ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gang Of Heaven - คณะเดินทางกู้พิภพ

    ลำดับตอนที่ #27 : ตอนที่ 24 : ตำหนักแดนตะวันออก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 32
      4
      3 ก.ค. 64

    กลุ่มของทองอินทร์เดินทางผ่านแม่น้ำมาเรื่อยๆ จนในตอนนี้พวกเขาได้เดินมาถึงสถานที่รกร้างแห่งหนึ่ง บรรยากาศรอบข้างดูช่างวังเวงเนื่องจากว่าไม่มีแสงจากดวงอาทิตย์เลย แต่ก็ยังมีปีศาจบางส่วนที่ประจำอยู่ที่พื้นที่แถวนั้น ทำให้พวกของทองอินทร์ต้องปะทะกับพวกมันเพื่อเคลียร์เส้นทาง

    “ระวังด้วย ไอ้ผีพวกนี้มันมีมากนัก!!” ทองอินทร์พูดขึ้นจากนั้นก็กระโดดฟันหัววิญญาณตัวหนึ่งจนตายคาที่

    “แล้วนี่ ประตูวิญญาณไปอยู่ที่ใดเล่า??” คาวีถามในขณะที่ไล่ฟันวิญญาณพวกนั้น แล้วก็เอามีดหมอมาแทงมันจนร่างสลายไป

    “นั่นดิ แล้วยมทูตนั่นหายไปที่ใดเล่า??” วารีถามในขณะที่ฟันพวกมันขาดครึ่งซีก

    “สนใจพวกที่อยู่ตรงหน้าก่อนดีกว่า” เมรีพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงธนูใส่มันจนกระเด็นไป

    “ดูเหมือนที่นี่จักเป็นประตูวิญญาณของจริงนะเนี่ย” นรสิงห์พูดขึ้นจากนั้นก็ฟันร่างยักษ์ดำจนขาดครึ่ง

    “มีแต่พวกมันทั้งนั้น นี่มันอะไรกันวะเนี่ย??” แสนคำสมิงถามไปจากนั้นก็ถีบยักษ์ตัวหนึ่งจนกระเด็น แต่ในตอนนั้น ก็มีกลุ่มลูกธนูพุ่งเข้ามาใส่พวกเขา อองโม่โยต้องรีบเอาโล่กันไว้ในทันที

    “บ้าเอ้ย พวกมันมีพลธนูด้วยเหรอวะเนี่ย??” อองโม่โยถามไป

    “พวกมันยิงมาจากที่ใดเล่า??” เอื้องเหนือถามไป และในตอนนั้น มาร์คัสก็เหลือบไปเห็นพวกมันที่ยิงมาจากในเงามืด เขาเลยยิงสวนเข้าไปด้านในทันที

    “ปัง!!”

    “มันหลบในเงามืด ยิงมันเลย!!” มาร์คัสพูดขึ้น

    “นั่น มันยิงมาจากทางนั้นด้วย!!” เวียงพิงค์พูดขึ้น จากนั้นก็เล็งยิงเข้าไป

    “ได้เลย มันอยู่ตรงนั้น!!” ชิงเสียนพูดขึ้นและยิงสวนกับพวกมันจนมันกระเด็นไป

    “พวกมันเหลือน้อยแล้ว อดทนหน่อยทุกคน!!” อเล็กซพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงใส่พวกวิญญาณจนพวกมันร่างแหลก

    “ถอยไปไกลๆเลยพวกแก!!” ออเรเลียพูดขึ้นจากนั้นก็เหวี่ยงทวนใส่พวกมันจนมันถอย

    “ไอ้พวกนี้มันดุร้ายจริงๆ ระวังด้วย!!” ธิดาพูดขึ้น

    “กลัวอันใดเล่า เราก็ปราบมันได้นี่!!” เทเรซ่าพูดขึ้นจากนั้นก็แกว่งดาบใส่พวกมันจนกระเด็น

    “ไอ้พวกระยำเอ้ย มาเลย!!” มายะพูดขึ้นจากนั้นก็ไล่ฟันทั้งวิญญาณและพวกยักษ์

    “ไม่ต้องผุดต้องเกิดเลยไอ้พวกนรก!!” โชพูดขึ้นจากนั้นก็วิ่งไปฟันหัวของพลธนูตัวหนึ่งในเงามืด

    “ย้าก ตายอีกรอบเถอะพวกมึง!!” ฉางหลงวิ่งเข้าไปกระโดดถีบวิญญาณตัวหนึ่งจนกระเด็น

    “ปืนใหม่ของท่านมาร์คัสนี่ใช้ดีนักแล” สมบาติพูดขึ้นพลางยิงพวกมันไปด้วย

    “นั่นสิ ไม่ต้องเสียเลาบรรจุดินปืนบ่อยๆด้วย” ไวโอเล็ตพูดขึ้นจากนั้นก็ไล่ยิงพวกมันต่อ

    “ตายกันเป็นหมู่คณะเถิดพวกมึง!!” มาเรียน่าพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงปืนใหญ่มือของเธอใส่พวกมันไป

    “ถ้ากองทัพสวรรค์บุกลงมาช่วยคงจักดีมากเลย” หลี่เจาพูดขึ้นในขณะที่ฟาดฟันพวกมันไป

    “เอานี่ไปกิน!!” อิริยะเหวี่ยงบ่วงใส่กลุ่มผีจนพวกมันตายกันเหี้ยน

    “เข้ามาเลยไอ้พวกนี้!!” อนาเลียกระโดดใช้มือแทงไปที่ร่างของมันทีละตัว

    “นี่ เราต้องไปอีกไกลเท่าใดเนี่ย??” วาทินถามในขณะที่ไล่ฟันพวกมันไปทีละตัว

    “คงมิไกลเท่าใดดอก ข้าคิดว่านะ” ฮิเดกิพูดขึ้นจากนั้นก็ใช้ดาบคู่ฟันพวกมันอย่างต่อเนื่อง

    “อ่ะก๊ะๆๆ” ลุงคงจับหัวของยักษ์ตัวหนึ่งมาแล้วบีบจนแหลกเละ

    “น่ารำคาญเสียจริงไอ้พวกนี้” ชอว์นถีบยักษ์ตัวหนึ่งออกไปแล้วฟันมันต่อ

    “เอาระเบิดไปกินซะ!!” เชอร์รี่ปาระเบิดหม้อใส่พวกวิญญาณจนกระจายไปคนละทาง

    “เป็นผีก็ตายอีกได้นะไอ้พวกนี้” ซื่ออ้ายพูดและเตะยักษ์ตัวหนึ่งแล้วใช้พัดปาดคอมัน

    “ตายกันไปให้หมดไอ้พวกนี้!!” นาราเตะก้านคอมันตัวหนึ่งจนมันล้มลง

    “พวกมันจะตายกันหมดแล้ว!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ใช่ ไอ้พวกนี้มันเป็นวิญญาณชั้นต่ำหน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้นจากนั้นก็ร่ายพลังใส่พวกมันไป จนกระทั่งยักษ์ตัวสุดท้าย ทองอินทร์ก็ฟันหัวของยักษ์ตัวหนึ่งจนขาดกระเด็นไปได้ จากนั้นพวกเขาก็มารวมตัวกันต่อในทันที

    “เฮ้อ โคตรเหนื่อย ไอ้พวกนี้มันจะเยอะไปไหนวะ??” ทองอินทร์ถามไป

    “นั่นสิพี่ เหมือนว่าพวกมันจะป้องกันไม่ให้เราเข้าถึงอะไรบางอย่าง” กุมารเทพพูดขึ้น

    “แล้วนี่ ท่านยมทูตหายไปที่ใดเล่า??” ทองอินทร์ถามไป และไม่ทันไร ยมทูตที่พวกเขาตามหาก็เดินมาทางพวกเขาในทันที

    “เป็นอย่างไรบ้างพวกเจ้า ดีที่พวกเจ้ารอดมาได้??”

    “นี่ ท่านยมทูต โผล่มาทำไมเอาป่านนี้ ไม่รอให้พวกข้าตายก่อนหล่ะ??” คาวีถามไป

    “ข้ามีงานอื่นต้องทำ ข้าเลยฝากพวกเจ้าช่วยจัดการหน่ะ ว่าแต่ พวกเจ้าได้กุญแจมาแล้วหรือไม่??” ยมทูตถามไป

    “พวกข้าได้มาแล้ว แต่พวกข้าขอถามอันใดพวกท่านได้หรือไม่??” วารีถามไป

    “พวกข้าอยากรู้ว่า เหตุไฉนตำหนักที่เราจะต้องไปถึงต้องเร่งรัดสร้างมันขึ้นมา??” เมรีถามไป

    “ใช่ ราวกับว่าพวกท่านรู้ว่าพวกปีศาจจะบุกยมโลกหน่ะ??” นรสิงห์ถามเสริม

    “คือมันมีวิญญาณที่จะต้องถูกส่งไปอเวจีตนหนึ่ง มันมาขอบอกข้อมูลเกี่ยวกับพวกปีศาจ เพื่อแลกกับการที่ได้ไปเกิดใหม่อีกครั้ง ท่านยมราชตกลง และส่งให้ข้ามาสืบข่าวเพิ่มเติม ในระหว่างนั้น ท่านยมราชก็มีบัญชาให้สร้างตำหนักตะวันออกเพื่อป้องกันยมโลกตามที่ได้ข้อมูลจากพวกมันหน่ะ” ยมทูตพูดขึ้น

    “แล้วท่านหล่ะ ดูท่านชอบที่จะแวบหายไปที่นั่นไปที่นี่บ่อย บางทีก็ปล่อยให้พวกเราไปเจอกับพวกปีศาจมากๆเลยนะ” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ข้าต้องไปติดต่อกับพวกยมทูตที่กำลังรบใต้ดินกับพวกปีศาจ บัดนี้พวกปีศาจมันยึดครองไปทั่วแล้ว อยู่ที่ใดก็เจอพวกมัน เจ้ามิต้องห่วงไปดอก” ยมทูตพูดขึ้น

    “เอาเถิด เอาที่ท่านสะดวกเลย” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “แล้วนี่ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านยมราชถูกจับที่ใด??” นาราถามไป

    “เท่าที่ข้าได้ข่าวมาล่าสุด ท่านถูกจับในเขตเส้นทางที่จะต้องไปเกิดใหม่ โดยที่พวกปีศาจมันเฝ้าท่านมากมายเต็มไปหมด” ยมทูตพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น เราคงต้องเจอกับพวกมันมากมายเป็นแน่” เวียงพิงค์พูดขึ้น

    “นั่นสิ พวกมันอาจตั้งกำลังรอรับมือเราอยู่ก็เป็นได้” ธิดาพูดขึ้น

    “แล้วท่านอยากจะให้เราทำอันใดต่อหล่ะ??” เทเรซ่าถามยมทูตไป

    “ข้าอยากให้พวกเจ้าปลดปล่อยพวกปีศาจที่พระตำหนักตะวันออก เพื่อที่เราจะได้เสริมกำลังที่นั่น และขับไล่พวกปีศาจออกไปให้ได้ ตัวข้าจะเร่งไปติดต่อกับยมทูตคนอื่นๆ ให้พวกเขามาเสริมทัพที่นั่น” ยมทูตพูดขึ้น

    “แล้วพวกปีศาจที่นั่นมีเยอะเท่าใดกันเล่า??” ออเรเลียถามไป

    “นั่นสิ ท่านพอจักบอกข้าได้หรือไม่??” อองโม่โยถามไป

    “อย่างมากแค่พวกยักษ์ไม่เท่าไหร่หรอก” ยมทูตพูดขึ้น

    “และหากเปิดประตูตำหนักได้ รวมถึงจัดการพวกปีศาจได้ เรายังจะต้องเฝ้าที่นั่นงั้นหรือ??” มาเรียน่าถามไป

    “นั่นสิ พวกข้ายังต้องเดินทางกันต่อนะ” ชิงเสียนถามเสริมไปด้วย

    “ข้าจะเร่งส่งคนไปยึดที่ตำหนักนั่น เมื่อพวกเจ้าจัดการปีศาจด้านในจนหมด พวกเจ้าก็เดินทางไปช่วยท่านยมราชได้เลย” ยมทูตพูดขึ้น

    “เอาเถิด หวังว่าพวกมันจะไม่มีพวกที่มีฝีมือมากเท่าไหร่นักนะ” สมบาติพูดขึ้น

    “แต่ข้าได้กลิ่นแปลกๆในวังนั่นด้วย ไม่รู้ว่าจะเจออะไร” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า พวกเจ้าจัดการที่เหลือด้วยก็แล้วกัน ข้าจะเร่งส่งกำลังเสริมไปที่วังแห่งนั้น รับรองว่าไม่นานดอก!!” ยมทูตพูดขึ้นจากนั้นก็รีบจากไปในทันที

    “ข้าว่าแล้ว ยมทูตท่านนั้นต้องมีอันใดไม่ชอบมาพากล” หลี่เจาพูดขึ้น

    “ท่านคิดเห็นเหมือนข้าเลย แล้วเรายังจะต้องไปตำหนักนั่นอีกหรือ??” วาทินถามไป

    “เราไม่มีทางเลือกนี่ ตำหนักนั่นเป็นทางเดียวที่จะรวบรวมกำลังพลเพื่อกอบกู้นรกภูมิได้” อิริยะพูดขึ้น

    “จัดการเรื่องที่นี่เสร็จก็ต้องไปช่วยท้าวยมราชต่อเลยงั้นหรือ??” อนาเลียถามไป

    “เจ้าจะกลัวอันใดเล่า หนักกว่านี้เราก็เจอมาแล้วนี่” มายะพูดขึ้น

    “แต่ข้ากลัวว่ามันอาจจะซ่อนอันใดที่วังนั่นก็ได้” โชพูดขึ้น

    “ไม่ดอก ถึงอย่างไรเราก็จัดการได้อยู่แล้ว” ฉางหลงพูดขึ้น

    “ครานี้เราคงต้องเล่นตามเกมพวกมันไปก่อน ดูว่ามันกำลังทำอันใดอยู่” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกปีศาจหมื่นปีไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด น่าสงสัยเหลือเกิน” ชอว์นพูดขึ้น

    “มันคงซ่อนตัวอยู่ที่ใดซักแห่งในนรกนี่หล่ะ” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “อย่าบอกนะว่าเราต้องเดินไปจนสุดขอบเหวนรกนี่หน่ะ” ซื่ออ้ายพูดอย่างตกใจ

    “คงไม่ถึงขนาดนั้นดอก เอาแค่เปิดกำแพงนรกให้ได้ก็พอแล้ว” มาร์คัสพูดขึ้น

    “ใช่ หากเราทำได้ทุกอย่างก็คงจบแล้วหล่ะ” อเล็กซพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ตำหนักนั่นอยู่ที่ใดกันเล่า??” ทูตเบลล์ถามไป

    “ด้านนั้น ข้าคิดว่า ถนนเส้นใหญ่เส้นนั้น” กุมารเทพพูดและชี้ไปยังถนนเส้นหนึ่งซึ่งจะพาพวกเขาไปยังประตูใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งตั้งตระหง่านมานาน

    “เราจักไปดูให้เห็นกับตา เดินทางกันต่อเถิด!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อในทันที

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในนรกอันเวิ้งว้าง กลุ่มของอาชิซะเดินทางกันอย่างไรจุดหมาย ในตอนนี้พวกเขายังไม่มีแผนการอันใดเลย เนื่องจากต้องเผชิญหน้ากับซิลลินเรีย หนึ่งในเกรย์โอลด์วันอันทรงพลัง ตัวของคาเลเรียไม่อยากสู้ ในขณะที่ตัวอื่นๆก็รู้ตัวว่าสู้กับซิลลินเรียไม่ได้เลย

    “เฮ้อ ไม่รู้ว่าพวกเราต้องเดินไปอีกไกลเท่าใดเนี่ย” โลครานพูดอย่างอารมณ์เสีย

    “ใช่ หากเราเจอกับพวกปีศาจ ก็น่าจะรู้ว่าต้องทำอันใดต่อ” ดีเอโก้พูดขึ้น

    “เหตุใดต้องไปฟังพวกมันเล่า เราก็จัดการกันเองได้นี่” โดมิงโก้ตอบกลับไป

    “คาเลเรีย ข้าจะไม่ถามเจ้านะว่าเจ้าจะเอาอย่างไร” อาชิซะพูดขึ้น

    “แล้วใครอยากให้ท่านถามเล่า ท่านไม่ต้องถามอันใดข้าหรอก” คาเลเรียพูดขึ้น

    “หากพี่สาวเจ้ามาขวางทางข้า ข้าไม่รับรองว่าข้าจะปล่อยนางไป” อาชิซะพูดขึ้น

    “ท่านสู้นางมิได้ดอก” คาเลเรียพูดขึ้น

    “พวกท่านสองคนอย่าทะเลาะกันเองอีกเลย” โลครานพูดขึ้น

    “นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเจ้ายักษ์นี่พูดดีนะ” ดีเอโก้พูดขึ้น

    “นั่นดิ นึกว่าจะไม่มีสมองกับเขาเสียอีก” โดมิงโก้พูดขึ้น

    “ความจริงข้าไม่ควรจะมาถามอันใดเจ้าเลย ข้าจะฆ่าพวกมันทุกตัว โดยเฉพาะไอ้ทองอินทร์นั่น” อาชิซะพูดขึ้น

    “ข้าว่า ท่านควรจักหาทางแยกตัวนางออกมาจากพวกมันดีกว่า” คาเลเรียพูดขึ้น

    “ข้าว่า นางคงไม่ยอมแยกจากพวกมันง่ายๆดอก” โลครานพูดขึ้น

    “นั่นสิ แต่หากกำจัดนางก็เกินมือพวกเราอีก” โดมิงโก้พูดขึ้น จากนั้นคาเลเรียก็ทำตาขวางใส่เขา

    “เฮ้อๆๆ ไม่น่าปากดีเลยเจ้าเนี่ย” ดีเอโก้พูดขึ้น

    “ข้ามีแผนการให้พวกเจ้าได้ทำแล้วหล่ะ บัดนี้พระนางไนอาลาโธเทปโกรธพวกคณะเดินทางมากที่ทำให้ซิลลินเรียไปอยู่กับพวกมัน พระนางมีคำสั่งให้กำจัดพวกมันด่วนเลย” เสียงประหลาดนั่นได้พูดขึ้นอีกแล้ว

    “เออ ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็ทำอยู่ดี รำคาญโว้ย!!” อาชิซะตะโกนออกมา

    “เฮ้อๆๆๆ อาชิซะผู้น่าสงสาร เป็นได้ถึงขนาดนี้แล้วหรือ??”

    “เจ้าเงียบปากซะเถอะ อย่าคิดว่าข้าจะทำอันใดเจ้ามิได้นะ” อาชิซะพูดขึ้น

    “ยิ่งนานวันพวกคณะเดินทางก็ยิ่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นายหญิงไนอาลาโธเทปยังฟื้นพลังไม่เต็มที่ หากกองทัพสวรรค์บุกมา พวกเจ้าคงได้ตายกันสมใจ” เสียงประหลาดนั่นพูดต่อ

    “แล้วพระนางไม่ได้บอกเจ้าเลยหรือว่าให้ทำอันใด??” คาเลเรียตะโกนถามไป

    “พวกเจ้าเป็นยอดนักรบ น่าจะรู้ว่าต้องทำเยี่ยงไร เอาเป็นว่าพระนางกำลังมองดูพวกเจ้าอยู่ อย่าทำให้พระนางผิดหวังเด็ดขาด” เสียงนั่นพูดทิ้งท้าย จากนั้นเสียงก็ค่อยๆหายไปในทันที

    “ยัยวีเกอร์ร่า อย่าคิดว่าจะรอดไปได้ เสร็จงานเมื่อใด ข้าจักไปคิดบัญชีกับเจ้า” อาชิซะพูดขึ้น

     

    ทางด้านของเฟยหลิง ในตอนนี้ตัวของเฟยหลิงได้เดินทางไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่จะไปเกิดใหม่ของเหล่าวิญญาณ ซึ่งบรรยากาศรอบด้านดูไม่ค่อยน่าอภิรมย์เสียเท่าใดนัก เฟยหลิงต้องพยายามหลบกองทัพปีศาจที่อยู่บริเวณนั้นซึ่งมีมากมายเกินคณานับ ถ้าเฟยหลิงบุกเข้าไปตรงๆก็คงจะเสียเปรียบมากๆ

    “โห พวกมันคงมีไม่ต่ำกว่าพัน ออกไปตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตาย”

    เฟยหลิงพูดขึ้นจากนั้นก็ค่อยๆใช้เส้นทางที่เลี่ยงกองทัพของพวกมัน เธอพยายามเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อมองดูว่าท้าวยมราชถูกจับไปอยู่ที่ใด

    “ท่านยมราชไปอยู่ที่ใดกันนะ??” เฟยหลิงถามไป ในขณะที่เธอต้องหลบพวกปีศาจไปด้วย

    “เอ๊ะ ข้าได้กลิ่นแปลกๆ”

    เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆย่องเข้าไปตามกลิ่นนั้นเรื่อยๆ โดยที่เธอได้กินยาซึ่งใช้กลบกลิ่นเทพเจ้าของเธอได้ เธอเข้าไปหลบอยู่หลังโขดหินจากนั้นก็มองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมียักษ์ตัวสีเขียวร่างยักษ์กำลังยืนเฝ้าชายร่างยักษ์มีเขาควายอยู่บนหัวตัวสีแดงยืนอยู่ ราวกับว่ากำลังถูกคุมตัวอยู่

    “นั่นไง ท่านท้าวยมราช แต่เหตุใดดูกลิ่นแปลกๆ??” เฟยหลิงถามไป และในตอนนั้นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งดูคล้ายกับป่าทึบขวางทางถนนเส้นใหญ่อยู่

    “เส้นทางนั้นมันไปนครยมราชนี่หน่า แต่เหตุใดพวกมันถึงไม่คุมตัวเขาไปที่นั่น แต่มาคุมตัวเขาที่นี่กันนะ??”

    เฟยหลิงคิดในใจไป แต่เธอก็ยังไม่จู่โจมในคราวนี้เนื่องจากว่ายังเสียเปรียบเรื่องจำนวนอยู่ รวมถึงพลังเทพของเธอก็ใช้ได้ไม่เต็มที่นัก

    “ดูเหมือนมันจะมีอะไรซ้อนอยู่นะ เริ่มจากท่านท้าวยมราชที่ดูแปลกๆ รวมถึงยมทูตประหลาดนั่น ไม่แน่ในนครยมราชนั่นอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่เป็นแน่” เฟยหลิงพูดขึ้น ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงเดินเท้ามาใกล้กับเธอ ทำเอาเธอต้องรีบหาที่หลบในทันทีแล้วฟังเสียงที่พวกมันสองตัวพูดในทันที

    “ได้ยินว่าท่านปีศาจหมื่นปีนำกำลังมามากมาย ไม่รู้ด้วยเหตุอันใดกัน??”

    “ได้ยินว่าพวกคณะเดินทางกำลังจะมาที่นี่แล้ว”

    “มิน่าหล่ะ ท่านจึงได้นำกำลังมามากมายเช่นนี้ มันต้องตายในนรกนี้เป็นแน่ ข้ารับรอง”

    “เหตุไฉนเจ้าถึงคิดเช่นนั้นเล่า??”

    “ท่านปีศาจหมื่นปีมีแผนจะรับมือพวกมัน เจ้ามิต้องห่วงไป”

    “ข้าหวังว่าข่าวจะไม่รั่วหรือมีเกลือเป็นหนอนนะ”

    “ผู้ใดจักกล้าทรยศท่านปีศาจหมื่นปีเล่า??” พวกมันสองตัวพูดกันต่อแล้วเดินผ่านเฟยหลิงไปอย่างรวดเร็ว

    “มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่ในนครยมราชเป็นแน่” เฟยหลิงคิดในใจไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในนรกภูมิ ถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งดูเป็นสถานที่ลึกลับ ทูตค้างคาวได้พาเดอเวสเดินทางไปที่นั่น จากนั้นก็พาเขาเข้าไปในถ้ำในทันที เมื่อเข้ามาในถ้ำ เดอเวสก็ได้เจอกับแท่นพิธีอะไรบางอย่าง ซึ่งมีหินประหลาดตั้งเรียงรายกันมากมาย รวมถึงมีคัมภีร์เล่มหนึ่งวางเอาไว้ด้วย

    “ที่นี่คือสถานประกอบพิธีของท่าน!!” ทูตค้างคาวตัวนั้นพูดขึ้น

    “ที่นี่หรือ แล้วข้าต้องทำอันใดเล่า??” เดอเวสถามไป

    “ท่านต้องนั่งสมาธิและท่องมนต์นั่นไปให้จบเล่ม”

    “แค่นี้งั้นหรือ ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ??” เดอเวสถามไป

    “ท่านปีศาจหมื่นปีบอกมาแค่นั้น แล้วท่านก็จะได้พลังมหาอุตฆ์ ซึ่งจะทำให้ตัวท่านป้องกันอาวุธได้ทุกชนิด ท่านจักสามารถปราบพวกคณะเดินทางได้อย่างง่ายดาย”

    “ดี แล้วข้าต้องใช้เพลานานเท่าใด??” เดอเวสถามไป

    “ให้ท่านเร่งอ่านคัมภีร์นั่นให้จบเถิด” 

    “ได้ ว่าแต่ มูกับเซคทอร์ซเล่า อยู่ที่ใด??” เดอเวสถามไป

    “สองคนนั้นกำลังทำงานให้ท่านปีศาจหมื่นปีอยู่ ท่านมิต้องกังวลไปดอก” 

    “เอาเถิด หากมันจะทำให้ข้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ข้าก็จักลองดู”

    เดอเวสเดินไปที่แท่นทำพิธี จากนั้นก็ถอดชุดคลุมของเขาออกมาแล้วถอดเสื้อออกตามพิธีในทันที เขาไปหยิบคัมภีร์มา แล้วนั่งสมาธิ แล้วอ่านมนต์ตามที่มีอยู่ในคัมภีร์อย่างใจจดใจจ่อ

     

    และอีกด้านหนึ่งของนรกภูมิ ซึ่งมูและเซคทอร์ซได้มาทำงานอะไรบางอย่างให้กับปีศาจหมื่นปี พวกเขาต้องฝึกปรือการร่ายมนต์รวมถึงวิชาอื่นๆตามที่แสงสีดำประหลาดนั้นได้บอกพวกเขา พวกเขาฝึกไปได้ซักพักก็หยุดพักกันก่อน จากนั้นเซคทอร์ซก็พูดขึ้นในทันที

    “นี่ท่าน เหตุไฉนข้าต้องมาฝึกวิชาเยี่ยงพวกเทพเจ้าด้วยเล่า??” เซคทอร์ซถามแสงสีดำนั่นไป

    “เพราะนี่จะเป็นงานที่ข้าจะให้พวกเจ้าสองคนได้ทำ” แสงสีดำนั่นพูดขึ้น

    “มันคืองานอันใดกัน ข้าไม่เข้าใจ??” มูถามไป

    “เจ้าฝึกเสร็จเจ้าจะรู้เอง นี่เป็นทางเดียวที่จะจัดการกับพวกคณะเดินทางได้!!”

    “เฮ้อ ข้าอยากจะฆ่าพวกมันให้หมดเชียว” เซคทอร์ซพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ท่านปีศาจหมื่นปีอยู่ที่ใดกัน??” มูถามแสงสีดำนั่นไป

    “ท่านกำลังกบดานที่ไหนซักแห่งเพื่อฟื้นพลังหน่ะ”

    “โห ระดับนั้นยังต้องฟื้นพลังอีกหรือ??” เซคทอร์ซถามไป

    “ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องเสริมพลังให้ตนเองนั่นแหละ” มูพูดขึ้น

    “ข้าใคร่อยากรู้ว่าท่านเดอเวสอยู่ที่ใด” เซคทอร์ซพูดขึ้น

    “ข้าว่าเขาคงกำลังฝึกปรือวิชาเพื่อต่อสู้กับพวกมันนี่หล่ะ” มูพูดขึ้น

    “พวกเจ้าสองคนอย่าช้าที เร่งฝึกปรือวิชาตามที่ข้าบอก ข้ามีแผนการที่จะทำให้พวกมันพินาศ” แสงสีดำนั่นพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็รีบฝึกวิชากันต่ออย่างแข็งขันกันต่อไป

     

    กลับมายังกลุ่มของทองอินทร์ พวกเขาเดินกันต่อไปตามเส้นทางที่จะไปยังตำหนักยมราชตะวันออก เพื่อเปิดประตูตำหนักแห่งนั้น ในระหว่างทางพวกเขาก็ต้องคอยกำจัดปีศาจที่อยู่ประปรายบริเวณนั้นไปด้วยอย่างดุเดือด

    “ดูเหมือนพวกมันจะมีไม่มากเท่าไหร่บริเวณนี้นะ” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “แต่บริเวณนี้มันมืด พวกมันอาจซุ่มรอเราอยู่” คาวีพูดขึ้น

    “นั่นสิ ที่นี่ไม่มีแสงอาทิตย์เลย มองอันใดยากเหลือเกิน” วารีพูดขึ้นพลางมองนั่นมองนี่ไปด้วย

    “คงต้องระวังกันทุกฝีก้าว พวกมันคงกำลังจ้องมองเราอยู่” เมรีพูดขึ้นพลางมองไปด้านใน

    “มิต้องห่วง หากพวกมันอยู่ในเงามืด ข้าจัดการมันได้แน่” มาร์คัสพูดขึ้น

    “แล้วเหตุไฉน ตำหนักที่ว่าถึงต้องมาตั้งในที่รกร้างเยี่ยงนี้??” อเล็กซถามไป

    “หากมันเป็นชัยภูมิที่สำคัญ ที่ไหนก็ต้องตั้งหล่ะ” นรสิงห์พูดขึ้น

    “คงต้องไปดูพื้นที่ตำหนักก่อน ว่ามันเป็นอย่างไร” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “จะว่าไป เส้นทางที่จะไปเกิดนี่มันเป็นอย่างไรกันนะ??” เอื้องเหนือหันไปถามเวียงพิงค์

    “เจ้าถามข้าแล้วข้าจะไปถามผู้ใดเล่า??” เวียงพิงค์ตอบกลับไป

    “มันก็เป็นสถานที่ที่จะคัดเลือกวิญญาณก่อนที่จะไปยังนครยมราช ที่ที่เป็นศูนย์กลางของพวกวิญญาณหน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “แล้วที่ที่มันเรียกว่ากระทะทองแดง ต้นงิ้วนี่มันอยู่ที่ใดกัน??” ธิดาถามไป

    “มันเป็นสถานที่ที่มนุษย์ที่ยังไม่ตายมองไม่เห็นดอก” หลี่เจาพูดขึ้น

    “ใช่ มันอยู่แยกออกไป เราคงไม่เห็นที่นั่นดอก” อิริยะพูดขึ้น

    “หากเราเปิดตำหนักนี้ได้ ก็คงต้องไปที่เส้นทางนั้นต่อ” ชิงเสียนพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เราจะต้องหาดอกไม้สีเงินนั่นได้ที่ใดเล่า??” มาเรียน่าถามไป

    “เราได้ยินว่ามีเกาะเล็กเกาะน้อยบริเวณนั้น คงต้องแยกกำลังกันไปค้นหาหน่ะ” อนาเลียพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะออกตามหามันเอง” วาทินพูดขึ้น

    “ข้าด้วย ถึงแม้จะช่วยได้ไม่มาก แต่ข้าก็ขอลองดู” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “นี่ข้าหูฝาดไปหรือเปล่านี่ท่านครูเสด??” ฉางหลงถามไป ทำเอามายะถึงกับแพ่นกบาลไปหนึ่งที

    “เจ้านี่นะ อย่าชักใบให้สิแหม่” มายะพูดขึ้น

    “ว่าแต่ เราจะแบ่งคนไปที่นั่นได้อย่างไรเล่า??” อองโม่โยถามไป

    “มันมีเกาะเล็กเกาะน้อยหลายเกาะ เราก็ค่อยๆแบ่งคนไปเป็นกลุ่มๆ แล้วค่อยมารวมตัวกันสิ” ออเรเลียพูดขึ้น

    “อืม ข้าเห็นดวงดาวแปลกๆในเขตตำหนักนั่น ดูไม่ดียังไงชอบกล” สมบาติพูดขึ้น

    “นั่นสิ ลูกแก้วของข้าก็เปล่งแสงแปลกๆ” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “ข้าว่า ในตำหนักต้องมีพวกมันรออยู่เป็นแน่” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “นั่นสิ แต่ให้พวกมันมาเถิด ข้าจะฆ่าพวกมันให้เหี้ยน” ชอว์นพูดขึ้น

    “ไม่รู้ว่าครานี้พวกมันจะเตรียมอะไรรอรับเราอยู่” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “อย่างมากก็แค่ไอ้พวกผีตายซากไม่กี่ตัวดอก” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “เย็นไว้ ไอ้พวกผีตายซากนี่ก็ทำเราเหนื่อยได้เยี่ยงกัน” โชพูดขึ้น

    “แล้วนี่ ตำหนักนั่นอยู่อีกไกลหรือไม่เล่า??” ทูตเบลล์ถามไป

    “คงอีกมิไกลดอก ตำหนักหน้าจะอยู่ด้านหน้านี่เอง” กุมารเทพพูดขึ้นพลางชี้ไป

    “พี่อินทร์ ครานี้มันคงไม่ง่ายอย่างที่เราคิดเป็นแน่” นาราพูดขึ้น

    “มิต้องกลัวดอก ถึงอย่างไรเราก็จัดการได้อยู่แล้ว” ทองอนิทร์พูดขึ้น แล้วในไม่กี่อึดใจ และไม่นานนัก พวกเขาก็เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งกำแพงไม่สูงมากนัก พื้นที่ชัยภูมิมีแต่ถ้ำที่เป็นทางตัน ไปที่ไหนไม่ได้ แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเดินไป จู่ๆ กองทัพปีศาจที่อยู่หน้าตำหนักก็เตือนภัยกันในทันที แล้วพวกเขาก็มารวมตัวกันเพื่อรับมือกับกลุ่มคณะเดินทางอย่างเนื่องแน่น

    “เฮ้อ ไอ้พวกชั้นต่ำอีกแล้ว ลุยมันเลยทุกคน!!”

    กลุ่มของทองอินทร์บุกเข้าปะทะกับปีศาจและวิญญาณกลุ่มนั้นอย่างดุเดือด เสียงการปะทะดังไปทั่ว

    “เข้ามาเลยไอ้พวกระยำ!!” ทองอินทร์พูดขึ้นจากนั้นก็ไล่ฟันวิญญาณพวกนั้นอย่างต่อเนื่อง

    “ไอ้พวกนี้มันดุร้ายดีแหะ” คาวีพูดขึ้นจากนั้นก็เอามีดหมอมาแทงมันไป

    “ไอ้ยักษ์พวกนี้มันเยอะเหลือเกิน” วารีพูดขึ้นจากนั้นก็ฟันทวนของยักษ์ตัวหนึ่งจนขาดกระเด็น

    “มาเลยไอ้ผีบ้าเอ้ย!!” นรสิงห์พูดขึ้นจากนั้นก็ไล่ฟันวิญญาณร้ายต่อ และในตอนนั้นเอง กลุ่มพลธนูที่อยู่บนกำแพงก็โผล่ขึ้นมาเตรียมยิงธนูใส่พวกเขา

    “บ้าเอ้ย มันมีพลธนูด้วย!!” เมรีพูดขึ้นพลางยิงธนูสวนพวกมันไป แต่พวกมันก็ยิงลงมา แสนคำสมิงเอาร่างของยักษ์ดำตัวหนึ่งมาเป็นโล่กำบังให้เขา

    “โห มันยิงเร็วเหลือเกิน!!” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “เอานี่ไปกิน!!” มาร์คัสไล่ยิงพวกมันที่อยู่บนกำแพงอย่างดุเดือด

    “ไอ้พวกบ้าเอ้ย ไปลงนรกซะ!!” อเล็กซชักปืนออกมาไล่ยิงพวกมันด้วย จนพวกมันถึงกับต้องรีบหนีลงจากกำแพง

    “หนีไปซะไอ้พวกบ้าเอ้ย!!” ชิงเสียนพูดขึ้นพลางไล่ยิงมันต่อ

    “แล้วเหตุใดพวกมันถึงเข้าไปในตำหนักได้เล่า??” มาเรียน่าถามในขณะที่ยิงปืนใหญ่มือใส่พวกมัน

    “นั่นสิ หรือว่ายมทูตนั่นมีความลับอันใดอยู่” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “เจ้าอย่าเพิ่งสงสัยอันใดเลย จัดการพวกมันก่อน!!” เวียงพิงค์พูดขึ้นจากนั้นก็ยิงหน้าไม้ใส่พวกมัน

    “ระวังด้วย ไอ้พวกนี้ดุร้ายกว่าเดิมเสียอีก” ธิดาพูดขึ้น

    “ดูเหมือนเราจะเข้าใกล้อะไรที่เราตั้งใจแล้วสิ” เทเรซ่าพูดขึ้นพลางไล่ฟันพวกมันต่อไป

    “แลหากเจอกับยมทูตนั่น ข้าต้องถามมันต่อแน่” หลี่เจาพูดขึ้นพลางเหวี่ยงทวนใส่พวกมันจนกระเด็น

    “นั่นสิ ไม่รู้ป่านนี้พวกมันไปอยู่ที่ใด” อิริยะพูดขึ้นพลางเหวี่ยงบ่วงใส่พวกมันไปด้วย

    “เร่งยิงสวนกลับมันไป เร็ว!!” อองโม่โยพูดขึ้นพลางใช้โล่กันลูกธนูของพวกมัน

    “คงต้องเปิดประตูเข้าไปแล้วหล่ะ” ออเรเลียพูดขึ้นพลางเหวี่ยงทวนใส่พวกมันต่อ

    “ใจเย็นสิ พวกมันไม่ยอมให้เราเข้าใกล้ประตูเลย!!” สมบาติพูดขึ้นพลางยิงพวกมันบนกำแพง

    “ไม่รู้ว่าพวกมันซ่อนอันใดไว้ที่นั่น คงต้องรอดูหล่ะ” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “เข้ามาเลยไอ้ระยำ!!” มายะตะโกนและไล่ฟันพวกมันอย่างต่อเนื่อง

    “พวกมันจะตายกันหมดแล้ว ฆ่ามันเลย!!” โชพูดขึ้นพลางฟันและแทงมันต่อ

    “เอานี่ไปกิน!!” ฉางหลงพูดขึ้นพลางกระโดดถีบขาคู่ใส่วิญญาณตัวหนึ่ง  

    “อ่ะก๊ะๆๆ” ลุงคงจับยักษ์ดำตัวหนึ่งมาแล้วโยนใส่พลธนูบนกำแพงไป

    “เข้ามาเลยไอ้พวกนี้!!” ฮิเดกิฟาดฟันพวกมันด้วยดาบคู่ของเขา

    “เอาระเบิดไปกินซะ!!” เชอร์รี่พูดขึ้นพลางเอาหม้อระเบิดปาใส่พวกมัน

    “พวกเรารีบไปที่ประตูกันเถิด” ชอว์นตะโกนบอกกับทุกคน จากนั้นก็ฟันหัวยักษ์ตัวหนึ่งไป

    “ต้องเอากุญแจไปเปิดประตูแล้วหล่ะ” ซื่ออ้ายพูดขึ้นจากนั้นก็ฟันพัดใส่มันในทันที ส่วนนาราเองก็ฟันศอกใส่ยักษ์ตัวหนึ่งจนตายคาที่

    “เร่งเปิดประตูเถิด ข้าว่ายังต้องมีพวกมันอยู่ด้านใน!!” นาราพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งไปที่ประตูในทันที 

    “ถอยไปนะไอ้พวกนี้!!” อนาเลียซัดมนต์ใส่พวกมันจนมันถอย และวาทินก็ถีบและฟันมันไปในทันที แล้วก็รีบวิ่งไปที่ประตูนั้น

    “เร่งเอากุญแจมาเถิด!!” วาทินพูดขึ้น จากนั้นกุมารเทพก็รีบเอากุญแจไปให้กับวาทินในทันที วาทินเมื่อได้กุญแจมาก็รีบไขกุญแจประตูในทันที จนกระทั่งประตูก็เปิดออกมาในทันที

    “ทุกคน ประตูเปิดแล้ว!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ระวัง อาจจักมีพวกมันอยู่ด้านหลัง!!” กุมารเทพตะโกนออกมา

    “เข้าไปดูด้านในเถิดว่าพวกมันอยู่ที่ใด” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในตำหนักทันที พวกเขาเดินข้าไปก็แทบไม่พบกลุ่มปีศาจเลยแม้แต่เงา ซึ่งดูเหมือนว่าพวกมันจะหายตัวไปก่อนที่พวกเขาจะเข้ามา 

    “พวกมันหายไปหมดเลย” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “ดูเหมือนพวกมันจะหวาดกลัวพวกเราแหะ” คาวีพูดขึ้น

    “ข้าว่าไม่ดอก พวกมันอาจจะกำลังดักรอพวกเราอยู่ด้านในก็เป็นได้” วารีพูดขึ้น

    “จะว่าไป ตำหนักแห่งนี้ก็สวยงามเหมือนกันนะ” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “นั่นสิ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนสร้างมาเพื่อรับศึกเลยแหะ” ธิดาพูดขึ้น

    “ใช่ เจ้าคิดเห็นเช่นเดียวกับข้า ที่นี่ดูไม่เหมาะสำหรับรับศึกอันใดเลย” แสนคำสมิงพูดขึ้น

    “ใช่ แลด้านนอกก็เป็นผนังถ้ำที่ปิดตาย ปีศาจที่ใดจะบุกมา” นรสิงห์พูดขึ้น

    “แล้วพวกเขาสร้างที่นี่เพื่อสิ่งใดกันเล่า??” เวียงพิงค์ถามไป

    “คงใช้เป็นสถานที่พักผ่อนกระมัง??” เมรีถามไป

    “หรือไม่พวกเขาก็คงจะใช้เป็นที่ระดมพลหน่ะ” หลี่เจาพูดขึ้น

    “ระดมพล แต่หากจะระดมพลยมทูต แค่ไปที่นครยมราชก็ได้แล้วนี่” อิริยะพูดขึ้น

    “นครยมราช มันเป็นสถานที่ใดกันหรือ??” ชิงเสียนถามไป

    “เป็นสถานที่ที่ใช้ระดมพลและปกป้องนรกภูมิหน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “แล้วที่นั่นยังปลอดภัยหรือไม่เล่า??” มาเรียน่าถามไป

    “หากที่นั่นเป็นสถานที่รวมพลของเหล่ายมทูต ก็ต้องปลอดภัยสิท่าน” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “โอ้ย ยิ่งเดินทางทุกอย่างก็ยิ่งซับซ้อนแหะ” อองโม่โยพูดขึ้น

    “มิต้องห่วงดอก อีกมินานเราก็คงได้รู้หน่ะ” ออเรเลียพูดขึ้น

    “ก่อนอื่นเลยเราต้องเจอกับยมทูตนั่นให้ได้ก่อน” อนาเลียพูดขึ้น

    “ข้าว่า ท่านคงไม่อยู่แถวนี้แล้วหล่ะ” วาทินพูดขึ้น

    “หรือว่า ยมทูตตนนั้นจะเป็นผู้ทรยศเล่า??” เทเรซ่าถามไป

    “หะ หากในนรกภูมิยังมีเรื่องเช่นนี้ คงมิมีอันใดต้องพึ่งพาแล้วหล่ะ” มายะพูดขึ้น

    “อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย อย่างไรก็สืบหาเองราวก่อนเถิด” โชพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ตั้งแต่ที่มา ข้ายังไม่เห็นเทพจอมซนตนนั้นเลยแม้แต่เงา” ฉางหลงถามไป

    “นั่นสิ หรือว่านางตามลงมาไม่ทันเล่า??” ไวโอเล็ตถามไป

    “ข้าว่า ถึงนางลงมา นางก็คงใช้พลังเทพไม่ได้เต็มที่ เนื่องจากว่านรกภูมิมันปิดกั้นหน่ะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “เวลาที่ต้องการข่าวจากนาง นางกลับไม่อยู่แหะ” สมบาติพูดขึ้น

    “ข้าหวังว่านางจะลงมาทันนะ” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “หากนางมามิทัน เราก็คงต้องพึ่งตัวเองแล้วหล่ะ” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “ข้าว่า ระดับนางแล้ว อย่างไรก็ต้องเดินทางมานรกได้เป็นแน่” ชอว์นพูดขึ้น

    “ก็หวังไว้เช่นนั้นนะท่าน” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้นเราก็คงต้องหาข่าวกันเองก่อนหล่ะ” มาร์คัสพูดขึ้น

    “จะว่าไป ที่นี่ไม่มีพวกมันเลยแม้แต่เงา” อเล็กซถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า ในตำหนักฝ่ายใน คงต้องมีพวกมันอยู่เป็นแน่” นาราพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “แฮ่!!”

    “พี่อินทร์ ข้าได้กลิ่นยักษ์!!” กุมารเทพพูดขึ้น และไม่นานนัก จู่ๆยักษ์ร่างใหญ่ตัวสีเขียวถือทวนยาวก็วิ่งเข้าใส่พวกเขา ในตอนนั้นลุงคงไปขวางทางมันไว้แล้วผลักมันออกไปในทันที

    “คงต้องลุยแล้วหล่ะ!!” ทองอินทร์พูดขึ้นพลางชักดาบออกมาแล้วเข้าไปลุยกับมันในทันที คนอื่นๆก็พยายามบุกเข้าไปด้วยเพื่อเล่นงานมัน

    “ย้าก มาเลย!!” ทองอินทร์กระโดดฟันมันจากด้านบน แต่มันก็กันได้แล้วถีบทองอินทร์ออกไป จากนั้นก็เหวี่ยงทวนใส่คนอื่นๆจนต้องถอยออกมา

    “โห กำลังมหาศาลยิ่งนัก” คาวีพูดขึ้น

    “เห็นทีคงจะรับมือกับพวกมันลำบากหน่ะ” วารีพูดขึ้น

    “คงต้องยิงไกลแล้วหล่ะ” เมรีพูดขึ้นพลางยิงธนูใส่มัน แต่มันก็ใช้มือของมันปัดป้องไป

    “เล่นงานมันเลย!!” นรสิงห์พูดขึ้นจากนั้นก็ไล่ฟันมันต่อ

    “ต้องเล่นงานมันจากด้านหลังแล้ว” แสนคำสมิงพูดขึ้นจากนั้นก็พยายามจะอ้อมด้านหลัง แต่มันก็สกัดเขาไว้

    “ยิงใส่ที่หน้ามัน!!” มาร์คัสพูดขึ้นจากนั้นก็ระดมยิงใส่มันต่อ

    “ข้าจะยิงที่ช่องโหว่มันเอง!!” อเล็กซตะโกนออกมา

    “ดูเหมือนมันเริ่มจะลังเลแล้ว!!” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ถ้างั้นก็ค่อยๆทำให้มันอ่อนแรงเลย” เวียงพิงค์พูดขึ้นพลางยิงหน้าไม้ใส่ที่ขามันไป

    “อย่างนั้น เอาให้มันล้มเลย!!” ธิดาพูดขึ้น จากนั้นเทเรซ่าก็ฟันเข้าที่ขามัน แต่มันก็ยกขาหลบได้

    “เฮ้อ ไวจริงๆไอ้นี่” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “เอานี่ไปกิน!!” อองโม่โยพูดขึ้นจากนั้นก็ใช้โล่กระแทกมัน แต่มันก็เหวี่ยงทวนใส่ไปทั่ว ทำเอาออเรเลียเกือบจะตกม้าด้วย

    “ท่าทางจะล้มมันยากเสียแล้ว” ออเรเลียพูดขึ้น

    “ยิงใส่ขาให้มันล้ม!!” ชิงเสียนพูดและยิงใส่ขามันไปจนมันเริ่มเซ

    “เอานี่ไปกิน!!” มาเรียน่าเอาปืนใหญ่มือของเธอยิงใส่ขาของมันจนมันนิ่งและเซล้มไป หลี่เจาฟาดทวนใส่มันแต่มันก็กันไว้ได้ และอิริยะก็เหวี่ยงบ่วงรัดคอมัน แต่มันก็หยิบเอาบ่วงนั่นออกไปได้

    “ไอ้ยักษ์บ้านี่มันเป็นยักษ์นักรบ ระวังด้วย” หลี่เจาพูดขึ้น

    “ใช่ พละกำลังมันมหาศาลนัก” อิริยะพูดขึ้น และในตอนนั้น ลุงคงก็ไปต่อยหน้ามันแล้วจับมันล็อกแขนไว้ และอนาเลียก็ร่ายมนต์ใส่มันอย่างต่อเนื่อง

    “ตายซะไอ้ปีศาจชั้นต่ำ!!” อนาเลียตะโกนออกมา

    “อย่างนั้น เล่นมันให้ล้มเลย!!” วาทินพูดขึ้นพลางกระโดดแทงเข้าที่หน้าท้อง มันร้องออกมาแต่ก็สลัดลุงคงจนหลุด จากนั้นก็เหวี่ยงทวนไปทั่ว

    “บ้าเอ้ย มันเหวี่ยงไม่หยุดเลย!!” ไวโอเล็ตพูดขึ้น และในตอนน้นสมบาติก็ยิงเข้าที่ลูกตามันจนมันนิ่งไป

    “ตอนนี้แหละ มันนิ่งแล้ว!!” สมบาติพูดขึ้น

    “เช่นั้นก็ลุยเลย!!” มายะพูดขึ้นจากนั้นก็เข้าไปลุยกับมันอย่างต่อเนื่อง

    “เล่นงานที่ขา เอาให้มันล้ม!!” โชพูดขึ้นแล้วก็ฟาดฟันมันไป

    “ตายซะไอ้ระยำ!!” ฉางหลงพูดขึ้นและกระโดดถีบขาคู่ใส่มันจนมันมึนงง

    “เอาระเบิดไปกิน!!” เชอร์รี่พูดขึ้นและปาระเบิดหม้อใส่มันไป

    “เอามันให้ล้มเลย มันจะล้มแล้ว” ซื่ออ้ายพูดขึ้นและซัดเข็มพิษใส่มันจนมันตัวชา

    “เอานี่ไปกิน” ฮิเดกิฟาดฟันมันด้วยดาบคู่อย่างต่อเนื่อง

    “เอาไปกินเลย!!” ชอว์นอ้อมไปด้านหลังแล้วแทงเข้าที่ด้านหลังของมันต่อ จนตอนนี้มันถึงกับคลั่ง ลุงคงวิ่งไปจับมันต่อ และในตอนนั้นนาราก็กระโดดต่อยมันต่อ

    “เข้าตาไปเลยไอ้เลว!!” นาราตะโกนออกมา

    “ตอนนี้แหละ เอามันให้น่วมไปเลย!!” กุมารเทพบอกกับทุกคน จากนั้นทุกคนก็รุมเล่นงานมันอีกรอบ จนในตอนนี้มันเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว มันตะโกนออกมาแล้ววิ่งพุ่งชนใส่ทุกคนอย่างบ้าคลั่ง เกือบจะโดนทูตเบลล์ด้วย

    “บ้าเอ้ย รีบหยุดมันเร็ว!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น จากนั้นทองอินทร์ก็กระโดดฟันที่หัวมันจนมันนิ่งไป จากนั้นก็ตะโกนบอกกับทุกคนในทันที

    “ทุกคน รวมพลังดาบ!!”

    ทุกคนในตอนนั้นรวมพลังใส่ลงในดาบของทองอินทร์ ในจังหวะที่มันกำลังหยุดนิ่ง จากนั้นทองอินทร์ก็ใช้ดาบเพลิงของเขาฟันไปที่ร่างของมันในทันที

    “อ้าก!!”

    “พรึ่บ!!”

    ร่างของมันแยกขาดออกจากกัน เปลวเพลิงจากนรกค่อยๆเผาร่างของมันให้กลายเป็นจุลอย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวของมันในตอนนี้เหลือแต่เถ้าถ่านไป

    “เฮ้อ ตายห่าซะไอ้ยักษ์!!” ทองอินทร์พูดขึ้น และไม่นานนัก กุมารเทพก็ออกมาจากด้านในตำหนัก แล้วมาพูดกับทองอินทร์ในทันที

    “พี่อินทร์ พวกปีศาจมันหนีไปหมดเลย แลในตำหนักยังไม่เห็นมีสิ่งผิดปกติด้วย” กุมารเทพพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ เดี๋ยวท่านยมทูตคงนำกำลังมาที่นี่เองหล่ะ เราออกไปจากที่นี่กันก่อนเถิด” ทองอินทร์พูดขึ้น

    “แล้วเราจะไม่แบ่งกำลังเฝ้าที่นี่งั้นหรือพี่อินทร์??” นาราถามไป

    “เห็นจะมิจำเป็น เราไปกันต่อเถิด” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางออกจากตำหนักในทันที และกลับไปยังประตูวิญญาณแห่งเดิมเพื่อเตรียมเดินทางไปยังเส้นทางของวิญญาณที่จะไปเกิด แต่เมื่อพวกเขามาถึงประตูวิญญาณ พวกเขาก็ไม่พบยมทูตตนนั้นเลยแม้แต่เงา

    “เอ๊ะ ยมทูตท่านนั้นหายไปที่ใดกัน??” คาวีถามไป

    “ข้าว่ายมทูตท่านนั้นต้องมีลับลมคมในกับเราแล้วหล่ะ” เมรีพูดขึ้น

    “เย็นไว้ก่อนสิ เขาอาจจะกำลังส่งข่าวไปยังยมทูตท่านอื่นก็เป็นได้” วารีพูดขึ้น

    “แล้วนี่ พวกเราจะเอาอย่างไรต่อเล่า??” แสนคำสมิงถามไป

    “ข้าว่า เราคงต้องเดินทางไปที่เส้นทางนั่น หาดอกไม้สีขาว แล้วก็หาข่าวเพิ่มเติมหน่ะ” นรสิงห์พูดขึ้น

    “เสียดายที่เฟยหลิงไม่อยู่ แต่หากนางมาที่นี่ นางคงมิอยู่เฉยดอก” หลี่เจาพูดขึ้น

    “นั่นสิ นางอาจจะกำลังหาข่าวให้พวกเราก็เป็นได้” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ได้ยินว่าท่านท้าวยมราชถูกจับไปที่เส้นทางนั่นนี่หน่า จำได้หรือไม่??” ธิดาถามไป

    “จริงด้วย แต่เหตุใดถึงต้องจับท่านไปที่นั่นเล่า??” เวียงพิงค์ถามไป

    “ข้าว่า พวกเราคงต้องไปหาคำตอบเองแล้วหล่ะ” อิริยะพูดขึ้น

    “บัดนี้เรื่องในนรกดูช่างสับสน ข้าว่ามันต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเป็นแน่” มาร์คัสพูดขึ้น

    “นั่นสิ ข้าก็คิดเห็นเช่นนั้น” อเล็กซพูดเสริม

    “แต่บัดนี้เรามีทางเลือกงั้นหรือ คงต้องตามเกมมันไปก่อนหน่ะ” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “ไม่แน่ นั่นอาจจะเป็นยมทูตตัวปลอมก็เป็นได้” ชิงเสียนพูดขึ้น

    “หากเป็นยมทูตปลอมตัวมา เหตุใดถึงไม่ฆ่าเราเลยหล่ะ??” มาเรียน่าถามไป

    “มันคงจักรอจังหวะให้พวกเราอ่อนแอลงหน่ะ” ออเรเลียพูดขึ้น

    “แต่หากเราไม่อ่อนแอให้มันเห็น มันคงจักหมดความอดทนหน่ะ” อองโม่โยพูดขึ้น

    “หรือว่าเราจักต้องไปไต่ถามท่านท้าวยมราชเองเล่า??” มายะถามไป

    “ต่อหน้าท่านยมราชนี่เจ้ากล้างั้นหรือ??” โชถามไป

    “ใช่ เห็นทีคงได้ตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิดแน่” ฉางหลงพูดขึ้น

    “แต่เราก็ทำเพื่อนรกสวรรค์มามาก แค่นี้คงมิเป็นอันใดดอก” อนาเลียพูดขึ้น

    “นั่นสิ หากมาหาความด้วยเรื่องแค่นี้ คงน่ารำคาญเต็มทน” วาทินพูดขึ้น

    “อืม แต่ครานี้ข้าว่ามันดูผิดแปลกไป” สมบาติพูดขึ้น

    “โธ่ท่าน มันก็ผิดแปลกตลอดนั่นแหละ” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “งานของเราที่เหลือ คือสืบว่ามีอันใดผิดปกติในนรกนี้หรือไม่ แลช่วยท่านท้าวยมราชมา” ฮิเดกิพูดขึ้น

    “พวกมันต้องมีกองทัพปีศาจมากมายคุ้มกันเขาเป็นแน่” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “แล้วอย่างไรเล่า เราก็ปราบพวกมันได้ตลอด” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “เอาเถิด ข้าเองก็อยากจบเรื่องนี้โดยเร็ว” ชอว์นพูดขึ้น

    “แต่เราต้องทำลายกำแพงนรกเพื่อเปิดทางให้ทหารสวรรค์บุกเข้ามานี่” นาราพูดขึ้น

    “จริงด้วย หากพวกเขาทำลายกำแพงนรกได้ สถานการณ์อาจจะพลอกกลับก็ได้นะท่าน” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “แต่เรายังหาสาเหตุของการปิดกำแพงนรกมิได้เลยนะท่าน” กุมารเทพพูดขึ้น

    “เอาเถิด ไว้ไปถึงที่นั่นแล้วเราค่อยหาทางกันอีกที” ทองอินทร์บอกกับทุกคนไป

    =====================================================================

    ทองอินทร์และคนอื่นๆจำเป็นต้องเดินทางไปช่วยท้าวยมราชต่อ แต่อุปสรรคจะเป็นอย่างไร อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×