ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Siam Cowboy - คาวบอยสยาม

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 13 : บาดเจ็บ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 110
      2
      19 ก.ย. 63

    อเล็กซ์ขี่เกวียนพาป้ารีเบคก้าและทองสุกที่ยังไม่ได้สติไปที่โรงพยาบาลใน Black Maple โดยที่เจสสิก้าและแคลิเฟอร์รีบควบม้าตามไปติดๆ เมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงโรงพยาบาลในเมือง พวกเขาก็รีบแบกทั้งคู่เข้าไปในโรงพยาบาลในทันที โดยที่คนอื่นๆในโรงพยาบาลก็จ้องพวกเขาเป็นตาเดียว

    “นี่มันอะไรกันเนี่ย??” โทมัสถามไป

    “หมอโทมัส ช่วยแม่กับทอดด์ด้วย พวกเขาเจ็บหนัก!!” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “เอาเข้ามาด้านในเลย ฉันดูเอง!!” วิลเลี่ยมพูดขึ้น จากนั้นก็พาพวกเขาทั้งคู่เข้าไปด้านในห้องเพื่อรักษาในทันที โดยที่พยาบาลคนอื่นๆก็รีบวิ่งตามเข้าไปด้วย

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย??” มิเชลถามพวกเจสสิก้าไป

    “มีคนมาบุกบ้านป้ารีเบคก้า มันซ้อมป้าแกด้วย ทอดด์ก็บาดเจ็บอีก!!” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “ป่านนี้ไม่รู้ว่าพ่อฉันจะเป็นยังไงบ้างเนี่ย!!” อเล็กซ์พูดขึ้น และในไม่กี่อึดใจ วิลเลี่ยมและและโทมัสก็เดินออกมาจากห้องรักษา เจสสิก้ารีบวิ่งไปหาหมอทั้งคู่ในทันที

    “หมอคะ พวกเขาเป็นยังไงบ้างคะ??” เจสสิก้าถามไป

    “แม่เธอพ้นขีดอันตรายแล้วหล่ะ แต่ทอดด์ยังไม่ได้สติเลย” โทมัสพูดขึ้น ทำเอาเจสสิก้าถึงกับหน้าเหวอ

    “แล้วเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะหมอ??” แคลิเฟอร์ถามไป

    “ตอนนี้ก็ไม่มีอันตรายอะไรแล้วหล่ะ รอดูว่าเขาจะฟื้นตอนไหน” วิลเลี่ยมพูดขึ้น 

    “หมอคะ ที่บ้านของป้ารีเบคก้าโดนโจรปล้นค่ะ” มิเชลบอกกับพวกเขาทั้งคู่ไป ทำเอาทั้งคู่งงเป็นไก่ตาแตก

    “จริงนะหมอ ตอนนี้พ่อผมกำลังจัดการสถานการณ์อยู่เลย” อเล็กซ์พูดขึ้น

    “ดูเหมือนว่า Black Maple คงจะลุกเป็นไฟอีกแล้วหล่ะสิ” โทมัสพูดขึ้น

    “ใช่ งานนี้พวกมันต้องชดใช้แน่นอน” วิลเลี่ยมพูดขึ้น

    “หนูรู้นะคะว่าพวกมันเป็นใคร มันต้องเป็นพวกเดียวกับกลุ่มนายทุนที่มาซื้อที่ดินแถวนี้แน่ๆ” แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    “หมอคะ ดูขอไปดูแม่หน่อยได้หรือเปล่าคะ??” เจสสิก้าถามไป หมอสองคนพยักหน้าตอบ จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปหาแม่ของเธอในห้องพักทันที

    “แล้วนี่พวกเราจะเอายังไงต่อหล่ะคะ??” มิเชลถามไป

    “ทำยังไงหล่ะ ก็คงป้องกันตัวเองหล่ะ” อเล็กซ์พูดขึ้น

    และในห้องพักผู้ป่วย เจสสิก้ารีบวิ่งไปหาแม่ของเธอที่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เธอโผไปกอดเธอในทันทีอย่างรวดเร็ว

    “แม่ปลอดภัยนะคะ??”

    “แม่ไม่เป็นไรหรอกลูก!!”

    “ใครมันทำกับแม่แบบนี้คะ??” เจสสิก้าถามไป

    “แม่ก็ไม่รู้ จู่ๆมันก็มาขอซื้อที่ดินจากแม่ แต่พอแม่ไม่ขาย พวกมันก็รุมทำร้ายแม่จนแม่หลับไป ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้วหล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นลูก??” 

    “พวกมันเผาบ้านเราค่ะ หนูรู้ว่าพวกมันเป็นใคร หนูจะตามไปฆ่ามันเอง!!” เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็เหลือบไปเห็นทองสุกที่กำลังนอนไม่รู้สึกตัว เธอรีบไปหาเขาและกุมมือเขาไว้ในทันที

    “ฉันขอโทษนะ นายต้องเจ็บตัวเพราะฉันแท้ๆ!!” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “เขาเป็นใครเหรอลูก??”

    “เพื่อนหนูเองค่ะแม่” เจสสิก้าตอบไป แต่ทองสุกก็ยังคงไม่รู้สึกตัวเช่นเดิม แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ทองสุกก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขามองเห็นภาพของกลุ่มชายฉกรรจ์ใส่ชุดสีแดงประมาณ 5 คนยืนอยู่ต่อหน้าเขา ทำเอาทองสุกตกใจเล็กน้อย

    “ช่วยเราด้วยทองสุก!!”

    “ไอ้พระยาประจักษ์มันทุรยศ!!”

    “แก้แค้นให้พวกข้าที!!” 

    “ไม่!!” 

    จู่ๆ ทองสุกก็ฟื้นขึ้นมา ท่ามกลางสายตาของเจสสิก้าและแม่ของเธอ ตอนนั้นเจสสิก้าไม่รอช้าโผเข้าไปกอดเขาในทันที

    “ทอดด์ นายปลอดภัย!!”

    “นี่ ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย??” ทองสุกถามไป

    “นายแค่สลบไปหน่ะ แต่ตอนนี้นายปลอดภัยแล้ว” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “นี่ เธอใช่หรือเปล่าที่ช่วยลูกฉัน ขอบคุณมากนะ!!” แม่ของเจสสิก้าพูดกับทองสุก

    “คุณเป็นแม่ของเธอเหรอครับ??”

    “ใช่จ้ะ คงลำบากเธอหน่อยนะ” แม่ของเธอพูดขึ้น

    “ผมไม่เป็นไรแล้วหล่ะ แต่มึนๆนิดหน่อยหน่ะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่เลยนะ!!” เจสสิก้าพูดขึ้น

    “ไม่เป็นไรหรอก เธอปลอดภัยก็ดีแล้วหล่ะ” ทองสุกพูดขึ้น

    “เมื่อกี้นายเป็นอะไรหรือเปล่า นายเพ้ออะไรเหรอ??” เจสสิก้าถามไป

    “อ่า.. ฉันรู้แล้วว่าใครมันทำแบบนี้ ฉันจะจัดการกับมันเอง!!” ทองสุกตอบเจสสิก้าไป

     

    กลับมายังคุกประจำเมือง ซึ่งโฮมุระเดินทางมาเค้นความลับอะไรบางอย่างกับคนที่คิดจะลอบฆ่าเธอ เธอพยายามเค้นถามมันอยู่หลายครั้ง จนเวลาผ่านไปซักพัก โฮมุระก็เดินกลับออกมาพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉย เพื่อนๆคนอื่นก็รีบเดินไปหาเธอในทันที

    “เฮ้ โฮมุระ เป็นยังไงบ้าง??” จอห์นถามเธอไป

    “พวกนายช่วยติดต่อคนของนายให้ไปที่เขต red point หน่อยสิ” โฮมุระพูดขึ้น

    “เธอจะถามไปทำไมกันหล่ะ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลิงซ์ที่นั่งรอคนอยู่แถวนั้นก็เดินมาหาพวกเขาในทันที

    “red point เธอจะถามไปทำไมกัน??”

    “ก็ฉันอยากรู้นี่ เธอรู้เหรอ??” โฮมุระถามไป

    “ฉันเคยผ่านไปที่เขตนั้น เมื่อก่อนก็ปกตินะ แต่ตอนนี้มีบ้านหลังใหญ่มาปลูกแถวๆนั้น แถมยังมีแขกมาเยี่ยมเยือนบ่อยๆด้วย” ลิงซ์พูดขึ้น

    “จริงเหรอ ปกติเขตนั้นมันเป็นเขตป่านี่หน่า” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “แสดงว่าไอ้หมอนั่นคงไม่ธรรมดาแน่ๆ” จอห์นพูดเสริม

    “ใช่ แถมเจ้านายของมันไม่ธรรมดาด้วย” โฮมุระพูดขึ้น

    “ทำไมกัน มันเป็นใครงั้นเหรอ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป

    “มันเคยเป็นหุ้นส่วนกับพ่อฉันและครอบครัวฉัน แต่วันหนึ่งมันก็ฆ่าล้างโคตรพวกฉันทั้งครอบครัว โชคดีที่ฉันหนีมาได้หน่ะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “โห อย่างกับในนิยายเลยแหะ” จอห์นพูดขึ้น

    “ฉันเสียใจด้วยแล้วกันนะ” ลิงซ์พูดขึ้น

    “นี่ เธอหน่ะ พาฉันไปที่บ้านหลังนั้นได้หรือเปล่า ฉันมีเงินจ่ายให้นะ!!” โฮมุระพูดขึ้น

    “เฮ้ย เธอจะไปตามล่ามันจริงๆเหรอ??” เอ็ดเวิร์ดถามไป

    “ฉันว่าเธอใจเย็นๆ อย่าผลี่ผลามดีกว่านะ” จอห์นพูดปรามเธอไว้

    “ที่นั่นมียามเต็มไปหมด เธอจะไปจริงเหรอ??” ลิงซ์ถามไป

    “ใช่ ไปชี้ตำแหน่งก็ได้ ฉันมีเงินให้นะ” โฮมุระพูดขึ้น

    “ก็ได้ ถ้าอย่างงั้นฉันจะนำทางเธอไปแล้วกัน แต่มีข้อแม้นะ พวกเธอต้องช่วยฉันตามหาเด็กอินเดียนคนหนึ่ง เขาหายตัวออจากเขตไปซักพักแล้ว” ลิงซ์พูดขึ้น

    “อืม เดี๋ยวจะให้คนช่วยหาให้นะครับ” จอห์นพูดขึ้น

    “เดี๋ยวผมก็ช่วยอีกแรงแล้วกัน” เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้น

    “ได้เลย ถ้าแค่นั้นฉันจะช่วยเอง” โฮมุระพูดขึ้น

    “ได้สิ ถ้าอย่างงั้นมาเจอกับฉันพรุ่งนี้ตอนเย็น ที่ตลาด ฉันจะพาเธอไปเอง” ลิงซ์พูดขึ้น

     

    กลับมายังบ้านของตระกูลฟรอสต์ หลังจากที่ทินส์ไปสำรวจสภาพบ้านของรีเบคก้าทั้งหมดแล้ว ตัวเขาก็กลับมาที่บ้าน ในขณะที่ริแอนน่าและชาร์ล็อตก็กำลังรอเขากลับมาที่บ้าน และเมื่อทินส์กลับมาถึง สองแม่ลูกก็โล่งใจและเดินไปหาเขาในทันที

    “เป็นยังไงบ้างคะคุณ??” ริแอนน่าถามไป

    “ผมไม่เป็นไร แต่บ้านรีเบคก้าไม่เหลือเลย” ทินส์พูดขึ้น

    “แล้วป้ารีเบคก้าหล่ะคะ??” ชาร์ล็อตถามไป

    “เธอถูกทำร้ายอาหารสาหัส แต่อเล็กซ์พาไปส่งโรงพยาบาลแล้วหล่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “แล้วพี่อเล็กซ์จะกลับมาเมื่อไหร่คะ??” ชาร์ล็อตถามไป

    “เดี๋ยวก็คงจะกลับมาหล่ะ ต่อไปนี้บ้านเราคงต้องระวังตัวกันหน่อยหล่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “เฮ้อ ไม่รู้มันเกิดบ้าอะไรขึ้นนะคะเนี่ย” ริแอนน่าถามไป

    “พ่อก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้เราคงทำอะไรไม่ได้หล่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “ไม่รู้หล่ะ หนูจะไปฟ้องนายอำเภอ!!” ชาร์ล็อตตะโกนขึ้น

    “ตังนายอำเภอตอนนี้ยังโดนฟ้อง ต้องไปขึ้นศาลพรุ่งนี้เลยนะลูก พ่อว่าเมืองนี้คงจะวุ่นวายอีกไม่นานนี่หล่ะ” ทินส์พูดขึ้น

    “นี่ พวกนายทุกคน ต่อแต่นี้พวกเราต้องระวังตัวกันให้มากขึ้นนะ!!” ริแอนน่าพูดกับคนงานในไร่

    “ครับผม!!” คนงานพูดขึ้น

    “ชาร์ล็อต ต่อแต่นี้จะไปไหนต้องให้พี่อเล็กซ์ หรือคนงานของเราไปด้วยนะ” ทินส์พูดขึ้น

    “ได้ค่ะพ่อ!!” ชาร์ล็อตพูดอย่างหน้าเจื่อนๆ

    “พ่อจะไม่ยอมให้พวกมันได้ไร่นี้ไปหรอก ให้มันมาเถอะ” ทินส์พูดขึ้น

    “แต่ยังไงก็ระวังตัวไว้ด้วยก็ดีนะคุณ” ริแอนน่าพูดปรามทินส์ไป

     

    เช้าวันต่อมา ณ ศาลประจำรัฐ

    นายอำเภอและคณะได้เดินทางมาถึงศาล และเมื่อพวกเขาเข้ามาในศาล พวกเขาก็พบกับฟิโอน่าที่ยืนอยู่บนบัลลังค์รอพวกเขาอยู่แล้ว นายอำเภอให้คนอื่นๆไปนั่งประจำที่ของพวกเขา ส่วนตัวนายอำเภอก็เดินไปขึ้นแท่นเพื่อพิจารณาคดีในทันที

    “นายอำเภอแม็กซ์ เคลนซี่ย์สินะ??” ฟิโอน่าถามไป

    “ครับท่านผู้พิพากษา!!”

    “โจทก์ประสงค์จะฟ้องท่านนายอำเภอ ข้อหาตัดสินประหารชีวิตโดยไม่ผ่านการไต่สวนของศาล!!” อัยการพูดขึ้น จากนั้นก็เบิกตัวครอบครัวของเหยื่อที่ถูกประหารชีวิตมาต่อหน้านายอำเภอ ปีเตอร์เห็นครอบครัวพวกนั้นก็รู้เลยว่าพวกนั้นเป็นใคร

    “นั่นครอบครัวไอ้ริชชี่ บลูเฮ้ดนี่หว่า!!” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “ทำไมคะ มันเป็นใครกันคะ??” มีน่าถามไป

    “ไอ้ริชชี่มันสังหารหมู่ครอบครัวคนดำ เลยโดนนายอำเภอแขวนคอหน่ะ” บอริสพูดขึ้น

    “จำเลยจะยอมรับสารภาพหรือไม่ว่าจำเลยกระทำการเกินกว่าเหตุ??” ฟิโอน่าถามนายอำเภอไป

    “ข้าแต่ศาลที่เคารพ ตามกฎหมาย เมื่อไม่มีผู้พิพากษาประจำเมือง ข้าพเจ้าซึ่งเป็นนายอำเภอมีอำนาจในการสั่งประหารนักโทษครับไต้เท้า!!” นายอำเภอพูดขึ้น

    “แบบนั้นสินายอำเภอ ให้มันรู้บ้างใครเป็นใคร” ปีเตอร์พูดขึ้น

    “อืม อัยการโจทก์มีอะไรจะคัดค้านหรือเปล่า??” ฟิโอน่าถามไป

    “ไม่มีครับ!!” อัยการโจทก์พูดขึ้น

    “แล้วญาติของโจทก์หล่ะ ติดใจเอาความกับนายอำเภอท่านนี้หรือเปล่า??” ฟิโอน่าถามไป

    “ไม่มีค่ะ!!” ครอบครัวเหล่านั้นพูดขึ้น

    “เอ๊ะ มันอะไรกันเนี่ย??” มีน่าถามไป

    “นั่นสิ ทำไมมันง่ายจังวะ??” บอริสถามไป

    “ด้วยอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้าที่ข้าได้รับมอบ ข้าขอพิพากษาให้นายอำเภอไม่มีความผิดตามข้อกล่าวหา!!” 

    “ตุ๊บ!!”

    ฟิโอน่าพูดขึ้น จากนั้นตัวเธอก็เอาใบอะไรบางอย่างให้กับนายอำเภอเซ็นไปด้วย

    “ช่วยเซ็นด้วยค่ะนายอำเภอ!!” 

    นายอำเภอทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องเซ็นตามที่ฟิโอน่าบอก เมื่อเขาเซ็นเสร็จ ฟิโอน่าก็เอาใบนั้นไปในทันที

    “ขอโทษที่ทำให้เสียเวลานะคะท่านนายอำเภอ หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก!!” ฟิโอน่าพูดขึ้น จากนั้นก็เดินจากไป ส่วนปีเตอร์และคนอื่นๆที่ตามมาด้วยก็เดินมาหานายอำเภอทันทีอย่างรวดเร็ว

    “ท่านครับ เป็นยังไงบ้าง??” ปีเตอร์ถามไป

    “นั่นสิคะ ดูหน้าคุณเหมือนไม่ค่อยสบายใจเลยนะคะ!!” มีน่าพูดขึ้น

    “ฉันว่าผู้พิพากษาคงต้องมีลับลมคมในอะไรแน่ๆ” นายอำเภอพูดขึ้น

    “อืม อาจจะไม่มีอะไรก็ได้นะครับ” บอริสพูดขึ้น

    “ไม่แน่หรอก ตอนนี้พวกเรากลับดีกว่า” นายอำเภอพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากห้องพิจารณาคดีไป และอีกด้านหนึ่งของศาล หลังจากที่ฟิโอน่าได้ลายเซ็นของนายอำเภอเรียบร้อยแล้ว ตัวเธอก็เอาเอกสารนั่นมาที่ห้องของเธอ แล้วเอามารวมกับเอกสารชิ้นอื่นในทันทีโดยที่พ่อของเธอก็อยู่ในห้องด้วย

    “พ่อ เราได้ลายเซ็นนายอำเภอมาแล้ว!!”

    “เยี่ยม ทีนี้ลูกจะเอายังไงต่อหล่ะ??” พ่อของเธอถามไป

    “หนูจะยื่นเรื่องเสนอไปที่รัฐเลย อีกไม่กี่วันหนูจะไปที่ Black Maple” ฟิโอน่าพูดขึ้น

    “เยี่ยม แบบนี้ไอ้นายอำเภอเสร็จเราแน่” พ่อของเธอพูดไป

     

    กลับมายังบาร์ของซิ่วอิง ในวันนั้นเองซิ่วอิงก็ยังคงเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับลูกค้าตามปกติ ลูกค้าก็ยังนั่งดื่มเหมือนเดิม แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายกลุ่มหนึ่งก็บุกเข้ามาในร้าน จากนั้นก็ตะโกนขึ้น

    “พังแม่งให้หมด!!”

    เมื่อสิ้นเสียง พวกนั้นก็พยายามจะพังร้าน ซิ่วอิงเห็นดังนั้นจึงชักปืนออกมาแล้วยิงสู้มัน แต่พวกมันก็ยิงถล่มซิ่วอิงกลับจนเธอต้องหลบไป แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เนย์มาร์ก็เดินเข้ามาในร้าน พร้อมกับสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

    “เฮ้ย พวกมึงทำอะไรวะ??”

    “แล้วมึงยุ่งอะไรหล่ะ??” พวกมันตอบกลับไป จากนั้นก็จะเล่นงานเนย์มาร์ แต่เนย์มาร์ก็ชักมีดออกมาแล้วแทงพวกมัน จากนั้นก็เกิดการต่อสู้ชุลมุนระหว่างกลุ่มที่มาป่วนร้านและลูกค้าในร้าน เนย์มาร์ไล่เตะต่อยและแทงพวกที่อยู่ด้านในอย่างดุเดือด แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็กำลังถือเก้าอี้จะมาฟาดที่ด้านหลังเนย์มาร์

    “เนย์มาร์ ระวัง!!”

    “ปัง!!”

    ยังไม่ทันที่เนย์มาร์จะโดนฟาด ชายคนนั้นก็โดนยิงจนร่วง และในตอนนั้นเอง ชายแก่คนหนึ่งก็มายืนที่หน้าประตูพร้อมปืนไรเฟิลของเขา

    “เฮ้ย อย่าแทงคนที่ข้างหลังสิวะ!!”

    ชายแก่คนนั้นไล่ยิงพวกที่มาป่วนร้านจนเละ เหตุการณ์ชุลมุนเป็นอย่างมาก จนกระทั่งเจ้าของร้านก็พาตำรวจกลับมา พร้อมตัวเขาก็ยิงปืนขึ้นฟ้าไปหนึ่งนัด

    “ปัง!!”

    “เฮ้ย หยุดเดี๋ยวนี้นะเว้ย!!”

    เมื่อพวกนั้นเห็นตำรวจมาที่ร้าน พวกมันก็หนีกระเจิงกันไปคนละทาง ส่วนตำรวจก็เข้ามาควบคุมสถานการณ์เอาไว้ เนย์มาร์ในตอนนั้นก็รีบไปหาเจ้าของร้านในทันที

    “มาจนได้นะคะ!!” 

    “ก็นะ ฉันเข้าเมืองไปรู้สึกไม่ค่อยดีเลยพาตำรวจมาหน่ะ ไอ้พวกนี้มันเป็นใครกัน??”

    “ผมว่า ต้องเป็นพวกที่มาดูที่ที่นี่แน่ๆ” เนย์มาร์พูดขึ้น

    “มีใครพอจะบอกผมได้หรือเปล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” ชายแก่คนนั้นถามไป

    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ยังไงก็ขอบคุณลุงนะที่ช่วยพวกเรา” เนย์มาร์ตอบไป

    “ว่าแต่ลุงเป็นใครกันเหรอคะ??” ซิ่วอิงถามไป

    “ฉันเจเรมี่ ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตหน่ะ!!” 

    “ยิ่งใหญ่จริงนะลุง ว่าแต่ลุงรู้จักไอ้พวกนี้หรือเปล่า??” เนย์มาร์ถามไป

    “ถามฉันฉันจะไปถามใครหล่ะ ฉันก็เพิ่งเคยเห็นไอ้พวกนี้เหมือนกัน” เจเรมี่พูดขึ้น

    “ไอ้พวกนั้นแน่ๆ มันพยายามจะซื้อร้านฉัน แต่ฉันไม่ยอมขายพวกมัน ระยำ!!” เจ้าของร้านพูดขึ้น

    “ผมว่าเราคงต้องสืบแล้วหล่ะว่าพวกมันอยู่ที่ไหน??” เนย์มาร์ถามไป

    “เฮ้อ น่าสนุกดีนี่ ฉันเกลียดพวกนายทุนพวกนี้อยู่แล้วด้วย” เจเรมี่พูดขึ้น

    “หนูว่าพวกมันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆค่ะ เราคงต้องระวังตัวกันมากกว่านี้ค่ะ” ซิ่วอิงพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง เราจะได้รู้แน่ๆว่าพวกมันเป็นใคร” เจ้าของร้านพูดขึ้น

     

    กลับมายังฐานที่มั่นของกลุ่มคารีน ในแบล็คเวอร์จีเนีย ในวันนั้นเองพวกเขาก็ได้ข่าวเรื่องของรูเบ็น ที่เขากำลังเตรียมคนเพื่อก่อการครั้งใหม่ คาเตอร์หลังจากที่ได้ข่าวมา เขาก็รีบมารายงานกับคนในกลุ่มทันที

    “ทุกคน มีข่าวใหม่ ยืนยันมาแล้ว พวกเดอะแคลนมันเตรียมก่อการครั้งใหม่แล้ว!!” คาเตอร์พูดขึ้น

    “จริงเหรอ คราวนี้พวกมันจะทำอะไรหล่ะ??” คารีนถามไป

    “สายของเราบอกว่า มันจะเริ่มโจมตีในเขตของเราครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ผมว่า พวกมันอาจจะกำลังจนตรอก เลยต้องหาทรัพยากรเพิ่มหน่ะ” นาธานพูดขึ้น

    “อืม ฉันเห็นด้วย แต่คนของเราตอนนี้ยังไม่พอจะรบกับมันนะ” คารีนพูดขึ้น

    “เราก็แจ้งไปที่กองทัพ ให้พวกเขามาช่วยสิครับ” นาธานพูดขึ้น

    “พวกนั้นต้องรอประธานาธิบดีสั่งก่อนหน่ะสิ ที่พอช่วยได้ก็คงมีแค่พวกตำรวจหน่ะ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ตอนนี้เราคงต้องใช้ทุกอย่างที่มีไปก่อน แล้วพวกมันจะเริ่มจากที่ไหนหล่ะ??” คารีนถามไป

    “ผมว่าพวกมันอาจจะเริ่มจากหมู่บ้านแถวชายแดนก่อนแน่ๆ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “ตามชายแดนไม่เห็นจะมีอะไรเลย พวกว่าพวกมันอาจจะปล้นเมืองมากกว่า” นาธานพูดขึ้น

    “อืม พวกมันอาจจะเล็งเป้าหมายไปที่ร็อกกี้กับมาร์ค ที่กำลังพักผ่อนในเขต Black Maple แน่ๆ” คารีนพูดขึ้น

    “อาจเป็นไปได้ครับ พวกมันคงต้องหาอาวุธและเงินทุนเพิ่มเติม จับสองคนนี้เป็นตัวประกันก็น่าจะเรียกค่าไถ่ได้เยอะอยู่” คาเตอร์ออกความเห็น

    “อย่าบอกนะครับว่าเราต้องไปคุ้มกันไอ้สองคนนั้นหน่ะ??” นาธานถามไป

    “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่สอดส่องพวกมันไปก็พอ” คารีนพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นผมจะให้คนของผมคอยสอดส่องพวกมันเองครับ” คาเตอร์พูดขึ้น

    “แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ลุยครับเนี่ย แผลผมหายดีแล้วนะ??” นาธานถามไป

    “อย่าเพิ่งซ่าส์เลยนาธาน เดี๋ยวแผลจะฉีกอีก!!” คาเตอร์แซวเขาไป

    “โธ่ ผมยังยิงปืนได้อยู่นะครับ” นาธานพูดขึ้น

    “เอาหล่ะๆ ตอนนี้พวกเรารอดูสถานการณ์ไปก่อนดีกว่า รอให้แน่ใจว่าพวกเราจะไม่พลาดหน่ะ” คารีนพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ลูกน้องของคารีนคนหนึ่งก็เดินมาหาเธอ แล้วรายงานข่าวกับเธอในทันที

    “คุณคารีนครับ มีข่าวจากชายแดนครับ!!”

    “มีอะไรหล่ะ ว่ามาเลย??” คารีนถามไป

    “เราเจอกลุ่มคนใส่สูทมากว้านซื้อที่แถว Black Maple เยอะแยะเลยครับ!!”

    “จริงเหรอ พวกมันจะซื้อที่แถวนั้นไปทำไม??” คาเตอร์ถามไป

    “หรือว่าจะมีทองคำอยู่ครับ??” นาธานถามไป

    “ไม่นะ ทองคำก็ขุดไปจนเกือบหมดแล้วนี่” คาเตอร์ปรามไป

    “ปกติดินแดนแถวนี้ก็ไม่ค่อยมีใครมาซื้ออยู่แล้วนะ ทำไมพวกมันถึงต้องเจาะจงที่นี่ด้วยหล่ะ??” คารีนถามไป

    “หรือเราจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้ดีครับ??” คาเตอร์ถามไป

    “ก็ดีนะ ส่งคนไปติดต่อกับกลุ่มอื่นๆ ถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู” คารีนพูดขึ้น

    “ถ้าเรื่องนั้นผมจัดการเอง สายของผมเยอะอยู่แล้วหล่ะ” นาธานบอกกับคารีนไป

     

    กลับมายังเขตของรูเบ็น ในวันนั้นเองเขาก็กำลังนั่งดูแผนที่อะไรบางอย่างบนโต๊ะที่ห้องของเขา เขามองมันอยู่นานนักหนา จนกระทั่งแฟรงค์เก้นก็เดินเข้ามาหารูเบ็นในห้อง เพื่อมารายงานข่าวกับเขาในทันที

    “ท่านครับ คนของเราเตรียมพร้อมแล้วครับ!!”

    “ดีมาก ให้พวกเขาเตรียมโจมตีเมื่อฉันสั่ง!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “กำลังดูอะไรอยู่เหรอครับ??” แฟรงค์เก้นถามรูเบ็นไป

    “Black Maple หน่ะ เขาบอกว่าในอนาคตแถบนี้จะกลายเป็นทำเลทองเลยหล่ะ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “จริงเหรอครับ ใครบอกคุณกันครับ??” แฟรงค์เก้นถามต่อ

    “ก็นักธุรกิจสองคนนั้นไง ถ้าเราได้เป็นใหญ่ในเขตนี้ เงินทองจะไหลมาเทมา” รูเบ็นพูดขึ้น

    “คุณเชื่อใจไอ้สองคนนั้นเหรอครับ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “ต้องได้สิ พวกนั้นจ่ายเงินให้เราเพื่อการนี้เลยนะ” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ครับ ก็แล้วแต่นะครับ!!”

    “ทำไม นายไม่สบายใจตรงไหนหล่ะ??” รูเบ็นถามไป

    “ผมว่า พวกมันสองคนอาจจะมีแผนอะไรอยู่ก็ได้นะครับ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงหรอก พวกมันไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก” รูเบ็นพูดขึ้น

    “ถ้าคุณเชื่อแบบนั้น ผมคงต้องเชื่อคุณด้วยหล่ะครับ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วง จบงานนี้เมื่อไหร่ ดินแดนแห่งคนขาวที่เราใฝ่ฝันจะเป็นจริงซะที” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แล้วคุณจะเอายังไต่อหล่ะครับ??” แฟรงค์เก้นถามไป

    “เราจะเตรียมกวาดล้างหมู่บ้านในเขตแบล็คเวอร์จีเนียให้หมด ปล้นพวกมันให้เหี้ยน จับมาเป็นทาส จากนั้นเราก็ยึดให้หมดทั้งเมือง ตัดกำลังกองทหารรัฐบาล ไม่ให้พวกมันโจมตีได้” รูเบ็นพูดขึ้น

    “แต่ว่า เราต้องส่งข่าวให้ฝ่ายอื่นด้วยนะครับ” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ได้สิ เราจะส่งข่าวให้พันธมิตรของพวกเรารู้ ความจริงมีแค่เราก็ยึดทั้งเมืองได้แล้ว” รูเบ็นพูดขึ้น

    “อืม แล้วพวกชาวเมือง Black Maple จะเอายังไงกับมันต่อครับ??” 

    “ใครขวางฆ่าให้หมดสิ!!” รูเบ็นพูดขึ้น

    “รับทราบครับ กำจัดให้หมดเลย!!” แฟรงค์เก้นพูดขึ้น

    “ถ้าพวกเราทำสำเร็จ ไอ้พวกอีกาหน้าโง่มันจะทำอะไรเราได้ ฮ่าๆๆๆ” รูเบ็นหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

     

    ที่หน้าบ้านพักของร็อกกี้และมาร์ค ซึ่งในวันนั้นเองกลุ่มของคลีฟแลนด์ไปดักซุ่มสังเกตการณ์ เพื่อดูว่าพวกมันสองคนกำลังทำอะไรอยู่ โดยที่เธอนำทหารสองคนมาด้วยเพื่อช่วยคุ้มกันเธอ พวกเธอมองอยู่ซักพักแต่ไม่เจออะไรท่น่าสงสัย

    “ดูเหมือนพวกมันจะหดหัวอยู่ในบ้านนะ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “นั่นสิครับ ยามของมันนี่คงเกณฑ์มาเต็มอัตราศึกเลย” ลูกน้องของเธอพูดขึ้น

    “ใช่ เห็นทีกำลังของเราคงจะไปฆ่ามันได้ยาก” คลีฟแลนด์พูดขึ้น และในตอนนั้นเอง คลีฟแลนด์ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินไปเดินมาในห้องของร็อกกี้และมาร์ค เธอรีบเล็งเป้าหมายไปยังหญิงสาวคนนั้นทันที

    “ยัยนั่นเป็นใครกันนะ??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “ไม่ทราบครับ คงเป็นอีตัวที่สองคนนั้นพามามั้งครับ??” ทหารคนหนึ่งออกความเห็นไป

    “เออ ผมนึกออกแล้ว เธอคือซูซี่ เพชรเม็ดงามแห่งนิวยอร์กหน่ะครับ!!” ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เหรอ นายรู้ได้ไงกัน??” คลีฟแลนด์ถามไป 

    “เคยเห็นโปสเตอร์ของเธอหน่ะครับ!!”

    “แล้วยัยนั่นมาทำอะไรที่นี่กันแน่??” คลีฟแลนด์ถามไป

    “ผมว่า เราน่าจะใช้ประโยชน์จากเธอได้นะครับ”

    “อืม ถ้าเธอเข้าถึงตัวสองคนนั้นได้ก็น่าสนนะ” คลีฟแลนด์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น เมื่อสบโอกาส เราจะไปชิงตัวเธอมาครับ”

    “ดี ตอนนี้รอดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน” คลีฟแลนด์พูดขึ้น และกลับเข้ามาในบ้านของร็อกกี้และมาร์ค ซึ่งซูซี่ได้คอยปรนนิบัติทั้งสองคนจนทั้งสองคนติดใจผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมาก

    “เอาเหล้าเพิ่มหรือเปล่าคะท่าน??” ซูซี่ถามในขณะที่กำลังรินเหล้า

    “เอามาเลยจ้ะคนสวย!!” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “ที่เขาว่าเป็นเพชรเม็ดงาม ท่าจะเป็นเรื่องจริงนะเนี่ย” มาร์คพูดขึ้น

    “แหม่ ชมกันเกินไปแล้วนะคะ!!” ซูซี่พูดขึ้น

    “แล้วนี่ ทางอังกฤษส่งข่าวมาหรือยังหล่ะ??” ร็อกกี้ถามมาร์คไป

    “ตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมกองเรือ ไม่นานหรอก”

    “แหม่ ดูเหมือนว่าพวกท่านทั้งสองคนจะมีอะไรมากกว่าที่คิดนะคะ!!” ซูซี่พูดออกมาแล้วเสิร์ฟเหล้าให้กับทั้งคู่

    “แล้วคุณคิดว่ายังไงหล่ะ??” ร็อกกี้ถามเธอไป

    “ดิฉันคิดว่า คุณน่าจะมีสายในนี้เพิ่มเติมนะคะ” ซูซี่พูดขึ้น

    “แล้วคุณหาได้งั้นเหรอครับ??” มาร์คถามไป

    “แหม่ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันเองก็มีพวกอยู่นะคะ” ซูซี่พูดขึ้น

    “แหม่ คุณนี่ช่วยพวกเราได้เยอะจริงๆ” ร็อกกี้พูดขึ้น

    “ค่ะ ดิฉันก็แค่อยากได้ส่วนแบ่งนิดหน่อยหน่ะค่ะ” 

    “ถ้าคุณซื่อสัตย์และให้ความสุขกับพวกเราเต็มที่ ผมรับรองว่าคุณจะสบายไปทั้งชาติเลย” มาร์คพูดขึ้น

    “แหม่ ช่างเป็นเกียรติกับฉันจริงๆเลยค่ะ” ซูซี่พูดขึ้น

    “ถ้างั้นคุณก็เริ่มงานเลยซะสิ” มาร์คพูดขึ้น

    “ได้เลย ฉันจะไปอาบน้ำรอพวกคุณนะคะ!!” ซูซี่พูดขึ้น

    “ได้เลยครับ!!” ร็อกกี้ตะโกนบอกเธอไป

     

    กลับมายังบ้านของลอร่า ในวันนั้นเองเธอก็กลับมาพักผ่อนที่บ้านหลังจากที่เหนื่อยจากงานมาทั้งวัน แต่ในระหว่างที่เธอกำลังนั่งบนเก้าอี้เอนหลังอย่างสบายใจ ในตอนนั้นเอง พ่อบ้านของเธอก็เดินเข้ามาในห้องของเธอ เพื่อรายงานข่าวกับเธอ

    “คุณหนูครับ มีข่าวจากในเมืองครับ!!”

    “มีอะไรเหรอคะ??” ลอร่าถามไป

    “นายอำเภอแม็กซ์เพิ่งจะโดนขึ้นศาลหน่ะครับ แล้วตอนนี้ยังมีศัตรูใหม่อีก”

    “ขึ้นศาลเหรอคะ ศัตรูใหม่เหรอ พวกมันเป็นใครคะ??” ลอร่าถามไป

    “พวกมันไม่มีที่มาแน่ชัดครับ แต่ส่วนใหญ่เป็นคนเอเชียครับ” 

    “จริงเหรอ ทำไมถึงเป็นอย่างงั้นหล่ะ แล้วพวกนั้นทำอะไร??” ลอร่าถามไป

    “พวกเขากว้านซื้อพื้นที่บริเวณนั้นมากมายครับ ใครไม่ขายก็ตามเก็บครับ” 

    “แล้วนายอำเภอทำอะไรไม่ได้เหรอคะ??” ลอร่าถามต่อไป

    “ก็อย่างที่บอกนั่นแหละครับ นายอำเภอกำลังโดนฟ้องอยู่ เลยทำอะไรลำบากครับ” 

    “ถ้าอย่างงั้น เราคงต้องสืบเองแล้วหล่ะ แล้วทอดด์หล่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง??” ลอร่าถามไป

    “ตอนนี้เขาบาดเจ็บ แต่ไม่เป็นไรแล้ว ผมคิดว่าเขาคงกำลังตามล่าใครซักคนอยู่หน่ะครับ” 

    “อืม ฉันจะไปเยี่ยมเขาหน่อยดีกว่า” ลอร่าพูดขึ้น

    “จะดีเหรอครับ คุณหนูยังไม่ได้พักผ่อนเลยนะครับ”

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็อยากได้ความช่วยเหลือจากเขาอยู่พอดีเลย” ลอร่าพูดขึ้น

    “ได้ครับ ถ้าอย่างงั้นผมจะไปเตรียมม้าให้นะครับ” พ่อบ้านของเธอพูดขึ้น

     

    กลับมายังค่ายทหารภาคตะวันออกของเจสัน หลังจากที่เขากลับมาได้ซักพัก เขาก็กลับมาฝึกทหารของเขาต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่ง สายข่าวของเขาก็รีบขี่ม้ามาหาเจสันในค่ายทหาร สายคนนั้นรีบวิ่งมาหาเจสันในเต้นท์ แต่มีทหารขวางทางไว้ก่อน

    "ผมต้องเจอคุณเจสัน!!"

    "ผู้กองเจสันคุยกับผู้พันอยู่ครับ!!" ทหารยามพูดไป

    "นี่เรื่องสำคัญมากเลยนะครับ!!"

    "มีอะไรงั้นเหรอ??" เจสันในตอนนั้นก็เดินออกมาถามไป  

    "ตอนนี้ชายแดน Black Maple โดนกลุ่มโจรมาปล้นเป็นระยะครับ!!"

    "ห่ะ จริงเหรอ พวกมันมีเยอะแค่ไหน??" เจสันถามไป

    "ผมว่า น่าจะเยอะกว่าที่ผ่านมาครับ!!"

    "ถ้าอย่างงั้นเข้ามาข้างในเลย" เจสันพูดขึ้น จากนั้นเขาก็พาสายของเขามาพบกับผู้พันของเขา ซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านในรออยู่แล้ว

    "เจสัน มีอะไรอีกเหรอ??"

    "ท่านครับ สายของผมรายงานมาว่าพวกโจรกำลังปล้นหมู่บ้านในเขต Black Maple ครับ" เจสันพูดขึ้น

    "ใช่ครับ แบล็คเวอร์จิเนียก็โดนครับ ดูเหมือนพวกมันจะเริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ" สายของเจสันบอกไป

    "เราคงต้องส่งทหารออกไปตั้งรับแล้วหล่ะ" ผู้พันพูดขึ้น

    "พวกโจรมันคงมาจากไวท์ยอร์กแน่นอนครับ ใครไปที่นั่นไม่มีทางหนีออกมาได้เลยครับ" เจสันพูดขึ้น

    "ผมจะทำเรื่องส่งไปที่วอชิงตัน ขอให้ส่งทหารมาเพิ่มก็แล้วกัน" ผู้พันพูดขึ้น

    "ผมว่ายังไม่จำเป็นครับ เพียงแค่เราจัดการพวกมันไปทีละส่วนตามเดิมครับ" เจสันพูดขึ้น

    "นายว่านายจัดการได้หรือเปล่า??" ผู้พันถามไป

    "ผมว่าได้ครับ แล้วมีคนช่วยเราจัดการอยู่ด้วย" เจสันพูดขึ้น

    "หือ ใครจะช่วยเราจัดการเหรอ??" ผู้พันถามไป

    "ผู้พันเคยได้ยินเรื่องคาวบอยชุดแดงหรือเปล่าครับ??" เจสันถามไป

    "ผมเองก็เคยได้ยินมานะ มันมีจริงเหรอ??"  

    "ใช่ครับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขากำลังตามล่าพวกโจรในไวท์ยอร์กด้วยครับ" เจสันพูดขึ้น

    "ฉันรู้ แต่ฉันว่าเราอย่าไปหวังพึ่งเขามากเลย เราสู้ของเราเองก่อนดีกว่า เจสัน ฉันให้นายเคลื่อนกำลังไปชายแดน Black Maple ด่วนเลย ถ้าทหารไม่พอ ผมจะขอความช่วยเหลือจากวอชิงตันเอง" ผู้พันพูดขึ้น

    "รับทราบครับท่าน!!" เจสันรับคำสั่งไป

     

     

    กลับมายังบ้านพักของนายจักษ์และทาเคชิ ในวันนั้นเองเขาก็นั่งคุยกันถึงเรื่องความสำเร็จของงานพวกเขา ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างมาก  

    "งานแรกของเรา เราจะทำให้ Black Maple วุ่นวายถึงขีดสุด แล้วให้คนอพยพออกไปให้ได้มากที่สุด" นายประจักษ์พูดขึ้น

    "คุณคิดว่าพื้นดินแถวนั้นมันจะมีอะไรให้พวกเราอย่างงั้นเหรอ??" ทาเคชิถามไป

    "แน่นอน คนของผมสำรวจมานานนับปี ในอนาคตมันจะมีประโยชน์แน่นอน" นายประจักษ์พูดขึ้น

    "ใต้ดินนั้นมันมีทองอย่างงั้นเหรอ??" ทาเคชิถามต่อ

    "ยิ่งกว่าทองคำซะอีก มันอาจจะเป็นทองคำแห่งศตวรรษที่ 20 ด้วยหล่ะ" นายประจักษ์พูดขึ้น

    "อืม แล้วเรื่องของไอ้รูเบ็นนี่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะ??" ทาเคชิถามไป

    "ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้หมอนั่นมันก็เบี้ยโง่ๆตัวหนึ่งของเรา จบเรื่องเมื่อไหร่ ผมจะทำเหมือนที่เขตไวท์ยอร์ก และเอาคนขาวของพวกมันมาทำงานจนตาย!!" นายประจักษ์พูดขึ้น

    "คุณคิดว่ามันจะพลาดง่ายๆงั้นเหรอ??" ทาเคชิถามไป

    "คนอย่างมันไม่มีสมองเท่าไหร่ เชื่อผมสิ" นายประจักษ์พูดขึ้น

    "แล้วคุณจะจัดการมันยังไงหล่ะ??" ทาเคชิถามไป

    "ก็ยืมมือพวกทหารจัดการพวกมันยังไงหล่ะ" นายประจักษ์พูดขึ้น

    "เออใช่ พรุ่งนี้เราต้องไปเจอคุณร็อกกี้และคุณมาร์คหล่ะ" ทาเคชิพูดขึ้น

    "จริงด้วย ยังไงเราก็เตรียมพร้อมไว้แล้วกัน" นายประจักษ์พูดขึ้น

    "ได้เลย ผมเตรียมพร้อมอยู่แล้วหล่ะ" ทาเคชิพูดขึ้น และในขณะเดียวกันนั้นเอง ชายคนหนึ่งก็มารายงานอะไรบางอย่างที่ข้างหูของทาเคชิ ทาเคชิถึงกับตกใจมากเมื่อได้ยิน

    "ห่ะ นี่แกแน่ใจนะ??"

    "แน่ใจครับท่าน!!" ลูกน้องของเขาตอบไป

    "เกิดอะไรขึ้นครับ??" นายประจักษ์ถามไป

    "คาวาชิโดนจับ ยัยโฮมุระนั่นคงรู้เรื่องของเราทั้งหมดแล้ว ระยำเอ้ย!!" ทาเคชิสบถออกมา

     

     

    เช้าวันต่อมา หลังจากที่ทองสุกได้ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ตัวเขาเองก็ขอออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับมายังห้องของเขา และเมื่อเขาเดินทางมาถึง ตัวเขาก็เดินไปเปลี่ยนชุดสีแดงของเขาในทันที จากนั้นเขาก็เหน็บดาบพร้อมกับปืนพกอัตโนมัติที่เขาเพิ่งจะได้จากจอห์นและเอ็ดเวิร์ดมาด้วย จากนั้นตัวเขาก็เดินออกมาที่ด้านนอกห้อง และในตอนนั้นเอง เจสสิก้าและแคลิเฟอร์ก็มารอที่หน้าห้องอยู่แล้ว ทองสุกรีบไปคุยกับสองสาวในทันที

    "อ้าว เจสสิก้า แม่เธอเป็นยังไงบ้าง??" ทองสุกถามไป

    "แม่ฉันกลับไปพักผ่อนแล้วหล่ะ แล้วนายจะไปไหนหล่ะ??" เจสสิก้าถามต่อ

    "ผมก็จะไปตามล่าพวกมันต่อหน่ะสิ" ทองสุกพูดขึ้น

    "แล้วนายจะไปที่ไหนหล่ะ ไวท์ยอร์กเหรอ??" แคลิเฟอร์ถามไป

    "ก็ถามมันต้องไปผมก็จะไป" ทองสุกพูดขึ้น

    "แต่ว่า นายจะปลอดภัยเหรอ??" เจสสิก้าถามไป

    "ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่เป็นไรอยู่แล้ว เธอกลับไปเยี่ยมแม่ก่อนก็ได้นะ" ทองสุกพูดขึ้น

    "ไม่หรอก พวกเราจะไปกับนายด้วย" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "ใช่ ไม่ต้องห่วงหรอก แม่ฉันมีคุณทินส์คอยดูอยู่แล้วหล่ะ" เจสสิก้าพูดขึ้น

    "อืม ถ้าอย่างงั้นก็ตามมาแล้วกัน!!" ทองสุกพูดขึ้น จากนั้นตัวเขาก็เดินออกไปที่ด้านนอก เพื่อไปขึ้นม้าในทันที

    "แคลิเฟอร์ มีที่ไหนที่เราพอจะไปทำลายได้อีกหล่ะ??" ทองสุกถามเธอไป

    "มีหมู่บ้านหนึ่งซึ่งเก็บของให้กับพวกมัน แต่ยามของพวกมันมีกันเป็นโหลเลย" แคลิเฟอร์พูดขึ้น

    "ดี เราจะไปที่นั่นกัน ฉันจะเผามันให้เหี้ยนเลย" ทองสุกพูดขึ้น

    "ฉันจะระวังหลังให้นายเอง" เจสสิก้าพูดขึ้น จากนั้นทั้งสามก็ควบม้าออกจากเมืองและเดินทางต่อในทันที เพื่อทำงานของพวกเขาต่อไป

    ==============================================================

    ทองสุกจะทำอย่างไรต่อไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ แหะๆๆ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย แหะๆ

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×