คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : ตอนที่ 20 : ร่วมงาน
ทองสุกถูกพาตัวไปยังใจกลางค่ายหลังจากที่พวกเขาถูกพามา รอบๆค่ายที่พวกเขาเห็นมีแต่ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังทำอาหารเพื่อเลี้ยงคนในค่าย บางส่วนก็จัดการเรื่องอาวุธและกระสุน ชาวค่ายที่พวกเขาเห็นค่อนข้างมีความสามัคคีกันมาก ทั้งคนผิวขาว ผิวดำ รวมถึงคนอื่นๆก็ค่อนข้างรักใคร่สนิทสนมกันดี และเมื่อทองสุกและคนอื่นๆเข้าไปในค่าย พวกเขาก็เรียกสายตาจากชาวค่ายคนอื่นๆได้เป็นตาเดียว เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็ได้แต่ยิ้มส่งให้พวกเขาไป
“ดูเหมือนคนที่นี่จะเป็นมิตรดีนะ เธอว่าหรือเปล่า??” แคลิเฟอร์ถามไป
“นี่ อย่าเพิ่งพูดเลย รอดูก่อนแล้วกัน” เจสสิก้าพูดขึ้น
“พวกเขาคงอยู่ที่นี่กันมานานสินะ” โฮรุกิพูดขึ้น
“ก็คงงั้น แต่ว่าหัวหน้าของพวกเขาอยู่ที่ไหนหล่ะ??” ทองสุกถามไป และในตอนนั้นเอง ชายคนนั้นก็พามาพบกับคารีนที่กำลังยืนรออยู่ คารีนเมื่อเห็นพวกของทองสุก เธอก็รีบไปทักทายพวกเขาในทันที
“ขอต้อนรับทุกคนสู่ค่ายของฉันนะ ฉันชื่อคารีน ทุกคนก็น่าจะพอรู้จักนะ” คารีนบอกกับทองสุกและคนอื่นๆไป
“สวัสดีขอรับ กระผมทอดด์ เขาเรียกกระผมแบบนั้นครับ” ทองสุกตอบไป
“อ้อ ยินดีที่ได้รู้จักนะทอดด์!!” นาธานพูดขึ้น
“ว่าแต่ พวกคุณอยู่ที่นี่กันมานานแค่ไหนแล้วคะเนี่ย??” เจสสิก้าถามไป
“เราอยู่มาหลายปีแล้วหล่ะ แต่งานของเราก็ยังไม่เคยสำเร็จซักที ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” คาเตอร์พูดขึ้น
“ว่าแต่ พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่เหรอคะ เห็นเกณฑ์คนและอาวุธเยอะขนาดนี้หน่ะ??” แคลิเฟอร์ถามอย่างสงสัย
“นั่นสิคะ พวกคุณกำลังทำสงครามอยู่งั้นเหรอ??” โฮรุกิถามเสริม
“ตอนนี้เรากำลังรบอยู่กับพวกเดอะแคลน พวกฝ่ายใต้หน่ะ พวกมันเริ่มจะมารุกรานในเขตของเราแล้ว” คารีนพูดขึ้น
“หัวหน้าของมันคือรูเบ็นใช่หรือเปล่าครับ??” ทองสุกถามไป
“เอ๊ะ ว่าแต่เธอรู้ได้ยังไงกันหล่ะ??” คารีนถามไป
“ก็พวกผมกำลังจะชำระความกับพวกมันอยู่ มันฆ่าบาทหลวงมอริสัน ผมจะฆ่าพวกมันทุกคน” ทองสุกพูดขึ้น
“อืม ถ้างั้นเราก็มีจุดประสงค์เดียวกันแล้วสินะ ได้ข่าวว่าพวกนายกำลังหนีคดีอยู่นี่” คาเตอร์ถามไป
“ใช่ค่ะ พวกเราโดนใส่ร้ายจากผู้พิพากษาคนใหม่ เหมือนเขาต้องการจะเล่นงานทอดด์หน่ะค่ะ” เจสสิก้าพูดขึ้น
“ผมรู้แล้ว มันคงมีข้อตกลงกับไอ้ประจักษ์ มันอยากฆ่าผมมานานแล้วเพราะกลับว่าผมจะทำแผนของมันเสียหน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น
“อืม เป็นไปได้ งานนี้คงจะยากหน่อยหล่ะ” โฮรุกิพูดขึ้น
“นี่ ไอ้คนที่นายว่ามันคนเดียวกับที่กว้านซื้อพื้นที่แถวนี้หรือเปล่า??” นาธานถามไป
“คิดว่าใช่นะ ทำไมหล่ะ แถวนี้ก็โดนเหมือนกันเหรอ??” แคลิเฟอร์ถามไป
“ใช่จ้ะ แถมเรายังรู้มาด้วยว่าในเขตไวท์ยอร์กบางพื้นที่ก็ถูกขายไปแล้ว สอบถามจากชาวบ้านที่อพยพมาหน่ะจ้ะ” คารีนพูดขึ้น
“เฮ้อ หักหลังได้แม้แต่พวกเดียวกันเอง” ทองสุกพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในกลุ่มท่ามกลางชาวค่ายที่กำลังยืนมุงดูอยู่แถวนั้น ซึ่งชายคนนั้นไม่ใช่ใคร เซบาสเตียนนั่นเอง
“เซบ มาที่นี่ด้วยเหรอคะ??” คารีนถามไป
“ใช่ๆ ผมอยากมาดูให้เห็นกับตาของตัวเองหน่ะ นายสินะพ่อหนุ่มชุดแดงหน่ะ เจอกันอีกจนได้นะ” เซบาสเตียนหันไปคุยกับทองสุก
“ครับ ยินดีที่ได้พบครับ” ทองสุกพูดขึ้น
“ตอนนี้รูเบ็นกับพวกของมันเริ่มสะสมอาวุธกันยกใหญ่แล้ว มันเอาเงินทีได้จากการขายพื้นที่ไปซื้ออาวุธหนักด้วย” เซบาสเตียนบอกกับทุกคนไป
“โห นี่พวกมันเริ่มเอาจริงแล้วเหรอเนี่ย??” เจสสิก้าถามไป
“เราเองก็น่าจะเริ่มตอบโต้พวกมันได้แล้วนะคะตอนนี้” แคลิเฟอร์พูดเสริม
“ผมจะกวาดล้างพวกมันไปทีละเขต ทีละหมู่บ้านเลย ล่อให้มันออกมาเจอกับผม ถ้าเสร็จเรื่องนี้แล้วผมจะไปเล่นพระยาประจักษ์ต่อ” ทองสุกพูดขึ้น
“โห ถ้าอย่างงั้นนายคงต้องใช้คนกับอาวุธเยอะเลยนะ” คาเตอร์พูดขึ้น
“เอาอย่างงี้ เรื่องไอ้ประจักษ์กับไอ้ทาเคชินี่ฉันจะจัดการเอง ฉันจะพยายามกวาดล้างพวกมัน” โฮรุกิพูดขึ้น
“ผมว่าเป็นการดีนะครับ ที่เราจะแบ่งกำลังไปเล่นงานพวกมัน” นาธานพูดขึ้น
“ว่าแต่ เราจะแบ่งกำลังกันยังไงหล่ะคะ??” แคลิเฟอร์ถามไป
“ง่ายๆ เราจะแบ่งกำลังเป็นสองฝ่าย และจัดการพวกมันตอนเผลอ แบบนี้พวกมันต้องแพ้แน่ๆ” คารีนพูดขึ้น
“อืม งานนี้คงต้องทำแข่งกับเวลาหล่ะ ไม่อย่างงั้นพวกเราได้ตายกันหมดแน่” เซบาสเตียนพูดขึ้น
“ว่าแต่ เราจะหาข่าวจากที่ไหนหล่ะ??” เจสสิก้าถามอย่างสงสัย
“เราน่าจะมีสายข่าวอยู่ในเมืองนะ พวกเธอจำลุงเจเรมี่ได้หรือเปล่า เขาน่าจะช่วยเราได้นะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น
“เหรอ แล้วพวกเธอจะติดต่อเขายังไงหล่ะ??” คาเตอร์ถามอย่างสงสัย
“ก็ลองหาทางดูแล้วกัน ฉันว่าไม่น่าจะยากนะ” คารีนพูดขึ้น
“ก่อนอื่นเลย เราต้องมีแผนก่อนนะครับ ผมจะจัดการที่เขตของรูเบ็นก่อน ตัดกำลังพันธมิตรของพวกมัน รวมถึงพวกฝ่ายใต้คนอื่นๆด้วย ถ้าพวกมันอยากจะลุย ผมจะลุยกับพวกมันเอง” ทองสุกพูดขึ้น
“เออนี่ ฉันอยากให้นายจับตาดูคนสองคนไว้ด้วย ไม่รู้จะรบกวนนายหรือเปล่า” เซบาสเตียนถามทองสุกไป
“ใครเหรอครับ??” ทองสุกถามไป
“มันชื่อร็อกกี้และมาร์ค มันสองคนเป็นสมาชิกสภาสหรัฐหน่ะ” เซบาสเตียนพูดขึ้น
“เอ๊ะ สองคนนั้นก็มาที่ Black Maple นี่คะ แล้วมีปัญหาอะไรเหรอคะ??” เจสสิก้าถามไป
“อย่าไว้ใจพวกมันสองคนนั้น พวกมันสองคนกำลังวางแผนอะไรบางอย่างที่ไม่ดีกับประเทศนี้ ฉันอยากให้นายช่วยหน่อย” เซบาสเตียนพูดกับทองสุก ทำเอาทองสุกทำหน้าเหมือนกับนึกอะไรบางอย่าง
“ทอดด์ นายคิดอะไรอยู่งั้นเหรอ??” แคลิเฟอร์ถามไป
“คิดถึงคำพูดของไอ้บ้าคนนั้น เกี่ยวกับสมาชิกสภาสองคน ดูเหมือนว่าพวกฝ่ายใต้ก็ตามล่าสมาชิกสภาสองคนนั้นเหมือนกัน” ทองสุกพูดขึ้น
“ก็ไม่แปลกหรอก ไอ้สองคนนั้นมันทำระยำไว้เยอะหน่ะ” เซบาสเตียนพูดขึ้น
“แสดงว่าเราคงต้องแบ่งกำลังไปเล่นงานพวกมันหลายที่สินะ” นาธานพูดขึ้น
“กลัวที่ไหนหล่ะ เราก็แค่ลุยพวกมันยังไงหล่ะ” โฮรุกิพูดขึ้น
“ครับ เอาเป็นว่าผมจะช่วยจับตาดูพวกมันแล้วกัน ผมว่าไม่แน่ มันอาจจะมีเอี่ยวกับงานของไอ้ประจักษ์ก็ได้” ทองสุกบอกกับเซบาสเตียนไป
“ได้เลย อยากได้อะไรก็บอกแล้วกันนะ!!” เซบาสเตียนพูดและแตะไหล่ทองสุกไป
“อืม พวกเธอเพิ่งจะหนีมา ยังไงก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกันนะ” คารีนพูดขึ้น
“ค่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ” เจสสิก้าพูดขึ้น
“เราเองก็อยากนอนเต็มตื่นเหมือนกัน ว่ามั้ย??” แคลิเฟอร์หันไปถามโฮรุกิ
“นั่นสิ อยู่ในป่ามานาน คืนนี้จะนอนให้เต็มอิ่มหน่อย” โฮรุกิพูดขึ้น
“เรามีเต้นท์อยู่ด้านนั้น พวกเธอไปนอนได้นะ นาธาน ไปส่งพวกเขาหน่อยสิ!!” คาเตอร์พูดขึ้น
“ได้เลย ตามมาทางนี้เลยครับ”
นาธานพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พาพวกของทองสุกเดินไปที่เต้นท์ตัวหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนกับว่าจะมีการเตรียมพร้อมสำหรับพวกเขาไว้ก่อนแล้ว
“เอาหล่ะครับ ถึงแล้ว แล้วที่ผมจะบอกอีกอย่าง เวลาเราจะออกไปลุยที่ไหน เราจะปิดหน้าด้วยผ้านี่นะครับ ผมเตรียมมาเผื่อพวกคุณแล้ว” นาธานพูดขึ้นจากนั้นก็ยื่นผ้าสามเหลี่ยมให้กับพวกของทองสุก จากนั้นก็เดินออกไปในทันที
“อืม ผ้าสวยดี พวกเธอว่าหรือเปล่า??” ทองสุกถามไป
“นั่นสิ ผ้าสวยมากเลย ฉันชอบจัง” แคลิเฟอร์พูดขึ้นจากนั้นก็ผูกผ้าไว้
“เอาหล่ะ ว่าแต่ใครจะไปที่ไหนกันก่อนหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป
“ฉันจะไปเล่นงานไอ้ทาเคชิเอง” โฮรุกิพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นฉันขอไปกับโฮรุกิเอง ฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อยหน่ะ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น
“นี่ ไอ้หมอนั่นที่เธอเจอมันเป็นใครกันหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป
“ฉันเห็นหน้ามัน มันฆ่าครอบครัวฉัน แล้วทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ฉันไม่ยอมปล่อยมันไปแน่ๆ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น
“อืม ยังไงก็ขอให้โชคดีแล้วกันนะ ฉันกับเจสสิก้าจะไปเล่นงานพวกของรูเบ็นทีละหมู่บ้าน ยึดอาวุธและเสบียงพวกมัน ล่อให้มันออกมา เสร็จเรื่องทางนี้ฉันจะมาช่วยพวกเธอเอง” ทองสุกบอกกับทุกคนไป
เช้าวันต่อมา
กลุ่มของนายอำเภอก็ได้ตื่นเช้าขึ้นมาและตรวจตราความปลอดภัยประจำเมืองตามปกติ และในวันนั้นเอง บอริสก็กลับมาหานายอำเภออย่างรวดเร็ว นายอำเภอพูดกับเขาในทันทีถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“เป็นยังไงบ้างหล่ะ??”
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว รับรองว่าไม่มีใครรู้แน่นอน” บอริสพูดขึ้น
“ก็ดี เพราะถ้ามีคนรู้นี่เราซวยกันหมดแน่” ปีเตอร์พูดขึ้น
“ความจริงเราน่าจะฆ่าผู้พิพากษาคนนั้นเลยดีกว่า” มีน่าพูดขึ้น
“นี่ มีน่า ใจเย็นๆ อย่าอารมณ์เสียสิ” ปีเตอร์พูดขึ้น
“แล้วนี่ ผู้พิพากษามีอะไรเคลื่อนไหวหรือเปล่า??” บอริสถามไป
“เท่าที่สังเกต มีแขกมาคุยกับผู้พิพากษาไม่เว้นแต่ละวัน ไม่รู้ว่าสำคัญแค่ไหน” มีน่าพูดขึ้น
“ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันบ้างหน่ะสิ” นายอำเภอพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้นผมจะลองไปถามเองครับ” ปีเตอร์พูดขึ้น
“มันจะดีเหรอ ถ้าเกิดบางคนเป็นพวกชนชั้นสูง มันจะแย่เอานะ” มีน่าปรามไป
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเรื่องนั้นผมมีวิธีครับ” บอริสพูดขึ้น
“ถ้าเราจะเลือกคนมาคุย คงต้องเลือกคนหน่อยหล่ะ” นายอำเภอพูดขึ้น
“จะว่าไป มีชายแก่คนหนึ่งมาหาผู้พิพากษาบ่อยนะครับ” บอริสพูดขึ้น
“จริงด้วย จะว่าไปไอ้แก่คนนั้นมันคุ้นๆนะ” มีน่าพูดขึ้น
“มันเป็นพ่อของผู้พิพากษา ลูกไม้มันหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ” นายอำเภอพูดขึ้น
“คุณรู้จักมันด้วยเหรอครับ??” ปีเตอร์ถามไป
“ก็พอรู้ชื่อเสียงหน่ะ” นายอำเภอตอบไป
“ผมว่า ถ้ามันมาอีก ก็จับมันมาเค้นความลับเลยสิครับ” บอริสพูดขึ้น
“นั่นสิคะ จากนั้นเราก็เก็บมันเงียบๆ ยังไงมันก็จะแก่ตายอยู่แล้ว” มีน่าพูดขึ้น
“ซวยเพราะลูกมันแท้ๆ งานนี้คงต้องเก็บเงียบๆ ไม่งั้นเราซวยแน่” ปีเตอร์พูดขึ้น
“อืม ยังไงก็ลองดูแล้วกัน ฉันไม่อยากทำแบบนี้หรอก” นายอำเภอบอกกับทุกคนไป
ณ ศาลประจำเมือง ซึ่งฟิโอน่ากำลังรวบรวมข้อมูลคดีต่างๆในเมือง รวมถึงติดต่อกับกลุ่มพันธมิตรอื่นๆ ในตอนนั้นเอง เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครอยู่ในห้อง เมื่อเธอหันไปเจอ ก็พบว่านั่นคือรูเบ็นนั่นเอง
“นี่ ฉันตกใจหมดเลยนะ!!”
“ผมต้องระวังตัวหน่ะ คุณก็รู้” รูเบ็นพูดขึ้น
“แล้วคุณมาที่นี่มีอะไร คิดถึงฉันอีกเหรอ??”
“ก็ส่วนหนึ่ง แต่ว่า คนที่ฉันให้เธอปล่อยตัวมัน ยังไม่กลับมาหาฉันเลย” รูเบ็นพูดขึ้น
“ได้ไง ก็ฉันตัดสินให้มันไม่ผิดแล้วนี่??” ฟิโอน่าถามไป
“ฉันก็ไม่รู้ หรือว่าจะโดนเก็บไปแล้ว??” รูเบ็นถามไป
“หะ แล้วใครหล่ะที่เก็บเขา??”
“เธอเป็นคนในท้องที่ ไม่รู้เลยเหรอ??” รูเบ็นถามไป
“หรือว่านายอำเภอจะรู้เห็นด้วย??” ฟิโอน่าถามไป
“บ้าเอ้ย ถ้ามันมาเกี่ยวจริง เธอจะทำยังไงต่อหล่ะ??” รูเบ็นถามไป
“ต้องคุยให้รู้เรื่อง ไม่งั้นฉันไม่ยอมแน่ๆ” ฟิโอน่าตอบไป
“อ่าๆ ยังไงก็ช่างเถอะ งานนี้คงต้องรีบสืบหน่อย เอาให้มันดิ้นไม่หลุดเลยนะ” รูเบ็นพูดขึ้น
“ฉันรู้น่าว่าต้องทำยังไง แล้วนี่นายไม่มีงานทำงั้นเหรอ??”
“ก็ฉันกำลังทำงานอยู่นี่ไงเล่า มีปัญหาอะไรเหรอ??” รูเบ็นถามไป
“ก็ถามเฉยๆ ฉันจะยอมให้นายมาทำให้งานเสียได้ยังไงหล่ะ??” ฟิโอน่าถามไป
“เอาน่า ฉันไม่ทำให้งานเธอเสียหรอก ตอนนี้ฉันจะเตรียมโจมตี Black Maple แล้วหล่ะ ถ้าฉันจับไอ้นายอำเภอนั่นได้ งานนี้สนุกแน่” รูเบ็นพูดขึ้น
“เออๆ ยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้นายรีบกลับไปก่อนดีกว่า” ฟิโอน่าพูดขึ้น
“ก็ได้ หวังว่าเราจะเข้าใจกันได้มากกว่านี้นะหลังจากจบเรื่องหน่ะ” รูเบ็นพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากศาลทางประตูหลังในทันที
ณ ร้านของโฮมุระ ในวันนั้นเองเธอได้นัดเจอกับจอห์นและเอ็ดเวิร์ด ซึ่งเมื่อพวกเขาทั้งคู่เดินทางมาถึง เขาก็เจอกับโฮมุระที่นั่งอยู่กับลิงซ์ จอห์นและเอ็ดเวิร์ดสงสัยเลยถามเธอในทันที
“อ้าว พวกเธอมาอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ??” จอห์นถามไป
“ก็ใช่ เธออยากจะคุยกับพวกนายด้วยหน่ะ” ลิงซ์พูดขึ้น
“เหรอ มีอะไรหรือเปล่าโฮมุระ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป
“ฉันจะกลับไปที่เดิม บ้านหลังใหญ่หลังนั้นหน่ะ” โฮมุระพูดขึ้น
“ห่ะ ทำไมอีกหล่ะ เธอจะไปทำไม??” เอ็ดเวิร์ดถามไป
“นั่นสิ มีอะไรหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าจะไปตามหาน้องเธอ??” จอห์นถามเสริม
“ฉันว่ามันต้องเป็นอย่างงั้นหน่ะ” ลิงซ์พูดขึ้นจากนั้นก็กระดกวิสกี้ดื่มไปด้วย
“ถ้านั่นเป็นน้องฉันจริงๆ น้องฉันต้องไปตามล่าไอ้ทาเคชิแน่ๆ ซึ่งเธอน่าจะรู้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน” โฮมุระพูดขึ้น
“แต่ว่า เราจะแน่ใจได้ยังไงกันหล่ะ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป
“ก็เพราะพวกเขาไปเจอกับนายชุดแดงคนนั้น และนายชุดแดงคนนั้นก็กำลังตามล่ามันเหมือนกัน” ลิงซ์พูดขึ้น
“แล้วเธอจะปิดร้านเลยเหรอ ฉันว่ารอข่าวก่อนดีกว่าม้าง??” จอห์นถามไป
“ไม่ต้องห่วง ฉันคิดแผนไว้ทั้งคืน ฉันอยากได้อาวุธของพวกนายหน่อยหน่ะ” โฮมุระพูดขึ้น
“เดี๋ยวฉันจะให้ลูกน้องเอามาให้ แต่เธอคิดดีแล้วนะ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป
“ฉันว่า ถ้าโฮมุระพูด เธอคิดดีแล้วหล่ะ” จอห์นพูดขึ้น
“แล้วเราจะไปกันแค่นี้เหรอ ฉันคิดว่าพวกมันคงเกณฑ์คนมาคุ้มกันเต็มอัตราแล้วหล่ะ??” ลิงซ์ถามคนอื่นๆไป
“ไม่ต้องห่วง งานนี้เราจะไม่ปะทะถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องห่วง” โฮมุระพูดขึ้น
“อ่าๆ ถ้าอย่างงั้นฉันจะไปจัดการเรื่องเสบียงก็แล้วกัน” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น
“เราคงบุกเข้าไปไม่ได้ง่ายๆเหมือนคราวก่อนหล่ะนะ” ลิงซ์พูดขึ้น
“ฉันพอจะมีลูกน้องที่เก่งเรื่องพวกนี้อยู่ ฉันจะลองเกณฑ์พวกเขามาเอง” จอห์นพูดขึ้น
“ขอบคุณพวกนายมากเลยนะ ฉันจะเตรียมของสำหรับพวกนายเอง เราจะออกเดินทางกันพรุ่งนี้ ฉันเรียกพวกคุณมาแค่นี้แหละ” โฮมุระพูดทิ้งท้ายไว้
กลับมายังโรงพยาบาลของโทมัส หลังจากที่พวกเขาทำการรักษาชายที่พูดแทะโลมมิเชล พวกเขาก็พาชายคนนั้นออกจากโรงพยาบาลเนื่องจากว่าเขาไม่จำเป็นต้องอยู่แล้ว และในวันเดียวกันนั้นเอง จู่ๆก็มีบิลอะไรบางอย่างมาส่งที่โรงพยาบาล โทมัสเอาบิลจากพยาบาลมาอ่าน ก็พบว่าเอ็ดเวิร์ดมาขอซื้อผ้าพันแผลและยาบางส่วน วิลเลี่ยมมาดูในทันทีว่าเป็นยังไง
“ผ้าพันแผลกับยา เอ็ดเวิร์ดจะเอาไปทำอะไรขนาดนี้นะ??” โทมัสถามอย่างสงสัย
“หรือว่า พวกเขากำลังจะไปที่ไหนหรือเปล่า??” วิลเลี่ยมถามไป
“หนูว่า ต้องไปรบที่ไหนแน่ๆเลยค่ะ” มิเชลพูดขึ้น
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะ??” วิลเลี่ยมถามไป
“ฉันเองก็เห็นด้วยกับมิเชลนะ แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน??” โทมัสพูดขึ้น
“ว่าแต่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” วิลเลี่ยมถามไป
“ส่งไปตามที่เขาขอแล้วกัน ไปส่งที่ร้านปืนของเขาด้วย” โทมัสพูดขึ้น
“ดิฉันเอาไปส่งเองค่ะ” มิเชลพูดขึ้น
“งานนี้สงครามในเมืองอาจจะปะทุได้ทุกเมื่อหล่ะนะ” วิลเลี่ยมพูดขึ้น
“ไม่รู้ว่าพวกมันจะโจมตีที่นี่หรือเปล่านะ??” โทมัสพูดอย่างกังวล
“สงสัยคงต้องหาปืนเพิ่มแล้วหล่ะค่ะ” มิเชลพูดขึ้น
“เฮ้อ เป็นหมอแท้ๆแต่ยังต้องมาพกปืน ที่นี่มันเถื่อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน??” โทมัสถามไป
“ก็ขอให้พระเจ้าคุ้มครองพวกเราทุกคนด้วย” วิลเลี่ยมพูดขึ้น
“เออใช่ เมื่อวานหนูก็ได้ข่าวนะคะ ตอนนี้เมืองเราอาจจะโดนโจมตีหน่ะค่ะ” มิเชลพูดขึ้น
“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลย ไปเอายาตามที่พวกเขาขอก่อนดีกว่า” โทมัสพูดขึ้น
“คุณพยาบาล จัดยาตามที่พวกเขาขอก่อนก็แล้วกัน” วิลเลี่ยมสั่งพยาบาลคนหนึ่งไป จากนั้นเธอก็ไปรวบรวมยาและผ้าพันแผลตามบิลที่ได้รับในทันที และพวกเขาก็ใช้เวลาไม่นานในการรวบรวมมันมาอยู่ต่อหน้าโทมัสด้วย
“โอเค มิเชล เอาไปส่งตามที่อยู่นี่นะ!!” โทมัสพูดขึ้น จากนั้นก็ส่งที่อยู่ให้กับมิเชล
“ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง” มิเชลหยิบใบมา จากนั้นก็เดินออกไปที่ด้านนอกในทันที
“แล้วก็กลับมาไวๆหล่ะ ด้านนอกมันอันตรายนะ!!” วิลเลี่ยมตะโกนไล่หลังเธอไป
กลับมาที่เมืองชายทะเลซึ่งเจเรมี่พาคู่หนุ่มสาวมากบดาน ซิ่วอิงทำงานช่วยเหลือเจ้าของบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง เนย์มาร์ก็คอยมาเยี่ยมเธออย่างต่อเนื่อง เพื่อมาคอยคุ้มกันไม่ให้เธอเป็นอะไร ในขณะเดียวกันนั้นเอง เจเรมี่ก็เดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่บ้านด้วย ทั้งเนย์มาร์และซิ่วอิงก็ออกไปต้อนรับในทันที
“อ้าว คุณลุงคะ สวัสดีค่ะ!!” ซิ่วอิงพูดขึ้น
“อืม อยู่ที่นี่สบายดีนะพวกนาย??” เจเรมี่ถามไป
“ก็ดีค่ะ คุณป้าที่นี่ใจดีมาก” ซิ่วอิงพูดขึ้น
“ว่าแต่ ข่าวในเมืองตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ??” เนย์มาร์ถามไป
“เท่าที่ดูตอนนี้ ไอ้นายทุนที่มันจะมาซื้อที่แถวนี้มันกำลังกว้านซื้ออย่างบ้าคลั่งเลยหล่ะ ในเขตไวท์ยอร์กก็ยังไม่เว้นเลย” เจเรมี่พูดขึ้น
“หือ มันไปซื้อถึงไวท์ยอร์กเลยเหรอครับ??” เนย์มาร์ถามไป
“ใช่ แถมหัวหน้ามันก็ขายด้วย ชาวบ้านที่เหลือไม่รู้จะทำยังไงเลยมาที่ Black Maple หน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น
“น่าสงสารพวกเขาจริงๆ แล้วพอรู้หรือเปล่าคะว่าพวกนายทุนนั่นเป็นยังไงบ้าง??” ซิ่วอิงถามไป
“ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้ทอดด์คงกำลังตามล่ามันอยู่หน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น
“เออใช่ ไม่ได้เจอเขามาซักพักนึงหล่ะ” เนย์มาร์พูดขึ้น
“ว่าแต่ พวกเขาจะทำยังไงกันต่อหล่ะ หนูอยากรู้จริงๆ??” ซิ่วอิงถามไป
“ตอนนี้ฉันยังติดต่อเขาไม่ได้เลย พยายามตามหาที่โบสถ์ร้างก็ไม่เจอ สงสัยจะไปที่อื่นแล้วหล่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น
“แล้วลุงคิดว่าเขาจะไปที่ไหนได้อีกครับ??” เนย์มาร์ถามไป
“อ้อๆ ฉันลองไปทุกที่ๆฉันเคยไปมาแล้ว ก็ไม่เจอพวกเขานะ ฉันว่าพวกเขาอาจจะหนีเข้าป่าหน่ะ” เจเรมี่พูดขึ้น
“หนูว่า ลองไปตามหาที่เขตไวท์ยอร์กก็ได้นะคะ พวกเขาอาจจะกำลังตามล่าพวกเดอะแคลนอยู่ตอนนี้ เราน่าจะเจอเขาที่นั่น” ซิ่วอิงพูดขึ้น
“จริงด้วย แต่ว่ามีข่าวว่าพวกไวท์ยอร์กขายที่ดินบางส่วนในเขตของมัน ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” เจเรมี่พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เนย์มาร์ก็เหลือบไปเห็นครอบครัวกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเดินทางมาที่เมือง ซึ่งชาวบ้านพากันมามุงดูและตะโกนด่าทอ โดยเฉพาะกลุ่มคนดำ เนย์มาร์เห็นจึงไปถามชาวบ้านในทันที
“ใจเย็นๆครับ นี่มันอะไรครับ??”
“พวกไวท์ยอร์ก ไอ้พวกเหยียดผิว ไร้ความเป็นคน!!” ชาวบ้านกลุ่มนั้นพูดขึ้น
“อืม ใจเย็นไว้ก่อน เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเขาเอง” เจเรมี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปคุยกับครอบครัวนั้นในทันทีเพื่อสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น
“พวกคุณมาจากไวท์ยอร์กเหรอครับ??”
“ใช่ครับ พวกเราแค่จะไปแคลิฟอร์เนีย ตอนนี้เราไม่มีบ้านเหลือแล้ว!!” ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวพูดขึ้น
“พอจะรู้มั้ยคะว่าพวกนั้นจะขายที่ไปทำไม??” ซิ่วอิงเข้าไปถามด้วย
“พวกนั้นต้องการจะเอาเงินไปซื้ออาวุธและเสบียง เท่าที่ฉันรู้มาจากลูกฉันที่ไปทำงานให้พวกมัน เขาบอก พวกนั้นจะโจมตี Black Maple ด้วยค่ะ”
“เฮ้อ สุดท้ายแม้แต่พวกเดียวกันก็ยังทำได้ พวกคุณน่าจะเริ่มคิดได้แล้วนะครับ” เนย์มาร์พูดขึ้น
“เนย์มาร์ อย่าไปซ้ำเติมเขาสิ!!” ซิ่วอิงพูดปรามไป
“พวกเราขอโทษ พวกเราแค่อยากไปเริ่มชีวิตใหม่ พวกเราจะไม่เอาอีกแล้ว” ชายหัวหน้าครอบครัวพูดขึ้น จากนั้นเจเรมี่ก็ให้เงินส่วนหนึ่งกับพวกเขาไปในทันที
“เอาไปเริ่มต้นใหม่นะ แล้วก็อย่าไปยุ่งกับไอ้พวกระยำนี่อีก แล้วนี่ พวกคุณพอจะมีข่าวอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า??” เจเรมี่ถามต่อ
“ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าพวกนายทุนมันกำลังร่วมมือกับคนใน Black Maple เพื่อสร้างความปั่นป่วน ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ” ชายคนนั้นรับเงินมา จากนั้นก็เดินทางต่อไปในทันที
“มันต้องติดต่อกับฟิโอน่าแน่ๆ งานนี้ถ้าฉันรู้ ฉันฆ่ามันแน่ๆ” เจเรมี่พูดขึ้นอย่างโกรธแค้น
กลับมายังเขตป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่าง Black Maple แฟรงค์เก้นขี่ม้านำกำลังของเขาเดินทางมาเรื่อยๆเพื่อเตรียมการจู่โจม Black Maple เมื่อพวกเขามาได้ครึ่งทาง พวกเขาก็สั่งให้ลูกน้องของเขาพักทัพก่อน ก่อนที่จะเตรียมเดินทางกันต่อไป
“ท่านครับ เราจะไม่ไปต่อเหรอครับ??”
“ยังหรอก ยังพอมีเวลาอีกเยอะ พรุ่งนี้ไปยึดก็ยังได้” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น
“ท่านคิดว่าพวกมันจะไม่รู้ตัวเหรอครับ??”
“ไม่หรอก ถ้าข่าวไม่รั่วหน่ะ เว้นแต่ว่าจะมีหนอนในหมู่ของพวกเรา เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ยุติธรรมเลย!!” แฟรงค์เก้นบ่นไป
“เรื่องที่มีเราขายที่หมู่บ้านให้พวกนายทุนเหรอครับ??”
“ก็ใช่ ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น ทำไมรูเบ็นถึงทำขนาดนี้ได้??” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น
“ผมว่า ถ้าเราได้เงินมาจัดการงานของเรา ก็น่าจะคุ้มนะครับ”
“และชาวบ้านที่พวกเขามาขอให้เราคุ้มกันหล่ะ พวกนั้นจะคายอะไรออกไปบ้างหล่ะ ถ้าพวกนั้นรู้ความลับของพวกเราอีก งานนี้เราไม่แย่กันหมดงั้นเหรอ??” แฟรงค์เก้นถามไป
“แม่ของผมก็คงจะไปจากไวท์ยอร์กแล้วหล่ะครับ” ชายชุดขาวคนหนึ่งพูดขึ้น
“ถ้านายอยากจะไปหาแม่นายก็ไปได้นะ ฉันไม่ห้ามนายหรอก” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น
“ท่านครับ เอาจริงเหรอครับ จะปล่อยมันไปเหรอ??” ทหารชุดเทาถามอย่างสงสัย
“ถ้าเขาไม่มีใจจะรบก็อย่างรั้งเขาไว้เลย มันจะเสียเชิงรบเปล่าๆ อีกอย่าง ฉันก็รู้สึกผิดที่ปกป้องพวกเขาไม่ได้ นี่ก็คงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้" แฟรงค์เก้นพูดขึ้น ทำเอาทหารคนอื่นๆถึงกับเงียบไปเลย
“พรุ่งนี้เราจะเตรียมไปยึดพื้นที่ป่า ต้องรีบจบงานนี้ ไม่อย่างงั้นทุกอย่างมันจะยึดเยื้อ แล้วเราอาจจะเสียเปรียบก็ได้” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น
“แล้วพวกลาดตระเวนหล่ะครับ เราจะเอายังไง??”
“ฉันขออาสาสมัคร 10 คน ไปลาดตระเวนพื้นที่ก่อน แล้วค่อยส่งข่าวมาให้ฉัน” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น
“ผมขอไปเองครับ!!” ชายชุดเทาคนหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พาเพื่อนของเขาไป 10 คนเพื่อออกลาดตระเวนที่ป่าเป้าหมาย
“อืม ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็แล้วกัน ถ้าพวกคุณไม่กลับมาก่อนเช้า เราจะบุกทันที ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะต้องชนะสงครามนี้ให้ได้ แล้วกู้ศักดิ์ศรีของพวกเรากลับคืนมาให้ได้” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น และทหารคนอื่นๆต่างก็โห่ร้องดีใจกันไปด้วย
กลับมายังที่พักของแฮมเมอร์ตัน ซึ่งคลีฟแลนด์เตรียมจู่โจมเขาและล้วงข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม เธอเตรียมกำลังคนของเธอไปปิดล้อมพื้นที่ และเล็งปืนใส่กลุ่มชายติดอาวุธในพื้นที่
“ปังๆๆๆ”
กลุ่มของคลีฟแลนด์ระดมยิงใส่พวกแฮมเบอร์ตันอย่างดุเดือด ทำเอาพวกนั้นถึงกับรีบหาที่หลบอย่างรวดเร็ว แฮมเมอร์ตันรีบออกมาดูในทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“บ้าเอ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย??”
“สงสัยเราอาจจะโดนตามล่าครับ รีบไปจากที่นี่เถอะครับ!!” แจ๊คกี้พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ช่วยคุ้มกันแฮมเมอร์ตันเพื่อหลบหนี แต่ในตอนนั้นเอง พวกของคลีฟแลนด์ก็โจมตีอย่างรวดเร็ว พวกเขาจัดการคนของแฮมเมอร์ตันอย่างรวดเร็ว แฮมเมอร์ตันรีบวิ่งไปที่ท่าเรือ โดยที่มีลูกน้องนับสิบคุ้มกัน แต่พวกของคลีฟแลนด์ก็ตามมาเรื่อยๆ
“จับแฮมเมอร์ตันมาให้ได้!!” คลีฟแลนด์ตะโกนขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จู่โจมอย่างดุเดือด ในขณะที่แฮมเมอร์ตันก็รีบไปขึ้นเรือในทันที คลีฟแลนด์วิ่งตามไปจากนั้นก็ไล่ระดมยิง กระสุนไปโดนแจ๊คกี้จนร่วง แต่แฮมเมอร์ตันก็ขึ้นเรือไปจนได้
“รีบออกเรือ เร็ว!!”
เรือของแฮมเมอร์ตันรีบแจวออกไปในทันที คลีฟแลนด์พยายามยิงและไล่ตามแต่ก็ไม่ทันแล้ว เรือของแฮมเมอร์ตันหนีออกไปได้อย่างหวุดหวิด ทำเอาคลีฟแลนด์ถึงกับหัวเสียไปเลย
“บ้าเอ้ย มันหนีไปได้!!”
“ท่านครับ ไอ้นี่มันยังไม่ตายครับ!!” ทหารคนหนึ่งลากตัวแจ๊กกี้ที่ยังไม่ตายมาหาคลีฟแลนด์ และในตอนนั้นเอง คลีฟแลนด์ก็ชักมีดออกมาจ่อคอมันในทันที
“งานนี้มึงเน่าแน่ บอกเรื่องของเจ้านายมึงมา!!”
แจ๊คกี้ไม่ยอมพูดอะไร แต่คลีฟแลนด์ก็ยังไม่ละความพยายามกับหมอนั่น
“เอาตัวไปรักษาก่อน ไม่ต้องห่วง ไม่ว่ายังไงแกก็ได้เปิดปากอยู่ดี” คลีฟแลนด์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็มารายงานอะไรบางอย่างกับคลีฟแลนด์อย่างเร่งรีบ
“ท่านครับ ไอ้แฮมเมอร์ตันมันเอาทุกอย่างไปหมดเลยครับ เหลือแค่เอกสารนี่ที่มันยังไม่เอาไป!!” ทหารพูดขึ้นจากนั้นก็เอาเอกสารนั้นให้คลีฟแลนด์ในทันที คลีฟแลนด์เปิดมันมาอ่านสักพักก็เอาเก็บไว้ในทันที
“งานนี้แกหมดประโยชน์แล้วหล่ะ!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น จากนั้นก็เตรียมเอามีดเชือดคอแจ๊คกี้
“อย่าๆๆๆ ผมจะบอกทุกอย่าง ปล่อยผมไปเถอะ!!”
“งั้นเหรอ ได้ เราจะมาดูกันว่าแกจะมีประโยชน์หรือเปล่า” คลีฟแลนด์ตอบกลับไป จากนั้นเธอก็สั่งให้ทหารลากตัวแจ๊คกี้ออกไปในทันที พร้อมกับให้เคลียร์พื้นที่ก่อนที่กลุ่มทหารตำรวจจะแห่กันมาจับพวกเขา
กลับมายังบ้านพักของร็อกกี้และมาร์ค ในวันนั้นเองเขาก็ยังอยู่กับซูซี่เพื่อพักผ่อน แต่ในวันนั้นเอง พวกเขาก็ได้ข่าวมาจากกองเรืออังกฤษ ผ่านทางโทรเลข ซึ่งมีข้อความว่า “พวกคุณมีเวลา 8 วัน ไม่อย่างงั้นข้อตกลงยกเลิก!!” ร็อกกี้และมาร์คได้อ่านข้อความนั้นก็รีบมาปรึกษากันในทันที
“เฮ้ยพวก เราเหลือเวลาแค่ 8 วันก่อนที่พวกเขาจะมาหว่ะ” ร็อกกี้พูดขึ้น
“แล้วเราต้องทำยังไงกันต่อหล่ะคะ??” ซูซี่ถามอย่างสงสัย
“เราต้องสร้างความวุ่นวายในเมืองให้ได้มากที่สุด แล้วจัดการกองเรือที่ฝากตะวันตกและตะวันออกหน่ะ” มาร์คพูดขึ้น
“ตอนนี้ฝากตะวันออกมีคนของเราเตรียมการไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง แต่ฝั่งตะวันตกนี่สิ” ร็อกกี้พูดขึ้น
“หรือว่า เราต้องไปถึงแคลิฟอร์เนียหล่ะคะ??” ซูซี่ถามไป
“นั่นสิ ให้คนของเราในแคลิฟอร์เนียหากองเรือนั่น แล้วสังเกตการณ์รอคำสั่ง” มาร์คพูดขึ้น
“แล้ว Black Maple นี่จะเอายังไงต่อคะ??” ซูซี่ถามไป
“คงมีคนจัดการให้แล้วหล่ะ ติดต่อคุณประจักษ์กับคุณทาเคชิด่วนเลย” ร็อกกี้สั่งลูกน้องของเขาในทันที
“แล้วคุณจะให้ฉันทำอะไรต่อหล่ะ??” ซูซี่ถามไป
“คุณต้องกลับไปที่เมืองเพื่อหาข่าว เราคงต้องรีบหน่อยหล่ะ” มาร์คสั่งซูซี่ไป
“ได้เลย ฉันจะจัดการเอง” ซูซี่รับคำ
ณ เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมายให้ลอร่าและกลุ่มของเธอออกตามหาตัวทองสุก เธอเดินทางเข้ามาในเมืองท่ามกลางชาวบ้านที่ยืนอยู่แถวนั้น ลอร่ารีบสั่งให้คนของเธอออกสำรวจทั่วเมืองในทันที ส่วนตัวเธอก็ขี่ม้าและคุยกับพ่อบ้านของเธอในละแวกนั้นไปด้วย
“คุณหนูครับ ถ้าเราไม่เจอเขาเราจะเอายังไงต่อครับ??”
“อืม ฉันว่าเราน่าจะกลับไปทำงานต่อ ไปโจมตีพวกไวท์ยอร์กเลยดีกว่า” ลอร่าพูดขึ้น
“ก็ดีนะครับ เราน่าจะเริ่มงานของเราได้แล้ว”
“ตอนนี้เขากำลังตามล่าพวกไวท์ยอร์กอยู่ เราน่าจะเจอกับพวกเขาก็ได้” ลอร่าพูดขึ้น
“ผมได้ข่าวเรื่องที่พวกไวท์ยอร์กขายพื้นที่ให้กับพวกนายทุนด้วย”
“เฮ้อ พอหมดหนทางก็เอาพวกตัวเองไปขาย พวกมันนี่ไม่มียางอายกันจริงๆ” ลอร่าพูดขึ้น และในไม่กี่อึดใจ กลุ่มทหารที่เธอส่งไปสำรวจก็กลับมาหาเธอ และรายงานสถานการณ์กับเธอไป
“คุณหนูครับ เราไม่เจอคนที่คุณหนูตามหาเลยครับ!!”
“อืม ไม่เป็นไร ฉันว่าจะไปลุยที่ไวท์ยอร์กหน่อย เขาต้องไปที่นั่นแน่ๆ” ลอร่าพูดขึ้น
“ครับ ถ้างั้นผมจะไปเรียกพวกเรามาเลยนะครับ”
“ยังไม่ต้อง กลับไปที่บ้านของพวกเราก่อน เราต้องวางแผนกันก่อนที่จะลุย” ลอร่าพูดขึ้น
“รับทราบครับ!!”
“ทุกคน งานนี้เตรียมอาวุธกับเสบียงให้พร้อม พวกมันอาจจะกำลังรอเราอยู่ก็ได้” พ่อบ้านพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็รีบควบม้าเดินทางออกจากเมืองไปในทันที
กลับมายังกองทัพของเจสัน ซึ่งพวกเขาเดินทางออกจากหมู่บ้านมาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆจนมาถึงท่าเรือที่กบดานของแฮมเมอร์ตัน แต่หลังจากที่พวกเขามาถึง พวกเขาก็พบแต่ศพของชายติดอาวุธมากมายในพื้นที่ รวมถึงเศษซากที่ยังไม่หายมอดไหม้
“หาผู้รอดชีวิต เอาตัวมาให้ฉัน!!”
เจสันสั่งทหารของเขาไป จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปตรวจสอบและค้นหาในทันที เจสันขี่ม้าเข้าไปดูในทันที ก็พบว่าอาวุธและของสำคัญถูกฉกไปหมด เหลือแค่ศพที่นอนเรียงราย
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย??” เจสันสบถออกมา
“ผมว่า ที่นี่ต้องมีการปะทะแน่นอนครับ ปะทะกันหนักด้วย”
“ใช่ แต่ที่ฉันอยากรู้ว่าเป็นพวกไหน” เจสันพูดขึ้น และทหารของเขาก็กลับมารายงานเขาหลังจากที่สำรวจพื้นที่แล้ว
“ท่านครับ คนพวกนี้เป็นคนของท่าเรือนี้ เราพยายามตามอยู่ครับว่าเจ้าของเป็นใคร พวกคนที่นี่ตายหมดเลยครับ!!”
“ท่านครับ ผมไปเจอเอกสารนี่ด้วยครับ!!” ทหารอีกคนพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้กับเจสันในทันที เจสันหยิบมันมาอ่าน จากนั้นก็พูดขึ้น
“แจ๊คกี้ เจ้าของท่าเรือนี้งั้นเหรอ??”
“อาจจะไม่ใช่เจ้าของตรงๆก็ได้ครับ” ทหารคนหนึ่งออกความเห็น
“ทำไมมันถึงมีชื่อของท่านร็อกกี้และท่านมาร์คด้วย พวกเขาทำธุรกิจอะไรกันงั้นเหรอ??” เจวันถามไป ทำเอาลูกน้องคนอื่นๆเกาหัวกันเป็นแถว และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็ขี่ม้ามารายงานอะไรบางอย่างกับเจสันอย่างเร่งรีบ
“ท่านครับ มีคำสั่งจากผู้พัน ให้เรากลับไปที่ Black Maple ครับ!!”
“มีอะไรอย่างงั้นเหรอ??” เจสันถามไป
“ผมคิดว่า พวกไวท์ยอร์กอาจจะกำลังเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างครับ!!”
“อืม ถ้าอย่างงั้นก็ถอนกำลัง หาเส้นทางที่จะไป Black Maple ที่สั้นที่สุด เราคงต้องรีบกันแล้วหล่ะ” เจสันพูดขึ้น
“ทางหลักนี่ไงครับ ถ้าเราไปทางนี้ พรุ่งนี้เช้าก็คงถึง Black Maple ครับ!!” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้น
“อืม ถ้าอย่างงั้นก็ออกเดินทางกันเลย!!” เจสันพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันในทันที
กลับมายังไร่ของทินส์ ในวันนั้นพวกเขาพาป้ารีเบคก้ามาเยี่ยมเยือน ป้าริแอนน่าตอนนี้กำลังเป็นห่วงลูกสาวของเธอ เนื่องจากว่าเธอต้องหลบหนีคดีและไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ซึ่งริแอนน่าก็ช่วยปลอบใจเธอไปด้วยไม่ให้เธอกังวลมากกว่านี้
“ไม่รู้ว่าเจสสิก้าจะเป็นยังไงบ้างตอนนี้??” รีเบคก้าพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันว่าเธอไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ริแอนน่าพูดขึ้น
“นั่นสิครับ ผมว่าเธออยู่กับคาวบอยคนนั้นน่าจะปลอดภัยนะครับ” อเล็กซ์พูดขึ้น
“เฮ้อ แล้วนี่มีข่าวเกี่ยวกับผู้พิพากษาเพิ่มเติมหรือเปล่า ชาร์ล็อต??” ทินส์ถามเธอไป
“อ้อ เท่าที่รู้ ช่วงนี้มีแขกจากข้างนอกมาคอยเยี่ยมเธอตลอดเลยค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น
“สงสัยคงจะมาสืบความลับด้วยกันหน่ะ” ทินส์พูดขึ้น
“หรือว่า เราจะลองไปถามคนพวกนั้นดีหล่ะ??” ริแอนน่าถามไป
“ผมว่ายาก พวกนั้นต้องระดับคนใหญ่คนโตแน่นอนถึงจะเข้าหาผู้พิพากษาได้” อเล็กซ์พูดขึ้น
“แล้วนี่ พวกคุณจะเอายังไงกันต่อหล่ะ??” รีเบคก้าถามไป
“เราคงต้องช่วยกันคุ้มกันฟาร์มนี้ไม่ให้พวกมันได้ไปหน่ะค่ะ” ริแอนน่าพูดขึ้น
“เรื่องในเมือง หนูจะไปสืบเท่าที่จะสืบได้ก็แล้วกันนะคะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น
“อเล็กซ์ ตอนนี้รีบหาอาหารกับกระสุนมาเพิ่มอีก ก่อนที่พวกมันจะกลับมาอีกครั้งนะ” ทินส์พูดขึ้น
“ได้เลยพ่อ ผมจะติดต่อคุณเอ็ดเวิร์ดเอง” อเล็กซ์ตอบไป
เช้าวันต่อมา กลุ่มของทองสุกตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพื่อเตรียมการจู่โจมเขตของพวกไวท์ยอร์กและพวกของพระยาประจักษ์ไปพร้อมๆกัน ซึ่งในตอนเช้า พวกเขาก็ปรึกษากันก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงานของพวกเขา
“เอาหล่ะ ผมจะไปเล่นงานที่เขตไวท์ยอร์ก ตอนนี้พอมีที่ไหนที่เราจะทำลายมันได้หล่ะ??” ทองสุกถามคนอื่นๆไป
“มีหมู่บ้านหนึ่ง มันเป็นหมู่บ้านไร่ฝ้าย มีทาสทำงานเป็นร้อย ถ้าไปทำลายมัน รับรองพวกมันดิ้นพล่านแน่ๆ” แคลิเฟอร์แนะนำไป
“แล้วนี่ พวกเธอที่จะไปลุยกับทาเคชิหน่ะ มีแผนแล้วอย่างงั้นเหรอ??” เจสสิก้าถามอย่างสงสัย
“ฉันรู้จักที่หนึ่ง มันเปิดโรงงานผลิตเหล็กกล้า นั่นเป็นแหล่งรวมเงินทองของพวกมัน ถ้าฉันทำลายมันได้ รับรองพวกมันจนกรอบแน่ๆ” โฮรุกิพูดขึ้น
“ถ้าเราค่อยๆเล่นงานพวกมันไปทีละเรื่อยๆ จะทำให้พวกมันอยู่ไม่สุขแน่นอน” ทองสุกพูดขึ้น
“แล้วนี่ พวกของคุณคารีนเขาจะเอายังไงต่อหล่ะ??” แคลิเฟอร์ถามไป
“เดี๋ยวเขาคงเตรียมคนอยู่ ยังไงก็เตรียมพร้อมแล้วกัน” โฮรุกิพูดขึ้น
“ได้ยินว่าพวกเขาจะแบ่งคนให้กับพวกเธอด้วยนี่ แบบนี้ค่อยอุ่นใจหน่อย” เจสสิก้าพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง นาธานก็เดินมาที่เต้นท์ของพวกเขา แล้วมาพูดกับพวกเขาในทันที
“เฮ้พวก คุณคารีนเรียกหาแล้ว!!”
“ได้เลย เดี๋ยวเราไป!!” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินตามนาธานเพื่อไปรวมกับคนอื่นๆในทันที
=============================================================
ดูเหมือนว่าทองสุกจะทำงานร่วมกับกลุ่มโจรอีกาดำแล้ว และงานของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย!!
ความคิดเห็น