คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7 : เหล็กวิเศษ
คณะเดินทางของทองอินทร์เดินทางกันต่อ ออกจากเมืองอ่างทองเพื่อไปถึงพิษณุโลก ซึ่งพวกเขาจะต้องผ่านสิงห์บุรีก่อน และเพราะพวกเขาเดินทางกันอย่างรวดเร็ว ไม่นานเท่าไหร่นัก พวกเขาก็เข้าเขตสิงห์บุรีกันจนได้ แต่รอบทางที่พวกเขาเจอก็มีแต่เศษซากปรักหักพังเพราะสงคราม มันทำให้พวกเขาถึงกับเศร้าได้อย่างไม่คาดคิด
“นี่แหละนะสงคราม สร้างความวิบัติได้ไม่สิ้นสุด” ไวโอเล็ตพูดขึ้นมา
“ข้าอยากไปเห็นบ้านระจันให้เป็นบุญตาเสียซักครั้ง” สมบาติพูดขึ้น
“จริงด้วย ที่พวกเจ้าโจมตีตั้งหลายครั้งกว่าจะแตก ใช่หรือไม่??” นาราถามอองโม่โยไป
“นั่นสิ หากพวกขุนนางในกรุงศรีกล้าหาญเยี่ยงชาวบ้านระจัน กรุงศรีก็คงมิต้องพบจุดจบเช่นนี้ดอก” อองโม่โยพูดขึ้น
“ว่าแต่ อีกไกลหรือไม่ กว่าจะถึงบ้านระจันเนี่ย??” วารีถามอย่างสงสัย
“มิไกลดอก แต่พวกเจ้าอยากจะไปจริงหรือ??” คาวีถามไป
“อยากสิ ข้าเองก้อยากจะเห็นวีรกรรมของพวกเขา” เมรีพูดขึ้น
“พ่อกุมาร เจ้าคิดว่าเรื่องนี้จะจบเช่นใดกัน??” ทองอินทร์ถามกุมารเทพไป
“ข้าเองก็ไม่รู้ท่านพี่ เราต้องตามล่าปีศาจหมื่นปีให้ได้หล่ะกระมัง??” กุมารเทพพูดขึ้น
“ข้าว่า มิต้องไปหาพวกมันหรอก พวกมันคงจะมาหาเราเอง” ทูตเบลล์พูดขึ้น
“ถ้าเราต้องสู้กับพวกมัน เราคงต้องให้เหล่าเทพคอยช่วย” เอื้องเหนือพูดขึ้น
“นี่ ท่านหลี่เจา ท่านเองก็เป็นเทพ ท่านไม่รู้อะไรบ้างเลยหรือ??” นรสิงห์ถามหลี่เจาไป
“เท่าที่ข้ารู้ ปีศาจหมื่นปีคงจะพยายามยึดสวรรค์ให้ได้ พวกมันคงกำลังเตรียมทัพอยู่” หลี่เจาพูดขึ้น
“อุ่นใจขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ซื้อเวลาให้พวกเรารับมือกับพวกมัน” แสนคำสมิงพูดขึ้น
“ข้าว่า ถ้าเราจัดการพวกปีศาจในโลกมนุษย์ได้สำเร็จ พวกมันอาจจะต้องแบ่งกำลังมาต้านทานไว้ แล้วทางสวรรค์คงจะนำกำลังมาช่วยเราได้” เวียงพิงค์พูดขึ้น
“เอาเถิด ข้าหวังว่าที่พูดจักเป็นความสัตย์จริง” ธิดาพูดขึ้นพลางถอนหายใจ
“พวกเจ้าเชื่อเถิด เหล่าเทพมิมีวันทอดทิ้งพวกเจ้าหรอก” อิริยะพูดขึ้น
“ว่าแต่ แผนของพวกเจ้า พวกเจ้าจะทำเยี่ยงไรต่อเล่า??” เชอร์รี่ถามอย่างสงสัย
“เราก็คงต้องเดินทางไปยังพิษณุโลกก่อน ค่อยว่ากันอีกที” มายะพูดขึ้น
“ปีศาจสิงห์ที่เราเจอวันนี้ ได้ยินว่าจะเจอมันอีก ใช่หรือเปล่า??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย
“ก็คงจะเป็นเช่นนั้น แต่เรารู้วิธีจัดการมันแล้วหล่ะ” ฉางหลงพูดขึ้น
“ข้าว่า มันอาจจะไม่ง่ายเหมือนกับที่เราเจอหรอก พวกปีศาจจะโง่เง่าเช่นนั้นหรือ??” ซื่ออ้ายถามอย่างสงสัย
“แต่เรามีเทพเจ้าอยู่ในกลุ่มนี่ จะกลัวไปใยเล่า” โชถามอย่างมั่นใจ
“พวกเจ้า เคยได้ยินเรื่องดินแดนแห่งสรวงสวรรค์หรือไม่??” เทเรซ่าถามอย่างสงสัย
“นั่นสิ ข้าอยากเห็นกองทัพของพระองค์ท่าน หากท่านได้ยินเสียงข้า” แม็กซิมพูดขึ้น
“ข้าว่า กองทัพของเขาคงจะปกป้องดินแดนของเขาอยู่หล่ะมั้ง??” อนาเลียถามอย่างเยาะเย้ย
“นี่ เจ้าคิดจะหลบหลู่พระองค์เช่นนั้นหรือ??” มาร์คัสถามไป
“แต่ข้าเห็นพ้องเช่นนาง หากพระองค์มีจริง เหตุใดมิยกกำลังมาช่วยเล่า??” วาทินถามเสริม
“นี่ เจ้ากับนางนี่เหมาะสมกันดีนะ พวกหัวขโมยกับแม่มด!!” อเล็กซตะโกนออกมา ทำเอาพวกเขาเกือบทะเลาะกัน แต่ลุงคงก็เดินมาแยกพวกเขาทั้งคู่ออกไป
“อ่ะก๊ะๆๆๆๆๆ”
“เฮ้อ ขนาดคนสติไม่ดียังรู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร เศร้าใจ” รีปเปอร์พูดขึ้น
“ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าว่าเราคงต้องตายก่อนถึงพิษณุโลกเป็นแน่ๆ” มาเรียน่าพูดขึ้น
“ตอนนี้พวกเจ้าจงจัดการกับพวกปีศาจก่อนเถิด” ออเรเลียขี่ม้ามาบอกพวกเขา แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเดินทางกันต่อ จู่ๆก็มีชายคนหนึ่งในชุดซามูไรก็เดินลงมาจากเนินเขามาขวางทางพวกเขา ในตอนนั้นทองอินทร์และกุมารเทพก็เดินไปหาชายคนนั้นในทันที
“เจ้าเป็นใครมาขวางขบวนของเรา??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย
“ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เจอกับมนุษย์อีกครั้ง ข้าชื่อฮิเดกิ โคจิ ข้าหนีมาอยู่อโยธยามาได้ซักพักแล้ว”
“แล้วท่านต้องการสิ่งใดกัน??” กุมารเทพถามไป
“ในหมู่บ้านร้างข้างหน้า จักมีปีศาจราชสีห์ยักษ์อาศัยอยู่ ข้าเคยประลองกำลังกับมัน แต่ด้วยตัวคนเดียวข้าจึงมิอาจจัดการได้ ถ้าพวกเจ้าต้องผ่านถนนเส้นหน้า เจ้าต้องผ่านหมู่บ้านนั่นด้วย” ฮิเดกิพูดขึ้น
“งั้นหรือ ขอบคุณที่ท่านเตือนข้า ว่าแต่ท่านอยากจะมากับเราด้วยหรือไม่หล่ะ เราคือคณะเดินทางศักดิ์สิทธิ์ ภารกิจของเราคือกำจัดพวกปีศาจ ถ้าท่านสนใจ!!” ทองอินทร์ชักชวนฮิเดกิไป
“ได้สิ ยินดีที่ท่านพูดภาษาของข้าได้!!” ฮิเดกิพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาและฮิเดกิก็ไปเข้ากลุ่มเพื่อรวมตัวกับคนอื่นๆในทันที
“เขาชื่อฮิเดกิ เขาจะมาเข้าร่วมกับเราด้วย!!” ทองอินทร์บอกกับทุกคนไป
ณ สนามแห่งหนึ่งบริเวณเมืองพิษณุโลก กองกำลังของเดอเวสที่เหลืออยู่ในตอนนี้ก็ได้เดินทางมายังเมืองพิษณุโลกเรียบร้อยแล้ว พวกเขามาพบกับกองกำลังส่วนหนึ่งซึ่งมารอพวกเขาอยู่แล้ว กองกำลังประกอบไปด้วยกลุ่มสุนัขในมากมาย ยังมีปีศาจชนิดใหม่ๆที่ตั้งทัพรอคณะเดินทางที่กำลังเดินทางมา เดอเวสในตอนนั้นก็เดินไปดูกองกำลังที่ตั้งทัพอยู่ในทันที
“นี่ พวกเจ้าเป็นใคร มาจากไหนกัน??” เดอเวสถามไป
“เจ้าคือเดอเวสใช่หรือไม่ ท่านแม่ทัพให้เรานำกำลังมาตั้งรับพวกคณะเดินทางที่นี่” ปีศาจสุนัขในตัวหนึ่งตอบไป
“เหตุไฉนพวกเจ้าถึงไม่นำกำลังไปสกัดพวกมันไว้หล่ะ??” เดอเวสถามไป
“พวกเรากำลังจะเดินทัพ ตอนนี้รอเพียงคำสั่งจากท่านแม่ทัพ!!”
“แม่ทัพของพวกเจ้าเป็นใครงั้นหรือ??” เดอเวสถามไป
“เราไม่เคยเห็น รู้แต่ต้องทำตามคำสั่ง ถ้ามิอยากถูกกินหน่ะ” ปีศาจตัวนั้นพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาจากหน้าประตูเมือง เสียงนั่นมันทำให้พวกปีศาจจับจ้องไปยังหน้าประตูเป็นตาเดียว ปีศาจตัวนั้นก็คือปีศาจสาว ผมยาว เล็บยาวและท้องโต เดินกรีดร้องไปมา ทำเอาแม้แต่ปีศาจระดับล่างบางตัวยังไม่อยากเข้าใกล้
“กรี๊ด!!”
“บ้าเอ้ย ยัยนั่นมันออกมาแล้วงั้นหรือ??”
“นี่ เจ้าอย่าบอกนะ ว่านี่เป็นแม่ทัพของพวกเจ้า??” เดอเวสถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น ปีศาจตัวนั้นก็ค่อยๆเข้ามาใกล้เดอเวส ปีศาจระดับล่างตัวอื่นพยายามหนีออกจากเธอ แต่เดอเวสยังคงยืนนิ่งและกำดาบของเขาไว้แน่น
“เจ้าต้องการอะไร ยัยปีศาจ??” เดอเวสถามไป
“แหม่ ท่านอย่ารังเกียจรังงอนข้าเลย ข้ามิกินท่านดอก หรือว่าข้าดูน่าสะพรึงกลัวเล่า??” ปีศาจตัวนั้นถามไป จากนั้นเธอก็แปลงกายเป็นหญิงงามราวกับนางอัปสร ทำเอาพวกปีศาจบางตัวถึงกับหิวกระหาย และพยายามเดินเข้าไปใกล้
“ขอดมกลิ่นหน่อยเถิด!!”
“หมับ!!”
ปีศาจสาวคว้าตัวสุนัขในตัวนั้นมา จากนั้นก็จับมันมากินอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจสายตาของปีศาจตัวอื่นรวมถึงเดอเวสด้วย แม้แต่เดอเวสซึ่งเป็นพวกชอบกินคนยังหยะแหยงไปเลย
“อืม น่าอภิรมย์ยิ่งนัก ท่านอยากมากินร่วมกับข้าหรือไม่??”
“เอาเถิด ว่าแต่ เจ้าต้องการอันใดกัน??” เดอเวสถามอย่างสงสัย
“งานของข้าแฝงตัวไปในคณะเดินทาง เพื่อจัดการพวกมันทีละคน”
“อย่างเจ้าเนี่ยนะ??” เดอเวสถามอย่างไม่แน่ใจ
“โธ่ๆๆๆ ท่านก็เห็นฝีมือข้าแล้วนี่ ท่านเดอเวส ถ้าท่านสนใจ ท่านจะลองมากับข้าก็ได้นะ”
“ก็ได้ ข้าเองก็อยากจักไปเห็นพวกมันเช่นกัน แต่เจ้าอย่ากลับร่างเดิมหล่ะ มันทุเรศลูกตาข้า” เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางออกไปในทันที
ณ ค่ายร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านก่อนจะเข้าสู่เมืองพิษณุโลก เศษซากโรงเรือนมีอยู่เกลื่อนเต็มไปหมด แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือในค่ายมีแต่พวกปีศาจเดินเพ่นพ่านเต็มไปหมด และที่น่าสังเกตเป็นปราสาทหลังใหญ่หลังหนึ่งซึ่งด้านใน มีชายคนหนึ่งกำลังนั่งแทะร่างของมนุษย์กลุ่มหนึ่งอย่างเอร็ดอร่อย ในระหว่างที่กำลังนั่งแทะเนื้อ ชายคนนั้นก็ตะโกนบอกกับปีศาจบริวารของเขาในทันที
“เจ้าบอกข้าหน่อยได้หรือไม่ว่าเหตุไฉน ข้าถึงต้องทิ้งเมืองเก่า แล้วมาอยู่ในรูหนูแบบนี้??”
“อ่า ท่านปิ่นทองขอรับ ท่านปีศาจหมื่นปีได้สั่งไว้...”
“เออๆๆ เอาเถิด งานของข้าคือหยุดไอ้พวกคณะเดินทางที่นี่ใช่หรือไม่??” ปิ่นทองถามอย่างสงสัย
“ใช่ขอรับ ได้ยินว่าพวกมันฆ่าพวกเราตามรายทางมิมีเว้นเลย”
“เฮ้ย มันจักแน่ซักแค่ไหนเชียววะ??” ปิ่นทองถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง จู่ๆ ร่างสีดำในหน้ากากขาวก็ปรากฏตัวต่อหน้าปิ่นทองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาปิ่นทองถึงกับตกใจหงายหลังไป
“นี่ เจ้าเป็นผู้ใดกัน??” ปิ่นทองถามอย่างสงสัย
“นี่หน่ะหรือ ผู้ที่จะหยุดพวกคณะเดินทาง ดูไม่องอาจเท่าไหร่”
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นใคร??” ปิ่นทองถามต่อไป
“ข้าอาชิซะ ข้าก็ต่อสู้กับพวกมันเหมือนเช่นเจ้า แต่ข้าแค่เหนือชั้นกว่า”
“เหนือชั้นแต่ไหนเชียววะ??” ปิ่นทองตะโกนออกไป จากนั้นก็พุ่งจู่โจมเข้าใส่อาชิซะ แต่อาชิซะหลบได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็เตะเข้าที่ชายโครงของหมอนั่นจนกระเด็นไป
“อืม ก็มีพลังเยอะดีนี่” อาชิซะพูดขึ้น
“โธ่เอ้ย ดูถูกข้าหรือ??” ปิ่นทองกระโดดเข้าจู่โจมอีกครั้ง คราวนี้เขาใช้เล็บของเขาแทงเข้าร่างของอาชิซะและพยายามดูดเลือดออกมา แต่จนแล้วจนรอด เขาก็ดูดเลือดของอาชิซะออกมาไม่ได้เลยซักหยด
“นี่เจ้า ไม่มีเลือด??”
อาชิซะบีบคอและยกร่างของปิ่นทองขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงเขากลับไปที่นั่งของเขา จนลูกน้องของเขาต้องมาประคองเขาไว้ในทันที
“เจ้ามันปีศาจประเภทไหนกัน??” ปิ่นทองถามอย่างสงสัย
“ก็อย่างที่บอก ข้าไม่เหมือนเจ้า” อาชิซะพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ชักดาบของเขาออกมา จากนั้นก็วิ่งเข้ามาฟันร่างของปิ่นทอง ร่างของเขาถูกฟันเป็นแผลแต่ดูเหมือนว่าปิ่นทองจะไม่เป็นอะไรเลย
“อืม เจ้านี่มีดีกว่าที่คาด” อาชิซะพูดขึ้น
“ข้าถอดดวงใจของข้าไว้ในกล่อง ซึ่งต้องใช้รหัสในการเปิดกล่อง!!”
“คิดไว้แล้วไม่มีผิด เอาเถิด จัดการกับมันให้ได้ อย่าให้ข้าต้องลงมือเองเด็ดขาด!!” อาชิซะพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็แวบหายไปในทันที
“เฮ้อ ทำมาเป็นวางก้าม!!” ปิ่นทองตะโกนด่าออกไป
กลับมายังคณะเดินทาง ซึ่งพวกเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านตามที่ฮิเดกิบอกจนได้ ซึ่งดูจากภายนอก หมู่บ้านแห่งนี้ก็ดูร้างและหดหู่ ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต พวกเขาเดินเข้าไปในทันทีเพื่อหวังจะผ่านหมู่บ้านแห่งนี้และปราบปีศาจต่อไป
“ฮิเดกิ เจ้ามาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว??” ทองอินทร์ถามเขาอย่างสงสัย
“มิกี่เดือนดอก ข้าหนีคดีจากที่นั่นมา ข้าถูกใส่ความว่าฆ่าท่านโชกุนหน่ะ” ฮิเดกิตอบไป
“ว่าแต่ เจ้ารับใช้ตระกูลไหนงั้นหรือ??” มายะซึ่งเป็นคนญี่ปุ่นถามเขาไป
“ข้ารับใช้ตระกูลมุราซามะหน่ะ ดาบสองเล่มนี้เป็นสิ่งเตือนใจที่ทำให้ข้านึกถึงนายข้า ดาบมุรามาสะ และดาบมาซามูเนะ” ฮิเดกิตอบไป
“งั้นที่ข้าได้ยินมาเกี่ยวกับตระกูลนี้ก็ไม่จริงหน่ะสิ ที่ว่ามีคนลอบสังหารและต้องการชิงอำนาจหน่ะ??” โชถามต่อไป
“นายของข้าปราบพวกยักษ์ oni มานานนับร้อยปี วันหนึ่งนายข้าเสียท่าให้มัน ข้าวิ่งไปหยิบดาบของเขา และแทงเข้าที่ดวงตามัน แต่ไม่มีใครเชื่อว่าข้าปราบมันได้ พวกชาวบ้านกล่าวหาว่าข้าฆ่าท่านโชกุน ข้าเลยต้องหนีภัยมา” ฮิเดกิพูดขึ้น
“เฮ้อ นี่หล่ะนะ มนุษย์ทุกคนย่อมมีปัญหาส่วนตัวทั้งนั้น” เมรีพูดไป
“แล้วพวกเจ้าจะไปที่ใดกันงั้นหรือ??” ฮิเดกิถามไป
“เราเป็นคณะเดินทางศักดิ์สิทธิ์ เราจะเดินทางไปพิษณุโลกหน่ะ” อเล็กซพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเกวียนดันเกิดไปสะดุดหินเข้า ทำเอาอเล็กซเกือบพลัดตกจากเกวียน แต่ยังดีที่ฮิเดกิมาดันตัวเธอเอาไว้ จากนั้นก็ค่อยๆดันเธอกลับไปที่เกวียนในทันที
“ระวังหน่อยสิแม่นาง!!” ฮิเดกิบอกเธอไป
“เอาหล่ะ ว่าแต่ พวกปีศาจนี่ตั้งกำลังอยู่ที่ใดกันเล่า??” คาวีถามอย่างสงสัย
“อยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน ใกล้ๆกับโรงตีเหล็กหน่ะ” ฮิเดกิตอบไป
“เออนี่ ว่าแต่ โรงตีเหล็กที่นั่นยังพอใช้ได้หรือเปล่า??” มาเรียน่าถามอย่างตื่นเต้น
“เท่าที่ข้าไปดูคราวก่อน มันยังใช้การได้นะ หากมีแร่เหล็กกับเชื้อเพลิงหน่ะ” ฮิเดกิพูดขึ้น
“เยี่ยมเลย เชื้อเพลิงเรายังพอมีอยู่ แบบนี้ก็หลอมเหล็กได้หน่ะสิ” ชิงเสียนพูดขึ้น ในขณะที่ฮิเดกิยังคงสับสนเล็กน้อย
“แต่ว่า เราต้องจัดการพวกปีศาจที่อยู่ที่นั่นก่อนหน่ะสิ” ฉางหลงพูดขึ้น
“แล้วกระไรเล่า เราก็ยังฝ่าฟันมาได้มาจนถึงบัดนี้แล้วนี่” วารีพูดปรามไป
“ก็จริงอยู่ แต่พวกมันมีมาก แลยังสั่งสมพละกำลังเป็นเท่าทวี” เวียงพิงค์พูดออกมา และในตอนนั้นเอง อนาเลียก็เกิดได้ยินเสียงประหลาดดังเข้ามาในหัวเธออีกครั้ง มันทำเอาเธอถึงกับสับสนไปในทันที
“ซิลลินเรีย!!”
“เจ้าลืมข้าแล้วงั้นหรือ ฮิๆๆๆๆ??” อนาเลียถึงกับเดินเซไป วาทินในตอนนั้นก็ไปประคองเธอมาในทันทีเพื่อไม่ให้เธอเป็นอะไร
“ปีศาจในตัวถูกปลุกขึ้นอีกแล้วงั้นหรือ ข้ามีน้ำมนต์ เจ้าลองดื่มซักขันสิ!!” เทเรซ่าพูดไป
“นี่ ข้าจะไม่พูดซ้ำอีกแล้วนะ อย่าคิดว่าท่านเป็นบาทหลวงแล้วข้าจะทำอันใดมิได้นะ” วาทินพูดขึ้นพร้อมกำดาบ ทำเอารีปเปอร์ถึงกับมาห้ามไว้
“ใจเย็นๆ นางไม่ได้หมายความแบบนั้น อย่าไปคิดมากเลย!!”
“แต่ถ้านางเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เจ้าต้องรับผิดชอบด้วยหล่ะ” แม็กซิมพูดขึ้นแล้วเดินผ่านไป
“นี่ ท่านอนาเลีย อย่าหาว่าข้ายุ่งเลยนะ แต่ข้าว่า ท่านน่าจะรักษาตัวหน่อยนะ” ออเรเลียพูดขึ้น
“ข้าไม่เป็นไร ข้าจะจัดการเรื่องของข้าเอง พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” อนาเลียพูดขึ้น
“เอาหล่ะๆๆ ว่าแต่ กองกำลังของพวกมันนี่จะมีมากเท่าไหร่เชียว??” อองโม่โยถามอย่างสงสัย
“ข้าว่า พวกมันอาจจะตั้งกำลังรอพวกเราอยู่ น่าจะไม่ต่ำกว่าร้อย ไหนจะเป็นจอมมารนั่นอีก” หลี่เจาพูดขึ้น
“ข้าว่าป่านนี้ พวกจอมมารมันยั้งทัพรอเราอยู่ที่พิษณุโลกแล้วหล่ะ” อิริยะพูดขึ้น
“ให้พวกมันตั้งรับไป ฆ่าจักสังหารพวกมันให้หมดทั้งทัพ!!” นรสิงห์พูดขึ้น
“ว่าแต่ ท่านกุมารพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับพวกปีศาจที่เราจะต้องเจอบ้างเล่า??” แสนคำสมิงถามอย่างสงสัย
“ปีศาจสิงห์ตัวนั้น มันเคยเป็นแม่ทัพในโลกดึกดำบรรพ์ ที่พวกท่านประมือไปนั่นเป็นเพียงแค่พวกนายกองธรรมดาเท่านั้น” กุมารเทพพูดขึ้น
“โห ชักไม่เข้าท่าแล้วสิ ข้าว่า เราคงต้องคิดให้จงหนักแล้วหล่ะ” เอื้องเหนือพูดขึ้น
“พวกจอมมารนี่ ถ้าเรามิมีพลังมากพอ เราคงต่อกรกับพวกมันไม่ได้หรอก” ธิดาพูดขึ้น
“พวกจอมมารในตอนนี้คงกำลังหาทางทำลายขบวนของเรา เพื่อไม่ให้ทำสำเร็จสินะ” ไวโอเล็ตพูดขึ้น
“ใช่ ข้าสังเกตดวงดาวมรณะ ซึ่งมันกำลังพยายามโคจรอยู่รอบหมู่ดาวซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มของเรา” สมบาติพูดขึ้นในขณะที่เขียนกระดานชนวนไปด้วย
“โห ถ้าไม่มีพระเจ้าช่วย พวกเราคงไม่เหลือแม้แต่ศพจะให้ฝังแน่ๆ” เชอร์รี่พูดขึ้น
“ข้ามิกลัวพวกมันดอก ให้พวกมันมาเถิด ข้าจะจัดการพวกมันจนถึงที่สุด” ซื่ออ้ายพูดขึ้น
“แต่ถึงอย่างไร พวกเราก็ต้องมีตัวช่วย มิเช่นนั้น พวกเราก็ตายเปล่า แถมช่วยอะไรไม่ได้เลย” มาร์คัสพูดขึ้น
“พี่อินทร์ ข้าว่า พวกเราจักต้องหาตัวช่วยแล้วหล่ะ ข้าเห็นพ้องด้วยกับท่านมาร์คัส” นาราพูดขึ้น
“อ่ะก๊ะๆๆๆๆๆ” จู่ๆลุงคงก็พูดอะไรขึ้นมา จากนั้นก็ชี้ไปที่ด้านหน้าขบวนเดินทาง
“นี่ ท่านเห็นอะไรเช่นนั้นหรือ??” ทูตเบลล์ถามอย่างสงสัย และในตอนนั้นเอง ก็ปรากฏร่างของเทพเฟยหลิงซึ่งนั่งอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่งอย่างสบายอารมณ์ ทำเอาคนอื่นๆถึงกับหมั่นไส้เธอ แล้วตะโกนเรียกเธอในทันที
“นี่ ท่านเทพอสูร ไปทำอะไรบนนั้นเล่า??” วาทินตะโกนออกไป จากนั้นเฟยหลิงก็วาร์ปตัวเธอมาอยู่ที่หน้าขบวนของพวกเขาในทันที
“ในที่สุดพวกเจ้าก็มา!!”
“ท่านต้องการอันใดจากพวกเรากันแน่ บอกข้ามา??” เมรีที่ฉุนขาดถามอย่างสงสัย และเตรียมเล็งธนูใส่เธอไป
“แหม่ๆๆ ใจเย็นก่อนสิที่รัก ข้าจะมาช่วยพวกเจ้านะ!!” เฟยหลิงพูดขึ้น
“เอาหล่ะๆ เฟยหลิง เจ้าอยากจะบอกอะไรพวกข้า ว่ามาเลย??” หลี่เจาถามอย่างสงสัย
“ข้าจะบอกว่า พวกปีศาจที่เฝ้ารอพวกเจ้าอยู่ข้างหน้าเนี่ย ยิ่งใหญ่กว่าที่พวกเจ้าเจอ และข้าก็ได้ยินมาว่า พวกเจ้าจะต้องผ่านค่ายๆหนึ่ง ซึ่งหัวหน้าปีศาจที่นั่นกำลังรอพวกเจ้าอยู่แล้ว” เฟยหลิงพูดขึ้น
“โห ชักจะไม่เข้าท่าแล้วสิ ข้าสังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าพวกนั้นจะเตรียมทัพรอเราไว้แล้ว” คาวีพูดขึ้น
“อ่า นี่ ท่านคือเทพอย่างงั้นหรือ เหตุไฉนถึงมิยอมช่วยพวกเราเล่า??” ฮิเดกิถามอย่างสงสัย
“โธ่ๆๆๆ ฝีมือระดับพวกเจ้าแล้วยังต้องให้ข้าช่วยอีกหรือ?? เชื่อใจในตนเองหน่อยสิ พวกเจ้ายังต้องเดินทางอีกไกล" เฟยหลิงตอบไป
“ว่าแต่ เจ้ารู้อะไรอีกหล่ะ เจ้าพอจะบอกพวกเราได้หรือไม่??” อิริยะถามอย่างสงสัย
“ที่พิษณุโลก มีกองกำลังใหญ่รอพวกเจ้าอยู่ กำลังของพวกมันมีไม่ต่ำกว่า 300 ได้ พวกเจ้าอาจต้องเจองานหนักหน่อย อ่า แต่ว่า มีคนๆหนึ่งรอเจ้าอยู่ที่สนามรบบ้านระจันที่อยู่ถัดจากหมู่บ้าน พวกเจ้าไปพบเขาเองก็แล้วกัน” เฟยหลิงพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ลุงคงก็พยายามจะเข้าไปกอดเฟยหลิงที่ด้านหลัง ในตอนนั้นเฟยหลิงก็ชักดาบของมา แล้วก็เอามาจ่อคอเขาไว้
“นี่ ลุง ข้าจะไม่พูดซ้ำแล้วนะ ประวัติของท่านน่าสงสารก็จริง แต่ถ้ามาแต๊ะอั๋งข้าอีก ข้าไม่เกรงใจหล่ะนะ!!”
“เอาเถิดๆ ข้าขออภัยแทนเขาด้วย แล้วท่านจะเอาเยี่ยงไรต่อหล่ะ??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย
“เอาเยี่ยงไรงั้นหรือ ไม่รู้สิ เอาเป็นว่า พวกเจ้าลองเดินทางไปเรื่อยๆก็แล้วกัน โชคดีหล่ะ” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็วาร์ปหายไปในทันที
“โห พวกเราตายกันหมดแน่ ถ้าที่นางพูดเป็นเรื่องจริง” วารีพูดขึ้น
“ว่าแต่ เราจะต้องไปเจอกับผู้ใดงั้นหรือ ข้ามิเห็นจะเข้าใจเลย??” มาร์คัสถามอย่างสงสัย
“ท่านถามข้าแล้วข้าจะถามผู้ใดหล่ะท่านพี่ หรือว่าจะมีเทพเจ้ากำลังรอเราอยู่” อเล็กซถามไป
“ถ้าเช่นนั้นก็ดีหน่ะสิ ข้าจะด่าให้ยับเลย ฐานที่ทำให้เราต้องเผชิญกับพวกมันตามลำพัง” อนาเลียพูดขึ้น
“นี่ๆๆ ข้าว่าเจ้าสงวนอารมณ์เจ้าไว้หน่อยเถิด!!” เทเรซ่าพูดปรามเธอไป
“ข้าอยากจะถามพวกเขาว่าตอนนี้แดนสวรรค์เป็นเยี่ยงไรบ้าง ยังปลอดภัยหรือไม่??” เอื้องเหนือพูดไป
“ต่อให้บนสวรรค์ปลอดภัย แต่ก็คงจะรบกับพวกมันอย่างดุเดือดเลยหล่ะ” แสนคำสมิงพูดขึ้น
“หากสวรรค์ปลอดภัย ก็คงมิต้องเป็นห่วงโลกมนุษย์แล้วหน่ะสิ” นรสิงห์พูดขึ้น
“เชื่อเหรอว่าพวกเทพเจ้าจะรักษาคำพูดหน่ะ ข้าเห็นมาหลายครั้งแล้ว??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย
“เจ้าไม่ต้องห่วง พระเจ้าไม่ทิ้งเจ้าหรอก ข้าสาบานด้วยดาบของข้าเลย” แม็กซิมพูดขึ้น
“เอาเถิด หากข้างหน้ามีกำลังของพวกมันรออยู่ เราจะทำเยี่ยงไรต่อเล่า??” รีปเปอร์ถามอย่างสงสัย
“อืม ปีศาจสิงห์ตัวที่เราเจอนั่น มีจุดอ่อนที่กลางหน้าอกนี่ อย่างน้อยเราก็รู้จุดอ่อนของมันแล้ว” ธิดาพูดขึ้น
“มันก็ใช่ แต่ข้าว่า เราอาจจะไม่มีโชคแบบคราวที่แล้วเนี่ยหล่ะสิ” อองโม่โยพูดขึ้น
“ถ้าอย่างงั้น เราก็แค่พยายามจัดการเสื้อเกราะของมัน เปิดให้เหลือแค่หน้าอกของมัน แล้วยิงถล่มเลย” มาเรียน่าพูดขึ้น
“พูดราวกับจะง่ายเหมือนปอกกล้วย แต่จะเข้าใกล้ตัวมันเยี่ยงไรเล่า??” ออเรเลียถามไป
“เรามีเยอะกว่าพวกมัน เราก็ต้องหลอกล่อพวกมัน จัดการลูกน้องของพวกมันก่อน” เชอร์รี่พูดขึ้น
“หรือว่าเราจะลองอ้อมไปจัดการด้านหลังพวกมันหล่ะ??” ซื่ออ้ายถามไป
“ข้าว่าน่าจะยากแล้วหล่ะแม่นาง พวกมันคงจะปิดทางเข้าออกหมู่บ้านหมดแล้ว” โชตอบไป
“เอาเถิด ลองเสี่ยงรบกับพวกมันดู ข้าว่าพวกเราคงไม่แพ้ง่ายๆดอก” ฉางหลงพูดขึ้น
“แต่ว่า ที่ท่านเทพบอกเราว่ามีพวกมันรอที่พิษณุโลก ถ้าพวกมันมีมากมายขนาดนั้น เราจะรับมือเยี่ยงไรเล่า??” มายะถามอย่างสงสัย
“เราคงต้องยิงตัดกำลังพวกมันเสียหน่อยหล่ะ” สมบาติพูดขึ้น
“ว่าแต่ ตอนนี้เราเหลือกระสุนดินดำแลปืนใหญ่มือเท่าไหร่เล่า??” ไวโอเล็ตถามอย่างสงสัย
“อาจจะมิพอต่อกรกับพวกมันที่พิษณุโลก กระสุนคงจะหมดก่อนไปถึง” เวียงพิงค์พูดไป
“มิต้องห่วงดอก ข้าว่าอาจจักพอมีอาวุธให้พวกเราบ้างที่ข้างหน้า” นาราพูดไป
“ท่านพี่ รีบไปกันเถิด พวกมันคงจะรอเราอยู่แล้ว” กุมารเทพบอกกับทองอินทร์
“ได้ พวกเราทุกคน เตรียมตัวให้พร้อม!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันผ่านหมู่บ้าน
และก็เป็นอย่างที่พวกเขาคิด ในตอนนั้นก็มีกองกำลังสุนัขในถือดาบ หอก และโล่ รวมถึงคราวนี้พวกมันได้เอาซากศพในชุดทหารถือธนูแลปืนไฟมาสมทบด้วย และที่ยืนดูเด่นเป็นสง่าอยู่นั้น ก็เป็นปีศาจราชสีห์ร่างยักษ์ ซึ่งตัวใหญ่กว่าตัวที่พวกเขาเจอ คราวนี้มันถือกระบองหนามยักษ์ แผดเสียงคำรามร้องดังลั่นไปทั่วทุ่ง
“โห เจ้านี่มันตัวใหญ่เอาเรื่องแหะ!!” ทองอินทร์พูดขึ้น
“อ้ายพวกคณะเดินทางโง่เง่า การเดินทางของพวกเจ้าต้องจบคงตรงนี้ เยี่ยงชาวบ้านหน้าโง่ที่พวกเราฆ่าไป แต่หากพวกเจ้ายอมแพ้ซะ พวกเราจะไว้…!!”
“ปังๆๆๆๆๆๆๆ”
ยังไม่ทันที่ปีศาจตัวนั้นจะพูดจบ กลุ่มคนที่มีปืนก็ระดมยิงใส่ที่หัวของปีศาจตัวนั้น จากนั้นก็ยิงใส่พวกซากศพที่ถือธนูแลปืนไฟมาด้วย
“พวกเจ้าจะเอาเยี่ยงนี้ใช่หรือไม่??” ปีศาจตัวนั้นตะโกนออกมา
“ท่านพี่ ระวังด้วย ไอ้พวกนี้มันไม่ธรรมดา เจ้าสิงห์นั่นมันมีพลังมากกว่าตัวก่อน แถมไอ้พวกที่ถือธนู มันเป็นซากศพของทหารที่ตายในสนามรบ และถูกไอวิญญาณของปีศาจหมื่นปีครอบงำ!!” กุมารเทพพูดขึ้น
“ย้ากกกก!!” ปีศาจสิงห์ตัวนั้นตะโกนออกมา จากนั้นกลุ่มสุนัขในก็พากันวิ่งกรูเข้ามาหาพวกของทองอินทร์
“ฆ่ามันให้หมด!!” ทองอินทร์ตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็วิ่งเข้าปะทะกับปีศาจพวกนั้นอย่างดุเดือด เสียงประดาบดังลั่นไปทั่วหมู่บ้าน
“เข้ามาเลย ไอ้พวกหมาบ้าเอ้ย!!” ทองอินทร์พูดขึ้นในขณะที่ฟาดฟันพวกมันจนหัวหลุดจากบ่า
“ดูเหมือนว่าพวกมันจะดุร้ายกว่าเก่านะสหาย” คาวีพูดกับทองอินทร์จากนั้นก็แทงเข้าที่หน้าอกมัน
“นั่นสิ ยิ่งเข้าใกล้พิษณุโลก พวกมันก็ยิ่งดุร้ายมากขึ้น” วารีพูดขึ้นจากนั้นก็ฟันเข้าที่ร่างของมัน แต่ในตอนนั้นเอง ทั้งลูกดอกและลูกปืนก็บินเข้ามาเฉียดใส่พวกเขา บางคนก็โดนยิงเฉี่ยวไปด้วย แต่พวกเขาส่วนใหญ่หนังเหนียวเพราะมีอาคม เลยไม่ได้เป็นอะไรมาก แสนคำสมิงยกร่างของมันตัวหนึ่งเอามากำบังไว้ในทันที
“บ้าเอ้ย พวกมันยิงมิยอมหยุดเลย!!” แสนคำสมิงตะโกนออกมา และเมรีในตอนนั้นก็พยายามยิงสวนมันกลับไป
“พวกเจ้าจัดการด้านล่างเถิด ตรงนี้ข้าจัดการเอง!!” เมรีตะโกนออกมา มันยิงธนูเข้าใส่มาเรื่อยๆ แต่ในตอนนั้น ออเรเลียก็ควบม้าฝ่าพวกมันไปและพยายามไปบนเนินเขาเพื่อจัดการพวกมัน ออเรเลียใช้ทวนฟันร่างของมันจนขาด แต่ในตอนนั้นเอง
“แฮ่!!” ตัวที่ถูกออเรเลียฟันจนขาดครึ่งนั้น ท่อนบนของมันก็พยายามคลานมาจัดการกับเธอ ทำให้เธอต้องแทงมันเข้าที่หัวอีกรอบ
“ตายยากจริงไอ้พวกนี้!!” ออเรเลียพูดขึ้น และในตอนนั้นคนอื่นๆก็ช่วยยิงคุ้มกันออเรเลียจากด้านล่าง
“ปังๆๆๆๆ”
“ออเรเลีย รีบจัดการเร็ว ทางนี้ข้ายิงเอง!!” ชิงเสียนตะโกนออกไป
“บ้าเอ้ย พวกมันโดนฟันขาดครึ่ง ยังไม่ยอมตายอีก” อเล็กซเห็นพวกมันด้านบนในขณะที่ยิงกับมัน
“พวกมันมีแรงอาฆาตมากกว่าผีดิบทั่วไป พวกท่านต้องระวังด้วย!!” กุมารเทพพูดขึ้น
“เฮ้อ ไอ้พวกครึ่งซีกนี่จะน่ากลัวแค่ไหนเชียว??” มาร์คัสตะโกนออกมา จากนั้นก็กระหน่ำยิงพวกมันไม่ยั้ง
“เอาปืนใหญ่ไปกิน ไอ้พวกระยำเอ้ย!!” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงปืนใหญ่มือถล่มพวกสุนัขในที่อยู่ด้านล่าง
“ตู้ม!!”
“บ้าเอ้ย ไม่มีโล่แล้ว ทำเอาข้าลำบากเหมือนกันนะเนี่ย!!” อองโม่โยพูดขึ้นในขณะที่กำลังฟาดฟันกับพวกมัน และในตอนนั้นเอง แม็กซิมที่กำลังฟาดฟันกับพวกปีศาจก็โดนลูกธนูยิงเข้าที่แขน
“ปัก!!”
“แม็กซิม รีบหาที่หลบก่อนเร็ว!!” รีบเปอร์พูดขึ้นและเตะปีศาจออกไป จากนั้นก็หามแม็กซิมไปที่เกวียนในทันที
“แย่แล้ว ท่านทูตเบลล์ รีบช่วยเขาหน่อยสิ!!” เอื้องเหนือตะโกนออกมา จากนั้นทูตเบลล์ก็พยายามสมานแผลให้กับเขาไป
“นี่ เรามิต้องเอาลูกศรออกมาก่อนงั้นหรือ??” ธิดาถามไป
“มิต้องหรอก ข้าว่านางรักษาได้อยู่แล้ว” เวียงพิงค์พูดขึ้นในขณะที่ยิงหน้าไม้ใส่มันไป จากนั้นแม็กซิมก็รักษาแผลของเขาจนสำเร็จ
“เฮ้อ ไปลุยกันต่อเลยดีกว่า!!” แม็กซิมตะโกนออกมา
“ระวังด้วย ไอ้หมียักษ์นั่นอาจจะเล่นงานเราตอนเผลอ” นรสิงห์พูดขึ้นในขณะที่ฟันร่างของพวกมัน
“ข้าว่า อย่างมันมิต้องลอบกัดข้างหลังเราหรอก” วาทินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็กระโดดถีบขาคู่ใส่สุนับในตัวหนึ่ง
“เทเรซ่า น้ำมนต์!!” อนาเลียตะโกนออกมา จากนั้นเธอก็ดูดพลังของพวกผีดิบออกมาจากร่าง เทเรซ่ารีบเอาขันน้ำมนต์ให้เธอในทันที
“พรึ่บ!!” วิญญาณมืดของพวกนั้นโดนน้ำมนต์จนมอดไหม้
“อย่าลืมดื่มด้วยหล่ะ เผื่อจะช่วยเจ้าได้!!” เทเรซ่าตะโกนออกมา จากนั้นก็ฟันเข้าที่ร่างของสุนัขในตัวหนึ่ง
“เข้ามาเลยไอ้พวกนี้!!” ฮิเดกิตะโกนออกมา จากนั้นก็ใช้ดาบสองมือฟันพวกมัน
“อิริยะ ช่วยออเรเลียที่อยู่ด้านบนหน่อย!!” หลี่เจาพูดขึ้นในขณะที่ฟาดทวนใส่พวกมัน จากนั้นอิริยะก็เอาห่วงเหล็กของเธอออกมา จากนั้นก็เหวี่ยงใส่พวกผีดิบที่อยู่บนเนินเขาในทันที จนพวกมันตัวขาดครึ่ง
“เฮ้อ เป็นยังไงบ้างหล่ะไอ้ชั่ว??” อิริยะตะโกนไป
“ไวโอเล็ต รีบใส่กระสุนหน่อย เร็ว!!” สมบาติตะโกนออกมา จากนั้นก็ยื่นปืนที่เพิ่งใส่กระสุนให้คนอื่น
“พวกมันมีเยอะเหลือเกิน กระสุนของเราจะไม่พออยู่แล้ว” ไวโอเล็ตพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วง ไปหาเอาข้างหน้าก็ได้!!” มายะตะโกนออกมา จากนั้นก็ฟันหัวมันไปตัวหนึ่ง
“เข้ามาเลยไอ้พวกระยำ!!” ฉางหลงตะโกนออกมา จากนั้นก็เตะที่ก้านคอมันจนกระเด็น
“ระวังด้วยพี่อินทร์ ไอ้พวกนี้มันมีเยอะเหลือเกิน!!” นาราตะโกนออกมา จากนั้นก็ฟันศอกมันจนมันล้ม
“คิดว่าโล่แกจะกันได้งั้นหรือ??” โชพูดขึ้นหลังจากที่ฟันโล่ของมันจนแตกกระจาย และถีบมันออกไป และในตอนนั้น ลุงคงก็ต่อยโล่มันจนแตก จากนั้นก็จับหัวมันมาบีบในทันที
“อ่ะก๊ะๆ ร่อแร่ๆ”
“ท่านเชอร์รี่ ระวังด้านหลัง!!” ซื่ออ้ายตะโกนออกมา จากนั้นเธอก็ขว้างเข็มพิษใส่มันตัวหนึ่งซึ่งกำลังฟันเชอร์รี่จากด้านหลัง เชอร์รี่เห็นดังนั้นจึงฟันมันอีกครั้งจนร่างขาดครึ่ง
“เฮ้อ เกือบไปแล้วหรือไม่หล่ะ” เชอร์รี่อุทานออกมา ในระหว่างที่ปะทะกัน เฟยหลิงก็มองมันอยู่ที่ด้านบนเนินเขาแห่งหนึ่ง และดูราวกับว่ามันเป็นการแสดง และในตอนนั้นเอง ผีดิบตัวหนึ่งก็เห็นเธอและยิงใส่เธอเพราะเห็นว่าเป็นเทพ ทำเอาเธอถึงกับต้องปามีดของเธอออกมาใส่หัวมัน
“ฉึก!!”
“เฮ้อ กะว่าจะไม่ยุ่งอยู่แล้วเชียว!!” เฟยหลิงพูดขึ้นมา แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังปะทะกับพวกปีศาจ จู่ๆปีศาจสิงห์ยักษ์ตัวนั้นก็วิ่งเข้ามาหาพวกเขา จากนั้นก็เหวี่ยงกระบองของมันเพื่อโจมตี และมันยังไปโดนปีศาจตัวอื่นจนกระเด็นไปด้วย และพวกของทองอินทร์คนอื่นๆก็โดนกระบองของมันจนกระเด็นออกมาด้วย
“โอ๊ย!!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอาคมและหนังเหนียว แต่ก็ยังจุกอยู่พอสมควร และในตอนนั้น ทองอินทร์ก็วิ่งเข้าไปบวกกับมันในทันที
“เคร้ง!!”
ทองอินทร์พยายามฟาดฟันมัน แต่มันก็เตะทองอินทร์ออกไปจนได้ คนอื่นพยายามจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่มันก็กระโดดลงพื้น แรงสั่นสะเทือนของมันทำเอาคนอื่นๆหยุดนิ่งไปเลย
“โห พลังมันมหาศาลจริงๆ!!” เอื้องเหนือตะโกนออกมา
“พวกท่านต้องทำอะไรหน่อยแล้ว มิเช่นนั้นพวกเราตายหมดแน่” เวียงพิงค์พูดขึ้น จากนั้นก็ยิงหน้าไม้เข้าที่หัวมัน แต่ก็แทบไม่เป็นอะไรเลย
“จุดอ่อนของมันคราวนี้อยู่ที่หัวแล้ว ไม่ใช่หน้าอกนะพวกท่าน!!” กุมารเทพพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นก็ง่ายหน่อย ยิงใส่หัวมันเลยสิ!!” เมรีพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงธนูใส่หัวมัน แต่หมวกเหล็กที่มันใส่ก็กันไว้ได้
“มันมีหมวกเหล็ก ต้องจัดการหมวกมันให้ได้” ธิดาตะโกนออกมา
“ข้าจะจัดการเอง พวกเจ้าระดมยิงด้วย!!” แสนคำสมิงพูดขึ้น จากนั้นเขาก็วิ่งเข้าไปพยายามจะปะทะกับมัน ในขณะที่คนอื่นๆก็ไปช่วยหลอกล่อการโจมตีของมันด้วย
“พลังมันมหาศาล เราต้องใช้ความเร็วเข้าสู้กับมัน” คาวีตะโกนออกมา จากนั้นก็พยายามล่อกระบองของมัน
“มิได้ผลหรอก ไอ้ตัวนี้มันไม่โง่ ต้องให้คนที่มีกำลังเข้าไปใกล้มัน” ฮิเดกิพูดขึ้น ในขณะที่มันใช้กระบองฟาดเขา แต่ฮิเดกิก็กกันไว้ได้
“รีบจัดการมันที่ขา เร็ว!!” วารีตะโกนออกมา จากนั้นก็ชักดาบจะวิ่งไปฟันที่ขา แต่มันก็เตะเขากระเด็นออกมา
“นี่ เจ้าคนเดียวทำไม่ไหวหรอก ท่านเทเรซ่า ลุยเลย!!” นรสิงห์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็วิ่งไปที่ขาคนละด้านของมัน มันพยายามยกกระบองขึ้นมา แต่ลุงคงก็จับแขนที่ถือกระบองของมันและรั้งเอาไว้
“แบบนั้นแหละลุง จัดการเลย!!” เทเรซ่าตะโกนออกมา จากนั้นเธอและคนอื่นๆก็รุมฟันที่ขาของมันในทันที จนขาข้างหนึ่งมันเริ่มทรุดแล้ว
“เฮ้ย มันทรุดแล้ว รีบจัดการเลย!!” แม็กซิมพูดขึ้น
“ยินดีจัดให้ ฟันมันอีก!!” รีปเปอร์ตะโกนขึ้นมาในขณะที่ฟันขาของมันอย่างรุนแรง
“เสร็จแน่ไอ้ยักษ์เอ้ย!!” โชพูดขึ้นจากนั้นก็ปักดาบเข้าที่เท้าของมัน จนตอนนี้ขาซ้ายของมันทรุดแล้ว แต่มันก็ใช้แรงยกกระบองและร่างของลุงคงขึ้นมา จากนั้นก็เหวี่ยงเอาลุงคงออกไป มันพยายามจะฟาดต่อ แต่หลี่เจาใช้ทวนของเขาขวางมันเอาไว้
“จัดการขาอีกข้างของมัน เร็ว!!” หลี่เจาตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็ช่วยกันฟันขาอีกข้างของมัน
“ตายซะไอ้ปีศาจ เหนียวนักใช้ไหมมึง??” อองโม่โยตะโกนออกมา
“เล่นมันที่เอ็นร้อยหวาย รับรองมันล้มแน่” มายะพูดขึ้นจากนั้นก็แทงเข้าไปด้วย
“มันจะล้มแล้ว พวกเรา เอาเลย!!” เชอร์รี่ตะโกนออกมา จากนั้นเธอก็เอาระเบิดชนวนไปวางไว้ที่เท้าของมันในทันที และให้คนอื่นถอยออกมา
“ตู้ม!!”
เมื่อระเบิดออก ขาของมันตอนนี้ก็แทบไม่เหลือแล้ว อนาเลียในตอนนั้นก็ร่ายมนต์ใส่แผลของมันเพื่อไม่ให้แผลของมันฟื้นตัวได้
“มันล้มแล้ว แต่เราต้องทำลายหมวกเหล็กของมันด้วย!!” อนาเลียตะโกนออกมา ในตอนนั้นฉางหลงก็วิ่งไปบนไหล่ของมัน และพยายามตัดเชือกของหมวกเหล็ก แต่เขาก็โดนจับเหวี่ยงกระเด็นลงมา
“ตุ๊บ!!”
“บ้าเอ้ย ยังไม่หมดฤทธิ์อีก!!” ฉางหลงพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ออเรเลียก็ขว้างหอกใส่ไปยังส่วนที่เชือกใกล้จะขาด จนสุดท้ายเชือกของหมวกก็ขาดออกจากกัน
“แล้วใครจะเป็นคนไปดึงหมวกมันเล่า??” ออเรเลียตะโกนถามไป
“เราต้องให้คนที่มีกำลังพอๆกับมันไปเอาหมวกมันออกสิ” สมบาติพูดขึ้น และในตอนนั้น ลุงคงก็วิ่งไปกอดมันไว้ที่ด้านหลัง มันพยายามจะขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผลมากเนื่องจากขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้แล้ว
“พวกเรา ตอนนี้และ ไปเอาหมวกมันออกเลย!!” ไวโอเล็ตตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็วิ่งไปที่ร่างของมัน แล้วช่วยกันยกหมวกของมันออกมาอย่างทุลักทุเล แต่มันก็ขัดขืนได้จนกระเด็นออกไป วาทินเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งกระโดดเหยียบหลังของลุงคง จากนั้นก็เตะไปที่หมวกของมันจนหมวกหลุดออก แต่วาทินก็โดนมันเหวี่ยงด้วยกระบองจนกระเด็นออกมา
“ตุ๊บ!!”
“หมวกมันหลุดออกมาแล้ว จัดการเลย!!” วาทินตะโกนบอกคนอื่นๆ และคนอื่นๆก็ไม่รอช้า ระดมยิงทั้งปืนและธนูใส่หัวของมันในทันที
“เอาลูกปืนไปกินซะ!!” อเล็กซตะโกนออกมาแล้วยิงใส่มัน
“นี่ ท่านกุมาร จุดอ่อนมันอยู่ที่ส่วนไหนของหัวหล่ะ??” ทูตเบลล์ตะโกนถามไป
“กลางหน้าผากเลย!!” กุมารเทพตะโกนออกมา
“ที่กลางหน้าฝากนะ ได้เลย!!” ชิงเสียนตะโกนออกมาแล้วยิงใส่มันอย่างไม่ยั้ง
“ยิงไปที่กลางหน้าผาก อย่าให้พลาดเป้าหล่ะ” มาร์คัสพูดขึ้นจากนั้นก็ยิงต่อ และในตอนนั้น มาเรียน่าก็เอาปืนใหญ่มือของเธอยิงใส่มันด้วย
“ตู้ม!!”
“เป็นไง หน้าหงายไปเลย!!” มาเรียน่าตะโกนออกมา ในขณะที่ตอนนี้มันก็ใกล้จะล้มเต็มที่แล้ว
“ดูสิ มันกำลังจะล้มแล้ว” ซื่ออ้ายตะโกนออกมา
“เราต้องทำลายกลางหน้าผากของมันด่วนเลย!!” อิริยะพูดขึ้น
“พี่ทองอินทร์ จัดการได้หรือไม่??” นาราตะโกนออกไป และในตอนนั้นทองอินทร์ก็ไม่รอช้า วิ่งเข้าไปและกระโดดปักดาบเข้าที่กลางหน้าผากของมัน แต่ว่ามันก็ดิ้นได้ มันเหวี่ยงตัวของทองอินทร์ไปมา แต่ทองอินทร์ก็พยายามร่ายคาถาใส่มัน จนตอนนี้มันเริ่มจะอ่อนแอ มันเลยเหวี่ยงกระบองไปมา และกระบองก็หลุดมือของมันจะกระเด็นใส่คนอื่น ซื่ออ้ายที่กำลังจะโดนกระบองเหวี่ยงใส่ แต่โชก็มาผลักเธอออกไป ทำเอาเขาถึงกับกระเด็นออกไปในทันที ซื่ออ้ายเมื่อลุกขึ้นได้ก็รีบวิ่งไปดูเขาในทันที ส่วนตัวปีศาจสิงห์ยักษ์นั่น เมื่อถูกทองอินทร์จัดการ ร่างของมันก็ค่อยๆมอดไหม้ไปในทันที จนแทบไม่เหลืออะไรทิ้งไว้ต่างหน้าเลย
“จบซะทีสินะ ไอ้ปีศาจ!!” ฮิเดกิพูดขึ้น
“ใครก็ได้ช่วยเขาด้วย โช ทำใจดีๆไว้นะ” ซื่ออ้ายประคองร่างของเขาไว้
“เฮ้อ ข้า…เป็น..ใคร??” โชถึงกับเพ้อไม่ได้สติไปซักพัก
“รีบไปเขาไปรักษาก่อนเถิด มีผู้ใดบาดเจ็บหรือไม่??” เอื้องเหนือถามไป
“ตอนนี้ไม่มีดอก เราจัดการมันได้แล้ว เราจะเอาเยี่ยงไรต่อ??” แสนคำสมิงถามไป และในตอนนั้นเอง เทพเฟยหลิงก็วาร์ปมาอยู่ใกล้ๆกับโชอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาคนอื่นๆถึงกับตกใจ
“เฮ้อ น่าสงสาร อ่ะ!!” เฟยหลิงร่ายมนต์อะไรบางอย่างใส่หัวของโช จากนั้นตัวเธอก็วาร์ปหายไป และในตอนนั้นก็ดูเหมือนว่าโชจะเริ่มสงบลงแล้ว
“ดูสิ อาการของเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว” มายะพูดขึ้น
“ข้าว่า รีบพาเขาไปพักก่อนเถิด แล้วตอนนี้เราจะเอาเยี่ยงไรต่อเล่า??” ธิดาถามไป
“ที่โรงตีเหล็กยังไงเล่า ได้ยินว่ายังใช้การได้อยู่” วาทินพูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าเอาแร่เหล็กกับเชื้อเพลิงมา ข้าจะซ่อมอาวุธและช่วยเสริมกำลังให้” มาเรียน่าพูดขึ้น
“เอาหล่ะ พวกเจ้าส่งอาวุธให้นางเถิด นางจะใช้ซ่อมมัน” นรสิงห์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆส่งอาวุธให้กับมาเรียน่าในทันที
“นี่ ปืนของข้าระบบมันซับซ้อนหน่อยนะ” อเล็กซพูดขึ้น
“มิต้องห่วงหรอก ข้ารู้ว่านางทำได้” มาร์คัสพูดไปจากนั้นก็ให้ปืนกับมาเรียน่า
“แต่ว่า ต้องหาคนร่ายคาถาเพื่อใช้แร่เหล็กหน่ะสิ” วารีพูดขึ้น
“ข้าเอง ข้าเคยทำพิธีกรรมพราหมณ์ ข้าจัดการเอง” สมบาติพูดขึ้น
“เฮ้อ ปีศาจตัวนี้เล่นเอาข้าเหนื่อยแทบแย่” คาวีพูดขึ้น
“แล้วพวกเราจะเดินทางกันต่อหรือไม่หล่ะ??” เมรีถามอย่างสงสัย
“เอาอย่างงี้ ถ้าโชฟื้น แล้วเราค่อยเดินทางกันต่อแล้วกัน” นาราพูดขึ้น
“หรือไม่ก็รอให้มาเรียน่าทำอาวุธก่อน แล้วค่อยเดินทางแล้วกัน” เทเรซ่าพูดขึ้น
“พวกเราคงต้องรีบเดินทาง ก่อนที่พวกมันจะเสริมกำลัง มิเช่นนั้นทุกอย่างก็จบสิ้น” ฉางหลงพูดขึ้น
“อืม เฟยหลิงใช้มนต์ช่วยโช อีกไม่นานเขาคงฟื้น” หลี่เจาพูดขึ้น
“หวังว่านางจะไม่เล่นตลกอะไรกับพวกเรานะ” อิริยะพูดไป และในตอนนั้นเอง เวียงพิงค์ก็เดินออกมาจากกระท่อมที่พวกเขาเอาโชไปรักษา
“โชเริ่มฟื้นแล้วหล่ะ ยังดีที่เขาไม่เป็นอะไรมาก” เวียงพิงค์พูดขึ้น
“เอาหล่ะ ทีนี้ก็เหลือแค่มาเรียน่าทำอาวุธของเราเสร็จหน่ะสิ” ชิงเสียนพูดขึ้น
“แล้วจะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนเนี่ย นี่ก็ใกล้จะเที่ยงวันแล้ว” แม็กซิมถามไป
“ใจเย็นสิ อย่าเพิ่งรีบร้อน อย่างน้อยมันก็ช่วยเราได้” รีปเปอร์พูดขึ้น
“ไม่รู้ว่าจะมีอะไรรอพวกเราอยู่ที่นั่น เมื่อเราไปถึง” อนาเลียพูดออกมา
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าจะได้โล่ของข้าแล้ว” อองโม่โยพูดขึ้น
“ข้าก็อยากได้ทวนใหม่เช่นกัน” ออเรเลียพูดเสริม
“แต่ว่า ที่นี่ยังมีดินปืนเหลือหรือไม่หล่ะ พวกปีศาจมันมีปืน น่าจะมีดินปืนด้วยสิ” ไวโอเล็ตถามไป และในตอนนั้นเอง ลุงคงแกก็แบกเข่งอะไรบางอย่างมา จากนั้นก็เอามาวางไว้แถวๆนั้น พวกเขารีบไปดูในเข่ง พบว่ามีดินปืนมากมายอัดแน่นไว้ ซึ่งมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
“โห ไปหามาจากไหนเนี่ยลุง??” เชอร์รี่ถามอย่างสงสัย แต่ลุงแกก็พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องเท่าไหร่
“เอาเถิดๆ เอาเป็นว่า พวกเรารีบไปจัดการที่เหลือเถิด พาโชไปนอนแถวนี้ก่อน รอให้มาเรียน่าทำอาวุธเสร็จ” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของแต่ละคน ส่วนหนึ่งไปดูแลโช ส่วนหนึ่งไปดูมาเรียน่าซ่อมแซมอาวุธ โดยที่สมบาติใช้มนต์ที่เขาได้มาจากชายที่พวกเขาช่วยในเหมือง แต่เพียงแค่สมบาติท่องมนต์จบ เหล็กพวกนั้นก็ค่อยๆหลอมเองโดยอัตโนมัติ โดยที่คนอื่นๆก็เอาอาวุธไปเสริมพลังกับแร่เหล็กวิเศษนั้น จนตอนนี้อาวุธของพวกเขาแกร่งกล้าขึ้นมาแล้ว
==============================================================
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ
https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย
ความคิดเห็น