ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Time To Kill Nazi - ข้ามเวลาฆ่านาซี

    ลำดับตอนที่ #30 : ยุทธการบาร์บารอสซ่า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 117
      7
      19 ก.ย. 61

    ทหารเยอรมันหน่วยแล้วหน่วยเล่า บุกเข้าไปยังใจกลางสหภาพโซเวียตโดยผ่านพรมแดนโปแลนด์ หน่วยของมิลเลอร์เป็นหัวหอกในการบุกจู่โจม และฮิมมาร์คก็มาอยู่กับหน่วยรถถังด้วย เพราะต้องการรบด้วยตัวเอง
    มิลเลอร์ : ตอนนี้พวกโซเวียตกำลังถอยร่นกลับไปครับ
    ฮิมมาร์ค : ดีมาก จัดการพวกมันให้หมดอย่าให้เหลือ
    รถถังของหน่วยแพนเซอร์บดขยี้แนวหน้าของโซเวียตอย่างไม่มีชิ้นดี ทหารโซเวียตพยายามตอบโต้แต่ก็ไม่เป็นผล รถถังของมิลเลอร์โดนปืนยิงรถถังยิงใส่แต่ก็ยังไม่เป็นไร 
    "ลองนี่หน่อยไอ้หอก"
    มิลเลอร์ยิงสวนด้วยปืนรถถัง ทำเอาพวกมันแตกกระเจิง ในตอนนั้นเอง ฮิมมาร์คก็ลงจากรถถังแล้วออกไปยิงศัตรูด้วยตัวเอง เขาคว้าปืนกล mp40 ออกมากราดยิงอย่างไม่ยั้งมือ
    ฮิมมาร์ค : มาสนุกแบบนี้หน่อยมั้ยพวก
    มิลเลอร์โดดออกจากรถถังเพื่ออกไปคุ้มกันฮิมมาร์ค เขาใช้ปืนพกกระบอกหนึ่งซึ่งเขาดัดแปลงเอง ตอนนั้นทหารโซเวียตคนหนึ่งพยายามจะใช้พลั่วสนามเข้าตี แต่มิลเลอร์หลบได้และยิงมันจนมันล้มลง จากนั้นเขาก็เดินเข้าหาศพของมัน
    "ด้วยความเมตตาจากพระเจ้า แกได้รับสิทธิ์ให้ตายจากฉัน" จากนั้นมิลเลอร์ก็ยิงหัวมันอีกนัด ในขณะที่กองทัพนาซีก็เคลื่อนพลเข้าสู่สหภาพโซเวียตทุกขณะ

     

    กลับมายังลอนดอน สถานทูตสหรัฐ หลังจากที่พวกเด็กๆได้ข่าวว่าแคทเทอรีนกำลังจะแต่งงาน พวกเด็กก็ยินดีกันมาก และอีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันแต่งงานของพวกเขาทั้งคู่ ในระหว่างที่พวกเขากำลังหารือกันถึงเรื่องงานแต่ง พวกเขาก็ได้ข่าวจากหนังสือพิมพ์ ทำเอาพวกเขาตกใจกันมาก
    ธิน : ทุกคน ฉันไปเจอข่าวนี้มา เยอรมันประกาศสงครามกับโซเวียตแล้ว
    เอม : ตายแล้ว มันทำขนาดนี้เลยเหรอคะ แบบนี้ท่าไม่ดีแล้ว 
    อเล็กซ์ : นายคิดอะไรอยู่เหรอแซค ดูไม่ตกใจอะไรเลยเนี่ย
    แซค : ฉันเดาไว้หล่ะ พวกนาซีต้องการน้ำมันในดินแดนของโซเวียตหน่ะ แต่ไม่ต้องห่วง เราปลอดภัยแล้ว
    โซเซีย : ใช่ โซเวียตกว้างใหญ่จะตาย พวกมันคงจะติดล่มแล้วตายตรงนั้นหล่ะ
    โอ๊ค : มิน่า นายถึงได้บอกว่าพวกเราปลอดภัยแล้ว พวกมันคงแพ้ที่นั่น
    ออย : แล้วแบบนี้เราจะเอายังไงต่อหล่ะคะ เราจะร่วมกับเขามั้ย
    นาวิน : อีกไม่นานหรอก แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งสนใจเลย คุยเรื่องงานแต่งน้าแคทก่อนดีกว่า
    โจส : 555 แต่ว่า เอาจริงๆนะ งานนี้ผมจะเชิญแขกจากอเมริกามาด้วย
    แคทเทอรีน : แล้วเขาจะมาได้เหรอคะ อยู่ตั้งไกลแถมยังมีสงครามอีก
    โจส : ไม่ต้องห่วงครับ ยังไงเขาก็มาได้แน่ๆ
    อเล็กซ์ : น้าแคทคะ ได้ข่าวว่าน้าต้องไปอเมริกานี่คะ
    แคทเทอรีน : ใช่จ้ะ คุณโจสจะพาน้าไปจดทะเบียนสมรสที่นั่น
    โจส : พวกเธอคงไม่ว่าอะไรน้าหรอกนะ
    แซค : ไม่หรอกครับ ผมรู้ว่ายังไงพวกน้าก็ต้องไปอยู่แล้ว
    โอ๊ค : ว่าแต่ นายคิดว่างานนี้จะเหมือนกับงานของจูเลียสเขาหรือเปล่า
    โซเซีย : ไม่รู้สิ มันคนละส่วนกันนะ เอามาปนกันได้เหรอ
    เอม : หนูต้องเตรียมชุดรอเอาไว้แล้วใช่หรือเปล่าคะเนี่ย
    ออย : โธ่ ชุดเธอมีตั้งเยอะตั้งแยะ เลือกใส่ซักตัวสิ
    ธิน : ยังไงก็ขออวยพรน้าทั้งสองคนมากๆเลยนะครับ
    นาวิน : ใช่ครับ ยังไงก็ขอให้มีความสุขที่อเมริกานะครับ
    โจส : ขอบใจมากๆนะ

     

    กลับมายังเบอร์ลิน เยอรมนี ฮัมบูร์กได้วางแผนอย่างลับๆด้วยการซ่องซุมคนที่ภักดีกับเธอและอาวุธอีกจำนวนหนึ่ง ในตอนนั้นเอง เธอได้รู้จักกีบนักเรือทัพเรือจากญี่ปุ่นที่มาเรียนที่เยอรมัน เธอชื่ออิสุซุ ฮัมบูร์กรู้จักกับเธอมาได้ 3 อาทิตย์แล้ว วันหนึ่งฮัมบูร์กชวนเธอมาเยี่ยมบ้าน จากนั้นก็นั่งคุยกัน
    อิสุซุ : ขอบใจมากนะฮัมบูร์กจังที่ต้อนรับฉัน
    ฮัมบูร์ก : ตอนนี้ฉันกำลังซ่องสุมกำลังพลอย่างเงียบๆอยู่หน่ะ
    อิสุซุ : ห่ะ นี่เธอจะก่อกบฎงั้นเหรอ
    ฮัมบูร์ก : ไม่หรอก ฉันแค่จะยึดอังกฤษให้ได้หน่ะ
    อิสุซุ : แล้วท่านผู้นำของเธอไม่สั่งให้โจมตีงั้นเหรอ
    ฮัมบูร์ก : ท่านคิดว่าจะให้อังกฤษยอมแพ้ง่ายๆหน่ะ แต่คงไม่รู้ว่าพวกนั้นไม่ยอมหรอก
    อิสุซุ : ว่าแต่ กองเรือของเธอตอนนี้มีมากแค่ไหนหล่ะ
    ฮัมบูร์ก : ก็ไม่มากเท่าไหร่ ตอนนี้ฉันกำลังสะสมเรือกับเครื่องบินเพิ่มอยู่หน่ะ อีกอย่าง ฉันอยากให้เธอช่วยฉันก่อการครั้งนี้ด้วย
    อิสุซุ : ว้าว น่าสนุกจัง ยังไงฉันก็ขอร่วมด้วยคนนะ

     

    ที่บ้านของจูเลียส หลังจากที่แต่งงานกันได้ไม่กี่เดือน พวกเขาทั้งคู่ก็ฮันนีมูนกันเหมือนคู่แต่งงานใหม่ โดยที่จูเลียสรุกหนักมากไม่ให้เคทตั้งตัวเลย
    จูเลียส : เรามามีลูกกันเถอะนะที่รัก
    เคท : โธ่คุณ มีลูกตอนกำลังออกรบเนี่ยนะคะ
    จูเลียส : คุณก็ไม่ต้องรบอีกสิ เลี้ยงลูกให้ผมหน่อย
    เคท : บ้า คุณหน่ะ
    จากนั้นจูเลียสก็พาเธอขึ้นเตียง แล้วก็เริ่มการมีลูกด้วยกัน บรรยากาศในห้องดูจะเป็นใจดี แต่จากนั้นไม่นาน พ่อบ้านของตระกูลก็มาตามตัวเขาด่วน
    จูเลียส : มีอะไรครับคุณพ่อบ้าน
    "แย่แล้วครับคุณชาย ตอนนี้คุณท่านอยู่โรงพยาบาล ท่านคงจะ.."
    จูเลียส : ห่ะ จริงเหรอ งั้นผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ
    เคท : มีอะไรเหรอคะคุณ
    จูเลียส : พ่อผมอยู่โรงพยาบาล ผมต้องรีบไปเยี่ยมท่าน
    เคท : จริงเหรอคะ งั้นฉันไปด้วยนะคะ

     

    และอีกด้านหนึ่งของกรุงลอนดอน เมอร์ลินถูกจับกุมได้และถูกนำตัวไปยังเรือนจำทหารในเมือง โดยที่เขาถูกนำตัวไปขึ้นรถ เพื่อเอาตัวไป โดยที่มีนักบินเยอรมันบางส่วนที่ถูกจับกุมมาพร้อมกับเขา
    "ท่านครับ ไม่เป็นไรนะครับ"
    เมอร์ลิน : อ้อ ฉันประมาทมันนิดหน่อย ถึงได้มาอยู่ที่นี่หน่ะ
    "แล้วเราจะเอายังไงต่อดีครับ"
    เมอร์ลิน : ตอนนี้เราต้องใจเย็น เรากำลังตกเป็นเชลย ทำอะไรไม่ได้หรอก
    "คอยดูนะ ออกไปได้เมื่อไหร่จะถล่มที่นี่ให้ราบเลย"
    เมอร์ลิน : เมื่อเวลานั้นมาถึง นายได้ทำแน่
    ระหว่างนั้นก็มีเสียงเคาะมาจากด้านหน้ารถ
    "โอ๊ย เงียบกันหน่อย ไอ้พวกหมูเยอรมันเอ้ย"
    "เฮ้ย คิดว่ากำลังพูดกับใครวะ"
    เมอร์ลิน : ใจเย็น รอออกไปได้ก่อน ฉันจัดการพวกมันแน่

     

    กลับมายังสนามบินแถบชายแดน โอแลนยังคงหาทางพัฒนาเครื่องบินกับเจ้านายของเขา เซอร์แฟรงค์ ต่อไป คราวนี้งานของพวกเขาจะง่ายขึ้นเนื่องจากพวกเขาได้ยึดเครื่องบินขับไล่ของข้าศึกมาได้ด้วย
    โอแลน : ท่านครับ ดูนี่สิครับ ผมว่าเครื่องยนต์ของมันเยี่ยมมากเลยนะครับ
    แฟรงค์ : นั่นสินะ ฉันได้ยินข่าวว่าตอนนี้มันโจมตีสหภาพโซเวียตอยู่หน่ะ
    โอแลน : ห่ะ จริงเหรอครับ เป็นพันธมิตรกันอยู่แท้ๆเลย
    แฟรงค์ : พวกมันคงต้องการน้ำมันบนแผ่นดินโซเวียตหน่ะ
    โอแลน : อ้อครับ มันยึดรองเราไม่ได้เลยพยายามจะหาทรัพยากรเพิ่มสินะ
    แฟรงค์ : แต่อย่าเพิ่งดีใจไป มันมีเครื่องบินแบบนี้ มันอาจชนะโซเวียตก็ได้
    โอแลน : ท่านครับ โซเวียตกว้างใหญ่จะตาย แถมหนาวขนาดนั้น คิดว่ามันจะรอดเหรอครับ
    แฟรงค์ : ก็จริงของคุณนะ แต่ช่างก่อนเถอะ ทำงานของเราก่อนดีกว่า

     

    กลับมายังลอนดอน สมาคมนักเรียนไทย เจลามี่คอยรับคอยส่งพิมทุกวัน จนคนที่สมาคมเริ่มเอะใจกันแล้ว และวันนี้เป็นวันที่พิมจะไปส่งจดหมายให้แก้ว เพื่อนของเธอ เธอก็ไปส่งตามปกติ ต่างกันตรงที่เจลามี่คอยไปส่งเธอตลอด
    เจลามี่ : คุณส่งจดหมายไปหาใครเหรอครับ
    พิม : ถึงเพื่อนฉันที่เมืองไทยหน่ะค่ะ เราทั้งคู่สนิทกันมากเลยนะ
    เจลามี่ : ผมก็มีเพื่อนสนิทอยู่นะครับ เขาคงกำลังทำงานที่โปแลนด์อยู่หน่ะครับ
    พิม : อ้อค่ะ ก็ขอให้เพื่อนคุณปลอดภัยนะคะ
    เจลามี่ : อ้อครับ ก็ขอให้จดหมายส่งถึงเพื่อนคุณไวๆนะครับ
    พิม : ว่าแต่ คุณไม่ทำงานเหรอคะวันนี้
    เจลามี่ : วันนี้ทางหน่วยยังไม่เรียกผมหน่ะครับ
    พิม : อ้อค่ะ ดีจังเลยนะคะ
    เจลามี่ : วันนี้ไปทานอะไรกันหน่อยดีมั้ยครับ
    พิม : อุ๊ย จะดีเหรอคะ
    เจลามี่ : ดีสิครับ ไหนๆคุณกับผมก็ว่างด้วยกันทั้งคู่หล่ะ
    พิม : อ้อค่ะ ได้สิคะ
    จากนั้นทั้งคู่ก็ขึ้นรถกัน แล้วก็ขับออกไปที่ย่านดาวน์ทาวน์ เพื่อไปนั่งหาอะไรทานกัน

     

    กลับมายังเบอร์ลิน เยอรมนี ในขณะนั้นเองซาบอนกำลังนั่งทำงานของเขาอยู่ จู่ๆก็มีนายทหารเยอรมันคนหนึ่งเจ้ามาหาเขา พร้อมกับนำเรื่องสำคัญมาคุยกับเขา
    ซาบอน : อ้าว สวัสดีครับท่านนายพล มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ
    "ผมอยากให้คุณช่วยสืบหาตัวคนหน่อย"
    ซาบอน : ใครกันเหรอครับ
    "มันเป็นคนสำคัญของสมาชิกของคอมมิวนิสต์ที่เบลเยี่ยม"
    ซาบอน : ผมรู้จักมัน มันยังอยู่ในเบลเยี่ยมอีกเหรอครับ
    "ตอนนี้มันหนีไปสหภาพโซเวียตหล่ะ"
    ซาบอน : ถ้าท่านให้ผมช่วยตามตัว จะมีค่าตอบแทนดีๆให้ผมหรือเปล่าหล่ะ
    "ค่าตอบแทนดีแน่นอน แล้วผมจะบอกรายละเอียดคุณอีกทีก็แล้วกัน"
    จากนั้นซาบอนก็รับรูปมาจากเขา

     

    และอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่นูโวร่าซื้อบริการทางเพศจากสาวเยอรมัน เธอก็ออกจากห้องมาแล้ว เธอรีบไปยังสถานทูตอิตาลีในเยอรมันทันที
    "ท่านนูโวร่าครับ สภาพไม่ค่อยดีเลยครับ"
    นูโวร่า : ใครว่า ความจริงฉันยังไหวอยู่ต่างหาก
    "ว่าแต่ไอ้ซาบอนนั่น จะเอายังไงกับมันดีครับ"
    นูโวร่า : อดทนไว้ก่อน ตอนนี้เราต้องพึ่งมัน
    "ครับ แต่ถ้าอยากให้ผมเก็บมันก็สั่งมาเลยนะครับ"
    นูโวร่า : ว่าแต่ ตอนนี้ทางเยอรมันส่งอะไรมาช่วยเราหรือยัง
    "พวกเขาส่งเสบียงและอาวุธเพิ่มเติมให้เราแล้วครับ"
    นูโวร่า : ดีมาก งานของเราจะได้สำเร็จซะที

     

    กลับมายังกรุงลอนดอน สำนักงานหน่วยข่าวกรอง พวกเขาพยายามดักฟังและถอดรหัสเส้นทางการเดินเรือดำน้ำของเยอรมัน ในตอนนั้นเอง พวกเขาก็ได้ข่าวมาใหม่ โดยมีคนในหน่วยคนหนึ่งวิ่งมาบอก
    "ทุกคน ได้ข่าวหรือยัง เยอรมันบุกสหภาพโซเวียตแล้ว"
    คาริน่า : จริงเหรอ พวกเขาทำได้ถึงขนาดนี้เชียวเหรอ
    อลัน : ว่าแต่ ตอนนี้พวกเยอรมันบุกไปถึงไหนแล้วเหรอ
    "ตอนนี้กำลังรุกคืบผ่านโปแลนด์แล้วครับ"
    คาริน่า : แบบนี้สงครามก็อาจจะเปลี่ยนมือก็ได้นะคะ
    อลัน : ทำไมคุณถึงเชื่อแบบนั้นหล่ะ
    คาริน่า : บางทีการจู่โจมของสหภาพโซเวียต อาจจะทำให้พวกเยอรมันถอยร่นก็ได้
    "ผมว่าใช่นะครับ โซเวียตกว้างใหญ่ซะขนาดนั้น แถมยังมีฤดูหนาวอีกต่างหาก"
    อลัน : อาจจะจริงก็ได้ แต่ตอนนี้เรามาดูสถานการณ์ที่นี่ก่อนดีกว่า

     

    กลับมายังรัฐแอริโซน่า สหรัฐอเมริกา วันนี้เป็นวันที่โคเวอร์ต้องกลับไปประจำการยังค่ายของตน เขาเตรียมบอกลาแม่ของเขาเพื่อที่จะกลับไปฝึกต่อ
    "เอาของอะไรไปหมดหรือยังลูก"
    โคเวอร์ : น่าจะหมดแล้วนะครับแม่ ผมเช็คหล่ะ
    "จ้ะลูก เอาอะไรไปกินด้วยนะถ้าเผื่อลูกหิว"
    โคเวอร์ : ครับแม่ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ครับ
    "กลับไปแล้วลูกต้องดูแลตัวเองด้วยนะจ๊ะ"
    โคเวอร์ : ครับแม่ ผมจะรีบฝึกแล้วไปสู้รบให้ได้
    "นี่ลูก อย่ารบกับใครเลยนะถ้าไม่จำเป็นหน่ะ"
    โคเวอร์ : ครับแม่ ผมเข้าใจ แม่รักษาตัวให้ดีด้วยนะครับ // จากนั้นเขาก็กอดแม่ของเขา แล้วก็เดินขึ้นรถบัสของเมืองออกไป

     

    กลับมายังสหภาพโซเวียต ในขณะนั้นเองออก้าก็ได้ข่าวการโจมตีของพวกเยอรมันแล้ว เขาจึงรีบปรึกษากับแม่ตัวเองว่าจะทำอย่างไรต่อ
    ออก้า : แม่ครับ พวกนาซีบุกมาแล้ว เราต้องหนีไปก่อนนะครับ
    "ไม่ต้องหนีไปไหนหรอกลูก ที่มอสโควปลอดภัยดี"
    ออก้า : แม่ไม่รู้หรอกว่าพวกนาซีมันเก่งกาจขนาดไหน
    "งั้นเราจะหนีไปไหนหล่ะ ไซบีเรียเหรอ"
    ออก้า : ก็ไม่ใช่อีกอ่ะแม่ ถ้าจะหนี เราคงต้องไปให้ไกลเลยหล่ะ
    และในขณะนั้นเอง ก็มีการระดมชายหนุ่มทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึก หน่วยจเรทหารเข้ามาในบ้านของออก้าจากนั้นก็พูดว่า
    "ออก้า มีคำสั่งระดมพล รีบไปรายงานตัวด่วนเลย"
    ออก้า : ได้สิ แต่ขอเวลาเดี๋ยวนึงนะ
    ออก้าไปกอดแม่ของเขา จากนั้นก็พูดว่า
    "แม่ครับ รักษาตัวด้วยนะครับ แล้วผมจะกลับมา"
    "รักษาตัวด้วยนะลูกแม่"
    จากนั้นเอง ออก้าก็ออกไปด้านนอกกับทหารคนนั้น เพื่อทำการรายงานตัวแล้วเข้ากองทัพเพื่อป้องกันประเทศ

     

    ทางด้านของรัต ในขณะนั้นเองแม่ของเขาล้มป่วยลงเรื่อยๆ รัตคอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง ซึ่งตอนนั้นแม่ของเขารู้ดีว่ากำลังจะจากไป สุดท้ายเขาและพ่อต้องมาดูใจแม่เขาเป็นครั้งสุดท้าย
    รัต : แม่ครับ เชื่อผมเถอะครับ ผมจะพาแม่ไปหาหมอเอง
    "ไม่เป็นไรหรอกลูก แม่รู้ตัวดีว่าแม่เป็นยังไง"
    "โธ่คุณ เชื่อลูกเขาหน่อยสิ"
    "ฉันรู้ดี ว่าฉันคงอยู่ได้อีกไม่นานค่ะคุณ"
    รัต : แม่ครับ อย่าพูดแบบนี้สิครับ
    "ลูกแม่ ยังไงก็ดูแลแม่เขาแทนพ่อหน่อยนะ"
    รัต : ครับแม่ // รัตพูดออกมาทั้งน้ำตา
    "คุณไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้วนะ"
    "ขอบคุณค่ะ ฉันรักคุณกับลูกมากๆนะคะ"
    จากนั้นแม่ของรัตก็จากไปด้วยอาการป่วยอย่างหนัก รัตร้องไห้ออกมาโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว พ่อของเขาต้องมาปลอบใจเขา
    "ไม่เป็นไรนะลูก แม่เขาไปดีแล้วนะ"
    รัต : ผมผิดเองที่ไม่กลับมาก่อนที่แม่จะเป็นอะไรไป
    "อย่าโทษตัวเองแบบนั้นสิลูก ลูกต้องสู้ต่อไปนะ"
    รัต : ครับพ่อ

     

    กลับมายังค่ายกักกันของวิคเตอร์ ในตอนนั้นทั้งวิคเตอร์และเทราน์เนอร์ได้รับคำสั่งให้ไปรายงานตัวในเบอร์ลิน ทำเอาทั้งคู่ตื่นเต้นมากเพราะทั้งคู่ไม่ได้เข้าเมืองมานานแล้ว 
    วิคเตอร์ : เอ้ย นี่ กลับไปคราวนี้นายจะซื้ออะไรหรือเปล่า
    เทราน์เนอร์ : อยากซื้อไวน์ซักขวด ฉันอยากดื่มมากๆ
    วิคเตอร์ : เยี่ยม ฉันรู้จักร้านหนึ่ง เดี๋ยวฉันพานายไป
    เทราน์เนอร์ : ว่าแต่ นายจะไม่กลับไปหาเมียนายหน่อยเหรอ
    วิคเตอร์ : กลับก็ดี อยากจะนอนกับเธอแก้เบื่อซะหน่อย
    เทราน์เนอร์ : เอาเถอะ ว่าแต่ นายได้ข่าวค่ายกักกันใหม่ที่โซเวียตหรือเปล่า
    วิคเตอร์ : ได้ข่าวสิ มีแต่พวกหมารัสเซียเต็มไปหมด
    เทราน์เนอร์ : อย่าไปรัสเซียมานานแล้วหว่ะ 
    วิคเตอร์ : ฉันจะลองทำเรื่องไปคุมที่นั่นดู จะได้ไปเที่ยวด้วย
    เทราน์เนอร์ : เอาดิ แต่ตอนนี้รีบเก็บของกลับบ้านกันก่อนดีกว่า
    ว่าแล้วทั้งคู่ก็ขนของขึ้นรถ จากนั้นรถไฟขบวนนั้นก็ค่อยๆแล่นออกไปสู่กรุงเบอร์ลิน

     

    กลับมาที่บ้านของดอร์ชมันต์ ทั้งคู่ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่กันอย่างหวานซึ้ง ดอร์ชมันต์ดูแลกัสเป็นอย่างดีส่วนกัสก็ช่วยเหลือเขาทุกอย่าง แลดูจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี
    กัส : วันนี้คุณไม่ไปทำงานเหรอคะ
    ดอร์ชมันต์ : ผมบอกพวกเขาว่ากำลังจะแต่งงาน เขาเลยให้วันหยุดผมหน่ะ
    กัส : จริงเหรอคะ เราจะแต่งงานกันเหรอคะ
    ดอร์ชมันต์ : แน่นอนครับ เหล่าคนใหญ่คนโตก็ร่วมแสดงความยินดีกันด้วยนะครับ
    กัส : ขอบคุณมากนะคะ 
    ดอร์ชมันต์ : จากนั้นผมจะพาคุณไปอยู่ที่รัสเซียนะครับ
    กัส : รัสเซียอย่างงั้นเหรอคะ
    ดอร์ชมันต์ : ใช่ครับ ผมต้องไปควบคุมความสงบที่นั่น แล้วเขามีบ้านพักให้ผมแล้วครับ
    กัส : ได้สิคะ คุณไปไหนฉันก็ไปด้วยนั่นแหละค่ะ
    ดอร์ชมันต์ : ครับผม!!

     

    กลับมาที่เบอร์ลิน อลิสกันรินได้รับคำสั่งให้ไปสืบราชการลับให้กับหน่วยข่าวกรอง เมื่อพวกเธอมาถึง เขาก็ยื่นคำสั่งให้กับเธอทันที
    "สวัสดีคุณผู้หญิง ในที่สุดพวกคุณก็มา"
    อลิส : ค่ะ ดิฉันยินดีรับใช้ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ
    "ผมจะให้พวกคุณไปสืบข่าวที่อังกฤษหน่ะ"
    ริน : จริงเหรอคะ ท่านจะให้พวกเราไปสืบเรื่องอะไรเหรอคะ
    "ตอนนี้พวกอเมริกาเริ่มจะให้ความช่วยเหลืออังกฤษมากเกินไป ผมอยากให้พวกคุณสืบว่าพวกเขาจะทำอะไรกันต่อ"
    อลิส : ว่าแต่ ท่านจะให้ดิฉันติดตามตัวใครคะ
    "ผมจะบอกคุณอีกครั้ง ตอนนี้เราเปลี่ยนพาสปอร์ต เปลี่ยนชื่อพวกคุณก่อนเข้าอังกฤษ ไม่ต้องห่วงหล่ะ"
    ริน : แล้วเราจะต้องออกเดินทางเมื่อไหร่หล่ะคะ
    "อาทิตย์หน้าหน่ะ"
    อลิส : จะให้เราส่งข้อมูลไปให้ท่านยังไงกันหล่ะคะ
    "เรามีสายให้คุณที่ลอนดอน พยายามติดต่อเขาแล้วกัน ชื่อรหัสเขาคือ 703"
    ริน : ได้ค่ะท่าน ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ

     

    ทางด้านโยชิตะ เมื่อเขากลับมายังค่ายยุวชนนาซี เพื่อนๆของเขาต่างก็มาต้อนรับเขาที่กลับมา 
    "ว่าไงเพื่อน เป็นยังไงบ้างที่เบอร์ลินหน่ะ"
    โยชิตะ : ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ไปเยี่ยมพี่สาวฉันหน่ะ
    "ว่าแต่ พี่สาวนายเป็นยังไงบ้างอ่ะ"
    โยชิตะ : คนไหนหล่ะ ถ้าเป็นพี่ใหญ่ก็กำลังจะไปแอฟริกา ส่วนอีกคนก็ไปอังกฤษหน่ะ
    "แต่ฉันเสียดายมากเลยอ่ะ พี่สาวนายน่าจะยึดอังกฤษได้แล้วแต่ดันมีคนไม่พอ"
    โยชิตะ : ไม่ต้องห่วง พี่ฉันมีแผนการเสมอหล่ะ
    "โอเค ยังไงนายก็มานั่งพักเหนื่อยกับเราก่อนสิ"
    โยชิตะ : ขอบใจมากนะ

     

    กลับมาที่เบอร์ลิน ในขณะนั้นเอง ลูก้าก็ได้ไปเข้าพบจอมพลรอมเมลเป็นการด่วน ในตอนนั้นรูดอฟก็อยู่ด้วย เมื่อลูก้ามาถึง เขาก็รายงานตัวทันที
    ลูก้า : ท่านจอมพลครับ
    รอมเมล : เอาหล่ะ ไม่ต้องรีบหรอก ท่าทางคุณจะเพิ่งพักร้อนมานะ
    ลูก้า : ว่าแต่ ท่านเรียกพบผมมีอะไรหรือเปล่าครับ
    รอมเมล : ตอนนี้เราประกาศสงครามกับสหภาพโซเวียตแล้ว
    ลูก้า : ห่ะ จริงเหรอครับ เป็นไปไม่ได้
    รูดอฟ : มันเป็นไปแล้วหล่ะ ตอนนี้พวกเขากำลังข้ามพรมแดนโปแลนด์อยูุ่
    ลูก้า : พวกเขาไม่รู้เหรอครับ ว่ารัสเซียกว้างใหญ่ขนาดไหน
    รอมเมล : ความจริงผมไม่อยากส่งคุณไปที่นั่นหรอก ผมอยากให้คุณควบคุมทางแอฟริกามากกว่า
    ลูก้า : ครับท่าน ตอนนี้ทางอังกฤษคงจะส่งคนไปเสริมที่นั่นแล้ว
    รอมเมล : อีกไม่นานผมคงจะต้องไปที่นั่นหล่ะ
    ลูก้า : ทำไมหล่ะครับท่าน
    รอมเมล : การรบที่นั่นดุเดือดและติดพัน ผมคงต้องไปด้วยตัวเองหล่ะ
    ลูก้า : ครับท่าน

     

    กลับมาที่แอฟริกา ค่ายทหารของชาวอาหรับ เทเรซ่าก็ได้รับหน้าที่ให้รักษาชาวอาหรับที่ขาดแคลนหมอทั้งหลาย ซึ่งพวกเขาบาดเจ็บจากสงครามแถมยังติดโรคร้ายมาอีก
    เทเรซ่า : นี่ ราซัค คนป่วยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
    ราซัค : ครับ แถมยังมีเพิ่มขึ่นเยอะทุกวันอีกครับ
    เทเรซ่า : ทางอังกฤษไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเขาหน่อยเหรอ
    ราซัค : ทางนั้นก็มีสงครามที่กำลังติดพัน ก็ช่วยได้เท่าที่มีครับ
    เทเรซ่า : เฮ้อ ตอนนี้ยาของที่นี่มีพอหรือเปล่า
    ราซัค : ยาเราพอจะมีอยู่ครับ
    เทเรซ่า : โอเค ยังไงก็ไปขนมาให้หมด คงต้องรักษากันยาวหล่ะ

    จากนั้นไม่นานราซัคก็รีบไปขนยามาให้เธอ พร้อมกับคนป่วยอีกนับสิบ เธอต้องรักษาพวกเขาทุกคนโดยเร็วก่อนที่จะมีคนอื่นมาเพิ่มอีก

     

    กลับมายังพรมแดนของโปแลนด์ หลังจากที่กองพลของเยอรมันข้ามพรมแดนมาได้ พวกเขาจัดการกำราบทหารโซเวียตจนมันถอยไปไกล จากนั้นพวกเขาเตรียมวางแผนออกเดินทางเพื่อโจมตีต่อไป

    มิลเลอร์ : ท่านครับ แผนการของเราดีเกินคาด ตอนนี้พวกโซเวียตถอยไปตั้งหลักที่ชายแดนรัสเซียแล้วครับ

    ฮิมมาร์ค : ดีมาก เตรียมกองพลรถถังของเราให้พร้อม เราจะโจมตีมันทั้งวันทั้งคืนเลย

    มิลเลอร์ : แต่ว่า พวกเขายังไม่ทันจะได้พักเลย ท่านจะบุกพวกมันต่องั้นเหรอ

    ฮิมมาร์ค : แน่นอน เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีระลอกต่อไป

    มิลเลอร์ : ครับผม

    กองพลแพนเซอร์ของมิลเลอร์เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีระลอกต่อไป เพื่อบุกเข้าใจกลางสหภาพโซเวียตก่อนฤดูหนาว

    ==============================================================

    กองทัพนาซีกำลังรุกคืบเข้าสู่ใจกลางสหภาพโซเวียต แล้วยุทธการนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยจ้า!!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×