รักลุ้น
Cr.รูปภาพ : google
สวัสดีฉันชื่อ มีน เป็นเด็กปี1 ของมหาวิทยาลัยของรัฐที่หนึ่ง ชีวิตมหาวิทยาลัยของฉันไม่ได้ต่างจากที่คิดเอาไว้มากนัก เหงา....
เป็นคำจำกัดความของความรู้สึกของฉันเวลานี้ แม้ว่าจะเปิดเรียนมาได้หลายเดือนแล้ว แต่ดูเหมือนฉันจะเข้ากะเพื่อนไม่ได้สักเท่าไหร่ เพื่อนจากร.รเดียวกันก็ดันติดอีกคณะ ซึ่งทำให้เวลาไม่ค่อยตรงกันเลย แถมไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้สักเท่าไหร่ด้วย ทำให้ชีวิตมหา'ลัยของฉันโคตรเงียบเหงา=_=
ฉันเดินออกมาจากประตูเล็กด้านข้างของมหา'ลัยอย่างโดดเดี่ยว เตรียมที่จะขึ้นรถเมล์เพื่อเดินทางกลับบ้าน เป็นโชคดีหรือร้ายก็ไม่รู้เพราะบ้านของฉันไม่ห่างจากมหา'ลัยแห่งนี้มาก ทำให้ไม่ต้องอยู่หอเหมือนคนอื่นเขา และนั่นทำให้ฉันตัดเรื่องเพื่อนที่หอหรือรูมเมทไปได้เลย=_=
ฉันมองรถที่กำลังแล่นอยู่เต็มถนนแต่ไม่ยักกะเห็นรถเมล์สายที่จะต้องนั่งมาสักที หันมองรอบตัวก็เจอเพื่อนร่วมมหา'ลัย ซึ่งฉันไม่รู้จักสักคน แน่ล่ะ จะไปรู้จักได้ไงหมด มีกี่ร้อยกี่พันคนกัน=_=
ในที่สุดรถเมล์ที่ฉันต้องขึ้นก็มาสักที ฉันกำลังตัดสินใจจะนั่งเก้าอี้เดี่ยว แต่เมื่อขึ้นไปบนรถ เก้าอี้เดี่ยวเต็มแล้ว ฉันจึงได้แต่จำใจนั่งตรงเก้าอี้คู่แทน เมื่อนั่งลงเรียบร้อย ก็พบว่ามีคนมานั่งข้างฉัน เป็นผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน ฉันไม่ได้ว่าอะไร และไม่ได้สนใจเขาอีก หยิบโทรศัพท์มากดเล่นแทนทันที
ไม่รู้ว่าเล่นเพลินเวลามานานเท่าไหร่ เงยหน้าอีกทีก็เกือบเลยป้ายที่ต้องลงเสียแล้ว ฉันรีบกระวีกระวาดลุกกดกริ่งทันที
ในที่สุดก็ถึงที่หมาย ฉันรีบตรงไปยังทางบ้านทันที
....นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เราได้เจอกัน แม้ว่าจะไม่ได้ทักทายกันสักประโยคก็ตาม.....
การเดินทางไป-กลับมหาวิทยาลัยของฉันเป็นอะไรที่เป็นปกติเหมือนกับคนอื่นๆทั่วๆไป แต่ที่เริ่มรู้สึกแปลกก็คือ....
ผู้ชายในชุดนักศึกษาคนเดิมกับที่เคยมานั่งคู่กับฉันรู้สึกจะบังเอิญเจอเขาบ่อยไปนิด เพราะช่วงนี้เช้าเย็นจะต้องเจอเขาแทบทุกวัน แม้ว่าจะไม่ได้ทักทายพูดคุยอะไรกันเลยก็ตาม
คิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาแอบตามฉันได้หรือเปล่านะ....แต่แบบนี้ก็ออกจะเหมือนโรคจิตนะ ถึงจะไม่ได้คุกคามกันก็เถอะ..
อาจเพราะฉันหลบมองเหลือบมองผู้ชายคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าฉันบ่อยไปนิดทำให้เขาหลุบตาลงมาและเจอกับสายตาของฉันเข้าพอดี
เอ่อ....
หลบตาซิจ๊ะ จะมองเขาอีกทำไมเล่า ฉันรีบก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ทันที เมื่อเห็นป้ายที่ต้องลงก็รีบลุกและไปยังหน้าประตู เพื่อที่จะกดกริ่ง แต่แล้ว
กริ๊งงงงงง
หลักฐานคามือของผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าฉันเมื่อครู่ เพราะมือของเขายังคาอยู่ที่กริ่ง ฉันหันไปเอ่ยขอบคุณเขาจากนั้นก็รีบก้าวลง เพื่อคนข้างล่างจะได้ก้าวขึ้นมาได้
หลังจากลงมาแล้ว ฉันได้แต่คิดในใจพลางรีบเดิน
....หวังว่าจะไม่ใช่โรคจิตนะ....
ออกจะบ่อยไปจริงๆนั่นแหละเมื่อเช้าฉันก็เจอเขาบนรถเมล์ทั้งๆที่ออกไวกว่าปกติมาก เพราะเมื่อเช้ามีคลาสตั้งแต่6.30 แต่ก็ยังเจอเขา และพบว่าเขานั่งอยู่บนรถก่อนฉันซะอีก แถมเวลานี้เขาก็ยังมานั่งรอรถเมล์อยู่ข้างฉันอีก
และดูเหมือนฟ้าจะเป็นใจ เหตุเกิดเหมือนวันนั้นอีกแล้ว เก้าอี้ตัวเดียวถูกจับจองหมดเหลือเพียงเก้าอี้คู่และที่ว่างด้านหลังที่เหลือที่ตรงกลางอยู่สองสามที่เพราะทางริมถูกจับจองด้วยคนหมดแล้ว คราวนี้ฉันตัดสินใจนั่งด้านหลังเพราะยังไงก็มีเจ๊ผู้หญิงที่มีของพะรุงพะรังนั่งอยู่ข้างฉัน และไม่ผิดคาดเท่าใด ที่นั่งมีตั้งมากมายไม่ไปนั่งเจาะจงมานั่งข้างฉันซะงั้น ฉันที่ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าโวยวาย เกิดเขาบอกว่า เธอเป็นบ้าคิดไปเอง แล้วฉันจะทำยังไงเล่า...
อาจเพราะฉันตื่นเช้ามากและเพลียมาหลายวันจากการทำรายงานให้เสร็จทันส่งทำให้การโยกของตัวรถทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง และสุดท้ายก็หลับไปจริงๆ
ตื่นขึ้นมาอีกที ก็รู้สึกว่าหัวของฉันกำลังพิงกับอะไรบางอย่างอยู่และเมื่อรู้สึกตัวพร้อม กลิ่นโคโลญผู้ชายก็ปะทะเข้ากับจมูกเต็มๆ ฉันสะดุ้งกระชากตัวออกทันที และพบว่าที่หัวของฉันพิงเมื่อครู่มันคือซอกคอของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆนั่นเอง ฉันที่ทำอะไรไม่ถูกในเวลานั้น รีบมองไปยังทางที่กำลังอยู่ทันที ดูเหมือนว่าจะยังไม่ถึง ฉันรีบก้มมองนาฬิกาข้อมือ จากที่ขึ้นรถเวลาน่าจะผ่านไปเป็นเวลา ชั่วโมงกว่า ท่าทางรถวันนี้จะติดน่าดู เมื่อทุกอย่างอยู่ในอะไรที่ปกติ ฉันเหลือบมองเขา และพบว่าเขากำลังกดโทรศัพท์เล่นไม่ได้สนใจฉัน ฉันจึงค่อยลอบเป่าปากอย่างโล่งอก ต่อไปนี้จะทำยังไงดีนะ มันออกจะบังเอิญเจอเขาบ่อยไป แบบนี้มันอันตรายรึเปล่านะ แต่เขาไม่ได้คุกคามนะ ความคิดของฉันตีกันมั่ว สุดท้ายก็ต้องสะดุ้งเพราะเสียงของเขาที่ดังขึ้น
"ถึงแล้วไม่ลงเหรอ.."ฉันชะงักทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่งเสียงและกล่าวขอบคุณเขา ก่อนจะแทบวิ่งลงมาจากรถเมล์เลยทีเดียว อาจเพราะท่าทางของฉันมันคงตลกเขาเผลอหัวเราะออกมาเล็กๆจนทำให้ฉันต้องหันไปมองเขาอีกรอบ รอยยิ้มนั่นน่ารักเป็นบ้า=///=
ฉันว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญแล้วล่ะเพราะกระทั่งในมหาวิทยาลัย ตอนนี้ฉันยังเจอเขาได้แบบง่ายๆจนงงว่าทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นเจอกัน ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว ลองถามเพื่อนในคณะดูว่ามีใครรู้จักเขาไหม ก็ได้ความว่าเขาเป็นรุ่นพี่2ปี ชื่อบาส อยู่คณะเดียวกันกับฉัน แถมเพื่อนคนนี้ยังกระซิบบอกมาด้วยว่าพี่เขาโสด
ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าโสดไม่เห็นอยากรู้สักหน่อย และอีกอย่างที่ฉันถามก็คือ พี่เขานิสัยเป็นอย่างไร สุดท้ายก็ได้ความว่าเป็นคนดี นิสัยดี เรียนเก่ง ใจดี มีอะไรสงสัยก็ให้ไปถาม พี่เขาไม่ได้อยู่ในวงการว๊ากก็เลยใจดี(เป็นงั้นไป) ฉันได้แต่พยักหน้ารับรู้ ก่อนที่จะโดนเพื่อนคนนั้นแซวเล็กน้อย และเรื่องคุยก็เปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อยจนกระทั่งเข้าเรียน
ไม่แปลกใจที่จะเห็นเขาอีกแล้วที่ป้ายรถเมล์ และบนรถเมล์สายเดียวกันกับฉัน ฉันนั่งอยู่ที่เก้าอี้เดี่ยว ในขณะที่เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้คู่ด้านข้างของฉัน ฉันก้มแกล้งเสมองไปนอกหน้าต่างที่เขานั่งเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมาสนใจโทรศัพท์มือถือที่กำลังเปิดหน้าเฟสบุ๊คค้างอยู่ แต่แล้ว
ตึ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น และพบว่ามีจำนวนคน@เฟรนด์เพิ่มมาอีก1คน ฉันกดเข้าไปและพบว่าเป็นผู้ชายที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่เบาะคู่ด้านข้างฉันนั่นเอง ฉันหันมองเขาเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยผ่าน ไม่คิดจะส่องโปรไฟล์เขา หรือตอบรับคำขอของเขากลับไปสนใจสิ่งที่กำลังทำอยู่เมื่อครู่ต่อ
ตี๊งง
เสียงแมสเซนเจอร์ดังขึ้น หน้าของผู้ชายคนนั้นพร้อมกับข้อความของเขาปรากฏขึ้นเล็กๆที่บริเวณมุมโทรศัพท์ของฉัน
'สวัสดีครับ'
ฉันไม่ได้กดเข้าไป และเหลือบมองเขาอีกครั้ง และก็พบว่าเขากำลังจดจ้องอยู่กับมือถือของเขาอยู่เช่นเดิม ฉันจึงไม่ได้สนใจอีกครั้ง
'ชื่ออะไร'มาอีกหนึ่งข้อความ ฉันเหลือบตาขึ้นมองเขาอีกครั้ง และพบว่ายังคงเหมือนเดิม
'ไม่ตอบหน่อยเหรอ...'
ฉันมองข้อความเล็กๆที่แสดงอยู่คู่กับรูปของเขา ก่อนที่จะมองไปที่ที่ว่างข้างๆตัวเขา และตัดสินใจลุกขึ้น เปลี่ยนที่นั่งไปยังที่นั่งข้างตัวเขาและ
"สวัสดีค่ะ ชื่อมีนค่ะ ตอบแล้วนะคะ"ฉันพูดขึ้นพร้อมกับตะแคงตัวมองหน้าเขารอคำพูดหรือคำตอบต่อไปจากเขา
เขาวางโทรศัพท์ลง ก่อนที่จะมองหน้าฉันนิ่งๆ และพูดขึ้นว่า
"สวัสดีอีกครั้งครับ พี่ชื่อบาส ดีใจที่ยอมตอบนะ"เขาพูดกลับมาค่อนข้างสุภาพ ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นทำนองถามว่าแค่นี้หรือ เมื่อเขาไม่ได้พูดอะไรฉันจึงเบี่ยงตัวนั่งดีๆและทิ้งตัวพิงพนัก ก่อนที่จะสูดลมหายใจเล็กน้อย และถามเขาไปตรงๆว่า
"พี่ตามฉันหรือเปล่าคะ"
เขาเลิกคิ้วทำนองแปลกใจก่อนที่จะพยักหน้า
"แล้วพี่ตามฉันทำไมคะ หรือพี่...."ฉันหรี่ตาทำเหมือนไม่ไว้ใจเขา และสุดท้ายก็ได้ยินเป็นเสียงหัวเราะและสุดท้ายเขาก็พูดขึ้นยิ้มๆ
"รู้ตัวสักทีซินะ"
และอาจเพราะคำพูดนั้นทำเอาฉันเผลอถอยกรูดเลยทีเดียว เพราะดูเหมือนเขาจะลืมว่าฉันกำลังไม่ไว้ใจเขาอยู่
"พี่แอบตามเรา เพราะพี่เห็นว่าเราน่ารักดี พี่ชอบมองเราตั้งแต่ตอนรับน้องแล้ว แต่พี่ไม่ได้เป็นโรคจิตนะ ถึงพฤติกรรมจะเหมือนก็เหอะ พูดแล้วพี่เขินนะ"เขาว่าและเบือนหน้าหนีฉันไปมองนอกหน้าต่างรถ แต่หูของเขากลับแดงจัดจนฉัน เผลอใจเต้นไปกับประโยคนั้นเลยทีเดียว
"แอบตาม? ชอบมอง? นี่ยังไม่จิตอีกเหรอคะ"ฉันชะโงกหน้าไปมองหน้าเขาที่ซุกอยู่ที่กระจกรถ
"กะ ก็พี่ไม่รู้จะทำยังไงนี่ ถามใครเขาก็ว่าไม่สนิทกะเรา จะให้พี่จีบผ่านเพื่อน เราก็ดันไม่มีเพื่อน โอ๊ย อายกว่าที่คิดอีกวุ้ย!"เขาสบถออกมาเล็กๆ กลายเป็นฉันบ้างที่เริ่มอาย
เรานั่งเงียบกันสักพัก ก่อนที่จะเริ่มสังเกตเห็นว่าใกล้ป้ายมี่ต้องลงแล้ว ฉันจึงลุกขึ้น แต่ก่อนที่จะลง ก็ถูกเสียงของเขาดึงไว้ว่า "กลับดีๆ แล้วกลับไปก็รับ@ด้วย ฝันดีนะ"เขาว่าทั้งๆที่ไม่มองหน้าฉันสักนิด เมื่อฟังจบได้ใจความเป็นฉันเองที่แทบจะกระโดดลงจากรถ เสียงหัวใจเต้นแรงมาก มือก็กำชีทในมือแน่นมาก จนมันแทบจะยับคามือของฉันเลยทีเดียว
จะทำยังไงต่อไปดีเนี้ยยยยยย....
ฉันได้แต่คร่ำครวญในใจ
หลังจากกลับมาแล้วฉันก็ตัดสินใจรับ@เขา และเราก็เริ่มคุยกัน จากนั้นก็เริ่มรู้จักกันมากขึ้น ไป-มาก็ยังมีเขาเป็นเพื่อนร่วมทาง เราเริ่มพูดคุยกันมากขึ้น 'พี่บาส'เป็นคนตลก แถมยังพูดมาก เมื่อฉันเริ่มไว้ใจคน คนที่รู้จักฉันดี จะรู้ว่าฉันก็เป็นคนพูดมาก เราแทบจะแย่งกันพูดเลยด้วยซ้ำบางครั้ง
เราเจอกันที่มหา'ลัยบ่อยขึ้น เมื่อเรามีเวลาว่างตรงกัน เราเริ่มมีเบอร์และโทรติดต่อกัน จนในที่สุด
"คบกันไหม?"
ลูกชิ้นที่กำลังถูกเคี้ยวอยู่ในปากของฉันกลายเป็นพุ่งลงสู่ลำคอแทบจะทันทีที่พี่บาสพูดจบ
แค่กๆ
ฉันสำลักจนหน้าดำหน้าแดง ความเผ็ดของน้ำจิ้มที่จิ้มลูกชิ้นขึ้นจมูกจนน้ำตาไหล พี่บาสลูบหลังฉันก่อนที่จะหัวเราะออกมา
"เมื่อกี้พี่พูดอะไรนะ"ฉันถามหลังจากกินน้ำเพื่อบรรเทาอาการเรียบร้อย
"เปล่า ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย ตะกละจริงนะเรา สมน้ำหน้า"ว่าแล้วก็ผลักหัวฉัน
...หูแว่วเหรอเนี้ยแย่จัง...
"คบกันนะ"
เอาอีกแล้้ว ยังไม่ทันจะแก่เลย หูแว่วบ่อยจัง
"ไม่ตกลงเหรอ.."เสียงอ้อนๆนั้นดังขึ้นพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาจับแก้มฉันให้หันไปหาเขา
"หะ ห๊ะ"ฉันได้แต่ส่งเสียงงงๆกับอาการและสิ่งที่ได้ยิน สรุปไม่ได้หูฟาดเหรอเนี้ย
"ไม่ตกลงเหรอ"พี่บาสถามอีกครั้งก่อนที่จะเอามือทั้งสองประกบแก้มจนปากฉันบู้
"อกองอะไออ่ะ(ตกลงอะไรอ่ะ)"ฉันพูดไม่เป็นภาษาเมื่อเขาเล่นแก้มฉัน
"เป็นแฟนกันนะ^^"
คราวนี้ชัดเจนเลย เต็มสองรูหู
"นะ น้าาาาา"เขาว่าแล้วเล่นแก้มฉันไม่เลิก จนฉันต้องเอาถุงลูกชิ้นฟาดแขนเข้าให้ถึงได้หยุด ก่อนที่จะแหววเพื่อกลบความเขินว่า "เล่นแก้มกันแบบนี้จะตอบได้ไงเล่า!!!!"
^0^
สีหน้าของไอ้พี่บาส ก่อนที่เขาจะถามย้ำอีกครั้ง
"เป็นแฟนกันนะ"
หงึกๆ
ฉันพยักหน้าหงึกหงัก แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่พอใจ
"พยักหน้าคืออะไร"
"กะ ก็ ก็ตกลงไง"ฉันตอบอย่างเขินๆ
"ตกลง? ตกลงอะไร?"แน่ะ ยังไม่หยุดเล่นอีกนะ
"เออ ไม่ตกลงแล้ว"ฉันสะบัดหน้าลุกขึ้น ก่อนที่จะถูกรั้งแขนเอาไว้ และพบว่าเขาถือถุงลูกชิ้น พร้อมกับไม้ลูกชิ้นที่จิ้มน้ำจิ้มเรียบร้อยเป็นการง้องอน
"โอ๋ๆ ดีกันนะๆแฟนจ๋า แกล้งนิ๊ดเดียวเอง อย่างอนนะน้า"ว่าแล้วก็ส่งลูกชิ้นจิ้มมาให้ถึงปาก ฉันจึงอ้าปากงับลูกชิ้นที่มีคนป้อนให้ถึงปากอย่างถูกใจ....
ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ความรักอยู่ล้อมรอบเรา ท่ามกลางคนนับหมื่นนับล้านคน จากคนไม่รู้จักกลายเป็นคนรู้จักกลายเป็นคนรู้ใจ เพียงแค่เปิดใจให้ถูกคนจะต้องเจอคนที่ถูกใจอย่างแน่นอน....
The end
เป็นไงมั่งคะ เรื่องสั้นเรื่องแรก ถูกใจไม่ถูกใจยังไง ก็เม้นเป็นกำลังใจมั่งเนาะ เขียนเกี่ยวกะรั้วมหา'ลัย แต่ข้าวเป็นเด็กม.ปลาย555 ถ้าเรื่องไหนที่เข้าใจในมหาวิทยาลัยผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะค๊าาาา
ขอบคุณอีกครั้ง
เหมียวหง่าว
ความคิดเห็น