Fan Fic Baramos - แมวจรจัดกับสุนัขกิตติมศักดิ์ - Fan Fic Baramos - แมวจรจัดกับสุนัขกิตติมศักดิ์ นิยาย Fan Fic Baramos - แมวจรจัดกับสุนัขกิตติมศักดิ์ : Dek-D.com - Writer

    Fan Fic Baramos - แมวจรจัดกับสุนัขกิตติมศักดิ์

    เป็นฟิคที่แต่งชาเลนท์ที่บอร์ด ซันทรี- เมื่อเจ้าชายน้ำแข็งเกิดเก็บแมวมาเลี้ยงแล้วเฟรินตัวดีกลับแพ้ขนแมว เรื่องสนุกๆเลยเกิดขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    755

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    755

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.ย. 51 / 20:14 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ชื่อเรื่อง : แมวจรจัดกับสุนัขกิตติมศักดิ์
      แนวเรื่อง : ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ามันเป็นแนวไหน
      ตัวละครหลัก : ลองดูดิครับ ^^
      ช่วงเวลา : ระหว่างเล่ม 1 ที่พ่อ(แม่?)ตัวแสบยังคงเป็นสุนัขอยู่
      Note: ดูเหมือนเราจะโดนสับเละ ยังไงก็ฝากตัวด้วยนะครับ ^^
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      "คาโล" 


      "...." 

      "คาโล" 

      "...." 

      "คาโล!" 

      "...(ยังไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก)" 

      "ไอ้น้ำแข็งไส ใจคอแกจะกลายเป็นน้ำแข็งจริงๆใช่ไหม เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หัน" เฟรินแหวใส่อย่างเหลืออดเมื่อเพื่อนร่วมห้องไม่ยอมตอบรับเสียงเรียกของเขา เด็กชายดวงตาสีน้ำตาลกระโจนเข้าไปหาเจ้าชายจากคาโนวาลผู้เงียบขรึมทันที 

      "เฟริน! อย่า..กระ...โจน...มา...แบบ...นี้" เจ้าชายตาสีฟ้าเย็นเยียบปรายดวงตาคู่สวยนั้นไปที่เจ้าตัวแสบที่ดูไม่สำนึก พูดเน้นทีละตัวอักษรให้เจ้าหัวขโมยจอมแสบได้รู้ว่าเขาไม่ชอบ 

      "อยากไม่ตอบทำไมเล่า" จอมทโมนเถียงกลับ สายตาพลันไปเห็นหนังสือที่ภูเขาน้ำแข็งเดินได้อ่านอยู่ 

      "คู่มือการเลี้ยงแมว ตั้งแต่แรกออกยันแก่ตาย! นี่แกจะเลี้ยงแมวรึไง" 

      "แล้วจะทำไมรึ" คาโลถามกลับเสียงเรียบ สายตายังคงจับจ้องที่หน้าหนังสือ 

      "ไหนบอกที่วังเลี้ยงหมา" เฟรินอุบอิบ "แล้วทำไมกลายเป็นหนังสือแมวได้" 

      "เรื่องของฉัน" คาโลตัดบทก่อนจะเดินจากไป 

      "ไอ้เจ้าน้ำแข็งไสนี่มันยังไงของมันเนี่ย" เฟรินเกาหัวมองตามคาโลที่ออกจากห้องนอนอย่าง งงๆ 

      "ดูท่ามันมีลับลมคมในพิกล"เจ้าตัวแสบคิดก่อนที่จะแอบตามไปเงียบๆ ด้วยทักษะตีนเบาที่สืบทอดมาในตระกูล เดอเบอโรว์ 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 

      ณ มุมๆหนึ่งของลานหน้าปราสาท เจ้าชายผู้เย็นชาแห่งคาโนวาล นั่งซุ่มเงียบๆอย่างลึกลับ 

      "เจ้าคาโลมันทำอะไรฟะ" เฟรินถามกับตัวเอง 

      "นั่นดิ! มันนั่งทำอะไรของมันตรงนั้น" เสียงๆหนึ่งดังขึ้น จนเฟรินต้องหันไปมอง เพื่อนนักฆ่า คิลมัส ฟีลมัส ยืนยิ้มเพล่อยู่ด้าน
      หลัง ทำเอาเฟรินผงะ 

      "นี่ถ้าฉันมาตามฆ่านาย สงสัยนายได้ลงไปนอนในหลุมแล้ว" คิลหัวเราะในลำคอพลางซุ่มดูเพื่อนร่วมห้องที่ทำตัวน่าสงสัย 

      "เมี้ยว!" 

      "เมี้ยว! เหรอ" เฟรินและคิลทวนเสียงที่ได้ยิน 

      "เฮ้ย! เมี้ยว ก็แมวอ่ะดิ" ทั้งคู่อุทานออกมาพร้อมกันเสียงดังลั่นจน คาโลรู้สึกตัวว่ามีคนแอบตาม เจ้าชายเดินไปหาต้นเสียงทันที 

      "ฉันได้ยินว่าการแอบดูเรื่องส่วนตัวของคนอื่น มันเป็นเรื่องเสียมารยาท!" เสียงเทศนาดังขึ้น ดวงตาสีฟ้าคมกริบมองคาดโทษผู้ที่แอบตามมาทันที ในมือของเขายังคงอุ้มลูกแมวตัวเล็กๆ สองสามตัวติดมือมาด้วย 

      "ก็อยากรู้ว่านายมีลับลมคมในอะไร" เฟรินบ่นออกมาพยายามหาทางเอาตัวรอดจนไม่ได้สังเกตสิ่งที่ติดมือเจ้าชายน้ำแข็งไส
      "คะ...คาโล...ในมือนาย" คิลกระซิบถามเพื่อน เฟรินมองตามไปดูสิ่งที่อยู่ในมือของคาโล ดวงตาสีน้ำตาลเบิกว้าง ก่อนจะร้องเสียงดังลั่น 

      "แมว! เอามันออกไปนะเฟ้ย ฉันแพ้ขนแมว" เฟรินอุทานลั่น 

      "อะไรกัน ตีนแมวแต่กลัวแมว" คิลอดขำไม่ได้ 

      "ไม่ได้กลัว แต่ไม่ชอบ ฮะ...ฮัด...ฮัดเช้ย!" อาการออกทันที แต่คิลกลับอุ้มลูกแมวยื่นเข้ามาใกล้เฟรินยิ่งขึ้น ทำให้เจ้าตัวแสบจามไม่หยุด 

      "เออแปลกดีนะ ตีนแมวดันแพ้ขนแมว อย่างนี้จะเรียกตีนแมวดีไหมเนี่ย"
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ 

      เย็นย่ำ สามแสบแห่งปีหนึ่งของป้อมอัศวินต่างก็เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง เฟรินหัวขโมยจอมทโมนที่แก่นไม่ออก นั่งสูดน้ำมูกเพราะอาการแพ้จนจมูกแดงก่ำ คาโลเองนั้นก็แอบเอาแมวน้อยทั้งสามมาเลี้ยงในห้องอย่างประคบประหงมเต็มที่ไม่สนใจเสียงโวยวายและเสียงจามของเฟริน ส่วนเจ้านักฆ่าตัวแสบน่ะเหรอ นอนหัวเราะชักดิ้นชักงอบนเตียงทุกครั้งที่เห็นจมูกของหัวขโมยจากบารามอส ที่ทิ้งระยะห่างจากคาโล ไปไกลโข

      "คาโล นายไม่น่าจะเอาพวกมันมาเลี้ยงในนี้นะ" เฟรินเปรยๆอย่างน้อยใจ ไอ้เจ้าชายน้ำแข็งไสมันคิดจะแกล้งกันใช่ไหม

      "..." ไร้เสียงตอบกลับจากเจ้าชายแห่งคาโนวาล สองมือง่วนต่อการชงนมสำหรับเด็กอ่อนเพื่อให้ลูกแมวทั้งสามได้กิน

      "ทีกับเพื่อนเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลก ทีกับสัตว์ไมมันตรงกันข้ามอย่างนี้ฟะ" หัวขโมยจากบารามอสยังโวยวายไม่เลิก

      "อย่าบ่นเฟริน" เจ้าชายคาโนวาลลดรังสีอบอุ่นให้กลายเป็นเย็นเยียบแล้วส่งรังสีนั่นมาทางเฟรินเต็มที่ด้วยสายตาดุๆยิ่งกว่าครูชามัลตอนที่เจ้าตัวแสบมันถามคำถามเสียอีก

      "อะไรกันฟะ เห็นแมวจรจัดดีกว่าเพื่อนตัวเองรึไง ฮะ...ฮัดเช้ย"เจ้าตัวดีจามทันทีเมื่อเจ้าชายคาโนวาลยื่นแมวน้อยเข้ามาใกล้เขาเพื่อให้เขาหุบปาก

      "ไอ้เจ้า...ฮัดเช้ย...คาโล ....ฮัดเช้ย... เอาแมวออกไป ฮะ...ฮัดเช้ย...เดี๋ยว...ฮัดเช้ย...ฮัดเช้ย...นี้..ฮะ...ฮะ..." เหมือนได้ผลเจ้าตัวแสบที่สุด ถึงกับพูดออกมาไม่เป็นประโยค คิลเองก็ยิ่งหัวเราะจนแทบขาดใจบนเตียงเพราะหายใจไม่ทัน

      "คอยดูนะเฟ้ย! พอดึกเมื่อไหร่ ฉันจะฟัดไอ้เจ้าพวกนี้ไม่เลี้ยง" เฟรินกัดฟันกรอด เขาไม่รู้สึกอยากกลายร่างเท่านี้มาก่อน แต่ยังไงก็เถอะ หมาน้อยย่อมชนะทางแมวอยู่แล้ว

      "นั่นซินะ พอนายเป็นหมานายคงฟัดพวกนี้แหลก" คาโลย้อนใส่ รังสีอำมหิตยังคงแผ่ซ่าน

      "แต่ฉันก็จะทิ้งพวกมันไว้ในนี้ แล้วจะดูซิว่านายจะมีปัญญาจัดการกับพวกมันยังไง" ว่าจบ ภูเขาน้ำแข็งเดินได้ก็เดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้เฟรินเข่นเขี้ยวอย่างโกรธแค้นไว้อย่างนั้น

      "นายไม่มีสิทธิ์เลี้ยงสัตว์ในห้องนะคาโล" หัวขโมยตะโกนออกไป แต่คำที่สวนกลับมานั้นทำเอาเขาหน้าหงาย

      "แล้วทีคนแคระนั่นของนายล่ะ นายยังเอามาเลี้ยงได้เลย นายจะไม่ใจแคบไปหน่อยรึไง" เจ้าชายน้ำแข็งแห่งคาโนวาลสวนกลับมาอย่างมีอารมณ์ ปราการน้ำแข็งนั้นละลายลงแทบหมดสิ้นในยามนี้ 

      "คิลนายต้องช่วยฉันนะ" เฟรินโอดครวญกับเพื่อนรักอีกคน

      "นายช่วยเอาแมวพวกนี้ไปทิ้งที"แต่ดูเหมือนนักฆ่าจากซาเรสไม่ใส่ใจกับคำอ้อนวอนนั้น

      "ฉันจะไปธุระข้างนอกพอดีน่ะ นายอยู่ในนี้ไปก่อนละกัน เพราะยังไงนายก็ออกไปข้างนอกในสภาพหมาน้อยไม่ได้อยู่แล้วนี่" ว่าจบ เจ้าตัวแสบที่นึกจะแกล้งเพื่อนร่วมห้องก็เผ่นออกไปนอกห้องแล้วขังเฟรินเอาไว้ทันที เสียงรัวทุบประตูดังสนั่น

      "ไอ้คิล...ไอ้เพื่อนบ้า...ไอ้นักฆ่าตัวแสบ ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันยังไม่อยากอยู่กับแมวพวกนี้คนเดียว" หัวขโมยจากบารามอสโวยวาย ทุบประตูดังลั่น แต่ไร้ซึ่งผู้ใดจะได้ยินมาสนใจ

      +++++++++++++++++++++++

      ในห้องสมุดของโรงเรียนพระราชา คาโล นั่งอยู่ท่ามกลางกองหนังสือจำนวนมากมายที่ตั้งเรียงรายไว้รออ่าน

      "คาโล ใจคอนายจะแกล้งเจ้าเฟรินมันอย่างนั้นจริงๆเหรอ" คิลที่ตามมาทีหลังนั้นนั่งลงด้านตรงข้ามก่อนจะออกปากถาม ใจจริงเขาก็อยากรู้เหตุผลที่เจ้าชายน้ำแข็งไสนี่ทำกับเพื่อนขนาดนั้น

      "ฉันก็แค่เกิดรักสัตว์ขึ้นมา" คาโลเอ่ยเสียงเรียบ สายตาจับจ้องกับหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องยาและสมุนไพร ทั้งคู่อยู่ท่ามกลางความเงียบงันซักพัก เจ้าตัวดีลำดับสองก็คว้าหนังสือกองนั้นมาพลิกๆดู

      "สมุนไพรบรรเทาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ...อาการและวิธีรักษาโรคภูมิแพ้...วิธีการเลี้ยงแมว...สาเหตุและอาการของโรคแพ้ขนสัตว์... นี่นายกำลังจะทำอะไรกันแน่" คิลนั่งไล่ชื่อหนังสือที่ถูกยกลงมาตั้งเอาไว้ ก่อนจะถามคำถามเพื่อนซี้ทันที

      "ก็แล้วแต่นายจะคิด! แต่ที่แน่ๆ นายคงขังเฟรินไว้ในห้องแล้วใช่ไหม" เจ้าชายคาโนวาลถามเพื่อน

      "แน่ล่ะ...ขืนให้มันออกมาในสภาพหมาน้อยล่ะก็คงแตกตื่นกันทั้งป้อม" คิลนึกภาพออกทันที ดวงตาสีม่วงสั่นระริกอย่างนึกอยากให้ป้อมแตกจริงๆ

      "อย่างน้อยหมอนั่นก็น่าจะได้รับบทเรียนเสียมั้ง" คาโล วาเนบลี กล่าวลอยๆ ดวงตาสีฟ้าใสแม้จะดูเย็นชา แต่ก็ยังยังฉาบความเป็นห่วงเอาไว้อยู่

      "นายก็อย่างนี้ทุกที" คิลอดขำไปกับท่าทางและแววตาของเพื่อนไม่ได้
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ในห้องพักของหัวหน้าป้อม เจ้าหัวขโมยตัวดีนั่งหลบอยู่บนเตียงของตน สายตาเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างที่แสงอาทิตย์กำลังอัสดงนั้นสาดแสงสีแดงลงมา พร้อมกับรัตติกาลที่ย่างกรายเข้ามาเงียบๆ

      "เจ้าเพื่อนบ้า รู้ว่าฉันแพ้ขนแมว ยังจะแกล้งกันอีก" เฟรินบ่นออกมาคนเดียว สายตามองเจ้าแมวน้อยทั้งสาม ความรู้สึกโกรธเคืองแล่นเข้ามาในหัวใจ

      "พวกแกทำให้ฉันเสียเพื่อน" เฟรินกัดฟันคำรามใส่แมวน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว ร่างกายของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ขนสีน้ำตาลปกคลุมไปทั่วร่าง จมูกและปากยื่นยาวและขู่ในลำคอ

      "ไอ้แมวบ้า ฉันจะฟัดแกให้หมด" หมาน้อยเฟริน สัตว์กิตติมศักดิ์ตัวเดียวที่แอบพักอยู่ในป้อมอัศวินนี้มานานเข่นเขี้ยวคำรามเห่าเป็นภามนุษย์ ร่างสีน้ำตาลกระโจนไปยังลูกแมวทั้งสามทันที

      "เมี้ยว!" แมวน้อยร้องเรียก ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวแต่อย่างใด

      "ไม่กลัวฉันเลยเหรอ" เฟรินเลิกคิ้ว ขาทั้งสี่ยืนนิ่งเมื่อลูกแมวเดินเข้ามาหา

      "เมี้ยว! เมี้ยว!" ลูกแมวทั้งสามเดินมาหาเฟรินราวกับเห็นแม่ของตนเอง

      "ไอ้แมวบ้า ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยว...ฮะ...ฮะ...ฮัด...เช้ย" สุนัขกิตติมศักดิ์จาม แมวน้อยก็ยิ่งเข้ามาใกล้ ดวงตาแวววาวราวอัญมณีจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เอียงหัวน้อยๆดูน่ารัก แต่ไม่ใช่สำหรับเฟรินที่ยังจามไม่หยุด

      "ฮะ...ฮัดเช้ย...โอ้ย! ฮัดเช้ย..." เฟรินจามไม่หยุด ขาทั้งสี่พาร่างของเขาหนีไปให้ห่างรัศมีทันที

      "ขนาดเป็นหมายังหนีโรคแพ้ขนแมวไม่พ้นรึไงเนี่ย...ฮัดเช้ย!" เจ้าตัวดีบ่นกะปอดกะแปด อาการจามหนักขึ้นเรื่อยๆ แมวน้อยทั้งสามก็แสนดีเหลือเกิน พยายามเดินตามเฟรินยังกับลูกเป็ดตามแม่เป็ด

      "ใครก็ได้...ฮัดเช้ย...ชะ...ช่วย...ฮัดเช้ย...ช่วยฉัน...ฮัดเช้ย....ช่วยฉันด้วย...ฮัดเช้ย...ฮัดเช้ย" 

      "ไอ้คาโล ไอ้ภูเขาน้ำแข็ง ไอ้บ้า แกกำลังจะฆ่าฉัน" หัวขโมยที่แสบไม่ออกคิดในใจ อยากจะบ่นก็บ่นออกมาไม่ได้เพราะจามจนแทบหายใจไม่ออก เจ้าแมวแสนดีนั้นก็เกาะเธอแจ

      "ไปไกลๆนะเจ้าแมวบ้า ฮือ!" หมาน้อยเฟรินแทบจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด สี่ขาวิ่งหนีแมวไปรอบห้อง เป็นภาพที่ใครมาเห็นคงตลกพิลึก ที่เห็นหมาตัวโตวิ่งหนีแมวตัวเล็กๆสามตัวไปรอบห้องแคบๆ

      "ไอ้เจ้าคาโล ฉันจะเอาคืนให้แสบเลย"

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      "ฉันชักเป็นห่วงเจ้าเฟรินแล้วล่ะสิ" คิลเอ่ยกับเพื่อนชาย ในขณะที่ผู้ถูกถามเองนั้นก็เก็บรายละเอียดของหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องของอันตรายจากโรคภูมิแพ้

      "นายรีบไปดูมันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยตามไป" เจ้าชายคาโนวาล ไล่เพื่อน ในขณะที่สายตาก็ไล่อ่านแทบทุกตัวอักษร

      "แล้วนายก็รีบมาละกัน" นักฆ่าจากซาเรสเผ่นออกไปจากห้องสมุดทันที อาการนึกรักสนุกหดหายไป เพราะเขาตาไวพอที่จะเห็นคำสำคัญในหนังสือที่คาโลกำลังอ่านอยู่นั้น

      "ถ้าเป็นภูมิแพ้เกี่ยวกับทางเดินหายใจ อาจอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากขาดอากาศหายใจ"
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      เวลาผ่านไปไม่นาน เสียงโวยวายของเจ้าตัวแสบก็เงียบลง เงียบจนน่ากลัว

      "เฟริน" คิลเคาะประตูเรียกเจ้าตัวแสบ แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

      "เฟริน"

      "..."

      "เฟริน" เสียงรัวทุบประตูดังขึ้น แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆเล็ดลอดออกมาจากในห้องเลย

      "หรือว่าเราจะมาช้าไป" คิลคิดในใจ เหงื่อกาฬแตกพลั๊ก ถ้าเพื่อนเขาต้องเป็นอะไรไป เขาคงจะไม่ให้อภัยตัวเองเป็นแน่

      "เฟริน" คิลตะโกนเสียงดังสนั่น มือก็บิดลูกบิดประตูอีกครั้ง มันอาจจะไม่ได้ล็อคไว้

      "แกร๊ก!" ไม่ได้ล็อค 

      นักฆ่าจากซาเรสเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปทันที 
      ++++++++++++++++++++++++++

      ประตูบานใหญ่ค่อยๆแง้มเปิดช้าๆ ก่อนที่ร่างของผู้เปิดจะพุ่งเข้าไปข้างไหน ดวงตาสีม่วงมองหา สุนัขผู้ที่เป็นเพื่อนของตนอย่างกังวล

      "เฟริน นายไปหลบที่ไหน" คิลตะโกนเรียกในห้องแคบๆ แต่ก็ยังไม่มีเสียงตอบกลับมา นักฆ่าหนุ่มเดินสำรวจไปรอบๆห้อง

      "อุ๊บ!" เท้าของเด็กหนุ่มจากซาเรสสะดุดกับบางสิ่งจนเกือบล้ม เขาเซเล็กน้อยก่อนที่จะทรงตัวยืนได้ตามปรกติ

      "เฟริน! เฟริน!" คิลก้มลงไปสะกิดเพื่อนที่นอนแน่นอ่งไม่ไหวติงเบาๆ ยิ่งเจ้าตัวแสบนิ่งเท่าไหร่ เด็กหนุ่มก็ยิ่งกระวนกระวาย มือหยาบกร้านเอื้อมไปสัมผัสที่แผ่นอกของสุนัขตัวเขื่องนั้นเบาๆเพื่อสัมผัสชีพจร

      "ยังหายใจ" เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เจ้าตัวดีแค่หลับไปเพราะเหนื่อยเท่านั้น ในขณะที่ลูกแมวน้อยๆทั้งสามยังคงคลอเคลียไม่ห่าง

      "แกนี่มันจริงๆเลยน้า เฟริน"
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ไม่นานเท่าไหร่ หลังจากเหตุการณ์ระทึกได้ผ่านไป เจ้าชายจากคาโนวาลก็ย่างเท้ากลับเข้ามาในห้อง ในมือถือสมุนไพรแปลกตา กลิ่นฉุนเข้ามาพร้อมกัน

      "เฟรินเป็นอย่างไรบ้าง" คาโลเอ่ยถามคิลที่อุ้มสุนัขกิตติมศักดิ์กลับขึ้นเตียง พร้อมๆกับพาลูกแมวทั้งสามหลบไปอีกมุมหนึ่ง


      "หลับไปแล้ว สงสัยจะเหนื่อย" คิลตอบเพื่อน พลางถอนหายใจ เจ้าชายน้ำแข็งเองพยักหน้ารับนิ่งๆก่อนะไปเขย่าตัวคนป่วยให้ตื่น

      "ไม่ตื่น!" คาโลเลิกคิ้ว แววตาไม่สบอารมณ์เท่าไหร่

      "คิลนายปลุกมันที เดี๋ยวฉันจะได้เอายาให้มัน" เจ้าชายสั่ง นักฆ่าหนุ่มไหวไหล่ก่อนจะเข้าไปปลุกเจ้าตัวแสบด้วยวิธีเดิมๆ

      "ว๊าก! ไอ้บ้าคิล แกจะฆ่าฉันอีกคนเรอะ" สุนัขตัวแสบตื่นทันทีที่มีดคมกริบปักลงเฉียดหน้าไปเพียง 3 มิลลิเมตร เจ้าตัวแสบ โวยวายลั่นทันที แต่เมื่อเขาหันไปเห็นเจ้าชายแห่งคาโนวาล มันก็ทำปั้นปึ่งซะนี่

      "ไม่ทิ้งฉันให้ตายไปเลยล่ะเจ้าเพื่อนบ้า เจ้าภูเขาน้ำแข็งเดินได้" หัวขโมยในร่างสุนัขพูดงอนๆ

      "เฟริน! หันมาทางนี้นิดนึง" คาโลสั่ง เฟรินกลับยิ่งดื้อ หางพวงใหญ่แกว่งแรงๆแบบไม่สบอารมณ์ พลางหันหน้าไปทางอื่น

      "จะหันมาดีๆหรือจะให้ฉันหักคอแกกลับมา" ความอดทนของราชนิกูลผู้มากมาดใกล้จะหมดลง เฟรินจึงต้องหันไปมองแบบไม่ชอบใจนัก มือใหญ่พร้อมๆกับสมุนไพรกลิ่นฉุนนั้นก็โปะเข้าที่จมูกเต็มๆ

      "ไอ้คาโลแกจะทำอะไร" เฟรินพูดเสียงอู้อี้

      "ฉันหายใจไม่ออก"

      "เฉยไว้เถอะ เดี๋ยวนายก็สบายแล้ว" คาโลเอ่ยเสียงเย็น

      "คิล มาช่วยจับมันหน่อย" นักฆ่าทำตามแต่โดยดีด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

      "ไอ้พวกบ้าฉันหายใจไม่ออก จะปล่อยให้ฉันตายจริงๆใช่ไหม" 

      "สูดหายใจลึกๆ อย่าดิ้นซิฟะ เดี๋ยวได้ตายจริงๆหรอก" คาโลชักหมดความอดทน แต่ก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้เจ้าตัววุ่นได้สงบลงบ้าง เจ้าตัวยุ่งยอมทำตามแต่โดยดี เพราะอย่างน้อยก็ยังรักชีวิตตัวเองอยู่

      "ว่าไง! สบายจมูกขึ้นรึยัง" เจ้าชายจากคาโนวาล ถามขึ้นอย่างเป็นห่วง เจ้าหมาสีน้ำตาลผงกหัวน้อยๆตอบ

      "นายเอาอะไรมาให้ฉันดมเนี่ย ฉุนชะมัด" เจ้าตัวดียังไม่วายปากเสียโวยวาย

      "ก็แค่ สมุนไพรที่ทำให้จมูกโล่งน่ะ" คาโลเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะยกเจ้าแมวน้อยมาใกล้ๆอีกครั้ง

      "ฮัดเช้ย!" เฟรินจามทันที คาโลจึงเอาแมวลง

      "นายลองปิดตานะ ซักแปปนึง" คาโลสั่ง มือก็คว้าผ้าใกล้ตัวมาปิดตากลมโตนั่นทันที

      "รู้สึกเป็นไงบ้าง" ก่อนน้ำแข็งถามอีกครั้ง

      "ไม่รู้สึกอะไร ว่าแต่แกปิดตาฉันทำไม" เฟรินเริ่มถามก่อนจะถูกดึงผ้าปิดตาลง ตาใสๆของลูกแมวจ้องกลับมา ตัวตัวดีร้องเสียงหลงก่อนจามเสียงดังลั่น

      "ทำไมนายถึงจะออกอาการล่ะเฟริน ในเมื่อ คาโลมันเอาแมวมาใกล้นายขนาดนั้นตั้งนานแล้วนะ" คิลถามขึ้น คนถูกถามตาเบิกกว้างทันที เจ้าชายน้ำแข็งไสทำอะไรกับฉันเนี่ย

      "นายทำอะไรฉัน คาโล!" หัวขโมยตัวแสบขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์ ก้อนน้ำแข็งเลิกคิ้วใส่ก่อนจะเดินกลับไปหาแมวน้อยๆของตน

      "ฉันว่าฉันรู้แล้วล่ะว่านายเป็นโรคอะไร" คาโลเอ่ยเสียงเย็นๆ มือก็ลูบตัวแมวน้อยทั้งสามอย่างเอ็นดู

      "นายเป็นโรคอุปาทาน" 

      "โรคอุปาทาน! นายพูดอะไรน่ะ" หัวขโมยตัวแสบเถียงกลับ เจ้าชายน้ำแข็งกลับกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

      "นายคิดไปเองว่านายแพ้ขนแมว" เจ้าชายตอบเสียงเรียบ

      "ทั้งๆที่นายอยู่ใต้ลมแท้ๆแต่นายกลับไม่จามแม้แต่น้อย นายจะจามก็ต่อเมื่อนายเห็นแมวอยู่ในระยะประชิดเท่านั้น"

      "นั่นเป็นเพราะสมุนไพรของนายต่างหาก"

      "แค่กระเพรากับโหระพาที่ช่วยให้จมูกโล่งขึ้นเนี่ยนะ! รักษาอาการภูมิแพ้ นายบ้าหรือโง่กันแน่เฟริน" คาโลกระตุกรอยยิ้มเย็น ทำเอาเจ้าตัวดีหน้าซีด

      "แล้วเมื่อกี้ที่นายปิดตา ฉันยกแมวไปใกล้ๆนายทั้งๆที่มีลมพัดเข้ามาจากหน้าต่างไปทางนาย นายกลับไม่จามซักนิด "

      "ฉะ...ฉัน..." เฟรินถึงกับพูดไม่ออก นี่ทุกอย่างฉันคิดไปเองเหรอเนี่ย

      "ช่างเถอะ! ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่านายเป็นโรคอะไรก็แค่นั้น" คาโลตัดบทก่อนกลับไปหาลูกแมวอีกสองตัวที่เหลือ

      "ฉันจะหาคนเลี้ยงเจ้าพวกนี้ละกัน" ว่าจบเจ้าชายที่แข็งนอกอ่อนในอย่างคาโลก็ออกไปจากห้องอีกครั้งทันที โดยมีคิลตามออกไปช่วยอีกแรง ทิ้งให้เจ้าตัวยุ่งนั่งสำนึกผิดที่ใจร้ายกับสัตว์ตัวน้อยๆที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว อยู่คนเดียว

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      "ทำไมนายไม่ส่งเจ้าพวกนี้ไปให้พ่อของนายล่ะคาโล" คิลถามขึ้นทั้งสองเดินออกไปจากโรงเรียนเพื่อหาคนเลี้ยงแมวน้อยทั้งสาม

      "พ่อฉันเกลียดแมว!" คาโลเอ่ยเรียบๆดวงตาอ่อนลงเมื่อก้มลงมองสิ่งมีชีวิตในกล่องที่เขาถืออยู่

      "พ่อฉันชอบหมามากกว่าเพราะว่ามันเชื่อฟังและจงรักภัคดีผิดกับแมวที่ชอบทำตัวเป็นขโมย"

      "เป็นขโมยแล้วมันผิดตรงไหน" เสียงใสๆตะโกนไล่หลังทั้งสองคนเจ้าตัวยุ่งเฟรินวิ่งตามทั้งสองติดๆ

      "บอกมานะเป็นขโมยมันผิดตรงไหน" หัวขโมยแห่งบารามอสชักสีหน้า เจ้าชายน้ำแข็งกลับส่งสายตาดุๆมาให้

      "แล้วแต่นายจะคิด" คาโลตอบสั้นๆ

      "เร็วเข้า จะ สองทุ่มแล้ว เดี๋ยวก็โดนพี่ลอเรนซ์ ไล่ฆ่าเอาหรอก" คิลเร่งทั้งสองที่มัวแต่ทะเลาะกัน จนเจ้าตัวดีสงบปากสงบคำลงไปบ้าง

      "เวลาแค่นิดเดียวจะหาได้เหรอ"

      เหมือนสวรรค์ช่วย เสียงร้องไห้งอแงดังมาจากบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากทั้งสามคนนัก

      "หนูอยากเลี้ยงแมว"

      "แมวแพงๆจะหามาจากไหนล่ะลูก" เสียงสตรีดังขึ้นดังขึ้น แต่เด็กน้อยก็ร้องไห้ไม่หยุด

      "โชคดีชะมัด" คิลหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเดินไปเคาะประตู แต่คาโลกลับห้ามเอาไว้

      " ไม่ต้องเคาะ เราไม่มีเวลามาอธิบายอะไรให้มากความ" ว่าจบก็วางกล่องลงตรงหน้าประตูบ้าน ดวงตาสีฟ้าที่ปรกติจะเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งกลับฉายความอบอุ่นราวดวงตะวันขึ้นมา เมื่อเขาจ้องไปยังแมวทั้งสาม มือใหญ่ลูบหัวเจ้าตัวน้อยเบาๆ ก่อนจะผละออกห่าง

      "เฟรินนายเคาะประตู เอาแค่คนได้ยิน จากนั้นก็รีบวิ่งตามมาเลยนะ" เจ้าชายสั่งการก่อนจะวิ่งหนีไปพร้อมๆนักฆ่าเพื่อนร่วมห้อง

      "เข้าใจแล้วล่ะ" เรือนผมสีน้ำตาลของเฟรินไหวน้อยไปตามสายลมที่พัดเอื่อยๆ

      "นายนี่มันก็เหลือเกินจริงๆเจ้าน้ำแข็งไส"
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      "ว่าแต่คาโล!"

      "หืม!"

      "เป็นขโมยมันผิดตรงไหน" เฟรินเริ่มชวนทะเลาะอีกครั้งจนคิลถอนหายใจ แต่คาโลกลับหัวเราะในลำคอ

      "นั่นก็แล้วแต่นายจะคิด"


      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×