ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vote For Die - โหวตเพื่อตาย!!

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 8 : ศึกตัดสิน

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ย. 63


    “สวัสดี!!”

    “สวัสดีครับ คุณคือ CIA ที่พยายามติดต่อผมใช่หรือเปล่าครับ??” นาครถามอย่างสงสัย

    “ใช่ ไอ้หนุ่ม คงจะเจอศึกหนักเลยสินะ ฉันจินเจอร์ เจ้าหน้าที่ CIA ยินดีที่ได้รู้จัก??”

    “สวัสดีคุณจินเจอร์ ความจริงพวกมันเจอหนักกว่าผมอีก” นาครพูดขึ้น

    “งั้นเหรอ ว่าแต่ ตอนนี้นายจะเอายังไงต่อหล่ะ??”

    “ไม่รู้สิ พวกมันติดต่อผม บอกว่าอยากสงบศึกกับผมหน่ะ” นาครพูดขึ้น

    “สงบศึก ยังไงหล่ะ??” จินเจอร์ถามไป

    “พวกมันจะเอาข้อมูลที่ผมต้องการทุกอย่างให้ผม พร้อมเงินส่วนหนึ่ง แลกกับการสงบศึกกับพวกมัน” นาครพูดขึ้น

    “แล้วนายจะรับข้อตกลงมันงั้นเหรอ??”

    “แล้วคุณต้องการอะไรจากผมกันแน่ จะให้ผมฆ่ามันเหรอ??” นาครถามไป

    “ไม่หรอก ฉันต้องการแค่ตำแหน่งของมัน ที่เหลือฉันจัดการเอง” จินเจอร์พูดขึ้น

    “คุณจะจัดการได้งั้นเหรอ??” นาครถามไป

    “แน่นอน ฉันจับมัน นายก็ไม่ได้ทำผิดสัญญา แล้วฉันจะเล่นงานมันเอง เดเมี่ยนมันเป็นแขกของฉัน ฉันตามล่ามันมานานแล้ว” จินเจอร์พูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้น ผมจะลองช่วยแล้วกัน แต่ถ้าคุณปล่อยมันหลุดมืออีก ก็ช่วยไม่ได้แล้วนะครับ” นาครพูดขึ้น

    “ฉันรู้น่าไอ้หนู!!”

    “แล้วอีกอย่าง ผมอยากให้คุณช่วยล้างคดีให้ผมด้วย” นาครพูดขึ้น

    “ฉันจะลองช่วยแล้วกัน เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง” จินเจอร์พูดขึ้น

    “แบบนี้ค่อยอุ่นใจหน่อย เครือข่ายของพวกมันที่เหลือ คุณจัดการได้หรือเปล่า??” นาครถามไป

    “ถ้าฉันมีข้อมูล ฉันคงจัดการได้แล้วหล่ะ” 

    “ผมจะช่วยเอง ผมจะส่งข้อมูลให้ทางไหนหล่ะ??” นาครถามไป

    “อ้อ นายส่งข้อมูลให้ฉันทางนี้เมล์นี้เลย....”

    “ได้เลย ผมหวังว่าคุณจะไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ!!” นาครพูดขึ้น

    “แล้วนี่ นายจะทำอะไรต่อหล่ะ??” จินเจอร์ถามอย่างสงสัย

    “คิดว่าผมจะทำอะไรหล่ะ ผมก็จะทำงานของผมให้จบหน่ะสิ!!” นาครพูดขึ้น

    “ได้เลยไอ้หนุ่ม แล้วฉันจะติดต่อไป” จินเจอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางสายในทันที จากนั้นเขาก็ไปที่หน้าจอคอมของเขา แล้วก็พบว่า Vegus ส่งข้อความถึงเขา เขารีบเปิดมันในทันที

    “Vegus : เฮ้ยนี่ ข้อมูลของคนที่นายขอ พวกมันส่งมาให้แล้ว!! 5 เอกสารแนบ!!”

    “นาคร : เยี่ยม เงินที่มันจะโอน บอกให้มันโอนผ่านบิทคอยน์นะ!!”

    “Vegus : จัดให้ เดี๋ยวฉันเอาไปแลกเปลี่ยนเอง!!”

    “นาคร : เออนี่ ฉันอยากให้นายส่งข้อมูลไปให้เมล์นี้หน่อย...”

    “Vegus : เมล์ใครวะ??”

    “นาคร : CIA ที่ฉันไว้ใจได้หน่ะ!!”

    “Vegus : อ่าๆๆ ส่งมาแล้วกัน ว่าแต่ มึงจะสงบศึกกับมันจริงๆเหรอวะ??”

    “นาคร : ไม่ต้องห่วง มีคนทำแทนฉันแล้วหล่ะ ฉันอยากจะไปเล่นงานคนโหวตมากกว่า”

    “Vegus : อ่าๆ เห็นด้วย ยังไงก็ล่าให้สนุกเน้อ!!”

    “นาคร : ขอบใจนะเว้ยที่ช่วยฉันมาตลอด”

    “Vegus : ไม่ๆ ฉันต่างหากที่เป็นหนี้นาย ถ้าช่วงนี้ฉันไม่ตอบก็ไม่ต้องแปลกใจนะ!!”
    “Vegus : ออกจากการสนทนา!!”

    นาครยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ออกจากโต๊ะคอมในทันที และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นซีอาร่าเดินถือแก้วน้ำมาให้กับนาคร 

    “คุณคะ ดื่มอะไรหน่อยสิ ฉันทำมาให้!!”

    “ขอบคุณครับ!!” นาครพูดขึ้น แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็เหลือบไปเห็นแผลที่คอของนาคร ทำเอาเธอถึงกับตกใจในทันที

    “เอ๊ะ คุณมีแผลนี่!!”

    “เรื่องเล็กครับ อาบน้ำเดี๋ยวก็หาย!!”

    “นี่ๆ นั่งลงเลยค่ะ” ซีอาร่าพูดขึ้น จากนั้นเธอก็ไปหายามาหยอดให้กับเขา แล้วก็ช่วยเช็ดแผลให้เขาด้วย

    “รู้เปล่า ฉันเคยปล่อยให้แผลมันเน่า จนสุดท้ายฉันเกือบตายหน่ะ”

    “ผมว่าผมคงชินซะแล้วหล่ะ” นาครพูดขึ้น

    “ถ้าจบเรื่องนี้ คุณวางแผนจะทำยังไงต่อหล่ะคะ??” ซีอาร่าถามไป

    “ไม่รู้สิ ผมอาจจะเจริญรอยตามพ่อผม เป็นทหารรับจ้างหน่ะ!!” นาครพูดขึ้น

    “แล้วคุณไม่อยากจะลองเปลี่ยนหน่อยเหรอคะ??”

    “ไม่รู้สิ ผมคงต้องเรียนจบก่อนหน่ะ” นาครพูดขึ้น

    “อืม ถ้าอย่างงั้น ฉันจะช่วยแนะนำคุณนะคะ คุณไม่เคยสนผู้หญิงบ้างเหรอ??” ซีอาร่าถามไป จากนั้นนาครก็หันไปมองหน้าเธอในทันที

    “ก็ ไม่รู้สิ ผมอาจจะอยู่คนเดียวมานานเกินไปหล่ะ!!” นาครพูดแล้วลูบที่แก้มเธอ

    “ฉันอยากอยู่กับคุณนานๆจังเลยค่ะ ความจริงสถานการณ์แบบนี้ก็ดีนะคะ ถ้าเราจากกัน ฉันจะตามหาคุณได้ที่ไหนหล่ะ??” ซีอาร่าถามไป

    “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะตามหาคุณเอง” นาครพูดขึ้น

    “คุณสัญญากับฉันแล้วนะคะ ฉันจะรอคุณคนเดียว แค่คนเดียวจริงๆนะคะ!!” ซีอาร่าพูดขึ้นจากนั้นก็จูบนาครไปหนึ่งที

    “ผมจะปกป้องคุณเอง แล้วอีกอย่าง ผมได้ข้อมูลคนที่มันทำกับคุณแบบนี้แล้วนะ” นาครพูดไป

    “ช่างมันก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ฉันต้องการแค่คุณ แค่คุณคนเดียวค่ะ” ซีอาร่าพูดขึ้น จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็จูบกันอย่างดูดดื่มในห้องของนาคร

     

    และอีกด้านหนึ่งของห้อง ในตอนนั้นเองคนอื่นๆก็มานั่งทานอาหารร่วมกัน หลังจากที่เผชิญเรื่องเหน็ดเหนื่อยมานาน และพวกเขาก็พูดคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยด้วย

    “เฮ้อ นานๆทีจะได้กินอะไรดีๆซะที” เฮนรี่พูดขึ้นในขณะที่หยิบกุ้งมากินตัวหนึ่ง

    “เต็มที่เลย คุณซีอาร่าบอกว่ามื้อนี้เธอเลี้ยง” วาเลเรียพูดขึ้น

    “แล้วนี่ พี่สองคนนั้นเขาจะไม่กินเหรอคะ??” เอบิต้าถามไป

    “เอาน่า ปล่อยพวกเขาเถอะ” จอห์นพูดขึ้น จากนั้นก็ยัดหมึกเข้าปาก

    “เออนี่ พวกนายว่าสองคนนั้นเขากิ๊กกันหรือเปล่า??” วาเลเรียถามไป

    “แหม่ หนูว่าถ้าจะกิ๊กกันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ” เอบิต้าพูดในขณะที่กำลังดื่มน้ำส้มไป

    “เออนี่ ถ้าพวกเราเจอตัวไอ้คนที่มันโหวตเรา จะเอายังไงต่อหล่ะ??” จอห์นถามไป

    “ฉันจะฆ่าแม่งด้วยดาบของฉัน ให้มันตายช้าๆ และทรมานที่สุด” เฮนรี่พูดขึ้น

    “เออๆ ฉันรู้นายทำได้อยู่แล้วน่า แล้วนี่เราจะได้เงินจากการรอดชีวิตหรือเปล่า??” วาเลเรียถามไป

    “แหม่ รอดชีวิตมาได้ก็บุญแล้ว ยังจะหวังเงินอีกเหรอ??” เฮนรี่พูดแซวไป

    “งานนี้ต้องขอบคุณหมอนั่น ไม่งั้นพวกเราก็นอนโลงกันแล้ว” จอห์นพูดขึ้น

    “ว่าแต่ พี่เขาเป็นใครกันแน่คะ ทำไมถึงมีอาวุธเยอะขนาดนี้??” เอบิต้าถามไป

    “ได้ยินว่าหมอนั่นเป็นทหารรับจ้าง ไอ้พวกระยำนั่นเล่นผิดคนแล้วหล่ะ” วาเลเรียพูดขึ้น

    “หนูคิดถึงบ้านจังเลยค่ะ” เอบิต้าพูดขึ้น

    “ไม่ต้องห่วงนะ วันหนึ่งเธอต้องได้กลับบ้านแน่ๆ” จอห์นพูดขึ้น

    “ใช่ เผลอๆ เราอาจจะตามล่าพวกมันทุกตัวที่ทำกับเธอแบบนี้ แต่เอาเถอะ ชนแก้วกัน!!”

    เฮนรี่พูดขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ชนแก้วกัน และดื่มกันต่อจนหมดแก้ว 

     

    กลับมายังที่พักของเดเมี่ยน ในวันนั้นเองเขาเพิ่งจะมาคิดได้ว่าเขาควรจะหนีไปที่อาเซอร์ไบจาน เขาจึงรีบยักย้ายสมบัติของตัวเองไปที่นั่นในทันที ก่อนที่จะมีใครตามตัวเขาทัน และในตอนนั้นเอง เซเฟอร์ก็กลับมาถึงบริษัท แล้วรีบไปหาเดเมี่ยนในทันที

    “เฮ้ เซเฟอร์ มาก็ดีแล้ว เราต้องรีบไปกันแล้วหล่ะ” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ทำไมกันหล่ะครับ??”

    “หมอนั่นมันสัญญาจะสงบศึกกับเราแล้ว ฉันต้องรีบไปก่อนที่พวก CIA มันตามล่าฉัน” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ไม่ ผมจะไม่ยอมจบง่ายๆหรอก” เซเฟอร์พูดขึ้น

    “เฮ้ย แกจะอะไรนักหนาวะ เอาตัวรอดก่อนดีกว่า” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ทำแบบนี้กลุ่มลูกค้าของเราจะเชื่อถือเราเหรอครับ??” เซเฟอร์ถามไป

    “เดี๋ยวไอ้พวกนั้นก็โดนฆ่าตายแล้วหล่ะ ถ้ามีการสอบสวนเรื่องนี้” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ถ้าอย่างงั้นผมจะจัดการเอง ผมจะเอาเงินกับข้อมูลของคุณคืนมา!!” 

    “อะไรของแก นี่แกคิดจริงๆเหรอว่าแกจะชนะมัน??” เดเมี่ยนถามไป

    “ผมจะท้ารบกับมันเอง ท่านบอกมันด้วยครับว่าผมอยู่ที่ไหน” 

    “เฮ้อ ฉันคงหยุดแกไม่ได้แล้วหล่ะ ฉันจะลองส่งข้อความไปแล้วกัน” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ท่านรู้นะว่าผมจะไปที่ไหน ฝากบอกมันด้วยแล้วกัน!!” เซเฟอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินออกจากบริษัทไปในทันที

    “เรียกเลขามาหาผมหน่อย!!” เดเมี่ยนเรียกเลขาของเขาผ่านทางไมค์ จากนั้นเลขาก็เดินเข้ามาหาเขา

    “ท่านคะ??”

    “คุณเลขา พวกมันยังติดต่อมาหรือเปล่า??”

    “ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาค่ะ!!” เลขาพูดขึ้น

    “ส่งข้อความไปให้มัน บอกว่าเซเฟอร์ขอท้ารบกับมัน ส่งที่อยู่ไปด้วย!!” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “เขาคิดอะไรของเขากันแน่คะ??”

    “ฉันก็ไม่รู้ แต่เราคงอยู่ที่นี่ได้ไม่นานหล่ะ” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “ค่ะ ตอนนี้ฉันกำลังหาเครื่องให้ คาดว่าไม่เกิน 2 วันค่ะ” 

    “ดี ลบข้อมูลทุกอย่าง ฉันว่าจะไปเริ่มต้นใหม่ แล้วค่อยกลับมาล้างแค้นอีกที” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “แล้วพวกแฮ็กเกอร์หล่ะคะ จะเอายังไง??” 

    “ถ้าเป็นไปได้ ฆ่าตัดตอนมันให้หมด เพื่อความปลอดภัย” เดเมี่ยนพูดขึ้น

    “เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ค่ะ”

    “หวังว่าไอ้พวก CIA มันจะยังไม่รู้ตัวนะ ไม่งั้นหล่ะทุกอย่างจบเห่แน่!!” เดเมี่ยนพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปรินเหล้าดื่มหนึ่งแก้ว ก่อนที่จะนั่งพักต่อ แล้วก็บ่นพึมพำกับตัวเองไป

    “ความจริงให้เซเฟอร์ไปแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน!!”

    “อ่า ทำไมหล่ะคะ??” เลขาของเขาถามไป

    เดเมี่ยนไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ดื่มเหล้าไปหนึ่งจิบ

     

    กลับมายังคอนโดของลาซและคนอื่นๆ ในวันนั้นพวกเขาก็พยายามจะหาเป้าหมายของนาครและคนอื่นๆ แต่ก็ดูเหมือว่าจะมืดแปดด้าน รอนนี่พยายามอยากหนักในการเจาะระบบ และในตอนนั้นเอง รอนนี่ก็เกิดหาที่อยู่ซึ่งพวกเขาสงสัยว่าจะเป็นที่อยู่ของนาคร

    “เฮ้ ลุง ผมลองเจาะระบบขั้นสูง ผมเจอที่อยู่ที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่อยู่ของมัน!!” รอนนี่พูดขึ้น

    “จริงเหรอ ขอดูหน่อยสิ!!” ลาซพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ส่งที่อยู่ให้กับลาซไป

    “แน่ใจเหรอว่าที่นี่ เดี๋ยวก็เป็นกับดักอีก” วาเลนพูดขึ้น

    “นั่นสิ ฉันว่าเราไปจากที่นี่ดีกว่า” วาเลียพูดขึ้น

    “แต่ยังไงก็ต้องลองเสี่ยง ลองแจ้งตำรวจท้องที่หรือยังหล่ะ??” รอนนี่ถามอย่างสงสัย

    “ตำรวจโดนสั่งถอนกำลังหมดแล้วตอนนี้ แจ้งไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอก” ลาซพูดขึ้น

    “แล้วจะไม่แจ้งคุณเดเมี่ยนอย่างงั้นเหรอ??” วาเลนถามลาซไป

    “ฉันเดานะ มันก็คงเตรียมเผ่นออกนอกประเทศเหมือนกัน” วาเลียตอบไป

    “ไม่อย่างงั้น เราก็คงต้องไปลุยกับมันเอง” ลาซพูดขึ้น

    “เอาจริงเหรอลุง ยังไหวอยู่เหรอ??” รอนนี่ถามไป

    “ก็ดีนะ ฉันอยากออกกำลังอยู่พอดีเลย อยากยิงคนหน่อย” วาเลียพูดขึ้น

    “นั่นสิ ไม่ได้เหนี่ยวไกมานานแล้ว หวังว่าฝีมือยังไม่ตกนะ??” วาเลนพูดขึ้น

    “ห่วงตัวเองเถอะยัยบ้า!!” รอนนี่พูดขึ้น จากนั้นเขาก็ไปที่ตู้ๆหนึ่ง แล้วหยิบปืนกลมือที่อยู่ในนั้นมากระบอกหนึ่ง

    “ยังชอบใช้รุ่นนี้เหมือนเดิมเลยนะ” วาเลนพูดขึ้น

    “แต่ฉันยังชอบปืนสั้นมากกว่า เคลื่อนไหวคล่องดี” วาเลียพูดขึ้น

    “หวังว่า M4 ของฉันจะยังใช้การได้อยู่นะ” ลาซพูดขึ้น จากนั้นเขาก็ไปหยิบปืน M4 แต่งลายคู่ใจของเขามาบ้าง 

    “เฮ้อ ฉันคิดว่าลุงถือปืนไม่ไหวแล้ว” รอนนี่พูดขึ้น

    “อย่างฉันเนี่ยนะไม่ไหว คืนนี้เลยยังได้ พวกแกว่าไง??” ลาซถามไป

    “เอางั้นก็ได้ ฉันจะไปลุยให้จบเลย” วาเลียพูดขึ้น

    “เออนี่ เอาระเบิดมือมาด้วย เราจะถล่มให้ยับเลย” วาเลนพูดขึ้น

    “ตึกที่มันอยู่มีทางเข้าออกสองทาง แต่เราจะเล่นงานมันทางเดียวเลย ดูแล้วมันก็คงอยากจะสู้กับเรา เราจะลุยม้วนเดียวจบเลย” ลาซพูดขึ้น

    “จัดเลย งานนี้จัดชุดใหญ่ ไปแตงตัวซะยัยบ้า!!” รอนนี่พูดกับสองสาวไป

    “ได้เลย ฉันขอไปใส่หน้ากากด้วยแล้วกัน” วาเลนพูดขึ้น

    “ฉันขอแต่งหน้าก่อนลุยแล้วกัน!!” วาเลียพูดเสริม จากนั้นพวกเขาก็เดินไปแต่งตัวที่ห้องของพวกเขา พวกเขาแต่งองค์ทรงเครื่องกันอย่างจัดเต็ม ทั้งเสื้อเกราะ อาวุธ ระเบิด ในตอนนี้พวกเขาพร้อมลุยแล้ว พวกเขาเดินไปที่ลิฟท์ ลงไปที่ชั้นล่าง ไปที่รถตู้สีดำคันหนึ่งที่พวกเขาเตรียมไว้แล้ว

    “งานนี้ลุยให้จบเลย ถ้ามันจะหลอกเราก็ช่างแม่ง!!” ลาซพูดขึ้น

    “เฮ้อ โจ๊กเกอร์ขาโหดกลับมาแล้ว” รอนนี่พูดขึ้น

    “คอยดูเถอะ ถ้าเจอมัน ฉันจะเฉือนเนื้อมันให้หมดเลย” วาเลนพูดขึ้น

    “ต่อคิวหน่อยสิยะ!!” วาเลียพูดไป และลุงลาซก็สตาร์ทรถและขับออกมาจากลานจอดรถในทันที เพื่อเดินทางไปยังเป้าหมายของพวกเขา

     

    กลับมายังบ้านพักของจินเจอร์ ในตอนนั้นเองเขาก็พยายามประติดประต่อหลักฐานทุกอย่างที่ได้มาเข้าด้วยกัน และผ่านไปไม่นานนัก เขาก็รวบรวมหลักฐานทุกอย่างได้เรียบร้อย จากนั้นเขาก็ติดต่อไปยังพิทักษ์ เพื่อนของเขาในทันที

    “เฮ้ พิทักษ์ ว่างหรือเปล่า??”

    “อ้าว จินเจอร์ ฉันกำลังจะกลับพอดี มีอะไร??” พิทักษ์ถามไป

    “ฉันอยากให้นายทำหมายจับให้หน่อย ด่วนเลย ในพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี”

    “เฮ้ย บ้าแล้ว นายจะจับใครวะ??” พิทักษ์ถามไป

    “เดเมี่ยน คนที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังหน่ะ” จินเจอร์พูดขึ้น

    “เฮ้ย เอาจริงเหรอ นายมีหลักฐานแล้วเหรอ??” 

    “ใช่ ฉันกำลังส่งให้ทาง CIA อยู่ และฉันเชื่อว่ามันกำลังหลบหนีด้วย” จินเจอร์พูดขึ้น

    “ได้ เดี๋ยวฉันส่งเรื่องด่วนไปเลย พรุ่งนี้เช้าน่าจะได้”

    “ดี ถ้าเป็นไปได้ ส่งคนไปล้อมที่ตึกของมันหน่อย ฉันกลัวว่ามันจะหนีไปหน่ะ” จินเจอร์พูดขึ้น

    “ได้ๆ เดี๋ยวจะลองส่งคนไปล้อมไว้ก่อน”

    “เยี่ยม อย่าให้ไก่ตื่นหล่ะ เราต้องเล่นเงียบๆ ไม่อย่างงั้นมันหนีแน่ แล้วก็ทำเรื่องอายัดพาสปอร์ตมันด้วย ดักมันไว้ที่สนามบินทุกที่เลย” จินเจอร์พูดขึ้น จากนั้นเขาก็วางสาย และรีบติดต่อไปยัง CIA หน่วยของเขาในทันทีอย่างรวดเร็ว

    “สวัสดี ผมต้องการหมายจับของเดเมี่ยนมันด่วนเลย ผมได้หลักฐานทุกอย่างแล้ว!!”

    “ได้ เราจะทำเรื่องส่งไปที่ตำรวจสากล แล้วนายจะเอายังไงต่อ??” คนในหน่วยถามอย่างสงสัย

    “ผมจะไปจับมันเอง ไม่ต้องห่วง มันไม่รอดไปจากเมืองไทยแน่ๆ รอดูได้เลย” จินเจอร์พูดขึ้น 

     

    กลับมาที่บ้านของเก่ง ในคืนนั้นเองเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ในตอนนี้เขาเหมือนหมาจนตรอก จะไปอาศัยบ้านใครก็ไม่ได้ เนื่องจากเพื่อนทุกคนที่เขาติดต่อไปถูกปฏิเสธหมด ในตอนนี้เขาแทบไม่เหลืออะไร แม้แต่แฟนของเขาเอง 

    “อะไรกัน นี่จะทิ้งกันไปอย่างงี้เหรอ??” เก่งถามปลายสายไป

    “นี่ ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง พ่อฉันยังโดนสอบสวนอยู่ ไม่กลับมาเลย”

    “บ้าเอ้ย นี่มันบ้ากันใหญ่แล้ว!!”

    “สงบสติอารมณ์เถอะ มันคงจบแล้วหล่ะ”

    “กูรักมึงมากนะศรี ทำไมทำกับกูแบบนี้??” เก่งถามไป

    “นี่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็อยู่คนเดียวไปเถอะ คนๆเดียวจะไปอะไรนักหนา??”

    “ระยำเอ้ย คิดจะตีจากกูเหรอ ได้ ถ้างั้นมึงก็ไม่ต้องกลับมาอีก!!” เก่งพูดอย่างเกรี้ยวกราด

    “เอาเถอะ ฉันว่านายคงอยู่ได้อีกไม่นานหรอก แค่นี้นะ!!” หญิงสาวของเขาพูดอย่างไม่มีเยื่อใย จากนั้นก็ตัดสายไป ทำเอาเก่งทิ้งกับเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้งในทันที

    “ไอ้ระยำเอ้ย กูจะฆ่ามึง!!” เก่งตะโกนขึ้นมากลางห้อง และในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูมาจากด้านหน้า ทำเอาเก่งถึงกับตะโกนออกไป

    “อย่ามายุ่งกับกู!!”

    ในตอนนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ซึ่งน้องสาวเป็นคนเปิดประตูนั่นเอง จากนั้นเธอก็ไปพูดกับพี่ชายในทันที

    “นี่พี่ เป็นบ้าอะไรของพี่เนี่ย??”

    “อย่ามายุ่งกับฉัน เงียบไปเลย ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!!” เก่งตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

    “หนูรู้นะว่าพี่กำลังเล่นเกมอะไรอยู่ หยุดเถอะพี่ หยุดตอนนี้ยังไม่สายนะคะ!!”

    “มึงไม่ต้องมายุ่ง มึงไม่รู้หรอกว่ากูโดนอะไรมาบ้าง กูไม่หยุดแค่นี้หรอก ไม่ต้องมายุ่ง” เก่งพูดขึ้น

    “คนที่พี่กำลังจะทำเขา เขาอาจจะมาเล่นงานพี่ซักวัน”

    “นี่ ถ้ามันมา ฉันจะฆ่ามันด้วยมือฉันเอง ฉันจะเอาคนไปสู้กับมันเอง” เก่งพูดขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปหยิบปืนพกของเขาที่เขาเคยซื้อเอาไว้มาในทันที

    “เฮ้อ พี่คิดว่าปืนกระบอกเดียวจะทำอะไรได้งั้นเหรอ??” น้องสาวของเขาถามไป

    “แล้วยังไง ฉันยอมตาย แต่ฉันจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีหรอก” เก่งพูดขึ้น

    “เหรอ พูดอย่างกับพี่รู้จักความตายนั่นแหละ ถ้างั้นหนูจะไม่ยุ่งด้วยแล้ว พี่อยากทำอะไรก็ทำเลย ถ้าพ่อแม่รู้ รับรองว่าพี่ตายแน่ๆ” น้องสาวของเขาพูดขึ้น จากนั้นก็เดินหัวเสียออกจากห้องไปในทันที

    “ออกไปให้หมด ไม่ต้องมาห้ามกู!!” เก่งตะโกนออกไป จากนั้นบรรดาคนใช้ในบ้านก็พากันทยอยออกไปในทันที เหลือแต่ตัวเก่งที่ยืนถือปืนอยู่ในห้องคนเดียว

     

    กลับมาที่ห้องของนาคร ประมาณ 4 ทุ่มได้ นาครนอนอยู่บนเตียงของเขาโดยที่ซีอาร่าก็นอนข้างๆโดยไม่ใส่เสื้อผ้าด้วย ในตอนนั้นนาครตื่นขึ้นมาดูคอมของเขาเนื่องจาดว่ามีการแจ้งเตือนเกิดขึ้น 

    “Vegus : เฮ้ย ทำอะไรอยู่วะ ตั้มหญิงอยู่หรือไงพวก??”

    “นาคร : ก็นิดหน่อยหว่ะ มีอะไรวะ??”

    “Vegus : เจ้ทโด้ว ในที่สุดพระเอกของเราก็มีนางเอกแล้ว ขอโทษที่รบกวนหว่ะ แต่ว่ากำลังจะมีแขกคนหนึ่งกำลังมาหามึงหว่ะ มันบอกมันอยากจะวัดกับแก ฉันส่งที่อยู่แกไปให้มัน”

    “นาคร : ห่ะ ใครวะ มาดีมาร้าย??”

    “Vegus : ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเตรียมของให้พร้อมแล้วกัน ไอ้บ้านี่แม่งเอาจริงซะด้วย”

    “นาคร : เออๆ แล้วมึงหล่ะจะเอายังไงต่อ??”

    “Vegus : ของฉันก็มีเกมต้องเล่นเหมือนกัน ถ้าจบเกมแล้วเดี๋ยวจะติดต่อมาแล้วกัน”

    “นาคร : ได้ๆ ถ้างั้นฉันจะติดต่อพี่ที่โรงแรมเอง ไม่ต้องห่วง!!” 

    “Vegus : เจอกันหลังเกมจบนะเว้ย!!”

    Vegus ออกจากการสนทนา!!

    และที่หน้าโรงแรม รถคันหนึ่งก็มาจอดที่ด้านหน้า จากนั้นชายหน้ากากขาวคนหนึ่งก็ลงจากรถ ซึ่งนั่นก็คือเซเฟอร์นั่นเอง ตัวเขาเดินมาพร้อมกับปืนกลกระบอกหนึ่ง เดินเข้ามาหาพนักงานต้อนรับ จากนั้นก็เล็งปืนไปที่เธอ

    “มันอยู่ที่ไหน??” เซเฟอร์ถามไป

    “เขากำลังรอแกอยู่พอดีเลย เดินเข้าไปด้านใน มีห้องใต้ดินอยู่ ไปได้เลย อย่าตายก่อนหล่ะ” พนักงานต้อนรับพูดขึ้น จากนั้นเซเฟอร์ก็เดินหน้าเข้าไปในห้องใต้ดินนั้นในทันที ซึ่งดูเหมือนว่างานนี้เซเฟอร์จะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว

    =============================================================

    การต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงอย่างไร อย่าลืมติดตามชมต่อในตอนหน้าจ้า

    หยุดยาว 4 วัน เย้ๆ

    ยังไงก็ขอคนละเม้นท์ด้วยเน้อ

    https://www.youtube.com/channel/UCEzIY9j4fuPDx4Ofz8U0Fig?view_as=subscriber ซับแนลหนูด้วย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×