ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่ 14 : จับตัว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 97
      2
      26 ก.ย. 63

    ทองสุก เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ควบม้าเดินทางไปยังเขตไวท์ยอร์ก ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาก็คือหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตนั้น เป็นหมู่บ้านที่เก็บของผิดกฎหมายมากมายแต่ไม่มีใครกล้ามาตรวจสอบ และเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงที่หมาย พวกเขาก็จอดม้าไว้แถวนั้น จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆหมู่บ้าน และในตอนนั้นเอง ทองสุกก็เห็นยามคนหนึ่งกำลังเดินไปเดินมาแถวนั้น ทองสุกเห็นก็ลากมันมาเชือดคอในทันที

    “ฉัวะ!!” เมื่อเขาฆ่าเสร็จ เขาก็ลากศพหมอนั่นไปซ่อนในพุ่มไม้ทันที

    “ดูเหมือนว่าพวกมันจะเฝ้าที่นี่เยอะมากเลย เท่าที่ดูหน่ะ!!” ทองสุกพูดขึ้น

    “ใช่แล้วหล่ะ ที่นี่เป็นแหล่งเก็บของชั้นดีของพวกมันเลย” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “เฮ้ย นั่นมันอะไรหน่ะ??” เจสสิก้าเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างผิดปกติ เธอใช้กล้องส่องทางไกลก็เห็นชายเอเชียในชุดสูทสามคนหนึ่งคุยอะไรบางอย่างกับชายผิวขาว จากนั้นชายเอเชียก็ยื่นเงินให้กับคนพวกนั้นด้วย 

    “พวกมันเข้ามาที่นี่ได้ยังไง??” เจสสิก้าถามไป

    “แสดงว่าพวกมันมีเอี่ยวกับพวกไวท์ยอร์กแน่ๆ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ช่างมัน ถ้าเราเล่นงานที่นี่ได้ พวกมันก็เสียหายเหมือนกัน” ทองสุกพูดขึ้น

    “แล้วนายจะเอายังไงหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “พอรู้หรือเปล่าว่าพวกมันเก็บของไว้ที่ไหน??” ทองสุกถามไป

    “เห็นโรงนาใหญ่ตรงนั้นหรือเปล่า มันมีห้องใต้ดินเก็บกระสุนกับระเบิดด้วย ฉันเคยเห็นพวกมันขนกล่องเข้าไปในนั้นด้วย” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “โอเคเราจะเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด จากนั้นก็ระเบิดโรงนามันเลย” ทองสุกพูดขึ้น

    “อืม ความคิดดีนะ ฉันจะระวังหลังให้แล้วกัน” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ฉันจะซุ่มยิงอยู่ข้างนอกแล้วกัน ระวังตัวด้วยหล่ะ!!” แคลิเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นทองสุกและเจสสิก้าก็แยกย้ายออกไปจัดการในหมู่บ้าน ส่วนแคลิเฟอร์ก็เตรียมปืนไรเฟิลคอยดักซุ่มด้านนอกเผื่อพวกเขาต้องหนี

     

    ทองสุกและเจสสิก้าค่อยๆย่องเข้าไปในหมู่บ้าน เขาย่องมาเรื่อยๆจนเจอกำแพงหมู่บ้าน ซึ่งถ้าข้ามไปได้ พวกเขาก็เข้าไปในโรงนาได้ ในตอนนั้นเอง ทองสุกก็เอาเชือกมาเส้นหนึ่ง มัดเป็นบ่วงเงื่อน จากนั้นก็เหวี่ยงติดกับยอดเสา จากนั้นก็ค่อยๆไต่มันขึ้นไปทีละน้อย และเมื่อเขาถึงยอด เขาก็ส่งเชือกให้เจสสิก้าต่อ

    “ตามมาเร็ว!!”

    เจสสิก้ารีบคว้าเชือกแล้วไต่ตามทองสุกไปในทันที จากนั้นเขาก็เก็บเชือกและกระโดดลงไปยังโรงนา และที่ด้านนอก แคลิเฟอร์ใช้ปืนส่องไปในหมู่บ้าน แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็ดันเห็นชายขี่ม้าชุดขาวกลุ่มหนี่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำเอาแคลิเฟอร์ถึงกับตกใจมาก

    “โห มากันเป็นสิบคนเลยมั้งเนี่ย??” แคลิเฟอร์คิดในใจ

    และด้านในโรงนา ทั้งทองสุกและแคลิเฟอร์ก็จัดการยามที่อยู่ด้านในได้สำเร็จ จากนั้นเจสสิก้าก็พยายามเดินไปเหยียบตามพื้นของโรงนาเพื่อหาห้องใต้ดินนั้น

    “เป็นยังไงบ้าง เจอหรือยัง??” ทองสุกถามไป

    “แป๊ปนะ กำลังหาอยู่” เจสสิก้าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง

    “กิ๊ก!!”

    เจสสิก้าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอเลยใช้มือคลำไปแถวนั้น จากนั้นเธอก็เห็นห่วงเหล็กห่วงหนึ่ง เจสสิก้าดึงมันขึ้นมาในทันที

    “แอ๊ด!!”

    ประตูห้องใต้ดินตอนนี้ได้เปิดเรียบร้อยแล้ว

    “ทองสุก นี่ไง เต็มเลย!!” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นทองสุกก็เห็นถังดินปืนวางเรียงรายเต็มไปหมด รวมถึงกระสุนและระเบิดมากมายอัดแน่นเต็มโรงนาไปหมด

    “โห แบบนี้พวกมันบรรลัยแน่ๆ!!” ทองสุกพูดขึ้น แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เข้ามาที่ด้านหน้าโกดัง แล้วดันมาเจอพวกเขาทั้งคู่ในทันที

    “เฮ้ย มีคนบุกรุก!!”

    ทองสุกเห็นในตอนนั้นก็ยิงมันไปในทันที เสียงปืนดังเตือนคนอื่นๆในหมู่บ้าน ทำเอาพวกเขาถึงกับแตกตื่น

    “ซวยแล้ว เอาไงดีหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “ระเบิดมันเลย แล้วฝ่าพวกมันออกไป” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นเจสสิก้าก็จุดชนวนไดนาไมท์ลูกหนึ่ง แล้วโยนเข้าไปในห้องใต้ดิน จากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งออกมาในทันที แต่ในตอนนั้นเอง กลุ่มชาวบ้านและพวกหัวรุนแรงก็หยิบอาวุธจะมาล้อมพวกเขา แคลิเฟอร์เห็นตอนนั้นก็ยิงช่วยทั้งคู่ในทันที

    “ปัง!!”

    “เฮ้ย พวกมันอยู่ด้านหลัง!!” พวกนั้นบางส่วนหันมายิงแคลิเฟอร์ แต่ไม่โดนซักนัด ทองสุกและเจสสิก้ารีบใช้จังหวะวิ่งมาหลบแถวนั้นในทันที

    “ตู้ม!!”

    โรงนาแห่งนั้นระเบิดเป็นจุล ไม่เหลือซากอะไรเลย พวกมันตกใจมาก ทองสุกและเจสสิก้าพยายามหนีออกมา แต่ในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งก็ใช้ไม้ฟาดทองสุกจนล้มลง เจสสิก้าจึงวิ่งเข้าไปช่วย แต่พวกมันวิ่งมาจะล้อมเจสสิก้าไว้

    “หนีไป เร็ว!!” ทองสุกพูดขึ้น

    “ไม่ ฉันไม่ทิ้งนายหรอก!!” เจสสิก้าตะโกนไป

    “ฉันไม่เป็นไรหรอก เชื่อฉันสิ!!” ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นเจสสิก้าก็จำใจหนีออกมา ส่วนทองสุกก็ชักดาบออกมาฟาดฟันกับพวกมันไป แคลิเฟอร์ตอนนั้นก็พยายามยิงช่วยเหลือ แต่พวกมันก็มีมากเกินไป

    “รีบหนีออกมาเร็วสิ!!”

    แคลิเฟอร์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง พวกมันก็ระดมยิงใส่แคลิเฟอร์อย่างหนัก จนเธอต้องรีบหนีออกมา เธอหนีออกมาแล้วมาเจอกับเจสสิก้าที่กำลังหนี 

    “แล้วทอดด์ไปไหนหล่ะ??” เจสสิก้าถามไป

    “เขาบอกให้ไปก่อน เรารีบไปหาคนมาช่วยเขาเถอะ!!” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “บ้าเอ้ย งั้นไปเร็ว!!”

    แคลิเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นพวกเธอสองคนก็รีบควบม้าหนีไปก่อน และในตอนนั้นเอง ทองสุกก็ฟาดฟันกับพวกมันอย่างดุเดือด ดูเหมือนว่าพวกมันจะทำอะไรทองสุกไม่ได้เลย

    “เข้ามาเลยไอ้ระยำ!!”

    “ตุ๊บ!!”

    ชายคนหนึ่งเอาไม้ฟาดเข้าที่หน้าทองสุก จากนั้นทองสุกก็ล้มลงไป เขาพยายามจะขัดขืนแต่ก็ไม่เป็นผล และในตอนนั้นเอง พวกมันก็ตีซ้ำอีกที

    “ตุ๊บ!!” ร่างของทองสุกร่วงลงไปนอนกับพื้นในทันที

    “เฮ้ย นั่นมันไอ้ชุดแดงที่เราตามล่าหรือเปล่า??”

    “ฉันว่าใช่นะ เอายังไงกับมันดี??” 

    “ส่งข่าวหาคุณรูเบ็น คืนนี้เราได้เครื่องบูชายัญหล่ะ” 

    “แล้วจะเอายังไงกับมันหล่ะ??”

    “เอาตัวมันไปขังไว้ก่อน!!” เมื่อพูดจบ พวกมันก็จับตัวทองสุกเอาไว้ในทันที

     

    กลับมายัง Black Maple หลังจากที่นายอำเภอและคณะกลับมาได้หนึ่งวัน จู่ๆพวกเขาก็ได้รับหมายอะไรบางอย่างจากคนส่งข่าว ชายส่งข่าวคนนั้นรีบเอาหมายไปให้กับนายอำเภอในทันทีอย่างเร่งรีบ

    “นายอำเภอครับ มีหมายมาครับ!!”

    “อะไรกัน จะเรียกฉันไปอีกแล้วเหรอ??” นายอำเภอถามไป

    “หมายบอกว่าผู้พิพากษาฟิโอน่าจะมาเป็นผู้พิพากษาประจำเมืองของเราครับ!!”

    “หือ ทำไมเป็นอย่างงั้นหล่ะ??” บอริสถามอย่างสงสัย

    “ฉันนึกไว้แล้วไม่มีผิดเลย” นายอำเภอพูดขึ้น

    “หือ นึกอะไรเหรอคะ??” มีน่าถามไป

    “เท่าที่ฉันดูเนี่ย เธออยากจะมาเป็นผู้พิพากษาเมืองนี้ คดีถึงได้จบง่ายไงหล่ะ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “อืม แต่ว่า ทำไมผู้พิพากษาประจำรัฐ ถึงยอมลดตัวมาอยู่เมืองเล็กๆอย่างเมืองนี้หล่ะ??” ปีเตอร์ถามไป

    “เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวโยงกับกลุ่มคนที่มากว้านซื้อที่บริเวณนี้หน่ะ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “พูดง่ายๆก็คือ ผู้พิพากษาอาจมีเอี่ยวกับเกมนี้ก็ได้” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นเราคงต้องระวังหน่อยนะครับตอนนี้” บอริสพูดขึ้น

    “นั่นสิคะ หนูไม่ไหวใจยัยคนนั้นเลย” มีน่าพูดขึ้น

    “แต่เราจะทำอะไรได้หล่ะ นอกจากทำตามคำสั่งนี่” นายอำเภอพูดขึ้น

    “แล้วนี่เราต้องไปเดินขบวนต้อนรับพวกมันหรือเปล่าเนี่ย??” ปีเตอร์ถามไป

    “ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นหนูจะตามสืบยัยนั่นเองค่ะ” มีน่าพูดขึ้น

    “ผมว่า เก็บยัยผู้พิพากษาเลยดีกว่า” บอริสพูดขึ้น

    “บอริส ถามผู้พิพากษาตายที่เมืองของเรา พวกเราจะโดนเพ็งเล็งหนักนะ” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ใช่ เราต้องเคารพกฎหมายนะ ไม่งั้นเราก็ไม่ต่างจากโจรหรอก” นายอำเภอพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องสืบแล้วหล่ะครับว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” บอริสพูดขึ้น

    “ฉันอาสาเองค่ะ ฉันจะจับตาผู้พิพากษานั่นทุกฝีก้าวเลยค่ะ” มีน่าพูดขึ้น

    “อืม ถ้าเกิดมีอะไรเธอก็มาบอกฉัน ไม่ก็ปีเตอร์นะ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “รับทราบค่ะ!!”

    “งานนี้เรากำลังเล่นอยู่กับขาใหญ่จริงๆนั่นแหละ แต่ฉันไม่กลัวหรอกว่าพวกมันเป็นใคร” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “เอาเป็นว่า ตอนนี้พวกเราก็รอดูไปก่อนแล้วกันว่าพวกมันจะเอายังไงต่อ ทุกคนไม่ต้องกลัวไป พวกนั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” นายอำเภอบอกกับทุกคนไป

     

    ตกเย็นในช่วงเดียวกัน ที่ร้านของโฮมุระ ในขณะที่เธอกำลังนั่งจัดร้านของเธอเพื่อเตรียมปิดร้านและออกเดินทางไปตามที่นัดกับลิงซ์ ในตอนนั้นเอง จอห์นกับเอ็ดเวิร์ดก็มาหาเธอตามที่นัดไว้ แล้วก็คุยกับเธอถึงเรื่องที่พวกเขาได้รู้มา

    "นี่ๆๆ โฮมุระ เธอได้ข่าวหรือเปล่า??" เอ็ดเวิร์ดถามเธอไป

    "เหรอ ข่าวอะไรอ่ะ ว่ามาเลย??" โฮมุระถามไป

    "ได้ข่าวว่าจะมีผู้พิพากษาคนใหม่มาที่เมืองหน่ะ" จอห์นพูดขึ้น

    "หือ จริงเหรอ แปลกๆนะ ร้อยวันพันปีจะมีผู้พิพากษามาที่นี่หน่ะ" โฮมุระถามไป

    "ได้ยินว่าเป็นผู้พิพากษาประจำรัฐด้วย ชื่อฟิโอน่าหน่ะ" จอห์นตอบไป

    "ใช่ๆ เธอแปลกใจหรือเปล่าหล่ะ??" เอ็ดเวิร์ดถามไป

    "อืม ผู้พิพากษาประจำรัฐ ทำไมถึงลดตัวเองมาอยู่เมืองเล็กๆแบบนี้หล่ะ??" โฮมุระถามอย่างสงสัย และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลิงซ์ที่ขี่ม้าผ่านมาแถวนั้นก็หยุดตรงที่โฮมุระในทันที จากนั้นลิงซ์ก็เดินมาหาพวกเขา

    "นี่ พวกเธอจะไปกันหรือเปล่า??" ลิงซ์ถามไป

    "เออใช่ ฉันขอปิดร้านแป๊ปนึงนะ" โฮมุระพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบกุลีกุจอปิดร้านของเธอไป

    "ว่าแต่ เธอเข้าเมืองมาบ่อยหรือเปล่าช่วงนี้??" จอห์นถามเธอไป

    "ก็มีบ้างหน่ะ ช่วงนี้ยิ่งเด็กในเผ่าของฉันหายไปด้วย" ลิงซ์พูดขึ้น

    "อืม ฉันลองถามลูกน้องฉันแล้วนะ พวกนั้นบอกไม่เจอเด็กอินเดียนในเมืองเลย" เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    "ก็นั่นสินะ แต่ฉันจะตามหาต่อไปเอง" ลิงซ์พูดขึ้น และในไม่กี่อึดใจนั้นเอง โฮมุระก็เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในคราวนี้เธอเหน็บอาวุธของเธอมาด้วย

    "โห นี่เธอจะไปรบกับใครเนี่ย??" จอห์นถามไป

    "นั่นสิ ต้องจัดเต็มขนาดนี้เลยเหรอ??" เอ็ดเวิร์ดถามต่อ

    "ต้องเตรียมพร้อม ฉันเชื่อว่าไอ้ทาเคชิมันต้องเตรียมรับมือฉันไว้แล้ว" โฮมุระพูดขึ้น

    "เฮ้อ ถ้าอย่างงั้นก็ไปกันเถอะ" ลิงซ์พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็รีบไปขึ้นม้าในทันที เพื่อไปตามที่ลิงซ์บอกพวกเขามา  

    "นี่ พวกนายเตรียมกระสุนมาพร้อมหรือเปล่า??" โฮมุระถามไป

    "ก็พร้อมอยู่ เอามาเผื่อเธอด้วย" เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    "นี่ หวังว่าจะไม่ยิงสุ่มสี่สุ่มห้านะ" ลิงซ์พูดขึ้น

    "แน่นอน พวกเราไม่ยิงหรอกถ้าไม่จำเป็นหน่ะ" จอห์นตอบเธอไป จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกันต่อ

     

    กลับมายังโรงพยาบาลของโทมัส หลังจากที่พวกเขารักษาแม่ของเจสสิก้าเรียบร้อย พวกเขาก็มานั่งพักคุยกันเนื่องจากว่าในวันนี้ยังไม่มีคนไข้ใหม่เข้ามา และในตอนนั้นเอง พวกเขาก็คุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่ของเจสสิก้า ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    "นี่ พวกคุณคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นหน่ะ บ้านคุณรีเบคก้าหน่ะ??" โทมัสถามไป

    "อืม ฉันว่ามันต้องเป็นนายทุนที่มากว้านซื้อที่แน่ๆ" วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    "อืม แถวนี้มันมีอะไรถึงต้องมาซื้อคะ??" มิเชลถามไป

    "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ทองก็โดนขุดไปหมดแล้วนะ" โทมัสก็สงสัยไป

    "แล้วแบบนี้เราจะสืบจากใครได้หล่ะ??" วิลเลี่ยมถามไป

    "แต่หนูว่า มันไม่ใช่เรื่องของเรานะคะ" มิเชลพูดขึ้น

    "ไม่ใช่เรื่องของเราได้ยังไงหล่ะ ถ้าพวกนั้นมาซื้อเมืองนี้หล่ะ??" วิลเลี่ยมถามไป ทำเอาเธอเงียบไปเลย

    "ก่อนอื่นเลยเราต้องรู้ก่อนว่าฝีมือใคร" โทมัสพูดขึ้น

    "อืม อันนี้เดายาก คงต้องถามๆจากพวกของโฮมุระหล่ะนะ" วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    "เฮ้อ ไม่น่าเชื่อเลยว่าที่นี่กำลังจะวุ่นวายหน่ะ" มิเชลพูดขึ้น

    "เอาจริงๆนะ ทุกที่มันวุ่นวายหมดหล่ะ อยู่ที่ว่ามากแค่ไหน" วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    "ช่างมันเถอะ เราไปหาไรกินกันดีกว่า" โทมันพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปที่ด้านนอกเพื่อไปที่ตลาดในทันที

     

    กลับมายังบาร์ของซิ่วอิง หลังจากที่ร้านของเธอโดนโจมตีจากกลุ่มคนที่มาทำลายร้านของเธอ ทั้งเธอและเจ้าของร้านก็ช่วยกันทำความสะอาดให้ร้านกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันอาจจะต้องใช้เวลาหน่อย แต่คราวนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลเพราะตำรวจจะมาคอยตรวจร้านของเขาเผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ซิ่วอิงในตอนนั้นก็รีบกวาดเศษแก้วที่อยู่บนพื้นไปเรื่อยๆ

    "ซิ่วอิง เป็นยังไบ้างหล่ะ??"

    "ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ!!" ซิ่วอิงตอบไป

    "อืม ถ้าไม่ได้เจ้าหนุ่มนั่นมาช่วยนี่แย่เลยนะ"

    "เนย์มาร์เหรอคะ ก็นั่นสิคะ!!" ซิ่วอิงตอบไป

    "อืม พวกเธอสองคนชอบกันอยู่งั้นเหรอ??"  

    "ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ!!" ซิ่วอิงตอบไป

    "แหม่ ไม่ต้องอายหรอก ที่นี่อเมริกานะ ต่อไปนี้เธอต้องระวังตัวด้วย ฉันไม่รู้ว่าพวกมันจะมาอีกเมื่อไหร่" เจ้าของร้านพูดขึ้น

    "ค่ะ หนูจะรัะวังตัวไว้ค่ะ" ซิ่วอิงตอบไป

    "ถ้าฉันเป็นอะไรไป ฉันฝากร้านนี้ให้เธอด้วย"  

    "ไม่นะคะ อย่าพูดแบบนี้สิคะ คุณไม่เป็นอะไรหรอก" ซิ่วอิงพูดขึ้น

    "แหม่ ไม่ต้องห่วงหรอก คนเราเกิดมาก็ต้องตายอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าจะตายยังไงก็แค่นั้น"  

    "แต่ฉันว่าตายสบายๆมันดีกว่านะคะ" ซิ่วอิงปรามไป

    "ตายทรมานหรือตายสบายยังไงก็ตายเหมือนกัน อยู่ที่ว่าเรากล้าเผชิญความทรมานหรือเปล่า เอาเป็นว่าวันนี้ปิดร้านก่อนแล้วกัน เธอกลับเองได้นะ!!"

    "ได้ค่ะ!!" ซิ่วอิงตอบเขาไป

     

    กลับเข้ามาในเมือง ในวันนั้นเองเนย์มาร์ก็เข้ามาขายของเก่าเป็นประจำตามเดิม แต่ในวันนี้ชายแก่ขี่ม้าคนหนึ่งก็ควบม้าตามเขามาด้วย เขาตามเนย์มาร์มาติดๆ ทำเอาเนย์มาร์ถึงกับต้องหันไปหาเขา เนย์มาร์รู้ทันทีว่าเขาเป็นใครจึงทักทายไปในทันที

    "อ้าว ลุงเจเรมี่ใช่หรือเปล่า??"

    "ใช่ไอ้หนู มาทำอะไรในเมืองหล่ะ??" เจเรมี่ถามไป

    "ผมมาขายของหน่ะ ของเก่าหน่ะ"

    "จริงเหรอ ไอ้เหรียญโบราณที่นายไปเก็บมางั้นเหรอ??" เจเรมี่ถามต่อ

    "ใช่ลุง ตอนนี้ได้ราคาดีมาก ถ้าได้เข้าไปในไวท์ยอร์กได้ยิ่งดีใหญ่" เนย์มาร์พูดขึ้น

    "โห ใครจะกล้าเข้าไปในนั้นหล่ะ ฉันเองยังกลัวๆเลย"  

    "ก็นั่นสินะครับ พวกฝ่ายใต้บางส่วนยังอยู่เลย ผมได้ยินมาเยอะเกี่ยวกับเรื่องพลังของคนขาวเนี่ย คนขาวคือพระเจ้าเนี่ย ผมได้ยินแล้วจะอ้วกหน่ะ" เนย์มาร์พูดขึ้น

    "อย่าไปฟังที่มันพล่ามเลยหลานเอ้ย พวกนี้มันสนแค่เงินเท่านั้นแหละ" เจเรมี่พูดขึ้น

    "ก็นั่นหน่ะสิครับ แล้วลุงมาทำอะไรในเมืองนี้เนี่ย??" เนย์มาร์ถามไป

    "ก็ไม่มีอะไรหรอก ลุงเหงา แค่อยากมาหาอะไรทำหน่ะ"  

    "โห แสดงว่าตอนหนุ่มๆนี่ลุงต้องเก่งจริงนะเนี่ย" เนย์มาร์พูดขึ้น

    "แน่นอน แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครเป็นที่หนึ่งได้ตลอดกาลแหละไอ้หนูเอ้ย!!" เจเรมี่พูดขึ้น

    "ลุงมีญาติอยู่หรือเปล่าครับ??"

    "เคยมีเมียหน่ะ แต่ตอนนี้เสียไปแล้ว ลูกก็แยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหน่ะ" เจเรมี่พูดขึ้น

    "ผมเสียใจด้วยนะครับลุง" เนย์มาร์พูดขึ้น

    "เอ้ย ไม่ต้องห่วงหรอก สังคมมนุษย์มันต้องย้ายถิ่นฐานเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว" เจเรมี่พูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง พวกเขาก็เห็นคนสองคนขี่ม้ามาทางเขาอย่างเร่งรีบ พวกเขาทั้งคู่ตกใจเล็กน้อย แต่รู้ว่าสองคนที่ขี่ม้าเป็นใคร เลยทักทายไปในทันที

    "อ้าว เธอสองคนนั่นเอง แล้วนายทอดด์ไม่มาด้วยเหรอ??"

     

    กลับมายังเขตชายแดน Black Maple ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองเท่าไหร่นัก ในตอนนั้นเองคารีนก็นำกลุ่มของเธอเดินทางมาป้องกันเขตชายแดน หลังจากที่พวกเขาได้ข่าวการโจมตี แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ไม่มีผิด พวกมันตอนนี้กำลังโจมตีหมู่บ้านแห่งหนึ่งอย่างดุเดือด ตัวเธอกับคาเตอร์ในตอนนั้นก็รีบเตรียมคนไปในทันที

    “จะดีเหรอครับที่ไม่บอกนาธานหน่ะ??” คาเตอร์ถามเธอไป

    “อย่าเพิ่งบอกเขาเลย ตอนนี้เขากำลังพักฟื้นอยู่ เขาไม่ไหวหรอก” คารีนพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปัง!!”

    เสียงปืนดังมาจากอีกด้านหนึ่งของป่า ซึ่งนั่นคือฝีมือของนาธานที่กำลังไล่ซุ่มเก็บพวกมันอย่างดุเดือด

    “แหม่ ตายยากจริงไอ้หมอนี่!!” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นก็ลุยกับพวกมันไปเลย!!” คารีนพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ควบม้าและให้ลูกน้องของเธอชูธงอีกาดำควบเข้าไปยังใจกลางศัตรู พวกนั้นเห็นธงอีกาดำก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกเลย

    “เฮ้ย พวกอีกานี่หว่า!!”

    “ปังๆๆๆ”คารีนและกองกำลังของเธอไล่ยิงกลุ่มโจรในหมู่บ้าน พวกนั้นพยายามตั้งขบวนยิงสกัดแต่ไม่เป็นผลเนื่องจากคารีนจู่โจมเร็ว และนาธานก็ยังคอยซุ่มยิงจากระยะไกลอยู่

    “มึงจะหนีไปไหนไอ้พวกระยำ!!”

    “ปัง!!”

    นาธานยิงหลังโจรคนหนึ่งที่กำลังหนี และในตอนนั้นเอง มันคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาใส่คารีนที่กำลังลงจากม้า เพื่อหมายจะใช้มีดแทงคารีน

    “ย้ากกก!!”

    “ปัง!!”

    ชายคนนั้นโดนยิงจนล้ม คารีนหันไปหาต้นเหตุ แล้วเธอก็รู้ในทันที

    “ช้าไปหน่อยนะคารีน!!”

    “เซบาสเตียน คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย??” คารีนถามไป

    “สายของผมบอกมาหน่ะ ดูเหมือนที่นี่กำลังโดนหนักเลยนะ” เซบาสเตียนพูดขึ้น

    “ก็ใช่หน่ะครับ ตอนนี้พวกมันโจมตีหนักเลย” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ก็นะ แต่ดูเหมือนพวกมันจะเริ่มถอยแล้วหล่ะ” เซบาสเตียนพูดขึ้น จากนั้นก็ยิงหลังมันคนหนึ่งที่กำลังวิ่งหนีออกจากหมู่บ้าน และในตอนนั้นเอง นาธานก็ขี่ม้าลงมาด้านล่างเพื่อรวมตัวกับคนอื่นๆที่อยู่ในหมู่บ้านทันที

    “ปลอดภัยกันนะครับทุกคน!!”

    “โถ่ ยังจะกล้าถาม นายมาที่นี่ทั้งๆที่นอนรักษาตัวอยู่เนี่ยนะ??” คารีนถามไป

    “โธ่ ผมแค่ซุ่มยิงรอบนอกคงไม่มีอะไรหรอก” นาธานพูดขึ้น

    “เอาเถอะ ตอนนี้พวกมันก็ถอยไปหมดแล้ว เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??” คาเตอร์ถามไป

    “จับตัวพวกมันมาให้ฉันคนหนึ่ง ฉันอยากจะรู้ว่าพวกมันเป็นใคร” เซบาสเตียนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็ขี่ม้าเดินทางมาจากด้านหลังหมู่บ้าน เขารีบมาหาเซบาสเตียนในทันทีเพื่อคุยด้วย

    “ท่านครับ มีข่าวใหม่ครับ!!”

    “มีอะไรล่ะ ว่ามาเลย??” 

    “เราได้ข่าวมาว่าไอ้รูเบ็นมันจะเผยตัวแล้วครับ มันอยู่แถวนี้เองครับ ที่ลานกว้างหินแดงครับ”

    “หะ พวกมันจะทำอะไรเหรอ??” คารีนถามไป

    “ก็บูชายัญยังไงหล่ะ คารีน เธอยังพอมีแรงหรือเปล่า??” เซบาสเตียนถามคารีนไป จากนั้นคารีนก็ยิ้มมุมปากเป็นสัญญาณให้เขารู้

     

    กลับมายังบ้านพักของร็อกกี้และมาร์ค ในคืนนั้นเองริกกี้และมาร์คก็ได้จัดหนักจัดเต็มกับซูซี่จนพวกเขาทั้งคู่หลับไป ซูซี่ตื่นขึ้นมาพร้อมอารมณ์ที่ยังค้างอยู่ เธอจึงใส่เสื้อเดรสของเธอเดินออกไปเดินเล่นที่ด้านนอก เพื่อออกไปสูดอากาศ ในตอนนั้นเอง ลูกน้องของร็อกกี้ก็เดินเข้ามาหาเธอในทันที

    “จะไปไหนครับคุณผู้หญิง??”

    “ฉันจะไปเดินเล่นหน่อยหน่ะ” ซูซี่พูดขึ้น

    “ถ้างั้นให้พวกเราไปด้วยนะครับ!!” ซูซี่ไม่มีทางเลือกเลยให้ลูกน้องของร็อกกี้ไปด้วย เธอเดินไปเดินมาซักพัก 

    “ฉึกๆๆ”

    จูๆก็มีมีดปริศนาปาใส่ลูกน้องของร็อกกี้ และในตอนนั้นเอง ชายสามคนพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งนั่นคือคลีฟแลนด์นั่นเอง เธอรีบมาจับตัวซูซี่เอาไว้

    “เฮ้ย แกเป็นใครมาจับฉัน??” ซูซี่ตะโกนด่าไป

    “เธอนั่นแหละ ไปนอนกับไอ้ทรราชย์นั่น ไม่อายตัวเองหรือไง??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “เรื่องของฉัน พวกแกยุ่งอะไรด้วย??” ซูซี่พูดขึ้น

    “ท่านครับ เอาตัวยัยนี่ไปดีกว่าครับ!!” 

    “โอเค จับตัวมันไปเลย!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง

    “ปังๆๆๆ”

    ลูกน้องของร็อกกี้และมาร์คคนอื่นๆก็ได้ยินเสียงของซูซี่ที่ร้องโวยวาย เธอเลยรีบดึงตัวซูซี่มาในทันที

    “ตามมาซะดีกว่า ไม่งั้นเธอตายแน่” คลีฟแลนด์พูดขึ้นในขณะที่ฉุดซูซี่

    “ฉันไม่ไป!!” ซูซี่พูดขึ้น จากนั้นเธอก็เหยียบเท้าของคลีฟแลนด์ไป แล้วก็รีบวิ่งหนีในทันที

    “หืม อีนี่!!”

    “ท่านครับ เราหนีก่อนดีกว่าครับ!!” ลูกน้องของคลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “อีแพทศยา ฉันจะมาชำระความกับเธอวันหลัง คอยดูเถอะ!!” คลีฟแลนด์ชี้หน้าด่าซูซี่ จากนั้นเธอก็รีบหนีไปในทันที ส่วนลูกน้องของร็อกกี้ก็รีบมาช่วยซูซี่ไว้ในทันที

    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ??”

    “ฉันไม่เป็นไร จับมันให้ได้ มันกล้าด่าฉัน!!” ซูซี่พูดขึ้น

    “ครับ!!” ลูกน้องของร็อกกี้รับคำสั่งไป จากนั้นพวกเขาก็ตามล่าคลีฟแลนด์ในทันที ทางด้านของร็อกกี้และมาร์ที่เพิ่งจะตื่นมาก็เดินมาดูเหตุการณ์ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” ร็อกกี้ถามอย่างสงสัย

    “ช่วยด้วยค่ะ พวกโจรมันพยายามจะฉุดฉันค่ะ!!” ซูซี่พูดขึ้น

    “ไม่ต้องกลัวนะครับ คุณปลอดภัยแล้ว พวกเรา ตามล่ามัน จับมันมาให้ฉัน!!” มาร์คพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของเขาก็ออกตามล่าคนของคลีฟแลนด์ในทันที และที่ด้านของคลีฟแลนด์ หลังจากที่เธอหนีออกมาได้อย่างทุลักทุเล เธอก็รีบคุยกับลูกน้องของเธอในทันที

    “ยัยนั่นมันเหยียบเท้าฉัน ฉันจะเล่นงานมันให้ตายเลย” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “ใจเย็นครับท่าน ผมว่าเราน่าจะหนีไปก่อนดีกว่า!!”

    “ได้ สั่งคนของเราจับตาดูพวกมันไว้ สบโอกาสเมื่อไหร่ จัดการมันเลย!!” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “รับทราบครับ!!”

    “นังหญิงชั่วรับใช้คนขายชาติอย่างมัน ฉันจะฆ่ามันด้วยตัวฉันเอง” คลีฟแลนด์พูดอย่างอาฆาต จากนั้นเธอก็รีบหลบจากการตามล่าของลูกน้องร็อกกี้

     

    กลับมายังเมือง Black Maple ในวันนั้นเองลอร่าก็ต้องการมาเยี่ยมทองสุก เธอเลยมาเยี่ยมเขาที่โรงแรมแห่งเดิมที่เขาพัก ลอร่าเดินเข้าไปจากนั้นก็ถามหาทองสุกจากป้าเจ้าของโรงแรมในทันที

    “คุณป้าคะ ทอดด์อยู่หรือเปล่าคะ??”

    “อ้อ เขาออกไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วจ้า”

    “หือ ออกไปไหนเหรอคะ??”

    “ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ออกไปกับผู้หญิงสองคน ถืออาวุธครบมือด้วยจ้า” 

    “จริงเหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ!!” ลอร่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินออกจากโรงแรมมา โดยที่พ่อบ้านของเธอกำลังรออยู่ด้านนอกเพื่อคุยด้วย

    “เป็นยังไงบ้างครับคุณหนู??”

    “เขาออกไปข้างนอกหน่ะ แต่ไม่รู้ไปไหน” ลอร่าพูดขึ้น

    “หรือว่าเราจะกลับไปก่อนดีครับ??”

    “ยังก่อน นี่เพิ่งจะหัวค่ำเอง เขาอาจจะกำลังกลับมาก็ได้” ลอร่าพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลอร่าก็เหลือบไปเห็นชายหญิงกลุ่มหนึ่งกำลังควบม้าเดินทางไปที่ไหนซักแห่ง ลอร่าเห็นหนึ่งในกลุ่มก็รู้ทันทีว่าพวกนั้นเป็นใคร

    “เฮ้ย นั่นผู้หญิงสองคนนั้น เธอจะไปไหนหน่ะ??”

    “รู้จักเธอด้วยเหรอครับ??” พ่อบ้านเธอถามไป

    “เธอสองคนอยู่กับทอดด์ น่าจะรู้จักเขานะ”

    “แต่ผมว่า ดูท่าทางเธอสองคนดูเร่งรีบนะครับ”

    “ถ้าอย่างงั้นเราตามพวกเขาไปดีกว่า ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ลอร่าพูดขึ้น

    “มันจะดีเหรอครับ??”

    “เถอะน่า ไม่เป็นไรหรอก ตามมาเถอะ”

    ลอร่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปขึ้นม้าที่จอดอยู่ข้างๆโรงแรม โดยที่พ่อบ้านของเธอก็ตามไปด้วย โดยที่ทั้งคู่ใส่ชุดฮู้ทสีดำเพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าทั้งคู่เป็นใคร

     

    ณ เขตชายแดน Black Maple ซึ่งกองกำลังของเจสันได้เดินทางมาเพื่อป้องกันกองกำลังของพวกไวท์ยอร์ก แต่ในตอนนั้นเอง ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเลย เจสันจึงใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อมองดูพื้นที่ว่ามีอะไรหรือเปล่า จนแล้วจนรอด เขาก็พบกับอะไรบางอย่างที่แนวป่าบริเวณตีนเขาลูกหนึ่ง

    “เฮ้ย นั่นมันพวกไหนกันนะ??” เจสันถามอย่างสงสัย

    “เห็นอะไรเหรอครับท่าน??”

    “เห็นพวกชุดขาวกำลังเตรียมอาวุธอยู่หน่ะ” เจสันพูดขึ้น

    “หรือว่า พวกมันกำลังทำอะไรกันอยู่ครับ??”

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ” เจสันพูดขึ้น 

    “แล้วเราจะเอายังไงต่อครับ??” ทหารของเขาถามไป

    “ตอนนี้ดูเหมือนพวกมันกำลังเตรียมตัว น่าจะเตรียมอาหารเย็นอยู่ เราจะใช้จังหวะนี้บุกเข้าไปเลย” เจสันพูดขึ้น

    “ความคิดดีนะครับ ถ้าโจมตีสายฟ้าแลบ เราน่าจะเล่นงานพวกมันได้ครับ”

    “อืม จัดเตรียมทหารม้าไว้ เราจะโจมตีพวกมันเลย” เจสันพูดขึ้น

    “รับทราบครับผม!!”

    “เราต้องไล่ต้อนพวกมันให้กลับไปให้ได้ ไม่อย่างงั้นพวกมันอาจจะเข้าโจมตีหมู่บ้านก็ได้” เจสันพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เก็บกล้องส่องทางไกลในทันที จากนั้นเขาก็ควบม้าเพื่อเตรียมโจมตีกลุ่มโจรที่เดินทางมายังชายแดน

     

    กลับมายังไร่ของตระกูลฟรอสต์ หลังจากที่พวกเขาผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นมาได้ซักพัก เขาก็ให้ป้ารีเบคก้าแม่ของเจสสิก้ามาอยู่ชั่วคราว จนกว่าเหตุการณ์จะกลับเป็นปกติเหมือนเดิม โดยที่ทินส์ก็คอยดูแลรีเบคก้าเป็นอย่างดี

    “ยังไงก็อยู่ที่นี่ไปก่อนนะคะ ที่นี่ปลอดภัยแน่นอนค่ะ” ริแอนน่าพูดขึ้น

    “ขอบคุณมากๆนะคะ” รีเบคก้าตอบไป

    “ว่าแต่ มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณครับ??” ทินส์ถามเธอไป

    “จู่ๆก็มีพวกไหนก็ไม่รู้บุกเข้ามา เจรจาขอซื้อที่กับฉัน พอฉันไม่ขายพวกมันก็เล่นงานฉันหน่ะ” รีเบคก้าพูดขึ้น

    “โห ระยำมากเลยไอ้พวกนี้” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “หนูว่า พวกมันต้องไม่ใช่พวกนักเลงธรรมดาแน่ๆค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “แล้วเจสสิก้าลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ??” รีเบคก้าถามไป

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เธอสบายดีครับ” ทินส์พูดขึ้น

    “แต่ไม่รู้ว่าเธอไปไหนตั้งแต่เช้าแล้วอ่ะ” ริแอนน่าพูดขึ้น

    “อืม ช่วงนี้ตั้งแต่นายทอดด์คนนั้นมาที่นี่ เธอก็ไปกับเขาบ่อยนะคะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    “เออ ได้ยินว่าหมอนั่นฝีมือฉกาจฉกรรจ์นัก” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เราต้องสืบให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร” ทินส์พูดขึ้น

    “ต่อไปนี้ พวกเราคงต้องระวังตัวกันหน่อยนะครับ” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “นั่นสิคะ ยังไงก็ต้องให้คนงานของเราระวังกันด้วยนะคะ” ริแอนน่าพูดขึ้น

    “เดี๋ยวหนูจะช่วยดูแลคนงานเองค่ะ” ชาร์ล็อตพูดขึ้น

    และที่ด้านนอก ในระหว่างที่คนงานกลุ่มหนึ่งกำลังผลัดกันเฝ้ายามอยู่ด้านนอก ในตอนนั้นเอง ชายเอเชียกลุ่มหนึ่งก็เดินมาที่ไร่ของทินส์ ในตอนนั้นเองกลุ่มคนงานก็รีบเตือนภัยในทันทีว่ามีคนบุกรุก

    “เฮ้ย พวกแกเป็นใครวะ??” คนงานของไร่ตะโกนไป

    “ใจเย็นสหาย พวกคุณเป็นทาสทำงานที่นี่ ถูกกดขี่มานาน ถึงเวลาแล้วที่พวกคุณจะได้เป็นอิสระ!!”

    “อะไรของพวกแก เราทำงานที่นี่อย่างเสรีชน พวกแกนั่นแหละกลับไปได้แล้ว!!” คนงานตะโกนกลับไป

    “พี่น้องทั้งหลาย พวกเราแค่..”

    “ปัง!!”

    “นัดนี้เป็นการเตือน กลับไปถ้าไม่อยากตาย!!” คนงานในไร่พูดขึ้น จากนั้นพวกมันก็เดินหนีออกจากไร่ไปในทันที 

     

    กลับมายังบ้านพักของฟิโอน่า ในตอนนั้นเอง หลังจากที่ฟิโอน่าได้รับคำสั่งการย้ายไปประจำการที่ Black Maple แล้ว วันนั้นเองพ่อของเธอก็พานายจักษ์และทาเคชิมาพบกับเธอ เพื่อมาคุยถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมถึงพูดคุยถึงงานที่เธอจะต้องไปทำใน Black Maple ด้วย

    "ยินดีด้วยนะครับที่คุณได้ไป Black Maple หน่ะ" นายจักษ์พูดขึ้น

    "ค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปแต่เช้า ว่าแต่ พวกคุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ??" ฟิโอน่าถามไป

    "ผมอยากให้คุณช่วยตามล่าคนให้หน่อยหน่ะ" ทาเคชิพูดขึ้น

    "งั้นเหรอ จะให้ฉันไปตามล่าใครหล่ะ??" ฟิโอน่าถามไป

    "มันเป็นคนเอเชียคนหนึ่งหน่ะ ลูกเคยได้ยินชื่อคาวบอยชุดแดงหรือเปล่า??" พ่อฟิโอน่าถามไป

    "ได้ยินสิพ่อ หนูก็อยากเจอตัวมันเหมือนกัน" ฟิโอน่าถามไป

    "แล้วคุณคิดว่าคุณจะจัดการไหวหรือเปล่า เพราะตอนนี้คนของผมเริ่มเสียไปเยอะหล่ะ??" นายจักษ์ถามไป

    "ฉันพยายามอยู่ อย่ามากดดันสิ" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ผมแค่ไม่อยากให้คุณลืมข้อตกลงของเราหน่ะ" ทาเคชิพูดขึ้น

    "นี่ ฉันไม่ลืมหรอกค่ะ ไม่ต้องห่วง" ฟิโอน่าพูดขึ้น

    "ดีครับ ยินดีที่ได้พบกับคุณนะ" ทาเคชิพูดขึ้น

    "ฉันจะพักผ่อนหน่อย พรุ่งนี้ฉันจะเดินทางแต่เช้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ขอตัวนะคะ ฉันจะส่งข่าวไป!!" ฟิโอน่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เดินขึ้นชั้นสองในทันที

    "ได้ แล้วผมจะรอข่าวดีแล้วกัน" นายจักษ์ตะโกนไล่หลังไป

    "อ้อ ยังไงก็เดินทางปลอดภัยนะครับ!!" พ่อของฟิโอน่าบอกกับทั้งสองคนไป 

     

    ณ เขตลานหินแห่งหนึ่งในไวท์ยอร์ก กลุ่มคนในชุดผ้าคลุมสีขาวถือคบเพลิงมากมายกำลังยืนเรียงกันเพื่อทำพิธีอะไรบางอย่าง พวกเขาขนอาวุธครบมือเพื่อเตรียมพร้อมรับศึกที่อาจจะมาถึง และในตอนนั้นเอง พวกมันก็ลากชายสองคนและเด็กหนึ่งคน จับมัดตรึงไว้กับไม้กางเขน แล้วก็ปักไม้กางเขนไว้ตรงจุดที่พวกเขาทำเครื่องหมายไว้ และในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้ง 3 คน โดยเฉพาะหนุ่มเอเชียในชุดแดง มันไปหาเขาและพูดกับเขาในทันที

    "แกสินะ ไอ้ชุดแดงที่ทำลายแผนของฉัน??"

    "เออ กูจะทำลายยิ่งกว่านี้อีก ปล่อยกูไปสิ!!" ทองสุกพูดขึ้น

    "ไอ้ระยำ แกฆ่าลูกน้องฉันไปมากมาย เพียงเพราะฉันเผาโบสถ์ของไอ้บาทหลวงตัวดำ!!"

    "อะไรนะ นี่แก แกฆ่าบาทหลวงมอริสัน ไอ้ระยำ!!" ทองสุกพูดขึ้นพลางตะโกนด่ามันไป

    "เฮ้ย ระวังปากแกหน่อยไอ้ระยำ ฆ่ามันเถอะครับคุณรูเบ็น!!" แฟรงค์เก้นบอกกับเขา จากนั้นก็จะชักดาบออกมา

    "เหรอ คราวที่แล้วแกแพ้ฉัน วันนี้คิดว่าแกจะรอดเหรอ??" ทองสุกพูดขึ้น

    "ไม่ต้องห่วง วันนี้แกจะได้ตายอย่างทรมานแน่ๆ ไอ้สวะผิวเหลืองอย่างแก อยู่ที่ไหนก็มีแต่ปัญหา" รูเบ็นพูดขึ้น

    "เหรอวะ ถ้าปัญหาสำหรับพวกมึงสำหรับพวกมึง กูจะทำให้มันเป็นปัญหาเอง!!" ทองสุกพูดขึ้น

    "เฮ้อ แบบนี้ไงฉันถึงได้เกลียดพวกแก!!" แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    "ใครใช้ให้ชอบหล่ะวะ สนใจจะแก้มือหรือเปล่าหล่ะ??" ทองสุกถามไป

    "ไอ้ระยำ อยากลองเหรอ??" แฟรงค์เก้นถามไป แต่ในตอนนั้นรูเบ็นก็ได้ห้ามเขาเอาไว้

    "เฮ้ย คิดว่าแกเก่งงั้นเหรอ ได้ แฟรงค์เก้น สนใจจะแก้มือหรือเปล่า??" รูเบ็นถามไป ในขณะที่แฟรงค์เก้นก็หวั่นใจเล็กน้อย

    "อยากลองหรือเปล่าหล่ะ??" ทองสุกตะโกนถามไป

    "ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นแกมาเจอกับฉัน ฉันจะเชือดแกให้ดู" แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    "ปล่อยมันลงมา!!" รูเบ็นพูดขึ้น จากนั้นลูกน้องของรูเบ็นก็เอาตัวทองสุกลงมา จากนั้นมันก็ไปเอาดาบมาให้กับทองสุกในทันที

    "นี่เป็นโอกาสของมึงแล้ว!!" รูเบ็นพูดขึ้น ทองสุกไม่ปล่อยโอกาสเลยหยิบดาบของเขาในทันที เพื่อเตรียมต่อสู้กับแฟรงค์เก้น โดยที่มีกลุ่มชายชุดขาวล้อมรอบตัวพวกเขา

    =============================================================

    ทองสุกจะผ่านการประลองในครั้งนี้ไปได้หรือไม่ อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า
    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×