ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Descendant War - สมรภูมิปิตุฆาต

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 10 : ทายาทสืบบังลังค์

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 50
      2
      13 ต.ค. 61

    เซเลนส์พาพวกของนอร์ดิกเดินทางมาเรื่อยๆ จนเข้าสู่เขตพระราชวัง นิโคลัสกับเอ็นแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าพวกเขาจะเข้ามาถึงจุดของพระราชวังได้ง่ายดายขนาดนี้

    เอ็น : โหว นิโคลัส นายดูสิ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะเข้ามาถึงง่ายขนาดนี้

    นิโคลัส : นั่นสิ มาคราวที่แล้วต้องทำเรื่องขออยู่ตั้งนาน กว่าจะมาถึงได้

    ซอล : พวกนายนี่ เคยมาที่นี่อย่างงั้นเหรอ เล่าให้ฟังหน่อยสิ

    นิโคลัส : ก็ไม่มีอะไร เราเคยมาขายอาวุธให้นายพลเตเวียสหน่ะ

    เอ็น : ใช่ แต่นานมากแล้ว จนถึงวันนี้ กว่าจะมาถึงที่นี่ได้

    ซอล : พวกนายนี่ ท่าทางจะอยากมาที่นี่จริงๆแหะ ว่าแต่นอร์ดิกนี่ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ

    นอร์ดิก : ผู้กองครับ พ่อผมท่านถูกฝังไว้ที่ไหนเหรอครับ

    เซเลนส์ : ว่าแล้วคุณท่านต้องพูดแบบนี้ งั้นเชิญทางนี้เลยครับ // เซเลนส์พานอร์ดิกและพรรคพวกไปถึงแท่นที่บรรจุอัฐิของนายพลเตเวียส เมื่อนอร์ดิกเห็นดังนั้นจึงร้องไห้ออกมาแล้วไปคำนับที่อัฐิของเขาทันที

    นอร์ดิก : พ่อครับ ผมมันอกตัญญูนัก ที่ไม่ได้มาดูใจพ่อครั้งสุดท้าย ทำไมพ่อไม่พาผมไปอยู่ด้วย ผมจะได้อยู่กับพ่อจนวินาทีสุดท้าย // ตอนนั้นนอร์ดิกร้องไห้แทบขาดใจ ไซโซกับเคจาต้องไปคอยดูเขาอย่างใกล้ชิด

    ไซโซ : ไม่เป็นไรนะนอร์ดิก อย่าร้องไห้แบบนี้สิ มันไม่ดีหรอกนะ

    เคจา : ใช่ ท่านนายพลจะตายตาไม่หลับ ถ้าเธอเป็นแบบนี้นะ

    อาบาตู : ท่านเตเวียสเป็นสุภาพบุรษพอ ผมเชื่อว่าท่านไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอนครับ

    นอร์ดิก : ผมรู้ ผมแค่อยากอยู่ข้างๆพ่อก่อนที่ท่านจะจากไป แม่ผมก็จากไปคนหนึ่งแล้วนะ

    เซเลนส์ : เสียใจด้วยนะครับ ตอนนี้ท่านนายพลอาร์เธอร์กำลังรอท่านอยู่นะครับ // นอร์ดิกปาดน้ำตาจากนั้นก็ไปพบนายพลอาร์เธอร์ที่ห้องโถงของพระราชวัง นายพลอาร์เธอร์เมื่อได้เจอเขา เขาก็เข้าไปทักทายนอร์ดิกทันที

    อาร์เธอร์ : นอร์ดิก นี่เธอเติบโตขึ้นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

    เนม่า : พี่นอร์ดิก พี่ปลอดภัยดีนะคะ เสียดายที่พี่ไม่มาดูใจพ่อก่อนตาย // นอร์ดิกเข้ามากอดน้องสาวของเขา

    นอร์ดิก : ไม่ต้องห่วงนะ พี่อยู่นี่แล้วนะ

    นิโคลัส : ท่านนายพลครับ ผมมีโปรเจ็กค์ทางรถไฟมาเสนอท่านครับ

    อาร์เธอร์ : ไว้ทีหลังดีกว่าครับคุณนิโคลัส ตอนนี้ผมมีอะไรสำคัญกว่านั้น ว่าแต่นอร์ดิก เธอเอาจดหมายฉบับนั้นมาหรือเปล่าหล่ะ // นอร์ดิกยื่นจดหมายที่ยังไม่ได้เปิดให้อาร์เธอร์ ซึ่งจดหมายฉบับนี้นายพลเตเวียสกำชับนักหนาว่าห้ามเปิดก่อนที่จะอยู่ต่อหน้านายพลอาร์เธอร์ หลังจากที่ได้มา อาร์เธอร์ไม่รอช้า เปิดจดหมายฉบับนั้นอ่านทันที

    นอร์ดิกลูกรัก ถ้าลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ พ่อคงจากลูกไปไกลแสนไกลแล้ว มีหลายเรื่องที่พ่อจะต้องพูดให้ลูกเข้าใจ พ่อไม่อยากทิ้งลูกให้อยู่ที่โซราบอล พ่อมีเหตุผลที่ยังบอกไม่ได้ แต่ขอให้ลูกรู้ว่า พ่อยังรักลูกและแม่ของลูกเสมอ

    เอ็น : เฮ้ย อย่าบอกนะ ว่าเขาคือทายาทของนายพลเตเวียสหน่ะ

    ซอล : ตกใจไปได้ จะอะไรนักหนา เงียบๆแล้วฟังต่อเถอะ

    พ่ออยากชดเชยเวลาที่เสียไปกับลูก แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ลูกไม่ต้องเป็นห่วงนะ พ่อทิ้งทุกอย่างให้ลูกหมดแล้ว ซึ่งนั้นหมายถึง ลูกจะต้องเป็นผู้นำของแคว้นริงก้า ในฐานะของทายาทนายพลเตเวียส พ่อรู้ว่าลูกต้องทำได้ อาร์เธอร์จะคอยเป็นที่ปรึกษาให้ลูก พ่อรู้ว่าสิ่งที่พ่อให้อาจชดเชยได้ไม่หมด แต่ที่พ่อให้คือทุกอย่างที่พ่อมีแล้ว ขอให้ลูกปกครองริงก้าอย่าให้มีอันตรายใดๆ พ่อจะอวยพรลูกจากบนฟ้าเสมอเมื่ออาร์เธอร์พูดจบ ทุกคนต้องตกตะลึง เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งกลายมาเป็นผู้นำแคว้นที่ยิ่งใหญ่พอๆกับโซราบอล เรื่องนี้ทำเอานอร์ดิกถึงกับพูดไม่ออกเลย

    ไซโซ : ห่ะ นี่นอร์ดิก นายจะได้เป็นผู้นำแคว้นจริงๆอย่างงั้นเหรอเนี่ย

    เนม่า : ตอนแรกก็นึกว่าหนูจะได้ตำแหน่งซะอีก แต่พี่มารับก็ดีแล้ว มีพี่อยู่หนูก็เบาใจแล้ว

    เคจา : แต่นอร์ดิกเป็นแค่คนธรรมดานะคะ แล้วพวกนายทหารจะไม่ก่อกบฏกันเหรอคะ

    อาร์เธอร์ : พวกกบฏจะถูกประหาร ข้อหาที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ครับ

    นิโคลัส : แบบนี้ต้องเรียกว่าท่านนอร์ดิกแล้วสินะ เอ็น เราได้ทำทางรถไฟแล้ว

    ซอล : นี่พวก เลิกหัวการค้าซักแป๊ปนึงได้หรือเปล่าเนี่ย

    เอ็น : ก็นี่ใครจะไปรู้หล่ะ แหะๆ

    นอร์ดิก : แต่ผม ไม่มีความพร้อมจะเป็นผู้นำเท่าไหร่หน่ะครับ

    อาร์เธอร์ : ไม่ต้องห่วงครับ ผมได้รับคำสั่งให้ดูแลและเป็นที่ปรึกษาให้คุณหน่ะครับ

    เซเลนส์ : ตอนนี้ทหารราวสองแสนนายพร้อมจะรับคำสั่งท่านนะครับ

    นอร์ดิก : ผมจะทำเพื่อพ่อครั้งนี้ แล้วก็เพื่อแผ่นดินนอลโวร่า ผมพร้อมสำหรับทุกอย่างครับ

    อาร์เธอร์ : ดีครับ ผมเตรียมพิธีมอบตำแหน่งให้คุณเรียบร้อยแล้วครับ

     

    กลับมายังแคว้นเดลล์ บนเทือกเขาที่มั่นของผู้เฒ่าตาร์ก นายพลบูลนำทัพม้าเคลื่อนขึ้นเขาไป โดยที่ให้หน่วยสังเกตการณ์นำร่องขึ้นไปก่อน เมื่อนายพลบลูมาถึงค่าย พวกมันกำลังนั่งกินข้าวกันอยู่ พร้อมกับก่อไฟทำอาหาร เป็นโอกาสดีที่นายพลบูลจะลงมือโจมตี

    ท่านครับ พวกมันกำลังพักผ่อนกันอยู่เลยครับ

    บูล : สั่งทหารบุกเข้าไป // นายพลบูลชักดาบและควบม้าบุกเข้าไปในค่ายของพวกมันอย่างห้าหาญ ทหารของพวกมันที่ไม่ทันระวังตัวก็โดนจู่โจมอย่างง่ายดาย พวกมันพยายามยิงสกัดแต่ก็ไม่ได้ผล เนื่องจากทัพม้าของบูลเคลื่อนที่ได้เร็วและฆ่าศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง

    บูล : ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้พวกมันหนีรอดไปได้

    พวกมันพยายามจะหนีกลับเข้าไปในป่า แต่ทหารของนายพลบูลก็จัดการพวกมันจนเรียบ จากนั้นกำลังพลบางส่วนก็เข้าปล้นเสบียงกับอาวุธของพวกมัน จนกระทั่งพวกมันนำกำลังพลมาเสริม พวกของนายพลบูลก็ถอนกำลังลงจากเขามาทันที ก่อนที่จะโดนพวกมันตามล่า

    คนของผุ้เฒ่าตาร์กตายไปมากมาย แถมอาวุธก็ถูกขโมยไปจำนวนหนึ่ง ทำให้ผู้เฒ่าตาร์กถึงกับโมโหเป็นอย่างมาก

    ใครวะ ที่มันบังอาจกระตุกหนวดฉัน

    มันคือนายพลบูล แม่ทัพของรูดิว ที่ตอนนี้กำลังซ่องสุมกำลังพลอยู่ครับ

    ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนั่น ฉันจะต้องฆ่ามันให้ได้ ส่งทหารออกตามล่าพวกมันเดี๋ยวนี้

     

    กลับมายังชายแดนของแคว้นเดลล์ ทางผ่านไปยังริงก้า เอลิซ่ายังคงเดินทางต่อมาเรื่อยๆโดยไม่คิดจะหยุดพัก เพราะเธอต้องการไปให้ถึงริงก้าโดยเร็วเพื่อตามหานอร์ดิกที่นั่น

    เอลิซ่า : นี่ บอกคนของเราในริงก้า ตามหาผู้ชายคนนี้ให้ที // ชายคนหนึ่งรับกระดาษแผ่นหนึ่งมาจากนั้นก็ขี่ม้ารุดหน้าไปยังริงก้าทันที

    เมเทอร์ : แหม่ เพิ่งจะเคยเห็นคุณแม่เอลิซ่าวิ่งเข้าหาผู้ชายนะเนี่ย

    เอลิซ่า : นี่ เธอจะแซวฉันทำไมหล่ะเนี่ย

    เฟรย์อา : นี่ เธอชอบเขาแล้วถามเขาหรือเปล่าว่าชอบเธอมั้ยอ่ะ

    เอลิซ่า : ทำไมห่ะ ฉันไม่สวยตรงไหน มีแต่ผู้ชายทั่วแคว้นที่อยากได้ฉันจะตาย

    เมเทอร์ : ฉันว่า เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ว่าแต่ เรื่องคนของสมาคมนี่เราจะเอายังไงต่อ

    เอลิซ่า : ฉันเตรียมการไว้แล้วหล่ะ ฉันต้องการให้คนของเราทั่วทุกที่ทำสงครามก่อการร้ายหน่ะ

    เฟรย์อา : ความคิดดีนะ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ต้องวางแผนกันนานมากเลยหล่ะ

    เอลิซ่า : เอาเป็นว่า เมื่อไปถึงแล้วค่อยคุยกันก็แล้วกัน

     

    อีกด้านหนึ่งของขบวนคาราวาน พวกของสี่พี่น้องเคลื่อนขบวนมาถึงยังชายป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเหมาะจะเป็นที่พักค้างแรมกันที่นี่ เนื่องจากรอบด้านมีทั้งน้ำตกและผลไม้ป่ามากมาย มาร์ธิวจึงสั่งให้ทหารของเขาตั้งแค้มป์แล้วออกหาอาหารแถวนั้น

    เอเทอร์ : เฮ้อ อากาศดีจริงๆเลยนะพี่ที่นี่เนี่ย

    แมทธิว : จริงหว่ะ แถมมีน้ำตกใสๆให้เราลงเล่นด้วย

    เลออน : พี่มาร์ธิว เราไปเล่นน้ำตกกันดีกว่านะพี่

    มาร์ธิว : เอาสิ พี่ก็อยากอาบน้ำอยู่พอดีเลย

    พวกเขาทั้งสี่คนถอดเสื้อผ้าแล้วกระโดลงน้ำ เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่แคร์สายตาทหารที่อยู่รอบข้างกันเลย

    เลออน : เยี่ยมไปเลย ถ้าเอาผู้หญิงมาเล่นน้ำด้วยนี่จะดีมากเลยนะ

    แมทธิว : นายเนี่ย หายใจเข้าหายใจออกมีแต่ผู้หญิงหรือไงเนี่ย

    เอเทอร์ : เออนี่พี่ พี่ว่าอีกกี่วันเราจะไปถึงริงก้าเนี่ย

    มาร์ธิว : ไม่กี่วันหรอก ถ้าเราเร่งฝีเท้าให้มากพอนะ

    แมทธิว : แล้วเรื่องของสมาคมลับเนี่ย เราจะเอายังไงต่อพี่

    มาร์ธิว : ตอนนี้คนตัดสินใจเป็นเอลิซ่าหน่ะ

    เอเทอร์ : ผมว่า รอให้ไปถึงริงก้าแล้วค่อยคิดเรื่องนี้กันต่อก็ไม่สายนะพี่

    เลออน : เฮ้อ พูดถูกใจพี่ก็วันนี้แหละไอ้น้องเอ้ย

     

    กลับมายังแคว้นมอร็อค ซึ่งในตอนนั้นทั่วทั้งดินแดนกำลังระส่ำระส่าย ประชาชนและทหารที่แพ้ศึกต่างอพยพหนีตายกันมากมาย โอลลี่ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่จะต้องหนีจากทหารโซราบอลเหมือนกัน เธอพากลุ่มโจรของเธอข้ามชายป่ามาเรื่อยๆ ในระหว่างนั้นเอง เธอดันไปเจอพวกของอราชที่กำลังเดินทางมาพอดี ทั้งสองฝ่ายไม่รู้กันและกันว่าแต่ละฝ่ายเป็นใคร จนเกือบจะเกิดการปะทะกันแล้ว

    โอลลี่ : นี่ พวกนายเป็นใครกัน บอกฉันมาเดี๋ยวนี้

    อราช : ผมว่าคุณอาจอยากจะตอบคำถามนั่นก่อนนะ // ทั้งคู่เริ่มจ้องกันตาเป็นมัน แต่สุดท้ายโอลลี่ก็ยอมพูดขึ้นก่อนจนได้

    โอลลี่ : ฉันเป็นกลุ่มโจรที่หนีจากทหารโซราบอลหน่ะ

    อราช : งั้นเหรอ แล้วเธอก็เพิ่งจะมาบอกฉันตอนนี้เนี่ยนะ

    โอลลี่ : ก็ฉันไม่รู้นี่หน่า ว่าแต่พวกนายเป็นใครกันงั้นเหรอ

    อราช : ฉันก็เป็นกองโจรแบบเธอนี่แหละ โดนพวกโซราบอลไล่มาเหมือนกัน

    โอลลี่ : ว่าแต่ พวกนายตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างหล่ะ

    อราช : ก็อย่างที่เห็น พวกโซราบอลมีเยอะกว่าเรามาก

    โอลลี่ : ว่าแต่ นายจะไปแคว้นเดลล์ด้วยหรือเปล่าหล่ะเนี่ย

    อราช : ใช่ ได้ยินว่าผู้กองฟีนด์เตรียมกำลังพลไว้ต่อต้านเนโรหน่ะ เธอจะไปกับฉันหรือเปล่าหล่ะ

    โอลลี่ : ได้สิ ไหนๆเราก็ได้ร่วมหัวจมท้ายกันแล้ว ฉันชื่อ โอลีเวียร์ พอล มาเดลิน เรียกฉันโอลลี่ก็ได้นะ

    อราช : ผมอราช ฟร็อตเตอร์ ผมมาจากรูดิว ผมเป็นนายพรานมาก่อนหน่ะ

    โอลลี่ : อ้อ แสดงว่านายเป็นพรานป่ามือหนึ่งเลยสินะ

    อราช : ก็ไม่เชิงหรอก พ่อผมเป็นนายทหารเก่า เสียชีวิตไปตั้งแต่สงครามกับโซราบอลหน่ะครับ

    โอลลี่ : ฉันเสียใจด้วยนะ พ่อแม่ฉันก็ตายในสงครามเหมือนกันนะ

    อราช : ครับ คงจะไม่รังเกียจนะครับถ้าจะไปกับคนป่าอย่างผมหน่ะ

    โอลลี่ : แหวะ ฉันไปได้หมดแหละ ถ้านายไม่รังเกียจโจรอย่างฉัน

     

    ทางด้านของฟีนด์ หลังจากที่เขานำกองลังพลของเขาเตรียมจะข้ามชายแดนไปยังแคว้นเดลล์ กองทหารของเขาพร้อมกับอาวุธหนักจำนวนหนึ่งข้ามภูเขาเพื่อหนีจากทหารโซราบอลที่กำลังตามล่าพวกเขา

    ท่านครับ ตอนนี้หน่วยของเรากำลังจะถึงแคว้นเดลล์แล้วครับ

    ฟีนด์ : ฉันเข้าใจ แต่ทหารของเราเหนื่อยกันมามาก พักที่นี่ก่อนก็แล้วกัน

    ท่านครับ ท่านว่าพวกมันจะตามพวกเรามาได้หรือเปล่า

    ฟีนด์ : พวกมันต้องตามมาอยู่แล้วหล่ะ แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงพวกเราหรอก

    ผมรู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องทิ้งบ้านเรามาแบบนั้นครับ

    ฟีนด์ : เข้มแข็งไว้ทหาร ท่านนายพลกำลังมองดูพวกนายอยู่นะ

    ครับผม ผมทราบครับ

    ฟีนด์ : อืม ตอนนี้ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว ไปพักก่อนดีกว่า

     

    ทางด้านกองทัพโซราบอล ในขณะนั้นสถานการณ์ของพวกเขาไม่สู้ดีเท่าไหร่ ทหารหลายนายล้มป่วยจากไข้ป่าและอาหารไม่เพียงพอ แถมยังโดนโจรป่าหลายก๊กนำกำลังปล้นพวกเขา ทำให้การเดินทัพสู่แคว้นเดลล์แทบจะต้องหยุดชะงักไป นายพลเนโรถึงขั้นต้องตรวจเยี่ยมทหารด้วยตัวเอง

    เนโร : ล้มป่วยไปเท่าไหร่กันบ้างหล่ะ

    คูเปอร์ : ตอนนี้มีทหารราวสามหมื่นนายที่ล้มป่วย บางส่วนก็ตายเป็นพันแล้วครับ

    เนโร : สั่งทหารให้เผาศพเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อระบาดได้ // เนโรพูดพลางไอคอกแคกไป

    โซรอน : ท่านพี่ ผมว่าเรารีบออกจากมอร็อคแล้วไปยังแคว้นเดลล์โดยเร็วดีกว่านะครับ

    นอสต้าร์ : นั่นสิครับพ่อ ผมว่าพวกมันกำลังอ่อนแอเลยนะครับตอนนี้

    คูเปอร์ : ผมว่า เราควรพักทัพไว้ที่ชายแดนแคว้นเดลล์ก่อนดีกว่านะครับ

    เนโร : ทำไมนายถึงคิดแบบนั้นงั้นหล่ะ

    คูเปอร์ : ถึงแม้ว่าทางนั้นจะรบกันเองอยู่ แต่ถ้ามีข่าวว่ากองทัพของเราจะบุกเข้าแคว้นเดลล์ พวกมันอาจจะรวมตัวกันขับไล่พวกเราก็ได้ แถมที่นั่นยังมีสถานทูตประเทศต่างๆอีก ถ้าเราทำอะไรลงไป เราอาจจะเสียมากกว่าได้นะครับ

    เนโร : ฉันก็เห็นด้วยกับนายนะ

    โซรอน : แต่พี่ครับ ผมว่าเราควรจะจัดการพวกมันให้หมดนะครับ

    เนโร : ตอนนี้ยังก่อนดีกว่า คูเปอร์ สั่งทหารเราให้ตรึงกำลังไว้ก่อน อย่าเพิ่งบุกจนกว่าฉันจะสั่ง // จากนั้นเองคูเปอร์ก็พานายพลเนโรไปรักษาตัวต่อ

    คูเปอร์ : ท่านครับ ผมว่าท่านรีบกลับไปให้หมอดูอาการดีกว่านะครับ

    เนโร : ถ้าพวกเขารู้ว่าฉันไป ทหารของเราจะเสียกำลังใจนะ

    คูเปอร์ : ผมทราบครับ งั้นผมจะให้หมอจากโซราบอลมาที่นี่นะครับ

    ทางด้านนอก โซรอนกับนอสต้าร์เพิ่งจะผิดหวังที่ทำให้เนโรเดินทัพ แต่พวกเขาทั้งคู่ยังไม่ยอมตัดใจง่ายๆ ในขณะเดียวกัน พวกเขาเห็นผู้กองเอ็ดเวิร์ดเพิ่งจะนำกำลังพลกลับมา โซรอนได้โอกาสจึงออกคำสั่งกับเขาทันที

    โซรอน : เอ็ดเวิร์ด ทหารของฉัน ในที่สุดนายก็กลับมา

    เอ็ดเวิร์ด : ท่านครับ มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ

    โซรอน : ฉันอยากให้นายนำกำลังพลบางส่วนแทรกซึมเข้าสู่แคว้นเดลล์หน่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : แต่ว่า ผมได้ยินว่าท่านนายพลเนโรสั่งให้ตรึงกำลังไว้ก่อนนี่ครับ

    โซรอน : อ้อ ฉันว่า ฉันอยากจะส่งคนไปสอดแนมสถานการณ์ด้านในหน่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : ว่าแต่ ผมต้องไปคนเดียวเหรอครับ

    โซรอน : ไม่หรอก ผมจะให้กองร้อยของคุณแทรกซึมเข้าไปยังใจกลางพวกมันหน่ะ

    เอ็ดเวิร์ด : ครับท่าน ผมจะรีบไปเตรียมคนของผมครับ // เอ็ดเวิร์ดเดินไปที่กองร้อยของเขาจากนั้นก็เรียกรายงานตัวทหารของเขาทันที

    ผู้กองครับ เรียกพวกเรามามีอะไรเหรอครับ

    เอ็ดเวิร์ด : เราได้รับคำสั่งใหม่ ให้เข้าแทรกซึมที่แคว้นเดลล์หน่ะ

    ว่าแต่ เราจะนำกำลังพลไปกี่นายดีครับ

    เอ็ดเวิร์ด : ให้ห้ากองร้อยของเราไปตรึงกำลังและสังเกตการณ์ไว้ที่ชายแดนของพวกมันก่อนหน่ะ

    ว่าแต่ เราจะออกเดินทางเมื่อไหร่หล่ะครับ

    เอ็ดเวิร์ด : พรุ่งนี้รุ่งเช้า เดินทางกันได้เลย

     

    กลับมายังแคว้นฟิลล์บอน ในขณะนั้นสการ์เล็ตกำลังนำกำลังพลของเธอเข้าสำรวจโอเอซิสแถวนั้น เพื่อดูว่าพอจะมีแหล่งน้ำที่จะใช้ได้หรือเปล่า ทหารของเธอขี่ม้าสำรวจไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเจอโอเอซิสแห่งหนึ่ง ทำเอาทั้งทหารหญิงและทหารชายธรรมดาของเธอดีใจกันใหญ่

    เย้ น้ำอยู่ข้างหน้าแล้ว ไปดื่มันดีกว่าพวกเรา

    สการ์เล็ต : มีโอเอซิสแถวนี้ด้วยเหรอ มันแปลกๆอยู่นะ พอลลี่ เธอว่าหรือเปล่า // พอลลี่ ทหารหญิงคู่ใจของสการ์เล็ตตอบเธอด้วยความสงสัย

    พอลลี่ : นั่นสิคะ ฉันว่ามันแปลกๆอยู่นะ

    หลังจากที่ทหารชายไปดื่มน้ำที่โอเอซิสนั้น พวกเขาก็โดนกับดักที่วางเอาไว้ นั่นก็คือระเบิดที่วางเอาไว้แล้วนั้นเอง

    สการ์เล็ต : แย่แล้ว ถอยออกมา พวกเราโดนหลอก // ในตอนนั้นเอง กลุ่มโจรทะเลทหารพากันยิงทหารโซราบอลจากบนเนินอย่างสนุกสนาน ทหารของโซราบอลพยายามยิงสวน แต่พวกมันล้อมทหารโซราบอลเอาไว้ทุกที่ ทำเอาสการ์เล็ตต้องยิงปืนด้วยตัวเองเลย

    สการ์เล็ต : ถ้าเราหนีออกไปไม่ได้ เราตายกันหมดแน่ๆ

    พอลลี่ : ดิฉันจะพาท่านออกไปเองค่ะ // พอลลี่ขี่ม้าจากนั้นก็ยิงสวนกับพวกโจรเพื่อเปิดทางให้ทหารโซราบอลหนีได้ เธอควบม้าไล่พวกโจรให้ถอยกลับออกไปได้บางส่วน จากนั้นเธอก็ให้สัญญาณกับทหารทันที

    พอลลี่ : ทุกคน รีบหนีกลับไปในเมืองก่อน เร็วเข้า

    ทหารโซราบอลคุ้มกันการถอนกำลังเข้าไปในเมือง ในขณะที่กลุ่มโจรก็พยายามไล่ตาม แต่ในตอนนั้นเอง ซิกนัสก็ขี่ม้าตามมา เพื่อห้ามกลุ่มโจรเอาไว้

    ซิกนัส : ใจเย็นไว้ ไม่ต้องตามพวกมันไปหรอก

    ทำไมหล่ะครับท่าน พวกมันกำลังถอยนะครับ

    ซิกนัส : พวกมันคงเตรียมรอเล่นงานเราในเมืองหน่ะ ตอนนี้จัดการดูแลคนเจ็บแล้วยึดอาวุธพวกมันให้หมด // กลุ่มโจรยึดอาวุธจากศพของทหารโซราบอลแล้วก็ดูคนแลคนเจ็บ จากนั้นก็ไปรายงานเรื่องกับหัวหน้าของเขาทันที

    ท่านครับ พวกโซราบอลตายหลายร้อย แถมเรายังยึดปืนยาวของพวกมันได้ครับ

    ซิกนัส : แล้วพวกเราตายไปเท่าไหร่หล่ะ

    คนของเราตายไปสามสิบ บาดเจ็บอีกราวร้อยคนครับผม

    ซิกนัส : แล้วสถานการณ์ที่อื่นเป็นยังไงบ้างหล่ะ

    ตอนนี้เราจัดการทหารโซราบอลที่โอเอซิสอื่นจนพวกมันถอยไปแล้วครับ

    ซิกนัส : ดีมาก เราจะทำให้พวกมันอยู่ไม่ได้จนหนีกลับบ้านแทบไม่ทันเลย

    แน่นอนครับ

     

    กลับมายังคฤหาสน์ของมาร์ธ่า มาร์ธ่าเริ่มจะขึ้นวันดีคืน เนื่องจากซิลเวียร์เป็นหมอที่เก่งมาก วันนี้เป็นวันที่เธอต้องปรุงอาหารให้มาร์ธ่าทาน หลังจากที่เธอปรุงเสร็จ เธอก็ชิมทุกอย่างเพื่อตรวจว่าเป็นอันตรายหรือเปล่า

    มาร์ธ่า : นี่ หนูซิลเวียร์ ความจริงหนูไม่ต้องชิมทุกอย่างก็ได้นะจ๊ะ

    ซิลเวียร์ : ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อนสินะคะ

    ซาร่า : รู้จ้ะ แต่บางทีก็ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้นะจ๊ะ

    ในตอนนั้นเอง มีทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านของมาร์ธ่า จากนั้นก็เดินเข้าไปรายงานตัวกับคุณหญิงมาร์ธ่าทันที

    คุณหญิงมาร์ธ่าครับ

    มาร์ธ่า : เธอเป็นทหารของเนโรนี่ มีอะไรงั้นเหรอ

    ผมอยากให้คุณซิลเวียร์ไปรักษาท่านนายพลหน่อยครับ

    ซาร่า : ห่ะ เนโรเป็นอะไรงั้นเหรอ

    ท่านนายพลเป็นไข้ป่าครับ อาการหนักขึ้นทุกวันครับ

    ซิลเวียร์ : ทหารของท่านนายพลไม่ชำนาญพื้นที่ แถมยังติดโรคจากท้องที่อีกหน่ะค่ะ

    คุณซิลเวียร์ ช่วยไปกับเราด้วยนะครับ

    ซิลเวียร์ : ว่าแต่ ถ้าฉันไป ใครจะดูแลคุณหญิงหล่ะคะ

    มาร์ธ่า : ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ ความจริงฉันไม่เป็นไรมากแล้วหล่ะ

    ซาร่า : เอาเป็นว่า เธอไปดูแลน้องฉันดีกว่านะจ้ะ

    ซิลเวียร์ : ได้ค่ะ ถ้างั้นพาฉันไปหาท่านนายพลทีสิ // ทหารของนายพลเนโรพาเธอไปขึ้นรถม้า โดยที่เธอเตรียมยาบางส่วนสำหรับรักษาติดไปด้วย

     

    กลับมายังสถานทูตเยอรมัน ในระหว่างที่แอนตาร์กติกกำลังจัดการเรื่องเกี่ยวกับนักโทษที่เธอจับมาได้ ในขณะนั้นเอง มีทหารเยอรมันคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ โดยที่มีชายใส่สูทคนหนึ่งเดินตามมาด้วย

    ขอรายงานครับ ชายคนนี้เป็นตัวแทนของแคว้นเดลล์ มาเจรจาเกี่ยวกับนักโทษครับ

    แอนตาร์กติก : สวัสดีค่ะ คุณมีธุระอะไรกับดิฉันคะ

    ผมชื่ออิริค เป็นผู้แทนจากแคว้นเดลล์ เราจะมารับนักโทษพวกนี้ไปลงโทษครับ

    แอนตาร์กติก : ตัวแทนงั้นเหรอ ว่าแต่ คุณทำงานให้ใครอย่างงั้นเหรอ

    อิริค : นายกเทศมนตรีของผม ตอนนี้กำลังเป็นรักษาการณ์ชั่วคราวครับ

    แอนตาร์กติก : ว่าแต่ ท่านนายกเทศมนตรีไม่มาเองเหรอ

    อิริค : ท่านติดธุระด่วนหน่ะครับ ท่านให้ผมถือหนังสือนี้มาให้คุณด้วย // แอนตาร์กติกนำกระดาษนั้นมาอ่านดู

    แอนตาร์กติก : ก็ได้ งั้นฝากให้คุณช่วยจัดการด้วยก็แล้วกัน // ชายคนนั้นคำนับจากนั้นก็เดินจากไป จากนั้นแอนตาร์กติกก็เรียกทหารของเธอมาหา

    แอนตาร์กติก : จับตาดูเขาไว้ ฉันได้กลิ่นแปลกๆจากเขาหน่ะ

    ได้ครับท่าน

    กลับมายังสถานทูตรัสเซีย โทมารอฟหัวเสียอย่างมากที่เสียรู้คนอย่างอเล็กซ์สกี้ เรื่องนี้ทำเอาเขาต้องสืบหาความจริงให้ได้ว่าใครเป็นหนอนบ่อนไส้

    โทมารอฟ : นี่ เรือขนอาวุธของเราตอนนี้อยู่ที่ไหนหล่ะ

    ตอนนี้เรากำลังส่งคนออกติดตามหาทั่วเกาะที่ใกล้เคียงแถวนั้นครับ

    โทมารอฟ : อเล็กซ์สกี้มันต้องไปรับอาวุธเองแน่ๆ

    ทำไมท่านถึงคิดแบบนั้นหล่ะครับ

    โทมารอฟ : เพราะฉันรู้นิสัยมันดี มันเป็นคนใจร้อน มันต้องมาดูผลงานของมันเร็วๆแน่ๆ

    ท่านครับ ว่าแต่ ทหารของเราที่ทำงานให้มันหล่ะครับ จะทำยังไงต่อ

    โทมารอฟ : สอบสวนทุกคน ฉันจะเป็นคนสอบสวนพวกเขาเอง

    ได้ครับท่าน

    โทมารอฟ : อเล็กซ์สกี้ อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยแกไปง่ายๆนะ

     

    ที่เกาะลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเกาะที่ไม่มีอะไร แต่ที่นั่นเป็นแหล่งรวมของโจรสลัดที่ออกอาละวาดแถวแคว้นบาส์ก และในตอนนั้นเอง ชายที่เป็นโจรสลัดคนหนึ่งวิ่งเข้าไปรายงานข่าวให้กับเจ้านายของเขาที่กำลังนั่งดื่มเหล้ารัมอยู่

    นายหญิงลอเรนซ์ครับ ตอนนี้พวกเรากำลังโดนกวาดล้างจากพวกโซราบอลครับ

    หญิงสาวในชุดโจรสลัดเหน็บปืนเลิกดื่มเหล้าจากนั้นก็เดินมาหาเขาทันที

    ลอเรนซ์ : ตอนนี้พวกเราหนีรอดมาได้เท่าไหร่หล่ะ

    แค่ไม่กี่ร้อยครับ แต่เรือของเราโดนพวกอเมริกายึดหมดเลยครับ

    ลอเรนซ์ : ดูเหมือนว่าพวกโซราบอลกับอเมริกาจะทำข้อตกลงอะไรกันบางอย่างนะ

    ว่าแต่ เราจะเอายังไงต่อดีครับ

    ลอเรนซ์ : ฉันจะไปช่วยพวกของฉันออกมา พวกอเมริกันจะซักแค่ไหนกันเชียว

    ตอนนี้กองเรือของพวกมันมีเรือที่ดีกว่าเรานะครับ

    ลอเรนซ์ : ฉันมีวิธีจัดการพวกมัน ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน รีบจัดกำลังคนขึ้นเรือด่วนเลย

    เธอรีบเกณฑ์คนขึ้นเรือจากนั้นก็เตรียมออกเดินทางช่วยเหลือคนของเธอที่โดนจับไป

     

    ที่ท่าเรือลับแถบชายแดนแคว้นเดลล์ ริงก้า หลังจากที่เรือขนอาวุธมาเทียบท่า คนงานท่าเรือก็รีบขนอาวุธทุกอย่างลงจากเรือทันที ก่อนที่ทหารรัสเซียจะตามมาเจอพวกเขา

    คุณอเล็กซ์สกี้ครับ อาวุธที่คุณต้องการมาถึงแล้วครับ

    อเล็กซ์สกี้ : ดีมาก ขนไปไว้ยังภูเขานาร์ท่า ถ้าพวกนายทำได้ ฉันจ่ายไม่อั้น

    แล้วเรือพวกนี้จะทำยังไงต่อหล่ะครับ

    อเล็กซ์สกี้ : จมเรือทิ้งซะ ทำลายหลักฐานให้หมด

    ได้ครับท่าน

     

    กลับมายังสถานทูตอังกฤษในแคว้นเดลล์ หลังจากที่นายพลจอร์จมาถึง เขาหัวเสียเดินเข้าไปยังสถานทูตเพื่อขอพบกับทุกคนในนั้น แต่ในตอนนั้นเอง ก็มีเหล่าบรรดานายพลอังกฤษกำลังรอเขาอยู่พอดี

    ท่านนายพล ผมกำลังรอท่านอยู่พอดีเลย

    จอร์จ : ผมหน่ะสิเป็นฝ่ายที่ต้องตามหาพวกท่าน นี่มันเรื่องอะไรกันครับ

    ท่านนายพล ใจเย็นๆ มีอะไรค่อยๆพูดกันก็ได้

    จอร์จ : งั้นเหรอ ที่พวกคุณส่งผมไปฆ่าชาวบ้านบนเกาะนั้น จะว่ายังไงครับ

    ทางเราก็ได้รับรายงานมาว่า คุณปราบโจรสลัดไม่สำเร็จ คุณจะว่ายังไงครับ

    จอร์จ : งั้นเหรอครับ // นายพลจอร์จหัวเสียไปหยิบของที่อยู่ในห่อมาเขวี้ยงใส่พวกเขา

    จอร์จ : ใช่ครับ นี่คืออาวุธของพวกมัน มีแต่มีด ขวาน กับธนูล่าสัตว์ พวกมันน่ากลัวจริงๆครับ

    นี่ ท่านนายพล อย่ามาล้อเล่นกับพวกเรานะ

    จอร์จ : งั้นเหรอ พวกคุณวางแผนอะไรอยู่กันแน่ แต่อย่าให้ผมรู้ก็แล้วกัน ไม่งั้นผมอาจจะยิงพวกคุณทุกคนให้ตายตรงนี้เลยก็ได้ // จากนั้นเขาก็เดินจากไป

     

    กลับมายังชายแดนแคว้นฟิลล์บอน ครอบครัวของโคน่ากำลังเบียดเสียดกับชาวบ้านแถวนั้นเพื่ออพยพไปยังแคว้นริงก้า ขบวนผู้อพยพมีเป็นจำนวนมากและเบียดเสียดกันพยายามจะเข้าไปยังเขตของริงก้าให้ได้

    คาลิมบ่า : โอ้ย คนเยอะขนาดนี้เราจะเข้าไปได้ไงหล่ะเนี่ย

    ในตอนนั้นเอง คาเนสก็พาขบวนของพวกเขาลัดไปอีกทางหนึ่ง เพื่อเข้าไปยังเส้นทางพิเศษที่เตรียมไว้

    เดี๋ยวก่อน พวกคุณเป็นใครกันทหารริงก้าคนหนึ่งห้ามเอาไว้

    คาเนส : ผมชื่อคาเนส ผมเป็นเพื่อนกับอาร์เทอร์ คุณน่าจะรู้จักนะ

    สวัสดีครับ เชิญทางนี้เลยครับทหารริงก้าเปิดทางให้ครอบครัวของคาเนสเดินทางเข้าไปยังริงก้าได้อย่างสะดวกโยธิน

    โคน่า : โหว พี่คะ พี่รู้จักท่านนายพลอาร์เธอร์ด้วยเหรอคะ

    คาเนส : แน่นอน พี่กับเขาเราทำงานด้วยกันหน่ะ

    ดราโก้ : ว่าแต่ ตอนนี้ท่านนายพลจะเป็นยังไงบ้างหล่ะเนี่ย

    อาร่า : ได้ยินว่าตอนนี้อาร์เทอร์กำลังทำศึกอยู่นี่คะ

    อาเรีย : แต่ว่า ตอนนี้เท่าที่ได้ข่าวมา ท่านนายพลจัดการกลุ่มกบฏได้หมดแล้วนะคะ

    อาเรียส : แบบนี้ก็ดีหน่ะสิ อย่างน้อยก็น่าจะพอสู้กับโซราบอลได้นะ

    โคน่า : นี่ คาลิมบ่า ตอนนี้คนของเราที่ห้องแล็ปเป็นยังไงบ้างเนี่ย

    คาลิมบ่า : ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็มาอยู่กับเราหมดแล้ว ตอนนี้ห้องแล็ปเรากำลังว่างเลย

    อาร่า : ว่าแต่ ลูกจะกลับมาเปิดห้องแล็ปที่นี่หรือเปล่าจ๊ะ

    โคน่า : แน่นอนค่ะ หนูไม่หยุดง่ายๆแค่นี้หรอก

    ดราโก้ : พ่อว่า เอาไว้ถึงซอร์มก่อน แล้วค่อยว่ากันดีกว่านะ

    คาเนส : ผมเตรียมบ้านใหญ่ให้เราแล้วครับ น่าจะพออยู่กันได้ซักระยะ

    อาเรียส : นี่พี่ แล้วพี่ไม่ไปทำงานอะไรของพี่งั้นเหรอ

    คาเนส : เดี๋ยวรอพี่เจอกับนายพลอาร์เทอร์เขาก่อนสิ แล้วพี่จะคุยกับเขาเอง

     

    และอีกด้านหนึ่งของแคว้นเดลล์ อาร์เทมิสได้นำกำลังพลของเธอเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อขอเข้าพบกับนายพลอาร์เทอร์ ในตอนนั้นเองเธอก็เคลื่อนทัพมายังเมืองซอร์มแล้ว เธอจึงสั่งให้ทหารของเธอตั้งค่ายอยู่แถวนั้นไปก่อน เพื่อที่เธอจะไปเจรจากับนายพลอาร์เธอร์อีกครั้ง

    อาร์เทมิส : ฉันต้องการพบท่านนายพลอาร์เทอร์ เขาอยู่หรือเปล่า

    ตอนนี้ท่านนายพลกำลังทำธุระสำคัญอยู่ครับท่านเลดี้

    อาร์เทมิส : ธุระอะไรงั้นเหรอ พอจะบอกฉันได้หรือเปล่า

    ผมได้ยินว่าทายาทของท่านนายพลเตเวียสกลับมาแล้วครับ

    อาร์เทมิส : ห่ะ เนม่าเธอกลับมาแล้วงั้นเหรอ

    ไม่ใช่ครับ เป็นผู้ชายครับ ท่าทางเหมือนนายพลเตเวียสไม่มีผิดเลยครับ

    อาร์เทมิส : เอ๊ะ ฉันไม่ยักรู้มาก่อนแหะว่าท่านนายพลมีลูกชายด้วย เอาเป็นว่าฉันจะรอก็แล้วกันนะ

    ครับผม

    อาร์เทมิส : ลูกชายท่านเตเวียสจะเป็นยังไงกันน้า อยากรู้จริงๆเลย

     

    กลับมายังแคว้นบาส์ก ในขณะนั้นเองที่โรสและเพื่อนพากันเก็บของขึ้นเรือเพื่อกลับไปที่บ้านพัก ในตอนนั้นเองสกายกับอาร์มเมอร์ก็บังเอิญมาเห็น แล้วก็เข้ามาหาพวกเธอทันที

    โรส : อ้าว สวัสดีค่ะพวกคุณทั้งสองคน

    แพท : เอ๊ะ นี่พวกนาย จะมาทำไมอีกหล่ะเนี่ย

    อาร์มเมอร์ : ก็แค่ผ่านมาหน่ะ เลยมาดู ให้ฉันช่วยมั้ย

    เมด : นี่ ไม่ต้องเลยย่ะ ฉันทำเองได้

    สกาย : พวกเธอจะแบกทั้งหมดยังไงหล่ะ เอามานี่ // สกายกับอาร์มเมอร์ช่วยพวกผู้หญิงแบกปลาขึ้นเรือ จากนั้นพวกผู้หญิงก็ช่วยเหลือพวกเขาด้วย

    เมด : ขอบใจนะ ว่าแต่พวกนายไม่มีงานทำกันเหรอ

    สกาย : ไม่อ่ะ วันนี้พวกฉันแค่ลาดตระเวนแถวนี้เองหน่ะ

    อาร์มเมอร์ : ว่าแต่ พวกคุณกำลังจะไปไหนกันงั้นเหรอ

    โรส : อ้อ เรากำลังจะกลับบ้านเราที่เกาะตรงนั้นค่ะ

    แพท : ใช่ พวกนายไปได้แล้วย่ะ หมดหน้าที่แล้วนี่

    สกาย : ฉันอยากไปเที่ยวเกาะของเธอหน่อย พาฉันไปที

    เมด : ห่ะ นี่มันอะไรกัน คิดจะแกล้งฉันงั้นเหรอ

    โรส : ถ้าพวกคุณอยากไปก็ขึ้นเรือมาเลยค่ะ

    แพท : ทำไมฉันต้องให้พวกนายไปด้วยหล่ะ

    อาร์มเมอร์ : ก็ถือเป็นค่าตอบแทนที่ฉันช่วยพวกเธอยังไงหล่ะ

    ทั้งคู่กัดฟันให้ทหารทั้งสองคนขึ้นเรือ จากนั้นโรสก็พาพวกเขาออกเดินทางไปยังเกาะของเธอทันที

     

    กลับมายังเมืองซอร์ม พระราชวังหลวง เป็นวันที่เหล่าบรรดานายทหารระดับสูงของริงก้าถูกเรียกมารวมตัวกัน เพื่อเตรียมฉลองตำแหน่งใหม่หลังจากที่ตำแหน่งผู้นำของริงก้าว่างมานานหลังจากที่นายพลเตเวียสเสียชีวิต วันนั้นเองนอร์ดิกต้องแต่งตัวด้วยเครื่องแบบทหารริงก้า ในขณะที่ทุกคนก็ได้รับชุดสูทอย่างดีเพื่อเข้าร่วมงานนี้

    ไซโซ : เต็มที่เลยนะนอร์ดิก วันนี้พี่จะรอดูนายเอง

    ซอล : เออใช่ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่านายจะมาถึงตรงนี้ได้เนี่ยเพื่อน

    เคจา : ไปเถอะนอร์ดิก ด้านนอกกำลังรออยู่นะ // จากนั้นเอง นอร์ดิกก็เดินออกไปที่ลานพิธีซึ่งนายพลอาร์เธอร์กำลังยืนรออยู่ ส่วนเซเลนส์ก็นำกำลังพลอารักขาอย่างดี เนม่าเธอเห็นพี่ชายของเธอในชุดที่ดูสง่าก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที

    เนม่า : พี่คะ ในที่สุดพี่ก็มาจนได้นะคะ // เนม่าพานอร์ดิกไปยังลานพิธี จากนั้นนายพลอาร์เธอร์ก็เดินไปประกาศกับเหล่าทหารระดับสูงที่มารวมตัวกันในตอนนั้น เมื่อได้เวลา นายพลอาร์เธอร์ก็ประกาศแถลงการณ์ให้ทหารฟังทันที

    อาร์เธอร์ : สวัสดีท่านทั้งหลาย วันนี้ หลังจากที่ท่านนายพลเตเวียสถึงแก่อสัญกรรม กองทัพโซราบอลกำลังรุกรานไปทั่ว วันนี้ ผมมีความยินดี ที่เขาคนนี้ นอร์ดิก เขาเป็นทายาทคนเดียวของนายพลเตเวียส และวันนี้ ผมขอแต่งตั้งให้เขา เป็นผู้นำแห่งแคว้นริงก้า // นายพลอาร์เธอร์มอบหมวกประตำแหน่งให้กับนอร์ดิก

    อาร์เธอร์ : หมวกนี้เคยเป็นของพ่อเธอ อย่าทำให้ท่านผิดหวังหล่ะ

    นอร์ดิก : ครับผม

    ======================================================================

    นอร์ดิกได้รับตำแหน่งใหม่เป็นผู้นำแคว้น แต่เส้นทางของเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร ติดตามชมต่อตอนหน้าจ้า
    ช่วงนี้อาจจะอัพไม่เป็นเวลาต้องขออภัยเน้อ มันยุ่งมากจริงๆ
    แต่ยังไงก็ขอคนละเม้นท์ด้วย แหะๆ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×