ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #14 : widower :: chapter thirteen

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.82K
      121
      25 มี.ค. 59

    ? themy butter
    +


       WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER THIRTEEN

     
     

                    ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มหน่อยๆ ท้องฟ้ามืดสนิทไร้ซึ่งดวงจันทร์เพราะตึกสูงมากมายที่บดบังความงดงามของธรรมชาติ สายลมแผ่วๆที่พัดมากระทบกับผิวแก้มใสทำให้ค่ำคืนนี้ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป แบมแบมเม้มปากเข้าหากันนิดหน่อยเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆจากคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน ในหัวของคนตัวเล็กยังคงวุ่นวายและสับสน

     
     

    “...”


     

    หลังจากที่มาร์คพูดประโยคชวนตกใจนั้นออกมามาร์คก็พาเขาลงมาที่สวนของคอนโด บอกว่าเราต้องคุยกันให้เข้าใจ...ทว่าตั้งแต่ลงมาถึงจนกระทั่งตอนนี้นั้นมาร์คก็ยังไม่ได้เปิดปากพูดอะไรออกมาเลยสักคำ ซึ่งมันกินเวลาไปเกือบสิบนาทีแล้วก็เห็นจะได้ที่รอบตัวของเราทั้งคู่เต็มไปด้วยความเงียบแบบนี้


     

    “มาร์ค...มีอะไรจะคุยก็คุยสิ” จนในที่สุดคนที่หมดความอดทนก่อนก็เป็นแบมแบม คนตัวเล็กตัดสินใจหันไปมองหน้าคนตัวสูงข้างๆที่นั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ไม้ตัวยาวอยู่นิ่งมานานสองนาน


     

    “แบม”

     


    มาร์คกลืนน้ำลาย สีหน้าของเขาฉายชัดถึงความไม่แน่ใจและประหม่าอย่างเห็นได้ชัด แบมแบมไม่เคยเห็นมาร์คมีท่าทางคล้ายกับว่ากำลังเสียความมั่นใจขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นภาพที่เห็นจึงทำให้คนตัวเล็กเผลอขมวดคิ้วตามไปกับท่าทางนั้นอย่างไม่รู้ตัว


     

    “...”


     

    “อะไรก็ได้ พูดมาเถอะ”


     

    น่าแปลก...คนที่ดูเหมือนว่าอ่อนแอในเรื่องของมาร์คมาตลอดสัปดาห์อย่างแบมแบมนั้นกลับกลายมาเป็นคนที่นิ่งสงบและมีท่าทียอมรับในความจริงทุกอย่างที่มาร์คต้องการจะบอก ถึงแม้ว่าเขาจะดีใจที่มาร์คบอกว่าชอบเขาแต่มันก็ยังไม่สุด...เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้มาร์คจะพูดอะไร มันอาจจะเป็นประโยคจำพวก ผมชอบคุณนะ ชอบมากๆ แต่ว่าผมมีลูกมีเมียแล้วเราคงไปด้วยกันไม่ได้ อะไรแบบนี้ก็ได้ คนตัวเล็กจึงยังไม่วางใจในท่าทางของมาร์คมากนัก

     


    “ถ้าหาก...”

     
     

    “ถ้าผมบอกว่า...ลิลลี่ไม่ใช่ลูกผมล่ะ”

     
     

    “...”

     


    ว่ายังไงนะ?


     

    “ถ้าผมบอกว่า ผมยังไม่มีลูกล่ะแบมแบม คุณจะว่ายังไง” มาร์คหันมามองเขาด้วยแววตาจริงจัง แบมแบมนิ่งค้างไปด้วยความตกใจในคำถาม ทำไมจู่ๆมาร์คถึงถามเขาแบบนี้ล่ะ...คนตัวโตตรงหน้าต้องการทดสอบอะไรเขาหรือเปล่า

     
     

    “ผม...อ่า มาร์คไม่เอาสิ ตอนนี้คุณก็มีลิลลี่แล้ว อย่าพูดแบบนี้เลย” แบมแบมนิ่งไปสักพักก่อนจะตอบกลับเสียงค่อยหากแต่ชัดเจน แววตาของคนตัวเล็กไม่ได้ล้อเล่น เขาคิดแบบนี้จริงๆ เพราะทุกอย่างมันไม่สามารถสมมุติหรือเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆราวกับในหนังในละครเสียเมื่อไหร่

     
     

    “แบม”

     
     

    “...”

     
     

    “ลิลลี่น่ะเป็นลูกผมก็จริง...แต่เป็นแค่ในนาม เธอไม่ได้เกิดมาจากผม”   

     
     

    “มาร์ค...คุณพูดบ้าอะไรอยู่รู้ตัวหรือเปล่า” แบมแบมใจหายวาบ เขาหน้าชาไปหมดเมื่อมาร์คพูดประโยคนี้ออกมา เขาไม่รู้หรอกนะว่าคนพูดต้องการจะสื่อความหมายว่ายังไงกันแน่ หากแต่เนื้อประโยคที่คล้ายกับต้องการจะบอกว่ามาร์คไม่ใช่พ่อของลิลลี่แบบนี้มันดูเป็นประโยคที่รุนแรงไปหรือเปล่าสำหรับการสมมุติน่ะ...

     
     

    “ผมพูดเรื่องจริง”

     

    “...” แบมแบมชะงักไป พยายามมองหาแววตาโกหกหลอกลวงจากดวงตาคู่คมแต่เขาก็พบเพียงแค่สายตาจริงจังไร้ซึ่งการล้อเล่นใดๆ ฝ่ามือใหญ่ของมาร์คค่อยๆเลื่อนมากอบกุมข้อมือข้างหนึ่งของเขาเอาไว้คล้ายกับไม่ต้องการให้แบมแบมหนีไปไหนในช่วงจังหวะนี้

     
     

    “ฟังนะ...ลิลลี่ไม่ใช่ลูกผม แต่เธอเป็นลูกของน้องสาวผมเอง...มิลา”

     
     

    “...”

     
     

    “นี่คือเรื่องที่ผมอยากจะบอก...คุณพร้อมที่จะฟังต่อไหมล่ะแบมแบม”

     
     

    มาถึงขนาดนี้ ไม่พร้อมก็คงต้องพร้อมแล้วล่ะ...


     

     

     

                    เรื่องราวทั้งหมดค่อยๆถูกบรรจงถ่ายทอดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำจากปากมาร์คโดยมีแบมแบมที่รับฟังอย่างตั้งใจ หัวใจของแบมแบมกระตุกวูบหลายต่อหลายครั้งในขณะที่มาร์คเปิดปากเล่าเรื่องราวที่คนตัวเล็กไม่เคยรู้และไม่เคยคาดฝันออกมากด้วยแววตาสั่นไหว คนตัวเล็กไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปนั้นมันเนิ่นนานแค่ไหน หากแต่สัมผัสอุ่นๆที่แก้มของตัวเองนั้นทำให้แบมแบมได้สติขึ้นมา...เขากำลังร้องไห้

     
     

    “...”

     
     

    คนตัวเล็กนิ่งไปเมื่อเสียงทุ้มแสนอบอุ่นของมาร์คหยุดลง แบมแบมหลุบสายตาลงต่ำพลางคิดประมวลผลเรื่องราวที่ได้ฟังมาทั้งหมดกับตัวเองอย่างเงียบๆ เขาไม่อยากจะเชื่อ...หากแต่แววตาและน้ำเสียงที่จริงจังจนสัมผัสได้นั้นก็ทำให้แบมแบมไม่มีทางเลือกอื่น

     
     

    มาร์คไม่จำเป็นต้องแต่งเรื่องใหญ่โตขนาดนี้เพื่อหลอกให้เขาเชื่อหรอก...เขารู้ดี


     

    “มาร์ค...ฮึก” แบมแบมสะอื้นฮักออกมา หมดคำพูดเมื่อทุกอย่างเริ่มตีรวน น้ำตาเม็ดเล็กหยดลงกระทบหน้าตักบางอย่างสุดกลั้น และสุดท้ายก็เป็นมาร์คที่ขยับกายเข้ามาใกล้แล้ววาดวงแขนตัวเองโอบเอาร่างเล็กๆของแบมแบมเข้ามาในอ้อมอก

     
     

    “ชู่ว ไม่เป็นไรน่า...ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้ว”

     
     

    “...และส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคุณด้วย แบมแบม” แบมแบมปิดเปลือกตาลงยอมให้มาร์คโอบร่างกายตัวเองเอาไว้เพื่อปลอบขวัญ มาร์ครู้ดีว่าแบมแบมก็รักลิลลี่อยู่ไม่น้อย...ถึงแม้ว่ามันจะเริ่มต้นมาจากความไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นบ่อยทุกวันเข้าความไม่ได้ตั้งใจก็กลายเป็นความผูกพันโดยไม่รู้ตัว

     
     

    ไม่ผิดเลยที่แบมแบมจะสงสารลิลลี่จนหลั่งน้ำตาออกมาเช่นนี้


     

    เพราะว่าเขาตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขาและลิลลี่ให้แบมแบมได้รู้ เขาคิดเอาไว้แล้วว่าไม่ช้าก็เร็ววันนี้จะต้องมาถึงถ้าหากว่าเขากับคนตัวเล็กคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจะปิดบังความจริงแบมแบมไม่ได้หากความรู้สึกของเขามันบอกแน่ชัดเหมือนอย่างในตอนนี้ว่าแบมแบมคือคนที่ใช่...คือคนที่มาร์ควางใจอยากจะใช้ชีวิตด้วย

     
     

    เขาได้บอกแบมแบมไปแล้วว่าลิลลี่ไม่ใช่ลูกสาวของเขา หากแต่เป็นลูกของมิลา...น้องสาวคนเล็กของตระกูล ซึ่งเหตุผลที่ต้องปิดบังนั้นก็เป็นเพราะว่ามิลากำลังเป็นที่ชื่นชอบและไปได้ดีในวงการนางแบบต่างประเทศ ด้วยอายุที่ยังน้อยและภาพลักษณ์ที่แสนสะดุดตา...ใครจะคิดล่ะ ว่าเด็กสาวอายุยี่สิบเอ็ดปีคนนี้จะมีลูกสาวแล้วหนึ่งคน

     
     

    และที่เลวร้ายที่สุดก็คือต้นเหตุทั้งหมดนั้นมาจากเรื่องธุรกิจทั้งสิ้น...

     
     

    มิลาถูกจับคลุมถุงชนกับลูกชายของเจ้าสัวตระกูลใหญ่แสนมั่งคั่งตั้งแต่เธออายุแค่สิบแปดปี ตอนนั้นมาร์คเป็นเพียงคนเดียวในบ้านที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านแบบหัวชนฝา เพราะรู้ดีว่าน้องสาวของเขาไม่ได้เต็มใจ หากแต่ว่าเขาเพียงคนเดียวในตอนนั้นก็ไม่สามารถขัดอำนาจและบารมีของคนใหญ่คนโตทั้งหลายได้...รวมไปถึงพ่อของเขา บุคคลที่ต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตว่าได้สร้างตราบาปให้กับลูกสาวตัวเองอย่างมหันต์

     
     

    พ่อของเขาคิดแผนที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ว่าถ้าหากให้มิลาเข้าไปเป็นสะใภ้ของตระกูลนั้นแล้วธุรกิจของเราจะสามารถขยายไปได้กว้างไกลกว่าที่เคย และเมื่อได้ทุกสิ่งที่สร้างความมั่นคงในระยะยาวแล้วจะดำเนินการหย่าให้มิลากับลูกชายของตระกูลใหญ่นั้น ซึ่งพ่อของเขาก็ไม่ได้ผิดสัญญา ท่านทำตามที่พูดจริงๆ...หากแต่ว่าทุกอย่างมันสายเกินไป

     
     

    มิลาได้กลับมาอยู่บ้านพร้อมกับหนึ่งชีวิตเล็กๆที่ติดท้องมาด้วย ขณะที่เธออายุเพิ่งจะยี่สิบ


     

    หากจะบอกว่าลิลลี่นั้นเกิดมาจากผลประโยชน์ทางธุรกิจก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก...


     

    และด้วยความสงสารน้องมาร์คจึงเป็นผู้เซ็นรับสิทธิการดูแลยัยหนูเอาไว้เองเกือบทั้งหมดด้วยความเต็มใจ เพราะมาร์คคิดว่ามิลาได้สูญเสียความเป็นวัยรุ่น...น้องสาวของเขาสูญเสียโอกาสมามากพอแล้ว จากนั้นมิลาจึงไปแจ้งเกิดเป็นนางแบบที่ต่างประเทศตามความฝัน ทุกอย่างไปได้สวยจนกระทั่งช่วงหลังที่ปาปารัซซี่เริ่มระแคะระคายเรื่องลิลลี่ มาร์คจึงตัดสินใจย้ายลิลลี่จากบ้านใหญ่มาอยู่คอนโดกันแค่สองคนเพื่อตัดปัญหา...ก่อนที่จะได้เจอเข้ากับคนตัวเล็กข้างห้องอย่างแบมแบม

     
     

    เขาไม่ได้คิดจะให้ซ่อนลิลลี่ไว้เบื้องหลังตลอดไป แต่มาร์คคิดว่าตอนนี้ทุกอย่างมันยังไม่เหมาะนัก

     
     

    “ผม...สงสารลิลลี่ สงสารคุณมิลา” แบมแบมครางเสียงแผ่วในอ้อมอก พอได้รู้ความจริงจากปากมาร์คแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองน่ะงี่เง่าชะมัด...

     
     

    “ตอนนี้ลิลลี่มีผมแล้ว มิลาก็ไม่คิดปิดบังลิลลี่ว่าเธอเป็นแม่...เพียงแต่ว่าหน้าที่เลี้ยงดูลิลลี่ไปจนโตผมจะเป็นคนดูแลเอง ลิลลี่จะต้องเข้าใจ” มาร์ควางฝ่ามือลงบนกลุ่มผมนุ่มแล้วลูบอย่างบรรจง ยอมรับว่าใจเต้นกับท่าทางเชื่องมือของแบมแบมแต่ตอนนี้เขารู้สึกดีใจมากกว่าที่แบมแบมเข้าใจเขาเสียที

     
     

    “รู้อย่างนี้แล้วอย่าหนีผมไปไหนอีกล่ะ”

     
     

    ตอนที่แบมแบมไม่อยู่น่ะ...มาร์ครู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเด็กหนุ่มที่โดนแฟนทิ้งไปก็ไม่เชิง


     

    “มาร์ค...ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณไม่สบายใจ” แบมแบมชะงักนิดหน่อย ดันตัวเองออกจากอ้อมอกอีกคนด้วยท่าทีเคอะเขิน ให้ตายเถอะ...สภาพเขาเมื่อกี้ต้องดูเหมือนสาวน้อยแรกแย้มมากแน่ๆ น่าอายเป็นบ้า

     
     

    “ไม่เป็นไรแบมแบม...ไม่เป็นไรเลย”

     
     

    “...”

     
     

    มาร์คน่ะก็ดีกับเขาแบบนี้ทุกทีนั่นแหละ

     
     

    .

    .

                                                  
                                        

                    “กลับดึกเชียวนะมึง...แน่ใจเหรอว่าไปส่งน้อง”

     
     

    แบมแบมชะงักฝีเท้าไปนิดหน่อยในจังหวะที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านแล้วพบว่าชเวยองแจยังคงนั่งดูโทรทัศน์อยู่กลางบ้าน แม้ไม่ได้หันหลังมามองแต่มันก็ส่งเสียงมาจิกกัดให้แบมแบมลอบชักสีหน้าใส่อย่างหมั่นไส้ นี่มันคิดว่ามันเป็นแม่เขาหรือยังไง...

     
     

    “ยังไม่นอนอีกเหรอ” แบมแบมเลี่ยงคำถามด้วยการถามกลับก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ด้านหลังของเพื่อนสนิท เลยได้เห็นว่าบนตักของชเวยองแจนั้นมีร่างของไอ้พี่แจ็คสันนอนหนุนดูทีวีอยู่อย่างสบายใจ ก็นึกว่ายองแจนั่งอยู่คนเดียวซะอีก

     
     

    เอ สถานการณ์แบบนี้นี่มันคุ้นๆนะ...เดจาวูหรือเปล่า

     
     

    “ยังอะ รอมึงด้วยแล้วก็อยากดูรายการนี้ด้วย” ยองแจชี้ไปที่หน้าจอทีวี รายการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิตอะไรสักอย่างที่เห็นว่าได้รับความนิยมจากคนดูมากมายทั้งในและนอกประเทศ

     
     

    “อ๋อ...”

     
     

    “แบมมึงไปหาเขามาเหรอ” ประโยคนี้เป็นพี่แจ็คสันที่ถามแม้จะไม่หันมามอง คนตัวเล็กยืนนิ่งไปก่อนจะคิดขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรโกหกออกไป เพราะว่าระดับการโกหกที่ห่วยแตกของเขานอกจากจะตบตาใครไม่ได้แล้วยังอาจจะทำให้ถูกด่าเละกลับมาอีกด้วย

     
     

    “อือ ใครบอก”

     
     

    “ไอ้ยู น้องมึง” ยองแจหันมาตอบพลางเลิกคิ้วใส่แบบกวนประสาท ยิ่งเห็นสีหน้าสับสนของแบมแบมก็ยิ่งนึกสนุก...ทำหน้าแบบนี้ได้แสดงว่าหายเศร้าแล้วแน่ๆ แอบไปเคลียร์กันมาอีท่าไหนล่ะเนี่ย...

     
     

    “ทำไมน้องกูขี้เสือก” แบมแบมถอนหายใจออกมายาวพรืด...แบมแบมก็ลืมไปว่าน้องตัวเองมันแสบแค่ไหน

     
     

    “มึงโง่เองเปล่าน้องมันเลยเห็นว่ามึงเอาแต่จ้องไลน์คนที่ชื่อมาร์คทั้งวัน” ยิ่งเห็นยองแจกับพี่แจ็คสันยักคิ้วหลิ่วตาล้อเลียนแบบนี้แบมแบมก็ยิ่งหงุดหงิด...สองคนนี้มันเป็นคู่ที่กวนประสาทจริงๆนะแบมแบมยอมรับด้วยใจจริงเลยอะ  

     
     

    “นี่มึงไปถวายตัวให้เขามาแล้วสินะ”

     
     

    “ประสาท!” แบมแบมตาโต ด่าสวนออกไปแทบจะทันใดที่ได้ยินประโยคกวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างฝ่าเท้า มือเล็กชกลงไปบนไหล่ของเพื่อนจนเกิดเสียงดังของเนื้อที่ถูกกระทบตามมาด้วยเสียงร้องโอดโอยของชเวยองแจที่ยิ่งฟังยิ่งกวนประสาท

     
     

    “แหม กูไม่ว่าอะไรหรอกน่า...ทำเป็นเล่นตัวตั้งนาน เฮ้อ” คนตัวเล็กมองค้อนใส่ทั้งสองคนเพราะไม่อยากเถียงต่อให้ปวดหัว เถียงต่อไปก็แพ้อยู่ดีนั่นแหละ สองเท้าเล็กเลยตัดสินใจเดินกระแทกปึงปังเข้าห้องนอนเล็กของตัวเองไปอย่างไม่เกรงใจ ปล่อยให้คนข้างนอกส่งเสียงตะโกนโห่แซวจนกว่าจะเหนื่อยไปเอง

     
     

    พรุ่งนี้แบมแบมจะรีบขนของกลับคอนโดแต่เช้าเลย พูดจริง!

     
     

     

     

                    และถึงแม้ว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสามแล้ว แต่ว่าแบมแบมยังไม่นอน...เพราะดูเหมือนว่าเขาจะเกิดอาการตาค้างขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ เหมือนว่าสมองมันตื่นตัวและสั่งการอยู่ตลอดเวลาหลังจากเดินทางกลับมาจากคอนโดเมื่อตอนเที่ยงคืนจนทำให้ต้องลุกขึ้นมานั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้ทำงานในยามดึกแบบนี้

     
     

    “...” เป็นหนึ่งคืนที่เต็มไปด้วยหลากหลายเรื่องราวและความรู้สึกจริงๆ

     
     

    แบมแบมยังไม่ได้เล่าเรื่องของลิลลี่ให้ใครฟัง และคิดเอาไว้แล้วว่าคงจะไม่เล่าให้ใครฟังด้วยหากว่าไม่จำเป็น...มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไหร่ และเขาก็ไม่ต้องการที่จะตอกย้ำความงี่เง่าของตัวเองด้วยว่าสิ่งที่เขาเข้าใจผิดนั้นมันช่างไร้สาระและน่าอาย

     
     

    “คดีพลิกชะมัด...” ปากอิ่มพึมพำออกมาคล้ายกับคนละเมอ ยกสองขาตัวเองขึ้นมากอดไว้แล้วซบหน้าลงไป สายตาเหม่อมองออกไปผ่านกระจกบานใสที่มีผ้าม่านสีอ่อนปิดอยู่เพียงครึ่ง

     
     

    หลังจากที่มาร์คบอกเขาเรื่องของลิลลี่และมิลาเสร็จแล้วเราก็ต่างคนต่างเงียบไปพักหนึ่งคล้ายกับว่ากำลังปรับอารมณ์และทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆด้วยตัวเองอยู่ แต่หลังจากนั้นมาร์คก็เริ่มบทสนทนาใหม่ที่ทำให้แบมแบมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า เพราะแต่ละคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบางสีอ่อนของมาร์คนั้นมันชวนให้รู้สึกขนลุกและร้อนผ่าวไปทั้งผิวกายแบบแปลกๆ

     
     

    “...” อาจจะเพราะว่าเรื่องที่คุยกันหลังจากนั้นมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่ต้องการความกระจ่างชัดเจน ความคลุมเครือนั้นมันก็ดีในช่วงแรกๆ หากแต่ปล่อยให้มันอยู่นานไปมากกว่านั้นก็จะกลายเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจแทน

     
     

    ผมชอบคุณจริงๆนะ ไม่ใช่เพราะว่าคุณช่วยเลี้ยงลิลลี่...อันนั้นมันก็มีส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมด...


     

    และประโยคนี้ที่มาร์คพูดกับเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้ามันเปรียบเหมือนกับว่าเป็นลมหอบใหญ่ที่พัดเอากลุ่มควันหมอกที่แสนขมุกขมัวให้ออกไปจากจิตใจของคนตัวเล็กได้อย่างง่ายดาย...ความอึดอัดและสับสนที่ชัดเจนมาตลอดหนึ่งสัปดาห์นั้นจางหายไปทีละนิดละหน่อยจนกระทั่งหมดไป

     
     

    เราสองคนก็ไม่ใช่เด็กกันแล้ว ถ้าจะคบกันก็คงต้องอยู่ด้วยกันไปตลอด...ผมไม่ชอบเปิดใจให้ใครบ่อยๆ เดาว่าแบมเองก็น่าจะเหมือนกัน...


     

    “บ้าเอ๊ย...” แบมแบมฟุบหน้าลงไปกับเข่าตัวเองซ้ำๆอยู่แบบนั้น ริมฝีปากอิ่มสบถคำหยาบคายออกมาเมื่อคำพูดของมาร์คเริ่มหมุนวนกลับเข้ามาอย่างกับว่าเป็นเทปที่ถูกบันทึกเอาไว้ บรรยากาศเย็นสบายรอบๆยิ่งทำให้ภาพความทรงจำดูสมจริงเข้าไปใหญ่

     
     

    แบม...ถ้าเราคบกันคุณว่ามันจะดีไหม? ผมอยากให้เราดูแลกันนะ


     

    “...” แบมแบมสูดหายใจเข้าปอดเต็มแรงเมื่อประโยคคำถามสุดท้ายของมาร์ควนกลับมาในหัว เขายังจำความรู้สึกของตัวเองได้ว่าทั้งตกใจและตื่นเต้น ยังจำได้ดีว่าก้อนเนื้อในอกมันเต้นเร็วและแรงมากแค่ไหนตอนที่มาร์คยื่นมือมาจับมือที่ทั้งสั่นและชื้นเหงื่อของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยขณะที่รอคำตอบ

     
     

    เขารู้ดีว่าส่วนลึกในใจของตัวเองน่ะมันมีคำตอบสำหรับคำถามนี้อยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยอะไรหลายๆอย่างที่คนตัวเล็กเองยังไม่แน่ใจมากพอจึงทำให้แบมแบมต้องใช้ความคิดอย่างมากกับคำถามนั้น เขาไม่ได้คิดจะปฏิเสธมาร์ค หากแต่ว่าจะให้ตกลงเลยมันก็ดูรวดเร็วเกินไปหน่อย

     
     

    เพราะฉะนั้นแล้ว คำตอบที่เขาให้มาร์คไปมันจึงเป็นคำตอบกลางๆที่ไม่ทั้งตอบรับและปฏิเสธอย่างประโยคที่ว่า รอให้ผมแน่ใจกว่านี้อีกนิดนะมาร์คอะไรทำนองนั้น ซึ่งพอเขาพูดออกไปมาร์คเองก็ไม่ได้ทำท่าทางเสียใจอะไรหรอก ชายหนุ่มแค่หัวเราะออกมาเบาๆแล้วพยักหน้าเป็นการตกลงเท่านั้น...

     
     

    ก็แบมแบมไม่เคยมีแฟนนี่...จะมีทั้งทีก็ต้องดูให้แน่ใจก่อนสิ จริงไหม?

     

     



    TALK!

    ความจริงถูกเปิดเผยแล้วว...มีบางคนเดาถูกตั้งแต่แรกๆแล้วด้วยอะ อาย 5555555555555555
    ก็บอกไว้แล้วว่าเป็นฟิคเบาๆเนอะ ปมก็ไม่มีอะไรมาก
    ใครที่เฉ่งคุณพ่อลูกอ่อนไว้เมื่อตอนที่แล้วอ่านตอนนี้จบก็ช่วยสงสารเขาหน่อยนะคะ พระเอกนะเนี่ย ใจหล่อ
    อย่าลืมช่วยกันลุ้นให้คุณนักเขียนตอบรับความรักคุณพ่อลูกอ่อนด้วย ฮ่าๆ
    เอ้อ แล้วก็ฟิคเรื่องนี้ 15 ตอนจบเนอะ เดินทางมาจนใกล้ถึงปลายทางแล้ว รู้สึกว่าเร็วมาก เฮ้อ


    ปล. ฟิคยังเปิดจองอยู่นะ เหลือเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์เท่าน้านน สนใจดูรายละเอียดตอนที่ 11 นะคะ

    ขอบคุณสำหรับทุก คอมเม้นต์ แท็ก โหวต นะคะ ดีใจมาก
    เจอกันตอนหน้าค่ะ



    #ficwdwmb

    twitter : @since9397

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×