ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #52 : [MidoFuri] 海

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.03K
      44
      10 ต.ค. 57

    Title :

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Midorima x Furihata

    Notes : shiko : อันดับ 3 ของการโหวตรอบที่สองมาแล้วจ้า!!!

    มิโดริมะ : ตาฉันแล้วสินะ?

    shiko : จ้า...แล้ววันนี้ไม่พกอะไรมาเหรอ?

    มิโดริมะ : พกมาแล้ว...ลักกี้ไอเทมวันนี้คือโทรศัพท์มือถิอน่ะ

    Shiko : ถึงว่า...ก็ไม่คิดหรอกนะว่านายจะไม่พกมา...

    มิโดริมะ : แน่นอน ลักกี้ไอเทมนี่ขาดไม่ได้หรอก...

    Shiko : ไม่ต้องพูดอย่างภูมิใจนักก็ได้...เอาเถอะ นายลงฟิคไปได้แล้ว (โดดถีบ เนื่องจากไม่ได้คนมานานแล้ว)

    มิโดริมะ : !!! (โวยวายออกมาไปเป็นภาษาระหว่างตกลงไป)

    ................................................................

     

    "เฮ้ย!!! มิโดริมะ!!! ทาคาโอะ!!! ทำอะไรอยู่ฟะ!?! รีบมาได้แล้วเฟ้ย!!! รถจะออกแล้ว!!!" คนผมสีน้ำผึ้งในชุดสีส้มของทีมบาสชูโตกุยืนตะโกนแว๊ดเสียงดังจนทำให้คนในทีมผวาเล่นอยู่ที่ข้างๆ รถบัสที่พวกตนต้องใช้ไปยังค่ายเก็บตัวและต้องไปอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดารห์

    "มาแล้วคร้าบบบบ" ร่างคนที่ตัวเล็กสุดในทีมวิ่งกระหืบกระหอบมาพร้อมกับลาแคู่หูผมเขียวของตนที่แบกเป้ใบ...ใหญ่มากไว้บนบ่ามาด้วย "ขอโทษครับ พอดีชินจังและซื้อของระหว่างทางน่ะ..."

    "ใช่ที่ไหน...นายตื่นสายต่างหาก ฉันไปยืนรอหน้าบ้านนายเกือบชั่วโมง จนแม่นายบอกให้ฉันไปปลุกนายเองนั้นแหละ..." คนผมเขียวเอ่ยแทรกคำพูดของทาคาโอะอย่างทันทวนที

    "ง่ะ! ชินจัง! ช่วยกันหน่อยไม่ได้เหรอ!?" ทาคาโอะแยกเขี้ยวใส่เพื่อนที่ไม่ช่วยตนเลยสักนิด

    "โว้ย!!! เลิกเถียงกันแล้วรีบขึ้นรถไปเลย!!! ถ้ายังช้าอีกพ่อเชือดทิ้งทั้งคู่ซะนิ!!!" มิยาจิเริ่มหักไม้หักมือบ่งบอกเจ้าตัวจะทำจริงตามที่พูด...และไม่ต้องรอให้ย้ำอีกรอบ ตัวจริงปีหนึ่งทั้งสองก็แว่บขึ้นรถด้วยความเร็วแสงทันใด มิยาจิส่ายหน้าปลงๆ กับรุ่นน้องสองตัว (?) นี้ของตนก่อนที่จะขึ้นเดินรถไปด้วยอีกคน

    "เอ้า!!! ออกรถได้แล้วครับ!!!" โอสึโบะที่เห็นว่าคนมาครบแล้วจึงบอกกับคนขับ ลุงคนขับก็พยักหน้าให้ก่อนที่รถจะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากที่

    "นี่มิโดริมะ...นายเอาอะไรมาเยอะแยะเนี่ย?" คิมุระที่นั่งเบาะข้างมิยาจิหันไปถามรุ่นน้องผมเขียวที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังตน

    "นั้นสิ...เอามายังกะจะไปอยู่สักเดือนงั้นแหละ" มิยาจิที่หันไปมองกระเป๋าของรุ่นน้องตนก็อดคิดอย่างนี้ไม่ได้

    "ชินจังเอาอะไรมาอ่ะ? อย่าบอกนะว่า...ในกระเป๋านั้นคือลักกี้ไอเทมล้วนๆ น่ะ?" ทาคาโอะมองกระเป๋าที่เห็นแล้วเสียวว่าคนแบกกระเป๋านี้จะหลังหักจริงๆ

    "ก็ใช่น่ะสิ" มิโดริมะตอบนิ่งๆ ในมือถือตุ๊กตากบเจ้าเก่าเจ้าเดิมเอาไว้

    "นายใส่มากี่อย่างฟะเนี่ย!?" มิยาจิอดนึกไม่ได้ว่าถ้ารุ่นน้องเอาทานุกิยักษ์มาเขาควรทำยังไงที่จะห้ามใจไม่ให้ทุบทิ้งดีเนี่ย?

    "ราวๆ สามสิบอย่างครับ..." มิโดริมะตอบ

    "มาอยู่แค่สัปดาห์เดียวนะเฟ้ย! นายจะเอามาทำไมตั้งสามสิบอย่างฟะ!?" คิมุระเริ่มไมเกรนขึ้นกับรุ่นน้องคนนี้ชอบกล

    "เพื่อไว้ก่อนน่ะครับ..." มิโดริมะทำหน้าประมาณว่า 'นี้เอามาน้อยสุดๆ แล้วนะ' ส่งไปให้คิมุระ

    "คราวนี้ไม่ได้ดูรายการทำนายล่วงหน้ามาเหรอ? ชินจัง..." ทาคาโอะจำได้ว่าคราวก่อนที่พวกเขาไปเข้าค่ายเก็บตัวอีกฝ่ายก็ไม่ได้เอาของมาเยอะขนาดนี้ เห็นบอกว่าตอนนั้นดูรายการทำนายดวงล่วงหน้านิ? แต่ไหงคราวนี้กลับ...ตกลงนี้คู่หูเขาตัวจริงหรือเปล่าฟะเนี่ย?

    "เน็ตที่บ้านเจ๊งพอดีเลยเปิดดูไม่ได้น่ะ" มิโดริมะไขข้อสงสัยให้ทาคาโอะ

    "โอเค...พอเข้าใจล่ะ..." ทาคาโอะพอเดาได้เลยว่าพอเน็ตเจ๊งดูรายการดูดวงล่วงหน้าไม่ได้รายนี้ตอนแรกคงจะคิดขนมามากกว่านี้แน่ แต่ติดว่ากลัวโดนมิยาจิซังเห็นแล้วเส้นกระตุกเอาลักกี้ไอเทมทั้งหมดไปเผาล่ะก็นะ

    หลังจากคุยเรื่องกระเป๋าของมิโดริมะจบ เหล่านักบาสทีมชูโตกุก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งถึงยามเย็นเมื่อรถบัสได้มาจอดยังที่หมาย...

    "ว้าว!!! ทะเลๆๆ!!! สวยซะมัด!!! เนอะชินจัง!!!" ทาคาโอะดูดี๊ด๊าก้บบรรยากาศทะเลที่ดูสวยงามมาก...แต่น่าแปลกทั้งที่ทะเลสวยขนาดนี้ทำไมไม่มีคนมาเลยล่ะ? ถึงมันจะค่ำแล้วก็เถอะ ปกติก็น่าจะมีคนบ้างไม่ใช่ว่างเปล่าสนิกแบบนี้

    "ก็คงงั้นแหละ" มิโดริมะที่ไม่สนใจบรรยากาศและกลิ่นอายของท้องทะเลตอบเพื่อนตนไปอย่างปัดๆ

    "ทาคาโอะอย่ามัวแต่ชมทะเล เราควรไปที่พักได้แล้ว..." โอสึโบะเรียกลูกทีมตนที่ดูท่าหลายๆ คนเห็นทะเลแล้วอยากลงเล่นเสียเหลือเกิน

    "ช่างพวกนั้นเถอะ...ถ้าใครไม่ตามมาก็ทิ้งมันไว้นี่เลย..." มิยาจิพูดแบบทีเล่นทีจริง แต่เหล่ารุ่นน้อง (อาจมีรุ่นเดียวกันด้วย) กลับคิดว่ามิยาจิพูดจริงเลยรีบมากระจุดรวมตัวกับพวกคนในทีมตนทันควัน

    "มิยาจิ...ฉันว่านายควรโหดกับคนอื่นน้อยลงหน่อยนะ...ฉันว่าพวกนี้ชักแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนนายพูดจริงอันไหนนายพูดเล่นน่ะ" คิมุระรู้สึกว่าบางทีเพื่อนเขาอาจกลายเป็นเรื่องสยอง (?) ให้คนเขาเล่ากันเล่นไปแล้วก็ได้

    "จะพยายามแล้วกัน" มิยาจิตอบอย่างไม่เต็มปากนัก จริงอยู่ว่าเขาควรลดนิสัยนี้ลงบ้างแต่คงทำไมได้ง่ายๆ หรอก

    คิมุระก็หยักไหล่อย่างรู้ๆ กันอยู่ว่ามิยาจิทำตามที่เขาบอกไม่ได้แน่ 100% เพราะเขาเคยลองพูดกรอดหูและมิยาจิก็ตอบกลับแบบนี้หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม แถมดีกรีความโหดและซึน (?) ก็เพิ่มตามอายุอีก

    หลังจากที่ทุกคนมารวมตัวกันครบแล้วแน่นอน พวกทีมชุโตกุพากันเดินไปยังที่พักที่จองเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งห่างจากจุดที่พวกเขาลงรถไม่มากนัก

    หลังจากที่เซ็กอินแล้วเหล่านักบาสก็พากันอาบน้ำ กินข้าว และก็นอนกันอย่างรวดเร็วเพราะรู้ว่าการซ้อมหฤโหดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นชารต์พลังงานไว้แต่เนินๆ ดีกว่า

     

     

     

     

     

    เช้าวันต่อมาหลังจากที่แต่งตัวและทานข้าวเช้ากันเสร็จแล้ว พวกชูโตกุก็พากันซ้อมทันทีโดยเริ่มจากการวิ่งในเมืองก่อน...

    ...ที่จริงการซ้อมวิ่งในเมืองเป็นกลุ่มใหญ่แบบนี้ออกจะเป็นจุดเด่นไปหน่อย แต่ด้วยสาเหตุที่ว่าครั้งนี้มิยาจิเป็นคนช่วยโค้ชในเรื่องฝึกแทนที่จะเป็นโอสึโบะแบบทุกทีเลยโวยอะไรไม่ได้...ดูท่ามิยาจิมีผลต่อทุกคนในทีมด้านความโหด (ยกเว้นกับคนที่สนิกหน่อย) ได้อย่างน่ากลัวเลย

    "ดีจังน้าาาา คนหนุ่มๆ เนี่ย...วิ่งกันรอบเมืองได้สบายแบบนี้..." ชายชราคนหนึ่งที่นั่งมองพวกซูโตกุวิ่งมาแต่ไกลพูดขึ้น "...ดื่มน้ำกันหน่อยไหมพ่อหนุ่ม?"

    "ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ" ทุกคนปฏิเสธความหวังของชายชราอย่างสุภาพ เพราะตอนนี้ ถ้าดื่มน้ำเข้าไปล่ะก็ตอนวิ่งต่อได้มีจุกกันแน่...ก็เดี๋ยวพวกเขาต้องวิ่งไปตรงแถวป่าด้วยนิ

    "งั้นเหรอ..." ชายชรามองพวกชูโตกุตาแป๋ว "...ว่าแต่พวกพ่อหนุ่มเป็นนักกีฬาสินะ? เล่นอะไรกันล่ะ?"

    "บาสเก็ตบอลครับ ปู่" ทาคาโอะที่โดนคนปิดแทบมิดโผล่หน้าออกมาตอบ

    "ฮาๆ ก็ดูเหมาะกับพวกคนตัวสูงๆ แบบนี้อ่ะนะ...ว่าแต่สำหรับเธอไม่ตัวเล็กไปหน่อยเหรอ?" ชายชราชี้ที่ทาคาโอะอย่างเจาะจง

    "wwwอย่างผมเนี่ยต่อให้ตัวเล็กอย่างนี้ก็ยังแจ๋วอยู่นะครับ" ทาคาโอะตอบกลับไปอย่างร่าเริง ถึงจะแอบเจ็บนิดๆ ตรงโดนว่าตัวเล็กก็เถอะ...

    "ทาคาโอะ! รักษามารยาทหน่อย!" มิยาจิดุรุ่นน้องตน

    "ไม่เป็นไรหรอกพ่อหนุ่มเอ๋ย...ร่าเริงแบบนี้สิดี" ชายชรามองทาคาโอะที่ทันทีที่คนผมสีน้ำผึ้งอ้าปากก็แว่บไปหลบหลังคนผมเขียวเสียแล้วด้วยความขบขำ

    "ผมว่าอย่างหมอนี่เรียกร้นดีกว่านะครับ" มิโดริมะดันแว่นตนเองเข้าที่

    "ชินจังอ่ะ!" ทาคาโอะโวยใส่คู่หูตนเล็กน้อย ก่อนที่จะหันไปถามในเรื่องที่เขาสงสัยมาตั้งแต่เมื่อวานกับชายชรา... "นี่ปู่...รู้หรือเปล่าว่าแถวๆ ทะเลทำไมดูไม่ค่อยมีคนเลยอ่ะครับ?"

    ตอนนี้จากจุดที่พวกเขายืนอยู่ก็ยังคงสามารถเห็นทะเลได้อยู่ แต่ในช่วงเช้าอากาศดีแบบนี้กลับไม่มีใครเดินเข้าไปใกล้ทะเลเลยสักคน แม้แต่ชาวประมงก็ยังพยายามไม่ให้ตนตกลงไปในน้ำแม้แต่นิดเดียว ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก

    "อ๋อ นั้นน่ะเหรอ?" ชายชราเริ่มทำหน้าเครียดขึ้นมาเล็กน้อย "ก็ช่วงนี้มีคนเล่นน้ำทะเลแล้วจมน้ำหายไปกันเยอะ จนถึงตอนนี้ยังพบศพแค่ไม่กี่คนเอง ที่เหลือยังไม่พบแม้แต่ซากเล็กๆ เลย ทุกคนเลยคิดว่าอาจโดนพวกภูต ผี ปีศาจลากไปกินก็ได้...พวกเธอก็อย่าไปเล่นน้ำทะเลเข้าล่ะ ไม่งั้นหาศพไม่เจออีกแน่"

    "พวกผมไม่ลงทะเลกันหรอกครับ...แค่ฝึกเสร็จเจ้าพวกนี้ก็แทบไปพบพญายมแล้วครับ ไม่มีเวลาไปเล่นหรอก" โอสึโบะตอบชายชรา โดยที่ทั้งทีมก็พยักหน้ายืนยันคำของกัปตันทีมตน...

    ...ใช่...ได้ตายจริงๆ แน่...ถ้ามิยาจิ (ซัง) เป็นคนตั้งโปรแกรมซ้อมเนี่ย!!!...

    "งั้นก็ดีแล้วล่ะ..." สีหน้าชายชราเริ่มคลายความกังวลลง "...ว่าแต่...ไหงพ่อหนุ่มผมเขียวไหงห้อยถุงกันน้ำไว้น่ะ? อย่าบอกนะว่ากะแอบไปเล่นน้ำน่ะ..."

    "หือ? นี่น่ะเหรอครับ?" มิโดริมะชี้ที่ถุงกันน้ำสีเหลืองสำหรับคนที่อยากเอามือถือติดตัวตอนเล่นน้ำในสระหรือทะเลไว้ที่คอของตน

    "ก็ใช่น่ะสิพ่อหนุ่ม" ชายชราตอบด้วยสีหน้าประมาณว่า 'ทั้งตัวห้อยอยู่อันเดียวจะมีอย่างอื่นไหมล่ะ?'

    "นี่ลักกี้ไอเทมในวันนี้ครับ" มิโดริมะตอบตามสไตทร์ตนเอง

    "ห๊า?!" ชายชราเงิบไปหน่อยนึง

    "อย่างที่เห็น...หมอนี่บ้าดวงสุดๆ ครับ ไม่ต้องห่วงอะไรมันหรอกครับและไอ้นี่ไม่มีทางไปแอบเล่นน้ำเป็นเด็กๆ แน่" มิยาจิเห็นชายชราที่ดูเงิบกับรุ่นน้องตน ก็เริ่มปลงกับรุ่นน้องคนนี้จริงๆ ...เมื่อไหร่มันจะเลิกเอาของแบบนี้ติดตัวฟะ!? ยังดีที่วันนี้เป็นแค่ของธรรมดาไม่ใช่ของประหลาดๆ ทั้งหลายแหลยของมัน "...ถ้าจะห่วง ห่วงไอ้เหม่งนี้ดีกว่าครับ...ยิ่งชอบเล่นอะไรแผลงๆ อยู่"

    "ง่ะ! ไหงว่างั้นล่ะครับ!? มิยาจิซัง! ...อีกอย่างผมไม่ได้เหม่งซักหน่อย" ทาคาโอะเอามือปิดหน้าผากตนไว้

    "มิยาจิอย่าไปแกล้งทาคาโอะมันสิ" คิมุระมองเพื่อนตนที่กำลังแกล้งรุ่นน้องผู้ความซวยชอบวิ่งเข้าหา (?) ของตนอยู่ "พวกผมไปก่อนนะครับคุณปู่...เดี๋ยวมีซ้อมอีกเยอะ...เยอะแทบชวนกระอักด้วย"

    "อื้ม...ไปดีมาดีนะ" ชายชราโบกมือน้อยๆ ให้กับโอสึโบะที่สั่งให้ลูกทีมไปวิ่งต่อในฐานะกัปตันทีม เสียแต่ไม่มีใครฟังจนมิยาจิเป็นคนไล่แทน...คราวนี้วิ่งกันแบบแทบไม่เห็นฟุ่นกันทีเดียว แสดงให้เห็นว่าความน่าเชื่อถือ (โหด) ต่างกันในระดับไหน

     

     

     

     

     

    "นี่ชินจัง...คิดว่าที่ปู่เขาพูดน่ะ...เรื่องจริงอ่ะเปล่า?" ทาคาโอะที่วิ่งข้างๆ มิโดริมะถามขึ้นมา

    ในตอนนี้เหล่านักบาสทีมซูโตกุวิ่งมาถึงในป่าทึบซึ่งเป็นภูเขาเตี๊ยๆ ที่อยู่ใกล้กับทะเล...เป็นจุดที่บรรยากาศดีเชียวล่ะ เสียแต่การฝึกวิ่งในที่แบบนี้มันโหดไปหน่อย

    "ถ้าเอาตามความคิดฉัน คิดว่าไม่..." มิโดริมะวิ่งอย่างเป็นจังหวะเหมาะสมและดูไม่เหนื่อยมากจากการฝึกเท่าไหร่ เพราตอนสมัยมัธยมต้นที่อาคาชิเป็นกัปตันทีม...โหดกว่านี้เยอะ "...แต่ก็อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้"

    "ตอบสมเป็นชินจังจริง" ทาคาโอะเอ่ยร่าก่อนที่จะ...สะดุดหินล้ม =_=

    "ตายยัง? ทาคาโอะ?" มิโดริมะที่เห็นร่างคนตัวเล็กกว่านอนนิ่งสนิก เลยเอาเท้าเขี่ยๆ ดู

    "ยัง...แต่อย่าเอาเท้าเขี่ยกันได้ไหมเนี่ย? ชินจัง" ทาคาโอะลุกขึ้นมาพร้อมปัดฟุ่นออกจากตนเอง และ...ลากมิโดริมะวิ่งทันทีเมื่อนัยน์เหยี่ยวเหลือบเห็นบางอย่างเข้า

    "เฮ้ย! ไหงวิ่งแซงไปอย่างนั้นฟะ!? ทาคาโอะ!?" มิยาจิที่เห็นทาคาโอะวิ่งนำกลุ่มแทนโอสึโบะถาม

    "นายลากฉันวิ่งทำไมเนี่ย!?" มิโดริมะถามเมื่อถูกลากวิ่งมาดื้อๆ

    "เผ่นกันเร็วคร้าบบบ!!! พวกต่อมากันแล้วววว!!!" ทาคาโอะตะโกนลั่น

    "ห๊า!?!" ทุกคนงงกับคำของทาคาโอะ และเมื่อมองไปด้านหลังตน...ก็ได้คำตอบเมื่อเห็นตัวต่อฝูงใหญ่บินไล่หลังมา...

    ...ทุกคนก็ไม่รอช้า...ใส่เกียรแมววิ่งกันสิครับ! จะอยู่ทำไมล่ะ!!!

    "แกทำอีท่าไหนทำให้ต่อมันบินไล่ฟะ!?!" มิยาจิแยกเขี้ยวใส่ขณะที่ตอนนี้วิ่งหนีกันเต็มฝีเท้า

    "สะดุดล้มแล้วมือไปฟาดโดนรังต่อดินครับ!!!" ทาคาโอะตอบขณะที่สายตากวาดหาทางหนีที่พวกต่อไม่น่าจะตามไปได้ (มันมีด้วยเหรอ? นอกจากดำน้ำหนีน่ะ... // s) "มิยาจิซัง!!! พอมีอะไรไล่ต่อได้บ้างครับ!?!"

    "ไม่มีเฟ้ย!!!" มิยาจิตอบทันที

    "มิยาจิ!!! ทาคาโอะ!!! มิโดริมะ!!! ทางนี้!!!" โอสึโบะตะโกนเรียก ในมือถือคบเพลิงที่หามาจากไหนไม่รู้มารมควันตนเองกันต่อเข้าหาอยู่

    เด็กหนุ่มทั้งสามรีบวิ่งทำสถิติโลกเข้าหาโอสึโบะทันที...เมื่อทุกคนถูกปกคลุมด้วยควันไฟพวกตัวต่อก็ไม่เข้าหาและบินกลับรังของตน

    "ให้ตายเถอะ...เกือบแย่ซะแล้ว..." มิยาจินอนแผ่กับพื้นขณะที่โอสึโบะดับคบเพลิงในมือลง "...ว่าแต่นายเอาคบเพลิงมาจากไหน?"

    "เห็นมันวางกองๆ อยู่แถวๆ ริมผานี่น่ะ...แถมยังถูกวางไว้นานจนฟุ่นจับแล้วด้วย" โอสึโบะตอบ

    "โชคดีที่โอสึโบะซังมาช่วยทันนะเนี่ย เนอะชินจัง..." ทาคาโอะที่สภาพไม่ต่างจากมิยาจินั้นมองคู่หูตนก่อนเบิกตากว้าง "...ชินจัง!!! ออกมาจากตรงนั้นเร็ว!!!"

    "อะ..." มิโดริมะที่ตามสถานการณ์ไม่ทันกำลังจะเอ่ยถามแต่แล้วพื้นดินที่เขากำลังยืนอยู่ก็หลุดร่วงออกมาทั้งแถบลงสู่เบื้องล่างที่เป็นท้องทะเล...

    ...ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ยืนใกล้หน้าผาเลย แต่ไหงมันกลับหักลงทั้งแถบที่เขายืนอยู่ได้เนี่ย!!! ชิโกะ!!! จะแกล้งอะไรก็ให้มีขอบเขตหน่อยเถอะ!!! (เอาน่า...แสดงต่อไปเถอะน่าาา // s)

    ตู้ม!!!

    "มิโดริมะ!!! / ชินจัง!!!" ทุกคนร้องตะโกนเสียงหลงเมื่อเห็นเด็กหนุ่มผมเขียวร่วงลงไปและถูกกลืนหายไปกับท้องทะเล

     

     

     

     

     

    ...หายใจไม่ออก...

    มิโดริมะที่ตกลงมากระแทกน้ำรู้สึกชาไปหมดทั้งตัวจากแรงกระแทกแต่ก็พยายามกระกายขึ้นสู่งพื้นน้ำตามสัณชาตญาญการเอาชีวิตรอด เสียแต่ตอนนี้คลื่นใต้น้ำมันแรงเกินกว่าที่เขาจะสู้ได้ เขานั้นถูกพัดไปพัดมาจนมึนงงไปหมด ตัวเขาเองก็เริ่มที่จะสำลักน้ำเพราะแรงกระแทกต่างๆ ที่ประดาเข้ามา และสักพักใหญ่ๆ เขาก็หลุดออกจากคลื่นใต้น้ำมาได้

    แต่บัดนี้เขาที่ไม่มีแรงพอที่จะว่ายขึ้นไปสู่พื้นน้ำเบื้องบนก็ได้แต่มองแสงอันสวยงามที่ส่องมาจากบนพื้นน้ำเท่านั้น

    ...นี่เขา...กำลังจะตายเหรอ?...

    ความคิดอันสิ้นหวังปรากฏเข้ามาในหัวของมิโดริมะ สติที่มีก็เริ่มที่จะหมดและดวงตาที่เริ่มพร่าเลือนก็เห็น...กลุ่มเส้นไหมสีน้ำตาลลอยอยู่เบือนหน้าเขา

    ...และสติของมิโดริมะ ชินทาโร่ก็ดับลง

     

     

     

     

     

    ...เจ็บ...ปวดหัว...

    ร่างกายที่รู้สึกระบมไปหมดบวกกับอาการมึนศีรษะอย่างหนักปลุกในเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาจากนิทรา...ดวงตาสีเขียวมรกตกระพริบถี่ๆ ก่อนที่จะตวัดมองไปโดยรอบ ซึ่งรอบกายตนในตนนี้มีเพียงพื้นป่าสีเขียวสดเท่านั้น

    เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งอย่างมึนงง สมองพยายามประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้น...ก่อนที่จะนึกออกว่าเขานั้นตกลงไปในทะเลนี่นา แถมยังสำลักน้ำจนไม่มีแรงว่ายขึ้นผิวน้ำอีก...

    ...แล้วเขารอดมาได้ไงกันเนี่ย!?

    "อ้าว? พี่ชายตื่นแล้วเหรอ?" เสียงเล็กๆ ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้มิโดริมะที่ตอนนี้สมองเต็มไปด้วยคำถามหันไปมองยังต้นเสียงและพบร่างของเด็กผู้หญิงอายุราวๆ 5 - 6 ขวบ ในชุดสีมอมๆ แต่ผมสีดำยาวเลยเอวของเด็กหญิงกลับดูเรียบร้อยมากจนน่าแปลก กำลังยื่นผลไม้ให้ตน "พี่ชายกินนี่สิ...อร่อยนะ"

    "ขอบคุณ..." มิโดริมะรับผลไม้จากเด็กหญิงมา "...นี่เธอ...ที่นี่ที่ไหนกัน?"

    "ที่นี่คือเกาะร้างไง" เด็กหญิงตอบอย่างเคยชินราวกับถูกถามคำถามนี้บ่อยๆ

    "แล้วฉันมาอยู่นี้ได้ไงเนี่ย?" มิโดริมะไม่คิดว่าตนจะโชคดีขนาดจมน้ำไปลึกแล้วยังถูกพัดมาติดเกาะได้โดยไม่เป็นศพไปก่อนหรอกนะ

    "คุณพี่ปลาพามาค่ะ" เด็กหญิงตอบ

    "คุณปลา?" มิโดริมะคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจที่เด็กหญิงตรงหน้าเอ่ยออกมา "คุณปลาที่ว่าเนี่ย...มีลักษณะยังไง?"

    "คุณปลาเป็นผู้ชายที่อายุเท่าๆ พี่ชายเนี่ยแหละค่ะ แต่มีช่วงล่างเป็นปลาแถมใจดีมากๆ ด้วยล่ะค่ะ!!!" เด็กหญิงดูท่าจะลันล้าเป็นพิเศษเมื่อเอ่ยถึงคุณปลาที่ว่า

    ...สรุปคือเงือกสินะ...

    มิโดริมะคิดในใจ มือหนาเสยผลที่ชื้นหน่อยๆ ที่ตกมาปรกหน้าขึ้นแถมเกลือที่แห้งติดผมก็ร่วงลงมาพราวเลย "ฉัน...ขอเจอคุณปลาที่เธอว่าหน่อยได้ไหม?"

    "ค่ะ! ได้ค่ะ!" เด็กหญิงตอบพร้อมดึงมือเด็กหนุ่มผมเขียวให้ลุกตาม ซึ่งมิโดริมะก็ลุกขึ้นและให้เด็กหญิงจูงไปอย่างง่ายๆ "พี่ชายนี่แปลกจังนะค่ะ...ปกติเล่าให้คนอื่นๆ ฟัง ทุกคนก็พากันกลัวคุณปลากันหมดเลย...เห็นบอกว่าคุณปลาเป็นปีศาจอีก แย่จริงๆ ทั้งที่คุณปลาช่วยทุกคนไว้แท้ๆ"

    "นอกจากฉันและเธอแล้วยังมี 'คน' อื่นด้วยเหรอ?" มิโดริมะเน้นคำว่าคนเป็นพิเศษเพื่อจะได้รู้ว่าที่เขาถามนับแค่คนปกติเท่านั้น

    "ค่ะ...มีเยอะเลย" เด็กสาวพามิโดริมะมุดโพรงแห่งหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่ผู้ใหญ่สองคนลงไปได้พร้อมๆ กัน "...ลงมาสิค่ะพี่ชาย ทางนี้เป็นทางที่ไปหาคุณปลาได้ง่ายที่สุดค่ะ"

    "อื้ม..." มิโดริมะตอบสั้นๆ ก่อนที่จะก้าวขายาวตามเด็กหญิงลงไป

    ภายในโพรงนี้เป็นถ้ำธรรมชาติที่หาได้ยากยิ่ง ดูจากสภาพคงจะเกิดขึ้นมานานแล้ว กลิ่นอายของธรรมชาติและทะเลผสมกันอย่างลงตัวในที่แห่งนี้...สรุปโดยรวมที่นี้ดูสวย ไม่สิ งดงามมากราวกับภาพวาดเลยทีเดียว

    มิโดริมะกับเด็กหญิงเดินเลาะตามแนวรากไม้ลงไปเรื่อยๆ จนถึง ณ ถ้ำซึ่งอยู่ใต้ชั้นหินลึกมีหินงอกหินย้อกอยู่อย่างงดงาม พื้นหินซึ่งเป็นทางเดินธรรมชาติกองสุมกันเปร่งประกายราวอัญมณี และมีน้ำทะเลซัดเข้ามาเบาๆ ด้วย

    มิโดริมะมองภาพที่เห็นอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจะมีที่ที่สวยแบบนี้ในเกาะร้างโดยที่ไม่มีใครมาค้นพบ...หรือว่าที่นี่ห่างจากลายฝั่งมากจนหากันไม่เจอ?

    ขณะที่มิโดริมะเริ่มคิดหนัก เด็กหญิงก็เดินไปใกล้ที่พื้นทะเลก่อนที่จะป้องปากตะโกน... "คุณปลาค่ะ!!! อยู่ไหมค่ะ!!!"

    "อุ๊ย...เสียงแจ๋วมาก" มิโดริมะตบหูตนอย่างคนมีอาการหูอื้อนิดๆ เมื่อเด็กหญิงตะโกนเสียงดังขนาดเท่ากับคนใช้โทรโข่งเลย สะท้อนดังไปทั่วบริเวณถ้ำ

    "ครับๆ อยู่ครับ...และมิกะจังอย่าตะโกนสิครับ เดี๋ยวหินย้อกก็ร่วงใส่หรอก" เสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้มิโดริมะสะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวจับจ้องไปที่ร่างที่ค่อยๆ โผล่หัวขึ้นมาจากผิวน้ำ...

    ...ร่างที่โผล่ออกมาจากน้ำเป็นผู้ชายอายุเท่าๆ กับเขาอย่างที่เด็กหญิงเคยบอก ดวงหน้าไม่ค่อยเด่นนักแถมดูธรรมดามากอีกต่างหากแต่คนมองกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาด มีผมสีน้ำตาลซอยสั้น...ที่เหมือนกับเส้นไหมที่เขาเห็นก่อนที่จะสลบไปตอนที่จมน้ำ ดวงตาสีน้ำตาลดูใสซื่อจับจ้องที่เด็กหญิงที่เรียกตน ตรงช่วงล่างเป็นหางปลาสีน้ำตาลสวยแทนที่จะเป็นขาแบบคนทั่วไป

    "มิกะพาพี่ชายที่บอกว่าอยากเจอคุณปลามาล่ะค่ะ!" เด็กหญิงพุ่งเข้ากอดเด็กหนุ่มครึ่งปลา โดยที่คนถูกกอดก็พยายามไม่ให้คนกอดเปียกน้ำไปกับตน

    "มิกะจัง...ช่วยเลิกเรียกว่าคุณปลาเถอะ มันฟังแปลกๆ นะ" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลยิ้มแห้งๆ แม้รู้ว่าต่อให้บอกอีกสักกี่ที่เด็กหญิงก็คงยังเรียกเหมือนเดิม เพราะเขาลองมาหลายครั้งแล้ว "ผมชื่อฟุริฮาตะ โคกิต่างหากล่ะครับ จะเรียกฟุริหรือโคกิก็ได้แต่เลิกเรียกผมว่าคุณปลาทีเถอะครับ"

    "ม่ายอ่าาววว จะเรียกคุณปลาอ่ะ..." มิกะพูดอย่างยังไงก็จะเรียกอย่างที่ตนอยากเรียกเท่านั้น "...คุณปลาเลิกเถียงเรื่องนี้เถอะ พี่ชายมีเรื่องจะถามคุณปลาล่ะ เขารอถามคุณปลาตั้งนานแล้วนะ"

    "แล้วคุณ...อยากเจอผม?" ฟุริฮาตะมองอย่างซื่อๆ ปนสงสัย ปกติที่เขาพามานอกจากมิกะที่เขาพามาเป็นคนแรกก็ไม่มีใครกล้ามาหาเขาเลย

    "ใช่...พอดีมีเรื่องจะถามหน่อยน่ะ" มิโดริมะที่เห็นท่าทางซื่อๆ ที่มองมาที่เขาอย่างงงๆ แล้ว...เขาคงต้องลบความน่ากลัวที่เคยได้ยินมากับพวกเงือกออกจาสมองเสียให้หมดแล้วสิ

    "ถามผม?" เงือกหนุ่มทำหน้าเอ๋อๆ "มีอะไรจะถามผมเหรอครับ?"

    "แค่อยากถามอะไรหน่อยน่ะ..." มิโดริมะเอ่ยเสียงเรียบตามปกติหลังตั้งสติตนให้กลับมาเป็นดังปกติได้ "...นาย...ทำไมถึงช่วยฉันล่ะ?"

    ...มันดูแปลกๆ นะ ที่มาช่วยคนที่ไม่ใช่ทั้งคนในพื้นที่และไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลยแบบเขาเนี่ย...

    "เอ๋?" ฟุริฮาตะส่งสีหน้างงงวยออกมาเมื่อได้ยินคำถาม "ก็ต้องช่วยสิ ก็นายกำลังจมน้ำนิ"

    ...ตกลงหมอนี่ซื่อขนาดไหนเนี่ย!?...ต่อให้ไม่ใช่คนแต่ก็มีน้อยนักที่จะช่วยคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผลอย่างนี้เนี่ย...

    มิโดริมะคุมขมับยิ่งฟังที่เงือกตนนี้พูดแล้วไม่รู้ทำไมเขานึกถึงตาแป๋วๆ ของลูกหมาชะมัด...อืม คงทั้งซื่อและน่ารักเหมือนกันมั้ง?...

    ...เอ๋ เดี๋ยว...น่ารัก?...จะบ้าเหรอฟะ!...นี่เขาชมผู้ชายว่าน่ารัก!? กับผู้ชายที่เจอกันครั้งแรกเนี่ยนะ!!! แถมไม่ใช่คนอีกต่างหาก!!!...

    "ที่นี้ห่างจากเมืองนั้นเท่าไหร่เนี่ย?" ถึงในใจมิโดริมะกำลังทะเลาะกับตนเองอยู่ แต่สีหน้าที่แสดงออกมาก็ยังคงเรียบเฉยจนไม่มีใครจับท่าทางผิดปกติได้...แต่ถ้าคนที่สนิกหน่อยล่ะก็ไม่แน่

    "ประมาณ 2 กิโล" เงือกหนุ่มตอบ

    "นายพาฉันมาที่นี้ได้ไงโดยที่ฉันไม่จมน้ำตายก่อนเนี่ย!?" มิโดริมะไม่เข้าใจจริงๆ ถ้าพาเขาว่ายแบบคนปกติใช้ตอนช่วยคนจมน้ำตอนที่พามาก็น่าจะมีคนบนฝั่งเห็นบ้างสิ ไม่ใช่คนเขาบอกว่าหายตัวไปเลยจนเขาคิดว่าถูกปีศาจกินไปแล้ว

    "ก็ว่ายมาโดนสร้างฟองอากาศครอบหัวนายไว้น่ะ" ฟุริฮาตะไม่พูดเปล่ายังสร้างฟองอากาศหลากสีให้ล่องลอยไปทั่วถ้ำอีกด้วย

    "พวกเงือกทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?" มิโดริมะมองฟองอากาศที่ลอยผ่านหน้าตน

    "ได้สิ...ส่วนใหญ่ถ้าเกี่ยวกับสิ่งที่มีได้ในน้ำก็ทำได้หมดแหละ"

    ...อืม เหมือนเวทมนต์ดีแฮะ...

    "ว่าแต่...แล้วนายทำไมไม่พากลับเข้าฝั่งเลยล่ะ? พามาที่นี้ให้คนเขาเอาไปลือกันทำไมเนี่ย?" มิโดริมะคิดว่าถ้านำพวกเขากลับเขาฝั่งเลยน่าจะง่ายกว่าเยอะแถมใกล้กว่าด้วย

    "เพราะช่วงนี้ไม่รู้ทำไมมีคลื่นวนกับคลื่นใต้น้ำปรากฏขึ้นเยอะตรงบริเวณรอบๆ ชายฝั่งของเมืองน่ะ แถมคลื่นยังแรงมากจนฉันว่ายฝ่าไปไม่ได้ด้วย ก็เลยต้องพามาเกาะนี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดแทน..." ฟุริฮาตะตอบพร้อมกระซิบเบาๆ ให้มิกะปล่อยตนได้แล้ว เพราะเริ่มที่จะเหน็บกิน "...จนกว่าคลื่นจะสงบลงก็คงอีกประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์นั้นแหละ ฉันถึงจะว่ายไปตามเรือมารับได้"

    "นายบอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับสิ่งที่มีในน้ำทำได้หมดนิ? ทำไมไม่ทำให้คลื่นสงบล่ะ?" มิโดริมะเริ่มนั่งลงกับพื้นเพราะยืนนานๆ แล้วมันเมื่อย

    "ถ้าให้สร้างน่ะได้อยู่ แต่ให้ทำลายสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมันทำไม่ได้หรอก" เงือกหนุ่มตอบ หางปลาสะบัดขึ้นลงเล่นคล้ายแก้เซ็ง

    ...อืม จริงแฮะ ถ้าได้ขนานทำลายสิ่งที่ธรรมชาติทำให้เกิดขึ้นได้คงน่ากลัวพิลึก...

    "นายไม่คิดบ้างเหรอว่าอาจจะมีเรือขับผ่านมาก็ได้น่ะ?" มิโดริมะถาม...อย่าบอกนะว่านายลืมคิดไปในข้อนี้?

    "ไม่มีทางหรอก" เงือกหนุ่มส่ายหัว "ที่นี่เป็นเกาะที่ชาวบ้านเขาเชื่อว่าเป็นเกาะผีสิงน่ะ เลยไม่มีใครกล้าขับเรือเข้ามาใกล้หรอก"

    ...โอเค เข้าใจล่ะ...

    "แล้วนายจะไปตามเรืออีท่าไหนเนี่ย?" มิโดริมะไม่คิดหรอกนะว่าถ้าไปตามคนในสภาพเงือกแบบนี้คนจะไม่แตกตื่นน่ะ

    "ก็ไปขอเช่าเรือขับมารับไง" ฟุริฮาตะตอบอย่างซื่อๆ

    "ห๊า!?" มิโดริมะแทบหลุดมาด...ให้ตายเถอะ เงือกขับเรือเป็นด้วยวุ้ย "แล้วตอนนายไปเช่าเรือเขาไม่แตกตื่นกันเหรอ!?"

    "จะแตกตื่นอะไรล่ะ ในเมื่อฉันเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้นิ" ฟุริฮาตะเอียงคอมอง

    "..." อึ้งกินครับ...ไม่รู้จะพูดไงเลย...เขาคิดมาตลอดว่าเงือกอยู่ได้แต่ในน้ำเสียอีก... "...ปกติเงือกเปลี่ยนร่างได้ด้วยเหรอ?"

    "ถ้าปกติไม่..." ฟุริฮาตะจ้องที่ใบหน้าคมที่เริ่มคิ้วขมวดเป็นปมยากที่จะแกะออก

    "ถ้างั้นเหรอ? แปลว่านายก็ถือว่าไม่ปกติสิ?" มิโดริมะมองอีกฝ่าย...อืม อาจไม่ปกติจริงๆ แฮะ ยังไงคงไม่มีเงือกโลกไหนมาคุยกับคนแปลกหน้าอย่างซื่อๆ แบบนี้หรอก แต่จะว่าหมอนี่ไม่ปกติก็ไม่ได้แฮะในเมื่อเขาก็ห่างจากคำว่าปกติไปเป็นกิโลแล้ว

    "จะว่างั้นก็ได้มั้ง..." ฟุริฮาตะตอบ "...ที่จริงฉันเป็นเงือกแค่ครึ่งเดียวน่ะ"

    "ครึ่งเดียว?" มิโดริมะทวนคำ

    "อืม ครึ่งเดียว...ฉันเป็นครึ่งระหว่างเงือกกับมนุษย์..." ฟุริฮาตะยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา จนมิโดริมะเริ่มคิดแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นพวกไม่คิดอะไรมากหรือเป็นพวกไม่คิดอะไรเลยกันแน่

    "นายเป็นครึ่งเงือกแค่คนเดียวเหรอ?" มิโดริมะถามกลับ...ที่จริงตอนนี้เขาเริ่มสงสัยตนเองแล้วว่าทำไมตนถึงถามนานได้ขนาดนี้? ทั้งที่ปกติถ้าได้คำตอบที่ต้องการแล้วก็น่าจะนิ่งเงียบตามปกติ ยิ่งกับคนไม่คุ้นเคยด้วยแล้วยิ่งแล้วใหญ่...แต่ทำไมคราวนี้ไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ? ไม่เข้าใจตนเองจริงๆ ...

    "เปล่าหรอก แค่ยังเหลือที่ยังอยู่ในทะเลไม่กี่คนเท่านั้นเอง" ฟุริฮาตะเอื้อมมือไปลูบหัวมิกะที่ฟังนานจนหลับอยู่กับพื้นหินไปเสียแล้วเบาๆ

    "ที่เหลือในทะเล? แล้วหายไปไหนกันหมดล่ะ?" มิโดริมะยังคงตามต่อไปทั้งที่ในใจเริ่มที่จะสับสนในตนเองเสียเลี้ยว เอ้ย! เสียแล้ว

    "ส่วนใหญ่จะเข้าเมืองไปเรียนไปทำงานกันน่ะ เพราะเบื่อกับการอยู่ในทะเลอย่างเดียวเลยออกไปกันหมดเลย" ฟุริฮาตะส่ายหางไปมาในน้ำ

    "แล้วนายไม่ไปกับเขาหรือไง?" มิโดริมะมองคนที่สะบัดหางในน้ำ...เห็นแล้วนึกถึงหมาตัวเล็กๆ อย่างชิวาว่าหรืออะไรพวกนี้ชอบกล

    "ไม่ล่ะ...อย่างฉันดูท่าจะเรียนไปไม่รอดสักเท่าไหร่" ฟุริฮาตะปฏิเสธ "อีกอย่างถ้าฉันไปแล้วเกิดมีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกจะทำไงล่ะ?"

    "...ห่วงคนอื่นมากไปไหม?" มิโดริมะเริ่มนึกถึงคนหัวเหลืองๆ ที่ชอบห่วงคนอื่นจนมีเรื่องตามมาเป็นขบวนชะมัด

    "เอ๋?" ฟุริฮาตะมองคนผมเขียวลุกขึ้นและเดินมาใกล้ๆ ตน ก่อนที่จะ...

    เป๊าะ!

    ดีดมะกอกกลางหน้าผากเงือกหนุ่มจนเป็นรอยแดงปื้นขึ้นมาอย่างเด่นชัด

    "เจ็บนะ! ดีดกันทำไมอ่ะ!?" ฟุริฮาตะเอามือกุ่มหน้าผากด้วยน้ำตาปริ่ม ส่วนคนที่กระทำก็ทำหน้าตายอย่างไม่รู้สึกรู้สา

    "ก็ฟังที่นายพูดแล้วมันหงุดหงิดนิ..." มิโดริมะเริ่มนั่งลงใกล้ๆ พร้อมคว้าคออีกฝ่ายไว้กันดำน้ำหนีไปเสียก่อน "...รู้ไหมว่าการใจดีมากไปเนี่ยใช่ว่าดีเสมอไป นายเล่นบอกอะไรต่างๆ ให้คนไม่รู้จักฟังง่ายๆ เนี่ย ไม่รู้หรือไงว่าอันตรายแค่ไหน! ถ้าฉันจะจับนายไปขายคงโดนไปแล้ว! ไม่ได้มาทำหน้าเอ๋ออยู่นี้หรอก! แล้วยัง/$//,!)!/×(/÷¥ $|●◆|}[☆•▪¡□■★¿"

    คำบ่นสาระพัดเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาได้หมดออกมาจากปากของ SG แห่งทีมชูโตกุอย่างไม่ขาดสาย เงือกหนุ่มก็ได้เพียงฟังคำบ่นไปอย่างสำนึกเพราะในคำพูดที่คนที่ล็อกตนอยู่นั้นเจือด้วยความห่วงใยเอาไว้เขาเลยไม่รู้สึกน้อยใจหรืออะไรแต่อย่างไร เพียงแต่การบ่นนี้ยาวจนเงือกหนุ่มหูชากันไปเลยทีเดียวและคาดว่าอีกนานกว่าหูจะหายชาเนี่ย...

     

     

     

     

     

    "หาไม่เจอเลยเหรอ?" มิยาจิ คิโยชินั่งปลงกับทีมตนอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรเมื่อรุ่นน้องตนคนหนึ่งตกทะเลไปและบัดนี้ผ่านมาสามวันแล้วยังหาตัวไม่พบเลย ชาวบ้านก็พากันบอกว่าให้ตัดใจในการหาซะ...เรื่องสิฟะ! รุ่นน้องเขาทั้งคนนะเฟ้ย! จะให้เขาเลิกตามหาง่ายๆ เนี่ยนะ!!! ฝันกลางวันจนถึงชาติหน้าไปเถอะ!!! ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนแก่จะถีบให้กระเด็นเลย!!!

    "ไม่เจอเลยครับ..." ทาคาโอะพูดเสียงอ๋อยจากการพยายามวิ่งเต้นตามหาคู่หูตนมาตลอดสามวันมานี้ "...ชินจาง~~~ หายไปไหนเนี่ย~~~?"

    "ถ้ารู้คงไม่มาตามหากันวุ่นแบบนี้หรอก!!!" คิมุระแยกเขี้ยวใส่รุ่นน้องที่โอยครวณด้วยความเครียด...ที่จริงตอนนี้ทั้งทีมต่างเครียดกันทุกคนนั้นแหละ ก็นี้มันชีวิตของคนคนหนึ่งเชียวนะ!!!

    "เรามาลองพยายามนึกกันเถอะว่ามีโอกาสที่มิโดริมะจะไปติดแถวไหนได้อีก" โอสึโบะพูดขึ้นถึงแม้ตอนนี้โอกาสรอดชีวิตของลูกทีมผมเขียวของตนจะแทบเป็นศูยน์แล้วก็ตาม แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

    "อ่ะ! จริงสิ!!!" ระหว่างที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดอยู่ทาคาโอะอยู่ๆ ก็ตะโกนออกมาจนทุกคนสะดุ้งกันเป็นแถบ

    "อะไรฟะ!?! อยู่ดีๆ ก็ตะโกนออกมา! ตกใจนะเฟ้ย!!!" มิยาจิเขกหัวรุ่นน้องตนทีหนึ่งข้อหาทำเขาตกใจจนเกือบจะเผลอถีบไปแล้ว (ตกใจแล้วถีบเนี่ยนะ? // s)

    "โอ้ย~~ เจ็บนะครับ" ทาคาโอะกุ่มหัวตนพร้อมแว่บไปด้านหลังกัปตันทีมกันโดนเขกอีกรอบ

    "ว่าแต่อยู่นายตะโกนออกมาทำไมเหรอทาคาโอะ?" โอสึโบะที่ห้ามคนผมสีน้ำผึ้งไม่ให้สร้างความหวาดผวาให้รุ่นน้องที่มาหลบหลังตนกับรุ่นน้องที่ดูเหตุการณ์คนอื่นๆ ด้วย

    "ผมเพิ่งนึกได้ล่ะครับว่าวันที่ชินจังหายไปลักกี้ไอเทมคือซองใส่โทรศัพท์กันน้ำน่ะครับ" ทาคาโอะพยายามเต็มที่ที่จะไม่ให้รุ่นพี่จอมโหดพุ่งมาบีบคอตนได้

    "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่จะตัวมิโดริมะมันฟะ!?!" มิยาจิถามกลับด้วยสีหน้า 'ถ้ามัวลีลาเดี๋ยวพ่อส่งไปเกิดใหม่นิ'

    "ค...คือวันนั้นชินจังบอกว่าเอาแต่ซองกันน้ำแขวนไว้เฉยๆ อาจไม่มีผลต่อดวงเลยใส่มือถือลงไปด้วยครับ!!!" ทาคาโอะรีบตอบก่อนที่ตนจะถูกส่งไปเกิดใหม่จริงๆ

    "แบบนี้หมายความว่ามีโอกาสที่จะติดต่อมิโดริมะได้สิ!!!" มิยาจิเริ่มเห็นความหวังขึ้นมาจางๆ "ทาคาโอะ!!! นายรีบลองโทรหาเลยนะเฟ้ย!!!"

    "คร้าบ!!!" ทาคาโอะตะเบ๊งแบบทหารและรีบคว้ามือถือมากดโทรหาคู่หูตนทันที...ถึงเขาจะไม่คิดว่าจะมีคนรับสายก็เถอะ แต่ในเมื่อยังมีหวังมันก็น่าลองนะ

    ตื้ด...ตื้ด...ตื้ด...

    เสียงรอสายดังขึ้นสักพักก่อนที่จะมีคนรับสาย...และเสียงที่ตอบกลับมาแทบทำให้ทาคาโอะจุดดอกไม้ไฟฉลองกันเลยทีเดียว

    'ท...ทาคาโอะ?' เสียงจากปลายบ่งบอกอาการงงงวย...คงเพราะสงสัยว่าโทรติดได้ยังไงหรือไม่ก็ลืมไปว่าตนเอามือถือติดตัวไปด้วยแหง

    "ชินจัง!!! โฮ!!! ชินจังยังอยู่จริงๆ ด้วย!!!" ทาคาโอะบ่อน้ำตาเกือบแตกเมื่อรู้ว่าเพื่อนตนยังมีชีวิตอยู่

    'อย่ามาแช่งกันสิฟะ! ทาคาโอะ! และเลิกตะโกนเสียทีปวดหู..." มิโดริมะตอบกลับอย่างไม่รู้เลยว่าทำให้ทุกคนวุ่นขนาดไหน

    "ทาคาโอะเอามือถือมานี้" มิยาจิคว้ามือถือมาโดยที่เจ้าของมือถือยังไม่ทันที่จะอนุญาต...ที่จริงต่อให้ไม่อยากให้ก็ต้องให้แหละเพราะไม่อยากลองของ "มิโดริมะตอนนี้นายอยู่ที่ไหน?"

    'มิยาจิซัง?' ปลายสายดูจะปรับตัวไม่ทันเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ คนพูดสายเป็นรุ่นพี่จอมโหดแทนที่คู่หูตน

    "เอ้อ! ฉันเอง! อย่ามัวลีลารีบบอกมาเร็ว! ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ไหนบอกอะไรก็ได้ที่เด่นๆ ตรงที่นายอยู่น่ะ!!!" มิยาจิกระชากเสียงอย่างงุดหงิดจากความเครียดสะสมที่ตามหาอีกฝ่ายมาตลอดสามวันมานี่

    'เอ่อ...คือ...' มิโดริมะทำเสียงอ้ำอึ้งอย่างไม่รู้จะตอบยังไง '...รอสักแป๊บนะครับมิยาจิซัง'

    "เอ้อๆ!" มิยาจิตอบกลับ ก่อนที่จะได้ยินเสียงรุ่นน้องตนดังมาแผ่วๆ คาดว่าคงเอามือปิดสายโทรศัพท์อยู่กันเขาได้ยิน และถามอะไรกับใครสักคนอยู่...

    ...ด้วยเหตุนี้ทำให้มิยาจิกดเปิดลำโพงจะได้ยินที่รุ่นน้องตนพูดชัดๆ แถมเผื่อแผ่คนรอบที่ตอนนี้จะเกาะหัวตนเพื่อฟังว่ามิโดริมะจะตอบอะไรมาบ้างแล้ว และเพื่อกันตนเองคอหักตายเพราะมีคนคิดพิเรนท์มาเกาะหัวซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นคิมุระเพื่อนเขาเองนั้นแหละ

    'ปกติเกาะนี้คนในพื้นที่เรียกว่าอะไรน่ะ?' เสียงทุ้มๆ ของมิโดริมะเอ่ยถามใครสักคนอยู่ที่น่าจะอยู่ด้วยกัน

    'เกาะนี้ไม่มีชื่อหรอกเพราะเป็นเกาะร้างน่ะ แต่ถ้าตามที่ชาวบ้านเรียกก็เรียกว่าเกาะผีสิงน่ะล่ะนะ ไม่มีชื่ออื่นแล้ว' เสียงทุ้มอีกเสียงดังผ่านสายมา

    '...ถามจริง...ไอ้เกาะร้างธรรมดาจนแทบหาข้อแตกต่างกับเกาะท่องเที่ยวไม่ได้เนี่ยนะ แถมเท่าที่เห็นเนี่ยต่อให้วังเวแค่ไหนก็ดูไม่น่ากลัวเลยสักนิด ขนาดเด็กผู้หญิงเดินลั้นลาได้โดยไม่กลัวเลย...ไหงถูกเรียกแบบนี้ฟะ?' เสียงของมิโดริมะแสดงถึงความสงสัยจริงๆ จนคนในทีมนึกแปลกใจที่ SG ของทีมตนพูดแสดงความรู้สึกออกมาชัดเจนขนาดนี้ ขนาดพวกเขาอยู่กันมาเกือบปีแล้วยังเห็นมันทำหน้าตายอยู่เลย...

    ...น่าสงสัยแฮะ กลับมาเมื่อไหร่คงต้องเค้นคอหน่อยล่ะ...

    'เพราะเมื่อก่อนเคยมีพวกชนเผ่าท้องถิ่นอาศัยอยู่น่ะ แต่ไม่มีใครรู้ว่าที่นี้มีคนอยู่เลยพากันคิดว่าทั้งเสียงและเงาคนที่นี่เป็นผีน่ะ' เสียงของคนที่เหล่าทีมชูโตคุไม่รู้จักเอ่ยออกมาอีกครั้ง 'แต่เดี๋ยวคงเลิกลือกันไปเองมั้ง เพราะตอนนี้พวกชนเผ่าท้องถิ่นต่างพายเรือกันไปขึ้นฝั่งกันหมดแล้ว ถ้าพวกนายกลับไปก็ไม่เหลือเรื่องให้ลือกันแล้ว'

    'อื้ม...' มิโดริมะตอบก่อนที่จะได้ยินเสียงตอบจากปลายสายชัดเจนอีกครั้ง '...มิยาจิลองถามชาวบ้านดูแล้วกันนะครับว่าเกาะผีสิงที่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 2 กิโลมันอยู่ตรงไหน'

    "เข้าใจล่ะ พรุ่งนี้พวกฉันจะหาทางไป...และห้ามซี้ก่อนไปถึงนะเฟ้ย!!! ไม่งั้นต่อให้อยู่ในนรกก็จะตามไปตื้บให้ดู!!!" มิยาจิปิดท้ายบทสนทนาด้วยความห่วงใย (?) จากใจไปยังปลายสายที่ตอนนี้เสียวส้นหลังวาบอยู่

    'ครับ!!!' มิโดริมะตอบกลับมาอย่างชัดเจน ประมาณว่าต่อให้หัวหลุดก็จะไม่ยอมตายให้รุ่นพี่คนนี้ของตนตามตื้บเด็ดขาด

    "เอ่อ!!! เข้าใจก็ดี!!!" แล้วมิยาจิก็กดวางสายทันที ก่อนที่จะหันไปสั่งทุกคนว่าให้รีบเข้านอนและในวันรุ่งขึ้นให้ไปซ้อมตามที่โค้ชบอก ส่วนเขา โอสึโบะ คิมุระและทาคาโอะจะไปหามิโดริมะยังเกาะที่ว่าทันที

     

     

     

     

     

    "เป็นไงบ้าง? ไหงทำหน้าเหมือนใกล้ตายอย่างงั้นล่ะ? ไม่สบายหรือเปล่า? เดี๋ยวไปหาสมุนไพรให้เอาไหม?" เสียงอันเจือด้วยความห่วงใยดังจากปากครึ่งเงือกหนุ่ม เมื่อเห็นใบหน้าซืดๆ ของคนผมสีเขียว

    นี้เป็นวันที่สามแล้วที่เงือกหนุ่มได้รู้จักเด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่เจ้าตัวแนะนำตัวหลังจากที่เทศน์เขานานเกือบสามชั่วโมงโดยไม่หยุดพักว่าชื่อ 'มิโดริมะ ชินทาโร่' และตลอดสามวันมานี้เขาได้รู้ว่าคนผมเขียวนี้นิสัยออกจะแปลกสักนิดแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรแค่ชวนงงแค่นั้น...

    ...แต่มีอย่างหนึ่งที่เขายังสงสัยคือทำไมมิโดริมะถึงไม่ไปอยู่กับพวกมนุษย์คนอื่นข้างบนล่ะ? มาอยู่อะไรกับคนที่จะเป็นเงือกก็ไม่ใช่คนก็ไม่เชิงอย่างเขาเนี่ย? พอถามออกไปคำตอบที่ได้มีเพียง 'ฉันทำตามที่ฉันอยากทำ' แค่นั้นเอง

    วันนี้เขากับมิโดริมะก็นั่งเล่นกันตามปกติ โดยที่วันนี้มิกะขึ้นไปหาคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านบน ตอนแรกมิกะชวนมิโดริมะไปแนะนำตัวกับคนอื่นๆ ด้วย แต่เจ้าตัวปฏิเสธบอกว่าไม่จำเป็นหรอก...ที่จริงควรพูดว่าเป็นหนึ่งในนิสัยแปลกๆ ที่เขาได้เห็นมากกว่า

    ระหว่างที่พวกเขานั่งและแช่ (?) กันอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงกริ๊งงงงดังไปทั่วถ้ำทำให้ทั้งเขาทั้งมิโดริมะต่างสะดุ้งกันทั้งคู่ ก่อนที่คนผมเขียวจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรออกแล้วเปิดถึงที่แขวนคอตนอยู่และหยิบบางอย่างที่เขาจำได้สิ่งนี้เรียกว่าโทรศัพท์มือถือออกมากดรับสายก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังจนอดทึ่งในพลังเสียงของอีกฝ่ายมิได้ ขนาดมิกะที่ว่าดังแล้วยังสู้ไม่ได้เลย

    มิโดริมะคุยโทรศัพท์สักพักก่อนที่จะหันมาถามเขาว่าที่นี่เรียกว่าเกาะอะไรทั้งๆ ที่เขาจำได้ว่าน่าจะเคยบอกไปแล้ว แต่เขาก็ตอบกลับไปตามปกติ

    เมื่อได้คำตอบที่ต้องการมิโดริมะก็หันไปคุยโทรศัพท์ต่อก่อนที่จะวางสายด้วยใบหน้าขาวซีดเหมือนกลัวอะไรบางอย่างจนน่าเป็นห่วง

    "เปล่า...ฉันไม่เป็นไร แค่ภาพสยองๆ มันโผล่เข้ามาในหัวน่ะ" มิโดริมะตอบ...ในตอนนี้ในหัวเขานึกถึงภาพรุ่นพี่ผมสีน้ำผึ้งของตนกำลังแยกเขี้ยวปานมารร้ายอยู่ อา~~~ น่ากลัวหลายนะนั้น แต่คิดแง่ดีน่ากลัวน้อยกว่าอาคาชิตอนโกธรเยอะ!!!

    "แล้ว...เมื่อกี้คุยอะไรกันเหรอ?" ดวงตาสีน้ำตาลใสดังลูกแก้วจ้องมองคนผมสีเขียว หางปลาโบกไปมาตีน้ำแปะๆ

    "คือรุ่นพี่ฉันบอกว่าจะหาทางมารับที่นี่..." ...แถมมีแววว่าจะมีรายการตื้บคนด้วย ถ้าชาวบ้านไม่ยอมบอกทางมาที่นี้ดีๆ และหวังว่าทาคาโอะไม่นึกพิเรนท์โทรตามอาคาชิมาช่วยหรอกนะ!!!

    "จริงสิ!?!" ดวงตาของเงือกหนุ่มพราวแวววับ "แสดงว่าแบบนี้ทุกคนก็จะได้กลับบ้านแล้วสินะ!?"

    "อื้ม..." มิโดริมะรู้สึกไม่เข้าใจอีกฝ่ายจริงๆ กับความใจดีเกินไปเนี่ย...แล้วความคิดก็หลุดเข้ามาในหัว โดยสมองยังไม่ทันประมวลผลแต่ปากก็ได้เอ่ยออกไป "...นายไม่ลองที่จะไปกับฉันดูเหรอ?"

    "หือ?" ฟุริฮาตะมองหนุ่มแว่นที่ตอนนี้ทำหน้าดูจริงจัง "คงไม่ได้หรอก อย่างที่ฉันเคยบอกไปนั้นแหละ"

    "...แต่ฉันอยากให้นายไปด้วยนี่" มิโดริมะรู้สึกไม่อยากจากคน...จากเงือกตรงหน้านี้ไปเลยสักนิด อยากที่จะอยู่ด้วยกัน...

    ...อาจเป็นโชคชาตะก็ได้ที่ทำให้เขาตกบ่วงรักกับเงือกตรงหน้านี้ตั้งแต่แรกเห็น ...ถึงตอนแรกเขาจะรับตัวเองไม่ค่อยได้ก็เถอะ แต่ตอนนี้เขายอมรับตนเองได้แล้วแถมยังสินใจแล้วด้วยว่าต้องหาทางให้ฟุริฮาตะ โคกิไปอยู่กับเขาให้ได้!!!

     

     

     

     

     

    "โธ่! ลุงช่วยพาไปหน่อยเถอะ!" เสียงเว้าว้อนอย่างน่าสงสารดังออกจากเด็กหนุ่มตาสีฟ้าอมเทาที่บัดนี้เหงื่อตกซิกๆ กับไออำมหิตจากรุ่นพี่ผมสีน้ำผึ้งของตนที่ทำท่าอยากหักคอคนที่เขากำลังขอร้องอยู่อีกต่างหาก

    ตอนนี้เหล่าตัวจริงของชูโตกุยืนบนท่าเรือแห่งหนึ่งที่เด็กหนุ่มดีกรีนักบาสทั้งสี่มายืนโต้ลมทะเล เนื่องจากจะถามและขอให้พาไปยังไอ้เกาะผีสิงที่เมื่อคืนวานเด็กหนุ่มผมเขียวบอกมา แต่ดันติดที่ว่า...

    "ไอ้เกาะนั้นยังไงก็ไม่มีทางที่คนเป็นจะไปอยู่ได้หรอก..." ชาวประมงเฒ่าเอ่ยออกมาอย่างยังไงก็ไม่ยอมพาไปเด็ดขาด "...เรื่องที่เธอบอกมาเพื่อนเธออาจจะเป็นผีแล้วไปสิงบนเกาะนั้นและเรียกเธอไปตายด้วยกันก็ได้"

    "ผมบอกแล้วไงครับ ว่าอย่างน้อยก็ช่วยพาไปดูหน่อย..." ทาคาโอะพยายามที่จะตื้อให้สำเร็จแม้ได้ยินคำตอบจะออกมาในทำนองนี้หลายรอบแล้วก็ตาม

    "ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเพื่อนเธอคนนั้น..." ชาวประมงกำลังจะเถียงกลับ แต่พูดไม่ทันถึงครึ่งประโยคก็...

    "โว้ย!!! น่ารำคาญจริง!!!" มิยาจิฟิวส์ขาด ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนแก่หรืออะไร "ถ้าไม่อยากพาไปก็ไม่ต้อง!!! บอกแค่ทางไปมาก็พอ!!! เดี๋ยวเช่าเรือขับไปเองก็ได้!!!"

    "ม...ไม่ได้หรอก...ที่นั้นมันอันตรายนะ!!!" ชาวประมงผู้อายุบนโลกเหลือน้อยผวาไปนิดหน่อยกับคนผมสีน้ำผึ้งที่ใกล้ที่จะระเบิดลงเต็มที

    "แล้วที่รุ่นน้องฉันต้องไปอยู่ที่นั้นมันไม่อันตรายเหรอ!!! และเลิกแช่งรุ่นน้องฉันเลย!!!" มิยาจิแยกเขี้ยวเหมือนยักษ์มาประทับ "รีบๆ บอกทางมา..."

    "มิยาจิซางงงงง~~~" ระหว่างที่คนผมสีน้ำผึ้งกำลังพูดอยู่ก็มีบางอย่างกระโจนใส่จนแทบล้มคะม้ำพร้อมกับเสียงเรียกอันคุ้นหูของคนที่ถูกพุ่งใส่เป็นอย่างดี

    "หนักโว้ย!!! ปล่อยเลยนะเฟ้ย! ฮายามะ!" มิยาจิเอามือดันหัวสีคาราเมลของฮายามะ โคทาโร่ที่เกาะตนหนึบยิ่งกว่าตุ๊กแกอีก "นายมาได้ไงเนี่ย!?"

    "อาคาชิพามาฝึกกันฮ้าฟ" ฮายามะที่ดี้ด้าจนแทบเห็นหางหมากระดิกดิ๊กๆ ตอบทันทีพร้อมกับร่างของกลุ่มตัวจริงของราคุซันเดินเข้ามาหา

    "สวัสดี...โวยวายอะไรกันเสียงดังเชียว? แล้วชินทาโร่ล่ะ?" คนผมแดงตาสองสีเอ่ยถามขึ้นเมื่อไม่เห็นเพื่อนสมัยม.ต้นของตน

    "ก็โวยวายกันเรื่องของชินจังนั้นแหละ..." ทาคาโอะตอบพร้อมยิ้มเจืองๆ อย่างเครียดๆ อย่างที่นานๆ จะได้เห็น

    "เอ๋? เกิดอะไรขึ้นหรอก? ทุกคนดูเครียดกันจัง..." สาว (?) หน้าหวานมิบุจิมองเหล่าทีมซูโตกุที่มีบรรยากาศมาคุจนแทบเห็นเป็นไอดำออกมาเลย

    "ก็เมื่อสามวันก่อนน่ะสิ มิโดริมะดันตกทะเลไปน่ะ..." โอสึโบะเป็นคนอธิบายให้เหล่าทีมราคุซันฟังเพราะคาดว่าถ้าไม่เล่าเองคงได้คุยกันอีกยาวกว่าจะไปหารุ่นน้องผมเขียวปานหญ้าชั้นดี (?) ของทีมตนได้ "...พอมิโดริมะตกทะเลไปพวกเราก็ช่วยกันหาแต่ก็ไม่เจออะไรเลย จนเมื่อวานทาคาโอะนึกได้ว่ามิโดริมะเอามือถือไปด้วยเลยโทรและมิโดริมะก็บอกว่าอยู่เกาะที่ชาวบ้านเขาเรียกว่าเกาะผีสิง...วันนี้เราเลยจะขอให้ลุงชาวประมงช่วยพาไปแต่ลุงเขาไม่ยอมก็เลยเถียงกันอยู่นี่แหละ"

    "อืม...งั้นเหรอ? แปลว่าตอนนี้ชินทาโร่ไปติดที่เกาะผีสิงสินะ?...งั้นเดี๋ยวฉันช่วยเอง..." อาคาชิเริ่มยิ้มเหี้ยมออกมาจนคนมองรู้สึกขนลุกและเดินไปหาชาวประมงเฒ่าที่แทบสลบไปความสยองแล้ว "กรุณาช่วยพาผมไปหาเพื่อนผมหน่อยได้ไหม?"

    ...ถ้าไม่ช่วยอีกจะเอากรรไกรแทงดับเลย...

    "อ...อืม...ก็ได้..." ด้วยความสยอง ความเป็นผู้นำที่ติดตัว หรืออะไรก็แล้วแต่ชาวประมงคนนี้ก็ไม่อาจเอ่ยคำปฏิเสธได้เสียแล้ว

    "ขอบคุณครับ...งั้นไปกันเลย..." อาคาชิยิ้มออกมาอย่างพอใจ...

    ชาวประมงผู้เฒ่าที่จำยอมให้แก่อาคาชิไปเอาเรือลำใหญ่ที่สุดหรูที่สุดที่ไม่ใช่เรือประมงมาและโกยเด็กหนุ่มทั้งหลายขึ้นเรือพร้อมออกเดินเรือไปยังเกาะผีสิงที่ตนไม่อยากไปมากถึงมากที่สุด

    เรือนั้นแล่นผ่านผืนน้ำไปเรื่อยๆ จนห่างจากฝั่งพอสมควร สายตาอันดีของทาคาโอะก็เหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งเข้า...

    "ดูนั้นสิ!!! มิยาจิซังเห็นเหมือนผมไหม!?" ทาคาโอะชี้ไปยังสิ่งที่เขาเห็นอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อสายตาในสิ่งที่เห็น

    "เห็น!!! นั้นมันอะไรกันฟะ!?!" มิยาจิเห็นภาพที่ทาคาโอะชี้แล้วคิ้วกระตุกยิกๆ เสียงของทั้งสองเรียกให้ทุกคนหันไปมองตามและภาพที่เห็นคือ...

    ...ร่างอันเพรียวบางของเด็กหนุ่มผมเงินคนหนึ่งนั่งอยู่บนโข่งหิน ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยผิวขาวเนียนน่าสัมพัสส่วนท่อนล่างที่ควรเป็นขากลับเป็นหางปลา!!! หางปลาสีเงินวาวด้วยราวประกายเงิน แถมยังนั่งอ่านไลท์โนเวลอยู่อีก!!! มันเอามาอ่านได้ไงฟะ!!! หนังสือไม่เปื่อยเหรอฟะ!?!

    "คุณลุง...ผมขอบังคับเองหน่อยนะครับ..." อาคาชิที่เห็นเช่นเดียวกับทาคาโอะคว้าพวงมาลัยเรือมาขับเอง

    "เดี๋ยว...เธอขับเป็นเหรอ?" ชาวประมงเฒ่าพูดอย่างกลัวว่าเด็กหนุ่มผมแดงจะขับไปชนหินเข้าให้

    "เป็นครับ..." อาคาชิตอบ ที่จริงต่อให้จะทำอะไรถ้าเขาจะทำย่มทำได้หมดนั้นแหละ (เทพไปมั้ย? อาคาชิ...เล่นเป็นมันทุกอย่างเนี่ย? // s , อิจฉาล่ะสิ // ทาคาโอะ , เอ่อดิ!!! // s)

    อาคาชิขับอย่างมือโปรเข้าไปใกล้ครึ่งคนครึ่งปลาอย่างรวดเร็วปานเอฟวัน...ที่ถ้าเป็นคนปกติไม่มีทางขับได้เลย "เอย์อิจิคว้า...พอเข้าใกล้นายคว้าหมอนั้นขึ้นเรือมาด้วยล่ะและห้ามพลาดด้วย"

    "เอ่อ!!!" เนบุยะที่ได้รับคำสั่งจากกัปตันทีมรีบคว้าเงือกหนุ่มขึ้นมาบนเรือทันที เมื่อคนผมแดงขับเรือเข้าใกล้อย่างรวดเร็วจนเงือกหนุ่มผมเงินหนีไม่ทัน...

    "ทำบ้าอะไร!? ปล่อย!!!" เงือกหนุ่มตีแขนเนบุยะอย่างสุดแรง...เสียแต่เนบุยะถึกเกินที่จะรู้สึกกับแรงของคนตัวเล็กกว่า

    "ใช่ว่าฉันอยากทำตัวเหมือนโจรลักพาตัวแบบนี้สักหน่อย..." เนบุยะเอาร่างผมเงินวางลงในถังไม้ขนาดใหญ่ที่เติมน้ำไว้จนเต็มซึ่งมาจากที่เมื่อครู่ฮายามะกลิ้งเอามาจากไหนไม่รู้ และด้วยแรงขับของเรือที่อาคาชิซิ่งเมื่อครู่ทำให้น้ำกระเด็นสาดโครมลงถังน้ำจนเต็มพร้อมกับคนทั้งเรือยกเว้นตัวอาคาชิเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำกันทั่วหน้า

    "นายพาฉันมานี้ทำไมเนี่ย!?! ปล่อยฉันกลับทะเลเลยนะ!!!" เงือกหนุ่มขู่ฟ่อ

    "ถามอาคาชิเองแล้วกัน เพราะฉันก็ไม่รู้" เนบุยะชี้ไปที่อาคาชิที่กำลังเดินมาหา

    "พวกนายจะทำอะไรกัน? คงไม่ได้คิดจะทำอะไรบ้าๆ แบบพวกหัวโบราณหรอกนะ..." เงือกหนุ่มมองซ้ายมองขวาหาทางหนี

    "ถ้าหมายถึงไอ้พวกกินเนื้อเงือกเนี่ยบอกเลยว่าไม่อยู่ในสมองสักนิด" อาคาชิเอ่ยด้วยท่าทางสนใจในตัวเงือกหนุ่มที่ทำหน้าบึงและมองไลน์โนเวลที่เปียกโชกในมือตน จนคนที่รู้จักอาคาชิในระดับหนึ่งเริ่มถาวนาให้เงือกหนุ่มแล้ว...

    ...ขอให้โชคดีนะ ที่ดันเป็นสิ่งที่อาคาชิสนใจเนี่ย...

    "แล้วนายจะจับฉันมาทำไม? คิดจะเอาฉันไปขายหรือไง?" เงือกหนุ่มมองคนผมแดงอย่างขุ่นเคือง

    "ขอโทษที แต่ผมไม่ขัดสนขนาดนั้น...ผมแค่สนใจคุณแค่นั้นแหละ" อาคาชิเอ่ยออกมา "แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ?"

    ...เรื่องอะไรจะบอก...

    "จะถามชื่อคนอื่นเนี่ยไม่คิดจะแนะนำตนเองก่อนหรือไง? ไอ้หัวแดงเอ๋ย..."

    ...ตายชัก! อาคาชิจะเอากรรไกรแทงดับไหมเนี่ย!?...

    เหล่าทีมราคุซันมองอย่างเหงื่อแตกซิกๆ อย่างนึกกลัวกัปตันทีมตนจะฆ่าคน...เอ่อ ฆ่าเงือกชอบกล

    "หึ..." ผิดคาดเมื่ออาคาชิหัวเราะออกมา ทำให้เหล่าทีมราคุซันมองรุ่นน้องผมแดงอย่างแปลกใจ "...ก็ได้ ผมอาคาชิ เซย์จูโร่...แล้วคุณ?"

    "มายุสุมิ จิฮิโระ"เงือกหนุ่มตอบสั้นๆ ที่จริงตอนแรกเขาจะไม่ตอบแต่พอโดนตาสองสีนั้นจ้องแล้วก็รู้สึกกดดันจนต้องตอบออกมา

    "มายุสุมิซังสินะ" อาคาชิเริ่มยิ้มเจ้าเล่ห์และเดินมาล็อกคอเงือกหนุ่มไว้ "ผมขอตัวคุณเลยแล้วกันนะ..."

    "เฮ้ย!!! พูดบ้าอะไรออกมาฟะ!!!" มายุสุมิดิ้นพล่าน...ตัวก็แค่นี้ทำไมแรงเยอะนักฟะ!!! "ขนลุกเว้ย!!!"

    "คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรอกนะครับ" ว่าแล้วอาคาชิก็หยิบของที่ดูเหมือนกำไลสีเงินออกมาใส่ข้อมือของเงือกหนุ่ม "เท่านี้ต่อให้คุณหนีไปไหนผมก็หาคุณเจอนะครับ ^ ^ ดังนั้นไม่ต้องคิดหนีเลย"

    "บ้าเอ้ย! อะไรเนี่ย!?" มายุสุมิพยายามแกะกำไรที่ติดข้อมือตนออก...แต่มันติดแน่ราวกับติดกาวตราช้างเอาไว้ "ทำไมถอดไม่ออกฟะ!!!"

    "กำไลนี้เป็นกำไลติดตามตัว...ดังนั้นนอกจากผมที่เป็นคนสวมให้แล้วไม่มีใครสามารถถอดออกได้หรอกครับ และไม่ต้องกลัวมันพังเพราะต่อให้โดนระเบิดไอ้นี้ก็ไม่พังหรอก" อาคาชิยิ้มเยาะอย่างผู้กำชัย

    "ใครมันจะห่วงเรื่องนั้นห๊า!!! รีบถอดไอ้กำไลบ้านี่ออกเลยนะ!!!" มายุสุมิแทบอยากที่จะโดดขบหัวแดงๆ นั้นจริงๆ ให้ตายเถอะ!!!

    "น่าสงสารหมอนั่นจริง..." เนบุยะที่ยืนมองกัปตันทีมตนกับเงือกหนุ่มเถียงกันก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงนิดๆ

    "ผมไม่ถอดให้หรอกและอย่าหวังซะให้ยากเลย..." อาคาชิทำหูทวนลม "...และผมมีเรื่องจะถามหน่อยน่ะครับ ช่วยตอบด้วยนะมายุสุมิซัง"

    "ทำไมฉันต้องตอบนายด้วยมิทราบ?" มายุสุมิจ้องค้อนใส่อาคาชิ อาคาชิก็มองคน...เงือกผมเงินอย่างถูกใจ...

    ...หึ น่าสนใจจริงๆ ยิ่งพยศแบบนี้ยิ่งอยากปราบให้อยู่ในกำมือจริงๆ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันเขาก็ไม่เกี่ยงหรอกนะ...ในเมื่อเขาอยากได้เงือกหนุ่มมาอยู่ในครอบครองใครจะทำไมมิทราบ?...

    "ต้องตอบครับ ไม่งั้นล่ะก็..." อาคาชิยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูเงือกหนุ่มเบาๆ

    พวกมิบุจิกับพวกทาคาโอะไม่ได้ยินหรอกว่าอาคาชิพูดอะไร แต่เท่าที่รู้คงเป็นเรื่องที่น่าอายน่าดู เพราะหน้าของมายุสุมิจู่ๆ ก็ขึ้นสีแดงแข่งกับคนที่ยืนข้างๆ เสียแล้ว

    "อ...ไอ้บ้า!!! ไอ้โรคจิตเอ้ย!!!" มายุสุมิมุดลงในถังน้ำจะได้ไม่ได้ยินอาคาชิพูดอะไรออกมาอีก...

    ...ก็มันน่าโมโหไหมล่ะ...ที่อยู่ๆ มาบอกว่าจะจูบเขาต่อหน้าทุกคนในเรือนี้น่ะ!!! หมอนั่นบ้าไปแล้วหรือไง!?! นี่เขาเป็นผู้ชายเหมือนกับแกนะโว้ยยย!!!...

    "มายุสุมิซังอย่าหลบสิครับ...ขึ้นมาตอบคำถามผมก่อน..." อาคาชิดึงอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างง่ายดาย จนตัวคนที่ถูกลากขึ้นสู่พื้นน้ำยังมองอาคาชิอย่างอึ้งเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าอาคาชิจะดึงตัวเขาที่ใหญ่กว่าขึ้นมาได้อย่างง่ายดายปานนี้!

    "มีอะไรจะถามก็รีบถาม..." มายุสุมิทำหน้างออย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีทางเลือกในเมื่อดูเหมือนสายตาจากนัยน์ตาสองสีจะจับจ้องเขาอย่างกับจะกลืนกิน...ยี๋อ! ขนลุกโว้ย! ถ้านายเป็นผู้หญิงจะไม่ว่าสักคำ!

    "มายุสุมิซังพอรู้หรือเปล่าว่าเกาะผีสิงไปทางไหน?" คำถามของอาคาชิเรียกสายตางุนงงจากทุกคนบนเรือได้อย่างดี

    "อาคาชิ...นายจะถามทำไมเหรอ? ลุงแกบอกว่าจะพาไปอยู่แล้วนิ?" ทาคาโอะถามอย่างไม่เข้าใจ

    "เพราะว่า...ดูเหมือนคุณลุงคนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะพาเราไปที่เกาะที่ชินทาโร่อยู่จริงๆ หรอก" อาคาชิขยับยิ้ม...ยิ้มที่เขามักใช้ต้อนคนที่บังอาจต่อต้านเขาให้จนมุม

    "ห๊า!!!" ทุกคนหันขวับไปที่คนที่ขับเรืออยู่ คนแก่สุดในเรือก็ถึงกับสะดุ้งโหยง

    "พ...พูดอะไรของเธอน่ะ ฉ...ฉันจะพาเธอไปตามที่บอกจริงๆ นะ" ชาวประมงคนนี้พูดอย่างติดขัดเล็กน้อย

    "คิดว่าจะหลอกผมได้เหรอครับ? คงไม่รู้สินะว่าคนที่ต่อต้านผม...มันจะเป็นยังไง?" อาคาชิที่เริ่มเข้าโหมดโหด (หรือโหดอยู่แล้วหว่า?) จ้องยังชาวประมงเฒ่า...ที่ช่างดูเหมือนปีศาจกำลังจ้องเหยื่ออยู่เลย

    "เฮ้ย! อาคาชิ! ทำอะไรของนายฟะ!? ลุงแกสลบไปแล้วนะเฟ้ย! ฉันขี้เกียจขุดหลุมให้นะเฟ้ย!!!" มิยาจิแว๊ดลั่นก่อนที่จะวิ่งไปบังคับเรือด้วยความเร็วแสงก่อนที่เรือจะไปโหม่งอะไรเข้า โดยที่คิมุระช่วยลากคนชราไปเก็บในห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างของเรือเพื่อกันไม่ให้มีใครหมั่นไส้ถีบตกน้ำไปเสียก่อน

    "มิยาจิ...นายขับเรือเป็นด้วยเหรอ?" คิมุระที่ขึ้นมาหลังจากเก็บคนแก่ไปแล้วถามเพื่อนตน

    "เป็นสิ...ตอนปิดเทอมฤดูร้อนปีก่อนพอดีไปช่วยลุงๆ ไปจับปลาน่ะ เขาเลยสอนวิธีขับเรือมาให้เป็นของแถมที่ไปช่วยน่ะ" มิยาจิตอบพร้อมพยายามมองหาสิ่งที่น่าจะเป็นเกาะที่รุ่นน้องตนอยู่ในตอนนี้

    "นี่ๆ คุณปลาเงิน เรามาถูกทางหรือเปล่าอ่ะ? หรือมิยาจิซังพาหลง?" ฮายามะมาเกาะถังไม้

    "เรียกใครว่าปลาเงินฟะ!?! ไอ้หน้าแมว!!!" มายุสุมิแยกเขี้ยวใส่คนผมสีคาราเมลและนึกอยากกลายร่างเป็นฉลามสักวันจริงๆ จะได้ขบหัวไอ้หน้าทะเล้นกับไอ้หัวแดงข้างๆ ให้เลือดอาบไปเลย

    "แกว่าใครฟะ!? แน่จริงก็มาขับเองเด้!" มิยาจิค้อนใครฮายามะ จนเด็กหนุ่มผมสีคาราเมลถึงกับหงอเป็นลูกหมาถูกดุ

    "เอาๆ หยุดทะเลาะกันเถอะจ๊ะ..." มิบุจิที่กลัวว่าจะมีการตื้บกันเองเกิดขึ้นรีบเอ่ยห้าม ก่อนที่จะหันไปถามบุคคลในถังไม้ "...มายุซัง พวกเรามาถูกทางหรือเปล่า?"

    "ไอ้ถูกน่ะถูก ตรงไปอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว..." มายุสุมิที่เห็นว่ามีคนที่ถามดีๆ และดูสติยังดี (?) เลยตอบไปอย่างง่ายๆ

    "นี่...มายุสุมิซัง..." อาคาชิเรียกคนผมเงิน "...พอทราบไหมว่าทำไมชินทาโร่ถึงไปอยู่ที่เกาะที่ห่างจากฝั่งขนาดนี้ได้?"

    "เอ่อๆ รู้..." มายุสุมิถึงไม่อยากที่จะตอบ แต่ก็กลัวว่าเด็กหนุ่มนัยน์ตาสองสีคนนี้จะทำอะไรไม่อายฟ้าอายทะเล (?) ขึ้นมาจริงๆ เลยจำต้องตอบ "...เพื่อนนายคงถูก 'หมอนั่น' พาไปนั้นแหละ"

    "หมอนั่น? หมอนั่นที่ว่าคือใคร?" มิยาจิส่งเสียงถาม...คงจะไม่ใช่ว่ามีเงือกตนไหนนึกสนุกเอารุ่นน้องเขาไปปล่อยเกาะร้างหรอก ถ้าเป็นงั้นจริงพ่อจะตื้บให้จมดินเข้าให้เลย!!!

    "เพื่อนฉันชื่อฟุริฮาตะ โคกิน่ะ หมอนั่นชอบช่วยคนอื่นจนบ้างครั้งลืมว่าทำให้ตัวเองเดือดร้อนซะงั้น" มายุสุมิพูดพลางนึกถึงเพื่อนชาวเงือกของเขาที่คราวก่อนเกือบถูกเขาไปตุ๋นยาเพราะดันไปช่วยตอนที่พวกนั้นเรือล่ม...คนแบบนั้นมันน่าช่วยไหมนั้น! นอกจากไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังจะจับพวกเขาไปทำยาซะอีก! มันน่าเอาหางฟาดจนจำหน้าเก่าไม่ได้จริง! ถ้าตอนนั้นเขาช่วยไม่ทันปานนี้ไปอยู่ในโหลใบไหนไม่รู้แล้ว!!!

    "ถ้าเพื่อนนายช่วยมิโดริมะแล้วทำไมไม่พาขึ้นฝั่งเลยล่ะ?" โอสึโบะถามอย่างไม่เข้าใจว่าจะพามาไกลอะไรขนาดนี้

    "พอดีช่วงนี้ทะเลเป็นอะไรก็ไม่รู้บริเวณแถวชายฝั่งมีทั้งคลื่นวนทั้งคลื่นใต้น้ำจนขนาดพวกฉันที่เป็นสิ่งที่อยู่ในทะเลแท้ๆ ยังฝ่าไปไม่ได้เลย หมอนั่นก็เลยเอาคนที่ตกน้ำพาไปที่เกาะร้าง ที่เขาเรียกเกาะผีสิงนั้นแหละเพราะมันใกล้ที่สุด ตอนนี้พาไปประมาณสิบกว่าคนแล้วมั้ง..." มายุสุมิอธิบาย "...เดียวอีกประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์หมอนั่นก็กะมาเช่าเรือขับไปรับกลับเกาะเองนั้นแหละ"

    "เดี๋ยวก่อนนะ...เงือกขับเรือได้ด้วยเหรอ?" ทาคาโอะเหวอนิดๆ มันมาขับเรือได้ไงเนี่ย!!! แล้วตอนเช่าเรือไม่เป็นของแปลกของทั้งเมืองเลยเหรอ!!!

    "ก็ได้น่ะสิ" มายุสุมิตอบอย่างไม่ใส่ใจ

    "แล้ว...จะขึ้นขับยังไงกัน?" โอสึโบะถาม...เท่าที่เขารู้เรือที่มีขนาดให้คนมากกว่าสิบคนขึ้นมาได้ก็มีเรือแบบที่เขาอยู่ตอนนี้เท่านั้น และแน่นอนมันเป็นเรือที่ใหญ่จนเงือกไม่น่าพยายามกระดึบขึ้นมาได้ง่ายๆ แน่

    "ก็เดินขึ้นเรือไปขับน่ะสิ" มายุสุมิกรอดตาไปมา...หวังว่าคงไม่คิดว่าคลานแบบผีจูออนขึ้นเรือหรอกนะ?

    "พวกนายจะเดินได้ไง? ในเมื่อไม่มีขา..." มิยาจิที่หาปุ่มขับอัตโนมัตเจอแล้วก็เดินมาร่วมวงกับคนอื่น

    "ได้สิ...ในเมื่อเปลี่ยนร่างเป็นคนได้นิ" มายุสุมิหยักไหล่พร้อมมองภาพคนที่อ้าปากค้างอย่างขบขัน เสียดายอย่างเดียวที่คนที่เขาอยากเห็นหน้าตลกๆ ที่สุดยังทำหน้านิ่งเหมือเดิม ชิ! คิดว่าทำหน้าตายแบบนั้นแล้วหล่อนักหรือไง? (ถ้าให้เราตอบก็...ใช่ // s , งั้นกรุณาอย่าตอบเลย! // มายุสุมิ , ยอมรับความจริงเถอะครับ จิฮิโระซัง // อาคาชิ , นายน่ะเงียบไปเลย! // มายุสุมิ)

    "จริงสิ!" ฮายามะแทบจะคว้าตัวเงือกผมเงินมาเขย่าด้วยความรนเฉพาะตัว ถ้าไม่ติดสายตาดุๆ ของคนเป็นแฟนของตนล่ะนะ "ลองเปลี่ยนร่างให้ดูหน่อยสิ! คุณปลาเงิน! นะๆๆๆๆๆ"

    "เรียกใครว่าปลาเงินฟะ!!! อีกอย่างทำไมฉันต้องทำให้นายดูด้วยฮะ!!!" มายุสุมิเขกกบาฮายามะด้วยความหมันไส้

    "เจ็บนะฮ้าฟ..." ฮายามะลูบหัวที่ขึ้นสีแดงหน่อยๆ แต่ไม่ถึงกับหัวปูด

    "ที่จริงเขกแรงกว่านี้ก็ได้นะ จะได้เป็นผู้เป็นคนกับเขาสักที" มิยาจิที่ไม่คิดจะช่วยฮายามะเลยพูดออกมา

    "ไหงพูดงั้นล่ะคร้าาาบ มิยาจิซางงงง" ฮายามะพุ่งเข้ากอดมิยาจิด้วยความเร็วแสงคล้ายกับอยากจะอ้อนคนผมสีน้ำผึ้ง

    "อึดอัดนะเฟ้ย! ปล่อยเลย! ฮายามะ!" มิยาจิดันหัวสีอ่อนของคนที่กอดตนออก แต่ตัวคนกอดก็ไม่ยอมปล่อยราวกับจะกลายร่างเป็นงูเสียอย่างงั้น

    "อย่าไปสนใจสองคนนั้นเลย พวกนั้นเป็นแบบนี้ประจำนั้นแหละ" เนบุยะที่เห็นมายุสุมิที่ทำหน้าปุเลียนๆ เอ่ยออกมา

    "ว่าแต่...ผมก็อยากเห็นคุณแปลงเป็นคนดูเหมือนกัน..." อาคาชิยื่นหน้าเข้าใกล้เงือกผมเงินจนผงะ "...ได้ไหมครับ?"

    "ไม่เอา! ยังไงฉันก็จะไม่แปลงเป็นคนตรงนี้เด็ดขาด!!!" มายุสุมิเอามือดันหน้าคนผมแดงออกห่างจากตน

    "ทำไมล่ะครับ?" อาคาชิคว้ามือเงือกหนุ่มที่ดันหน้าตนออกพร้อมจุมพิตที่นิ้วขาวเรียวของอีกฝ่ายเบาๆ พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เงือกหนุ่มที่บัดนี้หน้าขึ้นสีแดงระเรื้อด้วยความโกรธหรืออายก็ไม่รู้

    "ก็...ก็มัน..." ทุกสายตาจับต้องมาที่มายุสุมิด้วยความอยากรู้เหมือนกันว่าทำไมแค่จะให้ลองเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ให้ดูถึงไม่ยอม "...ก็ถ้าแปลงตอนนี้ฉันก็โป๊สิฟะ!"

    ...เอ่อ...จริงแฮะ...

    แล้วทุกคนก็ถึงบางอ้อเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเงือกหนุ่มตนนี้ไม่มีเสื้อผ้าหรืออะไรปกปิดร่างกายเลย อาคาชิมองเงือผมเงินก่อนที่จะ...

    พึบ!

    เสื้อสีฟ้าขาวของเนบุยะวางแปะลงบนเรือนผมสีเงิน "งั้นคุณก็ใส่เสื้อของเอย์อิจิสิครับรับรองว่าปิดแทบหมดทั้งตนแน่"

    "...ยังไงก็จะเอาให้ได้สินะ" มายุสุมิมองเสื้อตัวใหญ่ในมือและถอนหายใจ ก่อนที่จะขยับตัวขึ้นนั่งบนขอบถังไม้แล้วสวมเสื้อตัวหลวมโพรดตามคำของอาคาชิและแปลงกายตนตามที่อาคาชิต้องการ...

    ...หางสีเงินประกายค่อยๆ แปลงเปลี่ยนเป็นขาขาวเนียนของมนุษย์ท่ามตาสายตาที่จับจ้องมา เงือกหนุ่มโดดลงจากถึงมายังพื้นเรือ

    "ว้าว! คุณปลาเงินสูงกว่าฉันแฮะ!!!" ฮายามะพูดอย่างตื่นเต้นและกะจะโดดเกาะ...ถ้าไม่ติดมือของคนผมสีน้ำผึ้งที่จับคอเสื้อสีอ่อนไว้อย่างทันในความคิด

    "อืม...ตอนแรกคิดว่าจะเตี้ยกว่าโคทาโร่มันซะอีก..." เนบุยะมองร่างที่ดูบอบบางของเงือกหนุ่มผมเงิน

    "มายุซัง...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?" มิบุจิมองคนผมเงินตั้งแต่หัวจรดเท้า

    "ตามแต่สิ..." ...ถึงเขาไม่อยากตอบอะไร แต่ถ้าไอ้หน้าหวานนี่ถามแล้วไอ้หัวแดงมันสนใจขึ้นมาเขาก็ต้องตอบอยู่ดี

    "เงือกทุกคน...แปลงเป็นคนแบบมายุซังได้หมดเลยเหรอ?" คำถามของมิบุจินั้นเป็นสิ่งที่หลายๆ คนสงสัยเหมือนกัน

    "เปล่าหรอก จะมีก็แค่ที่เป็นครึ่งเงือกครึ่งมนุษย์เท่านั้น พวกเงือกแท้ๆ 100 % น่ะแปลงเป็นคนไม่ได้หรอก" มายุสุมิตอบ

    "งั้นแปลงว่าคุณเป็นมนุษย์ปกติครึ่งหนึ่งสินะ?" อาคาชิยิ้มออกมาอย่างไม่น่าไว้ใจ จนเงือกหนุ่มรู้สึกถึงลางร้ายที่จะมาหาตนชอบกล "งั้นผมก็เอาคุณกลับไปเกียวโตกับผมได้ง่ายๆ แล้วสิ"

    "ใครจะไปกับนายกัน!?!" มายุสุมิถอยห่างจากอาคาชิ และเอาเนบุยะมาเป็นโล่กำบังอย่างไม่ถามคนที่กลายเป็นโล่ว่าอยากเป็นไหม

    "ต่อให้คุณไม่อยากไปผมก็จะหาทางเอาตัวคุณไปให้ได้อยู่ดีนั้นแหละ" อาคาชิส่งสายตาเอาจริงออกมา จนทุกคนที่มองรู้สึกขนลุก

    "แต่...แต่ยังไงฉันก็ไปจากที่นี้ไม่ได้หรอก!!!" มายุสุมิพยายามทำใจดีสู้เสือไว้ แม้ความน่ากลัวของอาคาชิทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาจากใจจริงๆ ก็ตาม

    "ทำไมล่ะครับ?" นัยน์ตาสองสีจับจ้องยังคนที่ยังคงหลบหลังลูกทีมตน

    "ก็...ถ้าฉันไปใครจะดูแลหมอนั่นฟะ!? ยิ่งเอ๋อๆ บื้อๆ อยู่! ปล่อยให้อยู่คนเดียวมีหวังโดนจับไปขายเป็นล้านรอบ!" มายุสุมิคิดว่าแค่โดนจับขายยังดี แต่ถ้าโดนจับตุ๋นยาแบบที่เกือบโดนคราวก่อนเขาไม่มีปัญญาช่วยอะไรเลยนะนั้น!!!

    "งั้นถ้าเอาไปพร้อมคุณหรือมีคนดูแลเพื่อนคุณคนนั้นก็ไม่มีปัญหาสินะ?..." อาคาชิเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงชวนสติหลัดกันทั่วหน้า "...และถ้ามีคนดูแลเพื่อนคุณแล้วก็ไม่สามารถปฏิเสธผมได้แล้วนะสินะ?"

    "เอ่อ!!!" มายุสุมิตอบอย่างไม่ทันคิด พอคิดได้มันก็สายไปเสียแล้ว "เดี๋ยว! หม่ใช่นะ! ฉันไม่ได้..."

    "งั้นตกลงตามนี้..." อาคาชิไม่สนใจเสียงทักท้วงของอีกฝ่าย

    "เดี๋ยวก่อนเซ่!!! ถ้านายพาฉันไปฉันก็กลายเป็นคนตกสำรวจสิ!!!" มายุสุมิพยายามหาข้ออ้างสุดฤทธิ์...ซึ่งกับอาคาชิข้ออ้างไหนคงไม่ระคายหรอกในเมื่อ...

    "ไม่เป็นไร...เดี๋ยวจัดการให้..." อาคาชิยิ้มอย่างมีชัย ก่อนที่นัยน์ตาสองสีจะเบือนไปยังเบื้องหน้าที่เรือกำลังแล่นไป "...เกาะนั้นใช่หรือเปล่าที่ชินทาโร่อยู่?"

    "เอ่อ!" มายุสุมิตอบด้วยใบหน้าบูดบึดจนเหล่าคนบนเรือต่างมาตบไหล่แปะๆ แบบว่าให้ทำใจซะ...ที่ดันซวยมาถูกใจอาคาชิ เซย์จูโร่เนี่ย

     

     

     

     

     

    "เสียงเรือใกล้เขามาแล้ว...ดูท่าเพื่อนนายจะมาแล้วนะ" เงือกหนุ่มผมสีน้ำตาลเอ่ยขณะที่เอาก้างปลามาหวีผมให้มิกะ "นายรีบขึ้นไปบนเกาะเถอะ เดี๋ยวเพื่อนายจะหานายไม่เจอนะ"

    "..." มิโดริมะมองใบหน้าอันอ่อนโยนของเงือกหนุ่มนิ่งๆ "...นายก็ไปด้วยกันสิ"

    "ห...ห๊า?" ฟุริฮาตะอึ้งเล็กน้อยกับคำชวนนี้ เพราะเขาโดนพูดกรอดหูมาตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ยังไม่เลิกอีก! "บอกแล้วไงว่าไม่ได้หรอก..."

    "งั้น...มิกะจังช่วยฉันหน่อยสิ..." มิโดริมะที่โดนปฏิเสธมาหลายรอบเริ่มหาตัวช่วยก่อนที่พวกรุ่นพี่เขาจะเอาตัวเขากลับไปโดยไม่ได้เงือกผมสีน้ำตาลคนนี้กลับไปด้วย

    "ช่วยอะไรค่ะ?" มิกะเอียงคอถาม ขณะที่ฟุริฮาตะเริ่มยิ้มเจื่อนๆ ...

    ...นี่เล่นจะให้มิกะช่วยเลยเหรอ!!!...แบบนี้เข้าข่ายหลอก (ใช้) เด็กนะ!!!...

    "อยากให้ช่วยกล่อมหมอนี่กลับขึ้นฝั่งกับเราน่ะ..." มิโดริมะชี้อย่างเจาะจงตัว "...คิดดูสิ ถ้าหมอนี่ยังอยู่นี้อาจโดนคนอื่นใส่ร้ายอีกนะ ก่อนหน้านี่ฉันได้ยินว่าคนบนเกาะหาว่าหมอนี่เป็นปีศาจค่อยจับคนกินล่ะ...ดังนั้นถ้าพาหมอนี่กลับฝั่งกับเราก็จะไม่ถูกใส่ร้ายอีกดีไหม?"

    ...เหตุผมบ้าอะไรของนายเนี่ย!?!...

    "งั้นเราพาคุณปลากลับไปด้วยกันเถอะค่ะ!!!"

    ...มิกะจังดันเชื่ออีก T0T...

    "นะค่ะ! คุณปลา! กลับด้วยกันนะค่ะ!" มิกะเอ่ยขอด้วยดวงตาใสแป่ว

    "เอ่อ...คือ..." ฟุริฮาตะเริ่มที่จะนึกหาทางแก้ตัวไม่ออก และในขณะนั้นเองเงือกหนุ่มก็ได้ยินเสียงคุ้นหูลอยมา...คาดว่าเจ้าของเสียงคงอยู่บนปากโพรงของถ้ำนี้พอดีเลยได่ยินเสียงดังลงมาชัดเจน

    "ปล่อย!!! ไอ้หัวแดง!!! เลิกเกาะเป็นปลิดทะเลได้แล้วโว้ย!!!" เสียงอันคุ้นหูของฟุริฮาตะดังขึ้นอย่างหงุดหงิด

    "ไม่มีทาง..." เสียงอันคุ้นหูของมิโดริมะ ทำให้เด็กหนุ่มผมเขียวเริ่มหน้าซีด...

    ...อาคาชิมาอยู่นี่ได้ไง!?! ทาคาโอะคงไม่ได้โทรตามมาช่วยหรอกนะ!?!...แถมคนที่กำลังเถียงกับอาคาชินั้น ถ้าปล่อยไว้โดนอาคาชิฆ่าหมกศพที่นี่แน่!!!...

    "มายุสุมิซัง?" ฟุริฮาตะคิ้มขมวดอย่างแปลกใจ เพราะปกติเพื่อนผมเงินที่อายุมากกว่าคนนี้ไม่ค่อยชอบแปลงเป็นมนุษย์เท่าไหร่นัก แล้วไหงมาเดินบนเกาะกับคนอื่นได้เนี่ย? เงือกหนุ่มรีบเปลี่ยนจากหางปลากลายเป็นขาคนทันทีต่อหน้าคนทั้งสอง...และเมื่อมิโดริมะเห็นก็รีบถอดเสื้อตนสวมทับร่างของเงือกหนุ่มด้วยใบหน้าแดงแจ๋

    "นายเปลี่ยนร่างเป็นคนได้หน้าตาเฉยเลยนะ!!!" มิโดริมะโวย ยิ่งนึกถึงร่างขาวๆ ที่เปลือยเปล่าไปทั้งตัวเมื่อครู่ใบหน้าก็ยิ่งร้อนพล่าน...

    ...ถ้าหมอนี่แปลงเป็นมนุษย์บ่อยๆ ล่ะก็เขามั่นใจเลยว่า...ถูกจับกดชัวท์...

    "โทษทีๆ ลืมคิดไปหน่อย..." ฟุริฮาตะเอ่ยออกมา...ที่จริงเขาก็โดนบ่นเรื่องลืมแต่งตัวตอนเป็นคนหลายครั้งเหมือนกัน "...เรารีบขึ้นไปด้านบนเถอะ...นี่มันน่าแปลกนะที่มายุสุมิซังมากับมนุษย์คนอื่นเนี่ย"

    เมื่อได้ยินดังนี้มิโดริมะรีบคว้ามิกะกับฟุริฮาตะขึ้นพาดบ่าและวิ่งขึ้นไปด้านบนเกาะทันที...ยิ่งอาคาชิมาด้วยยิ่งไม่ควรช้าเลย

    และทันทีเมื่อมาถึงปากโพรงมิโดริมะก็ถึงกับชะงัน...เมื่อเห็นร่างของคนในทีมตนกับเหล่าตัวจริงทีมราคุซันยืนหน้าสลอกกันอยู่

    "มาช้านะ...ชินทาโร่..." อาคาชิเอ่ยออกมาโดยที่มือหนึ่งจับคนผมเงินไว้แน่น...ราวกับกันอีกฝ่ายหนีงันแหละ "...นายรีบไปขึ้นเรือได้แล้ว ฉันพาคนทั้งเกาะขึ้นเรือไปแล้วนะเหลือนายคนเดียว"

    "นายจะจับฉันไว้ทำไมเนี่ย!? ปล่อยโว้ย!!!" เด็กหนุ่มผมเงินดิ้นพล่านๆ พยายามหลุดจากมือที่อีกฝ่ายจับไว้ให้ได้แต่...ไหงมือเหนียวเป็นปลาหมึกแบบนี้ฟะ!

    "มายุสุมิซัง?" ฟุริฮาตะที่ถูกมิโดริมะวางลงแล้วมองคนผมเงินสลับกับคนผมแดงที่ดูท่าทางน่ากลัว "กำลังทำอะไรอยู่ครับเนี่ย?"

    "ก็โดนเจ้าบ้าที่เกาะอยู่ไง!" มายุสุมิตอบพร้อมจ้องอย่างอาฆาตที่อาคาชิ

    "ถ้าคุณไม่คิดหนีทุกครั้งที่ละสายตาก็คงไม่ต้องเกาะแบบนี้หรอกครับ" อาคาชิเอ่ยพร้อมส่งยิ้มให้ฟุริฮาตะ จนเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลสะดุ้งและแอบไปหลบหลังคนผมสีเขียวที่กำลังปลงกับนิสัยที่คาดเดายากของอดีตกัปตันทีมตน

    "ทาคาโอะ...นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? อาคาชิมานี่ได้ไง?" มิโดริมะถามคู่หูตนที่เดินมาหา

    "ราคุซันมาซ้อมที่เดียวกันพอดี และพวกฉันเจออาคาชิตอนที่มิยาจิซังใกล้ตื้บตาชาวประมงที่ไม่ยอมพาพวกฉันมาที่นี่น่ะ...สุดท้ายอาคาชิก็พามานี่ได้โดนที่มายุสุมิซังเป็นคนนำทางนี่แหละ..." ทาคาโอะตอบคู่หูตน "...แถมอาคาชิดันถูกใจมายุสุมิซังอีก...จากนั้นเป็นไงชินจังคงรู้ดีกว่าฉันนะ"

    "ใช่...หมอนั้นไม่รอดแน่..." มิโดริมะสงสารคนผมเงินขึ้นมาจับใจ ขณะที่ฟุริฮาตะสงสัยในบทพูดของทั้งสอง

    "นี่...นายน่ะ...ที่หลบหลังชินทาโร่น่ะ..." เสียงเรียกจากคนน่ากลัวในสายตาฟุริฮาตะ ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งโหยง

    "ค...ครับ..." ฟุริฮาตะเริ่มที่จะตัวสั่นอย่างขลาดกลัว

    "อาคาชิ...อย่าแกล้งหมอนี่สิ" มิโดริมะเอ่ยแทนคนอื่นอย่างปกติไม่ค่อยได้เห็นนักเพราะเป็นพวกซึน (?)

    "ไม่ได้แกล้งสักน่อย...แค่มีเรื่องจะคุยด้วยก็เท่านั้น" อาคาชิหยักไหล่ โดยทำเมาจากสายตาอาฆาตของคนผมเงิน "นาย...สนใจไปเกียวโตกับฉันไหม?"

    "ห...ห๊า! / นายพูดอะไรของนายน่ะ!?" ทั้งฟุริฮาตะทั้งมิโดริมะต่างงงงวยกับคำถามของอาคาชิ

    "...ตกลงว่าไง?" อาคาชิไม่สนใจท่าทางตกใจของทั้งสองและเอ่ยถามย้ำ

    "อย่ามาขู่เพื่อนฉันนะ!!!" มายุสุมิตะโกนใส่อาคาชิ

    "นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?" ...หวังว่าอาคาชิไม่ได้อยากได้หมอนี่หรอกนะ? เขายังไม่อยากแข่งเรื่องอื่นนอกจากบาสกับอาคาชิหรอกนะ!!!

    "wwwคือ...คืออย่างนี้นะชินจัง..." ทาคาโอะที่กลั้นขำมานานสุดท้ายก็ระเบิดออกมาพร้อมตบไหล่คู่หูตนป้าบๆ จนคนโดนตบไหล่ค้อนใส่ "...คือก่อนหน้านี้อาคาชิบอกว่าจะให้มายุสุมิซังไปอยู่เกียวโตด้วยกันน่ะ แต่มายุสุมิซังไม่ยอมบอกว่าเป็นห่วงเพื่อนตน...คนที่หลบหลังนายนั้นแหละจะไม่มีใครดูแลยิ่งเอ๋อๆ บื้อๆ อยู่น่ะ อาคาชิเลยพูดหลอกไปจนมายุสุมิซังเผลอตกลงว่าถ้ามีคนค่อยดูแลหมอนี่แล้วจะยอมไปด้วยน่ะ"

    "ฉันก็ดูแลตัวเองได้นะ..." ฟุริฮาตเบ้หน้าเล็กน้อยเมื่อเพื่อนผมเงินทำอย่างกับเขาเป็นเด็กอย่างนั้นแหละ!

    "ไม่มีทางล้านเปอร์เซ็น!!!" มิโดริมะกับมายุสุมิเอ่ยออกมาพร้อมราวกับนัดหมาย...เพราะประสบความซื่อของคนครึ่งเงือกผมสีน้ำตาลมาแล้ว

    "ง...ง่ะ..." ฟุริฮาตะถึงกับผงะเมื่อถูกตอกกลับพร้อมกัน

    "เอาไงก็ช่าง...แต่นายต้องไปกับฉัน" อาคาชิเอ่ยเสียงนักแน่น

    "อาคาชิ นายจะเอาคนผมเงินนั้นไปก็ตามแต่ แต่คนนี้ฉันขอได้ไหม?" มิโดริมะเอ่ยออกมเป็นการบอกว่าตนก็ถูกใจเงือกตนนี้เหมือนกับที่อาคาชิสนใจเงือกผมเงิน

    "เอางั้นก็ได้..." อาคชิยอมง่ายๆ เพราะถ้าเพื่อนผมเขียวของตนเอาไปดูแล ก็ถือว่าเขาได้ประโยชน์เหมือนกัน "แต่ตอนนี้เราต้องกลับให้ทันก่อนมืด และรีบกลับขึ้นเรือได้แล้ว..."

    อาคาชิเริ่มไล่ทุกคนกลับขึ้นเรือทันที และสุดท้ายเลยกลายเป็นฟุริฮาตะก็ตื่นกับท่าทางน่ากลัวของอาคาชิจนเผลอขึ้นเรือกลับฝั่งไปด้วย

     

     

     

     

     

    "เอ่อ...สรุปผมต้องไปอยู่กับมิโดริมะสินะ..." ฟุริฮาตะนั่งเหงื่อตกอยู่ข้างๆ มิโดริมะ และฟังสิ่งที่อาคาชิขอ (บังคับ)

    หลังจากที่พวกเขากลับมากัน ชาวบ้านก็พากันฉลองกันยกใหญ่ด้วยความดีใจที่เพื่อนหรือครอบครัวตนยังมีชีวิตอยู่ โดยที่พวกเขาต้องพยายามหนีชาวบ้านที่มารุมขอบคุณที่พาคนที่เกาะกลับมาแทบตายและจากนั้น...ต้องมานั่งฟังอาคาชิเหมือนนั่งหน้ายมบาลอยู่นี่แหละ

    "ใช่" อาคาชิตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ "คำของฉันถือเป็นที่สุด ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดเข้าใจไหม?"

    "ครับ..." ...ใครจะกล้าไม่เข้าใจล่ะ

    "งั้นตกลงตามนี้...และมายุสุมิซังห้ามหนีด้วย" อาคาชิจับขาคนที่กำลังจะหนีไว้ และหลังจากนั้นทุกคนก็ได้ชมการเถียงกับของคนผมแดงกับคนผมเงินเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้อีกรอบ

    มิโดริมะไม่สนใจการเถียงของคนผมเงินกับอดีตกัปตันตน แต่ดวงตาสีเขียวจับจ้องเพียงคนผทสีน้ำตาลข้างกายเท่านั้น...แบบนี้เขาควรขอบคุณอาคาชิที่จัดการเรื่องให้สินะ?...แต่เอาเถอะ สำหรับเขาตอนนี้แค่มีฟุริฮาตะอยู่ข้างๆ ได้ก็โอแล้ว...

    ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้เขาได้เจอกับฟุริฮาตะโคกิ และต้องขอบคุณอาคาชิที่ทำให้อีกฝ่ายยอมไปอยู่กับเขาได้...

    ...แต่เรื่องจัดการรวบหัวรวบหางต้องรอไปก่อน และต้องหาทางตาม 'จีบ' เองล่ะนะ...เอาเป็นว่าคอยเชียร์กันหน่อยแล้วกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

    อันนี้มิโดฟุริจริงๆ น้าาาา

    แต่ไหงเหมือนกับอาคามายุมากกว่าก็ไม่รู้สิ

    ขอให้สนุกกับเรื่องที่เราเขียนนะ ^^

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×