ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #23 : ตอนที่ 19 : เจอตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 72
      2
      31 ต.ค. 63

    ทองสุกและคนอื่นๆ ค่อยๆตามแกะรอยของลูกน้องพระยาประจักษ์ไป พวกเขาให้โฮรุกิตามรอบเท้าไปเรื่อยๆ ซึ่งรอยเท้านั้นหาไม่ยากเท่าไหร่เนื่องจากพวกนั้นเดินกันเป็นกลุ่ม จนกระทั่งโฮรุกิก็เดินมาถึงจุดๆหนึ่ง เธอยกมือให้สัญญาณกับทุกคนในทันที จากนั้นพวกเขาก็รีบตามมาสมทบกับโฮรุกิในทันที

    “มีอะไรหรือเปล่าโฮรุกิ??” เจสสิก้าถามอย่างสงสัย

    “ฉันว่าพวกมันต้องอยู่ด้านหน้านี่หล่ะ” โฮรุกิพูดขึ้น

    “จริงเหรอ ไหนขอไปดูให้เห็นกับตาหน่อยสิ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “แคลิเฟอร์ ใจเย็น รอพวกเราด้วย!!” ทองสุกพูดไล่หลัง และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ฝ่าแนวพุ่มไม้แถวนั้นออกมา จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งนั่นทำเอาพวกเขาถึงกับตกตะลึงเป็นอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าจะมีบ้านหลังใหญ่มาปลูกไว้แถวนี้ด้วย

    “โห ดูเหมือนว่าพวกมันจะปลูกบ้านที่นี่จริงๆด้วย” แคลิเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นเธอก็มองมันผ่านกล้องส่องทางไกล

    “ใช่ เลือกพื้นที่ได้ดีมาก ป้องกันก็ง่าย แถมมีรั้วไม้ไว้ป้องกันการโจมตีอีก” ทองสุกพูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไง พวกเราก็เล่นงานพวกมันได้ ใช่หรือเปล่าหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “เย็นไว้ก่อน เรายังไม่รู้เลยนะว่าพวกมันมีกันเยอะแค่ไหน” โฮรุกิพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็สังเกตการณ์อยู่ซักพักใหญ่ พวกเขาก็พบว่ามีลูกน้องของพวกนั้นมีประมาณเท่าไหร่

    “ดูจากสายตาคร่าวๆ ดูเหมือนพวกมันมีกันไม่ต่ำกว่า 50 คนได้” ทองสุกพูดขึ้น

    “โห ถ้าเยอะขนาดนั้นจริง พวกเราคงจะสู้ลำบากนะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “นั่นสิ ยังไม่รวมถึงพวกมันที่กระจายกันที่อื่นอีก เห็นทีคงจะไม่ง่ายแล้วหล่ะ” โฮรุกิพูดขึ้น

    “ทุกคน เงียบไว้ก่อน ดูเหมือนว่าจะมีคนมานะ!!” เจสสิก้าบอกกับทุกคนในห้องไป และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็เจอกับทั้งพระยาประจักษ์และทาเคชิที่ออกมาสูดอากาศที่ด้านนอก ในตอนนั้นเอง เมื่อโฮรุกิเห็นทาเคชิก็ถึงกับกำหมัดและออกอาการไม่พอใจในทันที ทำเอาแคลิเฟอร์ถึงกับสังเกตอาการได้

    “อ่า โฮรุกิ มีอะไรหรือเปล่า??” 

    “ไอ้นั่น มันฆ่าครอบครัวฉัน ในที่สุดฉันก็เจอมันซะที” โฮรุกิพูดขึ้น

    “เหรอ ดูเหมือนว่ามันก็ทำงานให้กับไอ้พระยาประจักษ์ด้วยนะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “นั่นหน่ะสิ แล้วนี่ เราจะเอายังไงกับพวกมันกันต่อหล่ะ??” เจสสิก้าถามอย่างสงสัย

    “เราจะตามล่าพวกมันทุกคนที่เกี่ยวข้องกับไอ้สองคนนี้ ทุกคนเลย ไม่ว่าใครที่มีเอี่ยว” ทองสุกพูดขึ้น และในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกัน จู่ๆพวกเขาก็เห็นชายผิวขาวคนหนึ่งขี่ม้าเดินทางมาหาพวกของพระยาประจักษ์ แต่เมื่อแคลิเฟอร์เห็นเขา ความทรงจำเก่าๆบางอย่างก็เริ่มกลับมาหาเธอในทันที

    “พ่อขา!!”

    “แคลิเฟอร์ ลูกต้องปลอดภัย!!”

    แคลิเฟอร์เห็นชายคนนั้นก็ถึงกับโกรธแค้น คราวนี้โฮรุกิสังเกตอาการของเธอได้ เธอจึงรีบถามแคลิเฟอร์ในทันทีว่าเป็นอะไรไป

    “แคล นี่เธอ เป็นอะไรหรือเปล่า??” 

    “ฉันจำมันได้ มันมีส่วนในการฆ่าครอบครัวฉัน ในที่สุดฉันก็เจอมันซะที!!” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “เออ แล้วนี่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” เจสสิก้าถามอย่างสงสัย

    “ฉันว่า เราน่าจะไปจากที่นี่ แล้วค่อยสังเกตการณ์มันไปเรื่อยๆก่อนดีกว่า เราสบโอกาสค่อยเล่นงานมันก็ได้” ทองสุกพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พวกมันประมาณสองถึงสามคนก็วิ่งมาบอกอะไรบางอย่างกับพวกที่เหลือ พระยาประจักษ์และทาเคชิก็เริ่มจะเอะใจแล้ว ทำเอาทองสุกต้องทำอะไรบางอย่าง เขาหยิบระเบิดไดนาไมท์ขึ้นมาในทันที

    “ดูเหมือนพวกมันจะรู้ตัวแล้ว มันเริ่มกระจายกำลังค้นหาในป่าแล้ว” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “นี่น่าจะซื้อเวลาให้เราได้!!” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นก็จุดระเบิดไดนาไมท์ในทันที จากนั้นก็ขว้างออกไปใส่พวกมันในทันที

    “เฮ้ย ระเบิด!!”

    “ตู้ม!!”

    ไดนาไมท์เล่นงานพวกมันจนแตกกระจายไปคนละทิศละทาง ในตอนนั้นพวกมันไม่รอช้าระดมยิงเข้ามาในแนวป่าทันทีอย่างดุเดือด

    “ปังๆๆๆๆ”

    “รีบหนีก่อนดีกว่า เร็ว!!” โฮรุกิพูดขึ้นและกระชากแขนแคลิเฟอร์ออกมา 

    “ไอ้ระยำ ฝากไว้ก่อนเถอะ!!” แคลิเฟอร์พูดขึ้นจากนั้นก็ยิงสวนพวกมันกลับไป พวกเขาวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในป่า โดยที่พวกของพระยาประจักษ์ก็ถือปืนวิ่งตามเข้ามาในป่า แล้วก็ไล่ยิงพวกของทองสุกในทันที

    “อ้ายทองสุกมันอยู่ในนี้แน่ๆ ตามล่ามัน ท่านพระยาสั่งจับตายมัน!!” ชายคนหนึ่งตะโกนบอกคนอื่นๆ และในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    จู่ๆชายคนนั้นก็โดนยิงเข้าที่หัวไป และในตอนนั้นพวกมันก็เริ่มมองซ้ายทีขวาทีเพื่อตามล่าทองสุกไปด้วย

    “ตามล่าพวกมัน มันอยู่แถวนี้แหละ!!”

    “ฉันว่าเราถอยก่อนดีกว่า มันอาจจะเอาพวกมันเล่นเราก็ได้” ชายคนหนึ่งพูดค้าน

    “ปังๆๆๆๆๆ!!”

    เสียงปืนดังขึ้นจากแนวป่าบริเวณนั้น ทำเอาคนของพระยาประจักษ์ถึงกับต้องหาที่หลบกระสุนกันให้วุ่น ซึ่งทองสุกและคนอื่นๆก็ได้กระจายตัวกันเพื่อซุ่มยิงพวกนั้นด้วย

    “ทุกคน ยิงเมื่อแน่ใจเท่านั้น เราต้องประหยัดกระสุนเอาไว้!!” ทองสุกตะโกนออกคนอื่นๆไป

    “ฉันรู้น่า ไม่ต้องบอกฉันหรอก!!” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้ไรเฟิลยิงพวกมันจนล้มลงไป

    “ไอ้พวกระยำเอ้ย แน่จริงก็เข้ามาเลย!!” แคลิเฟอร์พูดขึ้นจากนั้นก็กระหน่ำยิงพวกมันอย่างบ้าเลือด 

    “ใจเย็นๆ เราต้องประหยัดกระสุนไว้นะทุกคน!!” โฮรุกิพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงธนูใส่พวกมันจนล้ม สถานการณ์ของพวกมันในตอนนี้เริ่มจะไม่ดีเท่าไหร่ เพราะพวกเขาล้มตายกันไปเรื่อยๆ จนพวกมันถึงกับต้องเริ่มถอย

    “เฮ้ย ทุกคน รีบถอยกลับก่อนเร็ว!!”

    “นั่นสิ ค่าจ้างกูไม่พอจะมาเสี่ยงแบบนี้นะเว้ย ค่อยตามล่ามันวันหลังก็ได้!!” มันคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็ค่อยๆถอยออกจากป่าไป ส่วนพวกของทองสุกเมื่อเห็นพวกมันถอยไปแล้ว พวกเขาออกมาจากที่ซุ่มยิง แล้วรีบวิ่งไปตรงจุดที่พวกมันตายในทันที 

    “ทุกคน รีบหยิบปืนกับกระสุนไปเร็ว!!”

    ทองสุกบอกกับทุกคน จากนั้นพวกเขาก็รีบหยิบปืนที่พวกมันทำตกไว้ รวมถึงกระสุนที่พวกเขาพอจะเก็บได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกมันอาจจะกลับมาอีกครั้ง

    “นี่เราต้องเก็บปืนทุกกระบอกเลยเหรอเนี่ย??” โฮรุกิถามไป

    “ใช่ๆ เราต้องเก็บมันเอาไปขาย เพื่อเอาเงินมาซื้อกระสุนกับเสบียงเพิ่มเติมหน่ะ ฉันรู้ว่าขายที่ไหนได้ราคาดี” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “แล้วนี่ เราจะไปที่ไหนต่อหล่ะ เราจะทำแค่ซุ่มยิงพวกมันตลอดไปไม่ได้หรอกนะ” เจสสิก้าพูดขึ้น ในระหว่างที่พวกเขากำลังเก็บอาวุธอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเดินมายังพวกเขา ทองสุกเล็งปืนใส่ชายคนนั้นในทันที

    “เฮ้ย แกเป็นใครวะ??”

    “ใจเย็นๆ ฉันมาดีนะ นายคือคาวบอยชุดแดงใช่หรือเปล่า??”

    “ถ้าใช่แล้วจะทำไม แล้วนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า??” ทองสุกถามอย่างสงสัย

    “ฉันมาจากกลุ่มภาคีอีกานะ มีคนเขาอยากเจอนายหน่อย เขารู้ว่านายต้องการความช่วยเหลือหน่ะ” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “พวกอีกาอย่างงั้นเหรอ ฉันอยากเจอพวกเขามานานแล้ว” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ฉันเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกเขานะ พวกเขาเหมือนโรบิ้นฮู้ดเลยนะ” โฮรุกิพูดขึ้น

    “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าคุณมาจากภาคีอีกาหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “ตามผมมาเถอะครับ แล้วพวกคุณจะรู้เองครับ ไม่ต้องห่วง” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นพาเราไปพบกับเจ้านายของคุณหน่อยแล้วกัน” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินตามชายคนนั้นไปในทันที เพื่อตามดูว่ากลุ่มภาคีอีกาต้องการอะไรจากตัวเขากันแน่ และทางด้านของพระยาประจักษ์ หลังจากที่เขาส่งคนออกตามล่าตัวทองสุก ลูกน้องของเขาก็กลับมาในทันที พระยาประจักษ์รีบถามลูกน้องของเขาไปในทันที

    “เฮ้ย พวกแก จับไอ้ทองสุกได้หรือเปล่า??”

    “ไม่หนีไปได้ครับ!!”

    “ไอ้เวรเอ้ย มันคนเดียวยังจับไม่ได้อีกเหรอ??” พระยาประจักษ์ถามไป

    “มันไม่ได้มาคนเดียวครับ มันพาพวกมันมาด้วยครับ!!”

    “เฮ้ยนี่ ฉันว่าเราย้ายไปอยู่ที่อื่นก่อนซักพักดีกว่าหว่ะ” ทาเคชิพูดขึ้น

    “ไม่ต้องหรอก ยังไงพวกมันก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก แล้วนี่ติดต่อกับคุณร็อกกี้หรือยัง??” ประจักษ์ถามไป

    “กำลังติดต่ออยู่ เขาบอกให้รอเขาติดต่อกลับไป” ทาเคชิพูดขึ้น

    “ถ้าอ้ายทองสุกยังอยู่ มันอาจจะทำงานเราชิบหายหมด ยังไงก็ต้องขอคนของท่านมาช่วยด้วยหน่ะ” ประจักษ์พูดขึ้น

    “ทำไมท่านถึงกลัวมันนักหล่ะ??” ทาเคชิถามไป

    “มันเป็นหนึ่งในทหารที่เก่งฉกาจที่สุดที่เคยเจอมา ถ้ามันรอดการประหารได้ ก็คงไม่มีอะไรที่หยุดมันได้แล้วหล่ะ” ประจักษ์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นฉันจะให้คนของฉันช่วยตามตัวมันด้วยแล้วกัน” ทาเคชิพูดขึ้น

    “ก็ดีเหมือนกัน ถ้ามันยังอยู่หล่ะก็พวกเราได้ชิบหายกันหมดแน่!!” พระยาประจักษ์พูดขึ้นอย่างโกรธแค้น

     

    กลับมายังเมือง Black Maple ในวันนั้นเอง ผู้พิพากษาฟิโอน่าก็ได้ตัดสินคดีของชายคนหนึ่ง ซึ่งเขาเพิ่งจะเผาไร่ของครอบครัวครอบครัวหนึ่ง และในตอนนั้นเอง ฟิโอน่าก็เพิ่งจะตัดสินให้เขาไม่มีความผิด แม้ว่าจะมีหลักฐานพร้อม ทำเอานายอำเภอถึงกับแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    “ท่านผู้พิพากษา ท่านทำแบบนี้หมายความว่ายังไงเนี่ย??” ฟิโอน่าถามไป

    “ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ พวกคุณไม่มีหลักฐานเพียงพอในการเอาผิดเขา” ฟิโอน่าพูดขึ้น

    “ไม่มีหลักฐานอะไรหล่ะ คุณจะเอาผิดเขาได้ยังไงหล่ะ นี่อย่าบอกนะ ว่าคุณประหารคนโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้มาเยอะหน่ะ??” ฟิโอน่าถามไป

    “ไม่มีหลักฐานบ้าอะไรหล่ะ ผมไปจับมันคาหนังคาเขาเลย มันเพิ่งจะฆ่าคนดำและเผาไร่ทั้งหมดเลย” บอริสพูดขึ้น

    “คุณใช้อคติหรือเปล่า หรืออาจจะเป็นคนดำด้วยกัน เลยทำให้คุณคิดแบบนี้ ฉันว่าคุณเงียบไว้ดีกว่า” ฟิโอน่าพูดกับบอริส ทำเอาเขาถึงกับกำหมัดไว้

    “อย่าให้ฉันรู้นะว่าคุณรับงานใครมา!!” มีน่าพูดประชดออกไป ทำเอาฟิโอน่านึกกับอารมณ์ขึ้นในทันที

    “นี่ พูดอะไรนะ พูดอีกทีสิ??” ฟิโอน่าถามไป

    “ใจเย็นๆครับ เธอไม่ได้หมายความแบบนั้นอะไรหรอกครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “วันหลังหัดสอนมารยาทลูกน้องบ้างนะคะ ทำงานกันแบบนี้ถึงได้ไม่เจริญกันยังไงหล่ะคะ” ฟิโอน่าพูดขึ้น

    “คุณกลับไปก่อนดีกว่านะครับ ที่เหลือผมจะจัดการเอง” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ก็ดี จะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันนะคะ วันนี้ฉันเหนื่อย ฉันอยากไปพักหน่อย พวกคุณก็จัดการที่เหลือด้วยแล้วกัน” ฟิโอน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็กลับเข้าไปพักที่ศาลของเธอในทันที

    “ระยำเอ้ย อยากจะบีบคอคนให้ตายก็วันนี้แหละ” มีน่าพูดขึ้น

    “ดีแล้วหล่ะ ใจเย็นๆ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานอะไรจะเล่นงานมันหน่ะ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “งานนี้ไม่จบแค่นี้แน่ ส่วนไอ้บ้านั่น อย่าหวังว่าจะรอด” บอริสพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆบอริส นายจะทำอะไร??” นายอำเภอถามไป

    “ผมจะลอบฆ่ามัน รับรองว่าไม่มีใครสาวถึงตัวเราแน่นอนครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ทำแบบนั้นมันผิดกฎหมายนะ??” นายอำเภอปรามไป

    “ฉันเห็นด้วยนะคะ ตอนนี้กฎหมายเข้าข้างคนผิดคนเลว เราจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอคะ??” มีน่าถามอย่างสงสัย

    “ปกติผมเห็นด้วยกับคุณมาตลอด แต่วันนี้ผมเห็นด้วยกับมีน่าและบอริสนะครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ ฉันคงพูดอะไรไม่ได้แล้วหล่ะ ถ้าอย่างงั้นก็จัดการตามที่พวกนายเห็นสมควรแล้วกัน ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว แต่อย่าให้ใครรู้แล้วกัน ไม่อย่างงั้นพวกเราอาจจะต้องไปนอนด้วยกันในคุกก็ได้” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะจัดการเอง รับรองว่าสะอาดแน่นอนครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ยัยผู้พิพากษาคนนั้นเหมือนกัน ถ้าฉันได้หลักฐานเล่นงานมัน รับรองมันไม่รอดแน่ๆ" มีน่าพูดขึ้น

    “ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันจะช่วยจัดการเอง ตอนนี้เธอต้องมีแผนอะไรอยู่ในใจแน่ๆ งานนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอรอดไปไหนอีกแล้วหล่ะ” ปีเตอร์พูดขึ้น 

     

    กลับมายังร้านค้าของโฮมุระ ในวันนั้นเองเธอก็เปิดร้านตามปกติ ซึ่งเธอเตรียมของเพื่อขายให้กับชาวเมือง โดยที่จอห์นและเอ็ดเวิร์ดก็มาเยี่ยมเธอด้วย แต่ในวันนั้นเอง ลิงซ์ก็บังเอิญเดินผ่านร้านของเธอ โฮมุระเห็นดังนั้นจึงเรียกเธอมาคุยด้วยในทันที

    “คุณลิงซ์ ทางนี้หน่อยค่ะ!!” ลิงซ์เมื่อโดนเรียกเธอก็ไปหาโฮมุระในทันที

    “สวัสดีค่ะทุกคน สบายดีกันนะคะ??” ลิงซ์ถามไป

    “อ้อครับ พวกเราก็สบายเรื่อยๆหน่ะครับ” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “คุณเอาของมาขายในเมืองอีกแล้วเหรอครับ??” จอห์นถามไป

    “อ้อ ก็ใช่ค่ะ แต่ว่าฉันมีงานอยู่เพิ่มเติมค่ะ จะว่าไป ฉันเพิ่งจะเจอกับนายคาวบอยชุดแดงในป่าด้วยนะ แถมสาวแก่นสองคนนั้นด้วย แล้วก็หญิงเอเชียคนหนึ่งที่ฉันไม่รู้จักหน่ะ” ลิงซ์พูดขึ้น ทำเอาโฮมุระถึงกับแปลกใจเล็กน้อย

    “หญิงเอเชีย เธอสูงประมาณไหน ประมาณฉันได้หรือเปล่า??” โฮมุระถามไป และในตอนนั้นลิงซ์ก็ไปหาโฮมุระในทันทีเพื่อเทียบเคียง

    “เออ นี่มันอะไรกันเนี่ย??” จอห์นถามอย่างสงสัย

    “นี่ ไม่ต้องสงสัยซักเรื่องก็ได้” เอ็ดเวิร์ดปรามไป

    “อืม เธอสูงประมาณคุณเลย ดูหน้าตาคล้ายๆคุณด้วย แล้วก็เท่าที่เห็น เธอมีอะไรดำๆที่หลังคิ้วตรงนี้ด้วย” ลิงซ์พูดขึ้นและชี้ให้โฮมุระดูในทันที ทำเอาโฮมุระตื่นเต้นมาก

    “นี่ เธอบอกได้หรือเปล่า ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน บอกฉันหน่อย!!” โฮมุระพูดกับลิงซ์ไป

    “เธออยู่ในป่าเส้นทางเดียวที่กำลังจะไปบ้านใหญ่หลังนั้น แต่ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันว่าฉันน่าจะหนีเข้าป่าลึกไปแล้วหล่ะ” ลิงซ์ตอบไป

    “ฉันว่า เธอน่าจะปลอดภัยนะถ้าอยู่ในป่า สบายใจได้” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “นั่นสิ อย่าเพิ่งคิดมากเลย เราไปตามหาพวกเขาทีหลังก็ได้” จอห์นพูดปลอบใจโฮมุระไป

     

    กลับมายังโรงพยาบาลของโทมัส ในวันนั้นเองพวกเขาก็จัดการรักษาคนไข้ไปตามปกติ แต่ในวันนี้มีชายคนหนึ่งเข้ามารักษาในโรงพยาบาล ชายคนนั้นนอนบนเตียงอยู่ดีๆ เขาเจอมิเชลก็พูดแซวเธอไปในทันที

    “น้องสาว น่ารักจังเลย มาดูแลพี่หน่อยสิ!!”

    “ขอโทษนะคะ ฉันว่าคุณนอนเงียบๆและหุบปากดีกว่านะคะ” มิเชลพูดขึ้น

    “นี่จะไม่ให้เกียรติพี่หน่อยเหรอ รู้หรือเปล่าว่าพี่เนี่ยทำงานให้ใคร??” ในตอนนั้นเองโทมัสกับวิลเลี่ยมก็ดันมาได้ยินเขา พวกเขาสองคนเลยเดินเข้าไปหาชายคนนั้นในทันทีเพื่อไปคุยด้วย

    “ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ??” วิลเลี่ยมถามไป

    “น้องผู้หญิงคนนั้นน่ารักดี อยากให้มาดูแลหน่อย!!”

    “อืม ที่นี่เป็นโรงพยาบาล ไม่ใช่สถานขายบริการครับ ผมว่าถ้าคุณหาย คุณไปเที่ยวที่บาร์ดีกว่า” โทมัสพูดขึ้น

    “เฮ้อๆๆ แกไม่รู้เหรอว่าพวกเราเป็นใครและทำอะไรได้??” ชายคนนั้นถามไป

    “นี่ ชักจะมากไปแล้วนะ!!” มิเชลพูดขึ้น

    “ใจเย็นมิเชล ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน พยาบาล พาเขาไปที่ห้องผ่าตัดหน่อยสิ!!” โทมัสตะโกนออกมา ทำเอาชายคนนั้นถึงกับต้องตะโกนปรามไป

    “เดี๋ยวๆๆๆ ผมล้อเล่นน่า ใจเย็นสิ ไม่มีอารมณ์ขันเลยพวกคุณเนี่ย!!”

    “งั้นเหรอ ผมว่าคุณอาจจะขำไม่ออกนะ ตอนโดนผมผ่าตัดคุณหน่ะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “เออ ปากดีไปเถอะ เดี๋ยวแกจะได้รู้เลย!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่าแกไม่อยากนอนที่นี่แล้วสินะ” มิเชลพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบมีดผ่าตัดเตรียมจะเล่นงานเขา แต่วิลเลี่ยมก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    “ใจเย็นน่า เดี๋ยวเย็นนี้ถ้าเขาก่อเรื่องอีก ก็เอาเขาออกจากโรงพยาบาลได้เลย” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “ปากดีจังนะแกเนี่ย แกจะปากดีไม่ออกแน่ๆถ้าฉันเล่นงานแกหน่ะ” โทมัสพูดขึ้น

    “ฉันว่า มันต้องมีเอี่ยวอะไรกับพวกที่มาป่วนเมืองเราแน่ๆ” มิเชลพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆ ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมเลย รอดูไปก่อนสิ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ฉันจะให้พยาบาลฉันดูแลเอง พวกเธอรู้ว่าต้องรับมือไอ้พวกนี้ยังไง” โทมัสพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง พยาบาลซึ่งเป็นหญิงรูปร่างอ้วนคนหนึ่งก็เดินมาที่เตียงของเขา จากนั้นก็พูดกับเขาในทันที

    “ได้เวลาฉีดยาแล้วค่ะ!!”

    พยาบาลอ้วนคนนั้นไม่รอช้า จับแขนของหมอนั่นมาในทันที แล้วก็เตรียมการฉีดยากับเขา

    “จะทำอะไรยัยช้างน้ำ อย่านะเว้ย!!”

    “ใจเย็นสิ ฉันไม่ทำคุณตายหรอก!!” พยาบาลอ้วนคนนั้นพูดขึ้น จากนั้นก็ฉีดยาเข็มใหญ่ให้กับชายคนนั้น ทำเอาเขาร้องโหยหวนกลางโรงพยาบาล มิเชลเห็นก็หัวเราะคิกคักไปด้วย

    “สมน้ำหน้ามัน อยากปากดีนักไอ้บ้านี่!!” มิเชลพูดขึ้น

    “ฉันว่า ฉันจะจับตาดูมันด้วยว่ามันทำงานให้ใคร ไม่รู้ว่ามันจะมาไม่ไหนอีกหรือเปล่า??” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “เอาเลย ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกฉันแล้วกัน ฉันจะช่วยเอง” โทมัสพูดขึ้น จากนั้นพยาบาลอ้วนคนนั้นก็ทิ้งร่างหมอนั่นให้นอนห่อเหี่ยวอยู่บนเตียงโรงพยาบาลไป

     

    ณ เมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองติดกับชายทะเล แม้จะไม่ใหญ่เท่า Black Maple แต่ก็อบอุ่นพอสมควร เนย์มาร์พาซิ่วอิงมาหลบภัยอยู่ที่นี่ซักพัก ในระหว่างที่พวกเขากำลังเข้าเมือง ในวันนั้นเอง เจเรมี่ก็ขี่ม้าเดินทางมาที่เมืองแห่งนี้ด้วย เนย์มาร์เห็นเจเรมี่เข้าก็ไปทักทายกับเขาในทันที 

    “อ้าว คุณลุง มาที่นี่ด้วยเหรอครับ??” เนย์มาร์ถามไป

    “ใช่ ฉันรู้ว่าพวกเธอจะมาที่ไหน เลยตามมาหน่ะ” 

    “ว่าแต่ ที่ Black Maple เป็นยังไงบ้างคะ??” ซิ่วอิงถามอย่างสงสัย

    “อ้อ ตอนนี้เริ่มวุ่นวายนิดหน่อย แต่ตอนนี้นายอำเภอยังคุมสถานการณ์อยู่หน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ได้ยินว่าผู้พิพากษาคนใหม่ทำเอาเละไปหมดนี่ครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ใช่ ยัยนั่นคงรับสินบนจากพวกข้างนอกมาเยอะ ฉันว่าพ่อมันคงต้องตามมาขอส่วนแบ่งจากเธอแน่ๆ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “โห แล้วนี่ ลุงจะเอายังไงต่อไปหล่ะคะ??” ซิ่วอิงถามไป

    “ตอนนี้ฉันจะพยายามติดตามสถานการณ์ต่อไปหน่ะ ถ้าได้เรื่องอะไรจะมาบอกเลย แล้วก็ ฉันนายทอดด์เพิ่งจะโดนตามล่าตัวอยู่นะตอนนี้ เขาคงอยู่ที่ Black Maple ไม่ได้หน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ห่ะ ทำไมเป็นอย่างงั้นหล่ะครับ เกิดอะไรขึ้น??” เนย์มาร์ถามอย่างสงสัย

    “ดูเหมือนว่าเขาดันไปรู้เรื่องอะไรบางอย่างของยัยฟิโอน่านั่น เลยโดนตามล่าหล่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “แล้วเขาเป็นยังไงบ้างคะ เขาตายหรือเปล่า??" ซิ่วอิงถามไป

    “ไม่ต้องห่วง เจสสิก้ากับแคลิเฟอร์ช่วยไว้แล้วหล่ะ ตอนนี้เขาคงต้องหนีไปซักพักหล่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ผมว่า ผมจะไปเจอกับเขาซักหน่อย ลุงว่าดีหรือเปล่า??” เนย์มาร์ถามไป

    “ก็ลองดู แต่รู้แล้วเหรอว่าตอนนี้หมอนั่นอยู่ที่ไหน??” เจเรมี่ถามไป

    “สงสัย เราคงต้องเจอกับความวุ่นวายครั้งใหม่แล้วหล่ะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ซิ่วอิง เธอน่าจะต้องอยู่ที่นี่ซักพักนะ ฉันจะไปตามหาเขาก่อน” เนย์มาร์พูดกับเธอ

    “ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันเองก็สู้เป็นเหมือนกันนะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ฉันแค่ไม่อยากให้เธอเป็นอะไรไปหน่ะ อย่าลืมสิเธอต้องปกป้องโฉนดของเธอนะ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “ฉันรู้จักคนในเมืองนี้ เธอเปิดร้านเหล้าอยู่ ฉันจะฝากเธอกับเธอคนนั้นเอง” เจเรมี่พูดกับซิ่วอิงไป

    “ค่ะ ก็ดีนะคะ หนูน่าจะทำงานที่นั่นได้” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “แล้วที่ร้านนั่นจะไว้ใจได้เหรอครับ??” เนย์มาร์ถามไป

    “ได้แน่นอน มั่นใจด้วยชีวิตฉันเลย เดี๋ยวฉันจะคุยกับเธอเอง” เจเรมี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ขี่ม้าเข้าไปในเมืองทันที เพื่อไปจัดการเรื่องให้กับซิ่วอิง

     

    กลับมายังกลุ่มภาคีอีกา ซึ่งในวันนั้นเองพวกเขาก็ยังคงฝึกฝนตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีในครั้งถัดไป และพวกเขาก็ยังคงรอข่าวจากเซบาสเตียนด้วย ในระหว่างที่คารีนกำลังฝึกคนของเธออยู่ ชายคนหนึ่งก็เดินมารายงานสถานการณ์ที่เขาได้รับมากับเธอในทันที

    “คุณคารีนครับ มีข่าวมาครับ!!”

    “ข่าวอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??” คารีนถามไป

    “เราเจอตัวคาวบอยชุดแดงคนนั้นแล้วครับ เรากำลังพาตัวมาอยู่ครับ” 

    “จริงเหรอ เจอตัวหมอนั่นแล้วงั้นเหรอ??” คาเตอร์ถามไป

    “ถ้าเจอแล้วเราจะคุยอะไรกับเขาหล่ะครับ??” นาธานถามไป

    “ฉันจะลองคุยกับเขาดูหน่ะ ตอนนี้มีข่าวอะไรอัพเดทจากเซบาสเตียนหรือเปล่า??” คารีนพูดขึ้น

    “อืม ผมว่าตอนนี้เราน่าจะเริ่มรุกไล่พวกมันได้แล้วนะครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ใช่ครับ ตอนนี้พวกเรากำลังเข้มแข็งเลยครับ เราน่าจะเล่นงานพวกมันเลย” นาธานพูดขึ้น

    “ฉันรู้ ตอนนี้เราคงต้องรอแผนเพิ่มเติมหน่ะ พวกของรูเบ็นยังจัดว่าอันตรายอยู่ เราควรจะไล่ตีไปทีละพื้นที่ดีกว่า” คารีนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็มารายงานข่าวข่าวอะไรบางอย่างกับคารีนไปในทันที 

    “คุณคารีนครับ มีข่าวมา ยืนยันมาแล้วครับ ตอนนี้รูเบ็นมันขายพื้นที่ไวท์ยอร์กบางส่วนให้กับนายทุนไปแล้วครับ!!” 

    “ห่ะ จริงเหรอ เยอะแค่ไหนกันหล่ะ??” คารีนถามไป

    “ตอนนี้ได้ยินว่าขายไปแล้ว 8 หมู่บ้านครับผม ชาวบ้านบางส่วนถ้าไม่หนีกลับเขตไวท์ยอร์กก็หนีเข้ามาใน Black Maple ครับ” 

    “โห ไม่น่าเชื่อว่ารูเบ็นมันจะทำแบบนี้ได้” คาเตอร์พูดขึ้น

    “สุดท้ายก็เอาพวกพ้องไปขายเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง” นาธานพูดขึ้น

    “ตอนนี้รูเบ็นคงกำลังหาเงินทุนทำสงครามจากทุกทางหน่ะ ถ้าพวกนั้นมีเงินมากขึ้น ก็อาจจะขัดขวางเราได้ก็ได้” คารีนพูดขึ้น

    “คุณจะทำยังไงก็สั่งผมได้นะครับ ผมจะทำตามโดยไม่บ่ายเบี่ยงเลยครับ” นาธานพูดขึ้น

    “ใจเย็นๆ ตอนนี้เรารอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ใช่ๆ ตอนนี้เราอาจจะต้องรบกับพวกนายทุนไปด้วย ถ้าใครมาซื้อพื้นที่แถวนี้ ยิงทิ้งให้หมดเลย” คารีนพูดขึ้น

    “ได้เลยครับ ผมจัดให้เลย” นาธานพูดขึ้น

    “งานนี้เราคงต้องสู้กับพวกนายทุนด้วยสินะ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ใช่ๆ ตกลงตามสืบได้หรือยังว่าพวกมันเป็นใคร??” คารีนถามอย่างสงสัย

    “เราพยายามหาข้อมูลอยู่ครับ แต่ยังไม่ได้ความคืบหน้าเลย” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ก็ลองจับพวกมันซักคนมาเค้นความลับสิครับ” นาธานพูดขึ้น

    “อืม ก็น่าสนอยู่ นาธาน นายลองไปจับมันมาถามดูก็แล้วกัน” คารีนสั่งนาธานไป จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่พวกเขาได้รับมอบหมายในทันที

     

    กลับมายังที่มั่นของรูเบ็น ในวันนั้นเองเขาก็ได้คุยกับนายหน้าคนหนึ่งซึ่งเป็นนายหน้าในการซื้อที่ดินในเขตไวท์ยอร์ก หลังจากที่พวกเขาเจรจาซื้อขายกันเสร็จ นายหน้าก็ให้เงินกับรูเบ็นไป ส่วนรูเบ็นก็เอาโฉนดที่ดินให้ จากนั้นนายหน้าก็กลับไป รูเบ็นดูเหมือนจะชอบใจมาก แต่มีคนหนึ่งที่ยิ้มไม่ค่อยออก นั่นก็คือแฟรงค์เก้นนั่นเอง

    “ท่านทำแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอครับ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “ไม่หรอก ยังไงหมู่บ้านพวกนั้นก็ทำผลผลิตได้ไม่เท่ากับเงินที่ฉันได้มาหรอก” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แล้วชาวบ้านพวกนั้นหล่ะครับ จะทิ้งพวกเขางั้นเหรอ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “เราก็รับเอาชาวบ้านมาอยู่ด้วยแล้วไง ไม่ต้องห่วง ถ้าเรามีอาวุธมากกว่านี้ เราก็ยึดคืนมาได้อยู่แล้ว” รูเบ็นพูดขึ้น

    “เฮ้อ ชาวบ้านที่เหลือของเราจะมองว่าเราขายพวกเขานะครับ”

    “นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์ ว่าถ้าพวกเขาอ่อนแอ พวกเขาก็ต้องตายไปตามกฎธรรมชาติ!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำผิดพลาดนะครับ ตอนนี้พวกเรากำลังเสียเปรียบในการรบทุกด้านเลย” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง เอาเงินพวกนี้ไปซื้ออาวุธมา แล้วแจกจ่ายให้กับคนของเรา แล้วเตรียมเข้ายึด Black Maple เลย” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แต่ว่า เราเพิ่งจะแพ้ไปไม่นานนี่เอง จะบุกต่อป่านนี้พวกทหารคงวางกำลังดักไว้แล้วหล่ะครับ” แฟรงค์เก้นพูดปรามไป

    “ไม่เป็นไรหรอก พวกมันคงกำลังคาดไม่ถึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราจะโจมตีพวกมันอย่างรวดเร็วไปเลย ยึดพื้นที่รอบๆไปก่อน รับรองว่าพวกมันไม่รอดแน่ๆ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ถ้าเราจะโจมตีต่อ เราคงต้องโจมตีไปทีละเล็กละน้อยครับ เพราะถ้าเราจะลุยแบบรวดเร็ว อาจจะไม่มีกำลังมากพอแน่ๆครับ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “จะเอายังไงก็เอาเถอะ งานนี้ต้องจบศึกนี้เร็วๆให้ได้” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ครับ ผมจะจัดการเรื่องการโจมตีเอง งานนี้เราต้องรุกไล่ไปที่เขตเบนจามิน เพื่อกรุยทางเข้าเข้า Black Maple ซึ่งทางนั้นค่อนข้างเดินทางง่าย ส่งกำลังก็ง่าย แต่ปัญหาก็คือต้องผ่านป่า50เอเคอร์เพื่อเข้า Black Maple เราอาจจะถูกซุ่มโจมตีจากพวกมันก็ได้” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ถ้าเราบุกเร็ว เราอาจจะตั้งกำลังในป่าได้ แล้วการยึด Black Maple จะไม่ยากเลย” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นผมจะไปลุยเลย หวังว่าข่าวคงจะไม่รั่วออกไปนะครับ ผมจะส่งคนไปสำรวจพื้นที่นั้นดู เผื่อว่าเราจะยึดพื้นที่ไปก่อนก็ได้” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ดี ถ้ายึด Black Maple ได้ จับตัวนายอำเภอแม็กซ์ให้ฉันมาเป็นๆ งานนี้ฉันจะเล่นมันให้หนัก เอาให้มันจำไปจนตายเลย!!” รูเบ็นพูดขึ้นอย่างโกรธแค้น ส่วนแฟรงค์เก้นก็นำกำลังของเขาเพื่อเตรียมเข้าโจมตีตามแผน

     

    กลับมายังค่ายพักของคลีฟแลนด์ ในวันนั้นเองเธอก็เตรียมแผนการลอบสังหารแฮมเบอร์ตัน นายหน้าชาวอังกฤษเพื่อตัดกำลังของร็อกกี้และมาร์ค ในระหว่างที่เธอกำลังวางแผนการ ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็พาทหารที่เพิ่งจะโดนทองสุกเล่นงานมาหาคลีฟแลนด์ในทันที เพื่อให้เขารายงานอะไรบางอย่าง

    “ท่านครับ นายคนนี้บอกว่าเจอกับคาวบอยชุดแดงตัวเป็นๆด้วยครับ!!”

    “ใช่ครับคุณคลีฟแลนด์!!” ทหารคนนั้นพูดขึ้น

    “จริงเหรอ แล้วเขามีท่าทียังไง บอกหน่อยสิ??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “ผมดูแล้ว เขาเองก็น่าจะเคยเป็นทหารเหมือนกับเรา และดูเหมือนเขาจะไม่มองเราเป็นศัตรูเท่าไหร่ครับ!!”

    “จริงเหรอ แล้วยังไงต่ออีกหล่ะ??” คลีฟแลนด์ถามต่อ

    “ผมได้ยินมาว่าเขากำลังตามล่าตัวรูเบ็นและคนที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าบาทหลวงคนดำคนหนึ่งด้วยครับ ผมว่า เขาอาจจะเป็นอันตรายกับเราก็ได้นะครับ”

    “เราไม่ได้มีเรื่องกับคนพวกนั้น นั่นมันฝีมือของรูเบ็นมันชัดๆ ไม่เกี่ยวกับเราซะหน่อย” 

    “คุณจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอครับ มันอาจจะทำงานเราพังก็ได้??” ทหารคนนั้นพูดปรามไป

    “ไม่หรอก ถ้าเขาอยากเล่นงานเราจริงๆ นายคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “แล้วเรื่องแฮมเบอร์ตันนี่ จะเอายังไงต่อครับ??” ทหารคนหนึ่งถามไป

    “สบโอกาสเมื่อไหร่ก็บุกเข้าไปฆ่ามันได้เลย!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “ครับ ตอนที่พวกมันกำลังเผลอ เราจะบุกเข้าไปเลยครับ!!”

    “ความจริงฉันอยากจะเจอกับนายชุดแดงนั่นเหมือนกัน ฉันอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไรกันแน่” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

     

    ณ เส้นทางเชื่อมต่อ Black Maple กับเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง กลุ่มคนขี่ม้าชุดดำควบม้าเดินทางไปตามหาตัวทองสุก พวกเขาเดินทางไปเรื่อยๆ ลอร่าซึ่งเป็นคนนำขบวนนี้ก็สั่งให้คนของเธอจอดม้าที่โรงนาร้างข้างทาง เพื่อพักทัพกันชั่วคราวก่อนจะเดินทางต่อ ในระหว่างที่เธอกำลังเอาม้าไปจอดไว้ พ่อบ้านของเธอก็มาคุยกับเธอในทันที

    “คุณหนูครับ คุณหนูจะไปที่ลิตเติ้ลสก็อตแลนด์เหรอครับ??”

    “ใช่แล้วค่ะ เมืองนั้นไม่ค่อยถูกกับ Black Maple เท่าไหร่ เขาน่าจะไปหลบที่นั่น” ลอร่าพูดขึ้น

    “ดูเหมือนคุณหนูจะเป็นห่วงเขามากนะครับ”

    “เขาเจ็บตัวมามากเพราะฉัน ฉันเองก็มีส่วนที่ทำให้เขาต้องเจออะไรแบบนี้ค่ะ” ลอร่าพูดขึ้น

    “คุณหนูรักเขาใช่หรือเปล่าครับ??”

    “นี่ คุณ มันอะไรกันคะ??” ลอร่าถามอย่างแปลกใจ

    “คนใจโกหกเสียงของหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกนะครับ” พ่อบ้านพูดขึ้น

    “ฉันว่า เราอย่าพูดถึงเรื่องนี้เลยค่ะ เดินหน้าลุยงานต่อดีกว่า” ลอร่าพูดขึ้น

    “ครับ ผมหวังว่าคุณหนูจะไม่เครียดเกินไปนะครับ” พ่อบ้านของเธอพูดปรามเธอ ในขณะที่เธอก็เดินเข้าไปในโรงนาเพื่อนอนพักผ่อนก่อนที่จะออกเดินทางต่อไป

     

    กลับมายังหมู่บ้านที่เจสันเพิ่งจะตรวจค้น หลังจากที่เขาทำการตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว ตัวเขาก็พานักโทษคนหนึ่งมาเค้นความลับแถวๆนั้น เพราะเขาเชื่อว่าชายคนนั้นกำลังติดต่อกับกลุ่มกบฏฝ่ายใต้ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งการสอบสวนเป็นไปอย่างดุเดือด

    “บอกมาดีกว่าว่าเธออยู่ที่ไหน??” เจสันถามชายคนนั้นไป

    “คุณกำลังรับใช้คนขายชาติ รู้ตัวหรือเปล่า??” ชายคนนั้นถามกลับไป

    “ผมไม่ชอบนะพวกที่ตอบคำถามด้วยคำถามหน่ะ บอกผมมาดีกว่า” เจสันถามกลับ

    “คุณคลีฟแลนด์กำลังวางแผนจัดการคนที่เกี่ยวข้องกับไอ้ร็อกกี้และไอ้มาร์ค ไอ้คนขายชาติที่คุณรับใช้อยู่ยังไงหล่ะ” 

    “แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน บอกมาดีกว่า ก่อนที่ฉันจะเล่นงานแก!!” เจสันพูดขู่มันไป

    “ก็เอาสิ คนอย่างกูไม่เคยกลัวตาย แต่กูไม่ยอมขายชาติให้กับพวกอังกฤษแน่นอน”

    “อังกฤษมาเกี่ยวอะไรด้วยวะ นี่แกเพ้อแล้วเหรอ??” เจสันถามไป

    “ถ้าแกไม่รู้จะบอกให้ก็ได้ ไอ้ร็อกกี้และไอ้มาร์คพยายามติดต่อกองทัพอังกฤษให้เข้ายึดสหรัฐยังไงหล่ะ พวกแกควรไปรับทัพของพวกมัน ไม่ใช่อยู่ที่นี่!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “แกมีหลักฐานหรือเปล่า??” เจสันถามไป

    “ไม่ต้องห่วง พวกเรามียิ่งกว่าหลักฐานอีก แล้วแกจะต้องเสียใจที่รับใช้พวกมัน!!” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ถ้าฉันถามต่อคงไม่ได้อะไรจากแกหล่ะ ทหาร เอามันไปขังไว้ก่อน ฉันจะสอบมันใหม่อีกที ตอนนี้รีบเดินหน้าต่อดีกว่า” เจสันสั่งทหารของเขาไป

     

    กลับมายังบ้านของตระกูลทินส์ ในตอนนี้พวกเขายังคงปกป้องบ้านของตัวเองอย่างแข็งขัน เพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากลุ่มนายทุนจะกลับมาเมื่อไหร่ และก็เป็นอย่างที่ทินส์คิด ในตอนนั้นเอง จู่ๆก็มีเสียงปืนดังมาจากหน้าบ้านของเขา

    “ปัง!!”

    “ไอ้เสือ บุก!!”

    ในตอนนั้นเอง พวกมันได้ขี่ม้าบุกเข้ามาในเขตบ้านของทินส์ กลุ่มคนงานของเขารีบยิงสวนกลับพวกมันในทันที ตัวทินส์นั้นก็ถือปืนไรเฟิลออกมาไล่ยิงกับพวกมัน ในตอนนั้นเองเขาก็สั่งให้ชาร์ล็อตและริแอนน่ากลับเข้าบ้านไปด้วย

    “รีบกลับเข้าไปในบ้าน เร็ว!!” ทินส์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งก็ขี่ม้ามาจะยิงทินส์เข้า

    “ปัง!!”

    แต่มันถูกยิงตกม้าซะก่อน ซึ่งริแอนน่าที่พกปืนลูกโม่อยู่ก็ยิงมันจนได้

    “เดี๋ยวฉันจะพาลูกเข้าบ้านก่อนแล้วกัน” ริแอนน่าพูดขึ้น

    “แล้วพี่อเล็กซ์ไปไหนหล่ะเนี่ย??” ชาร์ล็อตถามอย่างสงสัย แต่ในตอนนั้นเอง อเล็กซ์ก็ยิงเข้ามาหาพวกเขาและกระหน่ำยิงด้วยปืนลูกโม่จนพวกมันตกจากม้าทีละคน เมื่อยิงเสร็จพวกเขาก็มารวมตัวกันในทันที

    “พ่อ พวกมันมากันเยอะ เราต้องถอยกลับไปก่อน!!” อเล็กซ์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งก็ถือคบเพลิงมาเตรียมจะปาใส่บ้านของพวกเขา ชาร์ล็อตเห็นก็คว้าปืนของอเล็กซ์มาแล้วยิงไปในทันที

    “ปัง!!”

    “พวกมันคงจะเผาที่นี่แน่ๆ ไปตามตำรวจมาดีกว่า!!” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “แม่ไปเอง อยู่ที่นี่แหละ!!” ริแอนน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็วิ่งไปที่คอกม้า เธอกระโจนขึ้นม้าแล้วควบออกไปในทันทีอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทินส์และคนอื่นๆก็ช่วยยิงคุ้มกันเธอไปด้วย

    “แล้วแม่ไปแบบนั้นจะไม่เป็นไรเหรอครับ??” อเล็กซ์ถามไป

    “ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครจับแม่ของเราได้หรอก สกัดพวกมันไว้!!” ทินส์พูดขึ้น จากนั้นพวกคนงานในไร่ก็เริ่มรุกใส่พวกโจรกลุ่มนั้นในทันที กลุ่มโจรเริ่มเสียคนไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกนั้นต้องรีบถอย

    “พวกเรา ถอย!!”

    กลุ่มโจรที่เหลือพยายามกระเสือกกระสนหนีเอาตัวรอด บางส่วนก็ทิ้งม้าและทิ้งปืนไว้หนีไปแต่ตัว พวกคนงานบางส่วนพยายามไล่ตามไปแต่ทินส์ก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    “ไม่ต้องตามมันไป ตรวจสอบความเสียหาย คุ้มกันไร่เอาไว้!!” ทินส์ตะโกนสั่งลูกน้องของเขาไป

     

    ณ เขตของกลุ่มภาคีอีกาดำ สมาชิกของภาคีขี่ม้าพาตัวทองสุกและคนอื่นๆเดินทางมาพบกับหัวหน้ากลุ่มที่กำลังรอต้อนรับอยู่ พวกเขาขี่ม้ามาจนเจอชายคนหนึ่งซึ่งถือปืนรออยู่ ชายคนนั้นไปคุยกับยามในทันที

    “เราพาเขามาแล้ว คาวบอยชุดแดง!!”

    “อืม ดูตัวเล็กไปหน่อยนะ!!”

    “เออ เชื่อฉันสิวะ”

    “ถ้าอย่างงั้นก็พาเข้าไปเลย!!” ยามคนนั้นพูดขึ้น

    “ได้ยินว่าหัวหน้าภาคีนี่โหดมาก ฉันอยากเห็นมานานแล้ว” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “มันก็แค่ข่าวลือหน่ะ ใจเย็นสิ” โฮรุกิพูดขึ้น

    “ยังไงก็อย่าประมาทแล้วกัน อย่าพูดอะไรผิดหูพวกเขาแล้วกัน” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “อืม มาบ้านเขาก็ต้องให้เกรียติเขาหล่ะนะ งั้นรอดูแล้วกัน” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ถูกพาไปพบกับคารีน หัวหน้าของภาคีในทันที

    ============================================================

    การเจอกันครั้งแรกของพวกเขาจะเป็นอย่างไร และสงครามครั้งนี้จะจบอย่างไร อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×