คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บุกโปแลนด์
ค่ำวันที่ 31 สิงหาคม
1939 พวกเด็กๆเตรียมของเพื่อที่จะหลบหนีไปยังเนเธอร์แลนด์
เพราะต้องหนีจากสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ในตอนนั้นเอง
แคทเทอรีนเธอนอนไม่กลับ อเล็กซ์เป็นห่วงเลยเขามาคุยกับเธอด้วย
อเล็กซ์ : คุณน้าคะ
มาทำอะไรตรงนี้เหรอคะ
แคทเทอรีน : อ้อ
ไม่มีไรจ้ะ น้านอนไม่หลับเฉยๆจ้ะ
อเล็กซ์ : น้ามีอะไรไม่สบายใจบอกหนูได้นะคะ
แคทเทอรีน : ขอบใจมากจ้ะ
น้าแค่กังวลเรื่องที่จะเกิดขึ้นนิดหน่อยหน่ะ
อเล็กซ์ : น้าไม่ต้องกลัวนะคะ
หนูจะช่วยน้าเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แคทเทอรีน : ขอบใจมากจ้ะ
น้าว่าหนูไปนอนดีกว่านะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า
ณ ชายแดนไทย กัมพูชา หลังจากที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยาม เป็น ไทย
ได้ไม่กี่เดือน
กรณีพิพาทอินโดจีนก็เริ่มลุกลามมากขึ้นเกือบจะกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศไปแล้ว
รัตซึ่งอยู่ชายแดน เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งกำลังจะส่งกลับไปยังบ้านของเขา
แต่ระหว่างนั้นเอง ก็มีการยิงปะทะกันอีกแล้ว
คราวนี้เป็นการปะทะกับกลุ่มโจรชายแดนที่ถูกส่งมาสร้างความปั่นป่วนให้ชายแดน
รัต : ท่านครับ
เราจะทำยังไงต่อดีครับ
“รีบแจ้งไปยังหน่วย ให้ส่งกำลังเสริมมาด่วนเลย”
ในระหว่างนั้นเอง ผู้การก็ถูกยิงเข้าที่หน้าอก
รัตพยายามจะพาผู้การหนีออกไป แต่ก็ไม่ทันการ พวกมันบุกขึ้นมาประชิดค่าย
รัตต้องออกไปยันพวกมันไว้
“รัต ฉันว่าเราฝ่าพวกมันออกไปจากที่นี่ดีกว่า”
“ใช่ ไม่มีใครอยากตายที่นี่นะรัต”
รัต : มันเป็นหน้าที่ของเรา
เราต้องรักษาที่มั่นไว้ //
แต่ไม่ทันไร รัตก็โดนระเบิดเข้าจังๆ
ถึงแม้รัตจะไม่ตาย แต่รัตก็หมดสติทันที เพื่อนๆของเขาช่วยพารัตเข้าไปหลบด้านใน
ในมือรัตถือสร้อยของโอ๊คไว้ไม่ยอมปล่อย
ทางด้านของออก้า
ซึ่งหลังจากที่เขากลับบ้านได้ไม่กี่วัน เขาก็ต้องไปเข้าร่วมกับกองทัพแดง
เนื่องจากสตาลินมีคำสั่งให้เตรียมระดมพลเพื่ออะไรบางอย่าง
เขาไม่อยากไปรบเท่าไหร่เพราะเป็นห่วงแม่ของเขา แต่เขาก็มาแล้ว
ออก้า : เออนี่
นายรู้มั้ยทำไมท่านผู้นำถึงสั่งระดมพลเยอะขนาดนี้เนี่ย
“ไม่รู้สิ คงจะรุกรานประเทศแถวนี้หล่ะมั้ง”
ออก้า : จะรบที่ไหนอีกหล่ะ
นายก็รู้ตอนนี้กองทัพแดงอ่อนแอแค่ไหน
“นี่ อย่าเสียงดังไปเพื่อน เดี๋ยวโดนแขวนคอหรอก”
“จริงหว่ะ ความจริงฉันไม่อยากมาเลยหว่ะ”
ออก้า : เอาเถอะ
ขอให้มันจบเร็วๆก็แล้วกัน
ออก้าไม่รู้ว่าจุดหมายของเขาจะต้องไปลงเอยที่ประเทศไหน
แต่ในใจลึกๆเขาอยากไปโปแลนด์ เพื่อตามหาโซเซีย คนที่เขาอยากเห็นหน้ามากที่สุด
“เออนี่ออก้า นายอยากจะไปบุกประเทศไหนมากที่สุด”
ออก้า : โปแลนด์
อย่างน้อยจะได้เจอหน้าเพื่อนที่ฉันอยากเจอด้วย
“เฮ้ย นายมีเพื่อนในโปแลนด์ด้วยเหรอ ไม่เบานี่หว่า”
ทางด้านเทเรซ่า หลังจากที่เธอกลับมาจากแนวหลัง
เธอเหนื่อยและท้อใจจากการที่เห็นเพื่อนทหารของเธอคนแล้วคนเล่าเป็นศพกลับมา เธอต้องช่วยเหลือพวกเขาอย่างไม่มีหยุดหย่อน
ทหารหลายคนเบื่อสงครามครั้งนี้ ถึงกับพยายามจะหนีทัพ
หรือแม้กระทั่งเดินไปให้ข้าศึกจับตัวก็ยังมี
“นี่นาย ช่วยยิงเท้าฉันที
มันจะได้ส่งตัวฉันกลับบ้านซะที”
“งั้นนายก็ยิงเท้าฉันด้วย ฉันก็เบื่อเหมือนกัน”
เทเรซ่า : พวกนาย
จะยิงเท้าตัวเองไปทำไมเนี่ย
“คุณหมอครับ พวกเราเบื่อสงครามครั้งนี้มากครับ”
“นั่นสิ ไม่รู้จะสู้ไปเพื่ออะไร”
เทเรซ่า : ฉันเข้าใจนะ
ฉันเองก็เบื่อเหมือนกัน ฉันเองก็อยากวิ่งหนีไป แต่ทำไงได้ พวกเธอดูสิ
นี่เพื่อนๆของเราที่นั่งกันอยู่เนี่ย จะทิ้งพวกเขางั้นเหรอ พวกนายยอมที่จะมองพวกเขาตายงั้นเหรอ
เทเรซ่าพูดต่อว่า “ฉันเชื่อนะ ยังไงก็ต้องมีคนมาหยุดสงครามบ้าๆครั้งนี้ให้ได้”
ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้ข่าวว่า
ทางเยอรมันจะส่งกำลังมาช่วย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเบาใจลง
แถมยังหนักใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ
สำนักงานหน่วยข่าวกรองของโปแลนด์ หญิงสาวคนหนึ่ง
กำลังวิเคราะห์เอกสารข้อมูลที่เธอมีอยู่บนโต๊ะ แต่แล้วเธอก็ได้รับรายงานจากชายแดน
ว่าได้ยินเสียงปืนแถวนั้น
เมื่อมีคนไปสำรวจก็พบว่ามีศพชายหลายคนแต่งกายคล้ายทหารโปแลนด์นอนตายอยู่แถวชายแดนเขตของเยอรมัน
เธอวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างออกมา จากนั้นก็โทรไปยังรัฐบาล
“เรียกหน่วยๆ ฉันเจเลมี่ ฟร็อตเตอร์
ฉันมีรายงานจากทางชายแดนและข้อมูลของฉันจะรายงาน”
“ทิ้งข้อความไว้ได้เลยเจมี่”
“ฉันว่า อีกไม่นาน
ความขัดแย้งของเรากับเยอรมันคงต้องลุกลามเป็นสงครามใหญ่แน่ๆ”
“เธอคิดว่าความเป็นไปได้มากแค่ไหน”
“นับถอยหลังได้เลย”
“งั้นพรุ่งนี้เธอมาที่สำนักงานของเราได้เลย”
“ไม่ทันหรอก ต้องคืนนี้เลย
เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกคนด้วย”
เช้าวันที่ 1 กันยายน
1939
โยชิตะตื่นขึ้นมา
ก็พบว่าอลิสกับรินมารอพบเขาตั้งแต่เช้าแล้ว
โยชิตะรีบแต่งตัวแล้วไปหาพี่สาวของเขาทันที
โยชิตะ : อ้าวพี่อลิส
รินด้วย สบายดีนะครับ
อลิส : สบายดีจ้ะ
เอ้านี่ ของที่พี่ซื้อมาตามที่เราขอหน่ะ
ริน : เดี๋ยวนี้กินเยอะนะเนี่ยเราเนี่ย
โยชิตะ : แหม่
พี่เองก็รวยขึ้นนะเนี่ย
อลิส : งานของพี่เงินมันดีหน่ะ
ว่าแต่ที่พี่มาเนี่ย พี่มีอะไรจะคุยกับเราหน่อย
ริน : ใช่
เริ่มเลยนะ พี่ฮัมบูร์กบอกว่าเรากำลังจะทำสงครามหน่ะ
โยชิตะ : กับโปแลนด์ใช่หรือเปล่าพี่
ไม่ต้องห่วงหรอก โปแลนด์หน่ะเอาชนะได้ง่ายจะตาย
อลิส : แล้วอีกอย่าง
พี่ต้องไปทำงานที่อังกฤษ ส่วนรินก็ต้องไปฝรั่งเศสหน่ะ
โยชิตะ : จริงเหรอพี่
งั้นผมขอคุยกับรินแป๊ปนะพี่ // โยชิตะคว้าแขนรินแล้วพาไปที่สวนแถวนั้น
โยชิตะ : ริน
ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนเลยหล่ะ
ริน : ทำไมหล่ะ
โยชิตะ : ผมยังไม่ทันได้เตรียมใจเท่าไหร่เลย
ริน : ไม่ต้องห่วงหรอก
ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก เดี๋ยวฉันจะเขียนจดหมายมาหาเธอเองนะ
โยชิตะ : เธออยู่ที่นั่นต้องระวังตัวเองให้ดีด้วยนะ
ริน : แน่นอนจ้ะ
เธอก็เหมือนกันนะ รอฉันกลับมานะ
หลังจากที่คุยกัน เธอก็กลับไปหาอลิส
จากนั้นพวกเขาก็ล่ำลากันไป จากนั้นโยชิตะก็เอาของกินกลับเขาไปยังห้องของเขา
เพื่อนๆของเขามาเห็นเลยเข้ามาคุยกับเขา
“เออนี่นาย พุดดิ้งนั่นเยอะจังเลย ขอกินมั่งดิ”
โยชิตะ : มาสิ
เรียกคนอื่นมาด้วยก็ได้นะ
// โยชิตะแบ่งพุดดิ้งให้เพื่อนๆยุวชนนาซีของเขา
ทางด้านของวิคเตอร์ เขาชวนเทราน์เนอร์มาทำงานที่หน่วย
ss ซึ่งเขารับหน้าที่ควบคุมค่ายกักกันนักโทษนอกชานเมืองเบอร์ลิน
พวกเขาต้องไล่ต้อนคนยิวเข้าค่ายกักกันมากมาย แรกๆเทราน์เนอร์ยังทำใจไม่ได้ วิคเตอร์ต้องค่อยช่วยเหลือเขาในหลายๆเรื่อง
วิคเตอร์ : เป็นไงบ้าง
บุหรี่หน่อยมั้ย // เทราน์เนอร์คว้าบุหรี่มาสูบ
เทราน์เนอร์ : ไม่รู้สิ
ฉันว่าฉัน……
วิคเตอร์ : เอาน่า
แรกๆก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวต่อไปก็ชินเองแหละ
ในขณะเดียวกัน ก็มีรถคันหนึ่งขับมายังค่ายของเขา
วิคเตอร์ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้คุมก็ต้องไปต้อนรับทันที
ซึ่งคนที่อยู่ในรถก็คือนูโวร่านั่นเอง ซึ่งเธอมีจุดประสงค์ใดกันแน่
วิคเตอร์ : สวัสดีครับคุณนูโวร่า
คุณมีธุระอะไรครับ
นูโวร่า : ฉันมีเรื่องจะให้พวกนายช่วยหน่อยหน่ะ
เทราน์เนอร์ : ช่วย
ช่วยเรื่องอะไรเหรอครับ
นูโวร่า : ก็
ฉันมีนักโทษมาให้นายสองสามคน ฉันอยากให้พวกนายขังมันไว้
อย่าให้มันออกไปสู่โลกภายนอกอีก
วิคเตอร์ : ผมก็นึกว่าที่อิตาลีจะมีคุกดีๆซะอีก
นูโวร่า : หมอนี่เป็นนักโทษการเมือง
ปล่อยให้อยู่ในอิตาลีไม่ได้หรอก
เทราน์เนอร์ : แล้วทำไมถึงไม่ฆ่าเขาซะเลยหล่ะ
นูโวร่า : แบบนั้นจะเป็นการสุ่มเสี่ยง
หากประชาชนในประเทศจะลุกฮือได้หน่ะ
วิคเตอร์ : นึกว่ามุสโสลินีจะจัดการได้ซะอีก
เอาเถอะครับ เรื่องนี้เราจะจัดการให้ // วิคเตอร์รับมอบนักโทษมาจากนูโวร่าเพื่อพาเข้าค่ายกักกัน
ณ ชายแดนเยอรมัน โปแลนด์
ฮัมบูร์กได้รับคำสั่งจากจอมพลเฟดอร์และรุนด์ชเทดท์ เธอต้องสั่งการร่วมกับพรรคพวกคนอื่นๆ
เพื่อเตรียมการรุกรานโปแลนด์
ฮัมบูร์ก : เมอร์ลิน
ถ้าฉันให้สัญญาณเมื่อไหร่ปล่อยฝูงบินออกมาได้เลยนะ
เมอร์ลิน : รับทราบ
// เมอร์ลินกับหน่วยของเขาเตรียมเครื่องบินขับไล่และทิ้งระเบิดเพื่อโจมตี
ฮัมบูร์ก : ลูก้า
กองพลรถถังคุณพร้อมนะ
ลูก้า : พร้อม
มิลเลอร์ กองพลของนายเตรียมพร้อมนะ
มิลเลอร์ : พร้อมครับ
// มิลเลอร์เตรียมกองพล Panzergrenadier ไว้จู่โจมแบบสายฟ้าแลบแล้ว
ฮัมบูร์ก : เอาหล่ะ
ลุยตามแผนเลย
หลังจากที่มีคำสั่ง
ปืนใหญ่ทุกกระบอกยิงกดแนวรับของโปแลนด์ทุกตารางนิ้ว ทหารโปแลนด์ตกใจกันมาก
แต่ก็เตรียมคนป้องกันชายแดนไว้พร้อมแล้ว ถึงแม้ทหารจะยังตกใจอยู่ก็ตาม
ทางด้านของพวกนาวิน หลังจากที่เพิ่งตื่นนอน
พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังไปแต่ไกล ทำเอาพวกเขาตกใจกันมาก
นาวิน : พวกนายได้ยินเสียงนั่นหรือเปล่าอ่ะ
แซค : ได้ยินสิ
มันเริ่มต้นแล้วสินะ
อเล็กซ์ : ฉันว่า
เรารีบไปเก็บของกันดีกว่า //
พวกเด็กๆช่วยคุณแคทเทอรีนเก็บของเท่าที่จำเป็นเพื่อไปยังท่าเรือ
พวกเขารีบกันมากเพราะกลัวว่าท่าเรือจะถูกปิดล้อม
โซเซีย : เราต้องรีบหน่อยหล่ะครับ
ไม่งั้นเราอาจจะไม่มีโอกาสออกไปเลยนะ
ธิน : ฉันเคยได้ยินว่า
โซเวียตจะโจมตีอีกฝากหนึ่ง ไม่รู้มันจะมาจริงหรือเปล่า
โอ๊ค : ช่างมันก่อนเถอะ
เราต้องรีบหนีไปจากที่นี่นะ // แต่ทันใดนั้นเสียงปืนใหญ่ก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ
เอม : หนูว่า
พวกมันยิงเข้ามาในเมืองแล้วหล่ะค่ะ
ออย : งั้นเราคงต้องรีบหนีกันแล้วหล่ะ
ก่อนที่ถนนจะเต็มไปด้วยผู้คนนะ
ทางด้านตะวันออก
โซเวียตก็โจมตีโปแลนด์อย่างรวดเร็ว ออก้าก็เป็นหนึ่งในผู้โจมตีด้วย
เขาพยายามรีบเขาไปหาโซเซียก่อนที่โซเซียจะตกอยู่ในอันตราย
ทางด้านฮัมบูร์ก หลังจากที่สั่งยิงปืนใหญ่
เธอก็สั่งให้หน่วยอากาศยานของเมอร์ลินเข้าจู่โจมทันที เครื่องบินของกองทัพลุฟวาฟบุกอย่างสายฟ้าแลบ
ถล่มแนวหน้าของข้าศึก
จากนั้นลูก้าและมิลเลอร์ก็นำกองพลของตัวเองบุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว
โปแลนด์นำกองบินของตัวเองมาต่อสู้กับเมอร์ลิน
เมอร์ลินจึงใช้ความสามารถในการขับเครื่องบินของตนเข้าต่อสู้กลางอากาศกับมันทันที
เมอร์ลินใช้ความได้เปรียบของเครื่องบินของเขายิงเครื่องบินขอบพวกมันร่วงไปหลายลำ
เมอร์ลิน : พวกมันมาอีกแล้ว
หน่วยแดง คุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดด้วย
บนพื้นดิน
กอลพลของลูก้าและมิลเลอร์ใช้ความได้เปรียบของรถถังฝ่ายตนบุกเข้าไปในแดนข้าศึกอย่างรวดเร็ว
ลูก้า : ระวังนะ
พวกมันเอารถถังมาสู้แล้ว
ฮัมบูร์ก : ไม่ต้องห่วง
รถถังของเราดีกว่าของมัน พยายามกระหนาบข้างพวกมันไว้
รถถังของลูก้าบุกไปด้านข้าง
บีบพวกมันและดันพวกมันเข้าไปแนวหลัง มิลเลอร์ก็ทำหน้าที่ได้ดี
หน่วยของเขาทำการเจาะแนวของข้าศึกจนพวกมันต้องถอย
มิลเลอร์ : ตอนนี้พวกมันถอยกลับไปแล้ว
เอายังไงต่อ
ฮัมบูร์ก : ให้รถหุ้มเกราะไปด้านหน้า
เผื่อว่าพวกมันจะกลับมา
ทางด้านของเมอร์ลิน หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กับเครื่องบินขับไล่เหล่านั้น
เขาก็ต้องกลับมาเนื่องจากศัตรูส่งขบวนใหม่มา
เมอร์ลิน : ลูก้า
ฉันต้องถอยก่อน กระสุนฉันหมดหน่ะ
ลูก้า : เข้าใจแล้ว
ถอยออกมาก่อน มิลเลอร์ ทะลวงแนวหลังให้ได้มากที่สุด
มิลเลอร์ : รับทราบ
หน่วยของเขาโจมตีแบบสายฟ้าแลบ
ด้วยอาวุธที่ทันสมัยกว่า ทำให้ศัตรูถอยไปอย่างง่ายดาย
ทางด้านของนาวิน
หลังจากที่พวกเขาเก็บข้าวของเสร็จ พวกเขาก็รีบออกจากบ้านทันที
แต่ตามถนนก็มีผู้คนออกมามากมาย ทำเอารถของพวกเขาไม่ขยับไปไหนเลย
นาวิน : ทุกคน
ชาวบ้านหนีตายออกมากันเพียบเลย
โอ๊ค : แบบนี้เราไปถึงท่าเรือไม่ทันแน่
เอายังไงดีครับ
แคทเทอรีน : ฉันมีทางไปอีกทางนึง
ทุกคนระวังตัวนะ
แคทเทอรีนขับรถออกไปอีกทางหนึ่ง ในขณะที่เสียงปืนใหญ่ก็ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
อเล็กซ์ : หนูว่าพวกมันคงเจาะแนวรับของโปแลนด์แล้วนะคะ
แซค : ก็คงงั้นอ่ะ
แต่ทำไมมันเจาะแนวรับได้เร็วขนาดนี้เนี่ย
เอม : ก็ไหนว่าโปแลนด์สู้เยอรมันไม่ได้ยังไงหล่ะพี่
แซค : แต่มันเร็วเกินไป
เหมือนกับว่าพวกมันรู้ว่าเหตุการณ์ล่วงหน้ามันจะเป็นยังไง
ธิน : ช่างเรื่องนั้นมันก่อนดีกว่า
ตอนนี้เรารีบหนีไปจากที่นี่ดีกว่า
ในตอนนั้นเอง ลูกปืนใหญ่ก็มาตกอยู่ข้างหน้ารถพวกเขา
ทำเอารถของพวกเขาขยับไปไหนไม่ได้เลย
ออย : แย่แล้ว
แบบนี้เราไม่ไม่ถึงท่าเรือแน่ๆ
แคทเทอรีนพยายามสตาร์ทรถต่อ
แต่รถคันนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลย
โซเซีย : บ้าเอ้ย
ติดสิวะไอ้รถปุโรทั่ง เศษเหล็กเอ้ย
อเล็กซ์ : คุณน้าคะ
ท่าเรืออยู่อีกไกลหรือเปล่าคะ
แคทเทอรีน : ไม่ไกลหรอกจ้ะ
แต่เราต้องขนของพวกนี้ไปด้วยหน่ะ
แคทเทอรีนสตาร์ทรถอีกครั้งจนติด
จากนั้นรถของพวกเขาก็มาถึงท่าเรือพอดี แต่ในตอนนั้นเองเขาก็พบว่าที่ท่าเรือมีคนมารอมากมาย
พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเข้าไปยังท่าเรือยังไง
อเล็กซ์ : แบบนี้เราจะไปขึ้นเรือทันเหรอคะ
แคทเทอรีน : เรือของเราอยู่ที่นี่จ้ะ
// แคทเทอรีนพาเด็กๆไปยังเรือยอร์ชลำใหญ่ลำหนึ่ง
ซึ่งจอดรออยู่โดยไม่ได้รับความเสียหายอะไร
แคทเทอรีน : ดีจังที่ยังไม่เสียหาย
เด็กๆ เอาของขึ้นเรือเลย
พวกเขาเร่งเอาของขึ้นเรืออย่างเร็ว
จากนั้นแคทเทอรีนก็ขับเรือโดยมีอเล็กซ์เป็นลูกมือด้วย
อเล็กซ์ : น้าคะ
น้าขับเรือนี่เป็นเหรอคะ เพิ่งจะรู้นะเนี่ย
แคทเทอรีน : เรือนี้เพื่อนน้าให้สำหรับหนี้ติดค้างน้าเอาไว้หน่ะ
จากนั้นเอง เรือยอร์ชก็ค่อยๆล่องออกมาท่าเรือ
ออกไปเรื่อยๆถึงมหาสมุทรข้างหน้า
โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าโชคชะตาข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
======================================================================
พวกเขาจะไปถึงเนเธอร์แลนด์โดยสวัสดิภาพหรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ แล้วก็กดติดตามกันด้วยนะคร้าบ
ความคิดเห็น