พรมหมลิขิตรักข้ามขอบฟ้า - พรมหมลิขิตรักข้ามขอบฟ้า นิยาย พรมหมลิขิตรักข้ามขอบฟ้า : Dek-D.com - Writer

    พรมหมลิขิตรักข้ามขอบฟ้า

    ความรักนำมาซึ่งความสุข แต่ถ้าความรักที่เกิดจากความไม่ตั้งใจ จะนำพาความสุขมาให้เธอและเขาหรือไม่

    ผู้เข้าชมรวม

    361

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    361

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.ย. 51 / 12:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    เธอหญิงสาวที่อยากพบกับความรักซักครั้ง
    เขาชายหนุ่มที่ต้องกลับจากญี่ปุ่นเพื่อมาช่วยกิจการของครอบครัว
    เมื่อความรักต้องเริ่มต้นจากความไม่ตั้งใจ
    และเมื่อทั้งคู่ต้องมาพบกันอีกครั้งโดยบังเอิญ
    เรื่องราวของความรักจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บ้านเรือนไทยขนาดกลางบนเนื้อที่ 1 ไร่กว่า คือสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่ทิ้งไว้ให้ฉันเพื่อระลึกถึงท่าน ฉันมักจะหนีความวุ่นวายของเมืองหลวงมาที่นี่ในวันหยุด และมานั่งเล่นที่เรือนท่าน้ำหลังบ้าน  บรรยากาศยามเย็นของชนบทช่างสดชื่นเสียเหลือเกิน กลิ่นหอมของดอกพุทธโชยมาแต่ไกล คุณยายของฉันท่านชอบดอกพุทธ ท่านบอกว่าดอกพุทธสำหรับท่านคือความหมายของความรักที่บริสุทธิ ทำให้ฉันอดหวนคิดถึงคำพูดคุณยายไม่ได้
        เนื้อคู่ของหลานจะมาจากแดนไกล 
      คุณยายของฉันท่านมีความสามารถในการดูดวงชะตา และท่านก็เคยทำนายดวงของฉันไว้  
      ฉันนึกขำเพราะตอนนี้ฉันอายุจะขึ้น 30 อยู่แล้วยังหาคนถูกใจไม่เจอเลย
       คุณหนู 
      เสียงของลุงตากเรียก
      คุณหนูมีเพื่อนมาหาครับ
      ลุงตากแกเป็นชาวบ้านที่อยู่ในระแวกนี้ เมียแกตายไปสองปีกว่าแล้ว มีลูกด้วยกันสองคน แต่ลูก ๆ  ก็ไม่เคยกลับมาดูแลเอาใจใส่แกเลยฉันสงสารแกเลยจ้างแกมาดูแลบ้าน เวลาที่ฉันต้องไปทำงาน
      หญิงสาวหันหน้ามาตามเสียงเรียก ร่างเล็กสมส่วนลุกขึ้นยืน เธอสูงไม่มากนักและสวยตามแบบฉบับสาวไทย  ถึงแม้เธอจะมีผมที่ดำขลับเป็นมันวาวแต่เธอก็ไม่ชอบไว้ผมยาวเธอชอบที่จะตัดผมสั้นมากกว่า
      จ๊ะลุงเดี๋ยวฉันไป
       หญิงสาวตอบลุงตากและรีบเดินตามไปดู 
      ยัยพราว ยัยพราว ทางนี้ แกหลบมาอยู่นี่อีกแล้ว  บอสให้ฉันมาตามแกมีงานด่วนให้แกทำ
       เสียงของเพื่อนสุดที่รักทักทาย
      ป่านแกจะมาหาฉันแต่ละทีแกมาแบบไม่ด่วนได้บ้างไหมเนี่ย 
      ฉันก็ไม่อยากมาขัดความสุขของแกหรอกนะแต่บอสนะซิคะยั้นคะยอให้ฉันมาตามแก ฉันถึงได้ถ่อขับรถจากกรุงเทพฯ มาสระบุรี แกเห็นถึงความลำบากของฉันบ้างไหมเนี่ย
      เออแกลำบาก เดี๋ยวแกรอฉันแป๊บนึงฉันขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
      เร็ว ๆ หน่อยหละ ตอนค่ำฉันมีนัดกินข้าวใต้แสงจันทร์กับพี่แทนนะ
      ย๊ะ
      หญิงสาวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งรถไปกับสายป่านเพื่อนสนิท 
                     พราวนภาทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ที่โรงแรมใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงแรมจะกลับมาช่วยงานของโรงแรมในตำแหน่งรองประธาน เจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่เป็นคนญี่ปุ่นเขาแต่งงานกับภรรยาซึ่งเป็นคนไทย และมีทายาทหนึ่งคนเป็นผู้ชายอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่เล็กจนโต จะมาเที่ยวเมืองไทยก็เป็นครั้งคราว แต่เธอก็ไม่เคยได้เห็นหน้าเขา ซึ่งเขาจะเดินทางกลับมาเมืองไทยในวันอาทิตย์หน้า จึงทำให้ทุกคนในโรงแรมวุ่นวายเพื่อเตรียมการต้อนรับกันยกใหญ่ นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่บอสให้สายป่านมาตามฉันถึงที่นี่
       พราวนภาเคาะประตูก่อนเข้าห้อง
      บอสมีอะไรคะ ให้ยัยป่านไปตามพราวมา 
      ก็คุณเซกิลูกชายของเจ้านายจะมาอาทิตย์หน้า ก็เลยอยากให้พราวช่วยเป็นแม่งานจัดงานเลี้ยงต้อนรับให้หน่อย
       เธอรับปากบอสจะช่วยจัดการให้แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอีตาเซกินี่ยุ่งจริง ๆทำให้คนอื่นเขาวุ่นวาย        กันไปหมด
                     และแล้ววันแห่งคำทำนายของคุณยายก็เป็นความจริง  พราวนภาเดินเข้าห้องน้ำของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ ได้ยินเสียงโอ๊ก อ๊าก จึงเดินเข้าไปดู เธอเห็นสายป่านยืนหน้าซีดอยู่ในห้องน้ำ       สายป่านเห็นหน้าเธอถึงกับร้องให้
      ป่านแกเป็นอะไร ไปหาหมอดีกว่านะ  สีหน้าแกไม่ค่อยดีเลย
      พราวนภาถามเพื่อด้วยความเป็นห่วง
      ไม่พราวฉันไม่ไปหาหมอ ฉันกลัว
       สายป่านเอาแต่ร้องไห้ พราวนภาไม่เคยเห็นสายป่านเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ใหญ่มากแน่
      ป่านแกมีเรื่องอะไรแกเล่าให้ฉันฟังได้ไหม 
      พราวนภาพาสายป่านออกห้องน้ำและพาไปนั่งบริเวณที่ไม่มีคนพลุกพล่านนัก
      ป่านแกมีอะไร พี่แทนทำให้แกเสียใจหรือไง แกบอกฉันซิ
      ไม่ใช่พี่แทนพราว  ไม่ใช่พี่แทน
      แล้วใครละป่านใครทำแก 
      สายป่านเอาแต่ร้องไห้ แต่คำของสายป่านทำให้พราวนาภแทบช๊อค
      พราวฉันท้อง พราวแกได้ยินไหมฉันท้อง
      แกท้องกับพี่แทนเหรอ
      ไม่ใช่พราว ฉัน....ฉัน... ท้องกับชายแดน
      แกว่าอะไรนะ แกท้องกับนายแดน ฉันจะไปคุยกับนายแดนให้รู้เรื่อง
      ไม่นะพราวฉันจะให้พี่แทนรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ฉันรักพี่แทนมาก.. มากจริง ๆ นะ พราว ถ้าเขารู้เรื่องนี้ฉันคงต้องตายแน่
      แล้วแกจะทำยัง แกไปเสียท่านายแดนได้ยังไง 
      พราวฉันไม่คิดว่าชายแดนจะกล้าทำถึงขนาดนี้ คืนนั้นฉันไปหาพี่แทนที่บ้านแต่พี่แทนไม่อยู่บ้าน ชายแดนกลับมาพอดี ชายแดนเมามากฉันไม่คิดว่าชายแดนจะกล้าทำ
       
      ฉันจะไปพูดกับนายแดน
      ไม่นะพราวฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันท้อง
      แล้วแกจะทำยังไง
      แกช่วยฉันหน่อยนะพราว เขานัดเจอฉันที่โรงแรมแกรนห้อง 409 คืนนี้ แกช่วยเอาจดหมายนี่ไปให้ชายแดนแทนฉันที ฉันเขียนจดหมายไม่ให้เขาติดต่อฉันอีก
      แล้วเด็กในท้องหละ แกอย่าบอกนะว่าแกจะไปทำแท้ง
      ฉันไม่รู้พราวขอเวลาฉันคิดก่อนได้ไหม
      ป่านแกอย่าทำอะไรโง่ ๆนะ ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ
      แกช่วยฉันหน่อยนะ แกช่วยฉันด้วยนะพราว
      ฉันจะเอาจดหมายไปให้นายแดนเอง 
      พราวนภารับปากสายป่านด้วยความสงสารเพื่อนมาก เพราะสายป่านเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอคบกันมาตั้งแต่ยังเด็ก สายป่านเป็นคนอ่อนแอไม่ค่อยสู้คน เมื่อสายป่านถูกเพื่อนรังแกพราวนภามักออกหน้าช่วยเธอเสมอ และที่สำคัญสายป่านกำพร้าพ่อ แม่ มาตั้งแต่ยังเด็กจึงทำให้พราวนาภสงสารเธอมาก 
      ฉันจะพาแกกลับไปพักที่บ้านแล้วฉันจะบอกบอสให้ว่าแกไม่สบาย แกกลับไปพักผ่อนก่อนนะแล้วไม่ต้องคิดอะไรมาก เรื่องคืนนี้ฉันจะจัดการเอง
       ขอบใจนะพราว
      แต่แกต้องรับปากกับฉันก่อนนะว่าแกจะทำอะไรแกต้องบอกฉันก่อน
      ฉันรับปากแกพราว 
      พราวนภาเรียกรถแท็กซี่ให้ไปส่งสายป่านที่บ้าน และเธอก็เข้าทำงานตามปกติ 
                     พราวนภาขออนุญาตเลิกงานเร็วกว่ากำหนด เธอนั่งแท็กซี่ไปที่โรงแรมแกรนตามที่สายป่านบอก หญิงสาวขึ้นลิฟไปตามที่นัดหมายไว้ เธอเคาะประตูห้องเบา ๆ   เมื่อประตูถูกเปิดออกร่างของหญิงสาวถูกดึงเข้าไปในห้อง วงแขนที่แข็งแกร่งของชายคนหนึ่งโอบรัดตัวเธอแจนแน่น เขาจูบเธอโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวและไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้พูดแม้แต่คำเดียว เธอดิ้นรนขัดขืนจนสุดแรงที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะมี จากนั้นสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ชายหนุ่มอุ้มตัวเธอขึ้นไปบนโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีผ้าลูกไม้สีขาวปูอยู่  เสื้อผ้าของเธอเริ่มหลุดออกที่ละชิ้น มือของเขารุกรานไปทั่วร่างกายของเธอ รองเท้าส้นสูงที่ใส่ก็หลุดออกด้วยแรงดิ้นรน หญิงสาวไม่มีแรงขัดขืน เขาเหมือนราชสีที่จับเหยื่อได้และจะไม่ปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไปง่าย ๆ พราวนภาหมดสติไปเพราะความเร่าร้อนที่เขามอบมันให้ เขาอุ้มร่างเปลื่อยเปล่าที่หมดสติของเธอไปนอนที่เตียงและใช้ผ้าห่มปกปิดเรือนร่างของเธอไว้         ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นว่ามีเลือดจาง ๆ ติดที่ผ้าปูโต๊ะ ซึ่งเขาก็คงเดาไม่ยากว่ามันคืออะไร เขาเริ่มสงสัยว่าจะใช่ผู้หญิงที่ถูกจัดส่งมาให้เขาหรือไม่ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ของโรงแรมโทรหาคุณพงศักดิ์ ลูกน้องของเพื่อนที่เป็นพนักงานในโรงแรมแห่งนี้
                     หญิงสาวครึ่งหลับครึ่งตื่นได้ยินเสียงแผ่ว ๆ ของชายหนุ่มพูดโทรศัพท์เขาพูดไทยไม่ค่อยชัด แต่ก็เรียกว่าพูดไทยได้คล่อง
      คุณพงษ์ ผู้หญิงที่คุณส่งมาให้ผม
      ผมขอโทษครับเด็กมันเล่นตัวมันไม่ยอมไปครับ ผมจะส่งคนใหม่ไปให้ครับ ผมขอโทษจริง ๆ ครับ
      ไม่ต้องแล้ว
      สิ้นเสียงโทรศัพท์เขาก็วางหู
                     พราวนภาได้สติตื่นมาพบตัวเองนอนอยู่บนเตียง ร่างกายปราศจากเสื้อผ้าติดตัว หญิงสาวค่อย ๆ กวาดตามองไปรอบห้อง เธอเห็นผู้ช่วยร่างสูงใหญ่ ผิวขาว นั่งมองเธออยู่ที่โซฟา
      ตื่นแล้วเหรอ
       เขาเดินเข้ามาใกล้เธอ และก้มหน้ามาประชิดที่ใบหน้าของเธอ  เขาเป็นคนต่างชาติแต่ก็เหมือน      คนไทย   หญิงสาวรู้สึกตกใจค่อย ๆ ขยับตัว เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ออุ้มร่างกายเอาไว้ และกำลังจะเอยปากพูด แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้อธิบาย ชายหนุ่มก้มลงมาจูบเธออีกครั้งหญิงสาวตั้งตัวไม่ติด แต่ครั้งนี้เขาเหมือนอยากจะสำรวจทุกอย่างบนเรือนร่างของเธอ สัมผัสของเขาเร่าร้อนและไม่รุนแรงเท่า   ครั้งแรก และทุกอย่างก็ดำเนินต่อไปจนสิ้นสุด
                     แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องเข้าตา ทำให้พราวนภารู้สึกตัว เธอค่อย ๆ ลืมตา เห็นชายหนุ่มใส่เสื้อคลุมสีขาวยืนหันหลังมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่เป็นกระจกกว้างของโรงแรม เธอขยับตัว และรีบเก็บเสื้อผ้าที่กองเกลื่อนอยู่กับพื้นขึ้นมาใส่ด้วยความรีบร้อน น้ำตาของความเสียใจเริ่มไหลริน เขาหันกลับมามองและก้าวเดินเข้ามาหาเธอ
       “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะ 
      พราวนภาพูดทั้งน้ำตาที่ไหลนองหน้า  
      ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่    
      คุณรู้แต่คุณก็ยัง.........
      พราวนภาโกรธมากเธอตบหน้าเขาอย่างแรงและวิ่งออกจากห้องไป โดยไม่ได้พูดอะไรต่อ              เธอเรียกแท๊กซี่หน้าโรงแรมให้ไปส่งที่คอนโด และไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
                เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พราวนภาตกใจมองไปที่โทรศัพท์ เธอรับโทรศัพท์
      พราวแกเป็นอะไรหรือเปล่า แกไม่มาทำงาน 2 วันแล้วนะ แกไม่สบายหรือเปล่า ตั้งแต่วันที่แกไปทำธุระให้ฉันแกก็ไม่มาทำงาน
      เปล่า....ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่ปวดหัวไม่อยากเจอใคร
       วันนั้นแกเจอชายแดนหรือเปล่า เขาอ่านจดหมายแล้วว่ายังไงบ้าง
      ฉันไม่เจอเขาแต่ฉันเจอคนอื่น
      แกเจอใครพราว
       ไม่มีอะไรหรอก แกหละอย่าคิดมาก และอย่าทำร้ายตัวเองนะ
      ขอบใจนะพราว ฉันดีใจที่มีแกเป็นเพื่อน
      ไม่เป็นไรหรอกป่านก็ฉันกับแกเป็นเพื่อนกันนี่ บอกบอสด้วยพรุ่งนี้ฉันจะไปทำงาน
       บอสเขากลัวแกจะไม่มางานเลี้ยงต้อนรับรองประธานคนใหม่นะ
      แกบอกบอสด้วย  ฉันไปงานแน่ แค่นี้นะป่าน
                      แสงไฟสาดส่อง งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับรองประธานคนใหม่ พราวนภามาร่วมงานตามที่ได้รับปากไว้โดยไม่อาจคาดคิดว่าเรื่องราวที่อยากจะลืมมันได้ย้อนกลับมากระตุ้นเตือนอีกครั้ง พราวมาทางนี้ซิท่านรองประธานคนใหม่กำลังเดินทางมา
      เสียงของบอสเรียกเธอ ทุกคนในโรงแรมมายืนเข้าแถวรอต้อนรับท่านรองประธานคนใหม่ รถคันงามสองคันขับเข้ามาจอดที่หน้าโรงแรม คุณทาเคชิกับภรรยาลงมาจากรถคันแรก ร่างสูงใหญ่ก้าวลงมาจากรถคันที่สอง พราวนภาแทบล้มทั้งยืนร่างกายขยับไม่ได้  ผู้ชายที่ลงมาจากรถคือผู้ชายใจร้ายคนนั้น เธอยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก  บอสแนะนำพนักงานให้รองประธานคนใหม่รู้จักและสุดท้ายก็คือเธอ
      คุณเซกิครับ นี่พราวนภาประชาสัมพันธ์คนเก่งที่โรงแรมครับ
      พราวนภาแทบไม่กล้ามองหน้าเขาด้วยซ้ำ
      ยินดีที่ได้รู้จักครับ
      เขาทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและน้ำเสียงที่นุ่มนวล
       เหมือนเราเคยพบกันมาก่อนนะครับ
      พราวนภาตัวชา ใจสั่นระรัว  เธอค่อย ๆ เงยหน้ามองหน้าเขา เขายิ้มทักทายแต่ในรอยยิ้มนั้นแผงไปด้วยอะไรบางอย่าง ทุกคนเดินเข้าไปในงานยังเหลือก็แต่ฉันที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นทำอะไรไม่ถูกจริง ๆ  
      พราว...พราว... เป็นอะไร ทุกคนเข้าไปในงาน กันหมดแล้วนะ
       เสียงบอสเรียก พราวนภาสะดุ้งและเดินตามทุกคนเข้าไปในงาน
       บอสกล่าวแนะนำท่านรองประธานคนใหม่กับทุกคนและผู้มาร่วมงานเลี้ยง
      คุณเซกิ ทาเคดะ บุตรชายคนเดียวของท่านประธานทาเคชิ ทาเคดะ จะมาบริหารงานในโรงแรมของเราในตำแหน่งรองประธาน ขอให้พวกเราปรบมือแสดงความยินดีและต้อนรับท่านรองประธานคนใหม่ และขอเชิญคุณเซกิกล่าวอะไรซักเล็กน้อยด้วยครับ
      เสียงปรบมือดังขึ้น และเมื่อสิ้นเสียงปรบมือเซกิก้าวออกมาที่ไม่โครโฟน
      สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติและพนักงานของโรงแรมทุกคนผมเซกิ ทาเคดะ จะมารับตำแหน่งเป็น   รองประธานของโรงแรม และก่อนอื่นผมต้องขอโทษทุกท่านด้วยที่ผมกลับมาเมืองไทยก่อนกำหนดอาทิตย์นึง โดยไม่ได้บอกใครเพราะผมอยากจะมาทำความคุ้นเคยกับเมืองไทย ซึ่งผมจากไปหลายปี ผมยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคนและผมจะเข้ามาทำงานในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
      สิ้นเสียงทุ้ม ทุกคนในงานปรบมืออีกครั้ง
      เพื่อเป็นการเปิดงานเลี้ยงขอเชิญคุณเซกิให้เกียรติเต้นรำซักเพลงครับ 
      สิ้นเสียงประกาศเสียงเพลงเบา ๆ ก็ดังขึ้น ร่างสูงใหญ่เดินลงจากเวทีแต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของพราวนภา ทุกสายตาในงานมองมาที่เธอ  
      เซกิยื่นมือออกไปเพื่อเชื้อเชิญ พราวนภายืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก
      พราว...พราว
      สายป่านสะกิดเพื่อน  พราวนภาสะดุ้งสุดตัวและต้องยอมจำใจไปเต้นรำกับเขาโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้  เขาจูงมือเธอมาที่ฟลอ แขนอีกข้างโอบมาที่เอวและรั้งตัวเธอให้เข้ามาใกล้ตัวเขา   พราวนภาเงยหน้ามองเขา เธอเพิ่งเห็นเขาใกล้ ๆ ก็ครั้งนี้ ใบหน้าคมคาย จมูกโด่ง ผิวขาวในแบบคนญี่ปุ่น เธอไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขาก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ หูเธอและกระซิบเบา ๆ 
      คืนนั้นคุณลืมต่างหูไว้ที่ห้องผมข้างหนึ่ง
       เธอมองหน้าเขาด้วยความโกรธแต่ก็ไม่กล้าแสดงกิริยาออกมามากนักเพราะกลัวคนในงานจะรู้      สิ้นเสียงเพลง เธอรีบผละออกจากเขาโดยไม่รั้งรอและรีบเดินออกมาจากฟลอ
      พราวเป็นอะไรหรือเปล่าสีหน้าไม่ดีเลยนะ 
      ชานนท์เดินตามมาถามด้วยความเป็นห่วง
      ชานนท์เป็นผู้จัดการทั่วไปของโรงแรม ชานนท์แอบชอบ    พราวนภา แต่สำหรับพราวนภาชอบชานนท์ในความเป็นสุภาพบุรุษของเขาแต่ก็ไม่ได้ปักษ์ใจอะไรมากนัก
      พราวอยากกลับบ้าน พราวรู้สึกปวดหัวคะ 
      พี่จะพาไปส่งบ้าน 
      ชานนท์จูงมือพราวนภาออกจากงานเลี้ยง โดยมีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองอย่างไม่พอใจ เขาขับรถออกจากโรงแรมเพื่อไปส่งเธอที่คอนโด  เมื่อถึงคอนโดเขาเดินลงจากรถเพื่อเปิดประตูรถให้เธอ
      ไหวไหมพราว พี่เดินขึ้นไปส่งไหม 
      ไหวคะพราวเดินเองได้ ขอบคุณมากคะ พี่ชานนท์กลับเถอะคะไม่ต้องเป็นห่วงพราว
      แน่ในนะพราวสีหน้าพราวไม่ดีเลย
      พราวไหวคะไม่เป็นไรได้นอนซักพักคงหาย พี่ชานนท์ขับรถดี ๆ นะคะ 
      เมื่อรู้ว่าพราวนภาไม่เป็นอะไรมากนัก ชานนท์จึงเดินไปขึ้นรถและขับรถกลับออกไป
                      เซกิ ทานข้าวต้มกุ้งหน่อยหน่อยนะลูกให้แม่ครัวเขาทำไว้ให้
      เสียงของคุณพาดาภรรยาคนสวยของคุณทาเคชิ พูดกับลูกชายขณะกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าพร้อมหน้ากัน เธอเป็นคนสวยคนหนึ่ง รักลูกชายมาก หรืออาจจะมากมาก และออกจะถือตัวในความรวยและความเป็นผู้ดีเก่าของเธอ
      ไม่หละครับแม่
       คุณไพลินลูกไม่ใช่เด็กแล้วนะ คุณทาเคชิดุภรรยา
      เซกิตอบแม่ ก่อนจะออกจากบ้านโดยไม้ลืมที่จะหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่
      อ้อเซกิอย่าลืมไปหาหนูไพลินบ้างนะลูก พอรู้ว่าลูกกลับมาจากญี่ปุ่นน้องก็มาหาแม่ที่บ้านน้องอยากเจอลูกนะจ๊ะ
      ครับแม่
      เซกิก้าวขึ้นรถและขับรถออกไปทำงาน
                      คุณฉันว่าหนูไพลินนี่เหมาะสมกับลูกเรามากนะ ทั้งฐานะ ความรู้ หน้าตาก็สวย แถมเป็นลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงรัตนากับท่านนายพลมนตรี
       คุณไพลินเปลยกับสามี
        คุณไพลินไม่ถามลูกชายคุณหน่อยเหรอว่าชอบอย่างคุณหรือเปล่า
       คุณทาเคชิพูดหยอกภรรยา
       นี่คุณต้องดูลูกด้วยนะฉันกลัวพนักงานที่โรงแรมคุณจะมาจับลูกฉัน ผู้หญิงสมัยนี้ยิ่งชอบเกาะผู้ชายรวย ๆ อยู่ด้วย
       ไม่ทุกคนมั๊งคุณ ผมไปทำงานนะจะเอาเวลาที่ไหนไปดู และอีกอย่างลูกก็โตแล้วตัดสินใจ          เองได้แล้ว
       คุณนี่ช่วยก็ไม่ช่วยแล้วยังขัดอีก หยังงี้สุภาษิตไทยเขามือไม่พายแต่เอาเท้าลาน้ำ
      ผมพายเรือไม่เป็น คุณทาเคชิพูดหยอกภรรยาก่อนจะออกจากบ้านเพื่อไปทำงานเช่นกัน
                      พราวนภาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินขึ้นโรงแรมเพื่อไปทำงานตามปกติโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองดูเธออยู่
      พราวรถแกไปไหนทำไมวันนี้นั่งรถแท็กซี่มาหละ
      เสียงของสายป่านถามในระหว่างเดินเข้าประตูโรงแรมไปด้วยกัน
      รถฉันเข้าศูนย์นะไม่รู้เป็นอะไรสตาร์ทไม่ติดแล้วแกหละเป็นยังไงบ้าง
      ไม่เป็นไร แกไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดสั้นหรอก อ้อฉันลืมถามแกไปวันนั้นแกไม่ได้ไปเจอชายแดน                              แล้วแกไปเจอใคร
      เปล่านี่ฉันไม่เจอนายแดนฉันก็กลับบ้าน แล้วแกโทรถามนายแดนหรือเปล่าทำไม่ไม่ไปตามที่นัดเปล่าฉันไม่กล้าโทรนะ  ฉันกลัวพี่แทนจะรับสาย
      พราว ท่านรองประธานเรียกพบยะ
      หวานใจเรียกพราวนภาอย่างไม่พอใจเท่าใดนัก
      เธอนี่เก่งนะท่านประธานมาวันเดียวก็เรียกพบเลยไม่รู้ไปทำเสน่ห์มาจากวัดไหน
      หวานใจพูดเสียดสี พราวนภาไม่พูดอะไรต่อเดินชนไหล่หวานใจก่อนจะเดินไปตามที่หวานใจบอก
      พราวนภาก้าวเคาะประตูก่อนที่จะก้าวเข้าไปในห้อง
      นั่งสิ
       เสียงเซกิชักชวน
      คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ 
      พราวนภาถาม 
      เมื่อคืนคุณกลับบ้านกลับใคร
      ไม่เกี่ยวกับคุณ ถ้าคุณต้องการจะถามฉันแค่นี้ ฉันขอตัวคะ
       ทั้งสองคนเริ่มประคารมย์กัน
      คุณแน่ใจนะว่าไม่เกี่ยว
      คุณ....คุณคิดว่าคนอื่นเขาจะมีนิสัยอย่างคุณทุกคนเหรอไง พี่ชานนท์เขาเป็นสภาพบุรุษกว่าคุณเยอะ หรือคนต่างชาติอย่างคุณเห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่น แต่สำหรับฉัน ฉันจะไม่เสียใจให้กับ... 
      เซกิลุกขึ้นยืนและเดินตรงเข้ามาหาพราวนภา
      ให้กับคืนนั้น
       คุณ.......
      พราวนภาเงื้อมือขึ้นแต่ยังไม่ทันที่จะได้ลงมือทำอย่างที่ใจคิด เซกิก็รวบมือและตัวของเธอเข้ามาประชิดติดตัวเขา พร้อมก้มหน้าจะจูบเธอ แต่เธอก็ดิ้นหลุดและรีบเดินออกจากห้องไปด้วยความโกรธ เซกิยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ปล่อยเธอไปโดยไม่ไปตอแยอีก 
      หญิงสาวเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน
       มีอะไรหรือเปล่าพราว คุณเซกิเรียกไปพบทำไม
      เปล่าไม่มีอะไรหรอกป่าน เรียกไปสั่งงานนะ 
                      หญิงสาวร่างสูงสมส่วน ผมยาวสลวย ผิวของเธอขาวเนียนราวกับหิมะ เดินมาหยุดยืนอยู่             หน้าเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม  
      คุณเซกิอยู่ไหมคะ ฉันมาพบคุณเซกิ
      พราวนภาหันมองตามเสียงหวานนั้น ก่อนที่จะตอบอย่างสุภาพ  
      อยู่คะ
      หญิงสาวยิ้มให้ก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟไป
      ประตูห้องทำงานถูเปิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงหวานของหญิงสาว
      พี่เซกิไม่บอกไพลินเลยนะคะว่ากลับมาแล้ว ไพลินโทรไปที่บ้าน คุณป้าบอกพี่เซกิมาทำงานแล้วไพลินเลยต้องมาหาถึงที่ทำงาน
      ต้องขอโทษด้วยครับ พี่ไม่มีเวลาได้บอกใคร แล้วไพลินมีอะไรกับพี่หรือเปล่าครับ
       แหมต้องมีธุระด้วยหรือคะถึงจะมาหาได้ ไพลินมาชวนพี่ไปทานข้าวนะคะเลี้ยงต้อนรับกลับเมืองไทย เดี๋ยวไพลินเลี้ยงเองคะ
      ได้ครับ งั้นขอพี่เซ็นต์แฟ้มนี้ก่อน
       แล้วทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไปด้วยกัน ไพลินเดินควงแขนเซกิโดยที่ต้องเดินผ่านเคาเตอร์ ประชาสัมพันธ์ของโรงแรมซึ่งเป็นที่ที่พราวนภาทำงานอยู่ เซกิพาไพลินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า        พราวนภาเหมือนตั้งใจ
      ผมจะออกไปทานข้าวกับคุณไพลิน
       เสียงนั้นพูดเหมือนเย้ยหยันก่อนที่ทั้งสองจะเดินควงกันออกไป  พราวนภาอดที่จะแอบมองตามไปไม่ได้ 
                      สายป่านขับรถไปเรื่อย ๆ คิดแต่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองในใจสับสนเหลือเกิน
      จะปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้ดำเนินไปเรื่อย ๆ หรือยังไง ท้องของฉันก็เริ่มโตขึ้นทุกวัน                 แล้วพี่แทนจะว่าอย่างไรถ้าเขารู้เรื่องนี้   แต่ฉันก็ละอายใจเหลือเกินถ้าต้องปกปิดเรื่องนี้กับพี่แทน           ต่อไปเรื่อย ๆ 
      สายป่านจึงตัดสินใจที่จะบอกความจริงทั้งหมด แต่ก็คงจะไม่ทั้งหมดเพราะในใจกลัวเหลือเกินถ้าพี่แทนรู้ว่าพ่อของเด็กในท้องของเธอคือน้องชายของตัวเอง เธอจึงตัดสินในหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พี่แทนว่างไหมคะ ป่านอยากคุยกับพี่แทนคะ
      ว่างซิคะ ป่านจะให้พี่ออกไปหาที่ไหนคะ
       ร้านอาหารที่เราเคยไปทานข้าวกันครั้งแรกพี่แทนจำได้ไหมคะ
      จำได้ซิคะ ป่านรอพี่แป๊บเดียวนะ อีกสิบห้านาทีพี่ไปถึงคะ
                      สายป่านนั่งรอแทนที่ร้านอาหารที่ตัวเองคุ้นเคย และเลือกโต๊ะที่เธอมานั่งทานอาหารกับเขาเป็นครั้งแรก สายตาที่ดูเลื่อนลอยมองออกไปข้างนอก
      ป่านรอนานไหมคะ
      สายป่านสะดุ้งเมื่อเห็นคนรักมายืนอยู่ตรงหน้า
      ไม่นานหรอกคะ พี่แทนนั่งก่อนซิคะ 
      แทนคุณนั่งลงตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับสายป่าน
      ป่านเป็นอะไรคะ หน้าตาเหมือนมีเรื่องกังวลในใจ มีอะไรก็คุยกับพี่ได้นะคะ
       พี่แทนดูซิคะพระอาทิตย์กำลังจะตกสวยจังนะคะ เราเคยมาที่นี่กันและดูพระอาทิตย์ตกกันแบบนี้ พี่แทนยังจำได้ไหมคะ แต่ต่อไปมันจะไม่มีอีกแล้ว 
      สายป่านพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
       ทำไมป่านพูดย่างนั้นหละคะ พี่จะมาดูพระอาทิตย์ตกกับป่านทุกวันก็ได้นะคะ 
      สายป่านมองหน้าแทนคุณด้วยหัวใจที่แตกสลาย
      ขอบคุณพี่แทนมากนะคะที่ดีกับป่านตลอดมา แต่ป่านไม่อยากจะรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ถ้าต้องปกปิดพี่แทนอยู่อย่างนี้
      น้ำตาของสายป่านเริ่มไหลนองใบหน้าเธอรู้ดีว่าต่อจากนี้อะไรจะเกิดขึ้นกับเธอ
      มีเรื่องอะไรหรือคะป่าน ทำไมต้องร้องไห้ด้วย
       แทนคุณเอื้อมมือไปกุมมือสายป่านด้วยความอ่อนโยน
       พี่แทนคะเรา....เรา....เราเลิกคบกันเถอะคะ
       แทนคุณตกใจคำพูดที่ออกมาจากปากสายป่าน
      ทำไมหละป่านพี่ไม่ดีตรงไหน พี่ปรับปรุงตัวได้นะ
      พี่แทนดีทุกอย่างคะ แต่ป่าน....ป่านไม่ดีเองคะ ป่านไม่มีค่าสำหรับพี่อีกแล้ว
      ป่านพูดอะไรคะพี่งงไปหมดแล้ว
      ป่าน...ป่าน..กำลังจะมีเด็กคะ
      สายป่านวิ่งออกจากร้านขับรถกลับไปทิ้งให้แทนคุณอยู่ด้วยความสงสัย และเสียใจ
      พราวแกอยู่ไหน 
      สายป่านโทรศัพท์หาพรานภาเพื่อนรักน้ำเสียงของเธอสั่นเครือ ปนสะอึกสะอื้น
       ป่านแกเป็นอะไรไป แกอยู่ไหน แกใจเย็น ๆนะ ฉันจะออกไปหาแกเอง
       พราวฉันอยู่ที่บ้าน ฉันบอกพี่แทนแล้ว ฉันเลิกกับพี่แทนแล้วพราว แกช่วยฉันด้วย
      พราวนภาตกใจไม่คิดว่าสายป่านจะบอกแทนคุณเร็วขนาดนี้
      แกรอฉันอยู่ที่บ้านนะฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้ แกอย่าทำอะไรโง่ โง่ นะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้
       พราวนภาวางหูโทรศัพท์และรีบหยิบกุญแจรถเพื่อขับไปหาสายป่านด้วยความรีบร้อน 
                      ถึงหน้าบ้านของสายป่านพราวนภาลงจากรถทันทีและรีบเปิดประตูบ้านเข้าไป                   เธอเห็นสายป่านนั่งร้องไห้ปานจะขาดใจ  สายป่านเห็นพราวนภาเธอวิ่งเข้ามากอดพราวนภา           ด้วยความเสียใจ
      พราวนภาโอบกอดสายป่านไว้และพูดปลอบโยน
       ไม่เป็นไรนะป่าน แกทำดีแล้ว แล้วพี่แทนรู้ไหมว่าแกท้องกับใคร
       “ฉันไม่กล้าบอกเขา
      ใจเย็น ๆ นะป่าน ค่อย ๆ คิด แล้วแกจะทำยังไงกับเด็กในท้อง
      พราวนภาพาสายป่านมานั่งที่โซฟาและกุมมือเพื่อนรักไว้ตลอดเวลา
      ตอนแรกฉันคิดจะไปเอาเด็กออก แต่ฉันทำไม่ได้เขาไม่ได้มีความผิดอะไร ฉันไม่กล้าทำร้ายเขา “แกทำถูกแล้วป่าน แกต้องเข้มแข็งไว้นะ” 
       ฉันจะเลี้ยงเด็กคนนี้เองพราว
       พราวนภามองหน้าเพื่อนด้วยความสงสาร แต่ในใจก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า   
      ฉันก็ไม่ต่างจากแกหรอกป่าน เพียงแต่ฉันไม่ท้องเท่านั้นเอง
                แทนคุณกลับมาถึงบ้าน เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เขาคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าเขาผิดตรงไหน ทำไมสายป่านถึงทำกับเขาแบบนี้
      อ้าวพี่กลับมาเร็วจัง ไปกินข้าวกับที่รักมาไม่ใช่หรือ  
       ชายแดนทักพี่ชาย แต่สังเกตเห็นอาการของพี่ชายว่าไม่สู้ดีนัก
      เป็นอะไรไปพี่แทนทำหน้ายังกะคนอกหักแนะ 
      แทนคุณเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ พี่ชาย
      สายป่านบอกเลิกกับฉัน เขาบอกว่าเขาท้อง 
      ชายแดนตกใจในคำพูดของพี่ชาย
       
      แล้วเขาบอกพี่หรือเปล่าว่าเขาท้องกับใคร
       เปล่า  เปล่าเขาไม่ได้บอกอะไรฉันทั้งนั้น
       แทนคุณตอบน้องชาย 
      ชายแดนมองหน้าพี่ชายและอดคิดไม่ได้ว่าเด็กในท้องของสายป่านเป็นลูกของใคร
                     พราวนภาขับรถมาทำงานตามปกติเธอขับรถไปจอดที่ชั้นใต้ดินของโรงแรม เธอก็ก้าวลง   จากรถ แต่ไม่ได้ทันได้สังเกตเห็นรถที่ขับตามมาจอดข้าง ๆ กับเธอ เซกิเห็นพราวนภาก็รีบเดินตามโดยที่เธอไม่รู้ตัว เขาคว้าแขนเธอไว้ พราวนภาตกใจสุดตัว แต่เมื่อเธอหันกลับมามองก็ต้องตกใจ   ยิ่งกว่าที่เห็นเซกิอยู่ตรงหน้า
      ปล่อยฉันนะ
      พราวนภาขู่เสียงแข็ง
      ทำไมคุณชอบหลบหน้าผม 
      เซกิถามด้วยความไม่พอใจ
      ทำไมฉันต้องหลบหน้าคุณด้วย
       เธอพยามสะบัดแขนออกจากมือเขา แต่เซกิไม่ยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ เขาเริ่มคุกคลามเธออีกครั้ง พราว
      เสียงชานนท์เรียก ทำให้เซกิจำต้องปล่อยมือออกจากแขนเธอ 
      สวัสดีครับคุณเซกิ
      ชานนท์ทักทาย แต่เซกิยิ้มน้อย ๆ และทั้งสามคนก็เดินไปขึ้นลิฟพร้อมกัน เมื่อลิฟเปิดเซกิก้าวออกจากลิฟ โดยมีชานนท์ และพราวนภา เดินตามมาด้านหลัง 
      พราวเย็นนี้ว่างไหมครับ พี่จะชวนพราวไปทานข้าว
      พราวคงไปไม่ได้หรอกคะ พราวต้องไปบ้านสวน ไม่ได้ไปมาหลายอาทิตย์แล้วคะไม่รู้ทางโน้น เป็นยังไงบ้าง
       พี่ขับรถไปส่งไหมครับ
      ไม่รบกวนพี่ดีกว่าคะ พราวขับรถไปเองได้ ขอบคุณพี่ชานนท์มากคะ 
      ทั้งสองคนเดินคุยกันโดยที่เซกิก็ได้ยินเช่นกัน และต่างคนก็เดินแยกย้ายไปทำงาน
                      พราวนภาเลิกงานเดินลงมาที่ลานจอดรถ แต่เมื่อมาถึงรถสังเกตเห็นยางรถของตัวเองแบน ทั้งสี่ล้อ เธอเดินวนรอบรถเพื่อสำรวจความเสียหาย 
      ยางแบนได้ไงเนี่ย
       พราวนภาบ่นพึมพำ 
      เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเซกิเดินตามเธอลงมาตั้งแต่แรกแล้ว   พราวนภาหันไปตามเสียงนั้นแต่เมื่อเธอเห็น   เซกิเธอจึงเฉยไม่ตอบอะไร
      รถเป็นอะไรไปคุณ 
       “คุณจะไปบ้านสวนไม่ใช่เหรอไง ผมจะขับรถไปส่งให้ก็แล้วกันในฐานะที่คุณเป็นลูกน้องผม          ผมก็ต้องดูแล 
      คุณนี่จิตใจไม่ปรกติแล้วยังเสียมารยาทอีกชอบแอบฟังคนอื่นเขาคุยกัน
      ผมไม่ได้แอบฟังนะ คุณคุยกันออกจะเสียงดังเป็นใครก็ได้ยินทั้งนั้น
      พราวนภาไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีกเธอหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าแต่ยังไม่ทันที่จะกดโทรศัพท์           เซกิก็พูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน
      ถ้าจะโทรหาคุณชานนท์คงจะเสียเวลาเปล่า ๆ ผมใช้ให้เขาไปทำงานด่วน 
      พราวนภามองค้อนเขาและรีบเดินออกจากลานจอดรถ เซกิคว้าแขนเธอไว้พร้อมกับพูดด้วยเสียงดุ ๆ
      ผมจะไปส่งคุณเอง
      ไม่ต้อง ฉันไปเองได้
      คุณจะเดินขึ้นรถไปกับผมดี ๆ หรือจะต้องให้ผมอุ้มไป
       เซกิพูดพร้อมดึงตัวเธอเข้ามากอดและทำท่าจะอุ้มเธอ 
      เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะคุณ  เซกิขู่
      ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเดินไปเองได้ 
      พราวนภากลัวคนจะมาเห็นจึงยอมขึ้นรถไปกับเซกิแต่โดยดี เซกิมองหน้าเธอ เขายิ้มน้อย ๆ           และยักคิ้ว ยั่วเธอ เขาขับรถออกจากลานจอดรถโดยมีพราวนภานั่งไปด้วย
      บ้านสวนคุณอยู่ที่ไหน
      สระบุรีแล้วคุณจะไปถูกเหรอเห็นว่าอยู่เมืองนอกมาตั้งนาน 
      พราวนภาพูดเสียดสี  เซกิไม่พูดอะไรแต่กลับเลี้ยวรถแกล้งเธอจนตัวเธอไปกระแทกประตู
       คุณ.... 
      พราวนภามองค้อนไม่พูดอะไรเธอนั่งเงียบไปตลอดทาง เซกิขับรถเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมัน
      ผมขอลงไปซื้อกาแฟหน่อยนะ คุณจะเอาอะไรไหม
      ไม่
      อ้อแล้วอย่าคิดหนีไปเองหละ ผมว่าคุณคงไปไม่ถึงบ้านสวนแน่เพราะรถที่จะไปต่อก็ไม่มีแล้ว ก็มีแต่สิบล้อ ถ้าคุณกล้าโบกนะ 
      พราวนภามองหน้าเขาอย่างดุ ๆ เซกิหัวเราะน้อย ๆ แล้วก็เดินเข้าไปในร้านกาแฟ แต่เขานึกไม่ถึงว่า  
       สาวิกาเพื่อนของไพลินจะเห็นเขา และยังเห็นเขามากับพราวนภาอีกด้วย เมื่อเห็นดังนั้นสาวิกาจึงหยิบโทรศัพท์โทรหาไพลินทันที
      ยัยลิน เธอไปอยู่ที่ไหนปล่อยให้พี่เซกิของเธฮมากับผู้หญิงคนอื่น ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นเธอนั่ง        อยู่ในรถ 
      จริงเหรอสา แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร
      ไม่รู้ซิแต่ใส่ชุดฟอร์มโรงแรมของคุณเซกินะ
      เธอปล่อยเขามากเกินไปหรือเปล่า เธอต้องประกบเขาตลอดแล้วนะ เดี๋ยวอีนางที่ไหนไม่รู้คาบไปกินนะยะ
      ขอบใจนะสาที่โทรมาบอก 
      ไพลินวางหูโทรศัพท์จากเพื่อนและอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงที่ไปกับเซกิเป็นใครกันแน่ เธออยากรู้จริง ๆ เธอจึงโทรกลับไปหาเซกิ
                      เซกิเดินกลับมาที่รถพร้อมทั้งถือถุงน้ำเปล่าและขนมส่งให้พราวนภา
      ทานซะหน่อยซิ คุณไม่ได้ทานอะไรเลยนะ เดี๋ยวจะมาหิวตายคารถผม
      พราวนภารับถุงจากเขาอย่างไม่พอใจ ระหว่างขับรถเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
      สวัสดีครับ
      พี่เซกิอยู่ที่ไหนคะ
      ไพลิน... พี่ขับรถมาส่งเพื่อนนะ
      เพื่อนพี่เซกิคนไหนคะ ไพลินรู้จักหรือเปล่าคะ
      ไม่รู้จักหรอกครับ แค่นี้นะครับแบตพี่จะหมดแล้วครับ
       เซกิกดปิดโทรศัพท์ทันที หันมองหน้าพราวนภา แต่พราวนภากลับทำเป็นไม่สนใจ เซกิขับรถมาจนถึงบ้านสวนแต่มันก็มืดมากแล้ว พราวนภาลงจากรถเพื่อจะเปิดประตูบ้าน
       บ้านเงียบจังลุงตากไปไหนนะ
      เธอเห็นจดหมายของลุงตากเสียบอยู่หน้าบ้านจึงเปิดอ่าน
      ลุงตากไปงานศพญาติ 2-3 วัน
      เธอเปิดประตูบ้านแล้วหันมามองเซกิ
      คุณกลับไปได้แล้ว   
      เซกิหัวเราะ
      คุณนี่ใจดำจริง ๆ ผมอุตส่าห์ขับรถมาส่งตั้งไกล จะชวนเข้าบ้านกินน้ำสักแก้วก็ไม่มี
      พราวนภามองหน้าเขา แล้วจึงเปิดประตูให้เขาขับรถไปจอดในบ้าน เธอให้เขานั่งตรงโต๊ะหินที่อยู่ในซุ้มกระดังงา
      คุณรอฉันอยู่ตรงนี้นะ ฉันจะไปเอาน้ำมาให้ทาน คุณจะได้รีบกลับไปซะที
      พราวนภาเดินขึ้นไปบนเรือน ระหว่างรอ เซกิเดินดูรอบบ้านและรู้สึกได้ถึงความร่มลื่นในบ้านเขาเดินไปที่เรือนท่าน้ำหลังบ้าน และยืนผ่อนคลายอยู่ที่นั่น พราวนภาถือน้ำโรยด้วยดอกมะลิใส่ขันทองเหลืองมาให้
       คุณนี่ชอบเดินสำรวจบ้านคนอื่นทุกบ้านไหมเนี่ย
       เธอยื่นขันน้ำให้เขา เซกิรับขันน้ำยกขึ้นดื่ม
      หอมจัง
       น้ำคุณก็ทานแล้ว คุณควรกลับได้แล้ว
       เสียงฟ้าร้องคำรามเหมือนพายุจะมา ฝนเริ่มตกกระหน่ำอย่างแรง
      ฝนตกผมจะกลับยังไง ถ้าผมขับรถออกไปอาจจะมีอุบัติเหตุก็ได้นะ คุณไม่กลัวจะเป็นต้นเหตุให้ผมตายเหรอ
      คุณเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับฉัน คุณตามฉันมาเองคุณกลับไปได้แล้ว   
      เซกิทำหน้าซึมและเดินตากฝนออกจากเรือนท่าน้ำ
       โอ๊ย
      เสียงเซกิร้อง พราวนภาจึงรีบวิ่งไปดู แล้วเธอก็พบว่าเขามีเลือดไหลที่ศรีษะของเขาและมีกิ่งไม่ตกอยู่ใกล้ ๆ กับตัวเขา ด้วยความตกใจเธอจึงรีบเดินเข้าไปพยุงเขาขึ้นบ้าน พราวนภาทำแผลให้เขา
      อูย... เบา ๆ หน่อยซิคุณ  
      คุณเดินอีท่าไหนเนี่ย กิ่งไม้ถึงตกใส่หัวได้ ดีนะที่ไม่พิการแค่ถาก ๆ 
      เธอสังเกตุเห็นเขาว่าชุดเขาเปียกและก็เริ่มหนาว เธอเดินเข้าไปในห้องและหยิบชุดมาให้เขาเปลี่ยน   คุณเปลี่ยนชุดซะก่อน เดี๋ยวจะปอดบวมตายในบ้านฉัน
      คุณมีชุดผู้ชายอยู่ในบ้านด้วยเหรอ
      เซกิถามด้วยความสงสัย
       คุณ.. นั่นชุดพ่อฉัน พอท่านเสียฉันก็เก็บไว้เป็นที่ระลึกเป็นชุดที่ท่านชอบใส่มาก
       พราวนภาพูดไปสีหน้าก็เริ่มเศร้า
       คุณนี่เรื่องมากจริง ๆ จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน  ห้องน้ำอยู่ด้านขวามือชุดที่เปี๊ยกคุณแขวนไว้แล้วกันจะได้แห้ง พอฝนหยุดตกคุณจะได้กลับได้
       เซกิรับชุดจากเธอและรีบเดินไปเปลี่ยนและอดที่จะดีใจไม่ได้ที่ชุดเป็นของพ่อเธอ
                      พราวนภาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและมานั่งที่นอกระเบียงบ้าน   ดวงตาคู่นั้นเหม่อลอยอดคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ คิดแล้วเธอก็อดที่จะสงสารตัวเองกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เซกิเดินมายืนอยู่   ข้างหลังเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัว เขามองเธอด้วยแววตาที่อ่อนโยน เขาอยากจะรู้จักเธอมากขึ้น พราวนภาลุกขึ้นยืนและหันไปเจอเขาเข้าพอดีเขาใส่ชุดนี้แล้วดูแปลกตา เขาใส่เสื้อผ้าฝ้ายและกางเกงแพรของพ่อเธอได้พอดี ทั้งสองยืนมองหน้ากัน เซกิเดินเข้ามาหาเธอทำให้พราวนภาต้องขยับตัวเดินถอยหลัง
      คุณ..คุณจะทำอะไร
       เซกิเดินเข้ามาประชิดตัวเธอ
      เปล่า ผมแค่เห็นใบไม้ติดผมคุณ
       เขาหยิบใบไม้ออกจากผมของเธอ ทั้งสองยืนมองหน้ากันเหมือนอยู่ในภวังค์ พอเธอรู้สึกตัวก็รีบก้าวเท้าถอยห่างจากเขา เซกิยังยืนมองเธออยู่อย่างนั้น
      คุณนอนตรงโซฟาไม้ข้างนอกแล้วกัน ฉันจะไปเอาที่นอนมาให้ เผื่อฝนหยุดคุณจะได้กลับได้เลย เธอรีบเดินเข้าห้องหยิบที่นอนมาให้เขา เธอวางที่นอนให้เขาและเดินเข้าห้องนอนไป เซกิปูที่นอนและนอนที่โซฟาไม้ที่เธอบอก โดยที่เขาไม่รู้ว่าพราวนภาแอบดูเขาอยู่
                      พราวนภานอนไม่ค่อยหลับเธอแอบแง้มประตูดูเขาแต่ก็ไม่กล้าที่จะออกไปเพราะยังกลัวกับเหตุการณ์ที่เขาทำกับเธอ  เมื่อเห็นเขายังนอนอยู่เธอจึงปิดประตู และเผลอหลับไปจนเช้า เธอออกจากห้องนอนแต่ก็ไม่พบเขาแล้ว เขาเก็บที่นอนและพับเสื้อผ้าวางไว้บนโซฟาไม้ พราวนภาเหลือบไปเห็นกระดาษที่เขาเขียนข้อความทิ้งไว้
      ผมต้องกลับก่อน มีประชุมเช้า  ขอบคุณที่ทำ แผลให้
                     พราวนภากลับจากบ้านสวนเธอมาทำงานตามปกติ
       พราวแกมีเวลาว่างไหม ฉันอยากคุยกับแก
       พราวนภาหันมาตามเสียงนั้นแต่ก็ต้องแปลกใจที่เป็นชายแดน พราวนภาและชายแดนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่โลกมันกลมที่ชายแดนกลับเป็นน้องชายของพี่แทนคุณแฟนของสายป่าน
      แกยังมีอะไรจะพูดกับฉันอีก 
      พราวนภาทำท่าจะเดินหนีแต่ชายแดนรั้งแขนเธอไว้
      เดี๋ยวก่อนซิพราว ฉันมีเรื่องสำคัญอยากถามแกเกี่ยวกับป่าน
       แกสนด้วยเหรอนายแดน ฉันนึกว่าแกจะระเริงกับผู้หญิงคนอื่นจนไม่นึกถึงจิตใจของยัยป่าน
      ในระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากันอยู่นั้นเซกิก็เข้ารถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถพอดี เซกิมองชายแดนกับพราวนภาอย่างไม่พอใจ เขาลงจากรถและมองพราวนภาเขม็งก่อนที่จะเดินขึ้นลิฟไป
       ไปแกไปหาที่คุยกับฉัน
      พราวนภาชักชวนชายแดนและเดินตามชายแดนขึ้นรถขับออกไปที่ร้านอาหารแถวนั้น
      รับอะไรดีครับ
      พนักงานเสริฟถาม
      ขอกาแฟสองที่ 
      ชายแดนบอกพนักงานเสริฟ ก่อนที่พนักงานเสริฟจะเดินไปเอากาแฟตามที่สั่ง
      แกมีอะไรก็พูดมานายแดน
      ฉันอยากรู้ว่าป่านท้องกับใคร
      นี่แกไม่รู้จริง ๆ เหรอ แกทำอะไรไว้แกไม่รู้จริง ๆ เหรอแกนี่มันแย่จริง ๆ
      ฉันไม่ได้ตั้งใจนะพราว คืนนั้นฉันเมามาก
      นี่แกยังจำได้อยู่หรือเปล่าว่าป่านเป็นแฟนพี่ชายของแกนายแดนแกทำคนต้องเจ็บตั้งสองคนเชียวนะ แกทำลายทุกอย่างของพี่แทนคุณกับยัยป่านเขารักกันมานานแล้วนะแกก็รู้  
      ชายแดนไม่พูดอะไร ถึงเขาจะเป็นคนเจ้าชู้แต่เขาก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง เขาก็รู้จักสายป่านดีว่าเธอเป็นคนดี ยิ่งเขาต้องเป็นคนที่ทำให้พี่ชายตัวเองและสายป่านต้องเลิกกันเขาจึงรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น
      ฉันขอถามแกซักอย่างซินายแดน วันนั้นแกนัดให้ยัยป่านไปพบแกไปไหนมาทำไมถึงไม่ไปตามนัด
       ฉันไปที่โรงแรมแล้ว แต่ที่โรงแรมบอกยกเลิกการจองกะทันหันเพราะเพื่อนของเจ้าของโรงแรมจะมาพักห้องนั้น ตอนแรกฉันตั้งใจจะโทรไปบอกยกเลิกกับสายป่าน บังเอิญฉันไปเจอเพื่อนชวนกันไปนั่งดื่มกันก็เลย....
      แกก็เลยเมาใช่ไหมและแกเรียกยัยป่านไปพบทำไมหรือว่าแกจะตอกย้ำยัยป่านมันอีก
       เปล่าฉันไม่ได้คิดจะตอกย้ำเขาอีก ฉันแค่อยากจะขอโทษเขานะ
       แกก็เลยนัดเขาไปโรงแรมเนี่ยนะ
       แล้วเด็กในท้องของสายป่านเป็นลูกของใคร
      แกยังมีน่ามาถามฉันอีกเหรอ แกก็รู้ดีว่ายัยป่านมันไม่ประสีประสาเรื่องแบบนี้ และที่สำคัญตลอดเวลาที่คบกับพี่แทนคุณเขาก็ให้เกียรติยัยป่านตลอดมา จนยัยป่านมันมาเสียท่าให้แกนี่แหละ    แกนี่มัน...ฉันไม่รู้จะด่าแกว่ายังไงดีให้มันสาสม
      ฉันจะทำยังไงต่อไปดีพราว
      แกต้องตัดสินใจเองแล้วนะชายแดนเพราะลูกในท้องยัยป่านก็เป็นลูกของแก แกจะปล่อยให้ลูกแกเกิดมาไม่มีพ่อ และแกจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ปล่อยให้ยัยป่านมันรับกรรมอยู่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ ยัยป่านมันเป็นคนน่าสงสารนะ พ่อกับแม่ก็เสียไปตั้งแต่ยังเด็กทุกวันนี้ยัยป่านก็ดิ้นรนด้วยตัวเองมาตลอด จนมาพบพี่แทน ยัยป่านก็คิดว่าพี่แทนเป็นทุกอย่าง
       ชายแดนคิดตามที่พราวนภาพูดและเขารู้ดีว่าเขาจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ปัญหานี้จบลง
                ไพลินเข้ามาที่โรงแรมและเดินตรงไปที่ลิฟเพื่อจะขึ้นไปห้องทำงานของเซกิ เธอเจอกับพราวนภาโดยบังเอิญ ไพลินยิ้มให้พราวนภาอย่างมีไมตรี หญิงสาวยิ้มตอบเช่นกัน
      คุณเซกิอยู่ไหมคะ
      ไพลินเอ่ยถามก่อน
      อยู่ค่ะ
      พราวนภาตอบ 
      ไพลินจึงเดินขึ้นไปหาเซกิที่ห้อง เธอเคาะประตูก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้อง
      ลิน... มีอะไรหรือเปล่าครับ
      เซกิตกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นไพลิน
      หน้าผากพี่เซกิไปโดนอะไรมาคะน่ะ
      ไพลินแสดงอาการตกใจ และเป็นห่วงเซกิ
      ไปหาหมอมาหรือยังคะ
       เซกิจับไปที่หน้าผากของตัวเอง
       ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับแค่ถลอกนิดเดียว พี่ซุ่มซ่ามเดินชนประตูที่บ้าน
      ไพลินสงสัยและไม่เชื่อที่เซกิพูด แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะเซ้าซี้ถามเขา
       เที่ยงแล้วพี่เซกิไปทานข้าวกับลินนะคะ
       “ได้ครับ แต่วันนี้พี่มีประชุมบ่ายโมง เราทานข้าวที่โรงแรมแล้วกันนะครับ   
      ตามใจพี่เซกิคะ ลินก็อยากรองชิมอาหารที่โรงแรมพี่เซกิเหมือนกันว่าจะอร่อยสมคำล่ำลือหรือเปล่า ทั้งคู่เดินออกจากห้องทำงานเพื่อลงไปชั้นล่างซึ่งเป็นห้องอาหารของโรงแรม แต่บังเอิญชานนท์กับพราวนภาก็มาทานอาหารที่นี่ด้วยเช่นกัน เซกิเหลือบไปเห็นทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกันพอดีเขาจึงแกล้งควงไพลินเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารที่ทั้งคู่นั่งอยู่และเลือกนั่งโต๊ะตรงกันข้ามโดยที่ตัวเขาหันหน้าตรงกับพราวนภาพอดี
      ลินทานเยอะ ๆ นะครับ
       เขาทำประชดพราวนภาด้วยการเอาใจไพลินโดยตักอาหารให้ไพลิน พราวนภาแอบมองและบังเอิญที่เซกิก็มองเธอเช่นกัน เธอรีบหลบตาเขากลัวว่าเขาจะรู้ว่าเธอแอบมองเขาอยู่   ชานนท์สังเกตุเห็นท่าทางของเซกิและพราวนภาเกิดความรู้สึกแปลก ๆ และแอบคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนชอบกันหรือเปล่า
       พี่ชานนท์คะเราไปกันเถอะคะ
       พราวนภาชักชวนชายหนุ่มเธอเริ่มที่หึงเซกิโดยไม่รู้ตัว
       อิ่มแล้วเหรอครับ พี่เห็นพราวทานไปนิดเดียวเอง
       อิ่มแล้วคะพราวไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ 
      ชานนท์จ่ายเงินแล้วจึงพาพราวนภาเดินออกจากห้องอาหารไป โดยที่จะต้องเดินผ่านโต๊ะของเซกิและไพลิน ชานนท์เหลือบมองเซกิและยิ้มทักทายแต่เซกิกลับมองพราวนภาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ไพลินแอบเห็นสายตาของเซกิที่มองพราวนภา จึงทำให้อดคิดแบบชานนท์ไม่ได้
               “พราววันนี้คุณเซกิให้รอต้อนรับลูกค้าสำคัญจะมาตอนหกโมงเย็น
      หวานใจพูดเหมือนสั่งพราวนภา
      ทำไมต้องเป็นฉันหละนี่หมดเวลาฉันแล้วนะ และอีกอย่างเธอก็ต้องมารับช่วงต่อจากฉันไม่ใช่เหรอไม่รู้ซิแต่คุณเซกิบอกให้ฉันกลับบ้านได้ แต่ให้เธออยู่ต้อนรับยะ
      พราวนภาจำต้องอยู่เพราะเป็นคำสั่งของเซกิซึ่งเขาก็มีฐานะเป็นเจ้านายของเธอเช่นกัน เธอนั่งรอจนถึงหนึ่งทุ่มแต่ก็ไม่เห็นจะมีใครมาเธอจึงตัดสินใจกลับเพราะเลยเวลานัดมามากแล้ว ขณะที่เดินลงมาเอารถเซกิดักรอเธออยู่ เมื่อเธอเห็นเขา เธอพยายามเดินหนี แต่เขาก็ยังเดินตามและพูดจายั่วเธอ
      เสน่ห์แรงจริงนะคุณเช้าผู้ชายคนหนึ่ง กลางวันนั่งกินข้าวกับผู้ชายอีกคน 
      พราวนภาไม่สนใจเธอยิ่งเดินหนีเขาเร็วขึ้น  เมื่อเซกิเห็นพราวนภาไม่สนใจก็เกิดความโกรธ เขาดึงตัวเธอเข้ามาประชิดตัวเขา พราวนภาดิ้นรนขัดขืนแต่เขาไม่หยุดแค่นั้นเขาก้มลงจูบเธอ พราวนภายืนนิ่ง เซกิเริ่มสังเกตอาการสะอึกอื้นของเธอ เขาหยุดการกระทำของเขา พราวนภาก้มหน้าร้องไห้ไม่พูดอะไร เซกิใช้มือค่อย ๆ เชยคางเธอขึ้นและเอามือของเขาปาดน้ำตาให้เธอด้วยความอ่อนโยน
            “ผมขอโทษ
       เซกิกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พราวนภามองหน้าเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนเช่นกัน เธอไม่พูดอะไรแต่ครั้งนี้เธอเริ่มรู้สึกถึงความอ่อนโยนของเขา
                พี่เซกิคะ
      ไพลินเดินเข้ามาพอดี พราวนภารีบดึงตัวออกจากอ้อมแขนของเซกิและรีบปาดน้ำตา
      ลินมาทำอะไรครับ
       พอดีคุณแม่ให้ลินมาชวนพี่ไปทานข้าวเย็นที่บ้าน ลินก็เลยกลับเข้ามาหาอีก ลินขึ้นไปบนห้องแล้วไม่พบพี่เซกิก็เลยลงมาดูที่รถ 
      เซกิหันหลังกลับมามองหน้าพราวนภา แต่เขาก็ปฏิเสธไพลินไม่ได้
      ไปซิครับ พี่กำลังจะกลับพอดีลินไปรถพี่แล้วกันแล้วเดี๋ยวพี่จะให้คนขับรถของลินไปให้ที่บ้าน
      ไพลินถามมองหน้าพราวนภาก่อนจะเอ่ยถามออกไป 
      คุณพราวจะกลับบ้านเหมือนกันหรือคะ
      คะพราวกำลังจะกลับบ้านพอดี
      ไม่สบายหรือเปล่าคะดูหน้าคุณพราวซีดเชียว
      เปล่าคะพราวไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณที่เป็นห่วงคะ
      พราวนภาตอบแค่นั้น เธอพยามหลบหน้าไพลินเพื่อไม่ให้เห็นใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาของเธอ         เซกิขับรถออกไปพร้อมกับไพลินโดยทิ้งให้พราวนภายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
      ไพลินเดินมาควงแขนเซกิ  เธอก็เริ่มสังเกตุเห็นท่าทางของเซกิที่มีต่อพราวนภาและเธอเริ่มคิดว่าผู้หญิงที่ไปกับเซกิอาจจะเป็นพราวนภาก็ได้     
                      เซกิขับรถเข้าไปจอดในบ้านของไพลิน เขาเดินลงไปเปิดประตูให้เธอ
      ขอบคุณค่ะ
       ไพลินพูดและยิ้มหวานให้เซกิ ทั้งสองเดินเข้าบ้านไปด้วยกันโดยมีคุณหญิงรัตนา และทานนายพล มนตรี นั่งคอยอยู่
       สวัสดีครับคุณลุง คุณป้า
       เซกิยกมือไหว้ ท่านนายพลมนตรีและคุณหญิงรัตนา
      สวัสดีจะเซกิไม่ได้เจอตั้งนาน มาเมืองไทยไม่แวะมาหาป้าเลยนะ  นี่ยัยลินก็บ่นถึงเซกิอยู่บ่อย ๆ ป้าเลยให้ไปชวนมาทานข้าวเย็นด้วยกัน
      เซกิเขาคงไม่ค่อยว่างนะคุณ 
      ผมต้องขอโทษคุณลุงกับคุณป้าด้วยครับ พอดีผมเพิ่งเริ่มทำงานต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง           เลยไม่มีเวลากราบคุณลุงกับคุณป้า
      ไปที่โต๊ะอาหารกันเถอะลุงให้คนตั้งโต๊ะไว้รอแล้ว
       ท่านนายพลมนตรีกล่าวเชื้อเชิญ
      เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ไพลินนั่งลงข้างเซกิ 
      เซกิก็อายุพอสมควรแล้วนะ ไม่คิดจะแต่งงานแต่งการบ้างหรือจ๊ะ
      คุณหญิงรัตนาถามกระเซ้าเซกิ
       จริงซิเซกิลุงก็ว่าเหมือนป้าเขานะ เดี๋ยวจะมีลูกไม่ทันใช้นา 
      ท่านายพลมนตรีพูดหยอก
       ผมยังต้องเรียนรู้งานของคุณพ่ออีกเยอะ ยังไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้เลยครับ
      เซกิตอบบ่ายเบี่ยง 
      แต่มีคนบางคนรอเซกิอยู่นะรีบ ๆ คิดซะที
       คุณหญิงรัตนาพูดกระเซ้าและมองหน้าไพลินเหมือนจะทำให้เซกิรู้ว่าเป็นใคร เซกิยิ้มเจือน ๆ แต่ไม่พูดอะไร เมื่อรับประทานอาหารเสร็จท่านนายพลและคุณหญิงจึงขอตัวขึ้นไปพักผ่อนปล่อยให้ไพลินและเซกิอยู่กันตามลำพัง 
      คุณนี่พูดเหมือนจะยกลูกสาวเราให้เขาเลยนะ 
      ท่านายพลตำหนิคุณหญิง
      คุณก็รู้นี่ว่าลูกสาวเราแอบชอบเซกิอยู่ แต่เซกิก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะขอลูกสาวเราซักที
       มันจะไม่งามนะคุณลูกเราเป็นผู้หญิง
       ฉันรู้คะ แต่ฉันสงสารลูกดูเหมือนว่ายัยลินจะรักเซกิมากนะคะขนาดไปอยู่เมืองนอกตั้งนาน          ฉันยังไม่เห็นยัยลินจะมีใจในไปรักใครเลย
      เรื่องแบบนี้มันบังคับไม่ได้นะคุณ มันขึ้นอยู่กับคนสองคน ถ้าเขาไม่รักลูกสาวเรา ยัยลินก็ต้องยอมรับความจริงนะคุณ 
      คุณหญิงรัตนาถอนหายใจไม่พูดอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าที่ท่านนายพลพูดคือเหตุผลและความจริง แต่ก็อดที่จะสงสารลูกสาวไม่ได้
                      ไพลินและเซกิเดินเล่นกันที่สนามหญ้า
       พี่เซกิคะคุณพราวเธอน่ารักดีนะคะ ลินว่าเธอเหมาะสมกับคุณชานนท์ดีนะคะ
      ไพลินเอ่ยถามเซกิเพราะอยากรู้ว่าเซกิคิดอย่างไร
      เขาก็เหมาะสมกันดี
       เซกิตอบ สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจเท่าใดนัก จนทำให้ไพลินดูออกว่าเขา                หึงพราวนภา
      พี่กลับก่อนนะลิน 
      เซกิกล่าวลาไพลิน ขณะที่กำลังเดินขึ้นรถ  
      คะพรุ่งนี้ลินไปหาที่ทำงานนะคะ
       เซกิพยักหน้าและขับรถออกไป ไพลินเริ่มรู้สึกว่าเซกิแอบชอบพราวนภาเพราะเธอเห็นการกระทำของทั้งสองคนที่ลานจอดรถ เธอยืนน้ำตาคลอ เธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่เธอก็คงจะห้ามอะไรเขาไม่ได้ถ้าเซกิรักพราวนภา
                      สายป่านมาทำงานตามปกติเธอเริ่มมีอาการแพ้ท้องมากขึ้นจนคนเพื่อร่วมงานสังเกตเห็น ป่านอาการเหมือนคนท้องเลยนะ 
      หวานใจและจินตนาพูดเสียดสี
       ฉันว่าลองไปให้หมอตรวจดีกว่านะเผื่อเธอท้องจะได้ไปบอกพ่อเด็กได้นะ
       หวานใจพูด 
      แล้วพี่แทนคุณของเธอหละเดี๋ยวนี้ฉันไม่เห็นเขาจะมารับเธอเลยนะ หรือว่าท้องแล้วไม่รับ 
      หวานใจและจินตนาหัวเราะและทำท่าเย้ยหยันก่อนจะเดินจากไป สายป่านยืนน้ำคลอ เธอเอามือ     ลูบท้องของตัวเอง แล้วเดินออกจากห้องน้ำเพื่อไปทำงานต่อ ในระหว่างที่เดินออกมาที่เค้าเตอร์ ประชาสัมพันธ์เธอหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม แต่โชคดีที่ชายแดนเข้ารับตัวเธอไว้ทัน สายป่านมองหน้าชายแดนทั้งที่อยู่ในอ้อมแขนเขา เมื่อเธอเห็นว่าเป็นเขาเธอรีบผละตัวออกจากอ้อมแขนของเขาทันที
       คุณเป็นยังไงบ้าง
       ชายแดนถามด้วยความห่วงใย เขามองที่ท้องของสายป่าน และสังเกตเห็นว่าท้องของเธอโต            จนเริ่มมองเห็น
      คุณมาทำอะไรที่นี่ 
      สายป่านถามด้วยนำเสียงที่เย็นชา
       ผมเหรอ...ผมก็มาหาคุณไง 
      ชายแดนพูดเขิน ๆ
       มีธุระอะไรกับฉัน
       คุณพอมีเวลาว่างหรือเปล่าผมขอพูดอะไรด้วยหน่อย
      ชายแดนทำหน้าน่าสงสาร จนทำให้สายป่านใจอ่อน
      ได้แต่ฉันมีเวลาไม่มากนักนะต้องรีบเข้ามาทำงาน
      ได้ ๆ ผมจะรีบมาส่งให้ทันเวลาเลย
      ชายแดนตอบด้วยความดีใจและรีบพาสายป่านขึ้นรถไป เขาจอดรถที่สวนสาธารณแห่งหนึ่ง
      ผมรู้จากพี่แทนว่าคุณบอกเลิกคบกับเขา พี่แทนบอกว่าคุณท้อง
       สายป่านตกใจที่เขารู้เรื่องแต่เธอก็ยังนั่งเงียบไม่พูดอะไร
      ผมเสียใจที่ทำให้คุณสองคนต้องเลิกกัน 
      ชายแดนพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
      ผมอยากจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำไป
       ไม่ต้องเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณ
       สายป่านตอบทันควัน ชายแดนหน้าซีด
      ผมกลัวว่าคุณจะเอาเด็กออก
      คุณไม่ต้องกลัวหรอกนะฉันรู้ดีว่าความรู้สึกที่ไม่มีพ่อแม่เป็นยังไง  ฉันจะไม่ยอมให้ลูกของฉันเป็นอย่างฉัน ฉันจะเลี้ยงเขาให้ดีที่สุด ฉันจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เขาเอง
       น้ำตาของสายป่านเริ่มไหลริน เธอจึงรีบเอามือเช็ดน้ำตาที่กำลังเริ่มไหลออกมา
      คำพูดของสายป่านทำให้ชายแดนถึงกับพูดไม่ออก
      คุณพาฉันกลับได้แล้ว ฉันออกมานานแล้ว ฉันจะไปทำงานต่อ 
      ชายแดนไม่กล้าพูดต่อเมื่อเห็นอาการขอสายป่านที่ยังไม่ยอมรับในตัวเขา เขาขับรถไปส่งสายป่านที่หน้าโรงแรม สายป่านรีบลงจากรถไม่หันกลับมามองหน้าเขาแม้แต่น้อย ชายแดนขับรถอกจากโรงแรมและยิ่งมีความรู้สึกผิดมากขึ้นที่สายป่านไม่รับว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก
                      ชายแดนกลับมาถึงบ้านและพบแทนคุณกำลังนั่งอยู่ระเบียงบ้าน เขาเดินเข้าไปหาพี่ชายของตนเอง
      พี่แทนเป็นยังไงบ้าง ทำใจได้หรือยัง
      ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ฉันไม่ดีตรงไหนทำไมป่านถึงเลิกกับฉัน
       แทนคุณพูดด้วยสีหน้าเศร้า 
      ชายแดนมองพี่ชายด้วยความรู้สึกที่ผิดเขาไม่น่าเป็นต้นเหตุที่ต้องมาทำให้พี่ชายตัวเองต้องทุกใจขนาดนี้ พี่แทนผมมีอะไรจะสารภาพผิด
       แทนคุณมองหน้าน้องชายของตัวเอง เขาไม่เคยเห็นชายแดนจะรู้สึกสำนึกผิดกับเรื่องอะไรทั้งนั้น มันยิ่งทำให้เขาอยากรู้ว่าน้องชายไปทำผิดอะไรมา
      แกไปทำอะไรผิดมาอีกหละ
       ผมทำให้พี่ต้องเสียใจ
       แกพูดเรื่องอะไรของแก
       พี่ผม...ผม..ทำสายป่านท้อง
       แทนคุณถึงกับอึ้งกับคำพูดของน้องชาย
       แกพูดว่าอะไรนะ แกพูดให้ฉันฟังอีกครั้งซิ 
      ผมทำสายป่านท้อง 
      ด้วยความโกรธ แทนคุณลุกขึ้นกำหมัดต่อยชายแดนอย่างแรงหลายครั้ง ชายแดนล้มลง เลือดไหลกลบปาก
      แกทำอย่างนั้นได้ยังไงแกก็รู้ว่าฉันกับป่านเป็นแฟนกัน
       ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น วันนั้นผมเมามาก
       แทนคุณกระชากคอชายแดนขึ้นมาและกำหมัดจะต่อยชายแดนอีกครั้ง แต่ชายแดนกลับยืนมองเฉยไม่ต่อสู้อะไร แทนคุณมองหน้าน้องชาย แววตาของชายแดนบอกได้ถึงความรู้สึกสำนึกผิด ทำให้เขาเกิดความสงสารเพราะตั้งแต่เล็กจนโตแทนคุณดูแลชายแดนเป็นอย่างดี ไม่ว่าชายแดนจะทำผิดอะไรเขาก็ไม่เคยที่จะลงโทษรุนแรงสักครั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกเขาทำ แทนคุณปล่อยมือจากคอเสื้อ     ของชายแดน
       พี่จะทำอะไรผมก็ได้ ผมยอมทุกอย่างขอแค่พี่ยกโทษให้ผม
      ชายแดนพูดให้แทนคุณลงโทษตัวเขา 
       แทนคุณหันหลังยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพูดออกมา
      ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว มันไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก แกจะต้องถ่ายโทษกับความผิดที่แกได้ทำลงไป
       พี่จะให้ผมทำอะไรผมยอมทำทั้งนั้น
      ชายแดนพูดกับพี่ชาย แทนคุณหันกลับมามองหน้าน้องของตัวเองเขาเดินเข้าไปใกล้ชายแดน
       แกจะต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่แกทำลงไป แกจะต้องรับเด็กในท้องของสายป่าน แกต้องไม่ทำให้สายป่านเสียใจและทอดทิ้งเธอเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นของแก 
      ชายแดนมองหน้าพี่ชายเขารู้สึกซาบซึ้งที่พี่ยกโทษให้เขา ชายแดนกอดแทนคุณแน่น
           พี่ผมขอโทษ
       แทนคุณกอดน้องชายของตัวเองแม้เขาจะเจ็บปวดสักแค่ไหนเขาก็ไม่อาจทำร้ายน้องชายของตัวเองได้ ผมจะทำทุกอย่างให้สายป่านยอมรับในตัวผมให้ได้ ผมสัญญา 
      ชายแดนพูดกับแทนคุณด้วยน้ำเสียงจริงจัง แทนคุณไม่เคยได้ยินชายแดนพูดจริงจังอย่างนี้สักครั้ง เขารู้สึกว่าคงถึงเวลาแล้วที่ชายแดนจะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตสักครั้ง
                พราวนภาเดินมาที่รถเพื่อที่จะกลับบ้านแต่รถของเธอสตาร์ทไม่ติด พราวนภาถอนหาย      เธอก้าวลงจากรถและปิดล๊อคประตูรถ และหยิบโทรศัพท์โทรหาศูนย์ที่เคยซ่อมรถกันเป็นประจำ
      รถฉันสตาร์ทไม่ติด  ให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเอารถไปที่ศูนย์ด้วยนะคะ
      ได้ค่ะรถคุณจอดอยู่ที่ไหนคะ
       ลานจอดรถชั้นสอง โรงแรม รีเวรอ์ พาร์ค ฉันจะฝากกุญแจรถไว้กับยาม
       ค่ะจะส่งเจ้าหน้าที่ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ 
      พราวนาภเดินขึ้นเดินลงที่ป้อมยามรักษาการณ์ของโรงแรม เธฮเอากุญแจไปฝาไว้กับยามที่อยู่       หน้าประตูของโรงแรม
      ลุงคะรถหนูเสีย ยังไงถ้ามีเจ้าหน้าของศูนย์มาเอารถช่วยฝากกุญแจให้เขาด้วยนะค่ะ
       พราวนภาพูดกับยาม
      ได้ครับ
       ยามตอบด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง และยืนตรงทำความเรพเธอ
       พราวนภาหัวเราะแล้วเดินออกจากโรงแรมเพื่อไปขึ้นรถเมย์กลับบ้าน ในระหว่างที่เธอเดินออกไปที่ป้ายรถ ชานนท์ขับรถผ่านมาพอดีเขาชะลอรถเมื่อเห็นเธอ
      พราวรถเป็นอะไร ทำไมมาเดินอยู่อย่างนี้
      ชานนท์ถามด้วยความเป็นห่วง พราวนภาหยุดเดิน
      อ๋อรถเสียนะคะแต่พราวโทรแจ้งศูนย์เรียบร้อยแล้วคะ
       พี่ไปส่งไหมพราว
       ชานนท์จอดรถคุยกับเธอ 
      ขอบคุณค่ะพี่ชานนท์ พราวกลับเองได้
      พี่ไปส่งนะพราว  พี่เลิกงานพอดี พี่อยากชวนพราวไปทานข้าว 
      ชานนท์คะยั้นคะยอจนทำให้พราวนภาต้องไปกับเขา
       เซกิขับรถออกจากโรงแรมเพื่อจะกลับบ้าน แต่บังเอิญเห็นพราวนภากำลังขึ้นรถไปกับชานนท์       เขาจึงขับรถตามไป ชานนท์ขับรถไปจอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งและเขาก็พรากราวนภาเข้าไปในร้าน     เซกิจจอดรถ และเดินตามเข้าไปในร้านโดยไม่ให้ทั้งคู่รู้ตัว  เซกิเลือกตั้งโต๊ะที่ไม่ให้ทั้งคู่เห็นเขา พักนี้พราวดูแปลกไปนะไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน พราวมีอะไรบอกพี่ได้นะ
      พราวไม่ได้เป็นอะไรนี่ค่ะ
      พราวเราก็คบกันมานานแล้วนะ พราวน่าจะรู้ว่าคิดยังไงกับพราว
      ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ เขาเอื้อมมือไปกุมมือของเธอเบา ๆ  พราวนภาชักมือกลับอย่างช้า ๆ พี่ชานนท์ค่ะเรากลับกันเถอะค่ะ พราวรู้สึกปวดศรีษะค่ะ
       พราวนภาเปลี่ยนเรื่องพูดทันที ทำให้ชานนท์ต้องพาเธอกลับคอนโด ทุกอย่างที่ชานนท์กระทำอยู่ในสายตาของเซกิตลอด เซกิขับรถตามไปจนถึงหน้าคอนโดของพราวนภาและจอดรถเพื่อเฝ้าดูพราวนภากับชานนท์อยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก
       ขอบคุณค่ะที่มาส่งพราว
       ไม่เป็นไรครับพราว พี่ยินดี
      ขับรถดี ๆ นะค่ะ 
      พราวนภายืนส่งชานนท์จนเขาขับรถไปสุดสายตา ในระหว่างที่เธอจะเดินขึ้นคอนโดรถของเซกิก็เข้ามาจอดประชิดตัวเธออย่างเร็ว ทำให้พราวนภาต้องหันไปมองแต่ก็ต้องตกใจที่เป็นเซกิ
      คุณมาทำไมที่นี่ 
      ถ้าผมไม่ตามคุณมาก็ไม่เห็นอะไรดี ๆนะซิ
      ฉันว่าคุณนี่นอกจากจะเสียมายาทแล้วยังเป็นโรตจิตอีกนะ 
      เซกิลงรถและเดินเข้ามาหาเธอด้วยความโมโห
      ใช่ผมมันโรคจิต จะเป็นสุภาพบุรุษเหมือนนายชานนท์ของคุณได้ยังไง
       น้ำเสียงของเซกิบอกได้ถึงความโกรธของเขา
       รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ 
      พราวนภาพูดยั่วเขาก่อนที่เธอจะสะบัดหน้าและกำลังจะเดินขึ้นคอนโด เซกิรั้งแขนเธอไว้และอุ้มเธอขึ้นรถ พราวนภาดิ้นรนไม่ยอมเขาแต่ก็ไม่เป็นผล เขาพาเธอขับรถออกไป ไกลจากกรุงเทพออกไปทุกที
      คุณจะพาฉันไปไหน
       พราวนภาเริ่มมีอาการกลัวเขามากขึ้น 
      เซกิไม่ตอบอะไรเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
       ชัย แกมีบ้านพักอยู่แถวระยองใช่ไหม
      ออใช่แกจะพาอีหนูที่ไหนไปนอน
      แกไม่ต้องรู้หรอกช่วยโทรไปบอกเด็กให้เปิดบ้านให้หน่อย
      ใจร้อนจริง ฉันจะบอกให้เด็กไปเปิดให้เดี๋ยวนี้ รับรองแกไปถึงก็เข้าได้เลย
       ขอบใจนะ 
      เซกิวางโทรศัพท์และขับรถต่อไป
      คุณจะพาฉันไปไหน 
      พราวนภาถามซ้ำอีก
      เซกิไม่พูดอะไรเขาขับรถมาจนถึงบ้านพักตากอากาศของเพื่อนที่ระยอง เขาถอดเสื้อสูตรออกและโยนมันไว้ที่เบาะหลังรถ เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาว เขาปลดกระดุมที่ปลายแขนเสื้อและพับปลายแขนเสื้อขึ้นมาที่ข้อศอก เซกิจอดและเดินลงจากรถเพื่อไปเปิดประตูรถ แล้วลากพราวนภาลงจากรถ
      ปล่อยนะ จะพาฉันไปไหน ฉันไม่ไปกับคุณ
      พราวนภาพยามยามที่จะแกะมือที่จับแขนเธอไว้จนแน่น  จนในที่สุดเธอก็ดิ้นหลุดจากเขา เธอวิ่งหนีทันที และตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
      ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย   ใครอยู่แถวนี้ช่วยฉันด้วย
      เซกิวิ่งตามและจับตัวเธอไว้ได้
      คุณนี่มันที่ส่วนบุคคลนะ และที่สำคัญแถวนี้ก็ไม่มีใครอยู่ซะด้วย
      เซกิอุ้มตัวเธอพาดบ่า และเดินกลับเข้าไปในบ้าน
       คุณนี่ฤทธิ์มากจริง ๆ เลยนะ
      เขาโยนตัวเธอลงบนเตียง
      คุณจะทำอะไรฉัน
      พราวนภาถามเขา เธอเริ่มกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธออีก
      ถ้าขืนคุณยังฤทธิ์มากอยู่อย่างนี้ ผมไม่รับประกันว่าจะห้ามใจตัวเองได้หรือเปล่า ผมชอบผู้หญิงที่ฤทธิ์มากซะด้วยซิ
      เซกิพูดขู่ เขาทำท่าขึ้นไปบนเตียง ทำให้พราวนภาต้องทำตัวอยู่นิ่ง ๆ ไม่กล้าออกฤทธิ์กับเขาอีก
      นี่ก็ดึกแล้ว ผมชักเริ่มง่วงนอนแล้ว นอนกันเถอะ
      เซกิหาว เขาเอามือปิดปากตัวเอง
      นี่คุณจะนอนที่นี่ !”
      ใช่ นอนบนเตียงนี่กับคุณ
      ไม่ได้นะ
      พราวนภาพูดเสียงแข็ง
      ทำไมผัว เมีย จะนอนเตียงเดียวกันไม่ได้ ที่ญี่ปุ่นผัวเมียเขายังนอนเตียงเดียวกันเลย หรือที่เมืองไทยมีกฎหมายห้ามผัวเมียนอนเตียงเดียวกัน
      เซกิรวบตัวเธอและล้มตัวลงนอน มือทั้งสองข้างกอดเธอไว้แน่น
      พราวนภาเริ่มมีอาการดิ้นรนขัดขืน
      ผมเตือนคุณแล้วนะ
      เซกิกระซิบข้างหู พราวนภากลัวว่าเขาทำอย่างที่เขาพูดจริง ๆ เธอจึงนอนเฉย ๆ ทั้งสองคนหลับไปจนถึงตอนเช้า
                      เสียงคลื่นจากทะเลสัดกระทบกับผืนทราย แสงแดดอ่อนส่องลอดผ้าม่านเข้ามาในห้อง   พราวนภาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น  เธอพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของเขา เธอนอนหันหน้ามาทางเขา ใบหน้าของเขาแทบจะติดกับหน้าของเธอ พราวนภานอนมองหน้าเขา เขากำลังหลับสบาย ใจเธอเริ่มสั่นไหวเธอไม่เคยได้ใกล้ชิดเขาขนาดนี้มาก่อน หลังจากวันนั้น เขาดูอ่อนโยน ไม่ร้ายกาจอย่างที่เธอคิด   เธอมองเขาอย่างพิจารณา จนกระทั่งเขาเริ่มขยับตัว เธอจึงแกล้งหลับตา เพื่อไม่ให้เขารู้ว่าเธอตื่นแล้ว
                      เซกิค่อย ๆ ขยับตัวเพราะกลัวว่าพราวนภาจะตื่น เขามองที่ใบหน้ามนสวยของเธอ             และค่อย ๆ ก้มลงหอมแก้มเธอเบา ๆ พราวนภารีบลืมตาเพื่อให้เขารู้ว่าเธอตื่นแล้ว เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอมากไปกว่านี้
      ตื่นแล้วเหรอคุณ ผมเห็นคุณหลับสบายเลยไม่อยากปลุก
      ฉวยโอกาส
      พราวนภาดุเขา
      เซกิมองหน้าเธอ และยิ้มที่มุมปาก
      คุณไปอาบน้ำได้แล้วผมจะพาคุณไปซื้อชุดเปลี่ยน และจะพาไปทานข้าว
      ไม่ฉันไม่อาบ และไม่ไปไหนทั้งนั้น  ฉันจะกลับบ้าน
      คุณจะไปอาบเองหรือจะให้ผมอาบให้
      เซกิทำท่าจะอุ้มเธอเข้าห้องน้ำจริง ๆ ทำให้พราวนภาต้องรีบลุกจากเตียงขึ้น
      ไม่ต้อง ฉันอาบเองได้
      พูดจบเธอรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
                      ไพลินขับรถมาหาเซกิที่โรงแรมตั้งแต่เช้า เธอได้ยินหวานใจและจินตนาซุบซิบกัน
      ดูซิคุณเซกิกับยัยพราวหายไปทั้งคู่เลย น่างสงสัยจริง ๆ
           จินตนาเริ่มพูดก่อน
      สงสัยว่าจะไปด้วยกัน ฉันสังเกตมาหลายเที่ยวแล้ว คุณเซกิกับยัยพราวต้องมีอะไรกันแน่ ๆ เลย       ดูซิมาวันแรกคุณเซกิก็เรียกพบแล้ว และยังวันนั้นอีกคุณเซกิให้ฉันไปบอกับยัยพราวให้รอรับลูกค้า และให้ฉันกลับไปก่อนทั้ง ๆ ที่ฉันต้องรับช่วงต่อจากยัยลิน  ไม่รู้ยัยพราวมีอะไรดีหนักหนา หน้าตา ก็งั้น ๆ ถ้าเทียบกับฉันความสวยยังไม่ได้ครึ่งของฉันเลย  ทำไมไม่เป็นฉันบ้างนะ 
       หวานใจพูดเสริมเพื่อน 
      หวานใจกับจินตนาก็เหลือบไปเห็นไพลินเข้า ทั้งสองคนหน้าเสีย
      คุณไพลินมานานแล้วเหรอคะ
      จินตนาพูดแก้เขิน
      คุณเซกิไม่อยู่เหรอ แล้วบอกไว้ไหรือเปล่าว่าจะไปไหน
      ไม่อยู่คะ หายไปกับพรา....อุ๊บ
      หวานใจไม่ทันได้พูดจบ จินตนารีบเอามือปิดปากเพื่อนไว้
      คุณเซกิหายไปกับใครคะ
      ไพลินถามเพื่อให้แน่ใจ
      หวานใจมองซ้าย มองขวา ก่อนจะกระซิบบอกกับไพลิน
      ถ้าหนูบอกแล้ว คุณไพลินอย่าบอกนะคะ ว่าหนูเป็นคนพูด ไม่งั้นหนูโดนไร่ออกแน่คะ
      ได้คะฉันจะไม่บอกพี่เซกิว่าฉันรู้มาจากใคร
      จินตนารีบแย่งหวานใจพูดเพื่อเอาหน้า
      ก็หายไปกับพราวนภาซิคะ ไม่มาทำงานทั้งคู่เลยคะ หนูว่ายัยพราวคงให้ท่าคุณเซกิแน่ ๆ เลยคะ
      ไพลินฟังทั้งสองคนพูดถึงเซกิและไพลิน ทำให้เธอยิ่งแน่ใจมากยิ่งขึ้นว่าเซกิและพราวนภาชอบกัน
      เธอขับรถออกจากโรงแรม และเริ่มคิดทบทวนเรื่องของเซกิและพราวนภาเพราะเธอก็แอบสังเกตสองคนนี้มานานแล้ว
                      ไพลินขับรถกลับมาที่บ้าน เธอกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง เธอเดินเข้ามานั่งในบ้าน 
      ท่านนายพลและคุณหญิงเดินเข้ามาพบลูกสาวกำลังนั่งเหม่อลอย จึงเดินเข้ามานั่งข้าง ๆ เธอ    คุณหญิงจินตนาเข้ามากอดลูกสาว และเอามือคลำตามตัวและหน้าผากเธอเบา ๆ
      ไพลินเป็นอะไรไปลูก ไม่สบายหรือเปล่า 
      คุณหญิงจินตนาถามลูกสาวด้วยความห่วงใย
      ไพลินจับมือแม่ และโอบกอดแม่ไว้
      หนูไม่เป็นอะไรหรอกคะ
      เธอหันหน้าไปหาท่านายพล
      พ่อคะหนูอยากไปเรียนต่อเมืองนอกค่ะ
      ท่านนายพลและคุณหญิงทั้งตกใจและแปลกใจที่ลูกสาวขอไปเรียนต่อเมืองนอก  ท่านนายพลมองหน้าลูกสาวเหมือนจะรู้ว่าเป็นเพราะอะไร
      หนูเป็นอะไรหรือเปล่าลูก เป็นเพราะเซกิหรือเปล่าลูกถึงอยากไปเรียนต่อเมืองนอก
      ไพลินนั่งเงียบซักพัก แล้วจึงตอบพ่อกับแม่
      พ่อคะพี่เซกิเขาไม่ได้รักหนูคะ เขารักคนอื่นคะ
      ไพลินพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอกอดคุณหญิงและร้องให้
      คุณหญิงกอดลูกสาวแน่น เพราะเธอรู้ว่าไพลินรักเซกิมาก
      โธ่ลูก แม่จะไปพูดกับเซกิเอง
      ไม่...ไม่ต้องหรอกคะแม่ หนูไม่อยากบังคับใจใครถ้าเขาไม่รักหนูจากใจของเขาเอง
      ไพลินห้ามคุณหญิง และเอามือปาดน้ำตามตัวเอง
      ถ้าลูกอยากจะไปจริง ๆ พ่อก็จะให้ไป พ่อเชื่อว่าลูกสาวของพ่อเป็นคนเก่ง ฉลาด   และที่สำคัญพ่อภูมิใจในตัวลูกมาก ไม่ว่าลูกจะตัดสินใจยังไงลูกตัดสินใจถูกต้องแล้ว
      ท่านนายพลกอดลูกสาวและลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู
      ไพลินกอดพ่อกับแม่ แม้เธอจะผิดหวังจากเซกิ แต่เธอก็ไม่เคยคิดจะไปยื้อแย่งเขา เธอรู้ดีว่าถ้าได้เขามาแต่ตัวแต่หัวใจเขาอยู่กับคนอื่นเธอคงเจ็บช้ำมากไปกว่านี้
                      เซกิพาพราวนภานั่งรถเข้าไปซื้อเสื้อผ้าในห้างที่อยู่ในตัวเมือง เขาพาเธอเข้าไปในร้านเสื้อผ้าสตรี พราวนภาเลือกชุดกระโปรงสีขาวมีผ้าลูกไม้ที่ชายกระโปรง พนักงานพาเธอเข้าไปรองเสื้อ เธอใส่ชุดนั้นไปนั่งทานอาหารกับเขา   
      คุณเป็นอะไร อาหารไม่อร่อยหรือไง
      เซกิเอ่ยถามเมื่อเห็นพราวนภาเขี่ยอาหารในจานไปมา
      เปล่าฉันไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่ฉันอยากกลับบ้าน
      คุณอยากกลับบ้านหรืออยากกลับไปหานายชานนท์กันแน่
      นี่คุณอย่ามาหาเรื่องฉันนะ
      หลังจากทานอาหารเสร็จเซกิขับรถไปเรื่อย ๆ บรรยากาศในรถเงียบสนิท พราวนภาไม่พูดอะไรกับเขา และเขาก็ไม่พูดอะไรกับเธอ เขาจอดรถที่ชายหาดแห่งหนึ่งและเปิดประตูจูงมือเธอลงจากรถ แต่พราวนภาสะบัดมือ
      ผมแค่จะพาคุณไปเดินเล่น เราจะไม่ทะเลาะกันสักวันไม่ได้หรือไง
      ไม่ฉันไม่มีทางญาติดีกับคุณ
      พราวนภาก้าวลงจากรถ เธอสะดุดเท้าตัวเอง ขณะที่กำลังจะล้มลงเซกิรับเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาสายตาประสานกันโดยบังเอิญ เซกิมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนและซาบซึ้ง พราวนภาเองก็เผลอมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้นเหมือนกัน
      คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
      เซกิถามด้วยความเป็นห่วง
      ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร
      พราวนภาเริ่มมีท่าทีที่อ่อนโยนต่อเขา ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวและบาดหมางในใจเริ่มลดลงไปพร้อมกับสายตาคู่นั้นของเขา
      เซกิจูมือเธอไปเดินเล่นที่ชายหาด พราวนภาก็ไม่ขัดขืนอะไรปล่อยให้เขาจูงมือเธอไปอย่างนั้น
      นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสองคนเข้าขอให้เซกิถ่ายรูปให้ เซกิจึงปล่อยมือจากพราวนภาเพื่อไปถ่ายรูป   ให้ทั้งคู่ เขาคุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นทำให้พราวนภาฟังไม่ออก เมื่อเขาเดินเข้ามาหาเธอ เธอจึงถามเขา
      คุณพูดอะไรกับเขา
      ไม่มีอะไรหรอก เขาเพียงแต่บอกว่าภรรยาของผมน่ารัก
      พราวนภามองหน้าเขาอย่างอาย ๆ
      ใครเป็นภรรยาคุณ
      เซกิมองหน้าเธอเขายิ้มกว้าง ก่อนที่จะจูงมือเธอเดินต่อไป
      ผมอยากจะหยุดทุกอย่างไว้อย่างนี้
      คุณคงจะทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เพราะเรามีความจริงที่ต้องยอมรับ
      เซกิหันมามองหน้าพราวนภา
      คุณมีคุณไพลินที่กำลังรอคุณอยู่เธอรักคุณ และอีกอย่างเรื่องของเรามันเกิดมาจากความบังเอิญ
      คุณไม่รู้สึกอะไรกับผมบ้างเลยหรือ
      ฉันจะรู้สึกอย่างนั้นกับคุณได้ยังไง เราไม่เคยมีใจให้กันด้วยซ้ำ
      คุณรักนายชานนท์นั่นไช่ไหม
      พราวนภายืนนิ่ง เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ก่อนที่จะพูดออกมา
      ใช่...ฉันรักพี่ชานนท์  คุณพาฉันกลับได้แล้ว
      เซกิพูดไม่ออกกับคำพูดของพราวนภา เขามองหน้าเธอดวงตาคู่นั้นของเขาแปลเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง เขาพาเธอขับรถกลับทันที ตลอดทางเขาไม่พูดอะไรกับเธอ พราวนภาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขาเธอ 
      คุณพาฉันไปส่งที่บ้านสวนได้ไหม
      เซกิหันมามองหน้าเธอ เขาพยักหน้าแต่เขาก็ไม่พูดอะไร
      เซกิขับรถมาส่งพราวนภาที่บ้านสวน เมื่อเธอลงจากรถเขาก็ขับรถออกไปทันที
      พราวนภาเดินเข้าบ้าน น้ำตาเริ่มไหลรินโดยที่เอไม่รู้ตัว
      ทำไมฉันจะต้องร้องไห้ด้วย เขาไม่มีความสำคัญอะไรสักหน่อย ทำไมในใจมันถึงเจ็บปวดได้ขนาดนี้
      พราวนภาทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะหินในซุ้มกระดังงา ตอนนี้ในใจเธอเริ่มสับสน
       
      คุณหนูมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ คุณหนูมารถอะไรไม่เห็นรถของคุณหนูเลย
      ลุงตากเดินเข้ามาเห็นพราวนภาพอดี 
      พราวนภารีบเช็ดน้ำตาก่อนจะหันมาตอบลุงตาก
      เพื่อนขับรถมาส่งนะลุง ฉันขอขึ้นไปพักก่อนนะรู้สึกปวดหัวนะ
      เป็นอะไรมากไหมครับ ไปหาหมอที่อนามัยดีไหม
      ไม่ต้องหรอกคะลุง นอนพักเดี๋ยวคงหาย
               คืนนี้พระจันทร์สวยมาก แสงจันทร์สาดส่องมาที่ใบหน้านวลของพราวนภา เธอนั่งอยู่ที่ระเบียงบ้าน คิดถึงภาพของเซกิตอนที่เขามาที่บ้านสวน เขาอ่อนโยนกับเธอมาก และอดคิดถึงคำพูดที่พูดกับเขาไปวันนี้  หัวใจของเธอเริ่มสั่นไหวเมื่อคิดถึงเขา แต่อีกใจก็เริ่มเจ็บแปลบเพราะเขามีคนรักอยู่แล้ว
                      เซกิขับรถกลับมาถึงกรุงเทพฯ เขาแวะดื่มเหล้าที่ขลับแห่งหนึ่ง คำพูดของพราวนภาวนเวียนอยู่ในความคิด   
      ใช่...ฉันรักพี่ชานนท์
      เซกิดื่มไปสามแก้วรู้สึกมึนศรีษะ จึงขับรถออกจากขลับ เขาขับรถไปจอดที่ใต้สะพานซึ่งเป็น         ลานกว้าง ติดกัยแม่น้ำ เช่นกันกับพราวนภาเขาอดคิดถึงภาพเธอตั้งแต่พบเธอครั้งแรกจนถึงวันนี้ วันที่พราวนภาบอกกับเขาว่าเธอรักชานนท์ มันทำให้เขายิ่งเจ็บปวด เซกิเอามือกุมศรีษะตัวเองเอาไว้ สำหรับเขาแล้วเขารู้ใจตัวเองดีว่าเขารักพราวนภา ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เขาได้รู้จักเธอจะเกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ  แต่เมื่อเขามาเจอเธออีกครั้งและได้มาอยู่ใกล้ชิดเธอมันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญ           เซกินั่งอยู่บนรถพักใหญ่ จากนั้นจึงขับรถกลับบ้าน
                     ชายแดนมาดักรอสายป่านที่หน้าบ้านตั้งแต่เช้า ขอรอเธอจนเธอเดินออกมา สายป่านเห็นชายแดนแต่เธอกลับทำเหมือนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา เธอเดินจากซอยหน้าบ้านไปขึ้นรถเพื่อไปทำงานตามปกติ โดยไม่สนใจว่าชายแดนจะขับรถตาม
      ป่านให้ผมไปส่งนะ
      ชายแดนตะโกนตามเธอระหว่างที่ขับรถตามเธออยู่
      สายป่านไม่ตอบอะไร เธอเดินต่อไป ชายแดนก็ยังคงขับรถตามเธอต่อไป
      ระหว่างที่สายป่านเดินมาจนสุดซอยซึ่งเป็นทางแยกเล็ก ๆ เธอไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีมอเตอร์ไซขับมาอย่างเร็ว มอเตอร์ไซคันนั้นเฉี่ยวเธอล้มลง
      โอ๊ย....โอย....
      สายป่านร้องด้วยความเจ็บ
      ชายแดนเห็นสายป่านล้มลง เขาตกใจมากรีบลงจากรถไปดูเธอทันที
      ป่านคุณเป็นยังไงบ้าง
      ชายแดนสำรวจร่างกายของสายป่าน แต่สายป่านก็ยังคงร้องด้วยความเจ็บ เขาจึงอุ้มเธอขึ้นรถไปโรงพยาบาล เขาอุ้มเธอลงจากรถเมื่อถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่รีบนำเปลมารับและรีบนำสายป่านเข้าห้องฉุกเฉิน
                      ชายแดนรีบโทรศัพท์ไปบอกแทนคุณและพราวนภาว่าสายป่านเกิดอุบัติเหตุ ทั้งสองจึงรีบมาที่โรงพยาบาลและพบว่าชายแดนนั่งรออยู่ที่ห้องฉุกเฉิน
      แดน ป่านเป็นยังไงบ้าง
      แทนคุณถามชายแดนทันทีที่มาถึง 
      ชายแดนทำไมแกไม่ดูแลป่านให้ดี ถ้าป่านเป็นอะไรไปฉันจะไม่ยกโทษให้แกเลย
      พราวนภาต่อว่าชายแดน เธอเป็นห่วงสายป่านมาก 
      คุณหมออกมาจากห้องฉุกเฉินทุกคนรีบเข้าไปหาและถามอาการของสายป่าน
      คุณเป็นสามีของเธอใช่ไหม
      คุณหมอถามชายแดน เพราะเห็นเขาเป็นคนพาเธอมาโรงพยาบาล
      ใช่ครับ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ
      ตอนนี้ชายแดนตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะเขารู้ว่าเขาจะไม่ยอมเสียสายป่านและลูกไป
      ปลอดภัยทั้งแม่และเด็กครับ
      ขอบคุณมากครับคุณหมอ
      ชายแดนขอบคุณ คุณหมอเขาดีใจมากที่สายป่านและลูกไม่เป็นอะไร
                      สายป่านนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เธอรู้สึกตัวและเห็นชายแดนนอนฝุบอยู่ที่ข้างเตียงเขาจับมือเธอไว้ตลอดเวลา สายป่านรูสึกระหายน้ำจึงขอน้ำดื่ม
      หิวน้ำ...ฉันหิวน้ำ
      ชายแดนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงของสายป่าน เขารีบเอาแก้วรินน้ำให้และประคองตัวเธอให้ดื่มน้ำ
      คุณเป็นยังไงบ้าง ผมเป็นห่วงคุณมากนะ ถ้าผมต้องเสียคุณและลูกไปผมคงไม่ยอมให้อภัยตัวเอง
      สายป่านมองหน้าชายแดน ไม่คิดว่าเขาจะเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้
                      พราวนภาและแทนคุณเข้ามาเยี่ยมสายป่าน และพบว่าชายแดนดูแลสายป่านเป็นอย่างดี
      ป่านเป็นยังไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกมากนะ
      พราวนภารีบเดินเข้าไปจับมือสายป่านเมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้ว
      ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบใจมากนะพราวที่เป็นห่วง
      สายป่านเหลือบไปมองหน้าแทนคุณ เธอกำลังรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรกับเธอและอยากจะรู้ว่าเขายังโกรธเธออยู่หรือเปล่า
      ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนะคะป่าน พี่ดีใจที่ป่านปลอดภัยและดีใจที่หลานของพี่ปลอดภัยด้วย
      แทนคุณยังคงอ่อนโยนต่อเธอ คำพูดของเขาทำให้สายป่านถึงกับรองไห้ เธอดีใจที่เขาให้อภัยเธอ
      ป่านควรเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะทีนะ ทำอะไรก็นึกถึงลูกเอาไว้มาก ๆ พี่มั่นใจว่าชายแดนจะดูแลสายป่านเป็นอย่างดี
      ใช่แล้วป่านพี่แทนพูดถูกแล้ว แกควรเริ่มต้นชีวิตใหม่ซะที เมื่อพายุฝนผ่านไปแล้ว ท้องฟ้าก็เริ่มสดใสแล้วนะป่าน นายแดนมันเฝ้าแกตลอดเลยนะ มันไม่ยอมกลับบ้านเลย  มันเป็นห่วงแกมากนะ
      สายป่านมองพราวนภาและแทนคุณ ก่อนที่จะหันไปมองชายแดน
      ผมสัญญาผมจะไม่ทำให้คุณต้องเสียใจ ผมจะดูแลคุณและลูกเองนะป่าน
      ชายแดนจับมือสายป่านไว้แน่น เหมือนประหนึ่งว่านี่คือสัญญาที่เขาจะรักษามันไว้เท่าชีวิตของเขา
      สายป่านยิ้มให้ชายแดนทั้งน้ำตา เธอพยักหน้าตอบรับในคำพูดของชายแดน
                     สายป่านเข้ามาที่โรงแรมพร้อมกับชายแดน เธอใส่ชุดคลุมท้องโดยที่ไม่ต้องปิดบังใครอีกต่อไป
      จินตนาและหวานยืนอยู่ตรงนั้นพอดีใจ ทั้งสองคนมองสายป่านด้วยสายตาที่สงสัยว่าทำไมสายป่านใส่ชุดคลุมท้อง และมากับชายแดน
      อ้าว   ยัยป่านแกหายดีแล้วหรือ
      หวานใจเอ่ยปากถามก่อน
      แกท้องจริงหรือป่าน อย่าบอกนะว่าพ่อของลูกแกเป็น...
      จินจตาพูดและชี้มือไปทางชายแดน
      ชายแดนเอามือโอบสายไหล่ป่านไว้ ก่อนจะพูดทำนองแดกดันทั้งสองคน 
      ใช่ครับ ลูกผมเอง และผมพาสายป่านมาลาออกจากงานครับ ผมจะให้เธอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร
      คำพูดของชายแดนทำให้จินตนาและหวานใจสะบัดหน้า และเดินจากไป
      พราวนภาและชานนท์เดินสวนกับจินตนาและสายใจออกมาพบสายป่านกับชายแดนเธอจึงทักทายเพื่อนด้วยความดีใจ
      ป่าน...ฉันดีใจจริง ๆ ที่แกมา เจ้าตัวน้อยเป็นยังไงบ้าง
      พราวนภาเอามือลูบท้องของสายป่าน
      หมอบอกว่าเขาแข็งแรงดี
      พี่ก็ดีใจที่เห็นป่านดูมีความสุข แล้วป่านมาทำอะไรหรือครับ
      ชานนท์พูดกับสายป่าน ด้วยใบหน้าที่จริงใจ
      ขอบคุณคะพี่ชานนท์  ชายแดนเขาให้ป่านมาลาออกจากงานคะ เขาเป็นห่วงป่านและลูกอยากให้ไปอยู่บ้าน เป็นแม่บ้านนะคะ
      ดีแล้วป่าน แกยิ่งอ่อนแออยู่ นายแดนแกดูแลสายป่านดีดีนะ ถ้าแกทำให้ป่านเสียใจฉันเอาแกตายแน่
      พราวนภาพูดแหย่ชายแดน 
      พราวคุณเซกิอยู่หรือเปล่า ฉันจะยื่นใบลาออกนะ
      ไม่อยู่หรอกฉันไม่เห็นเขาสองสามแล้ว
      งั้นฉันฝากแกยื่นใบลาออกให้ฉันหน่อยนะ
      ได้ ถ้าเขาเข้ามาฉันจะเอาให้เขาเอง
      พราวนภารับซองที่ใส่เอกสารขอลาออกจากสายป่าน
      ฉันกลับก่อนนะพราว ถ้าแกว่างแกไปหาฉันบ้างนะ
      อืม รักษาตัวดี ๆ นะ ถ้าฉันว่างฉันจะไปหาแกป่าน
      ชายแดนเดินโอบไหล่สายป่านพาเธอออกจากโรงแรมไป ชานนท์มองหันไปหน้าพราวนภา
      สายป่านดูมีความสุขนะ แล้วพราวหละเมือไหร่จะมีความสุขซะที
      พราวก็มีความสุขดีนี่คะ
      แต่สีหน้าพราวมันแสดงออกว่าพราวไม่มีความสุขนะ พี่ไม่เคยเห็นพราวยิ้มเลย
      พราวนภาฝืนยิ้มให้ชานนท์
      นี่ไงคะพราวก็ยิ้มอยู่
                     ในขณะที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่นั้น เซกิเดินเขามาเห็นเข้าพอดี เขามองหน้าพราวนภาและรีบเดินขึ้นห้องทำงานไป
      คุณเซกิเขาเป็นอะไรก็ไม่รู้นะพราว ดูหน้าตาไม่ค่อยดีเลย
      ไม่รู้เขาซิคะ อย่าไปสนใจเลยคะ
      ชานนท์สังเกตแววตาของพราวนภาไม่ตรงกับที่ปากเธอพูด เธอสนใจเซกิเขารู้ดี
      พราวใบลาออกของป่าน
      ชานนท์ทักเมื่อเห็นซองในมือของพราวนภา
      อุ้ย พราวลืมไปคะ งั้นเดี๋ยวพราวเอาไปให้คุณเซกิก่อนนะคะ
      พูดจบพราวนภาก็เดินขึ้นไปที่ห้องทำงานของเซกิ เธอเคาะประตูก่อนเข้าห้อง
      เซกิได้ยินเสียงเคาะประตูจึงเอ่ยเชื้อเชิญ
      เชิญ
      พราวนภาเข้าไปในห้อง เธอเห็นเซกิกำลังยืนหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
      ฉันเอาใบลาออกของสายป่านมาให้คุณ เธอเข้ามาแล้วไม่พบคุณ เลยฝากฉันให้เอามาให้คุณด้วย
      เซกิหันกลับมามองทันทีเมื่อรู้ว่าเสียงนั้นคือเสียงของพราวนภา เขาเดินเข้ามาหาเธอและรับซองที่เธอยื่นให้ เขาค่อย ๆ เปิดซอง และอ่านจดหมายที่อยู่ในซอง
      เพื่อนคุณลาออก ไปเป็นแม่บ้าน แล้วคุณหละไม่ไปเป็นแม่บ้านบ้างเหรอ
      ก็คงอีกไม่นานหรอกคะ ฉันก็คงจะลาออกเพราะเหตุผลเดียวกับสายป่าน
      เซกิกำจดหมายที่อยู่ในมือด้วยความโกรธ เมื่อได้ยินคำพูดของสายป่าน
      คุณไม่กลัวเขาจะรู้ที่คุณมีอะไรกับผมหรือไง
      พี่ชานนท์เขาเป็นสุภาพบุรุษ ฉันว่าเขาคงเข้าใจ
       “ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะเป็นสุภาพบุรุษซักแค่ไหน ถ้ารู้ว่าต้องรับของที่ใช้แล้วจากผม
      คำพูดของพราวนภายิ่งเพิ่มความโกรธให้เซกิเขารั้งตัวเธอเข้ามารวบไว้ในอ้อมแขนและก้มลงจูบเธอ
      บังเอิญที่ไพลินเปิดประตูเข้ามาเห็นทั้งสองคนเข้าโดยบังเอิญ
      พี่เซกิ.....
      เซกิตกใจที่ไพลินเข้ามาเห็นเขากับพราวนภาเข้า เขารีบหยุดการกระทำของเขาและปล่อยพราวนภาทันที
      พราวนภามองหน้าไพลิน เธอรู้สึกอับอายที่ไพลินเข้ามาเห็น เธอจึงวิ่งออกจากห้องไป
      เซกิมองหน้าไพลิน และรู้ดีว่าเธอเห็นทุกอย่าง เขาจึงฝืนทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
      ลินมาหาพี่ทำไมครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า
      ลินจะมาบอกพี่เซกิว่าลินจะไปเรียนต่อที่อเมริกาคะ
      เซกิมองหน้าไพลินอย่างไม่เข้าใจ และแปลกใจที่เธอจะไปเรียนต่อ
      ลินจะไปเมื่อไหร่ครับ
      ลินจะไปสิ้นเดือนนี้คะ คุณพ่อเตรียมหนังสือเดินทางและเอกสารให้รินเรียบร้อยแล้วคะลินเลยอยากมาบอกลาพี่เซกิก่อนจะเดินทาง
      ทำไมลินไปกระทันหันจังครับ มีอะรไหรือเปล่า
      ไม่มีอะไรหรอกคะ เดี๋ยวลินจะกลับเลยนะคะ ลินฝากกราบคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะ และฝากขอโทษที่ลินไม่ได้ไปกราบท่านด้วยตัวเอง
      ไพลินมองหน้าเซกิน้ำตาคลอ ก่อนที่จะเดินออกไป แต่เธอก็พยามยามกลั้นมันไว้ไม่ให้มัน           ไหลออกมา เธอหันกลับมาพูดกับเขาอีกครั้ง
      พี่เซกิคะทำตามหัวใจตัวเองเถอะคะ ความรักมันไม่ได้เกิดกับใครง่าย ๆนะคะ พี่จงเก็บรักษามันไว้ให้ดีนะ คุณพราวเธอเป็นคนน่ารัก ลินคิดว่าพี่คงจะเอาชนะใจเธอได้ไม่ยากหรอกคะ ลินจะเป็นกำลังใจให้พี่ชายที่แสนดีของลินคนนี้ตลอดไปคะ
      ไพลินยิ้มให้เซกิก่อนเดินจากไป 
      เซกิยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของไพลิน เขารู้สึกโล่งใจที่ไพลินเข้าใจ แต่อีกใจก็อดคิดว่าพราวนภารักชานนท์ไม่ได้
      คงไม่มีประโยชน์หรอกลิน เขามีคนที่เขารักอยู่แล้ว
                      พราวนภาแอบมานั่งร้องไห้อยู่ตามลำพัง ชานนท์เดินผ่านมาพบเธอเข้าเขาจึงเดินเข้าไปหาเธอ
      พราว พราวเป็นอะไรหรือเปล่า
      พราวนภาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของชานนท์ เธอรีบเอามือเช็ดน้ำตา
      เปล่าคะ พราวไม่ได้เป็นอะไร
      พราวนภาเงยหน้าขึ้นมามองชานนท์
      พราวร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรพราว
      ชานนท์เห็นใบหน้าที่มีรอยคลาบน้ำตาของพราวนภา เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วงและอยากรู้ว่า   เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
      พราวนภากลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอปล่อยโฮออกมาและเข้าไปกอดชานนท์ไว้ ชานนท์จึงใช้มือโอบกอดเธอไว้เช่นกันเขาพยายามพูดปลอบใจเธอ
      เพราะคุณเซกิหรือเปล่าครับที่ทำให้พราวเปลี่ยนเป็นอีกคนได้ขนาดนี้ พราวของพี่เคยเป็นคนที่สดใส แต่ตอนนี้พี่ไม่เคยเห็นใบหน้าที่สดใสของพราวอีกเลยตั้งแต่เขาเข้ามา
      พราวนภายิ่งร้องไห้มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของชานนท์
      ร้องเถอะพราว ถ้ามันจะทำให้พราวสบายใจมากขึ้น
      ชานนท์ใช้มือลูบศรีษะของพราวนภาด้วยความอ่อนโยน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าพราวนภารักใครและคนคนนั้นก็ไม่ใช่เขา
                     พราวนภาไม่มาทำงานหลายวัน จนทำให้เซกิสงสัยว่าเธอหายไปไหน เขาจึงตัดสินใจเข้าไปถามชานนท์
      คุณชานนท์ พราวนภาเป็นอะไรทำไมถึงไม่มาทำงาน
      ผมไม่ทราบครับ
      เสียงขอชานนท์เฉยเมย เขาไม่ยอมมองหน้าเซกิแม้แต่น้อย
      คุณไม่รู้แล้วใครจะรู้ ก็คุณเป็นแฟนเธอนี่ อ้อหรือว่าหยุดเพื่อวางแผนแต่งงาน
      ชานนท์มองหน้าเซกิด้วยความโกรธเขากำมือแน่น
      ถ้าพราวรักผมและอยากแต่งงานกับผม ผมคงจะดีใจมากเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารัก แต่เธอไม่ได้รักผม
      ก็คุณกับเธอรักกัน และกำลังจะแต่งงานกันไม่ใช่หรือไง
      ผมไม่รู้ว่าคุณแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริง ๆ แต่ผมจะบอกให้เอาบุญนะว่าเธอไม่ได้รักผมและจะไม่แต่งงานกับผมด้วย
      ถ้าเธอไม่รักคุณแล้วเธอรักใคร
      คุณเซกิผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับพราว แต่ถ้าคุณมองพราวด้วยหัวใจของคุณ คุณจะรู้ว่า      เธอรักใคร
      เซกิมองหน้าชานนท์ด้วยสายตารู้สึกสำนึกผิดและขอโทษ
      ผมอยากรู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน คุณช่วยบอกผมที
      ที่ที่เธออยู่แล้วสบายใจ และเป็นที่ที่เธอชอบไปเวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจ ผมบอกคุณได้แค่นี้
      เซกิยืนนึกอยู่นานก่อนจะคิดออกว่าเป็นที่ไหน
      ขอบคุณมากนะคุณชานนท์ ขอบคุณมาก
       
      เขารีบวิ่งไปที่ลานจอดรถด้วยความดีใจ เขารู้ดีว่าที่ที่เดียวเธอจะไปก็คือบ้านสวน แม้ตลอดทางฝนจะตกเขาก็ตั้งใจขับโดยไม่หยุดจอดพักที่ไหน  ตอนนี้ใจของเขาไปถึงบ้านสวนก่อนที่รถจะถึงเสียอีก
                      เมื่อรถของเซกิจอดนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านสวน เขาไม่รอช้าที่จะเข้าไปในบ้านแต่ประตูหน้าบ้านปิดสนิทอยู่ เซกิมองหาพราวนาภรอดไปที่ช่องอขงประตู 
      คุณมาหาใครครับ
      ลุงตากกำลังกวาดใบไม้อยู่แถวนั้นเห็นเซกิมาด่อม ๆ มอง ๆ อยู่ที่หน้าประตูบ้าน จึงเดินเข้าไปถาม แต่ก็ยังไม่ยอมเปิดประตูให้เพราะกลัวว่าจะเป็นคนร้าย
      พราวนภา อยู่ไหมครับ ผมเป็นเพื่อนของพราวนภาครับ
      ลุงตากมองหน้าเซกิอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจเปิดประตูให้
      คุณหนูนั่งอยู่ที่เรือนท่าน้ำหลังบ้านครับ มาเดี๋ยวลุงพาไป
      ลุงตากทำท่าจะวางไม้กวาดที่ถืออยู่
      ไม่ต้องหรอกครับ ผมไปเองได้ ผมเคยมาครั้งหนึ่งแล้ว
      เอ..แต่ทำไมลุงไม่เคยเห็นคุณเลย
      ลุงตากทำหน้าสงสัย
      อ้อ วันนั้นลุงไม่อยู่บ้านรู้สึกว่าลุงจะไปงานศพบ้านญาตินะครับ
      ถึงว่าซิ ลุงถึงไม่เคยเห็นหน้าคุณ
      เซกิยิ้มและโค้งให้ลุงตากตามธรรมเนียมคนญี่ปุ่น ก่อนจะเดินไปที่เรือนท่าน้ำ
                     พราวนภานั่งเหม่อลอยอยู่ที่เรือนท่าน้ำ เธอนั่งเอาเท้าทั้งสองข้างแกว่งในน้ำไปมา 
      เซกิเห็นเธอเขาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้เธอโดยที่เธอไม่รู้ตัวพราวนภาทำท่าลุกขึ้นยืนและหันกลับมาเห็นเขาพอดี  เธอมองหน้าเขาอยู่นานก่อนก่อนจะพูดกับเขา
      คุณมาทำไมที่นี่
      ผมมาหาคุณ
      คุณจะมาหาฉันทำไม เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก
      แต่ผมมีเรื่องที่จะพูดกับคุณให้เข้าใจ
      ไม่จำเป็นคุณก็ไปตามทางของคุณ ฉันก็ไปตามทางของฉัน เราไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกัน
      แต่ผม....อยากบอกคุณว่าผม...รักคุณนะ
      พราวนภามองหน้าเซกิ เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมา แต่ด้วยทิฐิในใจของเธอเธอแสดงท่าทางไม่สนใจคำพูดเขา
      แต่ฉันไม่ได้รักคุณ ฉันออกจะเกลียดคุณด้วยซ้ำไป เรื่องของเรามันเกิดขึ้นโดยความไม่ตั้งใจ         มันไม่ได้เกิดมาจากความรักตั้งแต่แรกแล้ว และฉันจะบอกกับคุณไว้อย่างนะ ฉันไม่แคร์กับเรื่อง    คืนนั้นแค่คืนเดียว
      เซกิมองหน้าพราวนภาอย่างผิดหวังที่ได้ยินเธอพูดเหมือนไม่มีเยื่อใย
      เรื่องของเรามันไม่ทำให้คุณรู้สึกดี ๆ กับผมสักนิดบ้างเลยหรือ
      ฉันไม่เคยรู้สึกอะไรเลย แต่กลับเกลียดคุณมากขึ้นทุกทีที่อยู่ใกล้คุณ ฉันไม่มีวันจะรักคุณเพราะฉันเกลียดคุณ คุณได้ยินไหมว่าฉันเกลียดคุณ
      เซกิมองหน้าพราวหน้า ดวงตาของเขาดูเศร้า เจ็บปวด และผิดหวัง เขาเดินหันหลังเดินกลับไปที่รถโดยที่ไม่พูดอะไรกับเธอแม้แต่คำเดียว
      พราวนภามองเขาเดินจากไปจนสุดสายตา เธอนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น สิ่งที่เธอพูดออกไปนอกจากจะทำให้เขาเจ็บปวดแล้ว เธอก็เจ็บปวดไม่น้อยไปว่าเขาเช่นกัน
                     พราวนภากลับจากบ้านสวน เธอมาทำงานตามปกติ แต่สิ่งที่แปลกไปคือเธอไม่เห็นเซกิมาทำงานหลายวันแล้ว เธอได้แต่สงสัยและแอบเป็นห่วงเขาอยู่ในใจ
      พราวพี่มีเรื่องจะคุยกับพราวหน่อย
      ชานนท์สังเกตเห็นสีหน้าของพราวนภาแสดงถึงความไม่สบายใจ อยู่หลายวันแล้ว เขาเดินเข้ามาหาเธอและตั้งใจจะพูดกับพราวนภาบางอย่างให้เธอเข้าใจ
      ได้ซิคะ พี่ชานนท์มีอะไรคะ
      ชานนท์พาพราวนภาไปนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้บริเวณทางเข้าของโรงแรม
      วันนั้นคุณเซกิเขาเข้ามาถามพี่ว่าพราวหายไปไหนไม่มาทำงานหลายวัน
      พี่ชานนท์บอกเขาหรือคะว่าพราวอยู่ที่ไหน
      เปล่าพี่ไม่ได้บอกเขา ว่าพราวอยู่ที่ไหน  เขาไปหาพราวหรือเปล่า
      ไปคะ เขาไปหาพราวที่บ้านสวน
      เขาดูเป็นห่วงพราวมากนะ
      เขาไม่ห่วงพราวหรอกคะ เขาห่วงคุณไพลินมากกว่า ก็เขาเป็นแฟนกันนี่คะ
      พราวไม่รู้อะไรเลยหรือ คุณไพลินเขาไปเรียนต่อเมืองนอกแล้วนะ และพราวรู้หรือเปล่าว่าคุณเซกิบินกลับไปญี่ปุ่นแล้ว เห็นว่าจะไปช่วยงานที่ญี่ปุ่นไม่มีกำหนดกลับ
      พราวนภาตกใจที่รู้ว่าไพลินไปเรียนต่อเมืองนอก เธอรู้สึกเจ็บลงไปในใจที่รู้ว่าเซกิไปญี่ปุ่น เธออาจจะไม่ได้พบกับเขาอีก น้ำตาแห่งความเจ็บปวดเริ่มไหลรินอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าเขาไปเพราะเธอ
      ชานนท์เอื้อมมือไปจับไหล่เธอเบา ๆ 
      พราว พราวอย่าโกหกหัวใจตัวเองเลยนะ ถ้าพราวไม่เปิดใจพราวก็จะตามหาหัวใจตัวเองไม่เจอ และคนที่ไม่มีหัวใจก็เหมือนคนที่ตายไปแล้วนะพราว พี่ไม่อยากเห็นพราวเป็นแบบนี้
      พี่ชานนท์คะ พราวคงไม่มีโอกาสที่เจอเขาอีกแล้ว เขาคงไม่กลับมาอีกแล้ว
      ชานนท์โอบกอดพราวนภาด้วยความอาทร ถึงแม้เขาจะเจ็บปวดที่เธอไม่ได้รักเขา แต่เขาก็ดีใจที่เธอยอมรับความจริงในหัวใจตัวเองซะที
       
       
               คุณพาดานั่งอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นที่จัดไว้ที่สนามหญ้าในบ้าน เธอกำลังคิดถึงลูกชายที่บินกลับไปญี่ปุ่นอย่างไม่มีกำหนดกลับ เธอรู้ดีว่าเป็นเพราะพราวนภาที่ทำให้ลูกชายเธอตัดสินใจเช่นนั้น
      อ้าวคุณมานั่งเหม่ออะไรไอยู่ตรงนี้
      คุณทาเคชิเดินเข้ามาทักภรรยา ทันทีที่เขากลับจากทำงาน
      คิดถึงลูกชายคนโปรดละซิ
      ใช่ฉันคิดถึงลูก คุณไม่นาให้ลูกไปเลย
      คุณ ลูกตัดสินใจแล้วนะ  ถ้าคุณคิดถึงลูกมากก็บินไปหาซิ
      เพราะพราวนภาคนเดียวที่ทำให้หนูไพลินไปเรียนต่อเมืองนอก และทำให้ลูกเราเป็นอย่างนี้
      คุณทาเคชินั่งลงข้าง ๆ ภรรยา เขาเอามือกุมมือของคุณพาดาไว้
      คุณ ความรักมันบังคับไม่ได้หรอกนะ คุณก็รู้ ดูผมกับคุณซิพ่อกับแม่คุณไม่ยอมรับผมเพราะผมเป็นคนต่างชาติแถมยังไม่มีอะไร แล้วทำไมคุณถึงเลือกผม
      คุณพาดานั่งเงียบ เธอเริ่มคิดได้
      แต่ลูกของเรา...
      คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะ เซกิโตแล้ว และในที่สุดเขาจะรู้ใจตัวเองว่าเขาควรจะทำยังไงต่อไป
      คุณทาเคชิพูดปลอบภรรยา
      คุณพาดาพยักหน้าให้คุณทาเคชิ เธอเริ่มหายกังวลใจเรื่องลูกหลังจากที่ได้ฟังคุณทาเคชิพูด
                     สองเดือนกว่าแล้วที่พราวนภาไม่ได้ข่าวของเซกิเลย เธอเริ่มรู้ว่าหัวใจของเธอต้องการอะไร หัวใจของเธอเรียกร้องอยากจะเจอเขา เธอมีอะไรที่จะพูดกับเขาอีกตั้งหลายอย่าง
      คุณคงจะไม่กลับมาแล้วใช่ไหม
      เธอแหงนหน้ามองบนฟ้าเห็นเครื่องบินที่ค่อย ๆ บินผ่านตาไป เธออดที่จะคิดไม่ได้ว่าเขาอาจะกลับมากับเครื่องบินลำนี้
      พราว..แกแอบมานั่งที่เรือนท่าน้ำอีกแล้ว
      พราวนภาหันมองตามเสียงของสายป่าน
      ป่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่ได้ยินเสียงรถเลย
      แกจะไปได้ยินได้ยังไงก็แกนั่งเหม่อขนาดนี้
      แล้วชายแดนหละ
      พรางนภากวาดตาหา
      นั่งคุยกับลุงตากอยู่นะ เดี๋ยวก็คงเดินตามมา
      ท้องแกโตขึ้นเยอะเลยนะป่าน
      พราวนภาเดินเข้ามาพยุงเพื่อน และเอามือลูบท้องเธอเบา ๆ
      พักนี้แกเป็นอะไรไปพราว พี่ชานนท์โทรไปบอกให้ฉันมาดูแก เขาบอกว่าแกกำลังแย่
       
      เปล่านี่ฉันไม่ได้เป็นอะไร ฉันก็สบายดี
      พราวนภาปฏิเสธเพื่อน เพราะกลัวว่าสายป่านจะไม่สบายใจไปด้วย
      พราวแกอย่าโกหกฉันเลย แกอย่าลืมซิฉันเป็นเพื่อนแกนะ ฉันรู้ดีว่าแกรู้สึกยังไง
      พราวนภายืนมองหน้าสายป่าน น้ำตาของเธอเริ่มคลอ
      ป่านมันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วหละ เขาไม่กลับมาแล้ว
      เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
      ฉันดีใจนะพราวที่แกไม่โกหกตัวเองอีกแล้ว แกรู้ใจตัวเองแล้วพราว
      พราวนภาร้องไห้กอดสายป่านแน่น 
      สายป่านก็กอดเธอไว้เช่นกัน
      อ้าวสองสาวมาอยู่ที่นี่เอง
      ชายแดนเดินเข้ามาพอดี เขายืนรอรับสายป่านกลับบ้าน
      ฉันกลับก่อนนะพราว แล้วฉันจะมาหาอีกนะ
      พราวนภาพยักหน้ารับ
      ชายแดนเดินเข้ามาพยุงสายป่านเดินกลับไปที่รถ
                     สายป่านและชายเดินกลับไปแล้ว แต่พราวนภาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เรือนท่าน้ำ
      คุณหนูครับมีเพื่อนมาหาครับ
      เสียงลุงตากตะโกนบอก พราวนภาจึงหันหน้ามามองว่าเป็นใคร
      ชายหนุ่มเดินพ้นพุ่มไม้มา ทันทีที่เธอเห็นหน้าเขา พราวนภาเหมือนถูกสะกดน้ำตาเริ่มไหลริน        ไม่ขาดสาย เธอสะอึกสะอื้นยิ้มไปร้องไห้ไป
      คุณ...คุณกลับมาจริง ๆ
      เซกิเดินเข้าไปหาเธอ เขากอดเธอไว้แน่น 
      ผมลืมหัวใจของผมเอาไว้ที่นี่ และผมก็จะมาตามหัวใจผมคืน
      พราวนภาค่อย ๆ ยกมือทั้งสองข้างโอบกอดเขาไว้เช่นกัน
      ฉันดีใจที่คุณกลับมา ฉันอยากจะพูดในสิ่งที่ใจฉันอยากจะบอกกับคุณ ฉัน...ฉัน...รักคุณ
      เซกิยิ้ม เขาดีใจที่ได้ยินคำคำนี้จากปากของพราวนภา
      คุณรู้ไหมตลอดเวลาที่ผมจากคุณไป ผมเหมือนคนที่ตายไปแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจอยากจะทำอะไร คุณคือทุกอย่างของผม ผมจึงตัดสินใจกลับมา
      ฉันก็เหมือนกัน ฉันคิดถึงคุณมาก มากเหลือเกิน ฉันไม่เคยคิดว่าจะคิดถึงคุณมากได้ขนาดนี้        ฉันกลัวว่าคุณจะไม่กลับมาอีก
      ผมจะไม่กลับมาได้ยังไง ก็หัวใจของผมอยู่กับคุณ และจะอยู่กับคุณตลอดไป
      ทั้งสองคนยืนกอดกันแน่นเหมือนเสมือนหนึ่งเดียวกัน   เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นด้วยความบังเอิญแต่มันก็จบลงด้วยความตั้งใจ (........จบบริบูรณ์.............)

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×