ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nazi Mafia - เมืองนี้ข้าจอง

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 11 : ตามล่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 122
      9
      7 มิ.ย. 63

    นาวินกับมีอานั่งทานอาหารอยู่ในร้านอาหารหรูย่านปารีสร้านหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศใต้แสงเทียน ไวน์รสเลิศและพนักงานบริการ ในตอนนั้นเองมีอาก็สั่งอาหารสุดหรูมาไว้บนโต๊ะในทันที โดยที่เธอได้พูดคุยกับนาวินไปด้วย

    “อยากทานอะไรตามสบายเลยนะคะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองค่ะ” มีอาพูดขึ้น

    “ขอบคุณมากครับ!!” นาวินตอบไป

    “ฉันอยากจะคุยกับคุณเรื่องเมื่อหลายวันก่อน ตอนนี้ธุรกิจของฉันกำลังได้รับผลกระทบค่ะ เนื่องจากว่าหลายคนมองว่าฉันกำลังทำธุรกิจผิดกฎหมาย”

    “ผมว่า คุณมีอาไม่ทำอย่างงั้นหรอกครับ” นาวินพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ ตั้งแต่ดิฉันทำธุรกิจมา ไม่เคยทำธุรกิจผิดกฎหมายเลยนะคะ แล้วไหนจะเรื่องสงครามแก๊งค์อีก ฉันไม่รู้ว่ามันจะควบคุมได้หรือเปล่า??” มรอาพูดพลางจิบไวน์ไปด้วย

    “คุณอยากจะให้ผมทำอะไรงั้นเหรอ??” นาวินยิงคำถามไป

    “ก็แค่ ฉันอยากจะรู้จักกับคุณไว้ อยากให้คุณช่วยคุ้มครองให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นหน่อย ส่วนที่เหลือ ฉันจะจัดการเองค่ะว่าจะทำยังไง” มีอาพูดขึ้นพลางเอามือไปใกล้ๆมือของนาวิน แต่นาวินเอามือออกไปก่อน

    “เรื่องนี้ค่อนข้างเกินมือผมหน่ะ”

    “อ้อ ฉันรู้ ฉันเลยอยากรู้จักกับคุณไว้ก่อน เพราะตอนนี้ ใครๆก็รู้ว่าคุณกำลังมาแรง ฉันรับรองนะคะ ว่าผลตอบแทนที่ฉันจะให้ คุ้มค่าแน่นอน!!” มีอาพูดขึ้นพลางอ่อยนาวินไปด้วย แต่ยังไม่ทันที่จะคุยอะไรต่อ ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    เสียงปืนดังออกมาจากนอกร้าน นาวินได้ยินดังนั้นจึงชักปืนออกมา แล้วดึงมีอาไปที่ด้านหลังของเขาไป

    “ท่าทางงานนี้จะไม่ราบรื่นแล้วสินะครับ!!” นาวินพูดขึ้น

    “ก็เพราะแบบนี้ไงคะ ฉันถึงอยากให้คุณช่วย” มีอาพูดขึ้น

    “ผมว่า เราเอาตัวรอดไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”

    นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็จูงมือมีอาเดินออกไปด้านนอก และในตอนนั้นเอง มีชายติดอาวุธกำลังยิงกันและปล้นร้านค้าบริเวณนั้น นาวินพยายามยิงสกัดคนที่ขวางทาง เพื่อพามีอาไปขึ้นรถของเธอ

    “นี่ ถ้าคุณไปถึงรถของคุณแล้ว รีบกลับออกไปเลยนะครับ!!”

    “อ้าว แล้วคุณหล่ะคะ??” มีอาถามอย่างสงสัย

    “ผมจะสกัดพวกมันไว้ เอาเป็นว่าไว้โอกาสหน้าค่อยเจอกันนะครับ”

    นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็รีบพาเธอไปที่ลานจอดรถของร้าน โดยที่ลูกน้องของมีอากำลังนั่งรออยู่ที่รถ เมื่อลูกน้องของเธอเห็น พวกนั้นชักปืนออกมาในทันที แต่มีอาพูดไว้ก่อน

    “ไม่ต้อง เขามากับฉัน!!”

    “รีบพาเธอไป แล้วเจอกันใหม่นะครับ!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็ส่งมีอาขึ้นรถ แล้วตัวเขาก็รีบออกไปในทันที ส่วนรถของมีอาก็รีบขับออกจากลานจอดรถไปในทันที

    นาวินกลับเข้าไปในนั้นเพื่อดูว่ามีใครตามล่าเขาอีกหรือเปล่า แล้วก็เป็นตามนั้นจริงๆ พวกนั้นเห็นนาวินจึงพยายามตามไล่ล่าในทันที

    “เฮ้ย ตามไปฆ่ามัน!!”

    นาวินเห็นท่าไม่ดีจึงยิงใส่พวกมัน แต่พวกมันก็ยังวิ่งเข้ามาเรื่อยๆ จนกระสุนของเขาใกล้จะหมดแล้ว

    “เออ ให้มันได้อย่างงี้ไอ้ระยำเอ้ย!!”

    นาวินพูดขึ้น จากนั้นก็ชักมีดพกของเขาออกมา แล้วหาที่แอบแถวนั้น ในขณะที่พวกมันก็เดินเข้ามาใกล้

    “ชัวะ!!”

    นาวินใช้มีดปาดคอและแทงพวกมันทีละคน จากนั้นก็เอาปืนของมันมาใช้แล้วยิงพวกมันทีละคนไปด้วย

    “ปังๆๆๆ”

    นาวินยิงกับพวกมันจนกระสุนนัดสุดท้าย แต่ในตอนนั้นเอง กระสุนเขาก็หมดจนได้

    “ไอ้บ้าเอ้ย!!”

    นาวินในตอนนั้นเองก็รีบชักมีดออกมา แล้วหาที่หลบแถวนั้น ในขณะที่พวกมันก็กำลังยิงกดอย่างต่อเนื่อง

    “ปังๆๆๆๆ!!”

    “ออกมาสิโว้ยไอ้ระยำ”

    “ปังๆๆๆ” จู่ๆในตอนนั้นเสียงปืนก็ดังมาจากด้านหลัง ซึ่งนาวินก็แปลกใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง โอ๊คและชาร์ลีก็โผล่มาช่วยเขาไว้ได้ทันพอดี ทั้งคู่รีบไปหานาวินในทันที

    “เฮ้ย ปลอดภัยนะเว้ย!!” โอ๊คถามไป

    “โอ๊ค ชาร์ลี พวกแกมาได้ไงเนี่ย??”

    “ก็ฉันตามเสียงปืนมาหน่ะสิ” ชาร์ลีตอบไป แต่ในตอนนั้นเอง

    “หวอๆๆๆๆ!!”

    เสียงไซเรนตำรวจก็ดังมาจากด้านนอก ในตอนนั้นเอง นาวินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาเพื่อนเขาออกไปก่อนในทันที

    “ตำรวจมา เผ่นก่อนเร็ว!!”

    พวกเขารีบวิ่งออกกันทางหลังร้าน ในขณะที่ตำรวจพวกนั้นก็พยายามตามล่าพวกเขาอย่างไม่หยุดหย่อน พวกเขาเลี่ยงการยิงปะทะกับตำรวจเพราะไม่อยากโดนคดีเพิ่ม

    “บ้าเอ้ย มันจะตามมาถึงไหนเนี่ย??” โอ๊คพูดขึ้น

    “ยิงสกัดมันเลยดีเปล่า??” ชาร์ลีถามไป

    “อย่า เดี๋ยวเราจะซวยกันหมด!!” นาวินพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็วิ่งต่อไป

    “นี่ตำรวจ หยุดนะเว้ย!!”

    ตำรวจด้านหลังพยายามตะโกนไล่ แต่ในระหว่างที่เขากำลังหนีนั้นเอง

    “เอี๊ยด!!”

    “ปังๆๆๆ!!”

    รถคันหนึ่งก็มาจอดที่หน้าเขา โดยที่ชายที่อยู่ในรถก็ออกมายิงสกัดตำรวจพวกนั้นไว้ ซึ่งนั่นก็คือทอร์รินนั่นเอง ตำรวจพวกนั้นต้องรีบหลบกระสุนปืนกันให้วุ่น

    “เฮ้ย รีบขึ้นมาเร็ว!!”

    พวกของนาวินรีบไปขึ้นรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นทอร์รินก็บึ้งรถออกจากพื้นที่ในทันที ตำรวจพวกนั้นไล่ตามเขาไม่ทันแล้ว และพวกเขาก็พยายามขับออกนอกเมืองเพื่อเลี่ยงการตรวจจับ

    “ต้องรีบออกนอกเมือง ก่อนที่พวกมันจะตั้งด่านกัน” ทอร์รินพูดขึ้น

    “ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วย” นาวินพูดขึ้น

    “แล้วนี่พอรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” ทอร์รินถามอย่างสงสัย

    “ผมก็ไม่รู้ ถามนอร์วินดูสิ” โอ๊คพูดขึ้น

    “เออ นั่นดิ เล่าให้ฟังหน่อยได้เปล่า??” ชาร์ลีถามไป

    “มีคนยิงกันที่ตึกนั่น แต่จู่ๆมันก็เปลี่ยนเป้าหมายมายิงผมหน่ะ” นาวินพูดขึ้น

    “แล้วแกไปทำอะไรที่ห้างวะ??” ทอร์รินถามไป

    “ก็แค่มีนัดทานข้าวหน่ะครับ” นาวินพูดขึ้น

    “เฮ้ย อย่างนายเนี่ยนะ มีนัดด้วยเหรอ??” ชาร์ลีถามไป

    “นั่นดิ แล้วผู้โชคร้ายคนนั้นเป็นใครหล่ะ??” โอ๊คถามแบบแซวๆไป

    “คุณมีอาหน่ะ เราเจอกันโดยบังเอิญ เขาคุยกับผมเรื่องการคุ้มครองเธอหน่ะ” นาวินพูดขึ้น

    “มีอา มีอา เบิร์นเนอร์เหรอ อย่างเธอเนี่ยนะจะขอการคุ้มครอง??” ทอร์รินถามไป

    “ใช่ เจ้าแม่เครื่องสำอางแห่งปารีสเลยนะเฟ้ย” โอ๊คพูดขึ้น

    “หรือว่า แม่นั่นสนใจตัวนายวะ??” ชาร์ลีถามไป

    “ช่างมันเถอะ แล้วนี่เราจะไปไหนต่อหล่ะเนี่ย??” นาวินถามไป

    “ฉันจะพาไปที่ไร่แห่งหนึ่ง ซึ่งเราน่าจะมีเบาะแสที่นั่นหน่ะ” ทอร์รินพูดขึ้น

    “อ้อ ที่คุณนัดผมก็เพราะเนื่องนี้สินะ??” โอ๊คพูดขึ้น

    “ยังไงก็เอาเถอะ ต้องรีบแข่งกับเวลาหน่อย ตอนนี้พวกเวียดนามของผมกำลังจะเริ่มสงครามแล้วนะ” ชาร์ลีพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง จะไม่มีการรบอะไรทั้งนั้น เชื่อฉันสิ” นาวินพูดขึ้น

    “เออๆ รีบไปดีกว่า ถ้ามีด่านเราจะซวย” ทอร์รินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ขับรถกันต่อไป พวกเขาใช้ถนนเส้นทางที่จะออกจากปารีส เพื่อไปที่ไร่แห่งหนึ่งเพื่อตามเบาะแสในครั้งนี้

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของแก๊งค์The Crow ซึ่งในวันนั้นเองพวกเขายังต้องจัดการสถานการณ์ที่ยุ่งยากเข้ามาเพิ่มเติม โดยที่แจ๊คสันได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และได้ปรึกษาหารือกับที่ปรึกษาคนอื่นๆไปด้วย

    “คุณเควิน ตอนนี้ทอร์รินได้เรื่องอะไรบ้างหรือยัง??” แจ๊คสันถามไป

    “พวกเขากำลังไปที่ไร่ๆหนึ่ง ที่พวกเขาสืบมาได้ว่ามีคนที่เกี่ยวข้องไปกบดานอยู่ครับ” เควินพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ปิแอร์ก็เดินเข้ามาด้านใน จากนั้นก็เริ่มรายงานแจ๊คสันในทันที

    “แจ๊คสัน เกิดเหตุในเมือง มีการปล้นกันหน่ะ”

    “หือ แค่ปล้นธรรมดาเนี่ยนะครับ??” แอ็กเซลถามไป

    “แต่ว่างานนี้ มีอา เบิร์นเนอร์ ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังเกือบโดนลูกหลงหน่ะสิ แล้วทายสิ ใครช่วยเธอไว้” ปิแอร์พูดต่อ

    “ให้เดานะคะ นอร์วินหรือเปล่าคะ??” ทาเนียถามไป จากนั้นปิแอร์ก็พยักหน้ารับ

    “นั่นไง หมอนี่ไปได้ทุกที่ที่มีเรื่องจริงๆ” เควินพูดขึ้น

    “ว่าแต่ นอร์วินไปทำอะไรที่นั่นหล่ะครับ??” แจ๊คสันถามไป

    “ได้ยินว่าเขาจะไปนัดเจอกับเพื่อนเขาและทอร์รินหน่ะ” เควินพูดขึ้น

    “อ้อ เขาบอกคุณเรื่องนี้แล้วสินะ” ปิแอร์พูดเสริม

    “ถ้าเธอเป็นอะไรไป งานนี้ไม่สวยแน่” แอ็กเซลพูดขึ้น

    “นั่นสิ พ่อเธอค่อนข้างมีอิทธิพลในระดับรัฐบาลเลยนะ” ทาเนียพูดขึ้น

    “ช่างมันเถอะ เธอไม่อยู่ในสายตาเราอยู่แล้ว” แจ๊คสันพูดขึ้น

    “แต่ว่า ถ้าเราไม่ระวัง งานนี้ได้เละแน่” แอ็กเซลพูดขึ้น

    “ช่างมันก็ช่างมันสิแอ็กเซล อย่าคิดมากเลย” ทาเนียพูดขึ้น

    “ตอนนี้เราคงต้องรอข่าวจากทอร์รินหล่ะนะ” ปิแอร์พูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง พวกเขาเอาอยู่อยู่แล้ว” เควินพูดทิ้งท้ายไว้

     

    กลับมายังห้องใต้ดินของแก๊งค์Black Hood ในวันนั้นเองพวกเขาพวกเขาก็ยังคงติดตามข่าวและดำเนินกิจการของพวกเขาต่อไปเรื่อยๆผ่านทางห้องใต้ดินของพวกเขา แต่ในวันนั้นเอง พวกเขาได้รับข่าวที่สำคัญ นั่นก็คือมีคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปปล้นศูนย์การค้าใหญ่ในปารีส ข่าวในตอนนั้นก็ออกดังไปทั่วประเทศ อีวาได้ยินในตอนนั้นก็เรียกแซนเดอร์มาคุยในทันที แต่แซนเดอร์ในตอนนั้นเองก็มารอเธออยู่ก่อนแล้ว

    “คุณอีวา คุณคงได้ข่าวที่ศูนย์การค้าแล้วสินะ??” แซนเดอร์ถามไป

    “ใช่ แล้วนี่ร้านของเราเป็นยังไงบ้างหล่ะ??”

    “ได้ยินว่าตอนนี้โอลิเวียกับอิซาเบลกำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่” แซนเดอร์พูดขึ้น และพูดยังไม่ทันขาดคำ โอลิเวียและอิซาเบลก็เดินเข้ามาในห้องของพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    “นี่ พวกเธอ เหตุการณ์เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อีวาถามอย่างตื่นเต้น

    “ร้านขายไวน์ของเราพังเสียหายหนัก พวกมันขนไวน์ไปจนหมดเลย” อิซาเบลพูดขึ้น

    “ใช่ แถมคนของเราก็บาดเจ็บอีก ดูแล้วน่าจะเสียหายเป็นแสนๆฟรังก์เลยค่ะ” โอลิเวียพูดเสริม

    “บ้าเอ้ย มันฝีมือใครกันวะเนี่ย??” อีวาพูดพลางทุบโต๊ะปัง

    “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน คนที่อยู่ในเหตุการณ์ตายหมดเลยค่ะ” อิซาเบลพูดขึ้น

    “แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะพยายามสืบเต็มที่ค่ะ” โอลิเวียพูดขึ้น

    “พวกมันอาจจะมีจุดประสงค์อื่น คือยุแหย่ให้เกิดสงครามหน่ะ” แซนเดอร์พูดขึ้น

    “ฉันเห็นด้วยนะ ไอ้พวกนี้เป็นใครก็ไม่รู้ ถ้าจับมันได้ เอาตัวมันมาให้ฉัน” อีวาพูดขึ้น

    “พวกเราสองคนจะพยายามตามสืบเองค่ะ” อิซาเบลพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ พวกมันต้องชดใช้แน่” โอลิเวียพูดเสริม

    “ขอบใจมาก ยังไงต้องฝากพวกเธอแล้วหล่ะ” อีวาพูดขึ้น

    “พวกเธอสองคนต้องระวังด้วย พวกมันต้องมีเส้นสายที่ใหญ่แน่ๆถึงกล้าลงมือแบบนี้” แซนเดอร์ย้ำเตือนทั้งสองคนไป

     

    กลับมายังคาสิโนดูแรนด์ ซึ่งพวกเขากำลังควานหาตัวออเรียสและพยายามที่จะเลี่ยงการเปิดศึกกับแก๊งค์เวียดนาม พวกเขาได้จ่ายเงินมากมายเพื่อเป็นค่าทำขวัญให้กับคนเวียดนามในพื้นที่เพื่อเลี่ยงการปะทะ ในขณะเดียวกัน ไอรีนก็พยายามคุยกับโทไบอัสเพื่อตามล่าตัวออเรียสไปด้วย

    “คุณโทไบอัส ได้เรื่องอะไรบ้างคะตอนนี้??”

    “เราพยายามตามตัวอยู่ แต่สายข่าวบอกมาว่าตอนนี้เขาอาจไปจากปารีสแล้ว” โทไบอัสพูดขึ้น

    “ถ้ามันออกนอกปารีสไปแล้ว งานนี้ตามตัวลำบากแน่ครับพี่” ไลท์นิ่งพูดขึ้น

    “จริงพี่ คนของเราที่มีคงตามไม่เจอแน่ๆ” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “แต่เราจะยอมแพ้งั้นเหรอ ถ้าเรายอมแพ้ พวกเวียดนามเอาเรื่องเราแน่” สตีฟพูดปรามไป

    “ถ้าอย่างงั้น คงต้องฝากความหวังไว้กับพวกThe Crow แล้วหล่ะ” ไอรีนพูดขึ้น

    “พูดตรงๆนะพี่ ผมไม่ค่อยไว้ใจหมอนั่นเลยนะ” ฮันเตอร์พูดขึ้น

    “แต่ว่าเขาก็เคยช่วยพี่ไอรีนไว้นี่” สตีฟพูดขัดไป

    “พวกCrow ทำงานกันเฉียบขาด ผมว่าพวกเขาไม่น่าพลาดหรอก” ไลท์นิ่งพูดขึ้น

    “จะให้ทางผมไปติดต่อพวกเขาหรือเปล่าครับ??” โทไบอัสถามเธออย่างสงสัย

    “ถ้าติดต่อได้ก็ติดต่อเลย เราต้องรีบจบเรื่องนี้ด่วนเลย” ไอรีนบอกกับทุกคนไป

     

    ณ คฤหาสน์ร้างชานเมืองปารีส ซึ่งในช่วงนั้นเององค์จักรพรรดินีแห่งภาคีDarkest ก็เรียกบรรดาสมาชิกชั้นสูงมาคุยถึงเรื่องสถานการณ์ระหว่างแก๊งค์ในปารีส รวมถึงความเป็นไปได้ในการที่เยอรมันจะโจมตีฝรั่งเศสด้วย และเมื่อสมาชิกมารวมตัวกันทั้งหมด

    “เอาหล่ะ ในเมื่อพวกเราทุกคนมาถึงกันแล้ว ฉันเองก็อยากจะถามสถานการณ์ในตอนนี้หน่อย ว่าเป็นยังไงบ้าง??”

    “ครับ ตอนนี้กำลังวุ่นวายหนักเลยครับ แก๊งค์เวียดนามกำลังมีปัญหาแก๊งค์ดูแรนด์ ส่วนพวกเราในตอนนี้ก็กำลังตามล่าตัวคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดครับ” ทากะฮิโระรายงานไป

    “อืม แล้วตอนนี้พวกเยอรมันกำลังทำอะไรกันอยู่หล่ะ??”

    “ตอนนี้พวกมันยึดทั้งโปแลนด์ได้แล้ว อีกไม่นานคงมาทางเราแน่ครับ” โจนาสพูดขึ้น

    “เราจะหนีไปสวิตเซอร์แลนด์ดีหรือเปล่าคะ?? ที่นั่นปลอดภัยแน่ๆ” แอนนาออกความเห็นไป

    “ฉันไม่หนีจากพวกมันหรอก” องค์จักรพรรดินีตอบไป

    “ตอนนี้มีไอ้หนุ่มหน้าใหม่ที่ชื่อนอร์วินกำลังตามสืบเรื่องยุ่งยากนี่อยู่ครับ แต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป” โจชัวรายงานเธอไป

    “นอร์วินเหรอ ฉันเคยเห็นเขาอยู่นะ ฝีมือเขาเฉียบขาดมาก ตอนนี้ก็จับตาดูเขาก็แล้วกันว่าเขาไปถึงไหนแล้ว” องค์จักรพรรดิบอกกับทุกคนไป

    “รับทราบครับ/ค่ะ!!” ทุกคนที่ประชุมตอบไป

     

    กลับมายังบริษัทโลเปซ ซึ่งเขาก็ได้ติดตามข่าวการยิงถล่มศูนย์การค้าใหญ่ในปารีส ซึ่งโลเปซเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วย เขารีบเรียกลูกน้องของเขามาคุยในทันทีถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น

    “นี่ รายงานฉันหน่อยว่าที่ศูนย์การค้าหนักแค่ไหน??” โลเปซถามไป

    “ในส่วนร้านค้าตอนนี้เสียหายพอสมควรครับ ผมคิดว่าค่าเสียหายคำนวณได้หลายแสนฟรังก์ครับ”

    “บ้าเอ้ย ถ้าอย่างงั้นก็จัดการความเสียหาย และลงบัญชีให้ฉัน”

    “รับทราบครับผม” ลูกน้องของเขาพูดขึ้น

    “แล้วนี่พอจะรู้หรือเปล่าว่าฝีมือใครกัน??” โลเปซถามไป

    “เรายังไม่ทราบครับ หลายฝ่ายพยายามสืบอยู่”

    “บอกสายของเรา สืบให้ได้มันเป็นใคร ฉันจ่ายไม่อั้น” โลเปซพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!” ลูกน้องของเขาตอบไป

     

    กลับมายังโรงงานของฟริตซ์ หลังจากที่เขาเริ่มเดินสายการผลิตยาเสพติดเพื่อนำไปปล่อยในสหภาพโซเวียตได้สำเร็จ ในตอนนั้นเองเขาก็รีบมาตรวจสอบของที่ผลิตได้ในทันที ซึ่งลูกน้องของเขาเอามาให้กับฟริตซ์ได้ลอง ฟริตซ์ลองเอานิ้วจิ้มลงในผงนั่น จากนั้นก็ชิมในทันที

    “อืม ของดีมาก ทอมมัส ลองหน่อยหรือเปล่า??”

    ฟริตซ์ยื่นผงนั่นให้ทอมมัสลองดู ทอมมัสลองแล้วก็พบว่ามันเป็นของดีมาก

    “ของดีมากเลยครับนาย!!”

    “ถ้าเราผลิตได้แบบนี้ เรากำไรดีมากแน่ๆค่ะ” วาลพูดขึ้น

    “ดี รีบผลิตให้เสร็จตามยอดก่อนสิ้นปีนี้ ถ้าทำได้ ฉันจ่ายไม่อั้นเลย” ฟริตซ์พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องคนหนึ่งของเขาก็มารายงานอะไรบางอย่างกับเขาในทันทีอย่างตื่นเต้น

    “นายครับ มีข่าวดีมาครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??” ฟริตซ์ถามไป

    “ตอนนี้ในเยอรมันต้องการของเหมือนกันครับ”

    “งั้นเหรอ แต่เราไม่ขายในเยอรมันนะ” วาลพูดปรามไป

    “เอาน่า ชายหน่อยจะเป็นไรไป เงินทั้งนั้น” ทอมมัสพูดขัดวาลไป

    “แต่ถ้าเกิดไปเหยียบเท้าใครเข้า พวกเราไม่หายนะเหรอ คิดบ้างสิ!!” วาลพูดเหน็บทอมมัสไป

    “ใจเย็นก่อนน่า เอาเป็นว่าฉันจะคิดอีกทีแล้วกัน” ฟริตซ์พูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ!!” วาลจำใจรับคำไป

     

    และอีกด้านหนึ่งของเยอรมัน สำนักงานใหญ่ของหน่วยตำรวจลับที่นำโดยมิลเลอร์ ซึ่งในวันนั้นเองมิลเลอร์ก็ได้รับข้อความจากจอมพลเกอริง ได้ใจความว่าเขาจะส่งคนมาร่วมงานสองคนมาทำงานกับมิลเลอร์ ในตอนนั้นเองมิลเลอร์และลูกน้องของเขาก็ได้รอคนที่จะมาใหม่ และเมื่อคนที่มาใหม่มาถึง ทั้งคู่ก็ทำความเคารพมิลเลอร์ในทันที

    “สวัสดีทั้งสองคน คาร์ล ลูเซียใช่หรือเปล่า??”

    “ใช่ครับ ผมอยู่หน่วยSS หน่วยรักษาความมั่นคงครับ” คาร์ลพูดขึ้น

    “ดิฉันลูเซีย อยู่หน่วยเดียวกับเขาค่ะ” ลูเซียพูดเสริม

    “สองคนนี้ลูกน้องผม ออตโต้ กับแม็กซ์ ทำความรู้จักกันไว้สิ” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “ได้ข่าวว่าพวกคุณสองคนเคยอยู่ฝรั่งเศสมาก่อน เลยรู้ความเคลื่อนไหวในแก๊งค์ฝรั่งเศส” ออตโต้เปิดประเด็นขึ้น

    “เออนี่ จริงหรือเปล่า ที่แก๊งค์The Crow นี่แทบจะครองฝรั่งเศสทั้งหมดเลย??” แม็กซ์ถามอย่างตื่นเต้น

    “ความจริงพวกเขาทำงานลับใต้ดินมากกว่า” คาร์ลพูดขึ้น

    “ตอนนี้แก๊งค์ที่ดังๆก็คือพวกBlack Hood ค่ะ” ลูเซียพูดเลี่ยงไป

    “อืม ผมเห็นรายงานที่พวกคุณส่งให้ท่านเกอริงแล้ว ผมก็ชอบนะ พวกคุณรู้หมดว่ามีแก๊งค์อะไรบ้าง” มิลเลอร์พูดขึ้น

    “ใช่ครับ พวกเขายิ่งใหญ่มาก ขนาดรัฐบาลฝรั่งเศสยังไม่กล้าไปเหยียบเท้าเลยครับ” คาร์ลพยายามพูดขู่ให้คนด้านในกลัว

    “โห ท่าทางจะยิ่งใหญ่จริงๆนะเนี่ย” ออตโต้พูดขึ้น

    “แต่ถึงยังไงก็คงไม่พ้นมือเราหรอก พวกแก๊งค์กระจอกๆหน่ะ” แม็กซ์พูดขึ้น

    “อย่าประมาทพวกเขานะคะ พวกเขามีมากพอๆกับกองทัพ แถมยังดำเนินการใต้ดินอีก” ลูเซียพูดขึ้น

    “อืม พวกคุณรู้จักกลุ่มButcher หรือเปล่าหล่ะ??” มิลเลอร์ยิงคำถามกับคาร์ลไป

    “รู้จักครับ พวกนี้เป็นแก๊งค์กระจอกๆ คอยปล่อยเงินกู้เถื่อนให้ชาวบ้านในฝรั่งเศสหน่ะ” คาร์ลพูดขึ้น

    “แล้วพวกคุณรู้หรือเปล่าว่าพวกมันเคยมาหากินในเขตเยอรมันด้วย??” มิลเลอร์ถามต่อ

    “เรื่องนี้เราไม่ทราบค่ะ!!” ลูเซียพูดขึ้น

    “อ้อ เข้าใจล่ะ ว่าแต่อีกคำถามนะ พวกนายเคยได้ยินเกี่ยวกับจักรพรรดินีอีกาดำหรือเปล่า??” มิลเลอร์ถามต่อไป

    “รู้สึกว่านั่นเป็นแค่ตำนานนะคะ ไม่แน่ใจว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า” ลูเซียพูดขึ้น

    “แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ได้ยินว่าใครที่เป็นศัตรูกับเธอ จบไม่สวยทุกรายค่ะ” ลูเซียพูดขึ้น

    “มันจะซักแค่ไหนเชียว อยากเห็นจริงว่าจะสวยหรือเปล่า ถ้าสวยจริง ฉันอยากจะลิ้มลองหน่อย ฮ่าๆๆๆๆ” มิลเลอร์หัวเราะอย่างสะใจ แต่ทั้งคาร์ลและลูเซียทำหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าทำอะไรมาก

     

    กลับมายังโบสถ์ของเวเวอร์ ซึ่งในตอนนั้นเองพวกเขาก็ยังคงทำกิจกรรมทางศาสนาให้กับผู้ที่มาโบสถ์ หลังจากที่เกรย์ร้องเพลงเสร็จเรียบร้อยแล้ว บรรดาผู้ที่มาโบสถ์ก็กลับไปหลังจากที่ทำกิจกรรมเสร็จ ส่วนตัวเวเวอร์ก็จัดการทำความสะอาดส่วนที่เหลือไปในทันที

    “เฮ้อ เสร็จไปอีกวันนะคะ” เกรย์บอกกับอาจารย์ของเธอไป

    “นั่นสิ แล้วอเดลล่าหล่ะ ตอนนี้ยังไม่กลับเลยนะเนี่ย” เวเวอร์พูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง อเดลล่าก็เดินเข้ามาในโบสถ์อย่างรวดเร็ว แล้วกลับมาหาเวเวอร์ในทันที

    “นี่ๆ ทุกคนรู้หรือเปล่า ในเมืองมียิงกันอีกแล้ว” อเดลล่าพูดขึ้น

    “จริงเหรอคะ คราวนี้เป็นพวกไหนอีกหล่ะคะ??” เกรย์ถามอย่างสงสัย

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันต้องเลี่ยงเส้นทางหลักเพื่อกลับมาหน่ะ” อเดลล่าพูดขึ้น

    “เฮ้อ สถานการณ์แย่ลงทุกวัน ถ้างั้นฉันขอไปเปิดวิทยุก่อนนะ”

    เวเวอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ไปเปิดวิทยุเพื่อฟังข่าว และมีข่าวหนึ่งซึ่งกำลังน่าสนใจ ดังขึ้นมาให้กับทุกคนฟังในทันที

    “สถานการณ์ในปารีสทุกวันนี้วุ่นวายมากขึ้นทุกขณะ เมื่อไม่นานมานี้มีการยิงถล่มกันในศูนย์การค้าชื่อดังในปารีส ซึ่งทางตำรวจได้เข้าตรวจสอบ ยังไม่พบว่าเป็นฝีมือของใคร อธิบดีกรมตำรวจได้ประกาศต่อหน้าสื่อมวลชนไว้ว่าจะกวาดล้างอิทธิพลของแก๊งค์มาเฟียให้ได้ทั้งหมด เพื่อให้ปารีสกลับมาปลอดภัยอีกครั้ง...”

    “ดูเหมือนว่าถ้าทางรัฐบาลไม่ทำอะไรซักอย่าง ประเทศนี้คงจะวุ่นวายแน่ๆ” เวเวอร์พูดขึ้น

    “เฮ้อ เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า ไหนจะเรื่องกองทัพนาซีอีก” เกรย์พูดขึ้น

    “จริงด้วย ฉันว่าเราควรจะกังวลเรื่องนี้มากกว่า” อเดลล่าพูดขึ้น

    “หวังว่ากองทัพฝรั่งเศสจะป้องกันได้นะ” เวเวอร์พูดขึ้น

    “ก็ไม่รู้สินะคะ เพราะกองทัพฝรั่งเศสตอนนี้ไม่รู้จะยันได้เปล่า” อเดลล่าพูดขึ้น

    “แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ตอนนี้หนูเตรียมเสบียงเผื่อฉุกเฉินแล้ว” เกรย์พูดขึ้น

    “ดี เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน เผื่อพวกมันจะมาถึงปารีสได้” เวเวอร์พูดขึ้นทิ้งท้ายไว้

     

    และที่ห้างสรรพสินค้าในเครือของBlack Hood ที่ทั้งซิลเวีย เอลต้าและแจนทำงานอยู่ ซึ่งพวกเธอได้จัดการสถานการณ์จนตอนนี้ร้านปลอดภัย โดยในขณะเดียวกัน ในตอนนั้นที่ซิลเวียกำลังนั่งพักอยู่ เอลต้าและแจนก็เดินมาหาเธอ ซิลเวียเลยชวนทั้งคู่มานั่งด้วยในทันที

    “นี่ พวกเธอ มานั่งกันก่อนสิ!!” ซิลเวียพูดขึ้น จนทำให้ทั้งคู่มานั่งด้วยในทันที

    “คุณซิลเวียคะ ได้ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หรือเปล่าคะ??” เอลต้าถามซิลเวียไป

    “ได้ข่าวสิ ตอนนี้โอลิเวียกับอิซาเบลคงกำลังจัดการอยู่” ซิลเวียพูดขึ้น

    “ยังดีนะคะที่ร้านเรายังไม่โดนอะไร” แจนพูดขึ้น

    “แต่เราก็ประมาทไม่ได้นะ เราไม่รู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่” ซิลเวียพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ช่วงนี้คุณได้เจอคุณอีวา หัวหน้าของเราหรือเปล่าคะ??” เอลต้าถามเธอไป

    “ยังเลย ถ้าฉันเจอฉันจะพูดเรื่องนี้ให้เธอฟัง” ซิลเวียพูดขึ้น

    “ยังไงก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” แจนพูดกับซิลเวียไป

    “ว่าแต่ พี่สาวของคุณอีวาคนนี้เป็นยังไงกันหล่ะ??” ซิลเวียถามพวกเธอไป

    “เธอเป็นซิสเตอร์อยู่ที่โบสถ์ค่ะ” เอลต้าพูดขึ้น

    “ใช่ค่ะ ช่วงนี้ไม่ได้เจอกับเธอตั้งนานแล้ว” แจนพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆพนักงานร้านคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเธอที่หลังร้าน มาแจ้งอะไรบางอย่างกับเธอในทันที

    “คุณซิลเวียคะ แย่แล้วค่ะ มีคนมาป่วนในร้านค่ะ!!”

    “จริงเหรอ เอลต้า แจน ถือปืนตามฉันมาเลย”

    ซิลเวียพูดขึ้น จากนั้นทั้งเอลต้าและแจนก็วิ่งออกไปที่หน้าร้านพร้อมกับชักปืนไปด้วย ในตอนนั้นเอง พวกเธอก็เห็นกลุ่มวัยรุ่นกำลังถือไม้มาจะพังร้าน ซิลเวียไม่รอช้ายิงปืนไล่ออกไปในทันที

    “ปังๆๆ!!”

    วัยรุ่นพวกนั้นเห็นปืนก็รีบวิ่งหนีออกจากร้านในทันที เอลต้าและแจนพยายามจะวิ่งไล่ตามไป แต่ซิลเวียก็ห้ามเอาไว้ก่อน

    “ใจเย็น แค่ไอ้พวกวัยรุ่นธรรมดา อย่าใส่ใจเลย!!” ซิลเวียพูดขึ้น

    “ค่ะแต่ถ้ามันมาครั้งหน้า ฉันจะยิงเลยนะคะ” เอลต้าพูดขึ้น

    “เฮ้อ แล้วฉันก็จะยิงซ้ำ!!” แจนพูดเสริมกับเธอไป

     

    ณ บ้านของเอลเซ่ ในตอนนั้นเอง ที่บ้านของเธอก็กำลังทำอาหารเพื่อรอเธอกลับมาที่บ้าน และต้อนรับแขกคนหนึ่งที่มาเยี่ยมบ้านของเธอ นั่นก็คือพี่ชายของเธอที่เพิ่งจะแต่งงานไปนั่นเอง พี่ชายของเธอรีบทักทายเธอไปในทันที

    “เอลเซ่ ไม่เจอกันนานเลยนะ!!”

    “พี่อูลริค สบายดีนะคะ แล้วเมียพี่เป็นไงบ้างหล่ะ??” เอลเซ่รีบถามไป

    “ก็สบายดี คิดถึงน้องชายเรานะ ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง??”

    “นั่นสิพี่ แต่เขาคงไม่เป็นไรหรอกมั้งพี่” เอลเซ่ออกความเห็นไป

    “ความจริงพี่อยากจะไปสงครามแทนมากกว่า” พี่ชายของเธอพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเองแม่ของพวกเขาทั้งคู่ก็พูดขึ้นในทันที

    “มากินข้าวกันได้แล้วทั้งสองคน!!”

    และในตอนนั้นเอง พวกเขาทั้งคู่ก็ก็มานั่งทานอาหารด้วยกันในทันที

    “เฮ้อ ไม่รู้ว่าสงครามมันจะจบเมื่อไหรนะคะเนี่ย” เอลเซ่เปิดประเด็นขึ้น

    “นี่ ยังไม่ทันจะรบอะไรกันเลย จะให้จบแล้วเหรอจ๊ะ??” พี่ชายของเธอพูดแซวเธอไป

    “เฮ้อ แต่แม่ก็เป็นห่วงน้องเรานะ” แม่ของเธอพูดขึ้นพลางกินซุปไปด้วย

    “เฮ้อ พวกนาซีคงไม่หยุดนี้แน่ๆ เราเองต้องระวังตัวไว้หน่อยหล่ะ” พ่อของเธอพูดขึ้น จากนั้นก็นั่งกินขนมปังไปด้วย

    “เฮ้อ เห็นทีศึกนี้คงไม่ง่ายแล้วสินะคะ” เอลเซ่พูดขึ้น

     

    กลับมายังเบลเยี่ยม เขตกาชาดสากล หลังจากที่ได้ยาและเวชภัณฑ์ตามที่พวกเธอต้องการแล้ว การรักษาและช่วยเหลือผู้อพยพจากสงครามก็ดำเนินไปอย่างไหล่ลื่นมากขึ้น โดยที่วาลเดรียก็พยายามช่วยเหลือเท่าที่เธอจะทำไหว หลังจากที่เธอทำแผลให้กับเด็กหญิงคนหนึ่ง เธอก็มานั่งพักด้วยความเหนื่อย ทำเอาเพื่อนคนอื่นๆต้องรีบมาดูเธอในทันที

    “วาลเดรีย ดื่มน้ำหน่อยสิ!!”

    วาลเดรียหยิบแก้วน้ำมาดื่มน้ำในทันที

    “เธอน่าจะพักหน่อยนะ ทำงานหนักแบบนี้”

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันยังไหวอยู่หน่ะ” วาลเดรียพูดขึ้น

    “แล้วนี่ เธอไม่คิดจะกลับไปเยี่ยมที่บ้านงั้นเหรอ??” เพื่อนของเธอถามไป

    “ก็อยากเหมือนกัน แต่คนที่อยากให้ช่วยก็มีเยอะแยะนะ” วาลเดรียตอบไป

    “อืม ไม่ลองเสนอพักร้อนดูหล่ะ??”

    “ใจเย็นสิ ฉันยังมาทำงานได้ไม่ถึงเดือนเลยนะ” วาลเดรียพูดไป

    “อืมๆ ถ้าเกิดมีคนแบบเธอเยอะๆ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นนะ” เพื่อนของเธอพูดขึ้น จากนั้นเพื่อนของเธอก็เดินกลับออกไป ส่วนวาลเดรียในตอนนั้นเองก็นั่งพักไปเรื่อยๆ

     

    กลับมายังธนาคารของลิริ ในวันนั้นเอง เธอก็ได้รับผิดชอบโดยการโยกเงินที่แก๊งค์มาเฟียฝากไว้ไปเยอรมัน และในตอนนั้นคนขนเงินของเธอก็มาขนเงินไปขึ้นรถเพื่อข้ามพรมแดน ในระหว่างที่เธอกำลังยุ่งๆอยู่นั้นเอง หญิงสาวเอริกะก็เดินมาที่เคาน์เตอร์ของเธอเพื่อคุยอะไรบางอย่าง

    “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้คะ??” ลิริถามอย่างสงสัย

    “ดิฉันเอาเงินมาฝากค่ะ”

    “ฝากเท่าไหร่คะ??” ลิริถามไป

    “ทั้งหมด 1 หมื่นฟรังก์ค่ะ” เอริกะพูดขึ้น

    “อืม คุณทำงานอะไรเหรอคะ??” ลิริถามไป แต่เอริกะยังไม่ตอบอะไร

    “ขอโทษค่ะ ถ้าอย่างงั้นไม่ต้องบอกกก็ได้ค่ะ”

    “ฉันเล่นพนันมาได้หน่ะค่ะ” เอริกะพูดขึ้น

    “แล้วคุณมาทำอะไรที่ฝรั่งเศสหล่ะคะ??” ลิริถามไป

    “ฉันมาตามหาคนค่ะ ความจริงฉันอยากจะไปเยอรมัน แต่ตอนนี้เส้นทางโดนปิดหมดเลย” เอริกะตอบไป

    “นั่นหน่ะสิคะ ถ้าอย่างงั้น ค่าดำเนินการ 100 ฟรังก์นะคะ”

    “โอเคค่ะ” เอริกะพูดขึ้น จากนั้นก็ยื่นเงิน 100 ฟรังก์ให้กับลิริไป จากนั้นลิริก็ดำเนินการให้ในทันที

    “ขอบคุณที่ใช้บริการนะคะ” ลิริพูดขึ้น

     

    กลับมายังบ่อนแห่งหนึ่งใจกลางกรุงปารีส ซึ่งในตอนนั้นเองลาเกียครูซก็ยังเดินสายเล่นพนันอย่างต่อเนื่อง แต่ในวันนี้เขามือไม่ขึ้นเลย เล่นเสียมากกว่าได้ ทำเอาเขาถึงกับเริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว

    “ไอ้บ้าเอ้ย ไปเบิกชิปมาให้ฉันอีก 5000 เร็ว!!” ลาเกียครูซพูดพลางทุบโต๊ะปัง

    “ท่านครับ แต่ท่านเล่นเสียไปแล้ว 30000 นะครับ ผมว่าเรากลับก่อนดีกว่า”

    “มันโกงหน่ะสิ ค่อยดูงานนี้ฉันเอาคืนแน่” ลาเกียครูซพูดขึ้น แต่ชายที่เล่นโต๊ะเดียวกันกับเขาก็พูดขึ้น

    “อะไรกัน หมดตูดก็กลับบ้านไปสิวะ!!”

    “มึงเสือกอะไรด้วยวะ??” ลาเกียครูซถามไป

    “เรื่องของกูไอ้หมูเยอรมัน ทุกคนในร้านเขารำคาญมึงกันทั้งนั้น” ชายคนนั้นพูดขึ้น

    “ได้ มึงจำไว้ มึงไม่ตายดีแน่” ลาเกียครูซพูดและชี้หน้ามัน จากนั้นเขากับลูกน้องก็เดินออกจากบ่อนไปในทันที จากนั้นเขาก็คุยกับลูกน้องของเขา

    “ไปหามือปืนมาฆ่ามัน ราคาไม่เกี่ยง!!” ลาเกียครูซพูดไป

    “แต่ท่านครับ มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ เงินแค่ 3 หมื่นฟรังก์นะครับ”

    “ถ้าอย่างงั้นก็เก็บมันเงียบๆแล้วกัน ฉันอยากให้มันหายไปจากโลกนี้” ลาเกียครูซพูดอย่างเจ็บแค้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อในทันที

     

    กลับมายังเขตแวร์ซายน์ ซึ่งในตอนนั้นเองชินาอิได้หลบหนีจากการตามล่าของกลุ่มนินจาที่ส่งมาโดยทากะฮิโระ สมาชิกภาคีDarkest และในตอนนั้นเองเขาได้เงินจำนวนหนึ่งจากออเรียส เขาในตอนนั้นจึงต้องพยายามหลบซ่อนตัวซักพักเพื่อไม่ให้ใครรู้ เขาพักอยู่ในกระท่อมหลังหนึ่งซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากเมือง แต่เขาก็ยังโทรศัพท์ติดต่อกับสายของเขาในปารีสอยู่เรื่อยๆ

    “นี่ คุณชินาอิ อยู่ที่นั่นสบายดีนะ??”

    “สบายกับผีอะไรหล่ะ ลองมาอยู่เองสิ” ชินาอิพูดขึ้น

    “แล้วช่วงนี้คุณจะรับงานหรือเปล่า??”

    “ไม่หล่ะ เงินที่ฉันได้น่าจะพอซ่อนตัวอยู่เป็นปีๆ รอผ่านไปซัก 5 6 เดือนเดี๋ยวค่อยว่ากัน”

    “เออ แล้วแต่นายแล้วกัน ว่าแต่ใครกำลังตามล่านายอยู่หล่ะ??” สายของเขาถามอย่างสงสัย

    “ไม่ต้องรู้หรอก เอาเป็นว่าฉันจะติดต่อนายเป็นระยะๆ แค่นี้แล้วกัน” ชินาอิพูดขึ้น จากนั้นเขาก็รีบวางสายอย่างรวดเร็วแล้วพักผ่อนในห้องของเขา

     

    ณ ค่ายทหารกองพลอังกฤษของรอสและอัลเฟรด ซึ่งพวกเขาเองยังคงวางแผนป้องกันข้าศึกจากการโจมตี ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็เดินมารายงานพวกเขาทั้งคู่อย่างเร่งรีบ

    “ท่านครับ ขอรายงานครับ!!”

    “มีอะไร ว่ามาเลย??” อัลเฟรดถามไป

    “มีหญิงสาวสองคนมาหาท่าน เธอบอกว่าชื่อเกลนนิสกับอีกคน...”

    “ไม่ต้องหล่ะ ให้เข้ามาเลย” รอสพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารคนนั้นก็เรียกทั้งคู่เดินเข้ามาด้านใน และในตอนนั้นเอง เกลนนิสกับการ์เน็ตต้าก็เดินเข้ามาในห้องในทันที

    “สวัสดีค่ะท่านนายพล!!” การ์เน็ตต้าทันทายไป

    “อ้อ คุณเจนนี่ เป็นยังไงบ้างหล่ะ??” อัลเฟรดถามอย่างสงสัย

    “พวกเราสองคนสบายดีค่ะ พวกเราได้ข่าวสำคัญมาจากสายหน่ะค่ะ” เกลนนิสพูดขึ้น

    “ข่าวอะไรงั้นเหรอ ว่ามาเลย??” นายพลรอสถามไป

    “อ้อ มีรายงานลับหลุดมาจากฝรั่งเยอรมัน ซึ่งพวกนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะโจมตีนอร์เวย์ เดนมาร์ก และประเทศอื่นๆใกล้เคียงค่ะ” เกลนนิสพูดขึ้น

    “อืม เรื่องนั้นเราก็พอเดาออกอยู่ แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าพวกนั้นจะโจมตีเมื่อไหร่” อัลเฟรดพูดขึ้น

    “ข่าวที่เราดักฟังมาได้ พบว่าข้อมูลไม่ตรงกันเลย” นายพลรอสพูดเสริม

    “พวกมันคงต้องการปล่อยข่าวลวง ให้เราคิดว่ามันจะโจมตีค่ะ” เกลนนิสพูดขึ้น

    “ฉันว่า พวกมันอาจจะยังไม่โจมตีเร็วๆนี้นะคะ” การ์เน็ตต้าพูดขึ้น

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้นหล่ะ??” นายพลอัลเฟรดถามอย่างสงสัย

    “พวกนั้นกำลังเหนื่อยล้าจากศึกที่โปแลนด์ พวกนั้นคงต้องใช้เวลาซักพักในการฟื้นตัว และอาจจะหลอกให้เราตายใจว่าจะโจมตีพวกเขาเร็วๆนี้ค่ะ” การ์เน็ตต้าพูดไป

    “เป็นไปได้นะคะ ฉันว่าเราต้องระวังหน่อยแล้วหล่ะ” เกลนนิสพูดขึ้น

    “อืม ข้อมูลของเธอเป็นประโยชน์มาก ตอนนี้เราให้กองเรือของเราเดินทัพไปปิดเส้นทางการขนแร่เหล็กจากนอร์เวย์เรียบร้อยแล้ว ป่านนี้พวกมันคงร้อนๆหนาวๆหล่ะ” นายพลรอสพูดขึ้น จากนั้นก็กลับไปดูแผนที่การรบของเขาต่อไป

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในน่านฟ้าเยอรมัน การรบทางอากาศยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด ซึ่งริชาร์ดในตอนนั้นก็ได้ขับเครื่องบินขับไล่จู่โจมกองบินลุฟวาฟของเยอรมัน การสู้รบเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง สัญญาณเตือนน้ำมันของเครื่องริชาร์ดก็กำลังจะหมด เขาต้องรีบหันหัวกลับไปฝรั่งเศสในทันที แต่จู่ๆเครื่อบบินลำหนึ่งของกองทัพอากาศเยอรมันก็ไล่ตามเขามาอย่างรวดเร็ว

    "มีคนไล่จี้ผมๆ!!" ริชาร์ดวอบอกผ่านวิทยุของเขา

    "คุณรีบออกมาด่วนเลย เราต้องถอนกำลังก่อน"

    "ผมพยายามสลัดมันอยู่"

    ริชาร์ดพูดขึ้นจากนั้นก็พยายามขับเครื่องบินสลับพันปลากันไปมาเพื่อสลัดเครื่องลำนั้นให้หลุด เขาใกล้จะเข้าเขตฝรั่งเศสแล้ว แต่ในตอนนั้นเอง

    "ปังๆๆๆๆ"

    จู่ๆมันก็ยิงเข้าที่ท้ายเครื่องจนเครื่องไหม้ ริชาร์ดในตอนนั้นต้องพยายามประคองให้เข้าแผ่นดินฝรั่งเศศให้ได้มากที่สุด

    "ผมถูกยิง!!"

    ริชาร์ดบังคับไปได้อีกซักพัก จากนั้นเครื่องของเขาก็ค่อยลดระดับในทันที ส่วนเครื่องเยอรมันลำนั้นก็รีบหันหัวกลับเนื่องจากว่าเข้าใกล้เขตฝรั่งเศสแล้ว

    "เมย์เดย์ๆ ผมกำลังจะตกแล้ว!!"

    "สละเครื่องออกมาเลยริชาร์ด!!"

    ริชาร์ดในตอนนั้นไม่รอช้า เขาเปิดฝาครอบเครื่องบินออกมา จากนั้นก็กระโดดออกมาในทันทีแล้วกระโดดร่มลงในทันที

    "ตู้ม!!"

    ริชาร์ดหนีพ้นเงื้อมมือของเครื่องบินเยอรมันได้อย่างหวุดหวิด และเมื่อร่มของเขาร่อนลงบนพื้น ทหารฝรั่งเศศภาคพื้นที่ก็รีบมาช่วยเหลือเขาในทันทีอย่างรวดเร็ว

     

    กลับมายังท่าเรือกองทัพฝรั่งเศส ซึ่งอลิซก็ยังคงควบคุมการซ่อมแซมเรือที่เพิ่งจะออกลาดตระเวนลำน้ำเยอรมัน แต่ก็พบการต่อต้านอย่างหนักจากกองบินลุฟวาฟ ทำเอาอลิซต้องรีบมาดูความเสียหายด้วยตัวเองในทันที

    "นี่ ไปเจอเข้ากับอะไรมาเนี่ย??" อลิซถามช่างที่อยู่แถวนั้น

    "การโจมตีทางอากาศครับ!!"

    "หนักขนาดนี้เลยเหรอ??"

    "ใช่ครับ ตอนนี้เราโดนโจมตีอย่างหนักเลยครับ เรือเสียหายไป 10 กว่าลำครับตอนนี้" ช่างคนนั้นตอบไป

    "บ้าที่สุดเลย ทำไมพวกมันมีกองทัพอากาศที่ดีเยี่ยมขนาดนี้??" อลิซถามไป

    "ก็ไม่ทราบครับ แต่วันหนึ่งมันอาจจะมาบินข้ามหัวเราที่ปารีสก็ได้นะครับ"

    "เอาหล่ะ ตอนนี้รีบไปซ่อมก่อน แล้วระวังๆกันด้วยหล่ะทุกคน" อลิซพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบไปควบคุมการซ่อมแซมเรือที่ถูกโจมตีในทันทีอย่างรวดเร็ว

     

    ณ ฟาร์มแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง ซึ่งดูผิวเผินเป็นที่ที่สงบสุข แต่ในตอนนั้นเอง นาวินและพรรคพวกของเขาก็เดินทางมาถึงฟาร์มแห่งนี้ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นแหล่งกบดานของออเรียส ผู้ต้องสงสัยที่อยู่เบื้องหลังเรื่องวุ่นวายนี้ ในตอนนั้นเอง พวกเขาลอบเข้าไปในฟาร์ม จากนั้นก็ลอบฆ่ายามที่อยู่แถวนั้นที่เหี้ยน

    "นี่ ต้องฆ่าชาวบ้านทุกคนเลยเหรอเนี่ย??" ชาร์ลีถามอย่างสงสัย ก่อนที่โอ๊คจะโชว์ปืนกลมือที่ติดกับศพของพวกมันให้กับชาร์ลีดู

    "ชาวบ้านใช้ปืนแบบนี้กันงั้นเหรอ??" โอ๊คถามไป

    "ช่างมันเถอะ แล้วนี่ของที่คุณตามหาอยู่ที่ไหนเหรอครับคุณทอร์ริน??" นาวินถามไป

    "กระท่อมด้านหน้า เท่าที่คนของผมรายงานมานะ!!"

    ทอร์รินนำหน้าพวกเขาเดินเข้าไปในกระท่อมใหญ่หลังหนึ่ง ซึ่งดูภายนอกเหมือนจะเป็นกระท่อมร้าง และในตอนนั้นเอง นาวินก็ถีบประตูเข้าไปด้านในทันที

    "ปัง!!"

    และเมื่อเขาเข้ามาด้านใน เขาก็พบกับชายกลุ่มหนึ่งกำลังถือปืน และผลิตอะไรบางอย่างจากเครื่องจักรสองสามเครื่อง

    "เฮ้ย มีคนบุกรุก!!"

    "ปังๆๆๆๆ!!!"

    พวกของนาวินไม่รอช้ายิงคนที่อยู่ในนั้นจนตายกันเหี้ยน และในตอนนั้นเอง นาวินก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังกระโดหนีออกจากกระท่อม แต่นาวินก็ไปจับตัวมาได้แล้วต่อยหน้ามันไปหนึ่งที

    "ตุ้บ!!"

    "นี่มันยาเสพติดทั้งนั้นเลยนี่!!" ชาร์ลีพูดขึ้นหลังจากที่ไปดูเครื่องจักรพวกนั้น

    "ไอ้ออเรียส มันต้องปั๊มยาขายอยู่แน่ๆ" โอ๊คพูดขึ้น

    "ไอ้ออเรียสมันอยู่ที่ไหน บอกมา??" นาวินตะคอดถามชายคนนั้นไป

    "เขาอยู่ไม่เป็นที่ครับ แต่ผมรู้นะครับว่าสถานที่ผลิตยาของพวกเขาอยู่ที่ไหน อย่าทำอะไรผมเลย!!" ชายคนนั้นพูดขึ้น

    "ใจเย็นนอร์วิน ฉันจะเอามันไปสอบต่อเอง รับรองมันคายหมดเปลือกแน่!!" ทอร์รินพูดขึ้น

    "ทุกคน เผาที่นี่ให้สิ้นซาก ให้มันรู้ว่าเราจะตามล่ามัน!!"

    นาวินพูดขึ้น จากนั้นโอ๊คและชาร์ลีก็เอาน้ำมันที่อยู่แถวนั้นราดไปยังเครื่องจักรและกระท่อมแถวนั้น เมื่อราดจนชุ่มเรียบร้อยแล้ว เขาก็จุดไฟเผามันในทันที ทั้งเครื่องจักรและกระท่อมนั่นก็อันตรธานหายไปในทันที

    =============================================================

    เรื่องราวอันยุ่งเหยิงนี้พวกเขาจะคลี่คลายมันได้หรือไม่ และเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์กันด้วยเน้อ แหะๆๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย แหะๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×