่แล้วแต่อาจจะไม่ได้เหมือนกันเปี๊ยบเหมือนพี่ซูโฮกับพี่เถา” ซูยองอธิบาย
“งั้นเหรอฮะ” ไคตอบเพียงสั้นๆตอนนี้ตัวเขาเองเริ่มไม่แน่ใจซะแล้วว่าเป็นน้องชายของพี่ๆทั้งสามจริงหรือเปล่าเพราะด้วยหน้าตาและสีผิวไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกันซักอย่าง
“ไคฟังพี่นะไม่ว่าใครจะพูดยังไงนายก็ไม่ต้องไปใส่ใจแค่รู้ว่านายเป็นน้องของพี่ก็พอนายไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องไร้สาระพวกนั้นมาใส่ใจพี่อยากให้นายรู้ไว้ว่านายคือครอบครัวและเป็นน้องชายคนเล็กของพวกเราแค่นั้นก็พอแล้ว” ซูยองพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ผมเข้าใจแล้วครับพี่ซูยอง ขอโทษที่ถามเรื่องไร้สาระนะครับ” ไคพูด
“ไม่เป็นไรพี่เข้าใจ พวกเรามีสายเลือดเดียวกันแค่นายจำไว้แค่นี้ก็พอ” เธอบอกทั้งที่ความจริงแล้วเธอเองก็สงสัยเช่นกัน เพราะทั้งสองมัวแต่คุยกันทำให้ไคไม่ทันได้สังเกตุว่าข้างหน้ามีหลุมทำให้จักรยานของเขาเสียหลักล้มเมื่อไคตั้งสติได้จึงรีบวิ่งไปหาซูยองที่นั่งกองอยู่กับพื้นทันที
“เป็นไรไหมครับพี่ซูยอง ” ไครีบถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ข้อเท้า” ซูยองเอ่ย ใบหน้าของธอตอนนี้เหยเกบ่งบอกถึงความเจ็บปวด
“ตรงนั้นมีม้านั่งอยู่พอจะลุกขึ้นไหวไหมครับ” เขาพูด
“อืม..ยังพอไหวอยู่” เธอบอกพร้อมค่อยๆลุกขึ้นแต่เพราะว่าความเจ็บปวดทำให้เธอต้องเสียหลักเกือบล้มแต่โชคดีที่มือหนาเข้ามาประคองไว้ได้ทัน
“ไม่เป็นไรนะครับพี่ซูยอง” ไคถามในขณะที่ทั้งสองยังคงค้างอยู่ท่าเดิมโดยที่มีมือของเขาโอบรอบเอวบางของเธออยู่ ใบหน้าของทั้งสองใกล้ชิดกันมากจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของลมหายใจ
“พะ..พี่ไม่เป็นไรนายรีบพาพี่ไปนั่งเถอะ” ซูยองบอกเมื่อได้สติกลับคืนมาจึงรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ ครับ” ไคที่รู้สึกตัวจากการบอกของซูยองรีบพยุงร่างของเธอไปยังม้านั่งที่อยู่ออกไปไม่ไกล “ผมขอดูข้อเท้าหน่อยนะครับว่าหักหรือเปล่า” เขาพูด ทันทีที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปที่ข้อเท้าของเธอซูยองก็ขัดขึ้น
“พี่ว่าอย่าดีกว่าเราไม่ต้องทำให้พี่ขนาดนั้นหรอกรีบกลับบ้านกันดีกว่าไปหายาทาเดี๋ยวก็หายแล้ว” ซูยองพูด
“ไม่ได้นะครับต้องดูก่อนว่าบาดเจ็บมากแค่ไหนถ้าหักผมจะได้รีบพาพี่ไปหาหมอ ให้ผมดูข้อเท้าพี่เถอะนะครับเพราะผมไม่ระวังพี่ถึงต้องมาเจ็บตัวอย่างนี้” ไคพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและสายตาที่จ้องมายังเธอด้วยความห่วงใยทำให้เธอไม่มทางเลือกนอกจาก
“อืม..” เธอตอบได้แค่นั้นแล้วไคก็ตรวจดูข้อเท้าพลิกไปพลิกมาอย่างเบามือเหมือนกลัวว่าสิ่งนั้นจะต้องเจ็บเพราะเขามากไปกว่านี้เพราะไคมัวแต่ตรวจอาการข้อเท้าของซูยองอยู่เขาจึงไม่เห็นอาการที่แปลกไปของพี่สาว
“ความรู้สึกนี้มันคืออะไรนะ” ซูยองได้แต่คิดในใจก่อนที่จะยกมือขึ้นมาทาบที่หน้าอก “การเต้นของหัวใจที่ไม่เป็นปกตินี้มันคืออะไรกันนะ” ก่อนที่ความคิดของเธอจะเตลิดไปมากกว่านี้เสียงของชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคยก็เรียกขึ้นเมือนให้สติกับเธอ
“พี่ซูยองยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่าครับทำไมผมเรียกตั้งนานแล้วพี่ไม่ตอบผมล่ะ” ไคถามด้วยความเป็นห่วงก่อนที่จะเข้ามาพลิกตัวของซูยองไปมาเพื่อดูว่ายังมีส่วนไหนที่บาดเจ็บอยู่หรือเปล่า
“พี่ไม่เป็นไม่เจ็บตรงไหนแล้ว” ซูยองพูดแล้วปัดมือของไคออก “ตอนนี้ขาพี่ไม่ค่อยปวดแล้วเรารีบกลับบ้านกันเถอะเดี๋ยวพี่ซูโฮกับพี่เถาจะเป็นห่วงนี่ก็เลยเวลามามากแล้ว”
“ครับ ค่อยๆลุกนะครับ” ไครับคำอย่างงงๆในท่าทีแปลกๆของพี่สาวแต่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรก่อนจะเข้าไปช่วยพยุงให้เธอเดินไปยังจักรยานที่จอดอยู่ไม่ไกลหลังจากนั้นทั้งสองก็กลับบ้านแล้วทุกอย่างก็เป็นปกติเหมือนที่เคยเป็น
“พี่ซูโฮเราไปเที่ยวสวนสนุกกันอีกเถอะนะค่ะ พวกเราไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ” ซูยองเอ่ยชวนพี่ชายหลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันที่โต๊ะอาหารเหมือนทุกครั้ง
“ทำไงดีล่ะซูยองตอนนี้พวกพี่สองคนกำลังยุ่งมากคงไม่มีเวลาในช่วงนี้เอาไว้ช่วงปลายเดือนพี่ว่างแล้วเราค่อยไปกันได้ไหม” เถาพี่ชายคนที่สองเป็นคนตอบแทน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจเอาไว้มีเวลาเราค่อยไปกันก็ได้” ซูยองพูดหน้าสลดแต่เธอก็เข้าใจพี่ชายทั้งสองคนและไม่ได้โกรธอะไรเธอแค่เพียงเสียดายเท่านั้น ช่วงนี้ทุกคนไม่ได้ใช้เวลาด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนเพราะแต่ละคนก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบ
“เอาอย่างนี้ดีไหม ซูยองก็ไปกับไคซิพรุ่งนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ ส่วนไคก็หยุดพอดี ว่าไงไอเดียนี้ใช้ได้ไหม” ซูโฮเสนอขึ้น
“ถ้าพี่ซูยองอยากไปผมก็จะไปเป็นเพื่อนครับ ผมเองก็อยากจะไปรื้อฟื้นความทรงจำในสมัยเด็กเหมือนกัน” ไคพูดอย่างตื่นเต้น
“อืม..ถ้างั้นก็ตกลงพรุ่งนี้พวกเราไปเที่ยวตามภาษาเด็กกันปล่อยให้พวกพี่ๆที่ไม่มีแรงนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศน่ะดีแล้ว” ซูยองพูดและยังไม่วายเหล่ตามองไปยังพี่ชายทั้งสองคน
“อ้าว..พูดอย่างนี้ก็ว่าพวกพี่แก่น่ะสิ” ซูโฮพูด
“ฉันยังไม่ได้พูดคำว่าแก่ซักคำเลยนะแสดงว่าพี่สองคนก็รู้ตัวนะเนี่ย” ซูยองพูดพยายามกลั้นหัวเราะ
“เดี๋ยวนี้ปากร้ายนะน้องสาวเราแล้วจะมีใครกล้าเข้ามาจีบมั้ยเนี่ย หรือว่าจะให้พี่ซื้อตั๋วไว้รอ” เถาพูด
“ซื้อตั๋ว?” ซูยองพึมพำก่อนจะทำหน้างงแล้วเอ่ยถามพี่ชายขึ้น “พี่เถาจะพาฉันไปเที่ยวไหนเหรอถึงต้องซื้อตั๋ว” ซูยองเอียงคอถามท่าทางน่ารัก
“ก็ไปเชียงคานไง” หลังจากที่เถาพูดทุกคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมายกเว้นก็แต่ซูยองที่นั่งหน้าบูดเป็นอาหารค้างคืน
“แรงอ่ะพี่เถาว่าน้องอย่างนี้เลยเหรอ” ซูยองพูดหน้าหงิก
“พี่เขาล้อเล่นนิดเดียวเราก็จริงจังไปได้” ซูโฮพูดพยายามกลั้นหัวเราะ
“พี่ครับเลิกแซวพี่ซูยองได้แล้วนะครับไม่เห็นเหรอว่าพี่เขากำลังโกรธ” แม้แต่น้องเล็กเองก็ยังอดขำไม่ได้
“นี่แหนะ” ซูยองตีไปที่แขนของน้องเล็กหนึ่งทีเพราะอยู่ใกล้มือของเธอมากที่สุด “แซวกันเข้าไปคอยดูเถอะถ้าฉันต้องไปเชียงคานจริงๆพี่ทั้งสองคนและนายด้วยน้องเล็กก็ต้องไปกับฉันไม่เชื่อก็คอยดู” เธอประกาศเสียงดังก่อนที่จะเดินกระแทกเท้าเสียงดังขึ้นห้องไปปล่อยให้หนุ่มๆทั้งสามนั่งขำในความขี้งอนของเธอที่ไม่ยอมเปลี่ยน
เช้าที่สดใสของวันใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้น วันนี้เป็นวันที่ซูยองและไคจะได้ไปเที่ยวด้วยกันเป็นครั้งแรกโดยที่จะไม่มีเงาของพี่ชายทั้งสองตามไปด้วย
“พวกเราไปนะครับ” ไคบอกพี่ชายทั้งสองคนหลังจากที่ทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว
“แล้วอย่ากลับให้เย็นมากเข้าใจไหม ตอนกลางคืนมันอันตราย” ซูโฮไม่ลืมที่จะกำชับน้องทั้งสองเด้วยความเป็นห่วง
“ค่ะ พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราจะไม่กลับผิดเวลาทำให้พี่ต้องเป็นห่วง” ซูยองบอกอย่างมั่นใจ
“ไค นายดูแลพี่สาวให้ดีๆด้วยรู้หรือเปล่าถ้ามีแผลกับมาเหมือนคราวที่แล้วอีกล่ะก็ พี่จะลงโทษนายให้หนักเลยคอยดู” เถาพูดพร้อมกับขู่มักเน่ไปในตัว
“ครับ ผมจะดูแลพี่ซูยองอย่างดีไม่ให้บาดเจ็บตรงไหนอีก” ไครับปากพี่ชายอย่างมั่นใจเพราะคราวนี้เขาจะไม่ให้พี่สาวของตัวเองต้องเจ็บตรงไหนอีก
“ทั้งสองคนรีบไปกันเถอะจะได้มีเวลาเล่นให้เต็มที่” ซูโฮบอก
“แล้วพวกเราจะซื้อขนมมาฝากนะคะ” ซูยองบอกแล้วทั้งสองก็ออกจากบ้านไปเหลือแค่เพียงซูโฮและเถาเท่านั้น
“ทำอย่างนี้แล้วจะดีจริงๆเหรอซูโฮที่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ห่างจากสายตาของเราน่ะ” เถาพูดออกมาเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด นายเองก็รู้ว่าเราไม่สามารถอยู่กับพวกเขาได้ตลอดเวลาชีวิตใครก็ชีวิตมันถึงเขาจะเป็นน้องของเราเราก็ควรปล่อยให้เขาได้คิดและตัดสินใจเอง พี่อย่างเราทำได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆเท่านั้น กังวลไปก่อนก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเราปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรเป็นดีกว่า ” ซูโฮพูดอย่างหนักใจเช่นกันเพราะหลังๆมานี้พวกเขาทั้งสองเริ่มเห็นท่าทีของน้องสาวและน้องชายที่แปลกไปและพวกเขาเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าสิ่งที่แปลกไปนั้นของทั้งสองคืออะไร
“ไม่เปลี่ยนไปนะครับสวนสนุกที่นี่ยังเหมือนเดมเลยพี่ซูยองดูซิ” ไคพูดเมื่อทั้งสองก้าวเข้ามาในสวนสนุก
“จริงด้วย ไม่เปลี่ยนเลยซักนิด” ซูยองพูด “ พร้อมหรือยัง” เธอหันไปถามน้องชาย
“ผมพร้อมตั้งนานแล้วครับ” เขาบอก
“งั้น..ก็ลุย” ซูยองบอกแล้วทั้งสองก็ไล่เล่นเครื่องเล่นกันจนเกือบครบแล้วที่ต่อไปที่พวกเขาเลือกคือบ้านผีสิง
“พี่ไม่กลัวเหรอครับตอนเด็กๆผมชวนพี่ก็ไม่เข้าบอกว่ากลัวตอนนี้ไม่กลัวแล้วเหรอครับ” ไคถามพี่สาวเพราะตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ทางเข้าบ้านผีสิงแล้ว
“ดูถูกพี่หรือไงนั่นมันตอนเด็กตอนนี้พี่โตแล้วไม่กลัวหรอกอยากลองเข้าดูซักครั้งว่ามันจะน่ากลัวซักแค่ไหน” ซูยองพูดอย่างโอ้อวดไม่นานเมื่อเธอและเขาก้าวเข้าบ้านผีสิงซูยองก็เอาแต่กรีดร้องโวยวายเพราะผีปลอมที่โผล่ออกมาบวกกับความมืดที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกกลัว
“เอ..พี่ซูยองที่เมื่อกี้บอกว่าไม่กลัวหายไปไหนแล้วน้า” ไคเอ่ยแซวพี่สาวขำๆ
“อย่ามาขำพี่นะก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าจะทำผีปลอมได้เหมือนจริงขนาดนี้” ซูยองพูดมือก็กำชายเสื้อของน้องชายไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายตัวไป “นี่ ห้ามทิ้งพี่แล้วหนีไปคนเดียวเข้าใจหรือเปล่า”
“ผมจะทิ้งพี่ได้ยังไงล่ะครับ” เขาบอก
“ไม่รู้แหละ ถ้านายทิ้งพี่สาวคนนี้พี่จะไม่คุยด้วยตลอดชีวิต” ซูยองพูดพร้อมเหลือกตามองรอบข้างเพราะกลัวว่าผีจะโผล่ออกมาโดยที่ยังไม่ตั้งตัว
“งั้น..ทำอย่างนี้แล้วกันพี่ซูยองจะได้สบายใจว่ายังไงน้องชายคนนี้ก็จะไม่มีวันทิ้งให้พี่โดนผีหลอกอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน” ไคพูดจบก็เอื้อมมือไปจับมือซูยองมากระชับไว้แน่น
“อย่างนี้ก็ไม่กลัวว่าผมจะทิ้งแล้วใช่ไหมครับ” ไคบอกพร้อมชูมือที่จับกันไว้ขึ้นมา
“อืม
” ซูยองบอกยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดต่อผีหัวขาดก็โผล่ออกมา “อ๊า
.ผีหลอก” ซูยองร้องได้แค่นั้นก็ฉุดมือของไควิ่งอย่างไม่คิดชีวิตในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางออก
“เหนื่อยชะมัดเลยคิดว่าจะต้องอยู่กับผีทั้งวันซะอีก” ซูยองพูดเมื่อมายืนหอบอยู่ตรงทางออก
“พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่ามันผีปลอมแล้วทำไมยังกลัวอีกล่ะ” ไคบอกยิ้มๆ
“ใครจะไม่กลัวเหมือนซะขนาดนั้น” ซูยองเถียง
“นี่เธอดูคู่รักคู่นั้นซิ สวยหล่อเหมาะสมกันจังเลยเนอะน่าอิจฉา” ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเห็นทั้งคู่
“เราเป็นพี่น้องกันค่ะ” ซูยองพูดขึ้นตรงๆเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบ
“ไม่ต้องเขินหรอกค่ะแฟนกันมาเที่ยวด้วยกันมันไม่แปลกหรอกค่ะ” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดพร้อมมองไปยังมือของทั้งคู่ที่ยังคงจับกันอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกจากกัน ทั้งสองจึงเบนสายตามายังจุดที่หญิงสาวคนนั้นมองอยู่และในทันทีทั้งสองก็รีบปล่อยมือกันโดยที่ไม่ต้องให้มีใครมาบอก
“เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ” ซูยองบอกแล้วเดินนำหน้าไป “เอาอีกแล้วทำไมหัวใจถึงเต้นแรงอย่างนี้นะ” ซูยองคิดในใจแล้วยกมือมากุมหน้าอกโดยที่ไม่รู้เลยว่าน้องชายของเธอเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน ระหว่างทานข้าวไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากของทั้งสองเลย
“พี่ว่าเรารีบกลับกันดีกว่านะ” ซูยองพูดหลังจากที่ทานข้าวเสร้จ
“นี่เพิ่งจะเที่ยงเองยังไม่กลับไม่ได้เหรอครับ นานๆทีพวกเราพี่น้องจะได้ออกมาเที่ยวด้วยกัน” เขาพูดพยายามเน้นคำว่าพี่น้องเหมือนเป็นการย้ำตัวเองให้รู้ว่าไม่ควรคิดเกินเลย
“ถ้างั้นเราจะไปไหนต่อล่ะพี่ไม่อยากเล่นแล้ว” ซูยองพูดพยายามทำตัวให้เป็นปกติ
“ทางที่เรานั่งรถผ่านมาผมเห็นเหมือนเขาจะจัดงานอะไรบางอย่างเราไปกันนะครับ” ไคพูดอ้อนท่าทางน่ารัก
“ได้ ไปสิน่าสนุกดี” ซูยองเห็นด้วยเพราะรีบกลับบ้านก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี เวลาผ่านไปตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว งานวัดที่พวกเขามาเดินเล่นก็เริ่มมีผู้คนมากขึ้น
“ว้าว ตุ๊กตาหมีตัวนั้นน่ารักจังเลย” ซูยองพูดเมื่อเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านปาเป้าร้านหนึ่ง
“งั้นเราก็ไปเล่นกัน” ไคพูด
“พี่ว่าอย่าดีกว่ามันไม่ได้ได้มาง่ายๆหรอก พี่อยากกินสายไหมไปตรงโน้นดีกว่ามีร้านขายอยู่” ซูยองว่าแล้วลากมือไคไปทันทีแต่สายตาของเขาก็ยังจ้องอยู่ที่ตุ๊กตาหมีตัวเดิม ขณะที่ซูยองกำลังซื้อสายไหมอยู่นั้นไคก็ได้หายตัวไปเมื่อซูยองหันกลับมาเธอรู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก
“ไคนายอยู่ไหนเลิกแกล้งพี่ได้แล้ว” ซูยองตะโกนเรียกชื่อน้องชาย ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มจะมืดคนก็ยิ่งเยอะทำให้ยิ่งหาได้ยากขึ้น “โธ่..ทำไมแบตต้องหมดตอนนี้ด้วยนะ”
“ขอโทษนะครับผู้หญิงที่มากับผมเมื่อกี้เขาไปไหนเหรอครับ” ไคถามคุณลุงคนขายสายไหม
“ไม่รู้สิแต่ดูท่าทางแม่หนูนั่นร้อนรนเชียวหันไปไม่เจอพ่อหนุ่มเขาก็วิ่งออกไปเลย” พ่อค้าพูด
“พี่ซูยอง” ชายหนุ่มพึมพาออกมาสีหน้าเป็นกังวล เขาวิ่งตามหาเธอไปทั่วมือถือก็ติดต่อไม่ได้นั่นทำให้เขายิ่งเครียด “พี่อยู่ที่ไหน พี่ซูยอง” เขาพูดออกมาก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างบางที่คุ้นตาแล้วตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
“พี่ซูยอง” หญิงสาวที่นั่งหมดแรงอยู่ที่พื้นเมื่อได้ยินเสียงคนที่เธอตามหาก็น้ำตารื้นขึ้นมาทันที
“นายหายไปไหนมารู้ไหมว่าพี่กลัวแค่ไหน” ซูยองพูดเมื่อเห็นว่าน้องชายของเธอมานั่งอยู่ข้างๆแล้ว
“ผมขอโทษผมแค่อยากเอามันมาให้พี่” ไคพูดพร้อมยกตุ๊กตาขึ้นมาให้ซูยอง
“นายไปเอามันมาให้พี่เหรอ” ซูยองพูดอย่างอึ้งๆเธอไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจความรู้สึกของเธอมากขนาดนี้
“อย่าร้องไห้เลยนะครับ ยิ่งพี่ร้องไห้มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดที่ทิ้งพี่เอาไว้แล้วไม่ได้บอกเพราะผมอยากเซอร์ไพร์พี่” ไคพูดปลอบเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มร้องไห้หนักกว่าเดิมเมื่อเขาส่งตุ๊กตาหมีให้
“ขอบคุณมากนะไคพี่จะไม่มีวันลืมความทรงจำที่มีค่านี้เลย” ซูยองพูดจบไคก็ดึงเธอเข้าไปกอดไว้แน่นเหมือนเขากลัวว่าเธอจะหายไปอีก
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมเต็มใจทำมันให้พี่” เขาพูดทั้งๆที่ยังไม่ได้คลายอ้อมแขนออกจากตัวซูยองแต่เขากลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นไปอีกเหมือนต้องการส่งความรู้สึกของเขาที่มีให้เธอได้รับรู้
เมื่อซูยองได้สติเธอจึงรีบผลักไคออกเพราะกลัวว่าตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้เรื่องระหว่างเธอกับเขามันไม่มีทางเป็นได้เพราะเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเขาคือน้องชายที่คานตามกันออกมา แค่คิดก็ผิดมากแล้ว
“เรากลับกันเถอะพี่ๆคงเป็นห่วงแย่แล้ว” ซูยองพูดเมื่อเธอลุกขึ้นก็ทำให้เสียหลักโชคดีที่ไครับได้ทัน “ขอบใจ”
ซูยองพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าไคเธอกลัวว่าจะหลุดความรู้สึกอะไรออกไปทำให้เขาผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าได้รับรู้
“ไม่เป็นไรนะครับ” ไคถามอย่างเป็นห่วง
“อืม..พี่ไม่เป็นไรสงสัยเพราะนั่งนานไปเลยทำให้ขาชาไม่มีแรงน่ะตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว” เธอพูด
“ขี่หลังผมดีกว่า” ไคพูดแล้วนั่งลงกับพื้น
“ไม่เป็นไรพี่เดินไหวนายไม่ต้องลำบากหรอก” เธอบอก
“ผมไม่เป็นไรพี่ซูยองขึ้นมาเถอะครับ วันนี้พี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะอีกตั้งไกลกว่าจะถึงป้ายรถเมล์ให้ผมได้ทำเพื่อพี่บ้างนะครับ” ไคหันมาพูดอย่างจริงใจ
“อืม..” คราวนี้เธอตอบแล้วเดินมาขี่หลังเขาแต่โดยดี
“ขอบคุณครับที่ให้ผมได้ทำหน้าที่ของ..น้อ..น้องชาย” ไคพูดเสียงของเขาสั่นเล็กน้อยเหมือนมีอะไรอยู่ภายในใจของเขามากมายแต่ไม่สามารถเปิดเผยมันออกมาได้หลังจากนั้นไคก็ค่อยๆเดินไปเรื่อยท่าทางของเขาไม่ได้รีบร้อนเหมือนกับว่าอยากให้เวลาหยุดไว้แค่นี้
“วันนี้สนุกหรือเปล่าครับ” เขาพยายามหาเรื่องคุย
“สนุกมากๆ ขอบคุณนะถ้าวันนี้นายไม่ได้มาด้วยก็คงไม่สนุกเท่านี้หรอก” เธอพูดออกมาจากความรู้สึกข้างใน เธอกระชับมือที่โอบรอบคอของไคให้แน่นขึ้นเหมือนต้องการเก็บความทรงจำนี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะหลังจากวันนี้เธอต้องลืมความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นใให้หมด “มันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะว่าเขาเป็นน้องชายของเธอ คิม ซูยอง” เธอได้แต่คิดในใจและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา แล้วทุกก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็กลับมาถึงบ้าน
“เป็นไงบ้างวันนี้ไปเที่ยวมาสนุกไหมทั้งสองคน” ซูโฮถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นร่างของน้องทั้งสองกลับมาแล้ว
“ฉันขอตัวไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะคะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วพรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะ” เธอบอกปัดแล้วรีบขึ้นห้องทันที
“ไค นายด้วยเหรอ” เถาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องชายก็กำลังจะเดินขึ้นห้องเช่นกัน
“ครับ ผมขอตัว” เขาพูดแค่นั้นแล้วเดินไปทันทีหลังจากที่ทั้งคู่ไปแล้วทั้งสองก็มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นอาการของน้องทั้งสองคนที่พยายามปิดไว้แต่ไม่มิดนั้น
“หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ฉันคิดนะซูโฮ” เถาพูด
“มันคงไม่มีอะไรหรอกนายอาจจะคิดมากไปเถา เขาก็อาจจะแค่เหนื่อยและยังไม่อยากคุยกับเรา” ซูโฮพยายามปลอบใจแฝดผู้น้องทั้งที่เขาเองก็คิดไม่ต่างกัน
“เราบอกความจริงไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ เพราะถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิด
” เถาพูดแล้วต้องหยุดอยู่แค่นั้นเพราะเสียงของพี่ชายแทรกขึ้น
“แต่ถ้ามันไม่ใช่ ความจริงนั้นอาจจะทำให้เด็กคนนึงต้องเจ็บปวดนะ” ซูโฮพูดเขาเองก็เครียดไม่แพ้กัน
เช้าวันใหม่ที่อากาศสดใสครอบครัวหลายครอบครัวพากันออกไปเที่ยวอย่างสนุกสนาน แต่คงไม่ใช่ซูยองอย่างแน่นอนเพราะตอนนี้สายมากแล้วแต่เธอก็ยังไม่ยอมออกจากห้องเหมือนว่ากำลังหลบหน้าใครบางคน
“ก๊อกๆๆๆ ซูยองสายแล้วนะทำไมไม่ลงไปทานข้าว” ซูโฮพูดแต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา “ซูยองเป็นอะไรหรือเปล่า” ซูโฮถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ไม่มีเรียนยังรู้สึกเพลียอยู่อยากจะนอนต่ออีกหน่อยไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” เธอตอบกลับมาเพราะรู้ว่าพี่ชายคงเป็นห่วงแต่ก็ไม่ยอมเปิดประตู
“ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะพี่ไม่กวนแล้ว” ซูโฮพูดกำลังจะเดินไป
“พี่ซูโฮน้องเล็กตื่นหรือยัง” เธอถามทั้งที่ยังไม่ยอมเปิดประตู
“วันนี้ไคต้องไปสอบออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าแล้วดูท่าทางคงเหงาน่าดูที่ไม่มีพี่สาวตัวแสบซ้อนท้ายไปด้วยเหมือนทุกวัน” เขาพูด “พักผ่อนเถอะพี่จะออกไปข้างนอกอาหารอยู่ในตู้เย็นถ้าหิวก็เอาออกมาอุ่นทานนะเข้าใจไหม ก่อนไปเขายังไม่วายกำชับน้องสาวให้ลงไปทานข้าวไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
“พี่ควรทำยังไง” เขาพึมพำทั้งที่ยังยืนมองหน้าห้องของน้องสาวตัวเองด้วยความลำบากใจ หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ซูยองก็ลงมาข้างล่างเพราะว่าอยากดื่มน้ำและภาพที่เธอได้เห็นก็เหมือนมีอะไรมาบีบที่หัวใจของเธออย่างแรง
“ที่ตรงนั้นมันคงไม่ว่างสำหรับพี่อีกแล้วใช่ไหม” เธอพึมพำเมื่อเห็นว่าไคพาใครคนหนึ่งซ้อนท้ายมาด้วยที่ๆเคยเป็นของเธอตอนนี้มันไม่ว่างอีกต่อไปแล้ว
“พี่ซูยองผมกลับมาแล้วครับ” ไคกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใส “นี่เพื่อนสนิทของผมเธอชื่อ จูยอน ครับ” เขาแนะนำตัวเพื่อนสาวก่อนจะหันไปแนะนำพี่สาวกับจูยอนบ้าง
“จูยอนนี่พี่ซูยองพี่สาวของเราเอง” เขาบอก
“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกล่าวทักทายอย่างอ่อนน้อม
“หวัดดีจ้ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ซูยองฝืนยิ้มเท่าที่ทำได้ “ตามสบายเลยนะทั้งสองคนพี่ขอตัวก่อน” ซูยองพูดเมื่อหันหลังให้ทั้งสองน้ำตาที่เขาพยายามเก็บกลั้นเอาไว้ก็ไหลออกมาอย่างอัตโนมัติโดยที่เธอเองไม่รู้เลยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอ
“รอยยิ้มนั่น..เป็นผมคนเดียวซินะที่คิดเกินเลย” ไคคิดในใจสีหน้าที่เคยยิ้มอย่างสดใสเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นเศร้าสลดทันทีเมื่อเธอหันหลังเดินจากไป
“จงอิน เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมสีหน้าดูแย่จัง” จูยอนถามอย่างเป็นห่วงเพราะเมื่อกี้นี้เขาก็ยังดูสดใสอยู่เลย
“ไม่เป็นไรไม่ต้องเป็นห่วง” เขาพูด
“แน่ใจนะจงอิน” เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจเหตุผลที่เธอไม่ได้เรียกเขาว่าไคเป็นเพราะว่าเขาไม่อนุญาติให้คนอื่นเรียกชื่อเล่นของเขานอกจากครอบครัวถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม
“หยุดความรู้สึกบ้าๆของเธอได้แล้ว ซูยอง เธอก็เห็นแล้วว่าเขามีใครอยู่เคียงข้างที่สำคัญไปกว่านั้นเธอและเขา มีสายเลือดเดียวกัน ท่องเอาไว้คิม ซูยอง ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ” เธอได้แต่พร่ำบอกกับตัวเอง
ณ โต๊ะอาหารแห่งเดิมที่เป็นที่รวมตัวและพูดคุยกันอย่างอบอุ่นของบ้านตระกูลคิม
“ทานข้าวได้แล้วทุกคน” เถาตะโกนเรียกทุกคนหลังจากที่เตรียมอาหารเสร็จแล้วแล้วทุกคนก็มารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“พี่ทั้งสองคนรู้หรือเปล่าว่าน้องเล็กของเราโตเป็นหนุ่มแล้วนะ” ซูยองพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ทำไมล่ะ” ซูโฮถาม
“ก็วันนี้น้องเล็กของเราเขาพาแฟนหน้าตาน่ารักมาให้ฉันรู้จักนะสิ” ซูยองพยายามฝืนยิ้มแล้วพูดต่อ “เสียดายที่พี่สองคนไม่ได้เจอ”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ” เถาถามบ้าง
“อืม..น่ารักมากๆ” เธอกำลังจะพูดต่อแต่เหมือนว่าอยู่ดีๆคำพูดของเธอก็กลืนหายเข้าคอไปก่อนที่จะพยายามพูดมันออกมาอย่างยากเย็น “เหมาะสมกับน้องเล็กของเรามากๆ” เธอยังคงปั้นหน้ายิ้มทั้งที่ในใจเจ็บปวดเหมือนมีใครเอาค้อนมาทุบให้หัวใจของเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“พี่ซูยองคืดว่าเราสองคนเหมาะกันจริงๆเหรอครับ” คนที่เป็นตัวหลักในวงสนทนาวันนี้เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทนฟังอยู่นาน
“
.” ไม่มีคำตอบใดๆออกมาจากปากของเธอเหมือนมีใครเอาหินมาถ่วงปากของเธอไว้ทำให้พูดไม่ออก
“พี่คิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ” เขายังคงคาดคั้นและจ้องมองเธอเพื่อขอคำตอบแล้วคำตอบที่เขาได้รับมันเหมือนกับว่ามีใครเอาเข็มเป็นหมื่นเล่มมาทิ่มแทงหัวใจของเขาเหมือนกับว่ามันไม่มีความรู้สึก
“อืม..เหมาะสมกันที่สุด” ซูยองฝืนพูดออกมาทั้งๆที่มันเป็นคำพูดที่แสนง่ายดายแต่สำหรับซูยองแล้วมันเป็นคำพูดที่ยากที่สุดตั้งแต่ที่เคยพูดมา
“ขอบคุณนะครับที่พี่ชอบเธอ” ไคพูดแล้วเดินขึ้นห้องไป ทันทีที่ประตูห้องของเขาปิดลงเข่าของเขาก็อ่อนแรงและล้มลงไปนั่งกองกับพื้น
“ทำไมความรู้สึกนี้ถึงต้องเกิดขึ้น ทำไม” คำถามนี้วนไปวนมาในสมองของเขาโดยที่ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้
“ทำไมผมต้องรักพี่” เขาพร่ำบอกตัวเองในใจเมื่อรักของเขาไม่ได้หมายถึงความรักของพี่กับน้อง แต่เป็นรักที่ชายหนุ่มมีให้หญิงสาว ทุกอย่างดูเหมือนกำลังแย่ไคจึงตัดสินใจที่จะจากไปเพื่อหยุดความรู้สึกของตัวเองและคิดทบทวนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเขาทั้งหมด กลางดึกเมื่อทุกคนเข้านอนกันหมดแล้วเสียงประตูถูกปิดลงเมื่อ่ไคก้าวเข้ามาในห้องของหญิงสาวที่ตัวเองเรียกว่าพี่ เข้าเอื้อมมือไปลูบแก้มขาวอย่างเบามือก่อนที่จะก้มลงจูบที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา
“ลาก่อนนะครับ พี่สาวของผม” เขาพูดก่อนที่จะวางจดหมายไว้ที่หัวเตียงและมองหน้าเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนเดินออกจากห้องไป น้ำตาของลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่รู้สึกอายเมื่อประตูบ้านที่เขาเคยอยู่กับพี่ทั้งสามคนตั้งแต่เล็กปิดลง จะไม่มีเวลาที่อบอุ่นเหล่านั้นอีกแล้วเมื่อตัวเขาเองที่ทำผิดคิดเกินเลยมากกว่าคำว่าพี่น้องทั้งๆที่มีเลือดสีเดียวกัน
เช้าวันใหม่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป แสงแดดยามเช้าลอดส่องลายผ้าม่านทำให้หญิงสาวที่กำลังหลับเริ่มขยับตัวเพราะแสงแดดที่เริ่มเข้าตา ทำให้เธอต้องค่อยๆปรับสายตาให้เข้ากับแสงในตอนเช้าจนทุกอย่างเข้าที่เธอจึงลุกขึ้นสายตาพลันเหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวที่อยู่หัวเตียงทั้งๆที่เธอจำได้ว่าเมื่อคืนมันไม่มี เธอตัดสินใจคลี่แผ่นกระดาษออกอ่านข้อความข้างในทำให้ตาของเธอเบิกกว้าง น้ำตาค่อยๆไหลรินเมื่ออ่านข้อความในกระดาษไปเรื่อยๆ
ถึง
พี่ซูยองที่รักของผม
“พี่ซูยองครับผมขอโทษที่ต้องเดินจากพี่ไปทั้งๆที่จริงผมไม่อยากไปเลยซักนิดแต่เพราะความรู้สึกของผมที่มีต่อพี่มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ผมไม่ได้รักพี่เหมือนพี่สาวแต่ผมคิดไปไกลเกินกว่าที่จะถอนตัวได้ ผมรู้ว่ามันผิดทั้งๆที่เราเป็นพี่น้องกันแต่ผมกลับคิด
ผมขอโทษจริงๆนะครับพี่ซูยองเมื่อไรที่ผมทำใจให้เป็นน้องชายของพี่เหมือนเดิมได้เมื่อไร ผมจะกลับมาแต่ตัวของผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นไหมวันที่เราจะกลับมาเป็นพี่น้องกันอีกครั้ง ดูแลตัวเองดีๆนะครับ ผมรักพี่นะครับพี่ซูยอง”
จาก
.ไค ผู้ชายที่รักพี่
หลังจากอ่านจดหมายจบน้ำตาของเธอไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลหยาดน้ำใสๆไหลรินลงอาบสองแก้มจนดวงตาทั้งสองแทบจะมองไม่เห็นอะไร
“ทำไมเรื่องบ้าๆนี่ต้องเกิดขึ้นกับครอบครัวของเราด้วย” เธอพูดออกมาอย่างเจ็บปวดแล้วยกมือขึ้นทาบหน้าอก นายก็อยู่ในนี้พี่ก็ผิดด้วยเหมือนกันที่ รักนาย เธอพูดกับตัวเองอย่างปวดร้าว
“ซูยองทานข้าวได้แล้ว” ซูโฮที่เปิดประตูเข้ามาต้องตกใจเมื่อเห็นน้องสาวนั่งร้องไห้เหมือนจะขาดใจอยู่ที่พื้น “เกิดอะไรขึ้นบอกพี่ซิ” ทันทีที่ซูโฮเข้ามาใกล้เธอก็โผเข้ากอดพี่ชายทันที
“เขาไปแล้ว ไคเขาไปจากพวกเราแล้วพี่ซูโฮ” เธอร้องไห้คร่ำครวญกับอกของพี่ชาย เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น “ใจเย็นๆนะเกิดอะไรขึ้นเล่าให้พี่ซิว่าเรื่องมันเป็นยังไงทำไมไคต้องไปจากพวกเราด้วย” ซูโฮถามทั้งที่จริงๆเขาก็พอจะเดาออกว่าเพราะอะไร
“ฉันผิดเองที่คิดเกินเลยรักน้องชายของตัวเอง เป็นเพราะฉันครอบครัวของเราถึงต้องเป็นอย่างนี้ทั้งๆที่มันไม่มีทางเป็นได้แต่ฉันก็ยัง
.” เธอยังพูดไม่ทันจบเถาที่ได้ยินเรื่องทั้งหมดตั้งแต่แรกก็พูดแทรกขึ้น
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เรื่องนี้ไม่มีใครผิดทั้งนั้น” เขาพูดก่อนจะเอื้อมไปแตะไหล่เธอเพื่อให้กำลังใจอีกแรงเพราะการที่เธอร้องไห้อย่างหนักจึงทำให้เธอเหนื่อยและหมดแรงหลับไป เถานำผ้ามาชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้กับน้องสาวคราบน้ำตาที่ใบหน้าขาวเนียน ทำให้คนเป็นพี่ที่ได้เห็นต่างก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน
“ เราต้องคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังซักทีซูโฮ” เขาบอกและเดินนำไปยังห้องนั่งเล่นข้างล่าง
“ฉันเคยบอกนายหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่าเราควรจะบอกความจริงกับพวกเขา แล้วเป็นไงการที่นายไม่เชื่อคำพูดของฉันเห็นไหมว่ามันทำให้คนที่เราต้องเจ็บปวดแค่ไหน” เถาพูดออกมาอย่างโมโห
“นายคิดว่าฉันไม่เจ็บปวดหรือไงเถาที่เรื่องมันต้องกลายมาเป็นแบบนี้แต่ฉันแค่คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา” ซูโฮพูดอย่างปวดร้าว
“แล้วเวลาที่นายว่ามันเมื่อไร หรือจะรอให้น้องสาวคนเดียวของเราต้องร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดซะก่อน” เขาถาม
“ฉันจะบอกเรื่องนี้กับซูยองเองเป็นเพราะว่าฉันพวกเขาทั้งสองคนถึงต้องเจ็บปวดอย่างนี้” ซูโฮพูดแล้วลุกเดินออกจากห้องนั่งเล่นด้วยสีหน้าที่เศร้าหมองเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องจะเลวร้ายจนไคต้องหนีไป
หนึ่งปีผ่านไปหลังจากที่รู้ความจริงทั้งหมดจากพี่ชายว่าเธอและไคไม่ได้เป็นพี่น้องกัน เธอออกตามหาเขาทุกที่ที่คิดว่าเขาจะไปแต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อความพยายามที่เธอมีทั้งหมดกับไม่เป็นผลทำให้เธอท้อแท้และหมดหวัง
“ชาตินี้เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่ไหมไค” เธอพึมพำกับตัวเองขณะนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่คุ้นตา “คะ..ไค” ชื่อที่เธอต้องการเรียกมาตลอดกลับเบาซะจนเหมือนว่าเธอไม่ได้พูดมันออกมาเมื่อคนที่ตามหามาตลอดกำลังเดินโอบเอวกับผู้หญิงคนอื่นอย่างสนิทสนม
“ทำไม.. มีแต่ฉันคนเดียวซินะที่ยังรักนาย” ตอนนี้น้ำตาของเธอไหลรินลงอาบแก้มทั้งสองข้างนานเท่าไรไม่รู้ที่เธอยืนอยู่ตรงนั้นจนร่างของเขาเดินหายลับตาไป
“ออกไปตามหาเขามาอีกแล้วเหรอซูยอง” เถาถามขึ้นเมื่อเห็นว่าน้องสาวเดินใจลอยเข้ามาในบ้านจนแทบจะเดินชนเขาอยู่แล้ว
“พี่เถา” เธอเรียกชื่อพี่ชายก่อนจะโผเข้ากอดด้วยหัวใจที่ปวดร้าว “ฉันจะไม่ตามหาเขาอีกแล้ว จะไม่ตามหาเขาอีกจะลืมให้หมดว่าเคยรักผู้ชายคนนั้น” เธอพูดพร่ำเหมือนคนไร้สติ
“ใจเย็นๆนะซูยองอยากร้องก็ร้องออกมารู้สึกสบายใจเมื่อไรแล้วค่อยเล่าให้พี่ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เถาทำได้แค่ปลอบใจเธอเท่านั้น
“เมื่อไรน้องสาวของเราถึงจะมีความสุขกับเขาซักทีนะ” เถาถามขึ้นเมื่อนั่งอยู่กับซูโฮสองคนหลังจากที่เขาพาซูยองไปพักผ่อนที่ห้องเรียบร้อยแล้ว
“ฉันเองก็ตอบไม่ได้หรอกนะถึงมันจะฟังเห็นแก่ตัวไปหน่อยแต่เวลาจะช่วยให้เขาดีขึ้นเอง” ซูโฮพูด
“อรุณสวัสดิ์คะพี่ชายทั้งสอง” เสียงของเธอดังมาก่อนที่พี่ชายจะเห็นตัวของเธอซะอีก “หอมจังเลยวันนี้มีอะไรทานเหรอคะ” ซูยองเดนมาที่โต๊ะอาหารแล้วทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นอาหารที่ลอยออกมาจากห้องครัว
“วันนี้มีข้าวต้มกุ้งของโปรดเราไง” ซูโฮพูดแล้วหันไปมองหน้าเถาอย่างงงๆในท่าทีที่เปลี่ยนไปของน้องสาว
“ว้าว น่าทานจังเลยค่ะ” ซูยองตาวาวเมื่อเห็นของโปรดวางอยู่ตรงหน้า
“ถ้างั้นก็ทานเลยซิเราไม่ได้ทานข้าวเช้าด้วยกันนานแล้วนะ” เถาพูดเพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นซูยองก็ไม่เคยลงมาทานข้าวเช้าอีกเลย
“ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ชายทั้งสองต้องเป็นห่วง” เธอพูด
“ขอโทษ ทำไมกันเธอไม่ได้ทำอะไรผิดซักหน่อยพี่ต่างหากที่ผิดถ้าพี่เชื่อเถาแล้วบอกความจริงกับพวกเธอไปตั้งแต่แรก เธอก็คงไม่ต้องเจ็บปวดมากขนาดนี้” ซูโฮโทษตัวเองคงจะปฏิเสธไม่ได้ถ้าตัวเขาไม่ดันทุรังเก็บเรื่องนี้เอาไว้ป่านนี้น้องรักทั้งสองอาจจะมีความสุขไปแล้วก็ได้
“พี่อย่าพูดอย่างนั้นเลยนะคะ มันผ่านไปแล้วตั้งแต่นี้ต่อไปฉันจะไม่อ่อนแอทำให้พี่ทั้งสองต้องเป็นห่วงอีกฉันสัญญา”
“เลิกดราม่ากันได้แล้ว รีบๆทานเข้าเดี๋ยวก็ไปทำงานสายกันพอดี” เถาขัดขึ้นก่อนที่บรรยายกาศภายในโต๊ะอาหารจะอึมครึมไปมากกว่านี้ “ต่อไปนี้เราสามคนจะอยู่กันอย่างมีความสุขตกลงไหม” เขาพูดก่อนจะหันไปหาทั้งสอง
“อืม..” ทั้งสองคนตอบพร้อมกันแล้วทั้งหมดก็ยิ้มให้กันอย่างมีความสุขหลังจากวันนี้ครอบครัวของพวกเขาคงได้เจอเรื่องดีๆกับคนอื่นเขาบ้าง
“พี่คะ..” ซูยองเรียกพี่ชายหลังจากที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของทั้งสอง
“ว่าไงเราเสียงสดใสมาเชียวนะ” ซูโฮพูด
“แล้วนึกยังไงเนี่ยมาถึงที่บริษัท” เถาถามเพราะปกติถึงแม้จะมีเวลาว่างแต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะมาที่บริษัทเลย
“ฉันอยากลองมาดูนะคะเพราะตั้งแต่ที่พี่ทั้งสองเปิดบริษัทฉันก็ไม่เคยได้มาเลย” เธอบอก
“แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่า” ซูโฮถาม
“ค่ะ คือฉันสอบเสร็จแล้วก็เลยอยากจะไปพักผ่อนซะหน่อยก็เลยแวะมาบอกพวกพี่ทั้งสองคนก่อน ถ้าหายไปเฉยๆกลัวว่าจะเป็นห่วง”
“จะไปเมื่อไรล่ะ อาทิตย์หน้าพวกพี่ว่างไว้รอไปพร้อมกันดีไหมพวกเราไม่ได้เที่ยวด้วยกันนานแล้วนะ” เถาออกความคิดเห็น
“ฉันจะไปวันนี้คะ ถ้าพวกพี่ว่างค่อยตามไปแล้วกันนะ”
“แล้วเราจะไปที่ไหนต้องรีบขนาดนั้นเลยเหรอ” ซูโฮถามขึ้น
“ที่รีสอร์ทของเราไงคะ ฉันอยากพักผ่อนสมองไปเจออากาศบริสุทธิ์ที่นั่นคงช่วยได้มาก ฉันไปนะคะ” ซูยองบอกแล้วออกจากห้องไปทันที
“ท่าทางที่พยายามทำให้สดใสร่าเริงนั่นไม่ได้ออกมาจากข้างในซินะ” ซูโฮพูด
“นั่นสิ เธอแค่ฝืนทำมันเพราะไม่อยากให้เราทั้งสองคนต้องเป็นห่วง คงเหนื่อยน่าดู” เถาพูดออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“นั่นใครน่ะ” เสียงของเถาทำให้ใครบางคนที่ทำท่าทางลับๆล่อๆอยู่หน้าบ้านต้องสะดุ้ง “ถามว่าใครคิดจะเข้าไปขโมยอะไรข้างใน” ถึงเขาจะถามเป็นรอบที่สองแต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาจากชายปริศนา
“คิม จงอิน นั่นนายใช่ไหม” เสียงซูโฮดังขึ้นหลังจากที่ยืนสังเกตุชายปริศนาอยู่นานท่าทางที่เขาคุ้นเคยต้องไม่ผิดแน่น้องเล็กที่เขาเคยเลี้ยงมา “นายใช่ไหม ไค” เมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้ชายหนุ่มปริศนาจึงยอมหันกลับมา
“ครับ ผมเอง” ไคตอบ
“เรามีเรื่องต้องคุยกันเข้าไปข้างในบ้านก่อนซิ” ซูโฮพูดแล้วเดินนำทุกคนเข้าไปในบ้าน
“นายมาที่นี่อีกทำไม” เถาถามเสียงเข้ม
“ผมขอโทษครับ ผมรู้ว่าผมไม่ควรมาเหยียบที่นี่อีกแต่ผมคิดถึงทุกคนผมรู้ตัวดีว่าทำผิดไว้ทำให้ทุกคนต้องเสียใจและผิดหวัง” ไคตอบหน้าเขาสลดลงทันที
“รู้แล้วยังจะกล้ามาอีกเหรอ” เถายังคงทำโหดต่อไปแล้วมันก็ได้ผลเพราะน้องชายของเขาก้มหน้างุดไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา
“พอได้แล้วน่าเถาเลิกแกล้งน้องซักที” ซูโฮพูดยิ้มๆ
“ก็มันน่าแกล้งไหมล่ะอยู่ๆก็หายตัวไปทิ้งไว้แค่จดหมายใบเดียวทำให้น้องสาวคนเดียวของเราร้องไห้ไปตั้งหลายวัน” เถาบอก
“เขาก็คงรู้สึกไม่ต่างกันหรอกน่า” ซูโฮพูดหลังจากที่ไคนั่งฟังทั้งสองอยู่นานเขาก็พูดขึ้นบ้าง
“นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอครับ สรุปพี่ๆโกรธผมหรือเปล่าแล้วพี่ซูยองล่ะครับตอนนี้อยู่ที่ไหน” ไคถาม
“ถามซะเยอะเชียวนะก่อนที่พี่จะตอบคำถามนายพี่ขอถามนายก่อนแล้วกัน” ตอบตามความเป็นจริงด้วยนะเข้าใจไหม ซูโฮถามอย่างจริงจัง
“ครับ ผมจะตอบตามความเป็นจริงไม่โกหก” เขาตอบออกมาอย่างมุ่งมั่น
“นายรักซูยองหรือเปล่าแบบที่ไม่ใช่พี่รักน้องนะ” เถาพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“เอ่อ..คือ..คือ..ผม” ไคพูดอยู่ๆเขาก็ติดอ่างซะงั้น
“มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ นายคิดยังไงก็พูดออกมาเถอะพวกเราไม่ว่าอะไรหรอก” ซูโฮพูดบ้าง
“ผมรักพี่ซูยองรักแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งรัก ขอโทษนะครับผมรู้ว่ามันผิดแต่ผมพยายามห้ามใจตัวเองแล้วแต่มันก็ทำไม่ได้ ผมถึงต้องจากไปไง” เขาพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาทำให้พี่ชายทั้งสองที่รอฟังคำตอบอยู่ถึงกับยิ้มออก
“นายกับซูยองไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
”
เช้าวันใหม่หลังจากที่ชายหนุ่มได้รู้เรื่องราวทุกอย่างเขาก็รีบเก็บเสื้อผ้าและไปหาหญิงสาวที่รักตามคำบอกกล่าวของพี่ชายทั้งสอง
“ถ้าผมเจอพี่เมื่อไรจะกอดให้หายคิดถึงเลยคอยดู” เขาพูดกับตัวเองแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ทำไมวันนี้ตาซ้ายถึงกระตุกบ่อยจังเลยนะ จะมีเรื่องอะไรดีๆงั้นเหรอ” เธอยิ้มให้ตัวเองในกระจกก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเดินเล่นที่ชายทะเล
“พี่ซูยอง” ไคตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวออกมาด้วยความดีใจเพราะหลังจากที่เขาเอาของไปเก็บเขาก็ได้เจอเธอทันที
“เนี่ยเหรอสาเหตุที่ตาของเรากระตุก” ซูยองพูดหน้ามุ่ยทันทีที่เขาหันไปตามเสียงเรียก ในขณะที่ไคก็วิ่งเข้ามาหาเธอด้วยความเร็วแสงแต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องสงสัยคือเธอพยายามเดินหนีไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาอีก
“พี่ซูยอง พี่เดินหนีผมทำไม” ไคถามทันทีที่เดินมารั้งแขนของเธอไว้ได้ เธอสะบัดแขนออกแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ต่อไปนี้นายไม่ต้องมายุ่งกับพี่อีก จะหนีไปอยู่กับใครที่ไหนก็ไปเลยพี่จะไม่สนใจนายอีกแล้ว” ซูยองตะโกนออกมาอย่างเหลืออด
“ผมขอโทษที่หนีไป แต่เพราะว่าตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่า..” ไคยังพูดไม่ทันจบซูยองก็แทรกขึ้น
“พอได้แล้วไค พี่ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นนายไปกลับไปเถอะ” ซูยองพูดโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขา
“ผมไม่ไปจนกว่าพี่จะให้อภัยผม”
“ถ้านายไม่ไปพี่ไปเอง” เธอพูดและกำลังจะเดินจากไปแต่ไคก็เข้ามากอดเธอไว้จากด้านหลัง
“ผมรอวันนี้มานานแค่ไหนผมจะไม่มีวันปล่อยพี่ไปอีก ผมรักพี่ได้ยินไหมว่าผมรักพี่อย่าไล่ให้ผมไปจากพี่เลยนะครับผมขอร้อง”
“นายทำอย่างนี้ได้ยังไง นายมีลูกและภรรยาอยู่แล้วยังจะมาบอกว่ารักพี่อีกที่ผ่านมานายยังทำให้พี่เจ็บไม่พอหรือไง” เธอพูดออกมาทั้งน้ำตา
“ลูก ภรรยา” ไคพูดอย่างงงๆก่อนที่จะจับตัวซูยองให้หันมาเผชิญหน้า “พี่กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่ครับ”
“ยังจะมาทำเป็นไม่รู้เรื่องอีก ก็ผู้หญิงคนนั้นคนที่นายเดินโอบเอวเขากำลังท้องอยู่ไม่ใช่เหรอ” เธอบอก
“ครับ เธอกำลังท้องอยู่แล้วพี่ไปเห็นที่ไหนเหรอครับ” ไคถาม
“ก็ที่ตลาด นายยอมรับแล้วใชไหม”
“ถ้าพี่เห็นผมแล้วทำไมไม่เรียกผมล่ะครับหรือว่าพี่ไม่คิดถึงผม”
“พี่ก็อยากจะทำอย่างนั้นแต่แค่เห็นว่านายกำลัง
” เธอหยุดพูดอยู่แค่นั้น
“ดีใจจังที่พี่หึงผม”ไคพูดแล้วดึงซูยองเข้ามากอดด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“ทำอะไร ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้นะ”
“ผมไม่ปล่อยพี่หรอกกว่าจะจับตัวได้หัวใจของผมแทบขาด อีกอย่างพี่ต้องเข้าใจผมให้ถูกต้องไม่ใช่คิดไปเอง”
“นายหมายความว่าไง” เขาดึงตัวเธออกให้ขึ้นมาเผชิญหน้า
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ภรรยาของผมอย่างที่พี่เข้าใจ แฟนของผู้หญิงคนนั้นเขาแค่ให้ผมช่วยพยุงเธอเท่านั้นเพราะเขาต้องไปเอารถที่จอดอยู่อีกฝั่งเพื่อมารับเธอ”
“จริงเหรอ นายไม่ได้โกหกใช่ไหม”
“ผมไม่ได้โกหก ผมจะไปทำคนอื่นท้องได้ยังไงในเมื่อผู้หญิงที่ผมรักเธอยืนอยู่ตรงหน้าของผมแล้วผมจะทำผิดต่อเธอได้ยังไง”
“ไค นี่นายรู้แล้วเหรอ”
“ครับ ผมรู้แล้วว่าเราไม่ใช่พี่น้องกันต้องขอบคุณพี่ชายทั้งสองที่บอกเรื่องนี้กับผม”
“นายไม่เสียใจใช่ไหมที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นใคร”
“ไม่ครับ ผมไม่เสียใจเพราะผมมีพี่ชายที่รักผมแล้วก็มีผู้หญิงที่ผมรักอยู่เคียงข้างแล้วก็คงไม่จำเป็นที่ผมต้องอยากรู้อะไรอีก”
“พี่ดีใจนะที่นายไม่โกรธพวกท่าน”
“ผมจะโกรธพวกท่านได้ยังไงล่ะครับ อย่างน้อยท่านทั้งสองก็ให้ผมได้เกิดมามันเป็นพระคุณที่ผมจะไม่มีวันลืม” หลังจากที่พูดจบเขาก็หันมาถามซูยอง “แล้วพี่ล่ะครับรักผมหรือเปล่า”
“คนบ้าถ้าไม่รักแล้วพี่จะหนีมารักษาแผลใจที่นี่ทำไมล่ะ” ซูยองพูดแก้มทั้งสองข้างเริ่มขึ้นสี
“ขอบคุณนะครับที่ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้พี่อยู่ข้างๆผมและดูแลผมมาตลอด”
“อืม..พี่ก็ต้องขอบคุณนายเหมือนกันที่ตลอดเวลานายไม่เคยทิ้งพี่” แล้วทั้งสองก็ยิ้มให้กันอย่างอบอุ่น
“ต่อไปนี้ผมจะดูแลพี่บ้าง ผมรักพี่นะครับ” เขาพูดแล้วบรรจงจูบลงที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน
“พี่ก็รักนาย เราจะดูแลกันและกันตลอดไปนะ” แล้วทั้งคู่ก็กอดกันอย่างมีความสุขคงจะไม่มีอะไรสามารถมาพรากพวกเขาออกจากกันได้อีกเพราะความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน
จบ
มันคงจะไม่ใช่นิยายที่ดีมากมายอะไรแต่ไรเตอร์ก็แต่งออกมาจากหัวใจหวังว่าคนที่อ่านจะรับรู้ถึงมันได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ก็มีบ้างที่น้อยใจเพราะว่าคนอ่านไม่เคยเม้นทำให้ไม่รู้ว่าไรเตอร์แต่งดีหรือเปล่าแต่ถึงยังไงไรเตอร์ก็จะพยายามต่อไปคงจะมีซักวันที่คนอ่านเห็นว่ามันดีพอแล้วยอม เม้น ให้กำลังใจกันบ้างคงมีโอกาสได้เจอกันเรื่องหน้าถ้าคนอ่านทุกคนให้การสนับสนุนในเรื่องนี้
ผลงานอื่นๆ ของ dreamminglove ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ dreamminglove
ความคิดเห็น