ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gang Of Heaven - คณะเดินทางกู้พิภพ

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5 : เหมืองแร่ใต้ดิน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.พ. 64


    คณะเดินทางของทองอินทร์เดินทางผ่านเขตป่าต่อไปเพื่อเข้าเมืองอู่ทอง ผ่านต่อไปยังสิงห์บุรี และไปยังเมืองพิษณุโลก ในวันนี้อากาศค่อนข้างแจ่มใส ในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทาง พวกเขาก็หาเรื่องคุยกันด้วยเพื่อเป็นการผ่อนคลายไปในตัว

    “เออใช่ พวกท่าน ข้านึกออกแล้ว เรื่องที่ข้าจะเล่าเกี่ยวกับพวกปีศาจจากต่างมิติหน่ะ ท่านเทพเฮอร์เมสเคยเล่าให้ข้าฟังหน่ะ” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ปีศาจจากต่างมิติเช่นนั้นหรือ??” กุมารเทพถามอย่างสงสัย

    “ข้าเคยได้ยินมานานมากแล้ว เมื่อครั้งบรรพกาล หลายพันปีก่อน สิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ ซึ่งพวกมันเดินทางมาจากจักรวาลอื่นหรือมิติอื่นที่เราไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด เทพซูสระดมกำลังจากสวรรค์ทั่วทั้งแคว้นมาเพื่อต่อกรกับพวกมัน มนุษย์ยุคนั้นก็เข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วย แต่ว่าพวกมันเก่งกาจกว่าที่พวกเราคิด ระดับหัวหน้าบางตัวไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ แต่พวกเขาก็สามารถรบชนะพวกมันและผนึกพวกมันไว้ในสถานที่ต่างๆ เพื่อไม่ให้พวกมันออกมาอาละวาดได้อีก” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “แต่ทว่า หลังจากเหตุการณ์ที่พวกปีศาจพากันออกอาละวาด พวกต่างมิติก็เริ่มปลดพันธนาการตัวเองและหนีออกมาสินะ” กุมารเทพพูดขึ้น

    “พวกต่างมิตินี่มันจะซักแค่ไหนกันเชียว??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย

    “อย่าประมาทคนพวกนี้นะท่าน พวกมันไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ในโลกนี้ เราทำได้แค่ผนึกพวกมันไว้เท่านั้น” ทูตเบลล์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง

    “ฟิ้ว!!”

    “เฮ้ย หลบ!!” ทองอินทร์ตะโกนขึ้นมา จากนั้นเขาก็หลบมีดเล่มหนึ่งซึ่งเฉียดหน้าของเขาไปนิดเดียว และในตอนนั้นก็ปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งมาใส่พวกเขา คนอื่นๆพยายามจะยิงสกัดเธอเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรเลย และในตอนนั้น หลี่เจาก็เอาทวนของเขาตีใส่เธอเพื่อหยุดเธอเอาไว้ เธอคนนั้นหยุดกับหยุดและนิ่งไปในทันที

    “ผู้ที่ใช้ดาบโซ่สี่แฉกเป็นอาวุธมีอยู่ผู้เดียว!!” กุมารเทพพูดขึ้น 

    “แหม่ เจ้ากุมารน้อย รู้จักข้าด้วยเช่นนั้นหรือ ว่ายังไงหล่ะท่านหลี่เจา??” หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นและทักหลี่เจาในทันที

    “อะไรกัน นี่ท่านรู้จักนางเช่นนั้นหรือ นางเป็นใครกัน??” คาวีถามอย่างสงสัย

    “ข้าคือเฟยหลิง เทพอสูรแห่งจิตใจ ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับคณะเดินทางศักดิ์สิทธิ์ เลยจะมาดูด้วยตาของข้าเอง ไม่นึกว่าจะเก่งกว่าที่คาด!!”

    “แล้วเจ้ามีจุดประสงค์อันใด คิดจะหยุดพวกข้างั้นหรือ??” เมรีพูดและเล็งธนูใส่เธอ

    “ไม่ ถ้าข้าจะทำ ข้าทำไปนานแล้วหล่ะ สาวน้อย!!” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “แล้วท่านมีจุดประสงค์ใดกันแน่ บอกมา!!” เทเรซ่าตะโกนบอกไป

    “ก็อย่างที่ข้าบอกไงท่านครูเสด ข้าแค่อยากมาดู ไม่มีอันใดหรอก และข้าจะบอกอันใดให้ ปีศาจที่พวกเจ้าจะต้องเจอ จะแข็งแกร่งกว่านี้มาก ตอนนี้ปีศาจหมื่นปีนั่นระดมกำลังมาจากทุกที่ ยังมีพวกจากต่างมิติอีก พวกเจ้าต้องระวังไว้ มิเช่นนั้น อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!!” เฟยหลิงพูดขึ้น

    “กำแพงสวรรค์ปิดแล้ว แล้วเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไรกัน??” อิริยะถามไป

    “เฮ้อ มิมีประตูไหนขวางทางข้าได้ แต่หายห่วง พวกปีศาจไม่รู้ทางลับที่ข้าออกมาหรอก ถึงรู้ ข้าก็ส่งมันไปเยี่ยมยมโลกหล่ะ แล้วท่านหล่ะ ท่านหลี่เจา จะไม่บอกพวกนั้นเหรอ ว่าเจ้าเป็นใคร??” เฟยหลิงพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆลุงคงก็มากอดเธอเข้าที่ด้านหลัง จากนั้นก็พูดออกมาไม่เป็นภาษา

    “เมรัยที่รักของข้า!!”

    “อะไรกัน ตาแก่นี่!!” เฟยหลิงจับมือของลุงคงและเอาร่างของเธอออกมา จากนั้นก็ถีบลุงคงออกไปในทันที

    “ตุ๊บ!!”

    “บ้าเอ้ย ข้าไม่เล่นด้วยแล้ว!!” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้นไปบนฟ้าในทันทีและหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำเอาทุกคนถึงกับแปลกใจ

    “อะไรกันเนี่ย นี่มันเทพประเภทไหนกันนะ??” แม็กซิมถามพลางเกาหัวแกร่กๆ

    “นั่นสิ ว่าแต่ ท่านหลี่เจา ท่านเป็นใครกันแน่??” รีปเปอร์ถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิ หรือว่าท่านเป็นเทพ หรือเป็นปีศาจ??” วารีถามอย่างสงสัย แต่หลี่เจาก็ยังคงอ้ำๆอึ้งๆ แต่ในระหว่างที่หลี่เจากำลังจะพูด ในตอนนั้นเอง

    “ตุ๊บๆๆๆ”

    เสียงฝีเท้าหลายคู่กำลังวิ่งเข้ามาใส่พวกเขา ซึ่งร่างของมันเป็นสีดำทะมึน พร้อมถืออาวุธมากมายหลายชนิด หลี่เจาชักทวนออกมาแล้วแทงเข้าไปที่ร่างของมันในทันที มันกรีดร้องซักพักจากนั้นก็สลายร่างไปในทันที

    “ทุกคน สู้มัน!!” ทองอินทร์ตะโกนออกมา จากนั้นพวกเขาก็ประมือกับร่างสีดำเหล่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะรับมือได้ไม่ยากนัก และไม่นาน พวกมันก็ถูกกำจัดจนหมด และในทันใดนั้นเอง ก็ปรากฏร่างของปีศาจตัวหนึ่งในหน้ากากสีขาว พร้อมถือดาบสองมือ วิ่งออกมาจู่โจมพวกเขาอย่างรวดเร็ว

    “ยิงใส่มันเลย!!” ชิงเสียนพูดขึ้น จากนั้นพวกคนที่ถือปืนก็ระดมยิงใส่ปีศาจตัวนั้นอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่ามันก็สามารถหลบได้ ลุงคงวิ่งไปจับมันแต่โดนมันเตะออกมาอย่างง่ายดาย อองโม่โยโดนมันถีบใส่โล่ของเขาจนกระเด็น จนทองอินทร์ต้องมาขวางทางมันเอาไว้ และชักดาบออกมายันกับมัน

    “นี่ เจ้าปีศาจ เจ้าเป็นใครกันแน่??”

    “ข้าคือ อาชิซะ ฝีมือเจ้าใช้ได้เลยนี่!!” อาชิซะพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ผละตัวออกจากกันในทันที

    “พวกเจ้านี่เก่งกว่าที่คาด ถึงได้มาถึงที่นี่ได้!!” ปีศาจตัวนั้นพูดขึ้น

    “ข้าสัมผัสได้ถึงพลังนั่น เจ้าต้องไม่ได้มาจากโลกนี้แน่ๆ” อนาเลียพูดขึ้น

    “ถูกต้องแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าผู้ที่มีพลังแบบข้าจะมาอยู่ที่นี่ด้วย” อาชิซะพูดขึ้น

    “เจ้าจะซักแค่ไหนเชียว??” ออเรเลียตะโกนออกมา จากนั้นก็แทงหอกใส่มัน แต่มันหลบได้และชักดาบออกมาแล้วฟันหอกของเธอ แล้วเตะเข้าที่หน้าท้องของเธอจนกระเด็น

    “ระยำเอ้ย กินลูกปืนซะ!!” อเล็กซพูดขึ้น จากนั้นก็กระหน่ำยิงหมอนั่นเข้าไป แต่หมอนั่นก็หลบได้อย่างรวดเร็ว จนอเล็กซกระสุนหมด ก็ยังยิงไม่โดนหมอนั่นเลย

    “เยี่ยมยุทธ์ ถ้าพวกเจ้าอยากเจอข้า อยู่ให้รอดถึงตอนจบก็แล้วกัน!!” อาชิซะพูดขึ้น

    “ลุยตอนนี้ก็ได้เลยนี่หว่า!!” นรสิงห์ตะโกนออกมา แต่ก็ไม่ทันแล้ว จู่ๆมันก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทำเอาทุกคนถึงกับตกใจกันเป็นแถว และสงสัยว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่

    “นั่นมันตัวอะไรกันแน่เนี่ย??” แสนคำสมิงถามอย่างสงสัย

    “มันเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ อย่างที่ทูตเบลล์บอกพวกเรา ข้าเป็นเทพ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยพวกเจ้ารบกับพวกมันหน่ะ” หลี่เจาในตอนนั้นถึงกับเอ่ยปากออกมา

    “คิดไว้แล้วไม่มีผิด ท่านต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ” เอื้องเหนือพูดขึ้น

    “ว่าแต่ ทำไมท่านถึงไม่พาคนลงมาช่วยพวกเราหล่ะ??” ธิดาถามอย่างสงสัย

    “ใช่ ทำไมถึงปล่อยให้พวกเราสู้กับพวกมันโดยลำพัง พวกเทพขี้ขลาดกันหมดทุกคนเลยหรือไง??” วาทินตะโกนใส่หลี่เจาอย่างโมโห แต่เวียงพิงค์ก็ได้ห้ามเขาไว้ก่อน

    “นี่ ท่านหลี่เจาอาจจะมีเหตุผลก็ได้ จำไม่ได้เหรอ ถ้านำกำลังจากสวรรค์มา แล้วไม่มีใครป้องกันหล่ะ??” 

    “นั่นสิวาทิน หากสวรรค์ถูกพวกมันยึด ทุกอย่างก็จบสิ้นนะ” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “เอาเถิด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกันนะ พวกเราต้องเดินทางกันต่อนี่” มายะพูดขึ้น

    “ใช่ แต่เจ้าบ้านั่นก็สุดยอดพลังเลย” อองโม่โยพูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า พวกเจ้าช่วยต้มยาแก้ช้ำในให้พวกเขากินด้วยก็แล้วกัน” มาร์คัสบอกกับพวกของธิดาไป

    “แล้วเราจะจัดการกับพวกต่างมิติได้ยังไงกันหล่ะ??” ฉางหลงถามไป

    “ได้ยินว่าพวกมันไม่มีวันตาย แต่ก็ผนึกมันได้นี่” โชพูดขึ้น

    “วิธีที่จะผนึกพวกมัน ต้องใช้พลังเทพอย่างมหาศาลเลยค่ะ” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “ก็หวังไว้ว่าพวกนั้นจะกอบกู้สวรรค์ได้ แล้วส่งกำลังมาช่วยเรานะ” สมบาติพูดขึ้น

    “ตอนนี้อย่าเพิ่งไปหวังน้ำบ่อหน้าเลย เราต้องเพิ่งตัวเองก่อน” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “ข้าว่าเราเดินทางกันต่อเถิด ผู้ใดที่เดินไม่ไหวก็นั่งเกวียนไปก่อน แล้วช่วยปรุงยาให้พวกเขาด้วยหล่ะ” นาราพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันเดินทางกันต่อในทันทีเพื่อไปยังเมืองอู่ทอง

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในป่า เขตเมืองนครสวรรค์ เดอเวสได้เดินทางมารวมตัวกับกำลังปีศาจตามที่ได้รับมอบหมาย เขาเดินเท้ามาตามทางเรื่อยๆ จนกระทั่งได้เจอกับปีศาจกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังรวมกลุ่มทำอะไรกันบางอย่าง เดอเวสเดินข้าไปหาพวกมันในทันที และปีศาจพวกนั้นก็โค้งคำนับเขา

    “พวกเจ้ามาทำอันใดกันที่นี่??” เดอเวสถามอย่างสงสัย

    “พวกข้ามาเพื่อรับใช้ท่าน!!”

    “เช่นนั้นหรือ แล้วพวกเจ้ามีแผนการอะไรหรือเปล่า??” เดอเวสถามไป

    “เราได้รับข่าวมาว่าพวกคณะเดินทางกำลังจะผ่านเมืองนครสวรรค์ ท่านปีศาจหมื่นปีเลยให้เรามาสกัดพวกมัน”

    “พวกเจ้าอย่าประมาท พวกนี้อาจจะเก่งกว่าที่พวกเจ้าคิด” เดอเวสพูดขึ้น

    “แน่นอนท่านแม่ทัพ ข้ามีนี่จะให้ท่าน!!” ปีศาจตัวหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็เอาร่างของชายคนหนึ่งใส่ชุดทหารมาให้กับเดอเวส แล้วก็วางไว้ที่หน้าเขา

    “ซากศพนี่เป็นใครกัน??”

    “มันเป็นขุนทหารเอก ศพของมันจะทำให้ท่านแข็งแกร่ง!!” ปีศาจตัวหนึ่งพูดขึ้น

    “อืม พวกเจ้าถอยไป!!”

    เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปยังซากศพนั่นและก็กินมันอย่างเอร็ดอร่อย และเมื่อกินเสร็จ จู่ๆเขาก็ได้รับพลังอะไรบางอย่าง ทำให้ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน

    “ข้าสัมผัสได้ พลังของข้าเพิ่มขึ้น!!”

    “เรากำลังเสาะหาร่างอื่นๆให้กับท่าน ท่านแม่ทัพมิต้องเป็นกังวลไป” ปีศาจตัวหนึ่งพูดขึ้น

    “ข้าว่า ที่เมืองพิษณุโลก ชัยภูมิเป็นต่อ ข้าจะท้ารบกับมันที่นั่น เคลื่อนกำลังได้!!” เดอเวสพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็พากันเคลื่อนพลไปตามที่เดอเวสสั่งในทันที

     

    ในช่วงตะวันคล้อยบ่าย พวกของทองอินทร์ได้เดินทัพกันมาเรื่อยๆเพื่อไปยังเมืองอ่างทอง ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงสอดส่องลงมาเรื่อยๆ ในระว่างทางพวกเขาก็ปะทะกับพวกปีศาจที่ถูกส่งลงมาเพื่อขวางทางพวกเขาด้วย คราวนี้เป็นปีศาจสุนัขเช่นเดิม ทำให้พวกเขาจัดการกับพวกมันได้ไม่ยากเย็นนัก

    “อ้ายพวกสุนัขในนี่มันมีเยอะเหลือเกิน!!” คาวีพูดขึ้น จากนั้นก็ฟันหัวของพวกมันเรียงตัวไป

    “พวกมันเป็นกำลังแนวหน้า ก็ต้องมีเยอะอยู่แล้ว” กุมารเทพพูดขึ้น จากนั้นก็ร่ายพลังใส่พวกมันไป

    “อย่ายิงที่โล่ของมัน ให้ยิงเข้าที่หัว!!” ชิงเสียนพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงใส่หัวของหมาตัวหนึ่งไป

    “ถ้ามีม้าซักตัว ข้าคงจะทำงานง่ายกว่านี้นะ” ออเรเลียพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้หอกแทงเข้าไปที่ร่างของหมาตัวหนึ่ง แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆพวกเขาก็เห็นปีศาจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับลิง แต่ร่างเป็นมนุษย์ ถือหอกยาวและวิ่งเร็วปานสายฟ้า พวกมันวิ่งมาล้อมกรอบพวกเขาไว้ในทันที ดุราวกับว่าเป็นค่ายกลอะไรบางอย่าง

    “นี่มันปีศาจอะไรกันเนี่ย??” ทูตเบลล์ถามอย่างสงสัย

    “ทูตลิงลม พวกนี้เป็นหนึ่งในนักรบแนวหน้าของพวกปีศาจ ถึงจะไม่มีพละกำลังมาก แต่พวกมันก็มีความเร็วมาก และมันเรียนรู้ค่ายกลของพวกมนุษย์ด้วย!!” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ก็คงต้องฝ่ามันไปสินะ!!” มาร์คัสพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงใส่พวกมันอย่างรวดเร็ว แต่พวกมันก็วิ่งเป็นวงกลมเพื่อหลอกล่อ ทำเอาพวกเขารับมือลำบาก

    “บ้าเอ้ย มันพวกเร็วเหลือเกิน!!” เมรีตะโกนขึ้นและยิงธนูใส่มันโดนเข้าที่หัวตัวหนึ่ง

    “ถ้าอย่างงั้นก็ต้องระเบิดทั้งวงเลย!!” มาเรียน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็หยิบเอาปืนใหญ่มือกระบอกหนึ่งขึ้นมา จากนั้นเธอก้ยิงเข้าไปที่กลางวงของมันจนกระจุย

    “ตู้ม!!”

    เมื่อลูกปืนใหญ่โดนพวกมัน พวกมันก็แตกกระเจิงไปคนละทาง จากนั้นคนอื่นก็วิ่งลุยเข้าไปที่กลางวงล้อมของพวกมันในทันที

    “หยุดวิ่งซะทีไอ้พวกลิงกังเอ๋ย!!” วารีพูดขึ้นจากนั้นก็ไล่ฟันพวกมันอย่างสนุกมือ

    “พวกเจ้าอยู่เฉยๆไว้ อย่าเพิ่งทำอะไรนะ!!” ชิงเสียนพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง อองโม่โยก็พูดกับธิดาในทันที

    “รีบเอายามาให้ข้า เร็ว!!” อองโม่โยพูดขึ้น จากนั้นธิดาก็เอายาที่เพิ่งต้มให้ให้อองโม่โยดื่มในทันที 

    “นี่ท่านจะทำอะไรของท่าน ท่านยังไม่หายนะ??” ธิดาถามไป แต่อองโม่โยก็หยิบอาวุธของเขาไปปะทะกับพวกมันในทันที

    “นี่ท่าน ระวังตัวด้วย!!” เวียงพิงค์พูดขึ้น จากนั้นก็ยิงหน้าไม้ใส่พวกมัน

    “อย่าให้พวกมันวิ่งล้อมเราได้เด็ดขาด!!” เอื้องเหนือพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ปะทะกับพวกลิงลมที่เหลืออย่างดุเดือด

    “เข้ามาเลย ไอ้พวกระยำ!!” เทเรซ่ากำดาบและฟันมันจนมันขาดครึ่งตัวไป

    “แม็กซิม มันกำลังจะรวมตัวกันล้อมเราด้านนั้น!!” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “ได้ ตรงนี้ข้าจัดการเอง!!” แม็กซิมพูดขึ้น จากนั้นก็วิ่งไปฟาดฟันกับพวกมันบางส่วน และในตอนนั้นลุงคงก็จับมันตัวหนึ่งมาและเหวี่ยงมันไปโดนตัวอื่นจนกระเด็น

    “ดกเกแกดเพะพ่ะ!!” ลุงคงพูดออกมาไม่เป็นภาษา และในตอนนั้นอนาเลียก็ใช้มนต์ของเธอซัดมันจนทำให้มันเคลื่อนไหวช้าลงด้วย

    “มันเคลื่อนไหวช้าลงแล้ว รีบจัดการมันเลย!!” อนาเลียพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็จัดการทำลายวงล้อมของพวกมันในทันที

    “จะวิ่งไปไหน ไอ้พวกลิง??” แสนคำสมิงพูดขึ้น จากนั้นก็ใช้ดาบกวาดล้างพวกมันไป

    “โช ขวางทางพวกมันไว้ก่อน!!” ฉางหลงตะโกนขึ้น จากนั้นก็ต่อยและเตะพวกมันไปจนกระเด็น

    “ข้าจะพยายาม แต่ระวังด้านอื่นด้วยหล่ะ” โชพูดขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆไล่ฟันมันไปเรื่อยๆ

    “เข้ามาเลย ไอ้พวกบ้าเอ้ย!!” นาราตะโกนออกมา จากนั้นก็เตะก้านคอลิงลมตัวหนึ่งไป ในตอนนั้นมันจะใช้หอกแทงข้างหลังเธอ แต่นรสิงห์ก็ขว้างดาบใส่มัน จากนั้นก็หยิบหอกของมันมาแล้วปาใส่พวกมันในทันที

    “ฉึบ!!”

    “เจ้าระวังหลังหน่อยสิ!!” นรสิงห์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ทองอินทร์ก็มาช่วยนรสิงห์ไว้โดยการที่ชักดาบออกมาฟันพวกมันที่เข้ามาใกล้นรสิงห์ มันจะใช้หอกแทงเขาแต่เขาจับหอกมันออกมา แล้วหักด้วยเข่า เขานั้นก็แทงมันกลับไปในทันที

    “พวกมันจะตายกันหมดแล้ว ไวนักเหรอมึง??” วาทินพูดขึ้น จากนั้นก็หลบหอกของมันและฟันมันกลับ

    “นี่ ต้องรีบใส่กระสุนให้เร็วกว่านี้!!” สมบาติบอกกับไวโอเล็ตที่กำลังใส่กระสุนอยู่

    “ก็รีบอยู่นี่ แต่มันใส่ง่ายที่ไหนหล่ะท่าน!!” ไวโอเล็ตตอบกลับไป จากนั้นก็ยื่นปืนให้กับชิงเสียนในทันที

    “ระวังด้วย พวกมันอาจจะเรียกพวกมันมาก็ได้” มายะพูดขึ้น จากนั้นก็กระโดดหลบหอกของมันและเฉือดคอมันไป

    “ไอ้พวกลิงบ้าเอ้ย กลับนรกไปซะ!!” หลี่เจาพูดขึ้น จากนั้นก็เหวี่ยงทวนของเขาจนพวกมันกระเด็นออกไป

    “พวกแกจะหนีไปไหน??” อิริยะตะโกนออกไป จากนั้นก็ขว้างมีดบินใส่พวกมันเข้าที่กลางหลังจนมันตายคาที่ และในตอนนั้นเอง พวกมันก็ค่อยๆถอนกำลังออกไป ทองอินทร์ร่ายคาถาใส่ดาบของเขา จากนั้นก็ปาใส่หลังมันตัวหนึ่ง และทะลุไปโดนตัวอื่นๆที่กำลังหนีจนตายหมด

    “พวกมันตายหมดแล้ว ยอดไปเลย!!” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ไอ้พวกลิงลมพวกนี้ มันมาเป็นปีศาจได้อย่างไรกัน??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย

    “ข้าว่า พวกมันต้องเป็นสัตว์ผ่าเหล่า ซึ่งถูกขับไล่ออกจากป่าหิมพานต์ มันคงได้รับพลังมืดจากปีศาจหมื่นปีเป็นแน่” กุมารเทพออกความเห็นไป ในขณะที่ทุกๆคนก็เคลียร์พื้นที่กันจนเรียบร้อยแล้ว และเตรียมออกเดินทางกันต่อ

    “เราออกเดินทางกันต่อเถิด เมืองอ่างทองคงจักอยู่อีกมิไกล” นาราพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น ก็ออกเดินทางกันต่อเถิด พวกเรา!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อในทันทีเพื่อไปยังเมืองอ่างทองก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อน

     

    อีกด้านหนึ่ง ในเขตนครสวรรค์ เดอเวสและกองกำลังปีศาจกลุ่มใหม่ของเขาก็เดินทัพไปยังเมืองพิษณุโลกเพื่อตั้งรับกลุ่มคณะเดินทางที่กำลังจะไปที่นั่น พวกมันเดินทัพกันราวกับไม่มีเหน็ดเหนื่อย เดอเวสในตอนนั้นก็ควบม้าสีดำและนำทัพไป แต่ในตอนนั้นเอง

    “ฟิ้บ!!”

    จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างกำลังพุ่งใส่เข้าที่หน้าของเขา แต่เขาก็หลบได้ทัน แต่พวกที่รับแทนเป็นกลุ่มปีศาจที่ติดตามเดอเวสมา พวกนั้นโดนเข้าอย่างจังจนตายไปมากมาย จากนั้นเดอเวสก็ควบม้ากลับมาเพื่อเข้าต่อกรกับมันในทันที

    “ระยำเอ้ย!!”

    เดอเวสควบม้าพุ่งใส่ร่างปริศนานั้นอย่างรวดเร็ว แต่ในตอนนั้นร่างปริศนาก็เตะเขาจนเกือบตกจากม้า แต่เขาก็ใช้ดาบฟันสวนเข้าไป ทำเอาร่างปริศนานั้นต้องเผยตัวออกมาในทันที

    “เฮ้อ ใช้ได้นี่หว่า!!”

    “นี่ เจ้าเป็นใครกันแน่ บังอาจมาขวางทางเรา อยากตายนักหรือ??” เดอเวสถามและชี้ดาบไปยังร่างนั้น ซึ่งนั่นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถือดาบสี่แฉกอยู่

    “เฮ้อ เจ้าหน่ะเหรอจะทำอะไรฆ่าได้ ไอ้ปีศาจ ข้าคือเทพเฟยหลิง เทพผู้ไร้เทียมทาน!!” 

    “พวกเทพนี่ พวกเรา ฆ่ามัน!!”

    กลุ่มปีศาจนั้นเมื่อได้ยินว่าเธอเป็นเทพก็เลยบุกเข้าไปจัดการกับเธอในทันที แต่เธอก็ใช้ดาบของเธอเหวี่ยงออกไปเป็นโซ่เหล็กสีดำฟาดฟันปีศาจพวกนั้น ทำเอาพวกนั้นถึงกับตายไปมากมาย 

    “เฮ้อ อ้ายพวกปีศาจชั้นต่ำอย่างเจ้า จะมาต่อกรกับข้างั้นหรือ ไม่เจียมกะลาหัวเลย!!” เฟยหลิงพูดขึ้น และในตอนนั้น เดอเวสก็เข้าจู่โจมเธอต่อ เฟยหลิงกันดาบของเขาไว้ พวกเขาประมือกันไปกันมา ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ จนในตอนนั้นเดอเวสก็ถีบเธอเข้าที่หน้าอกจนกระเด็นไป

    “ตายซะ!!”

    เดอเวสในตอนนั้นก็จู่โจมเฟยหลิงหมายจะปลิดชีพ แต่ในตอนนั้นเอง เฟยหลิงก็ใช้มนต์อะไรบางอย่างกับเดอเวส ทำเอาเดอเวสถึงกับแน่นิ่งไป

    “นี่ เจ้าทำอะไรข้า??” เดอเวสตะโกนออกไป

    “จิตใจของเจ้าร้อนรน เจ้าฆ่าครอบครัวขอบเจ้าด้วยมือของเจ้าเอง ความกระหายของเจ้าไม่มีที่สิ้นสุด!!” เฟยหลิงพูดขึ้น จากนั้นเธอก็กระโดดขึ้นไปบนฟ้าและหายตัวไปในทันที และในตอนนั้นเอง เดอเวสก็ร่ายมนต์อะไรบางอย่างเพื่อคลายพันธนาการของเธอออกในทันที

    “เฟยหลิง ไม่จบแค่นี้แน่!!”

     

    ณ เมืองพิษณุโลกสองแคว ซึ่งในขณะนี้กลุ่มปีศาจได้ยึดเมืองเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว พวกมนุษย์ทุกคนถูกฆ่าตายจนหมด แล้วก็เช่นเดียวกับในคุกใต้ดินแห่งหนึ่ง ซึ่งภายในปราศจากเสียงใดๆ นอกจากเสียงกรีดร้องของหญิงคนหนึ่ง แต่ความจริงมันไม่ใช่ผู้หญิง ปีศาจสุนัขในสองตัวได้เอาเนื้อและเลือดสดๆของมนุษย์ที่ถูกสังหารใส่ถังสองใบ จากนั้นก็เอาลงมาที่คุกใต้ดินในทันที

    “ข้ารำคาญเสียงของมันยิ่งนัก!!” ปีศาจสุนัขตัวหนึ่งพูดขึ้น

    “ข้าก็เช่นกัน แต่ท่านแม่ทัพสั่งไว้ เราต้องขังเธอไว้ก่อน เพราะเธอมีพลังมหาศาลนัก!!” ปีศาจอีกตัวพูดขึ้น และเมื่อพวกเขามาถึงห้องขัง พวกเขาก็พบเจอกับปีศาจตัวหนึ่งซึ่งร่างใบหน้าราวกับซากศพ และท้องของเธอป้องออกมา พร้อมเล็บที่ยาวเหยียดดูน่ารังเกียจ

    “เอาเลือดมาให้กู!!” ปีศาจหญิงตัวนั้นตะโกนออกมา มันทำให้ปีศาจสุนัขในสองตัวกลัวได้

    “บ้าเอ้ย เหม็นชิบหายเลยอีนี่!!” ปีศาจสุนัขตัวหนึ่งพูดขึ้น

    “รีบๆให้อาหารมันแล้วไปกันเถิด ได้ยินว่ามันสามารถกินสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างเราได้” ปีศาจอีกตัวพูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็ยื่นถังให้กับปีศาจตัวนั้น และเมื่อมันได้อาหาร มันก็กินอย่างเอร็ดอร่อยในทันที ส่วนปีศาจสุนัขสองตัวก็รีบหนีออกไปก่อนที่ปีศาจตัวนั้นจะเกิดอาละวาดขึ้นมา

     

    ตกเย็น ในวันนั้นเอง คณะเดินทางศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เดินทางเข้าสู่เขตเมืองอ่างทองจนได้ แต่ทั้งเมืองตอนนี้รกร้างและว่างเปล่า ไม่มีสัญญาณสิ่งมีชีวิตใดๆเลย และในตอนนั้นที่พวกเขายังไม่ทันจะเข้าเมือง จู่ๆก็มีกลุ่มปีศาจลิงลมคอยดักขวางทางเขาไว้ 

    “ยิงใส่พวกมันเลย!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นทุกคนที่มีอาวุธปืนก็ระดมยิงใส่มันจนพวกมันตายกันหมด จากนั้นพวกเขาก็มาที่หน้าประตูเมืองในทันทีเพื่อคุยกันว่าจะเอาอย่างไรกันต่อ

    “พวกมันตายกันหมดแล้ว แต่ว่า พวกมันต้องมีอีกมากมายในเมืองเป็นแน่” วารีพูดขึ้น

    “ถ้าเช่นนั้น เราจะทำเยี่ยงไรต่อเล่า เราต้องไปหาแร่เหล็กกันนี่??” เมรีถามอย่างสงสัย

    “จริงด้วย เวียงพิงค์ ที่เจ้าเคยบอกไว้ ที่ที่พวกเขาขุดดินกันอยู่ที่ไหนหรือ??” ชิงเสียนถามอย่างสงสัย

    “มันตั้งอยู่บริเวณหน้าจวนของท่านเจ้าเมือง มิไกลจากที่นี่ดอก” เวียงพิงค์พูดขึ้น

    “แต่ว่า ถ้าเกิดพวกมันได้แร่เหล็กไปแล้ว พวกเราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” ออเรเลียถามอย่างสงสัย

    “เราก็เดินทางต่อไปยังพิษณุโลกสิ มิเห็นต้องคิดอันใดให้มากความ” สมบาติพูดขึ้น

    “แต่ข้าว่า พวกปีศาจที่อยู่ด้านในคงต้องมีมากแน่ๆ พวกเจ้าก็เตรียมตัวให้พร้อมแล้วกัน” นรสิงห์พูดขึ้น

    “แล้วเราจักต้องหาของจำเป็นในเมืองนี้ต่อหรือไม่??” แสนคำสมิงถามไป

    “ไม่ต้องหรอกจ้ะพี่ ข้าว่าพวกนั้นคงเอาไปหมดแล้ว” เอื้องเหนือตอบไป

    “ก็ดี อย่างน้อยก็มิต้องแบกสัมภาระเพิ่มหล่ะ” ธิดาพูดขึ้น

    “แต่ว่า หากดินปืนหมด พวกเจ้าจะทำเยี่ยงไรกันต่อหล่ะ??” มาร์คัสถามอย่างสงสัย ทำเอาพวกเขาถึงกับเงียบไป

    “ถ้าอย่างงั้นก็คงต้องแบ่งคนไปตามหาหล่ะกระมัง” อิริยะพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง ตาแก่คงก็เข้าไปกอดอิริยะจากด้านหลัง ทำเอาอิริยะตกใจมาก หลี่เจาถึงกับต้องลากเขาออกมาในทันที

    “นี่ ลุง ข้าจักมิทนกับเจ้าแล้วนะ!!” หลี่เจาตะโกนขู่ลุงคง จนแกร้องไห้ออกมาราวกับเด็กทารก

    “แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

    “เอาน่าท่านเทพ อย่าไปอะไรกับคนสติไม่ดีเลย” วาทินพูดขึ้น

    “ท่านอนาเลีย ท่านช่วยเอายาอันใดก็ได้ให้เขากินหน่อยสิ สติจะได้อยู่กับร่องกับรอย” อองโม่โยพูดขึ้น

    “ข้าพยายามแล้ว แต่ยาที่ข้ามีแทบไม่ได้ผลกับเขาเลย” อนาเลียพูดขึ้นพลางกุมขมับเพราะปวดหัวกับลุงแก

    “เอาเถอะๆ ตอนนี้เราต้องหาดินปืน รวมถึงกระสุนเพิ่มด้วยนะ” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “ข้าว่า มันต้องมีที่โรงเก็บอาวุธที่ใดซักแห่งในเมืองนี้สิ” แม็กซิมพูดขึ้น

    “ข้าว่า พวกปีศาจคงจักเอาดินปืนพวกเราไปหมดแล้วหล่ะ” รีปเปอร์พูดขึ้น

    “แต่ว่า ตอนนี้เราคิดถึงเรื่องแร่เหล็กนั่นก่อนนะ เราต้องไปที่เหมืองนั่น เผื่อว่ามันจะยังอยู่” คาวีพูดขึ้น

    “ใช่ ข้าเองก็อยากจะเห็นกับตาว่าแร่เหล็กนั่นมีจริงหรือเปล่า” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “แต่ว่า ปีศาจที่เราเจอวันนี้ ข้ายังไม่เข้าใจว่าพวกมันมาจากไหน??” มายะพูดขึ้น

    “จะสนอันใดเล่า หน้าที่ของเราก็แค่ต้องปราบมัน ก็เท่านั้น” โชพูดขึ้น

    “ข้าว่า หากเราได้แร่เหล็กเพิ่ม เราอาจจะทำอาวุธได้เพิ่มนะ” ฉางหลงพูดขึ้น

    “แต่ว่า นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้วนะ ข้าว่าเราต้องหาที่ค้างแรมกันด้วย” ไวโอเล็ตพูดขึ้น

    “ใช่ ข้าเองก็เริ่มง่วงนอนแล้ว ข้าเองต้องนอนให้ตรงเวลานะ” อเล็กซพูดอย่างกวนๆ

    “เอาหล่ะ พวกเราเดินทางกันต่อเถิด ระวังพวกปีศาจรอบๆด้านไว้ด้วยหล่ะ” นาราพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ออกเดินทางกันต่อในทันที

     

    ณ ที่ไหนซักแห่งในเมืองอ่างทอง ซึ่งกลุ่มปีศาจสุนัขในกลุ่มหนึ่งกำลังเดินลาดตระเวนไปตามถนนเพื่อเสาะหามนุษย์และข้าวของที่จำเป็นอย่างอื่น ในตอนนั้นมันก็เดินทัพมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ที่หนึ่ง ซึ่งด้านหน้ามีเฟอร์นิเจอร์ไม้มากมายรวมถึงเศษซากปรักหักพังขว้างทางอยู่

    “บ้าเอ้ย มึงหน่ะ ไปเอามันออกซิ!!” จ่าฝูงตัวหนึ่งพูดขึ้น จากนั้นมันตัวหนึ่งก็เดินเข้าไป แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    “เฮ้ย ซุ่มโจมตี!!”

    “ตู้มๆๆๆๆๆ!!” เสียงระเบิดที่ดังขึ้นต่อเนื่องตามถนน ซึ่งมาจากระเบิดที่ถูกวางไว้ตามทาง ทำเอาเหล่าสุนัขในพวกนั้นถึงกับกระเด็นกันไปคนละทิศละทาง และในตอนนั้นเอง หญิงสาวชุดแดงคนหนึ่งก็วิ่งออกมาและชักดาบออกมา แล้วฟาดฟันกับพวกมันในทันที

    “ย้ากก!!”

    “เฮ้ย พวกมนุษย์!!”

    พวกนั้นตั้งโล่ หอก และดาบเพื่อประมือกับเธออย่างดุเดือด แต่เธอก็สามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย และอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวอีกคนที่ถือพัดมาก็ใช้เข็มที่ติดกับพัดขว้างใส่พวกมันทันที

    “ฉึก!!”

    พวกนั้นพยายามแบ่งกำลังไปสู้กับเธอ แต่ก็สู้ไม่ได้เนื่องจากฝีมือของพวกมันด้อยกว่า และไม่นาน พวกมันก็ตายกันเกือบหมด และในตอนนั้น พวกมันตัวหนึ่งก็กำลังจะคลานหนี หญิงสาวชุดแดงคนนั้นชักปืนออกมาแล้วยิงซ้ำในทันที

    “ปัง!!”

    “เฮ้อ ดูท่าจะหมดแล้วนะ คุณเชอร์รี่!!” หญิงสาวถือพัดพูดขึ้น

    “นั่นสิ ซื่ออ้าย พวกมันมีเยอะกว่าเมื่อวานอีกนะเนี่ย” เชอร์รี่พูดขึ้น

    “นั่นสิคะ ดูเหมือนพวกมันจะตามหาอะไรบางอย่าง” ซื่ออ้ายพูดขึ้น

    “วันนี้พอแค่นี้ก่อน กลับเข้าบ้านกันก่อนเถอะ” เชอร์รี่พูดขึ้น จากนั้นพวกเธอก็รีบหลบเข้าไปในซอยละแวกนั้นในทันที ก่อนที่พวกมันตัวอื่นจะไล่ตามมาหาเธอ

     

    พวกเขาเดินผ่านเมืองไปตามถนนใหญ่เรื่อยๆ โดยที่เวียงพิงค์ก็ช่วยนำทางเนื่องจากว่าเธอรู้ว่าเหมืองนั่นอยู่ที่ไหน ระหว่างทาง พวกเขาก็ต้องจัดการกับปีศาจไปด้วย แต่ปีศาจที่พวกเขาเจอจะเป็นปีศาจลิงลม ปีศาจสุนัขในและปีศาจหนอนยักษ์รวมกันประปราย 

    “พวกมันมีไม่เยอะเท่าไหร่ ข้าว่า มันชักจะแปลกๆแล้วนะ ท่านว่าหรือเปล่า??” ทูตเบลล์ถามกุมารเทพไป

    “นั่นสิ หรือว่า พวกมันอาจจะได้แร่เหล็กไปแล้ว แล้วเหลือปีศาจบางส่วนเอาไว้เพื่อเสาะหามนุษย์เพิ่มเติม??” กุมารเทพถามไป

    “อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยกุมารน้อย ไปถึงเหมืองนั่นก่อนค่อยว่ากัน” ทองอินทร์พูดขึ้น พวกเขาเดินทางมาเรื่อยๆ จนไม่นานนัก เวียงพิงค์ก็พาพวกเขามาถึงเหมืองที่เธอได้เห็น ซึ่งด้านหน้าเหมืองนั่นดูเหมือนจะรกร้าง แต่ก็ยังมีแสงไฟอยู่ด้านใน พวกเขารีบไปที่หน้าเหมืองในทันที แต่ดันมีปีศาจถือจอบตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่ มันเห็นพวกของทองอินทร์เลยเข้าไปจู่โจมในทันที แต่นาราตอนนั้นก็หลบการโจมตีของมันและเตะเข้าที่ก้านคอของมัน และเหยียบเข้าที่หัวของมันจนเละไปเลย

    “เหมืองนี่ใช่หรือเปล่าที่เจ้าว่า??” แสนคำสมิงถามเวียงพิงค์

    “ใช่ ที่นี่แหละ!!”

    “ข้าว่า พวกมันยังไม่ได้แร่เหล็กไปดอก มิเช่นนั้น ก็ต้องไม่มีปีศาจอยู่ที่นี่สิ” สมบาติพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็ถือว่าเรามาไม่เสียเที่ยวสินะ” ชิงเสียนพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ข้าว่า ด้านในต้องมีพวกมันมากประมาณแน่ๆ” คาวีพูดขึ้น

    “แต่พวกเรามีเยอะกว่าพวกมัน ปัญหาคือ เกวียนพวกนี้หล่ะ??” ธิดาถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิ เราเอาเกวียนเข้าไปในเหมืองไม่ได้หรอกนะ” เอื้องเหนือถามเสริม และในตอนนั้นเอง อนาเลียก็ร่ายมนต์อะไรบางอย่าง และได้เอานิ้วไปลากกับพื้นตามทาง จากนั้นก็กลับมาหาพวกเขาในทันที

    “ข้าจัดการได้แล้ว ทิ้งเกวียนไว้ที่นี่แหละ” อนาเลียพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ ปีศาจด้านในต้องเป็นไอ้พวกถือจอบแน่ๆ” แม็กซิมพูดขึ้น

    “หวังว่าจะไม่มีหนอนยักษ์อยู่ในนั้นนะ ข้าเอียนเหลือเกิน” เทเรซ่าพูดขึ้น

    “แต่ว่า ในเหมืองนี่มืดเหลือเกิน จะส่องไฟอย่างไรเล่า??” รีปเปอร์ถามอย่างสงสัย

    “มันน่าจะมีไฟในเหมืองอยู่นะ ถ้าพวกมันยังอยู่” มาเรียน่าออกความเห็นไป

    “ว่าแต่ พวกเขาจะขุดเหมืองไปทำไมกัน ถ้าอุกกาบาตตกลงมาจากท้องฟ้า??” เมรีถามอย่างสงสัย

    “นั่นสิ ข้าเองก็สงสัยตรงนี้เช่นกัน??” นรสิงห์ถามเสริม

    “หรือว่า จะมีผู้ใดเอาแร่เหล็กมาซ่อนไว้??” มายะถามไป

    “อืม อาจเป็นไปได้ ข้าว่าพวกนั้นอาจจะเอามาซ่อนไว้” อองโม่โยพูดขึ้น

    “นี่ ท่านหลี่เจา ท่านใช้พลังเทพมองไปด้านในหน่อยได้หรือเปล่า??” วาทินถามหลี่เจาไป

    “ตอนนี้ข้ายังมองไม่ได้หรอก พลังเทพของข้ายังไม่เปิดเผยตอนนี้” หลี่เจาพูดขึ้น

    “เอ้า ถ้าอย่างงั้นก็ไม่มีประโยชน์อันใดหน่ะสิ” ออเรเลียพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง ซักวันหนึ่งพวกเจ้าจะต้องได้รู้แน่ๆ” อิริยะพูดขึ้น

    “เอาเถอะๆ ข้าว่าในเหมืองมันแคบ เราอาจจะเข้าไปได้ไม่ทุกคนแน่ๆ” อเล็กซพูดขึ้น

    “ถ้าไม่เช่นนั้น เราก็เรียงแถวเข้าไปสิ แล้วค่อยมาดูกัน” มาร์คัสพูดขึ้น

    “แล้วผู้ใดจะนำหน้ากันหล่ะ??” ไวโอเล็ตถามอย่างสงสัย และในตอนนั้น พวกเขาก็เห็นตาแก่คงที่หยุดร้องไห้และมาร้องรำทำเพลงต่อ พวกเขาเลยรู้ว่าควรจะให้ใครเข้าไปก่อน

    “เอาตาลุงนั่นเข้าไปก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคุ้มกันแก” โชพูดขึ้น

    “แล้วลุงแกจักไม่เป็นอะไรเช่นนั้นหรือ??” ฉางหลงถามไป

    “โอ้ย ลุงแกหนังหนา ไม่เป็นกระไรดอก” วารีพูดขึ้น

    “เอาหล่ะ รีบยื่นคบเพลิงให้กับแก แล้วเข้าไปด้านในเถิด” นาราพูดขึ้น

     

    และด้านในเหมือง ลุงคงแกก็ถือคบเพลิงเอาไว้อย่างงงๆและเดินเข้าไปในเหมืองท่ามกลางความมืด ในขณะที่คนอื่นๆก็ช่วยคุ้มกันแกไปด้วย

    “ร้อน มืด แง๊ๆๆๆๆๆๆๆ” ลุงคงตะโกนออกมา แต่ก็ยังไม่ปล่อยคบเพลิงไป และเมื่อเข้ามาด้านในได้ซักพัก พวกเขาก็มาถึงลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านในมีคบเพลิงปักไว้มากมาย แต่ก็มีปีศาจถือจอบกลุ่มหนึ่งกำลังยืนเฝ้าอยู่ด้านใน ผนวกกับปีศาจถือจอบตัวหนึ่งซึ่งมีร่างกายสูงใหญ่สีแดงกำลังยืนรอเขาอยู่ รวมถึงชายคนหนึ่งซึ่งถูกจับมัดอยู่ด้านใน และเมื่อพวกของทองอินทร์เข้ามาถึง พวกเขาก็แยกย้ายกันเพื่อเตรียมต่อสู้ในทันที

    “กุมารน้อย ไอ้ตัวนั้นมันสูงใหญ่ ร่างสีแดง มันเป็นใครกัน??” ทองอินทร์ถามไป

    “ข้าดูแล้ว มันเป็นหัวหน้ากลุ่มของอ้ายปีศาจพวกนี้ ร่างกายของมันแบกรับพลังได้สูงที่สุด มันเลยเป็นหัวหน้าหน่ะ!!” กุมารเทพพูดขึ้น

    “ข้าว่ามันต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่ เราต้องระวังตัวด้วย!!” ทูตเบลล์พูดขึ้น

    “พวกเจ้าจัดการลูกน้องตัวอื่นก่อน ข้าจะไปประมือกับไอ้ตัวหัวหน้าเอง!!” ทองอินทร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ชักดาบออกมา แล้วก็เข้าจู่โจมพวกมันอย่างรวดเร็วในทันที เสียงการปะทะด้านในดังไปทั่ว ทองอินทร์ประดาบกับตัวหัวหน้าของมันอย่างดุเดือด แต่ตัวมันรวดเร็วมาก และเมื่อมันฟันสวนกลับทองอินทร์ ทำเอาทองอินทร์ถึงกับทรุดลงไปในทันที

    “บ้าเอ้ย เหตุไฉนถึงแข็งแกร่งเช่นนี้??”

    “ท่านพี่ ระวังด้วย มันดูดซับไอปีศาจมากกว่าตัวอื่น” กุมารเทพพูดขึ้น และตอนนั้นมันก็เข้าไปเล่นงานกุมารเทพด้วย แต่เขาหลบได้และร่ายพลังใส่มันจนมันถอยไป

    “ท่านคนเดียวสู้มันไม่ไหวหรอก” ทูตเบลล์ตะโกนบอกไป และในตอนนั้นเอง เมรีซึ่งสู้กับตัวอื่นไปแล้วก็ยิงธนูใส่มันกลับไปในทันที แต่มันปัดลูกธนูของเธอได้ จากนั้นก็ฟันสวนโดนแขนของเธอในทันที แม้เธอจะหนังเหนียว แต่แขนของเธอก็ชาไปทั้งแขน

    “โอ๊ย บ้าเอ้ย ทำไมแขนขยับไม่ได้??” เมรีถามไป

    “ใครก็ได้ช่วยเมรีด้วย เร็ว!!” ธิดาพูดขึ้น และในตอนนั้นเอง เอื้องเหนือก็ช่วยนวดแขนให้เธอในทันทีเพื่อผ่อนคลาย

    “เมรี ทำไมแขนเธอกลายเป็นสีขาวไปหล่ะ??” เอื้องเหนือถามไป และในตอนนั้นเอง ทูตเบลล์ก็มาช่วยร่ายมนต์ใส่แขนเธอเพื่อให้อาการกลับมาดียิ่งขึ้น

    “ทุกคน อย่าโดนมันฟันเด็ดขาด ไม่อย่างงั้นร่างกายจะชาทั้งตัว!!” สมบาติตะโกนบอกกับทุกคน และในตอนนั้น นรสิงห์ก็เข้าไปประดาบกับมัน โดยที่คนอื่นๆก็พยายามล้อมกรอบมันไปด้วย 

    “บ้าเอ้ย มันหลบไวมากเลย!!” นรสิงห์พูดขึ้น

    “ใครที่มีปืน ยิงใส่มันเลย!!” เวียงพิงค์ตะโกนออกมา จากนั้นคนอื่นๆที่มีปืนก็ระดมยิงใส่ปีศาจตัวนั้นในทันที แต่ว่ามันก็พยายามหลบกระสุนไปอย่างรวดเร็ว

    “โห บ้าเอ้ย เรายิงมันแทบไม่โดนเลย!!” ชิงเสียนพูดขึ้น

    “ประหยัดกระสุนไว้ อย่ายิงโดยไม่แน่ใจเด็ดขาด!!” มาร์คัสตะโกนออกมา และในตอนนั้นเอง มันก็ใช้กระบวนท่าเหวี่ยงจอบของมันเหวี่ยงไปทั่ว ในตอนนั้นก็โดนโล่ของอองโม่โยจนโล่แตก และเขาก็กระเด็นออกมาในทันที

    “โอ้ย บ้าเอ้ย โล่ข้า!!”

    “ข้าลองเอง!!” ออเรเลียพูดขึ้น จากนั้นเธอก็แทงหอกใส่ปีศาจเข้าที่แขน แต่มันก็ใช้อีกแขนหนึ่งถือจอบไว้และจะฟันออเรเลีย แต่วารีก็ใช้ดาบคาตะนะของเขางัดเข้าที่แขนของมัน จนมันถึงกับหยุดนิ่งไป

    “เราต้องฟันร่างของมัน ไม่ให้มันขยับได้!!” วารีพูดขึ้น ในตอนนั้นคาวีก็ใช้คาถาของเขาร่ายใส่ดาบ และปักเข้าที่เอวของมัน ทำเอามันถึงกับร้องโหยหวนไป

    “ตายซะไอ้ระยำ!!” คาวีพูดขึ้น แต่ในตอนนั้น มันก็ขัดขืนได้และเหวี่ยงจอบใส่คนอื่นๆอย่างบ้าคลั่ง ยังดีที่พวกเขาหลบได้ทัน ในตอนนั้นหลี่เจาก็ใช้ทวนของเขาฟันเข้าไปที่จอบของมัน มันใช้จอบกันเอาไว้ แต่อิริยะก็ใช้มีดบินของเธอปาใส่ที่ขาของมันทั้งสองข้างในทันที

    “มันเคลื่อนไหวช้าลงแล้ว จัดการมันเลย!!” อิริยะพูดขึ้นในขณะที่ตัวมันตอนนี้เริ่มจะเดินช้าลงแล้ว

    “ระวังด้วย จอบของมันยังอันตรายอยู่!!” หลี่เจาตะโกนออกมา และในตอนนั้นมันก็ฟาดจอบเข้าที่กลางอกของหลี่เจา หลี่เจากระเด็นออกมาแต่ก็ไม่เป็นอะไรมากนัก เพราะด้วยความเป็นเทพของเขา

    “ถ้าเราจัดการอาวุธมันไม่ได้ พวกเราแย่แน่!!” วาทินพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ใช้ดาบของเขาหลอกล่อให้ปีศาจฟันเขา และในตอนนั้น มาเรียน่าก็ใช้ปืนของเธอยิงเข้าที่แขนของมัน ทำเอาแขนของมันร่วงลงในทันที

    “เฮ้อ โดนไปซะไอ้ระยำ!!” มาเรียน่าพูดขึ้น

    “กินลูกปืนซะ!!” อเล็กซใช้ปืนพกสั้นของเธอระดมยิงใส่ร่างของมันทั้งตัว ทำเอามันถึงกับต้องถอยกลับไป

    “เราต้องทำให้มันปล่อยจอบของมันให้ได้!!” ไวโอเล็ตตะโกนออกมา และในตอนนั้นเอง ฉางหลงก็ไปจับแขนของมันทั้งสองข้างที่ด้านหลัง จากนั้นก็เอาแขนข้างหนึ่งของมันมาและหักแขนมันในทันที

    “อ๊าค!!” ปีศาจตัวนั้นตะโกนร้องออกมา

    “เป็นไงหล่ะมึง??” ฉางหลงตะโกนไป แต่มันก็เตะกลับหลังฉางหลงจะกระเด็น ในตอนนั้นโชก็ใช้ดาบของเขาฟันที่ขาของมัน มันจะใช้แขนอีกข้างถือจอบฟันโช แต่มายะเอาดาบของเธอมากันไว้ได้อย่างรวดเร็ว

    “โช รีบออกไปก่อน เร็ว!!” มายะพูดขึ้น และในตอนนั้น ลุงคงก็จับร่างของมัน แล้วยกมันขึ้นมาทุ่มหัวลงกับพื้นในทันที มันพยายามจะลุกขึ้นมาต่อ 

    “แม็กซิม รีปเปอร์ ลุยเลย!!” เทเรซ่าพูดขึ้น จากนั้นทั้งสามคนก็เข้าไปรุมฟันปีศาจนั่นอย่างต่อเนื่อง ทำเอามันแทบจะล้มทั้งยืนไปเลย

    “เอาไปเลย ไอ้ระยำเอ้ย!!” แม็กซิมตะโกนขึ้น และในตอนนั้นเอง อนาเลียก็พยายามร่ายมนต์ใส่มันให้มันหยุดนิ่ง

    “อย่าคิดขัดขืนข้าเลย!!” อนาเลียตะโกนออกมา แต่ในตอนนั้น มันก็ขืนตัวเองและยกร่างตัวเองขึ้นมา ทำเอาทั้งสามคนถึงกับกระเด็นไปคนละทางในทันที

    “บ้าเอ้ย โคตรอึดเลยไอ้บ้านี่!!” รีปเปอร์พูดขึ้น มันพยายามลากสังขารของมันไปหยิบจอบกลับไป 

    “คิดจะไปเอาอาวุธหรือ??” แสนคำสมิงถามไป จากนั้นก็วิ่งเข้าไปฟันที่กลางหลังของมัน 

    “ตอนนี้แหละ มันเริ่มจะล้มแล้ว!!” โชตะโกนออกมา ในตอนนั้นนาราก็วิ่งเข้าไปตีเข่าใส่มัน จากนั้นก็ต่อยเข้าที่หน้ามันจนกระเด็น จากนั้นทองอินทร์เอาดาบของเขาแล้วร่ายคาถาออกมาในทันที

    “นะโมพุทธายะ!!”

    “ฉึก!!”

    ทองอินทร์ใช้ดาบคู่ของเขาแทงเข้าไปที่หน้าอกของมัน มันร้องโหยหวนออกมาอย่างทรมาน จากนั้นร่างของมันก็ค่อยๆมอดไหม้ในทันที ในตอนนี้พวกเขาชนะมันแล้ว และในตอนนั้นเอง ทองอินทร์ก็ไปแก้มัดชายคนนั้นที่ถูกจับเอาไว้ แล้วก็คุยกับเขาในทันที

    “นี่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร??” ทองอินทร์ถามไป

    “ข้าชื่อสิงห์ ข้าเป็นชาวอ่างทอง ข้าทำงานที่โรงตีเหล็ก พวกมันจับข้ามาที่นี่เพื่อเค้นถามวิธีใช้แร่เหล็กอุกกาบาตนั่น!!”

    “ว่าแต่ เหล็กอุกกาบาตอยู่ที่ใดกัน??” นาราถามอย่างสงสัย และนายสิงห์ก็ชี้ไปที่ด้านหลังเขา ซึ่งปรากฎเป็นแร่เหล็กสีดำทะมึน แต่ยังมีแสงสีแดงเป็นประกายเล็กน้อย ซึ่งแร่เหล็กมีขนาดใหญ่มาก

    “ว่าแต่ ท่านมีวิธีใช้แร่เหล็กนั่นหรือไม่??” ทองอินทร์ถามอย่างสงสัย

    “เจ้าต้องใช้คาถานี้ในการหลอมมัน ข้าเก็บคาถานี่ไว้ไม่ให้พวกปีศาจนี่รู้ แต่โรงตีเหล็กที่นี่ถูกทำลายจนสิ้น ทุกอย่างไม่มีเหลือ ข้าขอบน้ำใจพวกท่านมาก!!” นายสิงห์คนนั้นพูดขึ้น 

    “ดูเหมือนว่าแร่เหล็กนี่จะหนักน่าดูเลย คงต้องช่วยกันขนออกไปใส่เกวียนแล้วหล่ะ แล้วหาที่พักกันก่อนเถิด” ทองอินทร์บอกกับทุกคนไป

    ==============================================================

    แร่เหล็กนั่นมีพลังพิเศษอะไรกันแน่ และการเดินทางของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    ประกาศๆ ตอนนี้ผมกำลังจับคู่ให้ตัวละคร แต่ผมจะกำหนดเองนะครับว่าให้ใครคู่กับใคร แหะๆ

    แล้วอีกเรื่อง ในช่วงกลางเรื่อง ผมจะเริ่มให้ตัวละครตายลงบ้างแล้วนะครับ เพราะตอนนี้ตัวละครเยอะเกิ๊น 555 ใครที่ส่งตัวละครมามากกว่า 1 ตัวอาจต้องทำใจนะครับ (แต่จะส่งตัวอื่นมาเป็นบทสมทบก็ได้นะ แหะๆ)

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig ซับแนลหนูด้วย

    สุขสันต์วันตรุษจีนเน้อ แหะๆ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×