ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    MINI STORE ; ROOM (ห้องลับ)

    ลำดับตอนที่ #21 : ตัวอย่างบทนำ From your passion

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 59




    ...00...
    Prologue

     

    Where'd you go?

    คุณหายไปไหนกัน?

    I miss you so,

    ฉันคิดถึงคุณนะ

    Seems like it's been forever,

    เหมือนกับว่าเวลามันผ่านมานานแสนนาน

    That you've been gone.

    ตั้งแต่คุณจากไป

    (เพลง Where’d You Go ศิลปิน fort minor )

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

    ฉันจะอยู่กับเธอจะคอยอยู่เคียงข้างเธอ และจะปกป้องเธอเอง

     

    ตลอดไปเลยหรอ

     

    แน่นอน...ตลอดไปเลย

     

    ตึด ตึด ตึด

     

    เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตามเวลาที่ถูกตั้งเอาไว้ตรงเป๊ะ เสียงที่ดังสนั่นลั่นห้องอย่างหนวกหูและสามารถทำให้คนฟังสามารถสติแตกได้ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ฉันเลยเอื้อมมือไปกดปิดนาฬิการปลุกแสนงี่เง่าและน่ารำคารนั่นซะ บางทีฉันก็อยากจะให้ไอ้เจ้านาฬิกาปลุกนี่ถ่านหมดหรือไม่ก็พังๆไปซะ

     

    ทั้งๆที่ฉันจะสามารถเจอเขาได้แค่ในความฝันแท้ๆแต่ไอ้เจ้านาฬิกาปลุกเวรนี่ก็ต้องดังขึ้นมาก่อนทุกทีสิน่า! ฉันเคยเอาบรรดานาฬิกาปลุกราคาแสนแพงทั้งหลายไปเผาทิ้งแล้วล่ะ แต่ยัยน้องสาวจอมเจ้ากี้เจ้าการก็หาเครื่องใหม่มาทุกที

     

    ฉันเลิกคิดอะไรเรื่อยเปื่อยและเดินเข้าไปในห้องน้ำ อาบได้ไม่นานก็ต้องรีบออกมาแต่งตัวเพราะวันนี้ฉันมีเรียนเช้า แถมบรรดาเพื่อนๆฉันก็เน้นย้ำไว้เป็นพิเศษว่าวันนี้ห้ามสายเด็ดขาด!

     

    ~don't turn away don't give in to the pain don't try to hide though they're screaming your name~

     

    ฉันแต่งตัวใส่ชุดนักศึกษาเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เดินออกมาจากห้องน้ำได้ไม่กี่เก้าโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้น ฉันเดินไปคว้าโทรศัพท์ไว้และกดรับ เดาไม่ยากหรอกว่าปลายสายคือใคร จะมีซักกี่คนกันที่จะกล้าโทรมารบกวนฉันตอนเช้าแบบนี้ เพราะส่วนมากก็จะโดนฉันวีนกลับไป

     

    [รับเร็วแบบนี้แสดงว่าตื่นแล้วล่ะสิ]

     

    “พี่ตื่นแล้วน่า...เอาจริงๆแล้วเอลไม่ต้องโทรมาแทบจะทุกเช้าก็ได้นะ พี่บอกแล้วว่าซาตื่นเองได้!!” ฉันว่าไปด้วยน้ำเสียงที่ปนความหงุดหงิดเล็กน้อย

     

    เอลที่ฉันว่าก็คือชื่อย่อๆของเอเรียล์ น้องสาวคนละแม่ของฉันที่มักจะโทรมาคอยปลุกฉันทุกๆเช้าเพราะกลัวว่าฉันจะไม่ตื่น หรือตื่นแล้วก็ไปนอนต่อ แต่ขอโทษเถอะนะ ฉันอายุยี่สิบสองแล้วปะ?

     

    [ตื่นเองได้? น้ำเสียงดูจะมั่นใจมากเลยนะ]

     

    อย่ามาทำเหมือนพี่เป็นเด็กๆนะ พี่เป็นพี่เอลนะอย่าลืม แล้วอีกอย่างตอนนี้พี่ก็ออกมาอยู่ที่คอนโดแล้ว โตแล้ว ดูแลตัวเองได้ เข้าใจนะ?!” ฉันบ่นไปแต่งหน้าไปเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

     

    [เอาล่ะๆ เอลไม่เถียงด้วยแล้วว่าแต่เมื่อคืนพี่ซาฝันถึงเขามั้ย]

     

    มือที่กำลังถือลิปสติกที่เพิ่งจะทาเสร็จไปชะงักอย่างฉับพลันเมื่อได้ยินประโยคหลังที่ดังมาจากปลายสาย ฉันนิ่งไปประมาณสิบวินาที พอเริ่มตั้งสติได้ฉันก็วางลิปสติกลงและตอบเอเรียล์ไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆเหมือนเคยเมื่อเธอถามถึงเรื่องนี้

     

    ฝันสิเหมือนทุกๆคืน

     

    แน่นอนว่าเอลเคยถามคำถามนี้มาก่อนหน้านี้ ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแต่เป็นหลายครั้ง ฉันฝันถึงเขาบ่อยมาก แทบจะทุกวันด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่เขาหายตัวไปจากชีวิตฉันโดยไม่บอกไม่กล่าวฉันก็เริ่มฝันถึงเขามาโดยตลอด ไม่ใช่แค่ฝัน แต่ยังเห็นภาพหลอนว่าเขายังวนเวียนอยู่รอบๆตัว ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าฉันทำอะไรผิดไป ทั้งๆที่ฉันก็พยายามอย่างหนักเพื่อจะปรับตัวให้เข้ากับเขาให้ได้ แต่มันก็ไร้ค่าเมื่อเขาหายตัวไปเมื่อสี่ปีที่แล้ว ป๊าของฉันเคยพาฉันไปพบจิตแพทย์ทั้งๆที่ฉันก็คัดค้านไม่อยากจะไป แต่ก็ไม่อาจที่จะเอาชนะป๊าได้ ทางเดียวที่ฉันจะชนะได้ก็คือฉันจะไม่ให้ความร่วมมือกับหมอคนนั้นเด็ดขาด ไม่ว่าคนพวกจะหว่างล้อมฉันยังไงก็ตาม

     

    เขาที่ฉันหมายถึงก็คือแฟนเก่าของฉันเอง ต้องขอบอกออกมาจากใจจริงว่ามันเลวมาก และมันก็กล้ามากที่กล้าทิ้งฉันไปอย่างไร้เยื่อใย ฉันยอมรับว่าฉันรักเขา รักเขามากจริงๆ และตอนนี้ในใจของฉันก็ยังคงรู้สึกเหมือนเดิม ถึงฉันจะพยายามจะไม่คิด ไม่สนใจ แต่ฉันก็รู้ตัวดีว่าจริงๆฉันก็ยังคงรอเขาให้กลับมาอยู่

     

    […งั้นหรอ แล้ว...ซาจะไปมหาลัยเองหรือจะให้เอลไปรับ]

     

    ไปเองดีกว่า วันนี้เพื่อนพี่นัดแต่เช้า แล้ววันนี้พี่ก็มีเรียนเช้าด้วย ขืนมัวแต่รอเอลก็ไปสายพอดี

     

    [ถ้าอย่างงั้นก็แค่นี้ก็แล้วกัน พี่ซารีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย]

     

    ฉันไม่ได้ว่าอะไรต่อและวางสายไปเลย จากนั้นฉันก็คว้ากระเป๋าสะพายแบรนด์เนมของแท้และกุญแจรถจากนั้นก็เดินออกจากห้อง ลงลิฟไปชั้นล่างไปขึ้นรถและขับออกไปจากคอนโดสุดหรูใจกลางเมืองที่ทุกๆคนใฝ่ฝันว่าจะได้อยู่อย่างเร็วไว

     

    Penn Palace เป็นโรงแรมสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพ ภายนอกของโรงแรมดูหรูหราคล้ายปราสาทราชวังเหมือนชื่อ ส่วนภายในก็ได้รับการตกแต่งได้หรูหราไม่แพ้ภายนอก ให้บริการในระดับ Hi-end เช่น ห้องน้ำปูด้วยหินอ่อน, ติดตั้งจอพลาสม่าทุกห้องและอื่นๆอีกมากมายที่จะบริการ คนที่จะมาพักอยู่ที่ Penn Palace ได้จะต้องเป็นพวกระดับท็อปเท่านั้น รวยอย่างเดียวไม่มีสิทธิ์

     

    ที่ฉันสามารถเข้าไปอยู่ในโรงแรมที่เริดเวอร์และได้อยู่ขั้นวีไอพีได้ก็เพราะว่าฉันเป็นลูกสาวคนโตของเจ้าของโรงแรม และยังเป็นอีกคนที่ดูแลรับผิดชอบบริหารโรงแรมนี้ต่อจากป๊าด้วย นอกจากฉันที่พักอยู่ที่นั่นแล้วก็ยังมีพี่และน้องฉันอีกสามคน พูดแล้วมันก็น่าโมโหจริงๆ เหตุผลที่ฉันโมโหก็คือพ่อไม่เชื่อในตัวฉันเลย ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องงาน เพราะเรื่องงานน่ะล้นมือจนแทบจะรับไม่ไหวแล้ว แต่มันเกี่ยวกับเรื่องการดำลงชีวิตอยู่ น้องชายและน้องสาวฉันได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวที่คอนโดตั้งแต่เพิ่งเข้ามหาลัย ส่วนพี่ชายฉันก็ได้ออกมาเมื่อตอนเรียนอยู่มอปลายปีสอง! ส่วนฉันได้ออกมาจากบ้านใหญ่ตอนเรียนอยู่มหาลัยปีสี่! ซึ่งฉันเพิ่งจะได้ออกมาเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเท่านั้น!! มันจะไม่น่าโมโหเลยถ้าป๊าให้ความเท่าเทียมกับฉันเหมือนกับพี่น้องอีกสามคน

     

    ฉันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอาหารเช้า และนี่มันก็เพิ่งจะเจ็ดโมงสิบนาที ฉันนัดกับเพื่อนไว้ตอนแปดโมงครึ่ง อีกนานกว่าจะถึงเวลานัด เพราะงั้นฉันเลยเลี้ยวรถเข้าไปในร้านอาหารที่ผ่านทางซึ่งเป็นร้านประจำ จัดการจอดรถเสร็จเรียบร้อยก็ลงมาจากรถและเดินตรงไปทางเข้าร้านแต่ก็ต้องเป็นอันหยุดเดินเพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาขวางทางเอาไว้

     

    ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย

     

    ผู้หญิงตรงหน้าฉันเริ่มเปิดการสนทนา ฉันมั่นใจเกินล้านเปอร์เซ็นเลยว่าไม่เคยรู้จักและเห็นหน้าเธอคนนี้มาก่อน ใบหน้าของหล่อนถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางอย่างหนา ตาโต จมูกโด่งอย่างพอสวย ริมฝีปากบางถูกเครือบไว้ด้วยลิปสติกสีชมพูหวานและทับด้วยลิปกรอสอีกที รวมๆก็ถือว่าสวย แต่ก็น้อยกว่าฉันอยู่ดี ผมของเธอดัดหยิกเป็นลอนขนาบข้างแก้มทั้งสองและปรกลงตรงไหล่ทับชุดนักศึกษารัดติ้วอวดทรวดทรงที่เธอใส่อยู่ ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักหรอกนะ แต่ที่เด่นที่สุดในตัวเธอตอนนี้ก็คงจะเป็นสายตาที่บ่งบอกความเป็นศัตรูอย่างชัดเจน

     

    หล่อนจะกระโจนเข้ามาตบฉันมั้ยเนี่ย!!

     

    คุยเรื่องอะไร? ว่ามาสิ

     

    ไม่ใช่ตรงนี้ คนเยอะเกินไปฉันไม่ชอบ

     

    แต่ฉันชอบ มีปัญหาอะไรมั้ย? ฉันว่าเธอมีอะไรก็รีบๆพูดมาเถอะ เพราะถ้าเธอไม่พูดฉันก็คงจะต้องขอตัวฉันว่าแล้วเดินผ่านยัยเครื่องสำอางหนา(จงเอาชื่อนี้ไปซะ)ไปอย่างเหมือนเธอไม่มีตัวตนเป็นแค่ธาตุอากาศ แต่เดินผ่านไปได้ไม่กี่เก้าก็ต้องชะงักเพราะเสียงแหลมสูงที่ดังขึ้น ทำให้คนที่อยู่ในบริเวรนี้หันมามองเราสองคนกันทันที

     

    เลิกยุ่งกับวินเนอร์ซะ!!!!”  

     

    “…”

     

    ถือว่าฉันขอร้องก็ล่ะเลิกยุ่งกับเขาซะ ได้โปรดฉันหันกลับไปจ้องหน้าหล่อนด้วยแววตาสมเพศเวทนา ดูจากแล้วก็คงจะมาเรื่องผู้ชายล่ะสิ เหอะ!

     

    ฉันก็อยากจะทำตามที่เธอขอร้องนะ แต่ฉันคงทำให้ไม่ได้หรอก เพราะฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อวินเนอร์

     

    ไม่จริง!! แกโกหก!” ฉันจะไปโกหกเธอทำสากเบืออะไร!

     

    ไม่เชื่อก็ตามใจเธอเถอะ! บอกความจริงไปแล้วแต่ไม่เชื่อเองก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อแล้ว แล้วก็นะ ที่หลังก็หัดเช็คชื่อชู้แฟนตัวเองให้ดีๆซักก่อน จะได้ไม่ต้องมาทักคนผิดและทำให้คนอื่นเขาเสียเวลาแบบนี้!”

     

    นังซาติ!!!” ยัยเครื่องสำอางหนาตรงเข้ามา หวังจะเข้ามาตบฉัน ฉันเลยคว้าข้อมือของหล่อนที่ยกขึ้นและเตียมจะฟาดลงมาไว้ จากนั้นฉันก็

     

    เพี้ย!!!

     

    จัดการตบหน้ายัยเครื่องสำอางหนาไปอย่างแรง ^^ ต้องขอบอกว่าแรงจริงๆนะ เพราะฉันเองก็เป็นคนมือหนัก แถมยังมีคนมาหาเรื่องบ่อยๆ เพราะงั้นฉันเลยตบคนเป็นประจำ คนที่โดนฉันตบอย่างน้อยยัยนั่นก็ต้องมีตราฝ่ามือฉันประทับอยู่บนหน้าไปหลายวันเลยล่ะ เผลอๆตอนถูกตบใหม่ๆจะเลือดไหลเลยด้วยซ้ำ

     

    เป็นไง? เจ็บมั้ยล่ะฉันถามยัยนั่นไปด้วยน้ำเสียงใสๆที่อารมณ์ดีสุดๆและคนที่ฟังเสียงนั้นก็จะต้องหมั่นไส้อย่างสุดๆด้วยเช่นกัน

     

    แก!!!”

     

    แน่นอนว่าผลที่ได้ก็คือสายตาอันเคียดแค้นที่เหมือนกับฉันไปฆ่าพ่อฆ่าแม่ของหล่อนมายังไงยั่งงั้น ยัยเครื่องสำอางหนาทำท่าจะพุ่งมาตบฉันอีกรอบ ฉันก็เลยจัดการสวนกลับไปอีกรอบและอีกหลายๆรอบ เหล่าผู้ชมรอบข้างเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยหรือเข้ามาห้ามเลยซักคน เฮ้อ! คนเรานี่มันช่างเห็นแก่ตัวกันซะจริง

     

    พอนึกขึ้นได้ว่าฉันเสียเวลากับยัยนี่มานานมากแล้ว และฉันก็กำลังจะไปนัดเพื่อนสาย ฉันเลยผละออกจากยัยนี่นี่นอนเละอยู่ที่พื้นที่เต็มไปด้วยดินและก้อนกรวดพร้อมกับพูดประโยคสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป

     

    จำใส่กะโหลกเน่าๆที่วันๆเอาแต่คิดเรื่องผู้ชายของแกไว้ซะ อย่ามาซ่ากับคนอย่างซาตินถ้ายังอยากจะมีลมหายใจอยู่บนโลกนี้!!!”







    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    อัพแล้วกับบทนำ ;^; คือต้องขอบอกว่าแต่งยากมากสำหรับเรื่องนี้
    เพราะปกติไม่ค่อยแต่งให้นางเอกแรงได้ขนาดนี้ แต่นานๆทีก็สะใจดีเหมือนกัน -.,-
    สรุปก็คือชอบยัยซาตินเหมือนกัน เพราะนางแรงโดนใจพี่ดี
    แต่ก็คือมันก็แต่งยากนิ๊สนึง เพราะเปิดมาก็ตบๆๆๆ ขนาดแค่บทนำนะ 555
    แต่ถึงซาติดนางจะแรงขนาดไหนก็ตาม ขอให้นางอยู่ในใจของนักอ่านทุกคน~


    1 คอมเม้น 1 การติดตาม = 1 กำลังใจให้ไรต์เตอร์อัพนิยายได้ต่อไป
    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×