ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ลงแบบ E-BOOK ที่ MEB] FIC WIDOWER : { MARKBAM }

    ลำดับตอนที่ #13 : widower :: chapter twelve

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.5K
      122
      17 มี.ค. 59

    ? themy butter
    +

       
    WIDOWER

    #MARKBAM

    CHAPTER TWELVE

     
     

                    วันนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์แล้วที่แบมแบมอพยพตัวเองมาอยู่บ้านเขา ซึ่งมันก็ยังมีน้ำใจช่วยเขาซื้อของสดเข้าบ้านแล้วก็ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วยการทำอาหารมื้อเย็นให้เขากับพี่แจ็คสันกินโดยที่ไม่ได้เอ่ยปากขอ มันก็เป็นเรื่องราวดีๆแหละนะ แต่จะมาแย่ก็เวลาที่มองหน้าแบมแบมแล้วเห็นว่านับวันใบหน้าที่เคยสดใสนั่นก็ซังกะตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

     
     

    นี่ยองแจต้องเอาน้ำมารดหัวแบมแบมไหม มันกำลังจะเฉาตายหรือเปล่า...


     

    “แบม วันนี้ยูยูมันมาเที่ยวนะรู้ยัง” และวันนี้ยองแจก็เบื่อกับการที่บ้านตัวเองต้องกลายมาเป็นสถานที่พักฟื้นผู้ป่วยทางใจเต็มที ดังนั้นเขาเลยวางแผนว่าจะให้แบมแบมที่บอกว่าตัวเองทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้วนั้นออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง

     
     

    “เหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” คนที่นั่งกอดเข่าตัวเองดูทีวีอยู่บนโซฟาเบาะข้างๆหันมามองหน้าเขาแบบโคตรไร้อารมณ์ ที่พูดถึงน่ะน้องสาวของมันที่บินมาจากต่างประเทศเลยนะ ช่วยตื่นเต้นหน่อยเหอะ

     
     

    “ก็มึงปิดมือถือเป็นอาทิตย์ขนาดนั้น กูนี่กลายเป็นเลขาไปละมีอะไรก็ต้องติดต่อผ่านกูกันน่ะ” ทั้งเรื่องงานเรื่องอะไรยองแจรู้ยองแจเห็นหมดเพราะแบมแบมไม่ยอมเปิดมือถือ จากตอนแรกที่สงสารกลายเป็นว่าเขาชักจะรำคาญในความเยอะของมันเสียแล้ว

     
     

    “เออ...วันนี้กูจะเปิดเครื่องแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะกลับห้อง”

     
     

    “เอาจริงดิ” แต่พอแบมแบมพูดออกมาแบบนั้นยองแจก็อดไม่ได้ที่จะถามซ้ำ แม้จะชอบบ่นชอบด่าแต่เขาก็เป็นห่วงเพื่อนอยู่ไม่น้อยเลย ถ้าเป็นอะไรไปยองแจจะหาเพื่อนเอ๋อๆแบบนี้จากที่ไหนได้อีกกันนะ

     
     

    “อือ กูจะหนีตลอดไปไม่ได้หรอก...อยู่ที่นี่ก็ไม่เหมือนอยู่ห้องตัวเอง”

     
     

    “สุดยอดไปเลย งั้นวันนี้มึงก็ออกไปเที่ยวกับน้องมันหน่อยสิ...เปิดหูเปิดตาไง จะได้ไม่ต้องจับเจ่าคิดวนไปวนมากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง กูว่าดีนะ ไปเหอะ”

     
     

    “อือ...ก็ได้”

     
     

    นี่ยองแจจะได้เพื่อนคนเดิมกลับมาแล้วใช่ไหมเนี่ย!




     

     

                    หลังจากช่วงเช้าผ่านไปแบมแบมก็ติดต่อหาน้องสาวคนกลางที่บินมาจากต่างประเทศโดยที่แบมแบมซึ่งเป็นพี่แท้ๆนั้นไม่รู้เรื่องเลยสักนิดจนกระทั่งยองแจมาบอกเขาเมื่อเช้า ทำให้คนตัวเล็กจำต้องเปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่ปิดตายเป็นสัปดาห์ขึ้นมาดูความเป็นไปของโลกในที่สุด เห็นว่ามีแจ้งเตือนจากสายไม่ได้รับเกือบๆยี่สิบสาย แล้วก็ข้อความที่ถูกดองค้างไว้อีกเป็นร้อย...

     
     

    “พี่แบม ไอ้เกมเมื่อกี้ที่เราเล่นกันอ่ะ อยู่ที่แอลเอยูเล่นกับเพื่อนชนะทุกตาเลยนะ มานี่แพ้เฉย” และตอนนี้เขาก็ออกมาเดินเล่นอยู่ที่ห้างขนาดใหญ่ใจกลางเมือง สถานที่ที่วัยรุ่นนิยมนัดพบปะกันเพราะว่าในตัวห้างมันเต็มไปด้วยสถานที่อำนวยความสะดวกอย่างร้านค้าแบรนด์ดังและศูนย์รวมความบันเทิงต่างๆมากมาย

     
     

    “ฉันเป็นพี่แกไง กระดูกมันคนละเบอร์” ฝ่ามือบางขยี้ลงไปบนกลุ่มผมสั้นสีเทาของน้องสาวที่เดินตัวสูงท่วมหัวอยู่ข้างๆ แบมแบมเองก็แปลกใจเหมือนกันนะว่าทำไมน้องสาวเขามันถึงได้สูงใหญ่กว่าขนาดนี้ ตอนท้องแม่ต้องแอบกินอะไรเข้าไปแน่ๆไอ้ยูยูมันถึงได้โตเกินหน้าเกินตาขนาดนี้

     
     

    “เออเชื่อ ของยูเบอร์ใหญ่กว่าของพี่แบมไง” แบมแบมเบ้ปากหันไปมองค้อนน้องสาวอีกเมื่อได้ยินประโยคไม่เข้าหู แต่ความจริงแล้วก็จริงของมันนั่นแหละ...หรือเป็นเพราะว่าไอ้ยูยูมันเป็นทอมด้วยก็เลยตัวใหญ่ เกี่ยวกันไหมนะ

     
     

    “นี่ๆคิดไรอยู่อะ เลี้ยงไอติมน้องหน่อยดิ”

     
     

    “ไม่โว้ย!”   

     
     

    แม้จะบอกไปแบบนั้นแต่ท้ายที่สุดแล้วไอ้ยูก็ลากเขามานั่งหน้าสลอนอยู่ในร้านไอศกรีมชื่อดังจนได้ แบมแบมลอบเบะปากนิดหน่อยตอนที่เปิดดูเมนูแล้วเห็นว่าราคาของไอศกรีมแต่ละก้อนนั้นมันค่อนข้างเอาเรื่อง ถ้าหากเป็นปกติแล้วไม่มีทางหรอกที่เขาจะเข้ามานั่งกินอะไรแบบนี้ แต่นี่ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษก็เลยไม่อยากบ่นอะไรให้เสียบรรยากาศ

     
     

    “พี่แบมเอาไร” ที่ร้านจะมีเครื่องให้ใช้นิ้วจิ้มสั่งเมนูด้วยตัวเองโดยไม่ต้องรอพนักงาน คนตัวเล็กเลยตัดสินใจจิ้มไปมั่วๆเพราะมีความคิดว่าจะรสไหนแบบไหนกินเข้าไปมันก็ไม่ต่างกันมากอยู่ดีนั่นแหละ แถมช่วงนี้อารมณ์ในการกินของหวานมันก็มีไม่ค่อยมากเท่าไหร่...

     
     

    “เออพี่แบม ที่แอลเอตอนนี้มีดาราจากหนังอินดี้คนนึงฮ็อตมากเลยนะ...ยูเคยไปต่อแถวขอลายเซ็นเขาด้วย แบบว่าสวยโคตรถ้าพี่แบมเจอรับรองว่าจะต้องร้องโอ้โห...”

     
     

    ครืด...

     
     

    “เขาเล่นดีมากเลยนะ พระเอกก็หล่ออะแต่ว่าเตี้ยไปนิด...”

     
     

    เสียงใสของน้องสาวยังคงเจื้อยแจ้วไปตามประสาคนช่างพูด แบมแบมเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่มาสมาธิหลุดเอาก็ตอนที่โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงมันสั่นคล้ายกับว่ามีข้อความเข้านั่นแหละมือเล็กเลยต้องล้วงเข้าไปหยิบออกมาดู

     
     

    “...”

     
     

    “พี่แบม...พี่แบม!

     
     

    “ห๊ะ? อะไร” คนถูกเรียกสะดุ้งเฮือก เงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลิกคิ้วมองเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอศกรีมหน้าตาน่ารับประทานถูกพนักงานในชุดยูนิฟอร์มของร้านนำมาวางเสิร์ฟให้พอดิบพอดี

     
     

    “เมื่อกี้ได้ฟังป้ะเนี่ย!

     
     

    “ไม่อะ...ไหนเล่าใหม่ดิ๊” คนตัวเล็กตอบเสียงเรียบ วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัวแล้วพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ถ้วยไอศกรีมทรงสูงตรงหน้าแทน ได้ยินเสียงถอนหายใจฟึดฟัดจากอีกฝ่ายแล้วก็ตลกดี...อายุก็ขึ้นเลขสองเหมือนกันแล้วยังทำตัวเป็นเด็กไปได้

     
     

    “ไม่เล่าแล้ว กินไปเหอะ!

     
     

     “...” แบมแบมยักไหล่ก่อนจะก้มหน้าก้มตากิน เพราะเขารู้ดีว่าคนอย่างยูยูน่ะไม่มีทางหรอกที่มันจะโกรธเขาเกินห้านาทีถ้าเป็นเรื่องไม่ร้ายแรง...ถ้าร้ายแรงจริงๆก็อาจจะนานเป็นชั่วโมง แต่ไม่มีทางที่จะเกินนั้นไปได้

     
     

    “เออ นึกออกแล้ว! ว่าจะถามตั้งแต่มาละว่าเด็กในไอจีพี่นี่ลูกใครอะ เห็นม๊าบอกว่าเคยคุยด้วยแล้ว” ฝ่ามือเล็กชะงักไปนิดหน่อยเมื่อจู่ๆน้องสาวก็ถามถึงลิลลี่ขึ้นมา แบมแบมเม้มปากนิดหน่อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางปกติ ดวงตาคู่สวยเหลือบมองทางอื่นนิดหน่อยคล้ายกำลังใช้ความคิด เขาอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้สั้นที่สุด

     
     

    “ก็...”

     
     

    “ลูกเพื่อน” แค่นั้นแหละ ถ้ายูถามต่อจากนี้รับรองว่ามันจะไม่ได้รับคำตอบอะไรเพิ่มเติมมากไปกว่านี้อีกแล้ว

     
     

    “เหรอ...น่ารักดีเนอะ” แบมแบมพยักหน้ารับช้าๆ ใช่ ลิลลี่น่ะน่ารัก...เป็นเด็กที่ควรได้รับความรักจากพ่อและแม่อย่างอบอุ่น อ่า ให้ตายเถอะ...แบมแบมว่าจะไม่คิดเรื่องนี้แล้วเชียว

     
     

    “...”

     
     

    คนตัวเล็กนิ่งเงียบไปเกือบอึดใจคล้ายกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัว ยูยูเองเมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองกำลังทำการตัดขาดโลกภายนอกด้วยการเหม่ออย่างที่ชอบทำบ่อยๆนั้นก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ฝ่ามือขาวหยิบเอาโทรศัพท์ของตัวเองมากดเล่นเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจ...แบมแบมก็ชอบทำท่าแบบนี้อยู่บ่อยๆนั่นแหละ ทั้งม๊าทั้งน้องเขาชินกันหมดแล้ว

     

     

     

     
     

                    วันนี้ทั้งวันแบมแบมหมดเวลาไปกับการเที่ยวเล่น มีทั้งสนุกบ้างน่าเบื่อบ้างปะปนกันไปตามประสาคนอารมณ์ไม่คงที่ แต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่จู่ๆน้องสาวตัวดีของเขาก็โผล่มาในช่วงจังหวะที่เขากำลังสับสนทางความรู้สึกแบบนี้ เขาอยู่กับน้องทั้งวันจนกระทั่งดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าถึงได้ขับรถมาส่งที่ห้อง

     
     

    “กลับบ้านดีๆล่ะ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาหายูนะ...ยูนัดเพื่อนไปเที่ยวแล้ว”

     
     

    “เออ ถ้าเงินหมดไม่ต้องมาขอ”

     
     

    แบมแบมพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับมา ได้ยินเสียงน้องสาวหัวเราะไล่หลังด้วยน้ำเสียงทะเล้นก็อดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้ม เขามาส่งไอ้ตัวดีที่ห้องพักหลังจากเที่ยวเสร็จ...ยูยูไม่ได้ขอไปอยู่คอนโดของเขา ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าวัฒนธรรมที่น้องเขาโตมานั้นเป็นแบบตะวันตก ถึงแม้จะเป็นญาติพี่น้องกันแต่พื้นที่ส่วนตัวก็คือพื้นที่ส่วนตัว ไม่เหมือนประเทศนี้ที่ถ้าหากญาติมาเยี่ยมบางทีต้องยอมสละห้องนอนตัวเองให้เลยด้วยซ้ำ

     
     

    “...”

     
     

    สองขาเรียวพาตัวเองเดินออกมาจนถึงลานจอดรถ คนตัวเล็กพาตัวเองเข้าไปนั่งตรงตำแหน่งคนขับก่อนจะโน้มใบหน้าซบลงไปกับพวงมาลัยคล้ายคนที่เหนื่อยจนหมดแรง นิ่งค้างอยู่ท่านั้นเพียงครู่เดียวก็ขยับคว้าเอาโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ตรงช่องเก็บของเล็กๆออกมาเลื่อนดูอีกครั้ง

     
     

    “บ้าเอ๊ย...”

     
     

    สบถออกมาเมื่อความรู้สึกบางอย่างมันทำให้แบมแบมรู้สึกอยากเอามือบีบคอตัวเองให้ตายไปเสียรู้แล้วรู้รอด ถ้าชีวิตมันจะสับสนขนาดนี้แบมแบมอยากจะขอลาออกจากการใช้ชีวิตได้ไหม...ให้ตายเถอะ บางทีก็แอบคิดกับตัวเองเหมือนกันนะว่าการอยู่คนเดียวตอนแรกมันก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องวุ่นวายเอาความรู้สึกไปฝากที่คนนั้นคนนี้ด้วย

     
     

    แบมแบมไม่เข้าใจตัวเองเอาเสียเลย...

     
     

    ถึงจะบอกว่าไม่เข้าใจตัวเองมากแค่ไหนแต่ตอนนี้แบมแบมก็ขับรถมาจอดอยู่ ณ สถานที่ที่แสนคุ้นตาและคุ้นเคยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้าหวานฉายแวววิตกกังวลออกมาอยางเห็นได้ชัดกับสิ่งที่ตัวเองกำลังจะทำ นั่งนิ่งอยู่แบบนั้นเกือบห้านาทีสุดท้ายแบมแบมก็ยอมดับเครื่องแล้วเปิดประตูรถออกมา

     
     

    “...” ความเงียบของลานจอดรถชั้นใต้ดินทำให้แบมแบมรีบก้าวขาตรงไปยังลิฟท์ ไม่รู้เหมือนกันนะว่าช่วงที่แบมแบมไม่อยู่คอนโดน่ะเขาได้มีการซ่อมแซมปรับปรุงลิฟท์ใหม่หรือเปล่า เพราะว่าเขากำลังรู้สึกว่าตัวเลขบอกชั้นภายในตัวลิฟท์นั้นมันช่างเร็วกว่าปกติเกือบเท่าตัว

     
     

    ติ๊ง...

     
     

    ในที่สุดประตูลิฟท์สีเงินแวววาวก็เปิดออกหน้าชั้นที่คนด้านในต้องการ สองขาเล็กก้าวออกมาอย่างไม่เร่งรีบ สูดเอาอากาศเข้าปอดลึกๆเพื่อให้สมองของตัวเองได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่แบมแบมจะต้องไม่ทำตัวน่าขายหน้าอาทิเช่นการร้องไห้หรือแสดงท่าทางอ่อนแอออกไปอย่างเด็ดขาด

     
     

    “...” ทุกอย่างดูเร็วผิดปกติในความรู้สึกของแบมแบม ตอนนี้เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องๆหนึ่งซึ่งเป็นห้องที่แบมแบมมีความคุ้นเคยรองลงมาจากห้องตัวเองก็ว่าได้ ปลายนิ้วเรียวกดลงไปบนปุ่มสีเงินด้านข้างแล้วยืนนิ่งๆรอให้คนด้านในออกมาเปิดประตูให้ตัวเอง

     
     

    ใช่...แบมแบมกำลังรอให้มาร์คออกมาเปิดประตู


     

    ที่แบมแบมทำแบบนี้นั้นก็มาจากข้อความที่ได้รับเมื่อตอนกลางวัน มาร์คบอกว่ามีบางอย่างสำคัญมากเกี่ยวกับลิลลี่ที่ต้องคุยกับเขา ในจังหวะแรกที่เห็นเขาใจหายวาบเพราะกลัวว่าลิลลี่จะเกิดอันตรายอะไรทว่าต้องเก็บอาการเพราะว่ายูยูนั่งอยู่ตรงหน้า ใครจะรู้ล่ะว่าในใจแบมแบมมันร้อนลุ่มแค่ไหน

     
     

    อันที่จริงนั้นเขาไม่ต้องทำตามที่มาร์คขอยังได้ แต่เป็นเพราะอะไรบางอย่างที่แบมแบมเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันมันบอกให้เขาลองทำตามใจดู เอาหนีต่อไปก็ไร้ประโยชน์เพราะว่ายังไงวันพรุ่งนี้แบมแบมก็จะกลับเข้ามาอยู่ที่ห้องตัวเองแล้ว หากมีอะไรก็ควรคุยกันให้เคลียร์ๆไปเลยดีกว่า

     
     

    แกร๊ก...

     
     

    “สวัสดีค่ะคุณแบมแบม”

     

    “...ครับ” หากแต่ด่านแรกที่เจอก็เล่นเอาแบมแบมแทบทรุด เพราะคนเปิดประตูห้องแทนที่จะเป็นมาร์คกลับเป็นหญิงสาวหุ่นดี ผู้ให้กำเนิดหนูน้อยน่ารักอย่างลิลลี่...ที่แบมแบมเคยเจอครั้งหนึ่งที่โรงพยาบาล ก่อนหน้านั้นอีกครั้งหนึ่งที่ชั้นล่างของคอนโด และสองสามครั้งที่เพื่อนเขาเห็นว่าเธอเดินออกมาจากห้องมาร์คเวลานัดสังสรรค์กันที่ห้อง

     
     

    หากแต่ว่าตอนนั้นที่เพื่อนๆเล่าให้ฟังแบมแบมก็ไม่ได้คิดติดใจอะไรเลยแม้แต่น้อย...


     

    คิดเพียงแค่ว่าอาจจะเป็นเพื่อนมาร์คเท่านั้น

     
     

    “...”

     
     

    แบมแบมเดินตามหญิงสาวในชุดเรียบๆอย่างเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงยีนขาดๆทว่ากลับดูดีอย่างไม่น่าเชื่อเข้ามาด้านใน จนกระทั่งพบเข้ากับร่างสูงของมาร์คที่ดูเหมือนว่ากำลังวุ่นวายอยู่กับการวางลิลลี่ที่หลับสนิทในอ้อมอกลงบนเปลเตียง ให้ทายว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินมากแค่ไหนกัน...

     
     

    “มาร์ค คุณแบมแบมมาแล้ว”

     
     

    “แบม...”

     
     

    มาร์คผละออกจากเปลก่อนจะหันหลังมามองเขาที่ยืนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้อยู่กลางห้อง หญิงสาวรับช่วงต่อจากมาร์คด้วยการตามไปห่มผ้าและจัดหมอนข้างกับตุ๊กตาในเตียงให้เข้าที่เข้าทางและไม่ให้รบกวนเด็กน้อย แบมแบมเห็นว่ามาร์คกำลังเดินเข้ามาใกล้เขา...ใบหน้าหล่อคมดูทรุดโทรมเสียจนเห็นได้ชัด

     
     

    “คุณ...มีอะไรจะบอกผมเหรอ” แบมแบมเลี่ยงคำว่าเรื่องของลิลลี่เพราะเหตุผลบางอย่าง คิ้วคู่สวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเพราะว่ามาร์คไม่ตอบอะไร คนตัวสูงทำเพียงแค่ส่งยิ้มบางๆอย่างที่เขาชอบมาให้พร้อมกับระยะห่างที่กำลังลดลงเรื่อยๆเท่านั้น

     

    “มาร์ค...” แบมแบมครางเสียงอ่อนเมื่อฝ่ามือของตัวเองถูกคนสูงกว่ายื่นมาจับกุมทั้งสองข้าง เขาออกแรงขืนหน่อยๆพลางเหลือบสายตาไปมองร่างของหญิงสาวผู้เป็นแม่ของลิลลี่และมีฐานะเป็นภรรยาของมาร์คที่กำลังนั่งยองๆหันหลังให้พวกเขาอยู่ตรงเปลลิลลี่ด้วยความหวาดหวั่น

     
     

    นี่มาร์คจะทำอะไร...

     
     

    “แบม...ฟังนะ ขอร้องว่าให้ตั้งใจฟัง” แบมแบมลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความประหม่า ดวงตากลมโตยอมสบประสานเข้ากับแววตาคมตรงหน้า รอฟังทุกสิ่งที่มาร์คอยากจะพูดอย่างตั้งใจแม้ว่าความไม่เข้าใจจะมีมากกว่า...ขอให้คุณมิลาอย่าเพิ่งเกลียดขี้หน้าเขาเลยนะ

     
     

    “ผมฟังอยู่มาร์ค”

     
     

    “...”

     
     

    แบมแบม...ผมชอบคุณ ชอบมากเสียด้วย

     
     

    “...”



    แบมแบมเบิกตากว้างเมื่อได้ฟังประโยคไม่คาดฝันจากอีกคน มาร์คพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงชัดเจนและหนักแน่นเสียจนแบมแบมสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อในอกของตัวเองที่เต้นตุบๆอย่างบ้าคลั่ง ทว่าอดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองร่างบอบบางของมิลา เห็นว่าเธอผละออกมาจากเตียงลิลลี่แล้วเดินหายไปยังห้องนอนฝั่งซ้ายราวกับเธอมองไม่เห็นว่าเขากับมาร์คกำลังทำอะไรหรือพูดอะไรกันอยู่ทั้งที่ตำแหน่งยืนของเขาทั้งคู่มันคือกลางห้องแบบนี้...

     
     

    “ขอโทษนะที่ผมต้องเอาลิลลี่มาอ้างตอนส่งข้อความไป เพราะคุณเอาแต่วิ่งหนีผมแบบนี้...”

     
     

    “แบมแบม...ผมคิดว่ามันถึงเวลาที่เราต้องคุยกันให้เข้าใจสักที”

     
     

    “มาร์ค...”

     

    ให้ตายเถอะ นี่มาร์คคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย!

     

     

     



    TALK!
    ยูยู = ร่างแปลงของยูคยอมนะคะ 5555555555555
    คุณพ่อเขาจะเลิกอมพะนำแล้วล่ะเพราะตอนที่แล้วโดนด่าซะหูชา สงสารเขานะคะ
    จะเป็นยังไงต่อไปนะ เดาสิเดา ชอบจังเวลามีคนเดาถูก

    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ โหวตแล้วก็แท็กนะคะ น่ารักที่สุด

    ปล.หนังสือยังขายอยู่นะคะ เพิ่มตอนพิเศษเป็น 3 ตอน แล้วก็โฟโต้การ์ดน่ารักๆให้ทุกคนด้วย
    เร่เข้ามาเลยเร่เข้ามา ~

    เปิดจอง FIC WIDOWER | MARKBAM < CLICK


    #ficwdwmb

    twitter : @since9397

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×