ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Time To Kill Nazi - ข้ามเวลาฆ่านาซี

    ลำดับตอนที่ #9 : บุกโปแลนด์

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 61


    ค่ำวันที่ 31 สิงหาคม 1939 พวกเด็กๆเตรียมของเพื่อที่จะหลบหนีไปยังเนเธอร์แลนด์ เพราะต้องหนีจากสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ในตอนนั้นเอง แคทเทอรีนเธอนอนไม่กลับ อเล็กซ์เป็นห่วงเลยเขามาคุยกับเธอด้วย

    อเล็กซ์ : คุณน้าคะ มาทำอะไรตรงนี้เหรอคะ

    แคทเทอรีน : อ้อ ไม่มีไรจ้ะ น้านอนไม่หลับเฉยๆจ้ะ

    อเล็กซ์ : น้ามีอะไรไม่สบายใจบอกหนูได้นะคะ

    แคทเทอรีน : ขอบใจมากจ้ะ น้าแค่กังวลเรื่องที่จะเกิดขึ้นนิดหน่อยหน่ะ

    อเล็กซ์ : น้าไม่ต้องกลัวนะคะ หนูจะช่วยน้าเองไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    แคทเทอรีน : ขอบใจมากจ้ะ น้าว่าหนูไปนอนดีกว่านะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า

    ณ ชายแดนไทย กัมพูชา หลังจากที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเปลี่ยนชื่อประเทศจากสยาม เป็น ไทย ได้ไม่กี่เดือน กรณีพิพาทอินโดจีนก็เริ่มลุกลามมากขึ้นเกือบจะกลายเป็นสงครามระหว่างประเทศไปแล้ว รัตซึ่งอยู่ชายแดน เขาได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งกำลังจะส่งกลับไปยังบ้านของเขา แต่ระหว่างนั้นเอง ก็มีการยิงปะทะกันอีกแล้ว คราวนี้เป็นการปะทะกับกลุ่มโจรชายแดนที่ถูกส่งมาสร้างความปั่นป่วนให้ชายแดน

    รัต : ท่านครับ เราจะทำยังไงต่อดีครับ

    รีบแจ้งไปยังหน่วย ให้ส่งกำลังเสริมมาด่วนเลย

    ในระหว่างนั้นเอง ผู้การก็ถูกยิงเข้าที่หน้าอก รัตพยายามจะพาผู้การหนีออกไป แต่ก็ไม่ทันการ พวกมันบุกขึ้นมาประชิดค่าย รัตต้องออกไปยันพวกมันไว้

    รัต ฉันว่าเราฝ่าพวกมันออกไปจากที่นี่ดีกว่า

    ใช่ ไม่มีใครอยากตายที่นี่นะรัต

    รัต : มันเป็นหน้าที่ของเรา เราต้องรักษาที่มั่นไว้ // แต่ไม่ทันไร รัตก็โดนระเบิดเข้าจังๆ ถึงแม้รัตจะไม่ตาย แต่รัตก็หมดสติทันที เพื่อนๆของเขาช่วยพารัตเข้าไปหลบด้านใน ในมือรัตถือสร้อยของโอ๊คไว้ไม่ยอมปล่อย

    ทางด้านของออก้า ซึ่งหลังจากที่เขากลับบ้านได้ไม่กี่วัน เขาก็ต้องไปเข้าร่วมกับกองทัพแดง เนื่องจากสตาลินมีคำสั่งให้เตรียมระดมพลเพื่ออะไรบางอย่าง เขาไม่อยากไปรบเท่าไหร่เพราะเป็นห่วงแม่ของเขา แต่เขาก็มาแล้ว

    ออก้า : เออนี่ นายรู้มั้ยทำไมท่านผู้นำถึงสั่งระดมพลเยอะขนาดนี้เนี่ย

    ไม่รู้สิ คงจะรุกรานประเทศแถวนี้หล่ะมั้ง

    ออก้า : จะรบที่ไหนอีกหล่ะ นายก็รู้ตอนนี้กองทัพแดงอ่อนแอแค่ไหน

    นี่ อย่าเสียงดังไปเพื่อน เดี๋ยวโดนแขวนคอหรอก

    จริงหว่ะ ความจริงฉันไม่อยากมาเลยหว่ะ

    ออก้า : เอาเถอะ ขอให้มันจบเร็วๆก็แล้วกัน

    ออก้าไม่รู้ว่าจุดหมายของเขาจะต้องไปลงเอยที่ประเทศไหน แต่ในใจลึกๆเขาอยากไปโปแลนด์ เพื่อตามหาโซเซีย คนที่เขาอยากเห็นหน้ามากที่สุด

    เออนี่ออก้า นายอยากจะไปบุกประเทศไหนมากที่สุด

    ออก้า : โปแลนด์ อย่างน้อยจะได้เจอหน้าเพื่อนที่ฉันอยากเจอด้วย

    เฮ้ย นายมีเพื่อนในโปแลนด์ด้วยเหรอ ไม่เบานี่หว่า

    ทางด้านเทเรซ่า หลังจากที่เธอกลับมาจากแนวหลัง เธอเหนื่อยและท้อใจจากการที่เห็นเพื่อนทหารของเธอคนแล้วคนเล่าเป็นศพกลับมา เธอต้องช่วยเหลือพวกเขาอย่างไม่มีหยุดหย่อน ทหารหลายคนเบื่อสงครามครั้งนี้ ถึงกับพยายามจะหนีทัพ หรือแม้กระทั่งเดินไปให้ข้าศึกจับตัวก็ยังมี

    นี่นาย ช่วยยิงเท้าฉันที มันจะได้ส่งตัวฉันกลับบ้านซะที

    งั้นนายก็ยิงเท้าฉันด้วย ฉันก็เบื่อเหมือนกัน

    เทเรซ่า : พวกนาย จะยิงเท้าตัวเองไปทำไมเนี่ย

    คุณหมอครับ พวกเราเบื่อสงครามครั้งนี้มากครับ

    นั่นสิ ไม่รู้จะสู้ไปเพื่ออะไร

    เทเรซ่า : ฉันเข้าใจนะ ฉันเองก็เบื่อเหมือนกัน ฉันเองก็อยากวิ่งหนีไป แต่ทำไงได้ พวกเธอดูสิ นี่เพื่อนๆของเราที่นั่งกันอยู่เนี่ย จะทิ้งพวกเขางั้นเหรอ พวกนายยอมที่จะมองพวกเขาตายงั้นเหรอ

    เทเรซ่าพูดต่อว่า ฉันเชื่อนะ ยังไงก็ต้องมีคนมาหยุดสงครามบ้าๆครั้งนี้ให้ได้

    ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้ข่าวว่า ทางเยอรมันจะส่งกำลังมาช่วย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเบาใจลง แถมยังหนักใจกว่าเดิมด้วยซ้ำ

    สำนักงานหน่วยข่าวกรองของโปแลนด์ หญิงสาวคนหนึ่ง กำลังวิเคราะห์เอกสารข้อมูลที่เธอมีอยู่บนโต๊ะ แต่แล้วเธอก็ได้รับรายงานจากชายแดน ว่าได้ยินเสียงปืนแถวนั้น เมื่อมีคนไปสำรวจก็พบว่ามีศพชายหลายคนแต่งกายคล้ายทหารโปแลนด์นอนตายอยู่แถวชายแดนเขตของเยอรมัน เธอวิเคราะห์ข้อมูลทุกอย่างออกมา จากนั้นก็โทรไปยังรัฐบาล

    เรียกหน่วยๆ ฉันเจเลมี่ ฟร็อตเตอร์ ฉันมีรายงานจากทางชายแดนและข้อมูลของฉันจะรายงาน

    ทิ้งข้อความไว้ได้เลยเจมี่

    ฉันว่า อีกไม่นาน ความขัดแย้งของเรากับเยอรมันคงต้องลุกลามเป็นสงครามใหญ่แน่ๆ

    เธอคิดว่าความเป็นไปได้มากแค่ไหน

    นับถอยหลังได้เลย

    งั้นพรุ่งนี้เธอมาที่สำนักงานของเราได้เลย

    ไม่ทันหรอก ต้องคืนนี้เลย เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกคนด้วย

    เช้าวันที่ 1 กันยายน 1939

    โยชิตะตื่นขึ้นมา ก็พบว่าอลิสกับรินมารอพบเขาตั้งแต่เช้าแล้ว โยชิตะรีบแต่งตัวแล้วไปหาพี่สาวของเขาทันที

    โยชิตะ : อ้าวพี่อลิส รินด้วย สบายดีนะครับ

    อลิส : สบายดีจ้ะ เอ้านี่ ของที่พี่ซื้อมาตามที่เราขอหน่ะ

    ริน : เดี๋ยวนี้กินเยอะนะเนี่ยเราเนี่ย

    โยชิตะ : แหม่ พี่เองก็รวยขึ้นนะเนี่ย

    อลิส : งานของพี่เงินมันดีหน่ะ ว่าแต่ที่พี่มาเนี่ย พี่มีอะไรจะคุยกับเราหน่อย

    ริน : ใช่ เริ่มเลยนะ พี่ฮัมบูร์กบอกว่าเรากำลังจะทำสงครามหน่ะ

    โยชิตะ : กับโปแลนด์ใช่หรือเปล่าพี่ ไม่ต้องห่วงหรอก โปแลนด์หน่ะเอาชนะได้ง่ายจะตาย

    อลิส : แล้วอีกอย่าง พี่ต้องไปทำงานที่อังกฤษ ส่วนรินก็ต้องไปฝรั่งเศสหน่ะ

    โยชิตะ : จริงเหรอพี่ งั้นผมขอคุยกับรินแป๊ปนะพี่ // โยชิตะคว้าแขนรินแล้วพาไปที่สวนแถวนั้น

    โยชิตะ : ริน ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนเลยหล่ะ

    ริน : ทำไมหล่ะ

    โยชิตะ : ผมยังไม่ทันได้เตรียมใจเท่าไหร่เลย

    ริน : ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก เดี๋ยวฉันจะเขียนจดหมายมาหาเธอเองนะ

    โยชิตะ : เธออยู่ที่นั่นต้องระวังตัวเองให้ดีด้วยนะ

    ริน : แน่นอนจ้ะ เธอก็เหมือนกันนะ รอฉันกลับมานะ

    หลังจากที่คุยกัน เธอก็กลับไปหาอลิส จากนั้นพวกเขาก็ล่ำลากันไป จากนั้นโยชิตะก็เอาของกินกลับเขาไปยังห้องของเขา เพื่อนๆของเขามาเห็นเลยเข้ามาคุยกับเขา

    เออนี่นาย พุดดิ้งนั่นเยอะจังเลย ขอกินมั่งดิ

    โยชิตะ : มาสิ เรียกคนอื่นมาด้วยก็ได้นะ // โยชิตะแบ่งพุดดิ้งให้เพื่อนๆยุวชนนาซีของเขา

    ทางด้านของวิคเตอร์ เขาชวนเทราน์เนอร์มาทำงานที่หน่วย ss ซึ่งเขารับหน้าที่ควบคุมค่ายกักกันนักโทษนอกชานเมืองเบอร์ลิน พวกเขาต้องไล่ต้อนคนยิวเข้าค่ายกักกันมากมาย แรกๆเทราน์เนอร์ยังทำใจไม่ได้ วิคเตอร์ต้องค่อยช่วยเหลือเขาในหลายๆเรื่อง

    วิคเตอร์ : เป็นไงบ้าง บุหรี่หน่อยมั้ย // เทราน์เนอร์คว้าบุหรี่มาสูบ

    เทราน์เนอร์ : ไม่รู้สิ ฉันว่าฉัน……

    วิคเตอร์ : เอาน่า แรกๆก็แบบนี้แหละ เดี๋ยวต่อไปก็ชินเองแหละ

    ในขณะเดียวกัน ก็มีรถคันหนึ่งขับมายังค่ายของเขา วิคเตอร์ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้คุมก็ต้องไปต้อนรับทันที ซึ่งคนที่อยู่ในรถก็คือนูโวร่านั่นเอง ซึ่งเธอมีจุดประสงค์ใดกันแน่

    วิคเตอร์ : สวัสดีครับคุณนูโวร่า คุณมีธุระอะไรครับ

    นูโวร่า : ฉันมีเรื่องจะให้พวกนายช่วยหน่อยหน่ะ

    เทราน์เนอร์ : ช่วย ช่วยเรื่องอะไรเหรอครับ

    นูโวร่า : ก็ ฉันมีนักโทษมาให้นายสองสามคน ฉันอยากให้พวกนายขังมันไว้ อย่าให้มันออกไปสู่โลกภายนอกอีก

    วิคเตอร์ : ผมก็นึกว่าที่อิตาลีจะมีคุกดีๆซะอีก

    นูโวร่า : หมอนี่เป็นนักโทษการเมือง ปล่อยให้อยู่ในอิตาลีไม่ได้หรอก

    เทราน์เนอร์ : แล้วทำไมถึงไม่ฆ่าเขาซะเลยหล่ะ

    นูโวร่า : แบบนั้นจะเป็นการสุ่มเสี่ยง หากประชาชนในประเทศจะลุกฮือได้หน่ะ

    วิคเตอร์ : นึกว่ามุสโสลินีจะจัดการได้ซะอีก เอาเถอะครับ เรื่องนี้เราจะจัดการให้ // วิคเตอร์รับมอบนักโทษมาจากนูโวร่าเพื่อพาเข้าค่ายกักกัน

    ณ ชายแดนเยอรมัน โปแลนด์ ฮัมบูร์กได้รับคำสั่งจากจอมพลเฟดอร์และรุนด์ชเทดท์ เธอต้องสั่งการร่วมกับพรรคพวกคนอื่นๆ เพื่อเตรียมการรุกรานโปแลนด์

    ฮัมบูร์ก : เมอร์ลิน ถ้าฉันให้สัญญาณเมื่อไหร่ปล่อยฝูงบินออกมาได้เลยนะ

    เมอร์ลิน : รับทราบ // เมอร์ลินกับหน่วยของเขาเตรียมเครื่องบินขับไล่และทิ้งระเบิดเพื่อโจมตี

    ฮัมบูร์ก : ลูก้า กองพลรถถังคุณพร้อมนะ

    ลูก้า : พร้อม มิลเลอร์ กองพลของนายเตรียมพร้อมนะ

    มิลเลอร์ : พร้อมครับ // มิลเลอร์เตรียมกองพล Panzergrenadier ไว้จู่โจมแบบสายฟ้าแลบแล้ว

    ฮัมบูร์ก : เอาหล่ะ ลุยตามแผนเลย

    หลังจากที่มีคำสั่ง ปืนใหญ่ทุกกระบอกยิงกดแนวรับของโปแลนด์ทุกตารางนิ้ว ทหารโปแลนด์ตกใจกันมาก แต่ก็เตรียมคนป้องกันชายแดนไว้พร้อมแล้ว ถึงแม้ทหารจะยังตกใจอยู่ก็ตาม

    ทางด้านของพวกนาวิน หลังจากที่เพิ่งตื่นนอน พวกเขาก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังไปแต่ไกล ทำเอาพวกเขาตกใจกันมาก

    นาวิน : พวกนายได้ยินเสียงนั่นหรือเปล่าอ่ะ

    แซค : ได้ยินสิ มันเริ่มต้นแล้วสินะ

    อเล็กซ์ : ฉันว่า เรารีบไปเก็บของกันดีกว่า // พวกเด็กๆช่วยคุณแคทเทอรีนเก็บของเท่าที่จำเป็นเพื่อไปยังท่าเรือ พวกเขารีบกันมากเพราะกลัวว่าท่าเรือจะถูกปิดล้อม

    โซเซีย : เราต้องรีบหน่อยหล่ะครับ ไม่งั้นเราอาจจะไม่มีโอกาสออกไปเลยนะ

    ธิน : ฉันเคยได้ยินว่า โซเวียตจะโจมตีอีกฝากหนึ่ง ไม่รู้มันจะมาจริงหรือเปล่า

    โอ๊ค : ช่างมันก่อนเถอะ เราต้องรีบหนีไปจากที่นี่นะ // แต่ทันใดนั้นเสียงปืนใหญ่ก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ

    เอม : หนูว่า พวกมันยิงเข้ามาในเมืองแล้วหล่ะค่ะ

    ออย : งั้นเราคงต้องรีบหนีกันแล้วหล่ะ ก่อนที่ถนนจะเต็มไปด้วยผู้คนนะ

    ทางด้านตะวันออก โซเวียตก็โจมตีโปแลนด์อย่างรวดเร็ว ออก้าก็เป็นหนึ่งในผู้โจมตีด้วย เขาพยายามรีบเขาไปหาโซเซียก่อนที่โซเซียจะตกอยู่ในอันตราย

    ทางด้านฮัมบูร์ก หลังจากที่สั่งยิงปืนใหญ่ เธอก็สั่งให้หน่วยอากาศยานของเมอร์ลินเข้าจู่โจมทันที เครื่องบินของกองทัพลุฟวาฟบุกอย่างสายฟ้าแลบ ถล่มแนวหน้าของข้าศึก จากนั้นลูก้าและมิลเลอร์ก็นำกองพลของตัวเองบุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว

    โปแลนด์นำกองบินของตัวเองมาต่อสู้กับเมอร์ลิน เมอร์ลินจึงใช้ความสามารถในการขับเครื่องบินของตนเข้าต่อสู้กลางอากาศกับมันทันที เมอร์ลินใช้ความได้เปรียบของเครื่องบินของเขายิงเครื่องบินขอบพวกมันร่วงไปหลายลำ

    เมอร์ลิน : พวกมันมาอีกแล้ว หน่วยแดง คุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดด้วย

    บนพื้นดิน กอลพลของลูก้าและมิลเลอร์ใช้ความได้เปรียบของรถถังฝ่ายตนบุกเข้าไปในแดนข้าศึกอย่างรวดเร็ว

    ลูก้า : ระวังนะ พวกมันเอารถถังมาสู้แล้ว

    ฮัมบูร์ก : ไม่ต้องห่วง รถถังของเราดีกว่าของมัน พยายามกระหนาบข้างพวกมันไว้

    รถถังของลูก้าบุกไปด้านข้าง บีบพวกมันและดันพวกมันเข้าไปแนวหลัง มิลเลอร์ก็ทำหน้าที่ได้ดี หน่วยของเขาทำการเจาะแนวของข้าศึกจนพวกมันต้องถอย

    มิลเลอร์ : ตอนนี้พวกมันถอยกลับไปแล้ว เอายังไงต่อ

    ฮัมบูร์ก : ให้รถหุ้มเกราะไปด้านหน้า เผื่อว่าพวกมันจะกลับมา

    ทางด้านของเมอร์ลิน หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กับเครื่องบินขับไล่เหล่านั้น เขาก็ต้องกลับมาเนื่องจากศัตรูส่งขบวนใหม่มา

    เมอร์ลิน : ลูก้า ฉันต้องถอยก่อน กระสุนฉันหมดหน่ะ

    ลูก้า : เข้าใจแล้ว ถอยออกมาก่อน มิลเลอร์ ทะลวงแนวหลังให้ได้มากที่สุด

    มิลเลอร์ : รับทราบ

    หน่วยของเขาโจมตีแบบสายฟ้าแลบ ด้วยอาวุธที่ทันสมัยกว่า ทำให้ศัตรูถอยไปอย่างง่ายดาย

    ทางด้านของนาวิน หลังจากที่พวกเขาเก็บข้าวของเสร็จ พวกเขาก็รีบออกจากบ้านทันที แต่ตามถนนก็มีผู้คนออกมามากมาย ทำเอารถของพวกเขาไม่ขยับไปไหนเลย

    นาวิน : ทุกคน ชาวบ้านหนีตายออกมากันเพียบเลย

    โอ๊ค : แบบนี้เราไปถึงท่าเรือไม่ทันแน่ เอายังไงดีครับ

    แคทเทอรีน : ฉันมีทางไปอีกทางนึง ทุกคนระวังตัวนะ

    แคทเทอรีนขับรถออกไปอีกทางหนึ่ง ในขณะที่เสียงปืนใหญ่ก็ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

    อเล็กซ์ : หนูว่าพวกมันคงเจาะแนวรับของโปแลนด์แล้วนะคะ

    แซค : ก็คงงั้นอ่ะ แต่ทำไมมันเจาะแนวรับได้เร็วขนาดนี้เนี่ย

    เอม : ก็ไหนว่าโปแลนด์สู้เยอรมันไม่ได้ยังไงหล่ะพี่

    แซค : แต่มันเร็วเกินไป เหมือนกับว่าพวกมันรู้ว่าเหตุการณ์ล่วงหน้ามันจะเป็นยังไง

    ธิน : ช่างเรื่องนั้นมันก่อนดีกว่า ตอนนี้เรารีบหนีไปจากที่นี่ดีกว่า

    ในตอนนั้นเอง ลูกปืนใหญ่ก็มาตกอยู่ข้างหน้ารถพวกเขา ทำเอารถของพวกเขาขยับไปไหนไม่ได้เลย

    ออย : แย่แล้ว แบบนี้เราไม่ไม่ถึงท่าเรือแน่ๆ

    แคทเทอรีนพยายามสตาร์ทรถต่อ แต่รถคันนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลย

    โซเซีย : บ้าเอ้ย ติดสิวะไอ้รถปุโรทั่ง เศษเหล็กเอ้ย

    อเล็กซ์ : คุณน้าคะ ท่าเรืออยู่อีกไกลหรือเปล่าคะ

    แคทเทอรีน : ไม่ไกลหรอกจ้ะ แต่เราต้องขนของพวกนี้ไปด้วยหน่ะ

    แคทเทอรีนสตาร์ทรถอีกครั้งจนติด จากนั้นรถของพวกเขาก็มาถึงท่าเรือพอดี แต่ในตอนนั้นเองเขาก็พบว่าที่ท่าเรือมีคนมารอมากมาย พวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเข้าไปยังท่าเรือยังไง

    อเล็กซ์ : แบบนี้เราจะไปขึ้นเรือทันเหรอคะ

    แคทเทอรีน : เรือของเราอยู่ที่นี่จ้ะ // แคทเทอรีนพาเด็กๆไปยังเรือยอร์ชลำใหญ่ลำหนึ่ง ซึ่งจอดรออยู่โดยไม่ได้รับความเสียหายอะไร

    แคทเทอรีน : ดีจังที่ยังไม่เสียหาย เด็กๆ เอาของขึ้นเรือเลย

    พวกเขาเร่งเอาของขึ้นเรืออย่างเร็ว จากนั้นแคทเทอรีนก็ขับเรือโดยมีอเล็กซ์เป็นลูกมือด้วย

    อเล็กซ์ : น้าคะ น้าขับเรือนี่เป็นเหรอคะ เพิ่งจะรู้นะเนี่ย

    แคทเทอรีน : เรือนี้เพื่อนน้าให้สำหรับหนี้ติดค้างน้าเอาไว้หน่ะ

    จากนั้นเอง เรือยอร์ชก็ค่อยๆล่องออกมาท่าเรือ ออกไปเรื่อยๆถึงมหาสมุทรข้างหน้า โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าโชคชะตาข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

    ======================================================================

    พวกเขาจะไปถึงเนเธอร์แลนด์โดยสวัสดิภาพหรือไม่ ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ แล้วก็กดติดตามกันด้วยนะคร้าบ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×