คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 9 : เดินทางสู่ที่หมาย
กลุ่มโจรได้เข้าโจมตีพวกของนอร์ดิกอย่างเหี้ยมกระหาย
แต่พวกเขารวมทั้งเหล่านักศึกษาได้ป้องกันตัวเองอย่างแข็งขัน
เนื่องจากพวกมันเป็นแค่โจรชาวบ้านธรรมดาจึงไม่มีฝีมือในการต่อสู้มากนัก
ทำให้แพ้พวกของนอร์ดิกอย่างง่ายดาย
“อย่า อย่าทำอะไรพวกเราเลย เราแค่อยากได้เงินเลี้ยงครอบครัวหน่ะ”
นอร์ดิก : กลับไปซะ
อย่าคิดทำอะไรแบบนี้อีก เอานี่ไปซะ // นอร์ดิกโยนเงินให้จำนวนหนึ่ง
ทำให้พวกมันเอาเงินและรีบหนีไป
เคจา : ให้เงินไปมันตั้งเยอะเลยนะ
มันจะดีงั้นเหรอ
นอร์ดิก : ไม่เป็นไรหรอกพี่
อีกอย่างเราใกล้จะถึงริงก้าแล้วหล่ะ
นิโคลัส : ขอบใจมากนะที่ช่วยฉัน
ความจริงมันต้องการแค่เงินของฉันหน่ะ
ไซโซ : ว่าแต่
เงินพวกเนี่ย นายไปเอามันมาจากไหนหล่ะ
เอ็น : เราเป็นแค่พ่อค้าหน่ะ
เรากำลังจะไปทำการค้าที่ริงก้า
นิโคลัส : ฉันสาบานได้
เงินส่วนนี้ฉันไม่ได้ไปโกงใครที่ไหนมาเลยนะ
อาบาตู : ช่างเรื่องนั้นก่อนเถอะครับ
พวกคุณปลอดภัยก็ดีแล้ว
ซอล : เฮ้อ
ความจริงฉันไม่ค่อยถูกกับพวกพ่อค้าเท่าไหร่ แต่ช่างเถอะ
นายคงจะดูไม่มีพิษภัยอะไรเท่าไหร่
เอ็น : นี่
เห็นพวกเราเป็นอะไรเนี่ยห่ะ
นอร์ดิก : ใจเย็นน่า
ว่าแต่ตอนนี้มีใครบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
ซอล : เพื่อนฉันเจ็บไปห้าคน
แต่คนอื่นๆยังปลอดภัยดีหน่ะ
ไซโซ : ฉันว่านะ
ตอนนี้เรารีบทำแผลแล้วเก็บของไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า
เคจา : นั่นสิ
เดี๋ยวพวกมันจะกลับมีอีก คราวนี้เราอาจไม่รอดแน่
นอร์ดิก : คุณอาบาตูครับ
อีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึงริงก้าครับ
อาบาตู : อีกไม่กี่ไมล์เราก็จะถึงแล้วครับ
ซอล : ว่าแต่
พวกนายจะเอายังไงต่อ จะไปด้วยกันหรือเปล่าหล่ะ
นิโคลัส : ก็ต้องไปสิ
ว่าแต่นายเนี่ย ท่าทางจะเรียนมาสูงนะ
ซอล : ก็ใช่
ฉันมีอาจารย์คนหนึ่ง เคยไปเรียนที่ฝรั่งเศสมาสอนฉันหน่ะ
เอ็น : อ้อ
ถ้านายอยากไปเที่ยวที่นั่น ฉันจะพานายไปเอาป่าว
ซอล : ฉันว่า
นายรักษาแผลให้หายก่อนดีกว่านะพวก
นอร์ดิก : เอาหล่ะครับทุกคน
ผมว่ารีบไปจากที่นี่กันเถอะ
พวกเขารีบทำแผลให้คนเจ็บ
จากนั้นก็เก็บของไปเพื่อเดินทางกันต่อไปยังเมืองริงก้า
กลับมาที่แคว้นเดลล์
ในตอนนั้นเองเขากำลังเตรียมกำลังพลของเขาเพื่อบุกเข้าโจมที่มั่นของผู้เฒ่าตาร์ก
พวกเขาปรึกษากับทหารของเขาเพื่อวางแผนทำการโจมตีในครั้งนี้
“ท่านครับ พวกของตาร์กมันมีกำลังมากกว่าเราถึง 5 เท่าเลยนะครับ”
บลู : ไม่ต้องห่วง
ฉันรู้ว่าจะจัดการพวกมันยังไง
“จัดการ ยังไงเหรอครับ”
บลู : พวกของไอ้แก่นั้น
มันเอาแต่หดหัวอยู่แต่ในที่มั่นของมั่น แต่ที่มั่นของมันมีช่องโหว่อยู่
“ช่องโหว่ ตรงไหนเหรอครับท่าน”
บลู : เส้นทางขึ้นเขาตรงนี้เป็นเส้นทางลับ
ที่ฉันส่งคนไปสำรวจแล้ว พวกมันไม่มาสำรวจเส้นทางนี้เลย
แต่เส้นทางนี้ขึ้นลงและถอนตัวได้ง่าย เราน่าจะโจมตีพวกมันโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“ว่าแต่ คนของเราจะทำได้เหรอครับ”
บลู : ได้สิ
ฉันให้ทหารม้าเตรียมพร้อมขึ้นเขาเรียบร้อยแล้วหล่ะ
“ได้ครับท่าน ผมจะรีบไปสั่งการเดี๋ยวนี้เลยครับ”
บลู : ดี
ตอนนี้เราต้องจัดการพวกมันแบบไม่ทันตั้งตัว เป็นทางเดียวที่จะสู้กับพวกมันได้
เอาหล่ะ ไปกันดีกว่า
กลับมายังเมืองแห่งหนึ่งที่แคว้นเดลล์
ในตอนนั้นเองเอลิซ่าได้ข่าวจากสี่พี่น้องของเมเทอร์ ซึ่งมีม้าเร็วมาส่งข่าวถึงเธอในตอนเช้า
เธอเปิดจดหมายอ่านทันที โดยที่เพื่อนของเธอสองคนนั่งอยู่ตรงนั้นด้วย
เอลิซ่า : พวกโซราบอล
มันกำลังจะยึดครองโมโรวินในไม่ช้านี่แล้ว
เมเทอร์ : ห่ะ
จริงเหรอ แล้วพวกพี่น้องฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้างหล่ะ
เฟรย์อา : นั่นสิ
หวังว่าพวกเขาจะหนีออกมาได้ทันเวลานะ
เอลิซ่า : พวกเขาหนีออกมาได้
ฉันอยากรู้ว่าที่นั่นจะเป็นยังไงกันบ้าง
เมเทอร์ : เราก็ไม่รู้
เราอยู่ในสถานะที่ยังทำอะไรไม่ได้นะ
เฟรย์อา : ว่าแต่
สมาชิกของเราที่นั่นหล่ะ จะทำยังไงกันต่อหล่ะ
เอลิซ่า : ตอนนี้ฉันประกาศไปแล้ว
ให้สมาชิกที่เหลือหนีไปที่ริงก้าด่วนเลย
เฟรย์อา : ฉันว่าตอนนี้เรารีบไปที่ริงก้ากันก่อนดีกว่า
เอลิซ่า : นั่นสิ
พูดถึงก็อยากไปพอดี รีบบอกคนของเราให้ไปกันดีกว่า
เมเทอร์ : แหม่
ท่าทางจะรีบเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย
พวกเธอกับคนของเธอรีบเก็บของ
จากนั้นก็รีบเดินทางไปยังริงก้าโดยทันที
และอีกด้านหนึ่ง
คาราวานของชายทั้งสี่คนก็เคลื่อนมาถึงชายแดนของแคว้นเดลล์
ในขณะนั้นเองพวกเขาก็ตื่นเต้นมากที่ได้มาถึงที่นี่
เลออน : พี่ครับ
เรามาถึงแคว้นเดลล์แล้วครับ สดชื่นจังเลย
เอเทอร์ : นั่นดิ
แต่ฉันว่านะ เสียงปืนมันแลดูจะดังไปหน่อยนะเนี่ย
แมทธิว : อ้อ
ดูท่าสงครามกลางเมืองที่นี่จะรุนแรงมากเลยนะ
มาร์ธิว : พี่ว่า
เรารีบผ่านแถวนี้ไปก่อนดีกว่า ไม่งั้นอาจจะเจออะไรก็ได้ // ในตอนนั้นเอง เสียงปืนก็ดังใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ทำเอาพวกเขาเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย
เลออน : พี่
ผมว่ามันมาแล้ว ให้ผมไปหยิบปืนเลยมั้ย
แมทธิว : เก็บปืนนายไว้เถอะ
นายไม่อยากตายก่อนไปถึงริงก้าใช่ไหม
เอเทอร์ : นี่ไม่ใช่สงครามของเรา
บอกคนของเราห้ามยิงเด็ดขาด ไม่ว่าเจออะไร
มาร์ธิว : รีบไปจากที่นี่
ทุกคนขึ้นรถม้า เร็ว // ขบวนของเขารีบขึ้นรถม้าจากนั้นก้รีบหนีไปจากที่นั่น
ก่อนที่พวกเขาจะตกเป็นเป้ากระสุนปืน
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่โอลลี่ปล้นกองทัพของโซราบอลมาได้
พวกเธอก็เอาของที่ปล้นมาได้มาแบ่งกันเองบางส่วน บางส่วนก็เอาไปบริจาคให้กับชาวบ้าน
ในตอนนั้นเอง มีชายคนหนึ่งรีบวิ่งมาบอกข่าวกับเธอที่กำลังแบ่งของกันอยู่
“โอลลี่ แย่แล้ว ตอนนี้โมโรวินแตกแล้วนะ”
โอลลี่ : ห่ะ
จริงเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าเมืองหลวงจะแตกเร็วขนาดนี้
“ใช่ครับ
ผฃนายพลของเราก็โดนยิงตายกลางเมืองด้วยครับผม”
โอลลี่ : ระยำจริงๆ
ปกติผู้นำจะไม่ฆ่าผู้นำด้วยกันนี่
“ว่าแต่ตอนนี้จะเอายังไงต่อครับ
พวกมันเกือบจะได้มอร็อคทั้งแคว้นแล้วนะครับ”
โอลลี่ : ตอนนี้เราคงปล้นไม่ได้แล้วหล่ะ
สั่งคนของเราให้หนีไปที่แคว้นเดลล์ก่อน
“ได้ครับ”
ทางด้านของกองทัพโซราบอล
หลังจากที่กองทัพของนายพลเนโรพิชิตเมืองโมโรวินได้สิ้นแล้ว
แต่เขาก็ต้องแลกกับทหารที่ล้มตายไปมากมาย
รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการโจมตีแบบกองโจร
ทำเอานายพลเนโรเริ่มจะกังวลใจเกี่ยวกับทหารของเขา
คูเปอร์ : ท่านนายพลครับ
ตอนนี้เราเสียทหารไปกว่าแสนนายแล้วนะครับ
เนโร : ห่ะ
อะไรนะ เป็นไปได้ยังไง ทั้งๆที่อาวุธและเสบียงของเราก็ดีกว่า
คูเปอร์ : ทหารส่วนใหญ่ล้มตายจากโรคไข้ป่าครับ
แถวยังเจอสงครามกองโจรอีก ตอนนี้เราเหลือแค่เกือบๆเจ็ดแสนเองนะครับ
โซรอน : ถ้างั้น
เราต้องรีบพิชิตศึกนี้โดยเร็วนะครับ ตอนนี้เราได้เมืองโมโรวินแล้ว อีกไม่นานเราก็จะไปเหยียบแคว้นเดลล์แล้วนะครับ
นอสต้าร์ : นั่นสิครับ
เราควรจะโจมตีมัน แล้วผลักดันมันไปให้ถึงแคว้นเดลล์เลยนะครับ // ตอนนั้นเอง นายพลเนโรก็เริ่มไอบ่อยมากขึ้น
จนทหารต้องนำน้ำร้อนมาให้ดื่ม
เนโร : ก็ดีเหมือนกัน
ฉันก็อยากจะรีบจบสงครามนี้ซะที
คูเปอร์ : ท่านครับ
ผมว่าท่านควรจะพักผ่อนนะครับ ผมจะไปเรียกหมอมาให้
เนโร : ฉันไม่เป็นไรหรอก
พรุ่งนี้สั่งให้ทหารตามล่าพวกที่เหลือให้หมด
“ครับผม” นายพลเนโรกลับเข้าไปในกระท่อมโดยที่มีคูเปอร์ประคองเขาไปด้วย
ในตอนนั้นเอง โซรอนก็คุยกับนอสต้าร์ทันที
นอสต้าร์ : ผมว่าเนโรคงจะไม่ไหวแล้วนะครับ
โซรอน : ไม่ต้องห่วง
ทางอเมริกาแจ้งมาแล้ว ยึดได้ทั้งดินแดนเมื่อไหร่ ให้จัดการได้เลย
นอสต้าร์ : ครับผม
ทางด้านกองพันของฟีนด์
หลังจากที่พวกเขาได้ข่าวว่าโมโรวินเมืองหลวงของเขาถูกยึดครองแล้ว
เขาแทบจะเศร้าเพราะกองทัพที่เหลือของเขาถูกละลายหมดทั้งกอง
แถมตอนนี้ที่เขามีเหลือก็แค่ไม่กี่หมื่นนาย
ฟีนด์ : ตอนนี้สถานการณ์ในเมืองเป็นยังไงบ้าง
“กำลังวุ่นวายหนักเลยครับ พวกเราตายกันไปหลายหมื่น
ตอนนี้ที่เหลือรอดก็มาอยู่กับเราแค่ไม่กี่พันเองครับ”
ฟีนด์ : แล้วท่านนายพลหล่ะ
เป็นยังไงบ้างหล่ะ
“เสียชีวิตกลางสมรภูมิครับผม”
ฟีนด์ : เฮ้อ
น่าเสียดาย ความจริงฉันน่าจะไปพบท่านนายพลเป็นครั้งสุดท้ายนะ
“ว่าแต่ ตอนนี้เราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ”
ฟีนด์ : เราควรจะสู้กับพวกมันต่อไป
ถอนกำลังไปที่แคว้นเดลล์ พยายามโจมตีพวกมันให้ได้มากที่สุด
“ได้ครับท่าน”
ฟีนด์ : เตรียมเสบียงและอาวุธหนัก
ขนข้ามชายแดนไปก่อน หวังว่าคงจะยังมีฐานที่มั่นให้พวกเราสู้นะ
“แต่ว่าท่านครับ
เราจะต้องหนีจากบ้านไปจริงๆเหรอครับ”
ฟีนด์ : ที่เราต้องหนี
ก็เพราะเพื่อจะกลับมากู้บ้านเราได้ยังไงหล่ะ
อีกด้านหนึ่งของป่า อราชยังคงทำการปล้นเสบียงของโซราบอลแบบเดิม
แต่คราวนี้หลังจากที่พวกเขาโจมตีทหารได้จนหมด
แต่คาราวานของโซราบอลกลับไม่มีอะไรเลย มีแต่กล่องอะไรซักอย่าง
ในตอนนั้นเองโจรคนหนึ่งพยายามไปเปิดกล่องดู
“ท่านครับ นี่มันดินปืนนี่ครับ”
หลังจากที่มันพูดจบ อราชก็ยิงธนูไฟใส่รถม้าที่บรรทุกดินระเบิด
ทำให้รถม้าคันนั้นระเบิดไปพร้อมกับทหารโซราบอลพวกนั้น ทหารโซราบอลแตกตื่นไปทั่ว
จากนั้นเองกองโจรกองอราชก็ระดมยิงธนูใส่ทหารของโซราบอลจนปั่นป่วน
“แย่หล่ะ นั้นมันพวกโจรรูดิวนี่หว่า”
“มันจะแย่ซักแค่ไหนเองวะ”
ระหว่างนั้นเอง เอ็ดเวิร์ดที่นำกำลังพลมาเสริมพอดี
ก็เข้ามาช่วยยิงสกัดกองโจรของอราชเอาไว้
ทำเอาพวกมันเริ่มจะถอยเข้าไปในป่าเพราะกำลังมีน้อยกว่า
“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีรอดไปได้”
ทหารโซราบอลไล่ตามพวกโจรนั่นไปทุกที่
เอ็ดเวิร์ดก็วิ่งตามล่าพวกโจรเข้าไปในป่า
เขากับพวกอีกหนึ่งหมู่วิ่งตามพวกโจรไปทางด้านตะวันตก
แต่ตอนนั้นเองพวกมันก็ยิงธนูใส่พวกของเอ็ดเวิร์ด แต่เอ็ดเวิร์ดรอดมาได้
จากนั้นก็ยิงสวนกับพวกมัน และในตอนนั้นเอง อราชก็เตรียมง้างคันธนูใส่เอ็ดเวิร์ด
เหมือนกับที่เอ็ดเวิร์ดกำลังเล็งปืนไปที่เขา
เอ็ดเวิร์ด : อย่าแม้แต่จะขยับเลยนะ
อราช : งั้นเหรอ
ถ้านายต้องการอย่างงั้น ก็ออกไปจากแผ่นดินนี้ซะ
เอ็ดเวิร์ด : ฉันไม่มีทางเลือกเท่าไหร่
ฉันเป็นทหาร นายก็น่าจะรู้
อราช : นายดูไม่เหมือนทหารทั่วไปเลยนะ
นายมาจากไหนกันแน่
เอ็ดเวิร์ด : นายจะถามไปทำไม
จะสนใจอะไรกัน
อราช : ก็ไม่มีอะไร
ฉันคิดว่าคนอย่างนายไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลยหว่ะ
เอ็ดเวิร์ด : ฉันมาเพื่อปราบพวกโจร
นั่นคือหน้าที่ของฉัน
อราช : ถ้าฉันเป็นโจร
ก็ถือว่านายมาปล้นบ้านโจรหล่ะ เรามันก็ไม่ต่างกันหรอก
เอ็ดเวิร์ด : ฉันเข้าใจนะ
นายก็ต้องปกป้องบ้านนายอยู่แล้ว แต่ฉันมีหน้าที่ของฉัน หวังว่านายจะเข้าใจนะ
ระหว่างที่กำลังพูดคุยกัน
ทหารโซราบอลอีกส่วนหนึ่งก็ยิงไล่พวกเขามา ทำเอาอราชต้องหนีไปอีกทางหนึ่ง
อราชหนีเข้าไปในป่าในขณะที่ทหารคนอื่นๆก็มาคุ้มกันเอ็ดเวิร์ด
“ผู้กองครับ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เอ็ดเวิร์ด : ฉันไม่เป็นอะไรหรอก
รีบพาทหารที่บาดเจ็บไปรักษาก่อนเถอะ
กลับมายังแคว้นฟิลล์บอน
ซึ่งในขณะนั้นนายพลนอร์ทกำลังระดมกำลังทหารใหม่เพื่อเตรียมบุกเข้ายึดดินแดนส่วนอื่นของมอร็อคต่อไป
ทหารนับแสนของนายพลนอร์ทเตรียมเดินทัพเข้าสู่ใจกลางทะเลทรายอันร้อนระอุแล้ว
สการ์เล็ต : ท่านพ่อ
ท่านกำลังจะเดินทัพผ่านทะเลทหารเหรอคะ
นอร์ท : แน่นอน
พ่อสั่งให้คนสำรวจโอเอซิสแถวนี้แล้วหล่ะ
สการ์เล็ต : หนูเกรงว่า
งานนี้อาจจะไม่ง่ายเหมือนเก่าสิคะ
นอร์ท : อย่าไปคิดมากเลยลูก
ทหารของเรามีมากมาย เราจะพิชิตมอร็อคได้ในเร็ววัน
สการ์เล็ต : แต่น้ำของเราที่เตรียมไปจะเพียงพอเหรอคะ
นอร์ท : นี่
พ่อเป็นผู้บัญชาการนะ พ่อรู้ว่าควรทำอะไร ลูกไปเตรียมทหารไว้ดีกว่า
สการ์เล็ต : ค่ะท่านพ่อ
// สการ์เล็ตควบม้าไปสั่งการอีกกองพลหนึ่ง
ซึ่งเป็นกองพลหญิงล้วนที่เข้ารับราชการทหารกับโซราบอล
“ท่านคะ มีอะไรให้รับใช้คะ”
สการ์เล็ต : ฉันสังหรณ์ใจว่าพวกมันต้องทำอะไรบางอย่าง
เฝ้าระวังที่โอเอซิสทุกที่ที่เจอเอาไว้
“ได้ค่ะ”
และอีกด้านหนึ่งของทะเลทราย
ซิกนัสกำลังส่องกล้องทางไกลเพื่อดูความเคลื่อนไหวของทหารโวราบอลที่กำลังเดินทัพเข้ามายังใจกลางฟิลล์บอน
“ท่านครับ ดูเหมือนว่าพวกมันจะมาทางนี้ด้วยครับ”
ซิกนัส : เป็นไปตามแผน
พวกมันต้องควานหาแหล่งโอเอซิสแน่นอน
“นั่นสิครับท่าน
ดูท่าพวกมันจะไม่พกน้ำดื่มมามากเท่าไร่”
ซิกนัส : โอเอซิสหลอกที่ฉันให้ทำเป็นยังไงบ้าง
“ตอนนี้เตรียมพร้อมจะใช้งานแล้วครับ
ว่าแต่ท่านจะทำอะไรเหรอครับ”
ซิกนัส : เดี๋ยวนายรอดูก็แล้วกัน
เมื่อพวกมันหิวน้ำ ฉันจะให้มันกินน้ำให้หน่ำใจเลย
“ครับท่าน”
กลับมาที่เมืองซอร์ม แคว้นริงก้า
หลังจากที่นายพลอาร์เทอร์ขับไล่พวกกบฏออกไปได้สำเร็จ พวกเขาก็กลับมาที่เมืองเพื่อให้ทหารพักผ่อน
เพราะทหารเหนื่อยล้าจากสมรภูมิมามากพอแล้ว
เนม่า : ท่านพี่คะ
แล้วเราจะไม่จัดการพวกมันให้หมดเหรอคะ
อาร์เธอร์ : ไม่ต้องหรอก
เสียทัพซะขนาดนั้น พวกมันคงต้องซ่อนตัวไปอีกนานหล่ะ
เซเลนส์ : นั่นสิครับ
แล้วที่นี่ เราจะเอายังไงต่อหล่ะครับ
อาร์เธอร์ : ตอนนี้ก็แค่ฟื้นตัวหน่ะ
ทหารของเราบาดเจ็บหนัก คงยังทำอะไรไม่ได้มาก
เนม่า : เออนี่พี่
หนูได้รับข่าวจากคนของหนูมา มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางมายังริงก้าหน่ะ
อาร์เธอร์ : พอรู้มั้ยว่าพวกนั้นเป็นใครกัน
เนม่า : หนูก็ไม่รู้
พวกเขามีกันเป็นสิบ มีคนผิวดำและก็ชายคนหนึ่ง พกอาวุธมาครบมือเลย
เซเลนส์ : ให้ผมส่งคนไปจัดการเลยดีหรือเปล่าครับ
อาร์เธอร์ : ฉันว่า
นั่นคือคนที่เรากำลังรออยู่แน่ๆ
เนม่า : พี่หมายถึง
นอร์ดิก ลูกของพ่อหนูอย่างงั้นเหรอคะ
อาร์เธอร์ : อาจจะใช่
แล้วคนดำที่ว่าอาจจะเป็นอาบาตูก็ได้ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหนหล่ะ
เนม่า : คนของหนูบอกว่าพวกเขาใกล้จะถึงชายแดนแล้วค่ะ
อาร์เธอร์ : เซเลนส์
นายพาคนของเราไปรับเขามาที่นี่ อย่าให้เขาเป้นอะไรไปเด็ดขาด
เซเลนส์ : ทราบแล้วครับ
// เซเลนส์เดินออกไปด้านนอกทันที
กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า วันนั้นเอง
วิเวียนก็ดันโผล่มาเยี่ยมมาร์ธ่าจนได้
เธอได้นำของจำนวนหนึ่งมาเยี่ยมเธอหลังจากที่ไม่ได้เยี่ยมมานานมาก
วิเวียน : คุณแม่
คุณพี่ขา สวัสดีค่า
มาร์ธ่า : สวัสดีจ้ะ
วันนี้นึกยังไงมาเยี่ยมฉันหล่ะเนี่ย
วิเวียน : แหม่
ก็เห็นแม่โดนโจรปล้น หนูก็เลยมาเยี่ยมหน่อยหน่ะค่ะ
ซิลเวียร์ : ตอนนี้คุณท่านสบายดีแล้วค่ะ
ไม่เป็นไรมากแล้ว
วิเวียน : จริงด้วยสินะ
เธอเองก็ดูแลแม่ฉันดีมากนี่ ขอบคุณจริงๆนะ
ซิลเวียร์ : มันเป็นหน้าที่ของฉันค่ะ
ฉันเต็มใจอยู่แล้ว
ซาร่า : ว่าแต่
เธอได้เจอกับเนโรเขาบางหรือเปล่าหล่ะ
วิเวียน : ก็
ช่วงนี้เขาไปรบบ่อย ก็เลยไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ค่ะ
มาร์ธ่า : เฮ้อ
เมื่อไหร่เจ้าลูกคนนี้จะกลับมาบ้านซะทีนะเนี่ย
วิเวียน : โธ่
คุณแม่ขา คุณพี่ก็มีหน้าที่ของคุณพี่เขานะคะ เอ๊ะ หนูต้องไปทำธุระข้างนอก
ขอตัวก่อนนะคะคุณแม่ // จากนั้นเธอก็เดินออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ซิลเวียร์ : คุณท่านคะ
ให้ฉันเอาของพวกนี้ไปเก็บที่ห้องมั้ยคะ
มาร์ธ่า : ไม่เป็นไรหรอก
พาฉันไปเดินเล่นข้างนอกก่อนดีกว่า ของพวกนี้ให้คนเอาไปเก็บก็ได้จ้ะ
วิลเวียร์พามาร์ธ่าออกไปสูดอากาศด้านนอก
และขณะเดียวกันเธอก็สงสัยในพฤติกรรมของวิเวียนด้วย
กลับมายังชายฝั่งของแคว้นเดลล์ หลังจากที่แอนตาร์กติกนำกำลังทหารของเธอออกล่าโจรสลัด
วีรกรรมครั้งนี้เธอทำได้ดีมาก เธอกลับมายังสถานทูตพร้อมด้วยอาวุธและเชลยที่เธอจับมาได้
“ท่านครับ จะเอายังไงกับเชลยพวกนี้ดีครับ”
แอนตาร์กติก : ส่งให้ทางการแคว้นเดลล์ดำเนินการกับพวกมัน
“แต่ว่า ที่เดลล์เนี่ยมีเจ้าของตั้งหลายคน
จะส่งไปให้ใครหล่ะครับ”
แอนตาร์กติก : ส่งไปให้เลดี้อาร์เทมิส
เธอน่าจะจัดการได้ เธอเป็นลูกเจ้าเมืองเก่าด้วย
“แต่ท่านครับ เลดี้อาร์เทมิส
เพิ่งจะโดนกลุ่มกบฎถล่มจนถอยไปริงก้านะครับ”
แอนตาร์กติก : ห่ะ
เป็นไปไม่ได้ เธอไม่มีทางจะแพ้ง่ายขนาดนั้นนี่
“ซารานิส อดีตเสนาธิการของพ่อเธอเป็นคนทำครับผม”
แอนตาร์กติก : ถ้างั้นก็ไม่มีทางเลือก
จับพวกมันไปขังไว้ที่คุกของพวกเราก่อน
“ได้เลยครับ”
และอีกด้านหนึ่ง ของทะเลแคว้นเดลล์
ในระหว่างที่โทมารอฟกำลังขนอาวุธที่ยึดมาได้กลับมายังสถานทูตรัสเซีย
ในตอนนั้นเองเรือบรรทุกอาวุธดันหันหัวเรือแล่นออกไปนอกเส้นทาง
ทำเอาพวกเขาแปลกใจและงงเป็นไก่ตาแตก
โทมารอฟ : เฮ้ย
เรือพวกนั้นจะไปไหนของมัน สั่งให้พวกเขากลับมาเดี๋ยวนี้
แต่ในระหว่างนั้นเอง
กลุ่มเรือโจรสลัดก็แล่นเข้ามาใกล้กับกองเรือของเขา
โทมารอฟต้องสั่งระดมพลเพื่อต่อต้านกลุ่มโจรสลัดเหล่านั้น
โทมารอฟ : พวกมันมาแล้ว
เตรียมปืนใหญ่ให้พร้อม ยิงได้ทันทีที่เจอ
ปืนใหญ่ของกองเรือรัสเซียยิงใส่พวกมัน
แต่พวกมันก็ยิงตอบโต้ และแล่นเรือมาใกล้กองเรือของพวกเขา
ทหารของโทมารอฟได้ต่อต้านอย่างสุดกำลัง เสียงปืนดังไปทั่วน่านน้ำ
“ท่านครับ เรือขนอาวุธกำลังจะหนีไปแล้วครับ”
โทมารอฟ : ช่างมันก่อนเถอะน่า
รีบหนีออกไปจากที่นี่ก่อน เร็ว
กองเรือของโทมารอฟแล่นฝ่ากลุ่มโจรสลัดออกมาได้สำเร็จ
แต่พวกเขาก็ต้องเสียเรือขนอาวุธให้กับพวกโจรสลัดทั้งหมด
เรื่องนี้ทำเอาโทมารอฟแทบจะเป็นบ้าไปเลย
โทมารอฟ : นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้นเนี่ย
“ผมว่า ต้องมีคนทรยศในหมู่พวกเราแน่นอนครับ”
โทมารอฟ : ฉันก็ว่างั้น
แต่มันเป็นใครกันแน่
“ผมว่า อเล็กซ์สกี้มันต้องมีคำตอบแน่นอนครับ”
โทมารอฟ : ถ้ามันอยู่ที่รัสเซีย
มันติดคุกตายที่ไซบีเรียไปแล้ว ไอ้สารเลวเอ้ย
“เราจะทำยังไงต่อดีครับท่าน”
โทมารอฟ : สั่งกองเรือของเราให้ติดตามไปทั่วทุกที่
ที่เรือขนอาวุธไป ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าอเล็กซ์สกี้มันกำลังจะทำอะไรกันแน่
และทางด้านของนายพลจอร์จ
หลังจากที่กองเรือของเขามาเทียบท่าที่ท่าเรือแห่งหนึ่ง
เขารีบเรียกรถม้าเพื่อไปยังสถานทูตอังกฤษทันที
เพื่อสืบหาว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังกันแน่ รถม้าของเขาขับไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งมีทหารม้าอังกฤาคนหนึ่งถือจดหมายหยุดที่หน้ารถม้าของเขาทันที
“ท่านนายพลจอร์จครับ
มีจดหมายจากสถานทูตส่งมาถึงท่านครับ”
จอร์จ : นี่มันอะไรกันเนี่ย
ทหาร ไปหยิบจดหมายนั่นมาสิ
ทหารของเขาไปหยิบจดหมายมา
จากนั้นนายพลจอร์จก็ไม่รอช้า หยิบมันขึ้นมาอ่านทันที
“มีอะไรหรือเปล่าครับท่าน”
จอร์จ : นึกแล้วไม่มีผิด
เขาต้องถามถึงความเคลื่อนไหวของโจรสลัดที่ผมออกล่า
“ท่านว่ามันจะมีอะไรแอบแฝงหรือเปล่าครับ”
จอร์จ : แน่นอน
รีบกลับสถานทูตทันที ฉันอยากจะรู้ว่าใครมันเล่นกับฉันแบบนี้ ทหาร
เอาชามาให้ฉันดื่มที // ทหารคนหนึ่งถือกระติกน้ำที่มีชาร้อนให้นายพลจอร์จ
จากนั้นรถม้าก็ออกเดินทางต่อ
กลับมายังฟิลล์บอน
ขบวนคาราวานของดราโก้กำลังเคลื่อนที่เพื่อไปยังริงก้า
ในตอนนั้นเองเขากับบริวารก็ต้องคอยคุ้มกันตัวเองจากกลุ่มชาวบ้านผู้อพยพคนอื่นๆด้วย
เพราะหลายครอบครัวในฟิลล์บอนก็หนีทหารโซราบอลมาเหมือนกัน
อาร่า : คุณคะ
ชาวบ้านเริ่มจะออกมาเบียดเสียดกันเยอะแล้วนะคะ
ดราโก้ : นั่นสิคุณ
ตอนนี้ขบวนของเราแทบไม่ขยับเลยเนี่ย
อาเรียส : คุณแม่คะ
แล้วโคน่าเมื่อไหร่เขาจะมาหล่ะคะแม่
อาร่า : ใจเย็นสิลูก
เดี๋ยวเขาคงจะมาเร็วๆนี้หล่ะ
และในตอนนั้นเอง ขบวนคาราวานของโคน่าก็โผล่มาพอดี
พวกเขากลับมาพร้อมกับงานวิจัยบางส่วนที่คว้าเอามาได้
อาเรีย : ดูสิคะ
พวกเขามาแล้ว โคน่า เราอยู่ทางนี้
คาเนส : ว่าไง
ปลอดภัยกันดีนะพวกเธอ
โคน่า : ก็โอเคค่ะพี่
เอาของที่จำเป็นมาได้หมดแล้ว
คาลิมบ่า : ว่าแต่
ผู้อพยพเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับเนี่ย
ดราโก้ : ใช่สิลูก
พ่อมาถึงคนก็มากันเยอะขนาดนี้แล้ว
อาเรียส : ว่าแต่
เราหน่ะ เจอซิกนัสเขาบ้างหรือเปล่าหล่ะ
โคน่า : ตอนนี้เขาทำศึกอยู่แถบชานเมืองหลวงอยู่หน่ะค่ะ
คาลิมบ่า : ตอนนี้ได้ยินว่าพวกโซราบอลกำลังเดินทัพมาใกล้เรื่อยๆแล้วครับ
อาเรีย : ตอนนี้ฉันเพิ่งจะได้ข่าวมาจากริงก้า
นายพลอาร์เธอร์จัดการกลุ่มกบฏได้หมดแล้วนะคะ
คาเนส : เยี่ยมไปเลย
ฉันรู้จักนายพลอาร์เธอร์ อย่างน้อยเขาก็น่าจะคุ้มครองเราได้ ไปกันต่อเถอะ
คาราวานของพวกเขาเดินทางไปกันต่อ
ท่ามกลางประชาชนชาวฟิลล์บอนที่กำลังเดินทางอพยพไปเรื่อยๆ
กลับมายังชายแดนของแคว้นเดลล์ กองทัพของอาร์เทมิสเดินทางผ่านป่ามาเรื่อยๆจนมาถึงชายแดนแคว้นริงก้า
ในขณะนั้นเอง ทหารยามชายแดนก็เดินเข้ามาหาเธอในทันทีที่ได้เจอเธอ
“สวัสดีครับ พวกคุณเป็นใครกัน”
อาร์เทมิส : ฉันเลดี้อาร์เทมิส
ฉันอยากคุยกับนายพลอาร์เธอร์หน่อย
“อ้อ ท่านเลดี้ครับ เชิญด้านในก่อนครับ”
เธอกับทหารของเธอเดินทัพเข้าไปยังเขตของริงก้า
ในตอนนั้นเองก็มีนายทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาต้อนรับเธอในทันที
“สวัสดีครับคุณอาร์เทมิส”
อาร์เทมิส : อ้าว
ผู้กองยูจีน สบายดีนะคะ
ยูจีน : ครับ
ผมสบายดี ว่าแต่ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่หล่ะ
อาร์เทมิส : ฉันโดนหักหลัง
จนโดนยึดเมืองไปได้ ฉันเลยมาหานายพลอาร์เธอร์ตามที่ฉันเคยส่งจดหมายไปหน่ะ
ยูจีน : ครับ
ท่านเลดี้ ผมจะพาคุณไปเจอกับท่านนายพล
ส่วนทหารของคุณให้ไปอยู่ที่ค่ายของคุณก่อนก็แล้วกัน
อาร์เทมิส : ขอบคุณมากนะ
ฉันอยากไปเยี่ยมไปนายพลอาร์เธอร์อยู่พอดีเลย
กลับมายังแคว้นบาส์ก หลังจากที่สกายและอาร์มเมอร์ทำงานของเขาที่แคว้นบาส์ก
วันหนึ่งเขาไปเดินตลาดเพื่อหาอะไรกิน ในตอนนั้นเอง
พวกเขาก็บังเอิญมาเจอกับสามสาวเข้าพอดี เขาจึงเดินเข้าไปทักทายในทันที
โรส : อ้าว
คุณทหารสองคนนั้นนี่ สบายดีนะคะ
เมด : ห่ะ
นี่นาย ยังมาตามราวีพวกเราไม่เลิกอีกเหรอ
สกาย : อะไรกัน
ผมแค่มาเดินตลาดเฉยๆ มาเจอคุณก็เลยมาดูหน่ะ
แพท : มาดูอะไร
มาดูว่าพวกเราขายอะไรอย่างงั้นเหรอ
อาร์เมอร์ : ก็ทำนองนั้นหน่ะ
ฉันอยากรู้เฉยๆว่าพวกเธอขายดีด้วยหรือเปล่า
ในระหว่างนั้นเอง มีกลุ่มทหารต่างชาติที่เคยมาหารเองเธอ
มาเดินโวยวายที่ตลาด พวกเธอไม่รอช้ารีบเอาผ้าปิดหน้าทันที
อาร์มเมอร์ : พวกเธอจะปิดหน้าปิดตากันทำไมหล่ะ
แพท : ก็ป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนหน่ะสิ
เมด : ได้ยินว่าพวกต่างชาติพวกนี้
เมื่อมันเจอผู้หญิงมันจะฉุดไปย่ำยีหน่ะ
โรส : ใช่
พวกเราเลยต้องพรางตัวเอาไว้หน่ะ
สกาย : โธ่
แค่นี้เอง เดี๋ยวฉันจัดการเอง // ในตอนนั้นเอง
พวกมันมาที่แผลขายปลาของพวกเธอ สกาบกัยอาร์มเมอร์ก็มาคอยกันท่าพวกมันไว้
“เฮ้ย หลีกไป เรามาตามหาพวกโจร”
สกาย : โจรอะไรของพวกนาย
ที่นี่ไม่มีโจรให้พวกนายตามหาหรอก
“ไอ้พวกคนป่าเอ้ย แกจะหลีกไปดีๆมั้ย”
อาร์มเมอร์ : แกว่าใครคนป่า
บ้านนี้เมืองนี้มีกฎหมาย ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนนะเว้ย
“หรือพวกแกอยากจะมีปัญหาวะ” พวกมันหยิบปืนขึ้นมา
ในขณะที่ทั้งคู่ก็ชักปืนออกมาด้วย
สกาย : ที่นี่เป็นแผ่นดินนอลโวร่า
พวกแกไม่มีทำอะไรตามใจ เราไม่ใช่เมืองขึ้นของพวกแก
อาร์มเมอร์ : ถ้ายังไม่อยากโดนยิงตายในต่างแดน
ก็รีบไปไกลๆซะ
“ก็ได้ อย่าให้ฉันเจอแกอีกนะ พวกเรา ไปได้” พวกมันรีบถอยกลับออกไป
ในขณะที่พวกสาวๆก็โล่งใจขึ้นมา
โรส : พวกมันไปแล้ว
ไม่ต้องปิดหน้าแล้วหล่ะนะ
เมด : นี่
ยังไงก็ขอบใจพวกนายมากเลยนะที่ช่วย
สกาย : ไม่ต้องห่วงหรอก
ว่าแต่ ที่พวกมันมาตามหาโจรนี่คืออะไรกัน
แพท : ฉันก็ไม่รู้
สงสัยมีคนไปขโมยของมันหล่ะมั้ง
อาร์มเมอร์ : ช่างมันเถอะ
ยังไงคราวหลังพวกเธอก็ระวังตัวให้มากๆก็แล้วกัน
กลับมายังชายแดนแคว้นริงก้า
พวกของนอร์ดิกได้เคลื่อนพลมาเรื่อยๆ จนมาถึงชายแดนด่านตรวจของริงก้า
ในตอนนั้นเองมีทหารนายหนึ่งมาหยุดขบวนของเขาไว้
“หยุดก่อนครับ พวกคุณจะไปไหนกันครับ”
นอร์ดิก : เรามาตามหาท่านนายพลอาร์เธอร์ที่ริงก้าครับ
ระหว่างนั้นเอง เซเลนส์ก็ควบม้าพร้อมกับทหารบางส่วนมาพอดี
ทหารที่ด่านตรวจต่างมาแสดงความเคารพกัน
“ท่านเซเลนส์ครับ”
เซเลนส์ : ทางนี้ฉันจัดการเอง
พวกนายคอยดูเอาไว้ก็พอ //
เซเลนส์เดินไปหาพวกของนอร์ดิกในทันที
เซเลนส์ : สวัสดีครับ
คุณพอจะพกของที่เราต้องการมาหรือเปล่า // นอร์ดิกหยิบจดหมายฉบับหนึ่งให้กับเซเลนส์
เซเลนส์หยิบจดหมายขึ้นมาดู จากนั้นก็ถามเขาต่อ
เซเลนส์ : นายพลเตเวียสเขาสูงเท่าผมหรือเปล่า
// นอร์ดิกมองเซเลนส์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
นอร์ดิก : ตอนผมยังเด็ก
คุณยังตัวเล็กเท่าผมอยู่เลย
เซเลนส์ : ผมเข้าใจแล้ว ได้โปรดมากับเราด้วยครับ // นอร์ดิกรับทราบจากนั้นก็เคลื่อนขบวนตามเซเลนส์ไป
======================================================================
พวกเขาเดินทางมาริงก้าโดยสวัสดิภาพ แต่พวกเขาจะต้องเจอกับอะไรต่อไป แล้วสงครามจะดำเนินไปอย่างไร ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
ขอคนละเม้นท์ด้วยครัช
ความคิดเห็น