ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sorova - เมื่อประเทศฉันมันบัดซบ

    ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 19 : เดินหน้าเข้าเขต 2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 58
      1
      28 ก.พ. 64

    ณ ชายแดนเขต 2 ซึ่งกองกำลังของเมืองหลวงในตอนนั้นก็กำลังเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีของกองกำลัง Khorne พวกเขาวางกำลังรถถังและปืนใหญ่ไว้เรียงรายมากมาย แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังเตรียมตัวกันอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าดังนั้น และเงาใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้พวกเขา

    “อะไรวะเนี่ย??” 

    กองกำลังของเมืองหลวงได้ประจักษ์เห็นหุ่นรบจักรกลขนาดใหญ่ที่หายไปนาน ร่างเหล็กสีแดงดูน่าเกรงขามพร้อมติดอาวุธทั้งปืนกลและปืนใหญ่ ซึ่งมันก็กำลังเดินหน้าเข้าสู่เมืองหลวงแล้วด้วย

    “ยิงมันเลย!!”

    “ปังๆๆๆๆ”

    กองกำลังของเมืองหลวงพยายามยิงใส่หุ่นรบตัวนั้น แต่ก็ไม่ระคายผิวของมันเลยแม้แต่น้อย มันเดินหน้าราวกับไม่กลัวสิ่งใด จากนั้นมันก็ยิงทั้งปืนกลและปืนใหญ่ถล่มแนวรับของเมืองหลวง

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    “ตู้ม!!”

    เมื่อหุ่นรบตัวนั้นยิงสวนกลับ กองกำลังเมืองหลวงก็แทบจะไปไม่เป็น พวกนั้นพยายามหลบอยู่ในสนามเพลาะเพื่อป้องกันตัว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ในตอนนั้นปาโบลก็พยายามบัญชาการป้องกันอย่างเต็มที่

    “บ้าเอ้ย รีบยิงสกัดมันไว้สิ!!” ปาโบลพูดขึ้น

    “แต่ท่านครับ อาวุธของเรายิงมันไม่เข้าเลยครับ!!” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เราควรจะถอยเข้าเมืองไปนะครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “จะบ้าเหรอ แล้วชาวเมืองที่เหลือจะว่ายังไงหล่ะ??” ปาโบลถามไป

    “ผมว่า เราควรส่งข่าวให้คุณโดนาทอร์รีบอพยพไปเขต 3 ก่อนดีกว่านะครับ” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น

    “นั่นสิครับ ถ้าอยู่อย่างนี้ กองทัพของเราโดนละลายหมดแน่” ทหารอีกคนพูดขึ้น

    “เวรเอ้ย รีบส่งข่าวให้คุณโดนาทอร์ เร็ว!!” ปาโบลพูดขึ้น

    และอีกด้านหนึ่ง ในขณะที่โดนาทอร์และคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆของเขากำลังปรึกษากันเรื่องพิพากษาโทษนายพลปราฟยาฟและคณะ ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็มาส่งข่าวอะไรบางอย่างกับเลขาซึ่งเป็นภรรยาของโดนาทอร์ เธอได้ข่าวก็ตกใจมาก และรีบบอกกับโดนาทอร์ในทันที

    “คุณคะ มีข่าวมาจากชายแดน พวกของคุณปาโบลอาจจะต้านพวกมันไม่ไหว!!”

    “หือ ทำไมกัน พวกมันรุกมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ??” โดนาทอร์ถามไป

    “ได้ยินว่าพวกมันใช้หุ่นรบใหม่ที่น่ากลัวมากเลยค่ะ”

    “ต้องเป็นโปรเจ็กค์นั่นแน่ๆ เครือข่ายนายพลปราฟยาฟเก่าคงจะเก็บตัวอย่างและแอบพัฒนาเงียบๆ” ปาร์บี้พูดขึ้น

    “คุณคะ พวกเขาแนะนำให้เราอพยพชาวเมืองไปที่เขต 3 ด่วนเลยค่ะ” ภรรยาของโดนาทอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น คุณพาร์นิต้า รีบกระจายข่าวด่วนเย อพยพประชาชนไปให้ได้มากที่สุด” โดนาทอร์พูดขึ้น

    “ได้เลย ฉันจะจัดการเอง” พาร์นิต้าพูดขึ้น จากนั้นก็รีบเดินออกไป

    “แล้วเรื่องจะแต่งตั้งคณะผู้พิพากษาจัดการเรื่องนายพลปราฟยาฟหล่ะครับ??” ปาร์บี้ถามไป

    “เอาพวกเขาไปด้วย คุ้มกันให้ดี อย่าให้ใครมาชิงตัวไปหล่ะ” โดนาทอร์พูดขึ้น จากนั้นในรัฐสภาก็ถึงกับวุ่นวายกันยกใหญ่

     

    และที่ชายแดน ซึ่งในตอนนี้กำลังวุ่นวายถึงขีดสุด กองกำลังเมืองหลวงทำได้แค่คุ้มกันการถอนกำลัง เพราะไม่สามารถต่อกรกับหุ่นยักษ์นั้นได้ และหุ่นยักษ์นั่นได้ทำลายแนวรบของกองกำลังปาโบลไปมากมาย แต่ในไม่กี่อึดใจ กลุ่มเฮลิคอปเตอร์ของซิลลินเรียก็แล่นมาถึงสมรภูมิ พวกเขาบินวนอยู่เหนือพื้นที่เพื่อดูเชิง และได้เห็นหุ่นยักษ์นั่นแบบเต็มตา

    “โห ไอ้หุ่นนี่มันใหญ่เอาเรื่องแหะ!!” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “ดูเหมือนเกราะมันจะหนามาก มันทำลายรถถังซะยับเลย” เมเดอลีนพูดขึ้น

    “สั่งฮอจู่โจมบินบนใส่มัน ระดมยิงจรวดใส่มันเลย!!” ซิลลินเรียวอบอกกับนักบินคนอื่นไป จากนั้นฮอจู่โจมสามลำก็เข้าโจมตีหุ่นรบตัวนั้นในทันที 

    “แล้วนี่ เราจะเอายังไงกันต่อหล่ะ??” วาลิน่าถามอย่างสงสัย

    “เราต้องหาจุดอ่อนของหุ่นตัวนั้นให้ได้ก่อน ไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์” ลูซิน่าพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง ปืนกลของหุ่นรบตัวนั้นก็ดันยิงมาโดนที่ท้ายลำของเครื่องพวกเขา ทำเอานักบินถึงกับต้องรีบประคองเครื่องในทันที

    “ประคองไหวหรือเปล่า นักบิน??” เรนิต้าถามไป

    “เราพยายามอยู่ครับ!!”

    “ลงจอดที่เขตของพวกเราก่อน เร็ว!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็ร่อนลงจอดบริเวณพื้นที่ของกองกำลังเมืองหลวง จากนั้นพวกเขาก็รีบลงจากฮอกันอย่างรวดเร็ว

    “รอนนี่ นายพอแฮ็กระบบมันได้หรือเปล่า??” เนวิสถามไป

    “แป๊ปนึงนะ!!” รอนนี่พูดขึ้นและหยิบแท็บแล็ตของเขาขึ้นมา และพยายามจะเข้าระบบของหุ่นตัวนั้น

    “บ้าเอ้ย ส่วนใหญ่เป็นระบบทำมือหมด เข้าถึงอะไรไม่ได้เลย!!” รอนนี่พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ฮอจู่โจมของซิลลินเรียก็ถูกยิงตกไปทีละลำ และจรวดของฮอจู่โจมก็ทำอะไรไม่ได้เลย

    “บ้าเอ้ย รีบวอบอกให้ฮอถอยกลับไปก่อนเร็ว!!” ซิลลินเรียตะโกนออกมา

    “ทุกคน รีบถอนกำลังออกจากพื้นที่ก่อน!!” เรนิต้าวอบอกนักบินไป จากนั้นฮอก็ค่อยๆบินออกจากพื้นที่ไป

    “เราต้องรีบหาอาวุธยิงถล่มมัน ไม่งั้นได้ตายกันหมดแน่” วาลิน่าพูดขึ้น

    “ฉันจะลองหาเครือข่ายแถวๆนี้ดู!!” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “รีบหน่อย พวกมันจะข้ามเขตเข้ามาแล้ว!!” ฟรอนเทียร์ตะโกนออกมา และในตอนนั้นเอง มันก็ยิงปืนใหญ่มาทางกลุ่มของเนวิส มาร์ตินเห็นในตอนนั้นก็รีบพาพวกเขาหลบไปในทันที

    “ตู้ม!!”

    พวกเขาหลบกระสุนปืนใหญ่มาได้อย่างหวุดหวิด แต่ตัวมาร์ตินในตอนนั้นก็ถูกยิงจนเกราะแตก แล้วก็นอนแน่นิ่งไป คนอื่นๆต้องรีบไปดูเขาในทันที

    “มาร์ติน ทำใจดีๆไว้นะเว้ย ไอ้มาร์ติน!!” ฟรอนเทียร์ตะโกนออกมาพร้อมกับเขย่าร่างของเขาไป

    “เวรเอ้ย ถ้ามีจรวดโทมาฮอว์กนี่ฉันถล่มมันแล้ว” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “ฉันว่า รีบแบกร่างเขาไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า” เมเดอลีนพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เนวิสก็หยิบปืน AT4 กระบอกหนึ่งที่อยู่แถวนั้นมา จากนั้นก็เล็งไปที่หัวของหุ่นตัวนั้น ฟรอนเทียร์รีบไปจุดชนวนให้เขาในทันที

    “ตายซะ!!”

    “ตู้ม!!”

    จรวดลูกนั้นโดนเข้าไปที่หัวของจักรกล แต่ก็แทบจะไม่ระคาย ทำเอาพวกเขาถึงกับต้องรีบหาที่หลบกันก่อน 

     

    และอีกด้านหนึ่ง ในตอนนั้น G ก็พยายามเกาะติดกับหุ่นจักรกลตัวนั้น ในขณะที่คนอื่นๆกำลังไล่ยิงกองกำลังเมืองหลวงที่กำลังล่าถอย เขารอจังหวะให้หุ่นตัวนั้นเข้าไปในเขตที่ต้องการ จากนั้นก็รีบชี้เป้าให้กับจรวดของเขาในทันที โดยที่เขาเล็ไปที่ร่างของหุ่นรบนั่นโดยตรง

    “รีบยิงมาซะทีสิ!!” G คิดในใจไป และที่กองเรือของฟิลิปเป้ ในตอนนั้นพลชี้เป้าของเขาก็ได้รับตำแหน่งที่แน่นอนของหุ่นรบตัวนั้นแล้ว เธอก็รีบรายงานให้ฟิลิปเป้ได้ฟังในทันที

    “ท่านคะ ได้ตำแหน่งยิงแล้ว กำลังรอคำสั่งค่ะ!!”

    “ยิง EMP ใส่มันก่อน แล้วค่อยยิงถล่มตำแหน่งเดิม” ฟิลิปเป้พูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ จรวด 11 ยิงได้!!”

    จรวดลูกหนึ่งถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลอยไปยังตำแหน่งเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และในตอนนั้น พวกเขาก็เห็นมันเข้ามาใกล้หุ่นรบนั่น

    “พรึ่บ!!”

    เมื่อจรวดระเบิดออกมา กระแส EMP ก็กระจายไปทั่ว ทำเอาหุ่นรบตัวนั้นถึงกับขยับไม่ได้เพราะไม่มีกำลังไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ทำเอาทหารคนอื่นๆถึงกับตกใจ

    “ท่านครับ ระบบเราขยับไม่ได้ครับ!!”

    “เปลี่ยนเป็นระบบยิงด้วยมือ แล้วใช้ไฟฟ้าสำรองด่วนเลย” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบนหุ่นรบพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พยายามกู้ระบบอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นชายคนหนึ่งเห็น G ชี้เป้าให้จรวด พวกนั้นก็เตือนภัยในทันที

    “เฮ้ย ไส้ศึก!!”

    “ปังๆๆๆ”

    G ยิงสกัดพวกนั้นเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆวิ่งหนีออกจากพื้นที่ ในขณะที่ทหาร Khorne ก็ไล่ตาม G อย่างรวดเร็วเพื่อฆ่าเขา

    “เฮ้ย ฆ่ามันให้ได้!!”

    “ปังๆๆๆๆ”

    พวกมันตามล่า G อย่างไม่ลดละ แต่ G ก็ยังคงหนีออกไปได้อย่างรวดเร็ว และไม่มีใครตามจับเขาทัน แต่ในตอนนั้น รถจิ๊บคันหนึ่งก็ไล่ตามเขา แถมยังมีคนไล่ยิงเขาระหว่างทางไปด้วย

    “ปังๆๆๆๆๆๆ!!”

    G รีบเข้าไปหลบหลังโขดหินแห่งหนึ่ง และรถปืนกลนั่นก็ยิงกดเขาไว้ราวกับจะไม่ให้เขาโผล่ออกมา แต่ G ก็หยิบระเบิดที่เขาพกออกมา จากนั้นก็ขว้างใส่ไปในทันที

    “ตู้ม!!”

    ระเบิดนั้นโดนคนขับและพลปืนบนรถเข้าอย่างจัง ทำเอากระเด็นออกไปทั้งรถ และในตอนนั้น G ก็วิ่งไปยิงถล่มคนที่อยู่บนรถในทันที แล้วก็รีบขับรถออกไปจากพื้นที่ก่อนที่พวกนั้นจะตามไล่ล่า

    “บรื้น!!”

     

    ทางด้านของเนวิส เมื่อพวกเขาเห็นหุ่นรบตัวนั้นหยุดนิ่งไป และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พวกเขามีใช้ไม่ได้ พวกเขาก็ออกมาดูสถานการณ์ในทันที

    “รอนนี่ แท็บแล็ตนายเปิดติดหรือเปล่า??” ลูซิน่าถามไป

    “ไม่ติดอ่ะ สงสัยมันคงใช้ EMP ยิงมันหน่ะ” รอนนี่พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จรวดนับสิบที่ลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ก็พุ่งเข้าใส่หุ่นรบตัวนั้นอย่างต่อเนื่อง บางส่วนก็ไปโดนทหารที่อยู่รอบๆ จนพวกนั้นถึงกับไม่กล้ารุกหน้าต่อ แต่หุ่นรบตัวนั้นก็ยังยันไว้ได้

    “คงต้องไปทำลายมันจากด้านใน!!” เนวิสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็หยิบปืนและวิ่งไปที่หุ่นตัวนั้นในทันที

    “เฮ้ย เนวิส รอด้วยสิ!!” วาลิน่าพูดขึ้น จากนั้นคนอื่นๆก็ไล่ตามเนวิสไป พวกเขาวิ่งไปทางหุ่นรบที่หยุดนิ่ง โชคยังดีที่ทหารที่อยู่รอบๆโดนจรวดจนแตกกระเจิงไป เนวิสวิ่งไปที่ใต้ท้องหุ่นนั้น และจู่ๆ พวกมันก็พาดบันไดลงมาเพื่อที่จะออกมาซ่อมหุ่น แต่เนวิสก็ยิงมันจนร่วงลงมา

    “นี่ไง คงต้องปีนเข้าไปด้านใน!!” ฟรอนเทียร์พูดขึ้น

    “แล้วจะเอายังไงหล่ะ ใครจะเข้าไป??” เรนิต้าถามไป

    “ผมไปเอง เอาระเบิดมาให้ผม!!” เนวิสพูดขึ้น จากนั้นซิลลินเรียก็เอาระเบิด C4 แบบนับเวลาถอยหลังให้เขา เนวิสรีบปีนบันไดขึ้นไปในทันทีเพื่อเข้าไปในหุ่นตัวนั้น

    “เหย้ด ไอ้หมอนี่แม่งคนจริงหว่ะ” เด็กซ์เตอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เราต้องยิงคุ้มกันให้เขาแล้ว” เมเดอลีนพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ยิงทหาร Khorne ที่อยู่แถวๆนั้นเพื่อไม่ให้พวกมันเข้ามาใกล้

    “นี่โว้ย แดกลูกปืนซะ!!” ซิลลินเรียตะโกนออกมา และเมื่อเนวิสเข้ามาถึงด้านใน เขาก็ยิงพวก Khorne ที่อยู่ด้านในจนเละ จากนั้นก็ติดระเบิดไว้ด้านในและตั้งเวลา แต่มันคนหนึ่งก็ยิงเข้าที่แขนเนวิสจนได้

    “ปัง!!”

    เนวิสโดนยิงจนเซไปนิดหน่อย แต่เขาก็ยิงมันกลับ เนวิสรีบลากสังขารเดินออกมาและรูดบันไดลงมาหาคนอื่นๆ เมื่อเนวิสลงมาถึงพื้น พวกเขาก็รีบหามเนวิสออกมาจากพื้นที่ในทันที

    “ตู้ม!!”

    ระเบิด C4 ทำลายทุกชีวิตและระบบที่อยู่ด้านในหุ่นรบ จากนั้นตัวมันก็ค่อยๆล้มลงในทันที ทางด้านทหารของเมืองหลวง เมื่อพวกเขาเห็นหุ่นรบนั้นล้มลง พวกเขาก็สั่งกำลังให้หันกลับไปและโจมตีกลับในทันที

    “บุกเลย!!”

    กองกำลังของเมืองหลวงบางส่วนหันกลับมา บางส่วนก็ออกมาจากสนามเพลาะและไล่ตีโต้พวก Khorne อย่างรวดเร็ว พวก Khorne ในตอนนั้นเห็นท่าไม่ดีก็รีบถอยกลับไปในทันที

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเมืองหลวง ในวันนั้นเจซซินได้แฝงตัวเข้ามาเพื่อติดต่อกับสายคนอื่นๆที่เหลือ โดยเธอต้องปกปิดตัวเองไม่ให้ใครจำได้ แต่สายของเธอที่เธอรู้จักส่วนใหญ่ถูกจับไปแล้ว ทำให้เธอติดต่อใครไม่ได้ และในตอนนั้นเอง เธอก็เอาแท็บแล็ตของเธอออกมา แล้วติดต่อกับคนในหน่วย CIA ในทันที

    “ไง เจซซิน กำลังอยากเจอพอดีเลย”

    “สายที่ฉันรู้จักคงชะตาขาดกันหมดแล้วหล่ะ”

    “แล้วนายหลิวหล่ะ ไปหาหรือยัง??”

    “ไปมาแล้ว ปิดร้านหนีไปแล้วหน่ะสิ”

    “เออ ฉันจะบอกว่า ผู้ใหญ่รู้เรื่องของเธอแล้ว เขาต้องการให้เธอสังหารเนวิส ไม่ว่าจะยังไง”

    “หะ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนหน่ะสิ ฉันกลับไปที่คอนโดเก่าฉัน พวกมันก็เฝ้ากันเต็มเลย” 

    “เออๆ งานนี้ถ้าเธอไม่ทำ เธออาจจะโดนจับขังคุกแน่ ฉันพยายามพูดกับคนในหน่วย ฉันช่วยได้แค่นี้แหละ ที่เหลือเธอต้องพึ่งตัวเองแล้วหล่ะ” 

    “อออกจากการสนทนา!!”

    เจซซินเห็นดังนั้นก็เก็บแท็บแล็ตของเธอในทันที แต่เธอก็คิดแวบขึ้นมาในใจ ที่เขต 2 กำลังรบกันอย่างหนัก ไม่แน่เนวิสอาจจะอยู่ที่นั่นก็ได้ เธอจึงรีบขึ้นมอไซค์แล้วขี่ออกไปในทันที

     

    กลับมายังเขต 4 หลังจากที่กองกำลังของบาร์มามัสได้ยึดบ้านของมาร์ชินและเขตชายแดนได้อย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาก็รอฟังข่าวการรบระหว่างเมืองหลวงกับเขต 2 อย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งไม่นานนัก ลูกน้องของเขาคนหนึ่งก็มารายงานข่าวกับเขาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ การรบสิ้นสุดแล้วครับ พวกเขต 2 แพ้และถอยกลับไปแล้วครับ!!”

    “หะ เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เยี่ยมไปเลย!!” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “บาร์ม ฉันว่า เราน่าจะใช้โอกาสนี้โจมตีพวกมันกลับไปนะ” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “นั่นสิ ตอนนี้เป็นโอกาสของเราเลยนะ เราอาจจะยึดเขตของพวกมันมาก็ได้” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “แล้วแนวป้องกันของพวกมันหล่ะครับ??” โอเมอร์ถามไป

    “อืม ป่านนี้พวกมันคงป้องกันพื้นที่กันหัวหมุนแล้วหล่ะ” แองเจลิก้าพูดขึ้น

    “เคนนี่ เรามีกำลังทหารเท่าไหร่ที่พร้อมจะรบ??” บาร์มามัสถามไป

    “เท่าที่ดู ประมาณ 2000 ได้ แต่ถ้ารวมกับเขตอื่น พวกมันไม่รอดแน่ๆ” เคนโนช่าตอบไป

    “ถ้าอย่างงั้นก็เคลื่อนกำลังได้เลย เคนโนช่า สั่งคนของเราล่วงหน้าไปก่อน เจอแนวรบของพวกมันที่ไหน ถล่มให้ราบเลย” บาร์มามัสพูดขึ้น

    “ได้เลย เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เคนโนช่าตอบไป

    “งานนี้พวกเขต 2 เสร็จเราแน่ ว่าเปล่า??” แองเจลิก้าถามไป

    “ถ้าผมไปถึงที่นั่น ผมจะเผาพวกมันให้ราบเลย” โอเมอร์พูดขึ้น

    “เออ ทำให้ได้อย่างที่พูดหล่ะ” แองเจลิก้าพูดแซวไป

    “แน่นอนพี่ พี่รอดูได้เลย” โอเมอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เราต้องเคลื่อนกำลังอย่างระวัง พวกเขต 2 สิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว แต่ต้องระวังถ้าพวกมันจะตีฝ่าเราออกไปด้วย” เคนโนช่าพูดขึ้น

    “แน่นอน เราจะให้กำลังของเราบางส่วนตั้งแนวรับพวกมันเอาไว้ด้วย แต่เชื่อฉันเถอะ พวกมันไม่มีกำลังมากพอจะตีฝ่าพวกเราหรอก ถึงตอนนั้น กลุ่มอื่นๆก็คงยึดทั้งเขตได้แล้วหล่ะ อย่าเสียเวลาเลย รีบจัดการเถอะ!!” บาร์มามัสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จัดกองกำลังของพวกเขาก็รีบติดอาวุธ และเตรียมพร้อมเดินหน้าเข้าสู่เขต 2 อย่างเต็มตัว เพื่อรีบจบสงครามในครั้งนี้

     

    ณ คฤหาสน์สุดหรูในเขต 2 ของเรดเดวิล ในวันนั้นตัวเขาก็นั่งวางแผนการรบอยู่บนโต๊ะตัวเดิมของเขา แต่ในวันนั้น ดูเหมอนจะมีข่าวไม่ดีมาถึงเขา สูราจารีบวิ่งมารายงานเขาอย่างหน้าตาตื่น 

    “นายครับ แย่แล้วครับ คราวนี้แย่แล้วครับ!!”

    “สูราจา ใจเย็นก่อน!!” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “พวกเราแย่แล้ว หุ่นรบตัวนั้นถูกทำลายแล้ว พวกเมืองหลวงไล่ต้อนพวกเราจนต้องถอยออกมา แถมตอนนี้พวกมันเดินทัพข้ามเขตของเราแล้วครับ!!”

    “เฮ้ย เป็นไปได้ไงวะ??” เรดเดวิลถามพลางทุบโต๊ะดังปัง

    “ตอนนี้พวกมันกำลังบุกเราแล้วครับ!!” สูราจาพูดขึ้น

    “แล้วเขต 5 ล่ะ เป็นยังไงบ้าง??” เรดเดวิลถามไป

    “พวกกบฏยึดเขต 5 ไว้ได้หมด และพวกเราที่ชายแดนส่งข่าวมาว่าพวกมันกำลังเดินทัพกันมาครับ”

    “หะ แล้วที่เขต 4 หล่ะ??” เรดเดวิลถามต่อ

    “พวกเขต 4 รวมกำลังได้เป็นพัน และกำลังบุกเข้ามาครับ!!” สูราจาพูดขึ้น

    “อะไรกันวะ นี่พวกมันล้อมเราได้แล้วงั้นเหรอ??” เรดเดวิลถาม แต่จู่ๆ เขาก็หมดแรงขึ้นมา ทำเอาสูราจาถึงกับต้องหยิบยามา แล้วก็รีบฉีดให้กับเขาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ ทำใจดีๆไว้นะครับ”

    “ระยำเอ้ย ตอนนี้เราเหลือทหารเท่าไหร่??” เรดเดวิลถามไป

    “ตอนนี้ ที่รบได้ก็มีประมาณ 8 พัน แต่เราต้องเกณฑ์ชาวบ้านทุกคนมาครับ ถึงจะได้ประมาณ 3 หมื่นครับ”

    “ดี เกณฑ์พวกนั้นมาให้หมด ไม่ต้องยกเว้น แบ่งกำลังไปต้านพวกมันไว้ เน้นต้านพวกมันที่เมืองหลวง เพราะดูแล้วกำลังของมันคงจะมีเยอะที่สุด ถ้าพวกเมืองหลวงถอยไปแล้ว ก็รีบตอบโต้เขตอื่นในทันที” เรดเดวิลพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม ผมจะจัดการเอง” สูราจาพูดขึ้น

    “งานนี้เราถอยกลับไม่ได้อีกแล้ว ถ้าพลาด พวกเราก็ลงนรกกันหมด” เรดเดวิลพูดไป

    “แล้วเราจะไม่หนีไปเหรอครับ เรามีเฮลิคอปเตอร์อยู่ลำหนึ่ง ให้ไปส่งเราที่ท่าเรือก็ได้ครับ??” สูราจาถามไป

    “ฉันจะไม่ถอยอีกแล้ว เพราะฉันเคยถอยมาครั้งหนึ่งแล้ว แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว นักรบอย่างฉัน จะไม่หนีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่ทำเหมือนไอ้ปราฟยาฟเด็ดขาด!!” เรดเดวิลพูดอย่างหนักแน่น

    “พูดถึงนายพลปราฟยาฟ เราได้ข่าวมาว่า เขากับคณะรัฐมนตรีที่เหลือของพวกเขาโดนจับกันเป็นพรวนเลยครับ” สูราจาพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีทางจบแบบมันแน่” เรดเดวิลพูดไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเขต 4 เส้นทางลึกลับในป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งรอบข้างดูจะสงบร่มรื่น แต่ในวันนั้น ขบวนรถบรรทุกขบวนหนึ่งค่อยเดินทางไปตามถนนในป่า และในตอนนั้น กองกำลังสหรัฐและหน่วยของปีเตอร์ที่ได้รับคำสั่งให้ดักรอขบวนรถพวกนั้น และเมื่อขบวนรถมาถึงจุดที่พวกเขาต้องการ พวกเขาก็เตรียมพร้อมในทันที

    “เอาหล่ะ พวกมันเข้ามาแล้ว จำที่เตรียมตัวมาได้นะ??” ปีเตอร์ถามไป

    “ครับท่าน ผมรับรองว่ามันไม่เหลือชีวิตรอดแน่นอน” เจสันพูดขึ้น

    “แต่ผมว่า ผมได้กลิ่นแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้นะครับ” เมสันพูดขึ้นมา

    “กลิ่นแปลกๆอะไรของนาย คิดมากหรือเปล่า??” การ์เซียถามอย่างสงสัย

    “เลิกเล่นได้แล้ว พวกมันมากันแล้ว!!” ซาโตะพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เตรียมอาวุธของพวกเขาเพื่อเข้าจู่โจม

    “ตู้ม!!” ระเบิดที่พวกเขาวางไว้ทำงาน ทำเอาขบวนรถบรรทุกถึงกับหยุดเคลื่อนที่ไป

    “ลุยเลย!!” 

    ปีเตอร์พูดขึ้น จากนั้นก็บุกออกไปจัดการขบวนรถบรรทุกนั่น แต่ยังไม่ทันที่หน่วยรบพิเศษของสหรัฐจะยิงกระสุนออกไปซักนัด จู่ๆคนในรถบรรทุกก็ลงมาและทิ้งอาวุธ ยกมือต่อหน้าพวกเขาในทันที ทำเอาพวกเขาถึงกับสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ปีเตอร์รีบไปสอบพวกมันคนหนึ่งในทันที

    “เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย??” ปีเตอร์ถามไป

    “พวกมันจ้างเราให้ใส่ชุดพวกนี้ แล้วให้ขับรถไปที่เขต 2 ครับ!!” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น และในตอนนั้นซาโตะก็ไปเช็คอาวุธของพวกมันในทันที

    “ไม่มีกระสุน นี่มันอะไรเนี่ย??” ซาโตะถามอย่างสงสัย

    “ปืนพวกนี้มันเก่ามากแล้วนะ??” เจสันมองดูอาวุธของพวกมัน และในตอนนั้นเอง หัวหน้าหน่วยหน่วยหนึ่งของกองทัพสหรัฐก็เดินมาหาปีเตอร์และคุยด้วยในทันที

    “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย??”

    “ผมว่า พวกเราถูกหลอกแล้วหล่ะครับ” ปีเตอร์ตอบไป

    “พวกมันคงจะขนส่งกันทางอื่น แล้วหลอกพวกเราเพื่อถ่วงเวลาก็ได้” เมสันพูดขึ้น

    “เฮ้อ หน่วยข่าวกรองมั้ยหล่ะมึง??” การ์เซียพูดพลางถีบรถบรรทุกไปหนึ่งที

    “แล้วนี่เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” หัวหน้าหน่วยคนหนึ่งถามปีเตอร์ไป

    “ผมว่า พวกมันต้องขนส่งกันที่เมืองหลวงแน่นอนครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น 

    “แล้วสายของคุณในเมืองหลวงไม่ติดต่อมาเลยเหรอคะ??” ซาโตะถามไป

    “ผมพยายามติดต่ออยู่ ไม่รู้ว่าพวกนั้นหายเงียบไปไหน”

    “เช็คแผนที่ มีที่ไหนพอจะใช้เป็นฐานยิงจรวดได้บ้าง ส่วนเราไปปักหลักที่ชายแดนเมืองหลวงก่อน รอดูสถานการณ์อีกที” ปีเตอร์พูดขึ้น และอีกด้านหนึ่ง กองกำลังติดอาวุธของโอเมนและจอห์นนี่ก็ได้ติดตามสังเกตการณ์สถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเมื่อพวกเขารู้ว่าพวกเขาถูกหลอก พวกเขาก็ถึงกับหัวเสียไปเลย

    “ระยำเอ้ย ไอ้รัสเซียนั่นหลอกเราเหรอ??” โอเมนถามอย่างสงสัย

    “สายของเรายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นที่นี่ ผมว่ามันต้องมีอะไรแปลกๆแน่นอน” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย นายลองไปเช็คดู ว่ามีสายของนายคนไหนเป็นหนอนหรือเปล่า” โอเมนพูดขึ้น

    “ได้ ผมจะลองสืบดู แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะ??” จอห์นนี่ถามไป

    “คุณอยู่ที่นี่มานาน น่าจะรู้นะว่าพวกมันจะขนจรวดไปที่ไหน” โอเมนพูดขึ้น

    “อืม ถ้าให้ผมเดา ต้องอยู่ใจกลางเขต 2 แน่ๆ ผมเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับฐานยิงขีปนาวุธร้างอยู่” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “อืม แต่ว่า ที่นั่นมีการรบกันอยู่นี่” โอเมนพูดขึ้น

    “มันอยู่ในที่ที่ห่างไกลการรบมากโขอยู่ แต่ผมพาคุณไปได้” จอห์นนี่พูดขึ้น

    “ได้ ถ้าอย่างงั้นก็พาฉันไปดูหน่อยสิ” โอเมนพูดขึ้น จากนั้นจอห์นนี่ก็นำกำลังของเขานำทางโอเมนออกเดินทางไปในทันที ปล่อยให้พวกอเมริกันยังยืนงงอยู่ตรงนั้น

     

    ณ โกดังของอเล็กซานเดอร์ ในวันนั้นตัวเขาก็ได้ปิดโกดังชั่วคราว เนื่องจากว่าตอนนี้เขากำลังถูกเพ็งเล็งจากทางการอยู่ และเขาก็ยังได้ติดตามสถานการณ์สงครามอย่างใกล้ชิด และดูสถานการณ์ว่าฝ่ายไหนกำลังได้เปรียบ ในวันนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนมาเคาะประตูที่หน้าบ้าน อเล็กซานเดอร์หยิบปืนของเขาแล้วออกไปเปิดประตู ก็พบว่าเป็นหลิวและฟรานซิสก้าที่มาหน้าโกดังของเขา เขารีบรับทั้งสองคนเข้ามาด้านในทันที

    “อ้าว พวกนาย มาทำอะไรที่นี่เนี่ย??” อเล็กซานเดอร์ถามไป

    “ฉันว่าฉันจะมาขออยู่ที่นี่ เพราะตอนนี้ตำรวจมาป้วนเปี้ยนที่หมู่บ้านฉันทุกวันเลย” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “อั๊วเองก็ต้องพยายามปกปิดตัวเอง แล้วก็มีข่าวสงครามมาบอกด้วย” หลิวพูดขึ้น

    “เออใช่ สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อเล็กซานเดอร์ถามอย่างสงสัย

    “ตอนนี้กองกำลังของเมืองหลวงดันพวกเขต 2 ออกไปได้แล้ว พวกเขากำลังเข้าจู่โจมเขต 2 จากทุกด้าน กูรูด้านสงครามฟันธงเลยว่าเขต 2 ไม่รอดแน่ๆ” หลิวพูดขึ้น

    “งั้นก็แสดงว่า สงครามใกล้จะจบแล้วสินะ??” ฟรานซิสก้าถามไป

    “ถึงสงครามใกล้จะจบ แต่พวกเราก็อาจจะถูกจับอยู่ดี” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “ใช่ ตอนนี้ฉันต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นฉันตายแน่” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “ตอนนี้อั๊วหารถได้แล้ว จอดอยู่ที่หน้าบ้านลื้อนะ” หลิวบอกไป

    “อืม พวกนายมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวฉันชงชาให้นะ!!” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องครัว จากนั้นก็ชงชาจากน้ำร้อนที่ต้มไว้แล้ว จากนั้นก็เอาชาที่ชงมาเสิร์ฟให้กับพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    “ขอบคุณมากนะ ฉันหิวน้ำมากๆเลย” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “ช่วงนี้อั๊วต้องปิดร้าน ไม่อย่างงั้นหมาต๋าจับอั๊วได้แน่ๆ” หลิวพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น พวกนายก็อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆก็เสียงเคาะประตูมาจากหน้าบ้าน อเล็กซานเดอร์สั่งให้พวกเขาเงียบเสียง จากนั้นก็ให้ไปหลบอยู่ในคอกม้าคอกหนึ่ง และตัวเขาในตอนนั้นก็ไปเปิดประตูรับแขกในทันที ซึ่งนั่นก็คือพวกตำรวจนั่นเอง

    “สวัสดีครับคุณตำรวจ!!”

    “สวัสดีครับ ขอโทษที่ต้องมารบกวนนะครับ ตอนนี้เรากำลังตามล่าตัวคนจีนคนนี้อยู่” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกนั้นก็เอารูปของหลิวให้กับอเล็กซานเดอร์ได้ดูในทันที

    “อ้อ เจ้าของร้านบะหมี่เหรอครับ??”

    “เราไปค้นร้านบะหมี่ของมัน ไม่พบตัวมันเลย แต่เราพบวิทยุสื่อสารที่บ้านของมันด้วย เราเลยอยากจะสอบถามอะไรเขาหน่อย” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น

    “ผมไม่ได้เจอเขามาซักพักแล้ว อันที่จริง ผมไม่ได้กินที่ร้านเขาตั้งนานแล้ว” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “แต่คุณก็รู้จักเขาดีนี่ครับ??”

    “ก็ผมมีมนุษยสัมพันธ์ยังไงหล่ะครับ แต่เขาทำอะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” อเล็กซานเดอร์พูดขึ้น

    “เราจับสายลับอเมริกันที่สงสัยว่าทำงานร่วมกับมันได้คนหนึ่งแล้ว เราเลยต้องสอบถามเขาเพิ่มเติมด้วย แต่เอาเถอะครับ ผมขอค้นหน่อยจะได้หรือเปล่าครับ แล้วผมจะขีดฆ่าที่นี่ออกจากลิสต์สถานที่ต้องสงสัย” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็บุกเข้าไปค้นโกดังของเขาอีกรอบ พวกนั้นใช้เวลาค้นซักพัก จากนั้นก็กลับออกมาจากโกดังในทันที

    “ไม่เจอใครเลยครับ มีแต่สิงห์สาราสัตว์ทั้งนั้น!!” ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น

    “อืม ผมขอขอบคุณในน้ำใจของคุณมากนะครับ และผมอาจจะไม่มีรบกวนบ้านของคุณอีก ยังไงก็โชคดีนะครับ!!” ตำรวจคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็ถอนกำลังออกจากโกดังในทันที ส่วนหลิวและฟรานซิสก้าก็ออกมาจากที่ซ่อนในทันที แล้วมาหาอเล็กซานเดอร์ต่อ

    “ได้ยินว่าพวกมันจับบาร์ตันไป เห็นทีอั๊วต้องออกจากเมืองหลวง แล้วไปที่เขตสหประชาชาติแล้วหล่ะ” หลิวพูดขึ้น

    “แต่คุณยังไม่ได้ไปเอาของที่บ้านของคุณเลยนะ” ฟรานซิสก้าพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ของๆอั๊วอยู่แล้ว” หลิวพูดขึ้น

    “แล้วคุณจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ฟรานซิสก้าหันไปถามอเล็กซานเดอร์ไป

    “ผมคงต้องส่งพวกคุณออกไปจากเมืองหลวงก่อน แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป” อเล็กซานเดอร์บอกกับพวกเขาทั้งคู่ไป

     

    ณ เขตสหประชาชาติในเขต 4 มารีนเนอร์ยังคงจัดการช่วยเหลือผู้อพยพหนีสงครามระหว่างเขตเมืองหลวงกับเขต 2 อย่างต่อเนื่อง แต่ในคราวนี้ กองกำลังไม่ทราบฝ่ายมักจะมาป้วนเปี้ยนในเขต 4 อยู่บ่อยครั้ง แต่ทหารสหประชาชาติก็ยังต่อสู้และขับไล่พวกมันออกไปได้ มารีนเนอร์รีบประชุมเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของเธอในค่ายผู้อพยพในทันที

    “ทุกคน มีใครพอจะทราบหรือเปล่าว่าพวกมันเป็นใคร ถึงได้มาโจมตีพวกเรา??” มารีนเนอร์ถามอย่างสงสัย

    “ผมว่า พวกมันต้องเป็นพวกโจรชายขอบกับพวกทหารหนีทัพบางส่วนแน่นอนครับ เพราะดูแล้วพวกมันไม่ใช่คนของเขต 2 และพวกกบฏด้วย” เจ้าหน้าที่ทหาร UN คนหนึ่งพูดขึ้น

    “พวกมันต้องการจะปล้นพวกเราสินะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “ผมว่า เราควรจะขอกำลังทหารมาเพิ่มนะครับ” 

    “รีบเลย ไม่อย่างงั้นพวกชาวบ้านตายกันหมดแน่ แล้วตอนนี้สงครามเป็นยังไงบ้าง??” มารีนเนอร์ถามอย่างสงสัย

    “ครับ ตอนนี้สายข่าวของเราบอกว่า กองกำลังของเมืองหลวงได้ผลักดันพวกมันให้ออกจากเขตเมืองหลวงแล้ว ตอนนี้ได้ยินว่าพวกเขากำลังเดินเข้าบุกเขต 2 ครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งพูดขึ้น

    “มีนักวิเคราะห์สงครามพูดว่า พวกเขต 2 อยู่ไม่รอดถึง 3 วันแน่นอนครับ” เจ้าหน้าที่อีกคนพูดขึ้น

    “ถ้าเกิดพวกเขายึดเขต 2 ได้ สงครามก็คงจะจบอีกไม่นานสินะ” มารีนเนอร์พูดขึ้น

    “ผมก็คิดแบบนั้นครับ!!”

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องยันไว้ซักอาทิตย์ ทุกอย่างก็คงจะจบแล้วหล่ะ แล้วเสบียงของเราเหลือแค่ไหน??” มารีนเนอร์ถามอย่างสงสัย

    “ก็พอให้พวกเราประทังได้ 1 เดือนครับ!!”

    “ดีเลย ถ้าอย่างงั้นก็รีบจัดการเลย วันนี้จะมีคอลเลคชั่นบีกินี่ออกใหม่ ได้ยินว่าเปิดแทบจะหมดเลย ถ้าจบแล้ว ฉันจะซื้อมาใส่อาบแดดให้สบายใจเลย” มารีนเนอร์บอกกับคนอื่นๆไป

     

    กลับมายังเขตภูเขา ที่มั่นสำคัญที่อยู่รอยต่อเขต 5 กับเขต 7 กองกำลังของแอลรอนได้สร้างฐานที่มั่นของเขาเพื่อตั้งรับกองกำลังใต้ดินและกองกำลังเมืองหลวงที่อาจจะมาโจมตีพวกเขาได้ทุกเมื่อ พวกเขาวางกำลังไว้แน่นหนาเนื่องจากว่าเป็นฐานที่มั่นสุดท้าย เพราะในเขต 7 มีลายเมืองและหลายหมู่บ้าน รวมถึงทรัพยากรแร่ หากปล่อยหลุดมือไป พวกเขาก็ไม่เหลืออะไรเลย

    “เอาหล่ะ เรามีกำลังเท่าไหร่ที่จะตั้งรับพวกมัน??” แอลรอนถามในขณะที่กำลังเดินตรวจสนามเพลาะอยู่

    “ตอนนี้เรามีกำลังที่จะพอจับอาวุธได้ประมาณ 5 พันครับ!!” ทหารของเขารายงานไป

    “นี่เรามีน้อยกว่าพวกมันถึง 1 เท่าเลยนะ” โรสเซียพูดขึ้น

    “เกณฑ์ชาวบ้านมา และพวกเราเป็นฝ่ายตั้งรับ ยังไงก็เป็นต่อ” แอลรอนพูดขึ้น

    “แล้วนี่ โบริสกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย??” โรสเซียถามอย่างสงสัย

    “หมอนั่นคงกำลังยึดที่มั่นสุดท้ายของบาร์บาร่ากับพวกหน่ะ” แอลรอนพูดขึ้น

    “ถ้าพวกเมืองหลวงมาช่วยรบ พวกเราคงไม่รอดแน่ๆ” โรสเซียพูดขึ้น

    “ไม่หรอก ที่มั่นของเราเข้มแข็ง ไม่แน่ เราอาจจะยื้อไว้ได้จนกว่าจะเจรจากับรัฐบาลของโดนาทอร์ก็ได้” แอลรอนพูดขึ้น

    “คุณคิดเหรอว่าพวกนั้นจะยอมเจรจาหน่ะ??” โรสเซียถามไป

    “ถ้าการศึกยึดเยื้อ มันอาจจะยอมเจรจาก็ได้” แอลรอนพูดขึ้น

    “ฉันว่า คุณวางแผนหลบหนีไว้ก็ดีนะ” โรสเซียพูดขึ้น

     “เรื่องนั้นผมก็คิดอยู่ เตรียมเรือกับสมบัติของเราให้พร้อมก็แล้วกัน” แอลรอนพูดขึ้น

    “ได้เลย แล้วตัวของโบริสหล่ะ จะเอายังไง??” โรสเซียถามไป

    “เราต้องพึ่งมันกับชาวบ้านของมัน ตอนนี้ให้มันได้ทุกสิ่งที่อยากได้ไปก่อน แล้วค่อยหาทางกันอีกที” แอลรอนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของแอลรอนคนหนึ่งก็มารายงานสถานการณ์อะไรบางอย่างกับแอลรอนในทันที

    “ท่านครับ กองกำลังของพวกมันเดินทัพมาแล้วครับ!!”

    “พวกมันมีคนมากแค่ไหนกัน??” แอลรอนถามอย่างสงสัย

    “คงไม่ต่ำไปกว่าหมื่นนึงได้ครับ!!”

    “คงไม่มีเวลาแล้ว เราต้องรับมือพวกมันเดี๋ยวนี้เลย” โรสเซียพูดขึ้น

    “พวกมันเข้ามาเมื่อไหร่ ยิงไม่มีเลี้ยง จัดการพวกมันให้ยับไปเลย” แอลรอนพูดขึ้น จากนั้นทหารของเขาก็เสริมแนวรับบนแนวเขา ก่อนที่กองกำลังข้าศึกจะมาถึง

     

    ณ บ้านร้างหลังหนึ่งในเขต 7 ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่มั่นของบาร์บาร่าเท่าไหร่นัก เรซนอร์ฟพาฟอร์ดและเซเนย์มาเพื่อตกลงเจรจากัน พวกเขาปิดบ้านเงียบและมาคุยกันที่ห้องรับแขกในบ้าน จากนั้นการเจรจาก็เริ่มต้นในทันที

    “พวกแกอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะเนี่ย??” ฟอร์ดถามอย่างสงสัย

    “อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่หล่ะ ก่อนจะมาโด่งดังก็ต๊อกต๋อยแบบนี้หล่ะ” เรซนอร์ฟตอบไป

    “เอาหล่ะ อย่าเสียเวลาเลย พวกนายจะเอายังไงกันต่อหล่ะ??” เซเนย์ถามไป

    “เรามีข้อมูลการค้าของผิดกฎหมาย โดยมีนายพลจางหนุนหลัง พวกมันทั้งคู่ทำงานสกปรกด้วยกันมานาน บาร์บาร่าให้นายพลจางทำสัญญาไว้ เผื่อว่าวันหนึ่งเธอจะโดนหักหลังหน่ะ ที่นั่นมีเงินเก็บของบาร์บาร่าด้วย เสร็จงานนี้ เราจะเอามาแบ่งกัน ดีมั้ย??” โพคลอนสกายาถามไป

    “ถ้าอย่างงั้น คงต้องให้แจ๊กกี้กับดีมีทรีจัดการแล้วหล่ะ” ฟอร์ดพูดขึ้น

    “สองคนนั้นก็เป็นสายลับด้วยงั้นเหรอ งั้นก็บอกให้พวกนั้นระวังตัวหน่อยแล้วกัน” เรซนอร์ฟพูดขึ้น

    “หมายความว่ายังไง ฉันลองคุยกับพวกเขาทางวิทยุ พวกนั้นบอก บาร์บาร่ายอมมอบตัวแล้ว??” เซเนย์ถามไป

    “เฮ้อ อย่างบาร์บาร่าเนี่ยนะ เพื่อนนายสองคนกำลังอยู่ในอันตราย เราบอกไว้เลย” โพคลอนสกายาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เห็นชายติดอาวุธกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาใกล้บ้านร้างที่พวกเขาอยู่ ในตอนนั้นเรซนอร์ฟก็รู้เลยว่าพวกนั้นเป็นใคร

    “ดูเหมือนพวกมันจะมาเก็บกวาดที่นี่ ถ้าอยากรอด ต้องร่วมมือกับพวกฉัน!!” เรซนอร์ฟพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็ชักปืนออกมา แล้วออกไปยิงกับพวกนั้นในทันที

    “ปังๆๆๆๆๆ”

    พวกมันเมื่อถูกยิงสวนก็หาที่หลบกันให้วุ่น มันพยายามยิงสวนกลับไปแต่พวกของฟอร์ดก็เหนือชั้นกว่ามาก ทำเอาพวกมันถึงกับทนไม่ไหว

    “เซเนย์ ไปโอบพวกมันไว้!!” ฟอร์ดตะโกนออกไป

    “ยินดีจัดให้!!” เซเนย์พูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งไปโอบด้านข้างของพวกมัน จากนั้นก็ระดมยิงใส่พวกมันในทันที

    “ปังๆๆๆๆ”

    “มึงจะหนีไปไหน??” โพคลอนสกายาตะโกนออกมาในขณะที่เห็นพวกมันคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีออกไป เธอวิ่งไปผลักมันจนล้ม จากนั้นก็จับมันเอาไว้ในทันที

    “ไงหล่ะมึง คุณบาร์บาร่าส่งมึงมาใช่หรือเปล่า??” โพคลอนสกายาถามไป

    “พวกมึงรู้ได้ไงวะ??” มันคนนั้นถามไป และเรซนอร์ฟก็วิ่งมาหาโพคลอนสกายาและถามมันไปในทันที

    “ไอ้ระยำ บอกกูมา บาร์บาร่าทำอะไรอยู่??” เรซนอร์ฟถามไป

    “เธอตั้งใจว่าจะยอมแพ้กับสหประชาชาติ โดยใช้ข้อมูลที่เธอมี ไอ้สองตัวนั้นที่เป็นสายลับ มันได้รับคำสั่งให้คุ้มกันเธอจนกว่าเรื่องจะจบ” ชายคนนั้นพูดขึ้น ทำเอาทั้งคู่ถึงกับหน้าเสีย เพราะหากบาร์บาร่ายอมแพ้ได้สำเร็จ พวกเขาทั้งคู่ก็หมดประโยชน์ เรซนอร์ฟเลยฆ่าชายคนนั้นทิ้งในทันที เมื่อฟอร์ดและเซเนย์มาถึง พวกเขาก็พูดกับฟอร์ดในทันที

    “ไม่มีเวลาแล้ว บาร์บาร่ามีแผนจะหนี เราต้องไปหยุดเธอ!!” เรซนอร์ฟโกหกฟอร์ดไป

    “เออ ถ้าอย่างงั้นแกพาฉันไป เร็ว!!” ฟอร์ดพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันไปตามล่าบาร์บาร่าในทันที ก่อนที่เธอจะยอมแพ้และเข้าพบเจ้าหน้าที่สหรัฐได้สำเร็จ

     

    ณ บ้านของบาร์บาร่า ในวันนั้นแจ๊กกี้และดีมีทรีก็ได้รับคำสั่งให้คุ้มกันบาร์บาร่าก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐจะมาถึง โดยที่บาร์บาร่าก็ได้เลี้ยงดูปูเสื่อทั้งคู่เป็นอย่างดี รวมถึงแจ๊กกี้ก็ได้หาข่าวเกี่ยวกับโซโรวาเพิ่มเติม จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็ได้มาคุยกับบาร์บาร่าด้วยเพื่ออัพเดทสถานการณ์เพิ่มเติม

    “เฮ้เพื่อน ได้ข่าวอะไรบ้าง??” ดีมีทรีถามอย่างสงสัย

    “อืม ตอนนี้กองกำลังของเมืองหลวงเดินหน้าเข้าตีเขต 2 แล้ว ส่วนกองกำลังใต้ดินได้แบ่งกำลัง 1 หมื่นกำลังโจมตีมาที่เขต 7” แจ๊กกี้ตอบไป

    “ฮ่าๆๆ พวกเขต 5 ที่น่าสงสาร ยึดได้แต่สุดท้ายก็ครอบครองทั้งหมดไม่ได้” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น สงครามก็คงใกล้จบแล้วสิ” แจ๊กกี้พูดขึ้น

    “ใช่ แล้วถึงตอนนั้น รับรองว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเอง” บาร์บาร่าพูดขึ้น

    “ผมก็หวังไว้แบบนั้นนะครับ” ดีมีทรีพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของบาร์บาร่าคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับเธออย่างรวดเร็ว

    “คุณบาร์บาร่าครับ แย่แล้วครับ พวกไอ้โบริสมันกำลังนำคนมาจัคุณครับ!!”

    “หะ พวกมันมีกำลังเท่าไหร่กัน??” บาร์บาร่าถามอย่างสงสัย

    “มีเป็นพันเลยครับ ดูเหมือนพวกมันอยากจะฆ่าคุณมากเลยครับ!!”

    “ดูท่าทางคุณบาร์บาร่าจะมีปัญหาเรื่องการปกครองนะครับ” แจ๊กกี้พูดขึ้น

    “สงสัยว่าพวกมันจะแปรพักตร์ไปอยู่กับพวกเขต 5 นะครับ” ดีมีทรีพูดขึ้น

    “พวกคุณคงต้องช่วยฉันแล้วหล่ะค่ะ” บาร์บาร่าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลูกน้องของบาร์บาร่าคนหนึ่งก็รีบมารายงานอะไรบางอย่างกับบาร์บาร่าอย่างรวดเร็ว

    “คุณบาร์บาร่าคะ ท่านนายพลจางจะเดินทางมาถึงที่นี่ตอนเย็นครับ!!” 

    “หะ จริงเหรอ เขาจะมาเย็นนี้เหรอ??” บาร์บาร่าถามไป ทำเอาทั้งแจ๊กกี้และดีมีทรีถึงกับแปลกใจ

    “คุณแจ๊กกี้ คุณดีมีทรี อย่าบอกนายพลจางแล้วกันว่าคุณเป็นใคร ฉันจะให้นายพลจางช่วยคุ้มกันฉัน ถึงตอนนั้น คุณจะจับเขาก็ได้ ฉันยกให้!!” บาร์บาร่าพูดไป ทำเอาทั้งแจ๊กกี้และดีมีทรีถึงกับมองหน้ากันในทันที

     

    กลับมายังสมรภูมิเขต 2 ซึ่งในตอนนั้นกองกำลังเมืองหลวงทั้งหมดได้เดินหน้าเพื่อเข้าโจมตีเขต 2 เพื่อปิดฉากสงครามกลางเมืองในครั้งนี้ และกลุ่มของลูซิน่า หลังจากที่พวกเขาจัดการเรื่องศพของมาร์ตินได้แล้ว ซิลลินเรียเรียกเฮลิคอปเตอร์มารับพวกเขาเพื่อเดินทางไปยังเขต 5 เพื่อเข้าโจมตีทางด้านเหนือของเขต 2 แต่ในตอนนั้นเอง เนวิสก็ทำหน้าเหมือนไม่สบายใจอะไรบางอย่าง ทำเอาเรนิต้าถึงกับถามเขาในทันที

    “เนวิส นายเป็นอะไรหรือเปล่า??” เรนิต้าถามอย่างสงสัย

    “อืม ผมอยากจะถามอะไรคุณหน่อย ผมขอโทษที่ต้องถาม แต่ผมจำเป็นต้องทำ!!” เนวิสพูดอย่างหนักแน่น

    “หือ เรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ??” วาลิน่าถามอย่างสงสัย

    “พวกคุณรู้เรื่องพวกรัสเซียจะมาตั้งขีปนาวุธในประเทศเราหรือเปล่า บอกผมมา??” เนวิสถามไปตรงๆกับทุกคน

    “พวกเราได้ยินข่าวลือมาซักพักแล้ว แต่พวกเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องนะ” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “แต่ถ้าอเมริกาโดนถล่ม มันอาจจะเป็นผลดีก็ได้” ซิลลินเรียพูดขึ้น

    “แล้วถ้าอเมริกายิงถล่มพวกเรากลับบ้างหล่ะครับ แล้วถ้าผลของสงครามมันลุกลามหล่ะครับ ประเทศนี้จะไม่วิบัติอย่างงั้นเหรอ??” เนวิสถามไป

    “เฮ้ย พูดให้มันดีๆหน่อยสิเว้ยไอ้นี่!!” เด็กซ์เตอร์พูดออกไป แต่ซิลลินเรียได้ห้ามเด็กซ์เตอร์ไว้

    “ที่เขาพูดก็ถูกนะ แบบนั้นมันจะเสียมากกว่าได้อีกนะ” เมเดอลีนพูดขึ้น

    “อืม แล้วพวกนายคิดว่าจรวดมันจะไปตั้งที่ไหนหล่ะ??” ฟรอนเทียร์ถามอย่างสงสัย

    “อืม จะว่าไป รอเดี๋ยวนี้ ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฐานขีปนาวุธเก่าในเขต 3 แต่ฉันไม่แน่ใจว่าจะเป็นที่นั่นหรือเปล่า เพราะฐานยิงที่นั่นใช้ไม่ได้แล้วนะ” รอนนี่พูดขึ้น

    “เนวิส ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย แล้วนายจะเอายังไงต่อหล่ะ??” วาลิน่าถามอย่างสงสัย

    “ผมคิดว่าจะไปจัดการเรื่องนี้ ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรกับประเทศนี้หรอก” เนวิสพูดขึ้น

    “แต่ว่า ตอนนี้เรากำลังถล่มเขต 2 นะเนวิส นายจะทำให้เสียขบวนงั้นเหรอ??” เรนิต้าถามอย่างสงสัย

    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้เราพยายามหาเบาะแสของขีปนาวุธนั่นอยู่ ถ้าเราได้เรื่องยังไง เราจะบอกนายก็แล้วกัน” ลูซิน่าพูดขึ้น

    “ใช่ แต่ว่าตอนนี้ เราต้องจัดการที่เขต 2 ไปด้วยนะ” ฟรอนเทียร์พูดขึ้นเพื่อโน้มน้าวเนวิส

    “เอาแบบนี้ ถ้าฉันได้ความเคลื่อนไหวอะไร ฉันจะรีบบอกนายเลย ถ้านายมัวแต่งมโข่งแบบนี้มันไปไหนไม่ได้หรอก” รอนนี่พูดเสริม

    “ก็ได้ พวกคุณพูดแล้วนะ!!” เนวิสบอกกับทุกคนไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันรู้ว่านายทำได้ เสร็จเรื่องตรงนี้เมื่อไหร่ เราจะช่วยนายทุกวิถีทางเอง” ซิลลินเรียพูดขึ้น จากนั้นก็เดินไปขึ้นฮฮที่กำลังจอดรอรับพวกเขาอยู่

    “ใจมึงมันได้หว่ะพวก นับถือ!!” เด็กซ์เตอร์พูดกับเนวิส

    “นี่ เลิกเล่นได้แล้วน่า ไปกันดีกว่า” เมเดอลีนตบหัวและพูดกับเด็กซ์เตอร์ จากนั้นพวกเขาก็ไปขึ้นฮฮเพื่อเดินทางไปยังเขต 5 และจัดการโจมตีกับพวก Khorne ที่ยังเหลืออยู่ในทันที

    ==============================================================

    กองกำลังส่วนใหญ่กำลังเดินหน้าสู่เขต 2 แล้ว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×