SMN Fiction: The Flame’s Destiny ชะตากรรมของเปลวเพลิง - SMN Fiction: The Flame’s Destiny ชะตากรรมของเปลวเพลิง นิยาย SMN Fiction: The Flame’s Destiny ชะตากรรมของเปลวเพลิง : Dek-D.com - Writer

    SMN Fiction: The Flame’s Destiny ชะตากรรมของเปลวเพลิง

    อันนี้เป็นฟิคประกวด Side Story ของ SMN ครับ แต่มันไม่ได้รางวัล ช่างมันเถอะ เนอะ อิอิ (ถ้าเป็นไปได้ อยากจะให้ลองเปรียบเทียบกับ Song of Love ด้วยนะครับ)

    ผู้เข้าชมรวม

    411

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    411

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ต.ค. 50 / 07:13 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Summoner master Side Story Fiction: The Flame’s Destiny (ชะตากรรมของเปลวเพลิง)

      “ช่วยด้วย! ช่วยฉันด้วย! ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่! ช่วยฉันออกไปที! ฉัน…” ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นจากนิทรา เหงื่อของความตื่นเต้นเกาะพราวเต็มดวงหน้าคมเข้มและอกเปลือยสีน้ำผึ้งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

      “ฝันอีกแล้ว!” ชายหนุ่มหอบเล็กน้อยก่อนกล่าวเบาๆ ภาพในฝันนั้นเป็นหญิงสาวผิวสีขาวนวลเรือนผมสีแดงเพลิง แต่งกายด้วยขนนกสีฉูดฉาด แต่ดวงตาที่คมเข้มราวพญาอินทรีย์สีเขียวมรกตนั้นกับเคลือบไปด้วยน้ำตา

      “เธอเป็นใครกัน!” ชายหนุ่มถามขึ้นในใจ “ทำไมเธอต้องเศร้าขนาดนั้น”
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ร่างของชายหนุ่มในเงามืดค่อยๆย่างก้าวเข้าใกล้หญิงสาว หัวใจของเธอเต้นแรงและเร็วอย่างหวาดหวั่น

      “คุณเป็นใคร!” เธอถามออกไป

      “ฉันคือคนที่จะมาช่วยเธอ” เสียงทุ้มนุ่มดังออกมาจากปากของชายคนนั้น ร่างสีน้ำผึ้งค่อยๆเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

      “ฟีบัส” เสียงแหลมเล็กปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ฝัน

      “ใกล้ได้เวลาพิธีแล้วนะจ๊ะ” เสียงนั้นเรียกเธออีกครั้ง เป็นเสียงที่ดังมาจาดดวงไฟดวงเล็กที่ลอยวนรอบหญิงสาว ดวงไฟนั้นจริงๆคือ เทพธิดาดวงไฟ (Flare Fairy) ที่เชื่อกันมามาจากภูเขาไฟที่รวบรวมดวงจิตสิ่งมีชีวิต ภูเขาไฟบาเดีย (Badia mountain) ที่มีวัลคิรี่นาม เบรนด้า (Brenda, The Valkyrie) ปกปักรักษา ดวงไฟดวงน้อยอยู่เคียงข้างหญิงสาวตรงหน้าอยู่เสมอ หญิงสาวนามฟีบัสค่อยๆลุกขึ้นอย่างสลึมสลือ  ก่อนจะพาร่างของเธอลงไปชำระร่างกายในบ่อลาวาที่ร้อนจัด ปลุกให้เธอได้ตื่นเต็มตา

      “พิธีบูชาไฟอีกแล้วเหรอ” ภูติไฟ ฟีบัส(Phoebus) คิดในใจ พลางลุกขึ้นจากบ่อ

      “พิธีที่น่ารังเกียจ พิธีที่จะดึงพลังของฉันไป  ทำไม! ฉันต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ด้วย” หญิงสาวคิดพลางสะบัดเรือนผมสีแดงเพลิง ดวงตาสีเขียวมรกตนั้นเหม่อลอยออกไปยังทะเลทรายที่เวิ้งว้าง
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      สุดปลายของเขตทะเลทราย คือชายป่าของฟูดินัน ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเตรียมอุปกรณ์สำหรับล่าสัตว์ อันเป็นอาชีพของเขา ความคิดของเขายังคงคะนึงคิดถึงความฝันเมื่อคืน

      “เจย์! อรุณสวัสดิ์” เสียงของเหล่าเพื่อนบ้านดังขึ้นทักทาย เจ้าของชื่อหันไปมองตามเสียงเรียก

      “ขยันอย่างนี้สมกับเป็นพรานมือหนึ่งของฟูดินัน(Fudenun Hunter) เลยนะคะ” หญิงเพื่อนบ้านชม ผู้ที่ถูกชมได้แต่ยิ้มรับ
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “พักกันก่อนเถอะฟีบัส” แฟร์รี่ตัวน้อยบอกกับเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง ร่างกายของภูติเพลิงดูอ่อนแรง

      “ท่าทางเธอดูแย่มากเลยนะ” เสียงเจื้อยแจ้วยังคงดังเบาๆ ฟีบัสยิ้มให้กับดวงไฟดวงน้อยๆ

      “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แฟร์”  หญิงสาวเอ่ยก่อนที่จะล้มตัวลงไฟ

      “พวกชนเผ่าทะเลทรายทำอะไรกับเธอบ้าง” เทพธิดาตัวน้อยเริ่มสงสัยกับสิ่งที่มนุษย์ทำกับเพื่อนของเธอ ฟีบัสฟังคำถามนั้นก่อนที่จะหลับตาลงอย่างอ่อนแรง

      “พิธีบูชาไฟ มนุษย์พวกนั้นเชื่อว่า ฉันเกิดจากดวงไฟที่เทพอพอลโล (Apollo) ประทานมายังโลก คำขอร้องหรือบูชาผ่านทางฉัน จะสื่อไปถึงองค์เทพโดยตรง” กล่าวจบเธอก็พลิกตัวให้นอนในท่าที่สบายขึ้น สายตามองไปทั่วทั้งถ้ำที่เหมือนกรงขังเธอ

      “ฉันอยากจะหนีออกไปจากที่นี่!” ฟีบัสเอ่ยเบาๆก่อนที่จะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน น้ำตาเริ่มปริ่มอยู่รอบๆดวงตา

      “ฉันเป็นไฟที่จะต้องส่องสว่างให้ฝูงชนทั่วโลก ไม่ใช่ดวงไฟในพิธีของความงมงายเยี่ยงนี้”
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ชายหนุ่มขยับเดินเข้าไปในบ้านของตนอย่างเงียบเชียบ กลิ่นไอของชายป่าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย พรานหนุ่มล้มตัวลงนอนเพื่อที่จะพักผ่อน ดวงหน้าของหญิงสาวที่เขามักฝันถึงในช่วงนี้เริ่มลอยเด่นเข้ามาใน มโนจิตของเขา

      “อยากจะพบเธอซักครั้ง อยากจะรู้ว่าเธอเศร้าเรื่องอะไร” เจย์หลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่รู้เลยว่าผู้ที่เขาคิดถึงอยู่นี้ อยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ทะเลทราย ฟาคารัฟ (Fakarabh) กั้นเอาไว้
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      เช้าวันรุ่งขึ้นเหตุการณ์ต่างๆยังคงเหมือนปรกติสุข เจย์ พรานหนุ่มสะพายคันธนูคู่ใจเดินไปตามแนวป่าเขา จ้องหาเหยื่อมาประทังชีวิต

      “สวบ!” เสียงอะไร บางอย่างเคลื่อนไหวในพงหญ้า พรานนิ่วหน้าก่อนจะก้าวออกไปอย่างระมัดระวัง คันศรในมือจับไว้มั่น อยู่ในสภาพพร้อมที่จะพุ่งออกไป ศรแหวกกอหญ้าชี้ไปยังเป้าหมายทันที

      “ผู้หญิง!” เจย์อุทานออกมาเมื่อเห็นเหยื่อที่น่าจะเป็นสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตที่เขาตามหาเพื่อที่จะนำกลับบ้าน กลับเป็นหญิงสาวในชุดผ้าสีแดงสวยนอนสลบอยู่

      “คุณ! คุณ!” พรานไพรปลุกผู้ที่อยู่ตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆลุกขึ้นอย่างอ่อนเพลีย ดวงตาคมสีเขียวสบเข้าดวงตาสีน้ำตาลของชายหนุ่ม ทั้งสองตกใจไม่มีคำพูดใดๆออกมา

      “ช่างเหมือนคนที่อยู่ในฝันเหลือเกิน” เจย์และหญิงสาวอุทานออกมาในใจ
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “คุณชื่ออะไรครับ!” พรานแห่งป่าฟูดินันเอ่ยถามหลังจากที่ทั้งสองตั้งสติได้ ลมพัดอย่างอ่อนโยนพาให้
      เรือนผมสีน้ำตาลของชายหนุ่มและผมสีแดงของหญิงสาวปลิวเบาๆ

      “ฉันชื่อ ฟีบัส คุณล่ะ!” หญิงสาวตอบพร้อมถามกลับ ดวงตาจ้องมองชายหนุ่ม

      “ช่างเหมือนคนนั้นจริงๆ” เธอรำพึงในใจ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจของทั้งสองคน

      “ผมชื่อเจย์! เป็นพรานของฟูดินันครับ” ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      หลายวันคืนผันผ่าน ฟีบัสได้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเจย์ ความสัมพันธ์ของทั้งสองพัฒนาขึ้นตามหัวใจ ก่อให้เกิดเป็นความรักและความผูกพันธ์ ความรู้สึกดีๆของทั้งสอง ก่อตัวขึ้นมากมาย

      “ฟีบัส”

      “คะ!” หญิงสาวตอบรับคำเรียก ดวงตาสีมรกตของเธอจ้องไปยังดวงตาสีน้ำตาลของชายหนุ่ม

       “แต่งงานกับผมนะ” ชายหนุ่มเอ่ยออกมา แววตาและสีหน้าจริงจัง ไร้ความลังเลในหัวใจและแววตา ฟีบัสสัมผัสได้ถึงความแน่วแน่ สีหน้าหญิงสาวแต้มสีแดงระเรื่อ

      “ผมจริงจังนะครับ” เจย์พูดต่อ ดวงตาของฟีบัสหลบต่ำ

      “บางทีหากคุณรู้จักฉันมากกว่านี้ คุณอาจจะไม่พูดอย่างนี้กับฉัน” หญิงสาวพึมพำเบาๆราวกับคิดในใจ พรานหนุ่มขยับมือไปหาฟีบัสเมื่อเห็นเธอนิ่งเงียบ  ก่อนที่จะโอบเธอไว้ ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาของผู้ที่อยู่ในอ้อมแขนเขา แววตาของผู้ที่เก็บงำความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ตกดึก แสงดาวในคืนเดือนมืดพร่างพราวเต็มท้องฟ้า ไร้สรรพสิ่งใดๆเคลื่อนไหว มีเพียงร่างบางที่เดินชมแสงดาวอย่างโดดเดี่ยว สายลมหอบกลิ่นดอกราตรีหอมอ่อนๆเข้าจมูกของเธอราวกับจะพัดความไม่สบายใจ ให้หายไป หญิงสาวนิ่งคิดถึงตอนกลางวัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวอย่างสับสน เรือนผมสีแดงพลิ้วปลิวไปกับสายลมราวแพรพรรณชั้นดี ดวงตาสีเขียวมรกต รื้นน้ำตาแห่งความกลัวและความกังวล

      “ท่านหนีออกมานานเกินพอแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้นในเงามืด สายลมหยุดพัด จักจั่นหยุดร้อง ทุกสรรพสิ่งรอบข้าง ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน

      “ข้ามารับท่านกลับ ภูติแห่งเปลวเพลิง ฟีบัส” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เวทย์ลึกลับก็พุ่งเข้าใส่สาวน้อยทันที

      “ไม่นะ! ไม่! กรี๊ดดดดดดดดดดดด!” หญิงสาวหวีดร้องเสียงดังลั่นสนั่นป่า ฝูงสัตว์ตกใจตื่นและวิ่งหนี หมูนกแตกรังบินหนีหายไปในท้องฟ้าที่เริ่มเป็นสีแดงฉานเพราะเปลวไฟที่ลุกไหม้ผืนป่า
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “ฟีบัส!” พรานหนุ่มตกใจตื่นขึ้น ลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นในหัวใจ ความรู้สึกของการสูญเสียเกิดขึ้น ชายหนุ่มกระโดดลงมาจากเตียงวิ่งไปยังห้องของฟีบัสทันที

      “ฟีบัส! เปิดประตู! ฟีบัส!” ชายหนุ่มรัวกระแทกประตูหวังที่จะให้ผู้ที่อยู่ข้างในได้ลุกขึ้นมาเปิดให้เขาได้เห็นหน้าเพื่อที่เขาจะได้สบายใจ แรงกระแทกพาให้ประตูค่อยๆแง้มออก

      “ไม่ได้ลงกลอนไว้” หัวใจของชายหนุ่มเหมือนหลุดลอย เขาก้าวเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่าเหมือนใจสลาย

      “ทำไม! ทำไมคุณต้องหนีผมไป” น้ำตาของเขาเอ่อคลอ สายตาของเขามองกราดไปทั่วห้องอย่างช้ำหัวใจ พลันสายตามองไปเห็นไฟที่ไหม้ป่า พรานหนุ่มพรวดพราดออกไปทันที
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “ขอให้เจอ! ขอให้ได้พบ!” เจย์วิงวอนในใจ ขาของเขาวิ่งไปยังจุดที่เกิดเหตุโดยไม่ยอมหยุดพัก จวบจนถึงกองไฟกองใหญ่ ที่กลางกองเพลิงนั้นเอง เขาได้พบดวงใจของเขาที่ถูกพันธนาการเอาไว้

      “ฟีบัส!” ชายหนุ่มตะโกนเรียกหญิงสาวที่สลบไร้สติ เขาวิ่งเข้าไปพยายามปลดโซ่เวทย์ออกจากร่างของหญิงสาว

      “ท่านคงจะเป็นผู้ที่ดูแลเธออยู่ซินะ” เสียงลึกลับนั้นดังขึ้นอีกครา ปลุกสติให้ภูติเพลิงตื่นขึ้น

      “จะ…เจย์!” ฟีบัสร้องเรียกผู้ที่อยู่ต่อหน้าเธออย่างโหยหา

      “ข้าจะมารับตัวเธอ กลับ เธอเป็นส่วนประกอบสำคัญของพิธีบูชาไฟของเรา”  สิ้นเสียงนั้น ร่างของฟีบัสก็ค่อยๆหายไป ทิ้งไว้แต่เสียงเพรียกเรียกชื่อชายหนุ่ม พรานไพรทรุดลงนั่งกับพื้นสำนึกเสียใจที่ไม่อาจทำอะไรได้ ไม่อาจช่วยเหลือคนที่เขารักได้
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ท่ามกลางทะเลทรายฟาคารัฟอันเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความตาย ร่างโทรมๆราวกับไร้ชีวิตก้าว ผ่านผืนทรายอันร้อนแรง ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล ลูกธนูในแล่งลดน้อยลงจนแทบหมดสิ้น เสื้อผ้าชุดพรานไพรขาดวิ่นเพราะการต่อสู้กับสัตว์ร้าย เจ้าของร่างไม่สนใจบาดแผลทั้งหลาย หากแต่เขาพาร่างอันบอบช้ำพยายามที่จะข้ามทะเลทรายออกไป พยายามที่จะตามหาหัวใจของเขาที่ถูกลักพา หัวใจของเขาหวังที่จะผ่านออกไปแต่ร่างกายไม่อำนวยที่จะเดินทางต่อ เจย์ล้มลงกับพื้นทราย น้ำตาแห่งความเสียใจไหลริน
      “ฟีบัส! ผมกำลังจะไปหาคุณ คุณคงทรมานมากซินะ” พรานกล่าวเบาๆ สองขาไม่อาจที่จะลุกขึ้นได้

      “ลมเอย! ดินเอย! ข้ามาตามหาหัวใจของข้าที่ถูกแย่งชิง โปรดช่วยข้า โปรดมอบพลังให้ข้าที” น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เสียงสะอื้นไห้ดังเบาๆ ก่อนที่สติของเขาจะลับหาย
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “ริชาด! เขาฟื้นแล้ว” เสียงใสๆของหญิงสาวดังขึ้น ร่างที่นอนอยู่พยายามที่จะลืมตามองภาพที่พร่ามัวนั้นให้ชัดขึ้น เรือนผมสีแดงที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกใจตื่น

      “ฟีบัส!” เจย์สะดุ้งลุกขึ้น คนที่เขาอุทานเรียกหันกลับมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นหน้าชัดๆ สีหน้าของเจย์สลดลงทันที

      “คุณคงทักผิดแล้วล่ะค่ะ!” ใบหน้าสวยยิ้มตอบ

      “ฉันชื่อคาเรน ไม่ใช่ฟีบัส” หญิงสาวแนะนำตัว เป็นเวลาเดียวกับชายอีกคนเดินเข้ามาพอดี

      “คุณเป็นอย่างไรบ้าง อยู่ๆคุณก็มาเป็นลมกลางทะเลทรายที่นี่” ชายหนุ่มผมสีน้ำทะเลเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงนุ่มลึกชวนฟัง เจย์มองสภาพรอบตัวอย่างงุนงงก่อนเอ่ยปากขอบคุณ

      “ผมคงจะต้องไปแล้วล่ะ!” ชาวฟูดินันพยายามที่จะลุกขึ้นแต่หญิงสาวตรงหน้ากดร่างของเขาเอาไว้

      “คุณยังต้องพักผ่อนอีกมาก ตอนนี้สภาพร่างกายของคุณไม่เหมาะที่จะเดินทาง” เจย์นิ่งไปกับคำพูดนั้น มันเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงและจริงใจ

      “คุณพักอยู่กับพวกเราไปก่อนเถอะ ฉันคาเรน และนี่คู่หูของฉัน ริชาด เราสองคนเป็นนักดนตรี(Karen & Richard, The Minstrel) ส่วนคุณคงเป็นพรานจากฟูดินันซินะคะ” หญิงสาวแนะนำตัวอีกครั้งรอยยิ้มนั้นชวนให้คิดถึงภูติเพลิงเหลือเกิน
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “พวกคุณรู้จักพิธีบูชาไฟไหม” เจย์เอ่ยถามขึ้น วันนี้ก็เป็นวันที่ สาม แล้ว ที่เขาได้พักผ่อนกับสองนักดนตรี ทั้งสองได้ยิ้นคำถามก่อนที่จะมองหน้ากันเล็กน้อย

      “คุณสนใจ?” ริชาดถามขึ้น พรานหนุ่มพยักหน้ารับ

      “พวกเราก็จะไปดูพิธีนี้เหมือนกัน” คาเรนเอ่ย

      “หมู่บ้านนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก คุณไปกับพวกเราเลยละกัน” เสียงของกวีผู้สุขุมเอ่ย ข้อเสนอที่ทำให้เจย์ยิ้มได้
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “เจย์!” ฟีบัสสะดุ้งตื่นขึ้น ภาพของชายที่เธอมอบหัวใจให้นั้นลอยเด่นชัด น้ำตาก็เริ่มคลอดวงตาคมนั้นอีกครา

      “เธอกำลังมาช่วยฉันซินะ! ฉันฝันเห็นเธอตลอดเวลา!”ใบหน้าสวยเปื้อนน้ำตาก่อนที่จะลุกไปเตรียมพิธีที่ถึงกำหนดเวลา อย่างร่างที่ไร้หัวใจ
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “พิธีบูชาไฟ พิธีศักดิ์สิทธิ์ที่จะอาศัยพลังของภูติเปลวเพลิงติดต่อเทพเพื่อที่จะให้บรรดาลสิ่งที่คนในหมู่บ้านสมหวัง” ริชาดอธิบายเกี่ยวกับพิธีด้วยมาดที่นิ่งสงบผิดกับคาเรนที่คึกคักตลอดเวลา

      “พิธีนี้ใกล้จะเริ่มแล้วสินะ” คาเรนเอ่ยเสียงใส พลางเดินนำชายทั้งสองสู่หน้าลานพิธี  สายตาของพรานหนุ่มชาวฟูดินันมองภาพตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      ทันทีที่เสียงสวดของเหล่านักบวช จอมเวทย์ หมอผี และผู้วิเศษ จบลง พลันลาวาก็พุ่งขึ้นมาจากลานหิน สร้างความตกตะลึงและเรียกความสนใจไปจากผู้คนที่อยู่ในงาน เพียงชั่วลมพัดที่ลาวาที่พุ่งขึ้นมานั้นสงบลง ปรากฏร่างของหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางลาน หญิงสาวที่มีผมสีแดงเพลิงราวดวงตะวัน นัยน์ตาคมสีเขียวมรกตแสดงถึงตัวแทนของศิลปะวิทยาการ ร่างบางที่งดงามอยู่ในชุดขนนกสีแดงเหลือบรุ้งที่งดงาม

      “ฟีบัส!” เจย์อุทานเสียงดังจนเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้น ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปใกล้ลานพิธีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ในใจของเขามีเพียงต้องการพบหญิงสาวผู้เป็นยอดดวงใจของเขาเท่านั้น หญิงสาวผู้เป็นภูติแห่งเปลวไฟ  หญิงสาวที่เขาโหยหา
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “บังอาจเข้ามาทำลายพิธีศักดิ์สิทธิ์” เสียงโกรธเกรี้ยว ของจอมเวทย์คนหนึ่งดังขึ้นพร้อมด้วยลูกไฟที่พุ่งกระแทกร่างของเจย์จนกระเด็นออกไป  แขกต่างเมืองลุกขึ้น แม้จะมีเลือดสดๆไหลกระอักออกมาจากมุมปาก เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด เขารู้สึกเพียงแต่ความต้องการที่จะเข้าไปหาหญิงที่อยู่ตรงหน้า แม้สารพัดเวทย์ที่ซัดใส่เขาจะหนักหนาแค่ไหน เขาก็ยังคงฝืนทนก้าวเข้าไปใกล้ลานพิธี คันศรในมือเหนี่ยวสุดสาย

      “ผมจะช่วยคุณเดี๋ยวนี้! ฟีบัส ผมจะพาคุณไปจากที่นี่” เสียงของชายหนุ่มสั่นเครือก่อนที่ลูกธนูจะแล่นออกจากคันศรทำลายเขตอาคมที่แข็งแกร่งไปได้อย่างน่าประหลาด

      “บังอาจนัก!” หมอผีคนหนึ่งคำราม  สิ้นเสียง  ร่างของเจย์พรานหนุ่มจากฟูดินันก็มีไฟลุกท่วม ท่ามกลางเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของผู้ที่กำลังถูกช่วยเหลือ พรานไพรล้มลงกับพื้นหินทราย ร่างกายไหม้เกรียมไม่ไหวติง ภาพนั้นทำให้สติของฟีบัสลับหายไป ลาวาจากใต้พิภพก็พุ่งขึ้นมา หลอมทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มี

      “ไม่นะ! ไม่! ม่ายยยยยยยยยยยยย!!!!!”ภูติสาวกรีดร้องเพราะควบคุมสติไม่อยู่ ความเสียหายจากความร้อนของหินลาวาใต้ดินทำให้ ลานพิธีถูกทำลายเสียสิ้น
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      หลังเหตุการณ์สงบลง ทุกสิ่งเหลือเพียงเถ้าถ่านและหินที่แข็งตัว ร่างระหงสั่นระริกเพราะสิ่งที่สะเทือนใจนั้นก้าวเดินอย่างช้าๆไปยังร่างของผู้ที่เป็นที่รัก น้ำตาไหลรินอาบแก้มอิ่ม ดวงตาสีมรกตหมองหม่น

      “เจย์ฟื้นซิ!” ภูติสาวร่ำไห้ร่างในอ้อมแขนนิ่งสนิท

      “ฉันไม่น่าออกไปพบเธอตั้งแต่ทีแรกซินะ! ฉันไม่น่าจะรักเธอหรือทำให้เธอรักฉันตั้งแต่แรกซินะ” หญิงสาวคร่ำครวญรำพันไห้

      “ฟื้นซิ! ฟื้นซิเจย์!” ร่างบางเขย่าร่างที่อยู่ในอ้อมแขน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนอง น้ำตาแห่งความสูญเสียไหลริน

      “แฟร์! เธอต้องช่วยฉันนะ” ภูติสาวเอ่ยกับดวงไฟ ดวงไฟที่อยู่เคียงข้างเธอ

      “เธอจะให้ฉันชุบชีวิตเขาขึ้นมาสินะ” ดวงไฟน้อยตอบหญิงสาว

      “แต่ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตนะ” ข้อเสนอของธรรมชาติถูกหยิบยื่น ฟีบัสรับฟัง

      “เขาต้องตายเพราะฉัน! ฉันยอมที่จะสูญเสีย!”

      “แม้เธอและเขาจะไม่ได้พบกันอีกตลอดกาล” เทพธิดาเอ่ย ความสามารถของเธอจะต้องแลกมากับอีกหนึ่งชีวิต ฟีบัสพยักหน้ารับ น้ำตานองหน้า ทำให้ดวงไฟ พยักหน้ารับด้วยความเห็นใจ

      “เธอเป็นคนฉันฝันถึง! เธอเป็นคนที่มอบอิสระให้กับฉัน!” ฟีบัสเอ่ยเบาๆกับร่างไร้วิญญาณในอ้อมแขน
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “เกิดอะไรขึ้น” ริชาดเอ่ยหลังจากที่เขาและเพื่อนสาวออกมาจากที่ซ่อน ภาพที่เข้าเห็นคือทุกสิ่งถูกทำลายจนราบ มีเพียงกองไฟสีทองบริสุทธิ์ กองหนึ่งลุกสว่างโชติช่วง ราวกับมีชีวิต บางสิ่งในกองไฟเริ่มเคลื่อนไหว บางสิ่งที่เหมือนปีกนกกำลังสยายออกกว้าง ขนสีแดงเพลิงเหลือบรุ้งเมื่อสะท้อนแสงแดดนั้นตรึงตาของนักแสดงทั้งสองเอาไว้ เจ้าของปีกโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างงดงามแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า

      “วิหคอมตะ! ฟีนิกซ์ ผู้เกิดจากเปลวเพลิง!(Phoenix, The Rising Pyro)” นักดนตรีทั้งสองอุทานออกมาพร้อมกัน การเคลื่อนไหวที่สง่างามและอบอุ่นนั้น ดึงสายตาของทั้งคู่เอาไว้ จนไม่ทันสังเกตร่างอีกร่างที่ค่อยขยับตัว
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      “ตื่นเถอะ เจย์!” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นในห้วงคำนึง ใบหน้าคมเข้มค่อยลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ

      “ผม!”

      “เธอยังไม่ตายเจย์!” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งพยายามที่จะตอบความสงสัยของชายหนุ่ม พรานไพรมองไปยังต้นเสียงที่เป็นวิหคสีแดงที่โผบินบนท้องฟ้าอย่างงดงามนั้น

      “ขอบคุณนะที่ให้อิสระกับฉัน!” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง พรานหนุ่มมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ

      “ฟีบัส! นั่นเธอใช่ไหม” เจย์ร้องเรียก แต่ฟีนิกซ์กลับยิ่งบินออกห่าง

      “ชีวิตของเธอแลกมาด้วยจิตภูติของฉัน ฉันไม่อาจจะอยู่ในร่างของฟีบัสได้อีกแล้ว เราสองคนคงไม่อาจที่จะอยู่ด้วยกันได้ “วิหคเพลิงกล่าวเสียงเศร้าจอมพรานนิ่งอึ้ง

      “ขอบคุณนะที่สอนให้ฉันได้รู้จักความรัก! ขอบคุณที่ช่วยมอบอิสระกับฉัน! ฉันรักเธอเสมอนะเจย์ ไม่ว่าเรา
      จะห่างกันแค่ไหน!”

      “ใจของเราก็จะมีกันเสมอ” พรานหนุ่มเอ่ยทั้งน้ำตา หัวใจของเขาเจ็บช้ำอย่างไม่อาจยอมรับได้ ทั้งสองจากกัน ด้วยน้ำตา
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      หลังจากที่พรานหนุ่มกลับมายังบ้านได้ไม่นาน บ้านที่เขาอาศัยก็เกิดเหตุไฟไหม้ ไม่มีใครพบเห็นร่างของพรานไพรผู้เศร้าโศกอีกเลย มีบางคนเล่าว่า ขณะที่ไฟกำลังไหม้อยู่นั้น ชายหนุ่มได้ภาวนาต่อทวยเทพ ขอให้เขาได้กลายเป็นวิหคเพลิงเพื่อไปหาคนที่เขารัก  ท่ามกลางกองไฟที่รุนแรง ราวกับวิหคเริงระบำนั้น บางคนได้มองเห็น วิหคอมตะบินออกไปจากกองเพลิงหายไป
      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      สองนักดนตรี ริชาดและคาเรน นำเหตุการณ์ทั้งหมดมาร้อยเรียงเป็นบทเพลงรักที่แสนเศร้าสร้อย เรื่องของภูติสาวและพรานหนุ่มผู้กล้า ตราตรึงในใจของผู้ฟังทุกคน แต่ทั้งสองก็ไม่บอกถึงที่มาของบทเพลงนั้น ปริศนาบทเพลงแห่งเปลวเพลิงจึงเป็นความลับที่แสดงถึงรักที่พระเจ้าทรงลิขิตมานั้น อีกนานเท่านาน

      “ขอบคุณที่รักฉัน … ชอบคุณที่มอบอิสระให้กับฉัน…ขอบคุณที่สอนให้ฉันได้รู้จักรัก”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×