ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #51 : [MuraFuri] Doll

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.72K
      44
      10 ต.ค. 57

    Title : Doll

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Murasakibara x Furihata

    Notes : shiko : อันดับ 2 ของการโหวตรอบที่สองมาแล้วจ้า!!!

    มุราซากิบาระ : อื้ม...ถึงตาฉันแล้วเหรอ?

    shiko : จ้า ถึงแล้วจ้า

    มุราซากิบาระ : สัปดาห์นี้ไม่เลทแฮะ

    Shiko : เราเปลี่ยนคอมใหม่แล้วล่ะ เลยไม่ต้องมาทะเลาะกับคอมแล้ว

    มุราซากิบาระ : เห็นเธอบอกว่าซ่อมได้แล้วนิ? แล้วไหงเปลี่ยนใหม่ล่ะ?

    Shiko : เราทำแค่ให้พอใช้ได้ ไม่ได้ซ่อมแบบหายขาดได้นิ...อีกอย่างคอมเรามันหมดอายุการใช้งานตามที่บริษัทกำหนดไปนานแล้ว จะเจ๊งจนต้องเปลี่ยนใหม่นี่ก็ไม่แปลกหรอก...

    มุราซากิบาระ : งั้นเหรอ...

    Shiko : ใช่จ้า...นายเลิกกินขนมได้แล้ว และลงไปแสดงได้แล้ว...

    มุราซากิบาระ : อื้ม... (เดินลงฟิคไปอย่างเฉื่อนๆ

    ................................................................

    Doll

     

    ...คุณเชื่อไหมครับ?...

    ...ว่าตุ๊กตาสามารถมีชีวิตได้?...

    ...คุณอาจไม่...

    ...แต่ผมเชื่อนะ เพราะ...

    ...ไอ้สิ่งที่ว่ามันอยู่ตรงหน้าผมเนี่ย!!!...

     

     

     

     

     

    "ว้าาาา แย่จังแฮะ" เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลบ่นพึมพำขณะมองท้องฟ้าสีดำมืดที่ฝนเทลงมาอย่างไม่ขาดสาย...

    ...ให้ตายเถอะ ทำไมวันนี้มันวังเวจังวะ แถมบรรยากาศยังกะหนังผีแหนะ...

    สมองของฟุริฮาตะคิดไปเรื่อยเปื่อย ยิ่งเสียงสะท้อนทุกฝีก้าวที่เขาเดินยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเริ่มจิตนาการไปถึงพวกสิ่งที่มองไม่เห็นอย่างง่ายดาย

    ...สาธุ...ขอล่ะ อย่ามีผีโผล่มาจริงๆ เลย!!!...

    ฟุริฮาตะเริ่มที่จะเร่งฝีเท้าตนเพื่อกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนที่ใกล้จะถึงบ้านของตนเด็กหนุ่มก็ชะงั้นไปเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนนิ่งท่ามกลางสายฝนโดยไม่มีร่มมาบดบังร่างจากสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาเลย ในมือของหญิงสาวถือตุ๊กตาตัวใหญ่ไว้ตัวหนึ่งก่อนที่มือนั้นจะปล่อยตุ๊กตาตัวนั้นร่วงลงสู่กองขยะที่อยู่เบื้องหน้าตน

    "อย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย เจ้าปีศาจ..." หญิงสาวพูดออกมาอย่างแผ่วเบาจนเสียงแทบถูกกลบด้วยเสียงฝนจนมิด

    "คุณครับ คุณ...ยืนตากฝนแบบนี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอกครับ" ฟุริฮาตะที่งงงวยกับท่าทางแปลกๆ ของหญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างหวังดีต่ออีกฝ่าย

    หญิงสาวสะดุ้งแล้วหันมามองฟุริฮาตะด้วยท่าทางเหมือนตื่นกลัวบางอย่างก่อนที่จะคล้ายท่าทางหวาดกลัวนั้นลงเมื่อเห็นว่าคนที่เรียกตนเป็นเพียงเด็กม.ปลายคนหนึ่งเท่านั้น

    "ขอบคุณที่เตือนจ๊ะ แต่ฉันไม่เป็นไรหรอก" หญิงสาวส่งยิ้มให้ฟุริฮาตะก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ

    "อะไรของเขาหว่า?" ฟุริฮาตะมองคนที่เดินจากไปอย่างงงๆ ก่อนที่จะสายตาเหลือบเห็นตุ๊กตาที่หญิงสาวเอามาทิ้งไว้อย่างชัดๆ ...

    ...ตุ๊กตาที่นอนแน่นิ่งในกองขยะ เป็นตุ๊กตาผู้ชายที่ตัวใหญ่พอสมควรน่าจะตัวประมาณเท่ากับเด็กสองสามขวบ เป็นตุ๊กตายี่ห้อใดเขาไม่รู้หรอกรู้แค่มันทำได้เหมือนคนจริงๆ มาก...เหมือนจนน่ากลัวเลยล่ะ ตุ๊กตาตัวนี้มีเรือนผมสีม่วงสวยยาวประบ่า ชุดที่ใส่เป็นเพียงเศษผ้าที่ดูเหมือนแค่เอามามัดๆ ปิดร่างไว้เท่านั้นจนทำให้ตุ๊กตาตัวนี้ดูมูลค่าลดลงทันตา ดวงหน้าตุ๊กตาที่ดูหล่อเหลาเอาการแต่เพราะสายฝนหรือเปล่าไม่รู้ถึงทำให้ตุ๊กตาตัวนี้กำลังร้องไห้

    ด้วยความสงสารหรืออะไรดลใจไม่รู้ฟุริฮาตะได้หยิบตุ๊กตาขึ้นมาจากกองขยะ สัมพัสนุ่มมือเหมือนผิวหนังมนุษย์จริงๆ มากทำให้เด็กหนุ่มอดทึ่งกับคนที่สร้างตุ๊กตาตัวนี้ขึ้นมาเหลือเกิน

    เด็กหนุ่มพินิจตุ๊กตาในมือเล็กน้อยก่อนที่จะตัดสินใจนำกลับบ้านไปด้วย โดยหารู้ไม่ว่าจะมีเรื่องปวดหัวชวนหน้ามืดตามมาด้วยเป็นของแถม...

    ...เมื่อกลับถึงบ้านฟุริฮาตะก็พบว่าแม่ของทิ้งจดหมายไว้ว่าโดนสั่งให้ไปทำงานกับพ่อที่ไทย (พอดีนึกประเทศอื่นไม่ออก) และจะอยู่ทำงานที่นั้นประมาณสามปีแล้วจะกลับ =[]= อะไรจะไปกันนานขนาดนั้นคร้าบบบบ!!! นี่โดนส่งให้ไปทำงานหรือโดนส่งให้ไปอยู่เลยเนี่ย!!!

    เด็กหนุ่มได้แต่ปลงนิดๆ กับซะตากรรมของเอง ก่อนที่จะเอาตุ๊กตาที่ตนเก็บมาไปล้างกลิ่นขยะออกด้วยหน้าแดงนิดๆ ...ก็ใครจะคิดว่าตุ๊กตานี้ 'ส่วนนั้น' ยังเหมือนคนจริงๆ เลยล่ะ!!!

    และจากนั้นฟุริฮาตะก็เอาชุดสมัยเด็กของตนมาใส่ให้ตุ๊กตาพร้อมกับนำไปวางไว้บนโต๊ะหนังสือ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลงไปอาบน้ำกินข้าวและขึ้นมานอนหลับตามปกติที่เป็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

    กึก...กึก...

    เสียงเหมือนสีฝีเท้าดังขึ้นในบ้านที่ไม่มีผู้อื่นอยู่นอกจากเด็กหนุ่มผู้นอนหลับสนิกไม่รับรู้สิ่งใดที่ตอนนี้เกิดขึ้นในบ้านตนเลย เสียงฝีเท้านั้นมาหยุดที่ปลายเตียงของเด็กหนุ่ม แสงไฟสลัวๆ จากภายนอกทำให้เห็เพื่อร่างเงารางๆ ที่สูงกว่าสองเมตรเท่านั้น...

     

     

     

     

     

    จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ...

    เสียงนกร้องรับเช้าวันใหม่ทำให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลตื่นจากนิทราพร้อมความรู้สึกหนักๆ ที่ตัวจนน่าแปลกใจ ดวงตาสีน้ำตาลค่อยลืมขึ้นมาก่อนที่อาการง่วงจะหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อ...

    ...ตอนนี้มีร่างเด็กหนุ่มผมสีม่วงร่างสูงใหญ่นอนขด (เพราะถ้านอนเหยียดขามันเลยเตียง) พร้อมกอดเขาไว้ต่างหมอนข้างอยู่!!!

    "เฮ้ย!!!!!! นายเป็นครายยยย!?!?!" ฟุริฮาตะโวยเสียงดังลั่นปลุกให้คนที่กอดตนอยู่เริ่มลืมตาขึ้นมา

    "อืม~~~ เสียงดังจังน้าาาา ขอนอนต่อไม่ได้เหรอ?" คนผมสีม่วงพูดเสียงยานๆ อย่างขี้เกียจๆ ปนกับเมาขี้ตา

    "ได้...ซะที่ไหนล่ะ!!! นายเป็นใครเนี่ย!?!" ฟุริฮาตะอาศัยช่วงที่เด็กหนุ่มผมม่วงมุดลอดแขนของอีกฝ่ายออกมาและถอยออกห่างให้มากที่สุด

    "อ่ะ..." คนผมม่วงที่เห็นฟุริฮาตะถอยห่างนัยน์ตาก็ไหวแปลกและ... "แง้!!!"

    "เฮ้ย!!!" ฟุริฮาตะสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายร้องไห้เสียดื้อๆ แถมยังพุ่งมากอดเขาราวเด็กๆ อีก ทั้งที่ตัวใหญ่อย่างกับอะไร "นายเป็นอะไรไป!!!"

    ...โอ้ย! จะบ้าตาย! นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!?!...

    "อย่าทิ้งฉันนะ..." คนผมม่วงเกาะฟุริฮาตะแน่น "...อย่าทิ้งฉันไปอีกคนนะ...แง้งงงงงงงงง"

    "ด...เดี๋ยว...หยุดร้องเถอะ...ขอล่ะ..."

    ...คนที่อยากร้องไห้มันเขาต่างหากล่ะ!...

    ฟุริฮาตะก็ได้เพียงโวยในใจ เด็กหนุ่มลูบผมสีม่วงเบาๆ ราวกับปลอบขวัญอีกฝ่าย "ช่วยเล่าทีสิ...ว่านายมาในบ้านฉันได้ไง? แล้วนายมานอนกอดฉันได้ไงเนี่ย?"

    "อื้ม..." เด็กหนุ่มผมม่วงพยักหน้ารับ "...เมื่อวานนายเก็บฉันมาเองนะ"

    "เอ๋?" คราวนี้ฟุริฮาตะก็ถึงกับงงกับคำตอบที่ไม่ตรงคำถามของอีกฝ่ายและสมองเกือบหยุดทำงานเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานที่เขาเก็บเป็นตุ๊กตามาตัวหนึ่งและคนตรงหน้านี้เหมือนตุ๊กตาที่เขาเก็บมาเป๊ะเลยนี้หว่า!!! "นายคือตุ๊กตาตัวนั้นเหรอ!?!"

    "ก็ใช่น่ะสิ..." เด็กหนุ่มผมม่วงเกาะฟุริฮาตะแน่นกว่าเดิม แถมยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกละรอบ "...อย่าทิ้งฉันไปเหมือนคนอื่นๆ นะ"

    "เอ่อ..." ฟุริฮาตะเอ๋อกินเรียบร้อยแล้วครับ "...นาย...ช่วยปล่อยก่อนได้ไหม? ฉันหายใจไม่ออกน่ะ"

    "ถ้าฉันปล่อยจะไม่หนีไปใช่ไหม? และจะไม่ทำร้ายฉันใช่ไหม?..." ดวงตาสีม่วงจ้องเป้งที่คนผมสีน้ำตาล

    "ไม่หนีหรอกน่า" ฟุริฮาตะยืนยัน...ที่จริงไอ้กลัวโดนทำร้ายน่าจะเป็นฉันมากกว่านะ นายเล่นตัวใหญ่ซะ

    "อื้ม" แขนใหญ่ของอีกฝ่ายค่อยๆ ปล่อยฟุริฮาตะให้เป็นอิสระ

    "ฉันว่าเราลงไปคุยข้างล่างดีกว่านะ..." ฟุริฮาตะลากคนตัวโตกว่าลงไปยังห้องรับแขกชั้นล่าง และมานั่งจับเข่าคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวกัน "นาย...ชื่ออะไรล่ะ?"

    "มุราซากิบาระ อัตสึชิ" คนผมม่วงแอบหยิบคุกกี้บนโต๊ะมากิน "แล้วนาย?"

    "ฉันฟุริฮาตะ โคกิ" ฟุริฮาตะตอบ

    "เรียกฟุริจินได้เปล่า?" ดวงตาสีม่วงมองอย่างกับ...เด็กแน่ะ แถมเป็นเด็กเล็กเสียด้วยสิ

    "ได้สิ..." ...ยังไงก็มีคนชอบแปลงชื่อเขาคนหนึ่งแล้ว เพิ่มอีกสักคนจะเป็นไร

    "นี่ๆ ฟุริจิน ไอ้นี้อะไรเหรอ? อร่อยดีจัง..." มุราซากิบาระยกขวดโหลที่ใส่ขนมสีขาวเอาไว้ กับกล่องสีแดงๆ ให้ดู

    "มาสเมลโร่กับคุกกี้ไง" ฟุริฮาตะตอบพร้อมยิ้มแห้งๆ กับท่าทางเหมือนเด็กที่ไม่เคยออกจากบ้านของอีกฝ่าย

    "เหรอ~~ อร่อยจัง" แล้วมุราซากิบาระก็กินต่อไป

    "...ตกลง...นายเป็นตุ๊กตา?" ฟุริฮาตะรู้สึกว่ามันแปลกสุดๆ กับเรื่องที่เหมือนหลุดมาจากนิยายสักเรื่องเนี้ย

    "ใช่" มุราซากิบาระตอบทั้งที่ในปากเคี้ยวขนมตุยๆ

    "...แล้วทำไมนายถึง...เอ่อ...กลายเป็นคนได้ล่ะ?" ที่จริงฟุริฮาตะอยากถามทำไมถึงมีชีวิตได้มากกว่า แต่จากนิสัยดูท่าจะเด็กกว่าตัวคงตีความหมายไปอย่างอื่นจนร้องไห้อีกแหง

    "ไม่รู้อ่ะ" มุราซากิบาระส่ายหน้า "รู้แค่คนที่สร้างฉันขึ้นมา บอกว่าสร้างฉันขึ้นมาแทนที่ลูกชายเขาที่ถูกรถชนตายน่ะ"

    "...นอกจากนี้พอรู้อะไรอีกไหม?" ฟุริฮาตะรู้สึกว่าไอ้เรื่องแนวนี้เหมือนเคยดูในหนังสักเรื่องยังไงไม่รู้

    "อืม...นอกจากนี้เหรอ..." มุราซากิบาะทำท่าครุ่นคิด "...จำได้แค่ว่าคนที่สร้างฉันบอกอีกว่าฉันนั้นจะเหมือนมนุษย์ทุกอย่างต่างแค่สามารถกลายเป็นตุ๊กตาได้ด้วยแค่นั้นเอง"

    "เหมือนทุกอย่างเหรอ?" ฟุริฮาตะทวนซ้ำอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก

    "อืม ทุกอย่างไม่ว่ากิน นอน หรือเข้าห้องน้ำด้วย" มุราซากิบาระตอบด้วยสีหน้าแปลกๆ "...แต่เพราะแบบนี้เลยทำให้ฉันถูกทิ้งตลอดเลย"

    "ถูกทิ้ง?" ฟุริฮาตะนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน...อืม ถูกเอามาทิ้งจริงๆ นั้นแหละ คงเพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นผีมั้ง? จะว่าไปก็เหมือนแฮะ...ถ้าเจ้าตัวไม่บอกเขาคงคิดว่าเป็นตุ๊กตาผีสิงแน่

    "อื้ม..." มุราซากิบาระกระดึบๆ เข้าไปนั่งใกล้คนผมสีน้ำตาล "...ส่วนใหญ่ฉันจะแกล้งทำตัวเป็นตุ๊กตาตลอดแต่มักซวยอะไรไม่รู้ ต่อให้ระวังแค่ไหนสุดท้ายก็โดนจับได้ตลอด...ตอนถูกเจอในสภาพมนุษย์เนี่ยถ้าไม่โดดหนีแบบฟุริจินก็จะถูกอะไรต่อมิอะไรขว้างใส่ตลอดเลยอ่ะ และหลังจากนั้นก็โดนทิ้งทุกที"

    "งั้นเหรอ...คงลำบากมากสินะ..." ฟุริฮาตะรู้สึกสงสารอีกฝ่ายขึ้นมาจริงๆ "...ว่าแต่แล้วคนที่สร้างนายล่ะ? เขาหายไปไหนเหรอ?"

    "ป่วยตายเมื่อสามปีก่อน่ะ" มุราซากิบาระตอบพลางดึงฟุริฮาตะมากอดเล่น ซึ่งฟุริฮาตะก็ไม่ได้ว่าอะไร

    "งั้นเหรอ...เสียใจด้วยนะ" ฟุริฮาตะเอ่ยขึ้น "แล้วถ้านายอยู่ในร่างมนุษย์ได้ทำไมไม่ไปหางานทำและอยู่ด้วยตัวเองเลยล่ะ?"

    "...ถึงฉันจะมีพวกเอกสารที่คนที่สร้างฉันปลอมให้ แต่ฉันถ้าไม่มีใครเอาเป็นเจ้าของก็จะเป็นได้แค่ตุ๊กตาเท่านั้นแหละ" มุราซากิบาระนึกหงุดหงิดที่ข้อจำกัดของเขามันดูน่ารำคาญชะมัด ใช้เกรณ์อะไรในการการกำหนดก็ไม่รู้...

    ...ข้อจำกัดในการทำให้เขาอยู่ในร่างมนุษย์มีสองข้อ แรกคือต้องมีเจ้าของที่รับเขาไว้หรือไม่ก็ต้องเลือกข้อสอง...ที่เขาว่าเขาไม่มีทางทำได้แน่

    "หมายความว่านายจะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีเจ้าของเหรอ?" ฟุริฮาตะคิดว่านี่ปัญหาใหญ่พอดูเลย

    "อื้ม ใช่แล้ว" มุราซากิบาระตอบ "ถ้าไม่มีเจ้าของก็เหมือนฉันตายไปแล้วนั้นแหละ"

    "แย่จังนะ...แบบนี้นายก็ไม่มีอิสระเลยสิ" ฟุริฮาตะพูดเสียงแผ่ว ยิ่งฟังแบบนี้แล้วจากตอนแรกที่เขาคิดจะกล่อมให้อีกฝ่ายไปหาคนอื่นก็จะทำเช่นนั้นไม่ลงเสียแล้ว...

    "ฟุริจินจะเสียงแผ่วทำไมล่ะ? ในเมื่อคนที่เป็นไม่ใช่ฟุริจินซะหน่อย...อีกอย่างฉันไม่ได้รู้สึกไม่มีอิสระอะไรนิ สำหรับฉันแค่ฟุริจินไม่รังเกียจฉันเหมือนคนอื่นๆ ก็พอแล้ว" มุราซากิบาระเอาหน้าซุกเรือนผมสีน้ำตาลของคนในอ้อมแขน...นานแล้วนะเนี่ย ที่เขาไม่ได้กอดใครจริงๆ แบบนี้ "ฟุริจินเนี่ยใจดีจังนะ"

    "...อื้ม" ฟุริฮาตะทำเพียงตอบสั้นๆ ขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้น มุราซากิบาระจึงปล่อยให้ฟุริฮาตะไปรับโทรศัพท์ที่หน้าบ้านโดยที่ตัวคนผมม่วงเองก็เดินตามมาด้วย เด็กหนุ่มยกหูโทรศัพท์ขึ้น "ครับ บ้านฟุริฮาตะครับ"

    'ฟุริฮาตะคุง...' เสียงนิ่งๆ อันเป็นเอกลักษณ์ทำให้เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าใครโทรมา

    "คุโรโกะ?" ฟุริฮาตะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่คนที่โทรมาคือคุโรโกะแทนที่จะเป็นเพื่อนสนิกทั้งสองของเขา

    'ครับ...ผมเอง...ตอนนี้ฟุริฮาตะคุงยังอยู่ที่บ้านเหรอครับ? วันนี้คุณลืมนัดซ้อมที่โค้ชนัดไว้หรือเปล่าครับ? ทุกคนมากันเกือบครบแล้วนะครับเหลือคุณกับคางามิคุงสองคนเอง...' คำพูดของคุโรโกะทำให้ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง เหงื่อตกนิดๆ รู้สึกได้ถึงความซวยที่กำลังจะมาเยือนเลยล่ะ

    "ฉันลืมสนิกเลย..." ฟุริฮาตะตอบเสียงแห้ง

    'งั้นผมว่าคุณรีบมาดีกว่าครับก่อนที่โค้ชจะองค์ลง' คุโรโกะพูดพร้อมกับที่เสียงปลายสายมีเสียงสยองๆ ลอดเข้ามาด้วย

    "อืม! จะไปเดี๋ยวนี้แหละ!!!" ฟุริฮาตะรีบวางสายโทรศัพท์และรีบไปอาบน้ำแต่งตัวทันที ทิ้งให้คนร่างใหญ่ผมม่วงยืนงงกับท่าทางจองเด็กหนุ่มคนเดียว

     

     

     

     

     

    "ฟุริฮาตะคุง! มาสายนะ!!!...แล้วข้างๆ นั้นใครน่ะ?!" ริโกะที่แว๊ดใส่ฟุริฮาตะเมื่อครู่จับจ้องไปที่คนสูงเกินสองเมตรข้างกายลูกทีมตน

    "เอ่อ...คนที่ตอนนี้อาศัยอยู่บ้านเดียวกับผมน่ะครับ" ฟุริฮาตะยิ้มแห้ง...ที่จริงเขากะทิ้งคนผมม่วงนี้ไว้ที่บ้านแต่ตอนก่อนออกจากบ้านอีกฝ่ายก็ดัน...

    'ฟุริจินจะไปไหนเหรอ?' นั้นคือสิ่งที่มุราซากิบาระถามเมื่อเขาบอกให้อีกฝ่ายเฝ้าบ้านให้ด้วย

    'วันนี้ฉันมีซ้อมน่ะ เลยต้องรีบไปแล้วล่ะ' เขาตอบไปตามจริงอย่างไม่คิดปิดบัง...ก็เขาไปซ้อมบาสนะไม่ได้ไปวางระเบิด

    'ซ้อมอะไรเหรอ? มันกินได้ไหมอ่ะ?' มุราซากิบาระถามราวเด็กเล็กๆ

    'ฉันไปซ้อมบาสน่ะ และบาสเนี่ยกินไม่ได้หรอกนะ' เขาอมยิ้มน้อยกับท่าทางเหมือนเด็กทั้งที่ตัวโตกว่าสองเมตรแถมในร่างมนุษย์ยังดูน่าจะอายุใกล้เคียงกับตัวเขานี่แหละ...เลยดูเหมือนเด็กโข่งไปเลย

    'ฟุริจิน...' ดวงตาสีม่วงจ้องเป้งมาที่เขา '...ฉันขอไปด้วยได้เปล่าอ่ะ?'

    'เอ๋?' เขามองคนที่ทำท่าเหมือนจะอ้อน 'นายจะไปทำไมล่ะ? ฉันไปซ้อมนะไม่ได้ไปเที่ยว'

    'ก็ปกติฉันก็ได้แต่อยู่ในบ้านไม่ได้ออกไปไหนเลยนิ...เลยอยากออกไปบ้างอ่ะ..." มุราซากิบาระบอกอย่างนี้ 'นะๆๆๆๆๆ ให้ฉันไปด้ยนะ'

    '...' เขามองอีกฝ่ายนิ่งก่อนที่จะถอดหายใจ 'ก็ได้...แต่นายอย่าดื้อล่ะ'

    'เย้! ขอบคุณนะฟุริจิน!' แล้วมุราซากิบาระก็โดดกอดเขาและตามเขามาจถึงที่โค้ชนัดเขาไว้เนี่ยแหละ

    "เอ๋~ เพื่อนฟุริเหรอ~~" โคงาเนะที่เดินมาพร้อมมิโตเบะมองคนผมม่วงข้างกายรุ่นน้องตน

    "ครับ..." ฟุริฮาตะได้เพียงตอบเสียงแห้งไปอย่างนั้น

    "ฟุริฮาตะคุง...แล้วคุณพาเขามาด้วยทำไมเหรอครับ?" คุโรโกะถามอย่างสงสัย

    "..." ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ "...คือหมอนี่บอกว่าอยากมาด้วยน่ะ"

    "งั้นเหรอครับ..." คุโรโกะแม้จะรู้สึกข้องใจบ้างอย่างแต่ก็ไม่ติดใจอะไรเลยปล่อยมันผ่านๆ ไป และในระหว่างที่คนในทีมเซย์รินกำลังให้ความสนใจกับคนผมม่วงนั้น...

    "โทษทีที่มาสาย!...ครับ!" ร่างคนผมสีเพลิงที่วิ่งกระหือกระหอบมาหยุดอยู่ตรงหน้ากลุ่มของตน "ให้ตายเถอะ วิ่งมาแทบตาย...แล้วข้างๆ นายน่ะใครเหรอ? ฟุริ?"

    "คนที่มาอยู่บ้านฉันในตอนนี้น่ะ..." ฟุริฮาตะตอบเอสของทีมตนที่ดูท่าเหนื่อยกับการวิ่งมารวมกลุ่มที่นี้มาก "คางามิ...นายเอาน้ำหน่อยไหม?"

    "ก็ดี..." คางามิตอบรับทันที

    "อ่ะ! นี่!" ฟุริฮาตะหยิบขวดน้ำยื่นให้คางามิ

    "ขอบใจ..." คางามิยกน้ำขึ้นกระดกจนหมดขวด ก่อนที่จะมองไปยังคนผมม่วงที่มองตนมาตั้งแต่เมื่อครู่ "...ว่าแต่...นายจะมองฉันทำไมเนี่ย?!"

    "เปล่า แค่สงสัยน่ะ..." มุราซากิบาระยื่นมือมากอดคอฟุริฮาตะ "...ว่าทำไมคิ้วนายมันแฉกแปลกๆ แบบนั้นน่ะ?"

    "ว่าไงนะ!? แก!" คางามิแยกเขี้ยวใส่คนที่ว่าตน

    "คางามิคุง! ตะโกนมาได้! หนวกหูนะยะ!!!" ริโกะหยิบพัดกระดาษฟาดพลั๊วใส่คนผมสีเพลิง จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยงก่อนที่จะไปหลบหลังผู้เป็นเงาของตน "ตอนนี้ก็สายมาแล้ว!!! อย่ามามัวอู้แล้วไปซ้อมกันได้แล้ว!!!"

    "ครับ!!!" เหล่านักบาสทีมเซย์รินขานรับก่อนรีบแยกย้ายกันไปซ้อมทันที

    "ส่วนนาย..." ริโกะมองคนผมม่วงที่ตามองตามฟุริฮาตะตาละห้อยราวลูกหมาถูกทิ้ง "...ไปหาที่นั่งรอฟุริฮาตะคุงซ้อมเสร็จแล้วกันถ้าเบื่อก็อ่านนี่ไปพลางๆ ก่อน โอเคนะ?"

    "อื้ม..." มุราซากิบาระตอบรับและรับหนังสือคู่มือการเล่นบาสมาอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากลองดีกับความโหดของคนเป็นโค้ชของที่นี่เท่าไหร่นัก

    การซ้อมทุกอย่างในวันนี้ก็เป็นไปด้วยดีเหมือนเช่นเคย ที่ต่างออกไปก็มีเพียงร่าวของคนสูงกว่าสองเมตรที่นั่งปุ๊บมองฟุริฮาตะอย่างไม่วางตาเท่านั้น

    "เฮ้ ฟุริ..." คาวาฮาระเรียกเพื่อนสนิกของตน พร้อมเหล่ตามองคนผมสีม่วง "...ฉันรู้สึกว่าหมอนั่นมองนายตาไม่กระพริบเลยนะ...ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้"

    "นั้นน่ะสิ" ฟุคุดะก็เห็นด้วย

    "แฮะๆ ไม่มีอะไรหรอกน่า" ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ ถึงเขาจะรู้ว่าที่มุราซากิบาระจ้องเขาไม่วางตาคงเพราะกลัวถูกเขาทิ้งนั้นแหละและบวกกับนิสัยที่ดูท่าจะเหมือนเด็กด้วยแล้วเขาก็ไม่แปลกใจอะไรล่ะ

    "เอ้า! ทุกคน! ฟังทางนี้!" ริโกะเรียกให้ทุกคนในชมรมบาสหันมามอง "พรุ่งนี้เราจะมีการซ้อมแข่งกับโรงเรียนoooนะ!"

    "เดี๋ยว...ริโกะ โรงเรียนนั้นมัน..." ฮิวงะที่ได้ยินชื่อโรงเรียนที่ตนต้องซ้อมแข่งด้วยก็หน้าหนิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่ค่อยชอบใจเพราะโรงเรียนนั้น...

    "ใช่...โรงเรียนที่เล่นสรกปกพอๆ กับฮานามิยะนั้นแหละ" ริโกะตอบยืนยันในความคิดของกัปตันทีมของทีม "แต่ยังไงก็คงปกติเสธไม่ได้แล้วล่ะ...ตอนแรกที่ได้ยินก็แทบเสยหน้าคนที่เลือกคู่ซ้อมแข่งคราวนี้เหมือนกัน (พอดีคราวนี้ริโกะใช้คนอื่นไป) เอาเถอะ! ยังไงก็มารวมตัวกันตอนแปดโมงตรงห้ามสายห้ามเลทเด็ดขาดเข้าใจไหม!?!"

    "ครับ!!!..." ...เล่นแยกเขี้ยวปานจะขบหัวแบบนั้นใครจะกล้าไม่เข้าใจล่ะครับ! แม่คุณ!!!

    ฟุริฮาตะถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ ก่อนที่จะเดินแลัวไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัวและก็กลับบ้านพร้อมกับมุราซากิบาระ

    และหลังกินข้าวเย็นเสร็จฟุริฮาตะก็ต้องเถียงกับมุราซากิบาระอยู่นานเรื่องให้อีกฝ่ายไปนอนที่ห้องพ่อแม่เขาเพราะเตียงมันใหญ่กว่า แต่เด็กโข่งร่างยักษ์กลับไม่ยอมบอกว่าอยากนอนด้วยจนสุดท้ายเป็นอันว่าฟุริฮาตะก็ใจอ่อนยอมให้มุราซากิบาระนอนด้วยโดยที่ตนต้องย้ายไปนอนที่ห้องของพ่อแม่ตนนั้นเอง

     

     

     

     

     

    เช้าวันใหม่อันสดใสแต่ไม่สงบเมื่อเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลดันตื่นขึ้นมาต้อนรับเช้าวันใหม่ตอนเจ็ดโมงสี่สิบห้าเป็นเหตุให้ต้องวิ่งโครมครามออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว โดนมีคนผมม่วงวิ่งตามออกมาด้วย

    "นายจะตามมาด้วยทำไมเนี่ย?! มุราซากิบาระ! นายนอนอยู่บ้านเฉยๆ ก็ได้นิ!?" ฟุริฮาตะถามขณะวิ่งอยู่ โดยที่คนถูกถามวิ่งได้ทันเขาในไม่กี่ก้าวเพราะขายาว...ชิ! ทำไมเขาไม่สูงแบบนี้บ้างเนี่ย!?

    "ไม่เอา..." มุราซากิบาระตอบอย่างไม่ต้องผ่านสมองสักนิด "...อยากอยู่กับฟุริจินอ่ะ"

    "...เฮ้อ" ฟุริฮาตะได้แต่อ่อนใจกับอีกฝ่าย ขาสองขาก็ยังคงวิ่งต่อไป "แล้วอย่ามาบ่นว่าเบื่อแล้วกัน"

    ...ถึงเขาคิดว่าการซ้อมแข่งครั้งนี้จะดูไม่น่าเบื่อก็เถอะ...

    "อื้ม!" มุราซากิบารตอบรับพร้อมคว้าตัวคนผมน้ำตาลขึ้นพาดบ่า

    "เหวอ!!!" ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาเมื่อขาไม่ติดพื้น "นายทำอะไรของนายเนี่ย!? ปล่อยฉันลงน้าาาาา!!!"

    "ก็ฟุริจินวิ่งช้านี่น่า ถ้าไปช้าเดี๋ยวโดนผู้หญิงที่ดูน่ากลัวคนนั้นดุเอาหรอก" มุราซากิบาระตอบอย่างมีเหตุผล ฟุริฮาตะจึงยอมให้อีกฝ่ายแบกตนไปอย่างโดยดีเพราะกลัวโค้ชตนองค์ลงเหมือนกัน

    ไม่นานทั้งสองก็โผล่มาตรงที่เหล่านักบาสทีมเซย์รินมายืนรวมตัวกันอยู่พร้อมกับเข็มนาฬิกาเลื่อนสู่เลขแปดพอดีเด๊ะ

    "โอ้ ไนท์...ฟุริ กับ...เอ่อ..." คิโยชิเอ่ยเสียงใสก่อนที่จะอ่ำอึ้งเพราะกะเรียกชื่อคนที่มาด้วยกับรุ่นน้องตน แต่ลืมไปว่าไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่าย "นายชื่ออะไรนะเมื่อวานไม่ได้ถามน่ะ แฮะๆ"

    "มุราซากิบาระ อัตสึชิ" คนผมม่วงตอบพร้อมวางร่างเล็ก (เมื่อเทียบกับตน) ลงสู่พื้นโดนสวัสดิภาพ

    "อ๋าา ยินดีที่ได้รู้จักนะมุราซากิบาระ" คิโยชิยิ้มแฉ่ง "ฉันคิโยชิ เท็ปเปนะ!"

    "อื้ม..." มุราซากิบาระตอบสั้นๆ เนื้องจากเห็นคนหน้าเป็นคนนี้แล้วเป็นไรไม่รู้ รู้สึกหงุดหงิดซะมัด...เป็นไปได้ไม่อยากส่งเสียงตอบรับเลยด้วยซ้ำ...

    ...ถ้าไม่ติดว่าเมื่อวานฟุริจินคอยสอนเรื่องที่ต้องทำในสังคมปกติให้และถ้าไม่ทำอาจโดนฟุริจินโกรธเอาล่ะก็ คนตรงหน้านี้เขาจะไม่ตอบอะไรกลับไปราวกับอีกฝ่ายไม่มีตัวตนเลยล่ะ

    "มากันครบแล้วใช่ไหม?" ริโกะกวาดตามมองสมาชิกทุกคน "แล้วคุโรโกะคุงล่ะ? ยังไม่มาเหรอ?"

    "ผมอยู่นี้ครับโค้ช" คุโรโกะเอ่ยขึ้นเพื่อให้รู้ว่าตนนั้นอยู่ที่ตรงนี้

    "แล้วอิสึกิล่ะ?" ริโกะหันซ้ายหันขวาหาคนที่มักเล่นมุขไม่ดูเวลาของทีมตน

    "อิสึกิเป็นหวัดน่ะ มาไม่ได้หรอก" ฮิวงะตอบพลางนึกถึงเสียงเพื่อนที่โทรากระงอกกระแงกว่าอยากมาซ้อมแข่งด้วยใส่เมื่อเช้า

    "โอเค...งั้นครบก็แล้วล่ะ! ไปกันเถอะพวกเรา!" แล้วริโกะก็เดินนำไป

    เหล่าทีมบาสเซย์รินเดินทางขึ้นรถประจำทางไปครึ่งชั่วโมงและเดินเท้าอีกหนึ่งชั่วโมงก็มาถึง ณ โรงเรียนซึ่งจะเป็นคู่ซ้อมแข่งในวันนี้

    ริโกะไปทักทายเจ้าของสถานที่เล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มการแข่งทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา

    ตอนแข่งนั้นในช่วงแรกๆ นั้นก็ดูปกติดีทุกอย่างแต่พอผ่านไปครึ่งเกมลวดลายสกปกของทีมคู่แข่งก็เริ่มแผลกฤทธิ์ออกมา เหล่าผู้เล่นทีมเซย์รินต่างพยายามหลบหลีกการกระทำอันทำให้ตนต้องบาดเจ็บ แต่สุดท้ายก็มีคนพลาดถูกผู้เล่นอีกทีมศอกใส่อย่างแรงที่ขมับจนสลบไปในช่วงหมด Q2 พอดี...

    ...คนคนนั้นคือฟุริฮาตะ โคกิ

    "ฟุริ!!! / ฟุริฮาตะคุง!!! / ฟุริจิน!!!" เหล่าคนในทีมเซย์รินและคนผมม่วงที่นั่งดูอยู่ร้องตะโกนออกมาเมื่อเห็นคนผมสีน้ำตาลสลบไปโดยมีเลือดอาบที่ใบหน้า

    ริโกะขอเวลานอกจากกรรมการทันที คางามิก็อุ้มฟุริฮาตะเข้าข้างสนามอย่างไม่ต้องรอให้ใครบอก คาวาฮาระกับฟุคุดะก็รีบทำแผลให้เพื่อนสนิกตนอย่างรวดเร็วโดยมีมุราซากิบาระยืนทำดูอยู่ข้างๆ ด้วยความเป็นห่วงปนกับรู้สึกโกรธที่มีคนมาทำร้ายฟุริฮาตะ ก่อนที่เด็กหนุ่มร่างใหญ่จะเอ่ยในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดออกมา

    "ขอฉันลงแข่งแทนฟุริจินได้เปล่า?" มุราซากิบาระเอ่ยออกมาหน้าตาย...ถึงเขาไม่ค่อยจะชอบอะไรที่ต้องออกแรง แต่เขาไม่อยากปล่อยคนที่ทำร้ายคนที่เป็นเจ้าของเขาในตอนนี้ถูกคนอื่นจัดการแทนตน...อย่างฟุริจินเขามั่นใจว่าคงไม่มีทางที่จะดีใจแน่ถ้าเขาไปแก้แค้นให้โดยวิธีชกต่อยหรืออะไรพวกนี้ ดังนั้นก็เหลือเพียงวิธีเดียวคือแข่งบาสให้ชนะอีกฝ่ายซะ...

    "จะบ้าเหรอ!? นายไม่เคยเล่นบาสด้วยซ้ำนะ!!!" ริโกะแว๊ดใส่คนผมม่วง เธอจะปล่อยคนที่ไม่เจดสนามแบบนี้ลงไปเจ็บตัวไม่ได้เด็ดขาด!!! "ถ้านายลงไปแล้วบาดเจ็บไปด้วยจะทำไง!?!"

    "ถีงอย่างนั้นฉันก็อยากที่จะลงแข่งด้วย..." มุราซากิบาระยืนยัดคำเดิม "...และเมื่อวานก็อ่านกฏกติกามาหมดแล้วด้วย ดังนั้นนะ ขอนะ"

    "ฮิวงะ...ช่วยกล่อมหมอนี่หน่อยสิ" ริโกะที่ใกล้จะทนลูกอ้อนเด็กโข่งไม่ไหวหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนตน

    "เอ่อ...นิสัยอย่างหมอนี่ฉันเดาวิธีที่จะกล่อมไม่ออกเหมือนกัน" ฮิวงะตอบแบบขอบาย

    "งั้นลองสักตั้งดูก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยให้เปลี่ยนตัวแล้วกัน" คิโยชิเสนอ

    "ได้ที่ไหนฟะ! อีกอย่างนายมีเสื้อทีมให้หมอนี่ใส่หรือไงฟะ!?!" ฮิวงะแยกเขี้ยวใส่คนหน้าเป็นที่ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวนี้

    "ได้สิ...อีกอย่างฉันมีชุดทีมของฉันที่สึจิดะตัดผิดมาด้วยล่ะ ดูขนาดพอๆ กับมุราซากิบาระพอดีด้วยล่ะ" คิโยชิยิ้มพร้อมหยิบเสื้อที่ตนบอกออกจากกระเป๋า...ซึ่งมันใหญ่ขนาดพอดีกับมุราซากิบาระพอดีจริงๆ แถมปัดเลขผิดเป็นเบอร์สิบเจ็ดด้วย

    "ตัดผิดอีกท่าไหนเนี่ย..." ฮิวงะพูดอย่างปลงนิดๆ เพราะตอนนี้เท่ากับว่าตนหาข้อเถียงคิโยชิไม่ได้แล้ว "...งั้นเอาตามนายบอกก็ได้"

    "งั้นเอาตามนี่นะ..." คิโยชิยิ้มแฉ่งที่ตนเถียงชนะ "...นี่มุราซากิบาระ นายเอาชุดนี้ไปเปลี่ยนแล้วถ้ามาทันก่อนแข่งจะเริ่ม ฮิวงะบอกเดี๋ยวให้ลงแข่งด้วย"

    "อื้ม" มุราซากิบาระตอบรับพร้อมคว้าชุดมาเปลี่ยนทันที

    เมื่อหมดเวลาพักทั้งสองทีมก็ต่างพากันมาเริ่มแข่งต่อทันที ทีมตรงข้ามมองร่างอันใหญ่ยักษ์ของมุราซากิบาระที่ตอนนี้ถูกริโกะจับเป็นเซ็นเตอร์เพราะขนาดตัวเหมาะมากที่จะรับตำแหน่งนี้

    การแข่งดำเนินไปผู้เล่นทีมตรงข้ามพยายามขจัดมุราซากิบารออกจากเกมแข่งเจ้าตัวไหวทันทุกครั้งบวกกับด้วยความสูงจึงทำให้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ จากมุมสูงได้ง่ายเลยทำให้จับไต๋ทีมตรงข้ามได้พอประมาณ และสุดท้ายทีมเซย์รินเลยชนะได้อย่างขาดลอยไปเลย

    "อ่าา ขอบใจที่ช่วยพลิกเกมให้นะ" คิโยชิเอ่ยขึ้นระหว่างเดินทางกลับกัน

    "ไม่ได้ช่วยนายซะหน่อย ฉันทำเพื่อฟุริจินต่างหาก" มุราซากิบาระที่รู้สึกไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายทำหน้ามุ่ยขณะที่ตนแบกฟุริฮาตะที่จนถึงตอยนี้ยังไม่ฟื้นไว้ที่หลัง "ว่าแต่ฟุริจินจะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย? ปานนี้ยังไม่ฟื้นเลย..."

    "นั้นสินะ...ยังไงเราเอาฟุริไปตรวจที่โรง'บาลใกล้ๆ นี้ก่อนดีกว่า" ฮิวงะมองรุ่นน้องตนที่ยังคงสลบไสลก่อนที่จะกวาดตามองหาว่าแถวๆ นี้มีโรงพยาบาลหรือคลินิกหรือเปล่า

    "นั้นสิครับ...อ่ะ! ตรงนั้นมีโรงพยาบาลด้วยครับ" คุโรโกะเอ่ยขึ้นเมื่อดวงตาสีฟ้าเหลือบไปเห็นป้ายโรงพยาบาลที่ตั้งเด่นอยู่พอดี

    ฮิวงะ ริโกะและมุราซากิบาระพาฟุริฮาตะเข้าไปตรวจในโรงพยาบาลและผลตรวจที่ได้ออกมาไม่ค่อยดีนัก เมื่อหมอบอกว่าได้รับการกระทบกระเทือกควรทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลก่อนเพื่อดูอาการ

    ดังนั้นสุดท้ายมุราซากิบาระอาสา (ออกไปทางเด็กงอแงจะทำตามใจตนมากกว่า) ว่าจะเฝ้าฟุริฮาตะที่โรงพยาบาลเองโดยที่ทุกคนในทีมเซย์รินต่างพากันกลับบ้านแล้วจะมาเยี่ยมใหญ่ในวันพรุ่งนี้...

    ...ซึ่งแน่นอนด้วยเหตุที่ว่าวิธีที่คนผมม่วงบอกเป็นวิธีที่ดีที่สุดริโกะกับฮิวงะจึงไปอธิบายให้คนในทีมตนฟังก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมัน

     

     

     

     

     

    ...อื้ม...เจ็บจัง...

    ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมอาการปวดหนึบที่บริเวณขมับ สิ่งที่ปรากฏในสายตาของเด็กหนุ่มคือเพดานสีขาวสะอาดตา ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆ กวาดตาไปทั่วๆ ห้องที่เขาคาดว่าที่นี่น่าจะเป็นห้องของโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่จะมาหยุดที่หัวม่วงๆ ที่ฟุบอยู่ข้างๆ ตน

    "มุราซากิบาระ..." ฟุริฮาตะเอ่ยเรียกชื่อคนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ เบาๆ และค่อยๆ นึกทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น...

    ...อื้ม~ จำได้ว่าเราซ้อมแข่งอยู่นี่หว่า? จากนั้นก็เหมือนโดนอะไรสักอย่างกระแทก...แล้วมันเกิดอะไรขึ้นต่อหว่า? แล้วการแข่งเป็นไงเนี่ย?...

    "อื้ม~~~" มุราซากิบาระครางออกมาเบาๆ เมื่อถูกเรียกและที่จะค่อยๆ เงยหน้ามองฟุริฮาตะ ก่อนที่จะพุ่งเข้ากอดคนผมสีน้ำตาลจนคนถูกกอดสะดุ้ง "ฟุริจิน แง้~~"

    "ม...มุราซากิบาระ! นายร้องไห้ทำไมเนี่ย!?" ฟุริฮาตะถามขึ้น ในหัวเริ่มรู้สึกว่าเหมือนเคยโดนคล้ายๆ แบบนี้มารอบหนึ่งแล้วแฮะ

    "ก...ก็ฟุริจินเล่นหลับไปไม่ยอมตื่นเลยนิ ฮือ~ คิดว่าฟุริจินจะทิ้งฉันไปอีกคนแล้วซะอีก" มุราซากิบาระยังคงร้องไห้งอแงไม่หยุด

    "โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง..." ฟุริฮาตะพยายามปลอบคนตัวใหญ่แต่นิสัยเด็กให้หยุดร้องไห้ก่อนที่มันจะรบกวนคนอื่นเขา ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่า

    ...ให้ตายเถอะ! รู้อยู่หรอกนะว่ากลัว...แต่อย่ามาแช่งกันหน้าตาเฉยสิ! เขาคงไม่ตายเร็วนักหรอกมั้ง?...

    "อื้ม..." มุราซากิบาระตอบรับอย่างว่าง่ายและเซ็ดน้ำตาตนอย่างลวดๆ "...ฟุริจินๆ หมอเขาบอกว่าถ้านายฟื้นแล้วให้เรียกด้วย...ฉันต้องไปเรียกจริงๆ หรือเปล่า?"

    "อ่า ใช่ นายต้องไปเรียกคุณหมอมานะ" ฟุริฮาตะตอบคำถามให้คนผมม่วง มุราซากิบาระก็พยักหน้ารับก่นที่จะเดินไปตามหมอมา

    ไม่ถึงคงสิบนาทีหมอก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมตรวจร่างกายทุกอย่างกับฟุริฮาตะ เมื่อตรวเสร็จและไม่พอความผิดปกติอะไรก็อนุญาติให้ฟุริฮาตะกลับบ้านได้

    และทันทีที่เดินออกจากโรงพยาบาลก็เจอเหล่าทีมเซย์รินที่จะมาเยี่ยมพอดี เป็นอันว่าเรื่องราวในคราวนี้ผ่านไปด้วยดี ทุกคนเลยพากันเดินกลับไปยังโรงเรียนเพื่อไปซ้อมกันต่อในช่วงบ่าย ซึ่งแน่นอนฟุริฮาตะโดนสั่งว่าห้ามลงซ้อมด้วยเด็ดขาด

    ระหว่างที่เดินทางกลับกันนั้นคิโยชิเล่าให้ฟุริฮาตะฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวสลบไปแล้วนั้นเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ทุกอย่างถูกเล่าออกจากปากทุกคนจนฟุริฮาตะนึกอึ้งเล็กน้อยเพราะจากที่ฟังจากที่มุราซากิบาระบอกรู้สึกว่าเจ้าตัวเคยเล่นบาสช่วงหนึ่งตอนที่ยังอยู่กับคนที่สร้างตนขึ้นมาแต่ก็ไม่ค่อยชอบเล่นเท่าไหร่นักเลยเป็นอันเลิกไป...เขาไม่คิดว่ามุราซากิบาระนึกคึกอยากเล่นขึ้นมาเฉยๆ แน่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมเพราะถ้าอีกฝ่ายจะทำอะไรก็เป็นสิทธิส่วนตัวของอีกฝ่าย เขาก็เลยทำเพียงปล่อยทุกอย่างไปเท่านั้น

     

     

     

     

     

    กาลเวลาผ่านพ้นจนจบอินเตอร์ไฮท์ ฟุริฮาตะกับมุราซากิบาระก็สนิกกันมาขึ้นจนถ้าใครไม่รู้อาจคิดว่าเป็นคู่โฮโมได้เลยทีเดียว

    ในช่วงที่ผ่านมานี่ฟุริฮาตะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับคนผมม่วงมากขึ้นเยอะอย่างตอนนี้เขารู้ว่าอีกฝ่ายชอบกินขนมมากจนแทบกินแทนข้าวอยู่แล้วจนทำให้เขาต้องค่อยเตือนเรื่องอาหารการกินของอีกฝ่ายไปเลยทีเดียว...

    ...และมุราซากิบาระก็ติดฟุริฮาตะมากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน...คิดดูขนาดตอนแรกๆ ถึงขนาดตอนที่ฟุริฮาตะต้องไปโรงเรียนยังร้องงอแงขอไปด้วยแต่ก็โดนฟุริฮาตะยื่นคำขาดว่าไปด้วยไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นนักเรียนในโรงเรียนด้วย มุราซากิบาระก็เลยแอบตามฟุริฮาตะไปถึงเซย์รินและทำเรื่องของสอบแทรกชั้น...

    ...จนสุดท้ายหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ฟุริฮาตะก็แทบเงิบตกจากเก้าอี้ให้ห้องเรียนเมื่ออยู่ๆ ครูประจำชั้นก็พาคนผมม่วงที่คุ้นหน้าดีมาบอกว่าเป็นนักเรียนสอบแทรกชั้นและจะมาเรียนด้วย

    นับแต่บัดนั้นมามุราซากิบาระก็ตัวติดกับฟุริฮาตะยิ่งกว่าตังเม ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ขนาดชมรมมุราซากิบาระยังเลือกเข้าชมรมบาสตามฟุริฮาตะเลย...ช่างปานเด็กติดผู้ปกครองดีแท้

    "แย่จังเนอะ...อีกนิดเดียวก็จะชนะราคุซันแล้วเชียว" โคงาเนะพูดขึ้นอย่างเช็งระหว่างที่เหล่านักบาสของเซย์รินพากันเดินกลับบ้านหลังจากเพิ่งแพ้มาในรอบชิงชนะเลิศของอินเตอร์ไฮท์มาหยกๆ "พวกนั้นแกร่งมากเลยแฮะ"

    "น้านนนนสิ โดยเฉพาะคนหัวแดงๆ นั้นเก่งชะมัด" มุราซากิบาระที่เดินกอดคอฟุริฮาตะอย่างหมดแรงพูดขึ้นพลางนึกถึงคนผมแดงในสนามเมื่อครู่ที่ดูไม่ค่อยต่างจากคนที่ตนกอดนั้นแต่เก่งหลุดโลกเลย

    "ครับ...อาคาชิคุงแกร่งขึ้นมาอีกขั้นแล้ว..." คุโรโกะเริ่มนึกแล้วว่าอดีตกัปตันทีมตนอาจเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ ตามที่ใครหลายๆ คนว่ามาก็ได้

    "เอาน่า...ยังไงเราก็ทำดีที่สุดแล้วนี้" ฟุริฮาตะเอ่ยปากพูดเพื่อกันไม่ให้บรรยากาศเริ่มที่จะเฉาลงกว่าเดิม

    "อย่างที่ฟุริฮาตะคุงพูดนั้นแหละ อีกอย่างต่อให้เฉาไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาสู้เอาเวลาไปซ้อมดีกว่า!!!" ริโกะที่เดินนำอยู่เอ่ยออกมาอีกคน "ถ้าไม่หายซึมเดียวพรุ่งนี้ให้ซ้อมหกเท่าซะนิ..."

    "หายแล้วจ้า!!!" ทั้งทีมรีบเอ่ยออกมาเป็นเสียงเดียวกันก่อนที่จะได้ตายอย่างเขียดในการซ้อมเข้าให้

    "ริโกะจิน...อย่าเพิ่มเลยนะ..." มุราซากิบาระแทบจะน้ำตาซึม...แค่ปกติเพิ่มสามเท่าก็จะตายอยู่แล้ว!!! ถ้าหกเท่าไม่ต้องขุดหลุมรอเลยเหรอ!?!

    "เอ้า! ไม่เพิ่มก็ไม่เพิ่ม..." ริโกะที่มองหน้าคนในทีมที่ทำหน้าใกล้ตายก็ได้แต่ถอดหายใจอย่างปลงๆ "...เอาเป็นว่าวันพรุ่งนี้ลุกมาซ้อมด้วยแล้วกัน...ใครไม่มาคงรู้นะว่าจะเจอกับอะไร

    "ครับ!!!" ทุกคนขานรับอย่างเหงื่อตกซิกๆ เพราะรู้ดีว่าตนจะเจออะไรถ้าเบี้ยวไม่ไปซ้อมในวันพรุ่งนี้

    "งั้นพวกเรากลับกันเถอะ!!!" ริโกะที่ได้ยินคำตอบที่น่าพอใจแล้วก็เดินนำขบวนเพื่อที่จะกลับกันตามปกติ แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเมื่อ...

    "หลีกไป!!!" เสียงตะโกนกร้าวของใครบางคนดังขึ้น ทุกคนที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวก็ต่างพากันหลบด้วยสัญชาตญาญ ร่างอันผอมแห้งของชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งผ่านเหล่านักบาสทีมเซย์ไปก่อนที่จะสะดุ้งขาตนเองเองล้ม

    "หยุดนะยอมให้จับซะดีๆ!!!" ชายในเครื่องแบบกรุดกันเข้ามาล้อมร่างของชายหนุ่มร่างผอมไว้

    "ไม่มีวันซะล่ะ!!!" ชายผู้ถูกไล่ตามเอ่ยด้วยเสียงหอบจากการวิ่ง และชักบางอย่างออกมาพร้อมกับที่เสียงหนึ่งดังขึ้นมา

    ปัง! ปัง! ปัง!

    เสียงปืนดังกังวาลราวกับสัตว์ร้ายดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด เจ้าของถือยิงลูกกระสุนไปทั่วอย่างไม่สนว่าจะโดนใครบ้าง ก่อนเรื่องทุกอย่างจะจบลงด้วยการที่ตำรวจนายหนึ่งโดดไปตะลุมบอนกับคนถือปืนอย่างไม่เกรงกลัว และจับผู้ต้องหาใส่กุญแจมือได้

    "ให้ตายสิ...มีใครเป็นอะไรไหมเนี่ย!?" นายตำรวจที่เพิ่งใกับคนมีปืนมาหมาดๆ เอ่ยถามคนที่อยู่ในบริเวณนี้ทั้งหมด

    "ทุกคน!!! ปลอดภัยไหม!?!" ริโกะที่ถูกฮิวงะกอดไว้ถามขึ้นเพิ่งเซ็กว่าคนในทีมตนปลอดภัยทุกคนหรือเปล่า

    "โดนเฉี่ยวๆ น่ะ แต่ฉันไม่เป็นไร" ฮิวงะตอบพลางกวาดตามองคนลูกทีมที่ดูจะตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ก่อนที่สายตาจะไปหยุดที่ร่างของคนผมม่วงกับ...ร่างของรุ่นน้องตนในอ้อมแขนของคนร่างยักษ์ที่สั่นเทา "มุราซากิบาระ!!! เกิดอะไรขึ้น!?! ฟุริฮาตะเป็นอะไรหรือเปล่า!?!"

    "ฟุริจิน...ฟุริจินเขา..." มุราซากิบาระพูดด้วยเสียงสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ซึ่งนั้นเป็นสัญญาณว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่...และเป็นเรื่องไม่ดีด้วย

    ไวเท่าความคิดทุกคนในทีมเซย์รินต่างวิ่งเข้าไปดูอาการเพื่อน และก็แทบหยุดหายใจเมื่อ...ร่างที่นอนแน่นิ่งกับพื้นมีรอยกระสุนสามถึงสี่นัดฝังอยู่ในร่างกาย ลมหายใจก็เริ่มแผ่วลงทุกขณะ

    "รีบเรียกรถพยาบาลเร็วเข้า!!!" ฮิวงะที่ตะโกนบอกให้ใครก็ได้ในที่นี้รีบเรียกรถพยาบาลมาเสียเดี๋ยวนี้!!!

    "ฉันเรียกให้แล้ว!!!" นายตำรวจนายหนึ่งที่เห็นตั้งแต่ฟุริฮาตะล้มลงตะโกนบอกกลับ พร้อมกับที่รถพยาบาลที่นายตำรวจเรียกมาก่อนหน้ามาถึงพอดีเพราะโรงพยาบาลอยู่ห่างจากนี่ไม่มากนัก

    ฟุริฮาตะถูกลำเรียงส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนทันทีท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมทีมกับพวกคนที่มุงดูอยู่ทั้งหลาย

    พวกริโกะรีบให้ปากคำกับทางตำรวจเล็กน้อยก่อนที่จะไปที่โรงพยาบาลตามฟุริฮาตะไปอย่างรีบเร่ง

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาลทุกคนก็ต่างนั่งกระวนกระวายอยู่ที่หน้าห้องไอซียูที่ฟุริฮาตะถูกส่งเข้าไป หมอและพยาบาลเดินเข้าออกกันว่อนไปว่อนมาสร้างแรงกดดันให้แก่ผู้ที่รอคอยมากมายยิ่งนัก

    สามชั่วโมงผ่านไปหมอคนหนึ่งซึ่งได้รับหน้าที่เป็นเจ้าของไข้ใหฟุริฮาตะก็ออกมาบอกข่าว...ข่าวร้ายว่าฟุริฮาตะมีโอกาสรอดไม่มากนัก

    ตอนนี้ทุกคนได้แต่หวัง...หวังว่าฟุริฮาตะจะรอดมาได้แม้โอกาสมันจะน้อยแค่ไหนก็ตาม

     

     

     

     

     

    "ผ่านมาเกือบเดือนแล้วนะครับ...ที่ฟุริฮาตะคุงยังอยู่ในห้องไอซียูน่ะ..." คุโรโกะพูดขึ้นขณะที่เดินไปพร้อมมุราซากิบาระเพื่อที่จะไปเยี่ยมฟุริฮาตะที่บัดนี้ก็ยังคงอยู่ในห้องไอซียู...

    ...อาการของฟุริฮาตะนั้นถึงแม้เจ้าตัวจะฟื้นขึ้นมาและพอพูดคุยกับคนอื่นได้แต่ก็ยังคงไม่พ้นขีดอันตรายอยู่ดี ทางพวกหมอพวกพยาบาลก็ได้แต่ค่อยประค้ำประคองตามอาการไปเท่านั้น

    "นั้นสินะ..." มุราซากิบาระตอบเสียงอ๋อย "นี่คุโระจิน...ฟุริจินจะต้องหายใช้ไหม? ฟุริจินจะกลับมาเล่นบาสเหมือนเดิมและยิ้มเหมือนเดิมใช่ไหม?"

    "เรื่องนั้น...ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ" คุโรโกะยิ้มเศร้าๆ ...เขาก็รู้สึกไม่ต่างจากคนผมม่วงข้างกายนัก เขาอยากให้ฟุริฮาตะคนที่ค่อยยิ้มและให้กำลังใจทุกคนกลับมาอยู่ร่วมทีมดังเดิม ไม่อยากให้ชีวิตของเพื่อนเขาถูกตัดลงเพียงเพราะคนที่ไม่รู้จักเพียงคนๆ เดียวเลย

    จากนั้นทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลยจนเดินมาถึงยังจุดที่ฟุริฮาตะรักษาตัวอยู่ ภายในห้องนี้สายระโหยงระหยางเต็มไปหมดจากเครื่องช่วยชีวิตทั้งหลายแหลง ร่างที่นอนสงบในห้องนี้ก็มีสายติดตามร่างกายเต็มไปหมดเช่นกัน

    "มุราซากิบาระ...คุโรโกะ..." ฟุริฮาตะที่ถูกสวมเครื่องช่วยหายใจส่งยิ้มให้เพื่อนทั้งสองของตน เสียงที่ถูกเอ่ยออกมาแห้บแห้งจนน่าใจหายยิ่งนัก "...วันนี้มากันสองคนเหรอ?"

    "ครับ...พวกรุ่นพี่เขาติดการแนะแนวการศึกษาต่อน่ะครับ คาวาฮาระคุงกับฟุคุดะคุงโดนพวกอาจาย์เรียกไปคุยเพราะคะแนนตกคงอีกนานกว่าอาจาย์จะยอมปล่อยออกมาแน่ครับ ส่วนคางามิคุงก็ติดนัดกับฮิมุโระซังคาดว่าเดี๋ยวคงตามมาน่ะครับ" คุโรโกะพยายามส่งยิ้มให้ฟุริฮาตะ เสียแต่ว่าวันนี้เพื่อนของตนคนนี้ดูอาการแย่กว่าเมื่อวานเสียอีก...มันทำให้เขายิ้มไม่ออกจริงๆ

    กริ้งงงงงงงงงงง...

    เสียงริงโทนเบาๆ ดังขึ้นมาจากในกระเป๋าของคนผมฟ้า เด็กหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาดูสายที่เรียกเข้า เบอร์ที่แสดงคือเบอร์ของแม่เขาเองเจ้าตัวเลยจำต้องออกจากห้องไป ทิ้งให้เด็กโข่งร่างยักษ์อยู่กับฟุริฮาตะสองคน

    "...ฟุริจิน..." มุราซากิบาระเรียกคนบนเตียงให้หันมามองตน

    "มีอะไร...เหรอ...มุราซากิบาระ..." เสียงของฟุริฮาตะเริ่มขาดช่วงบ่งบอกว่าอาการของอีกฝ่ายทรุดลงไปกว่าเดิม

    "...ฟุริจินจะหายใช่ไหม?" มุราซากิบาระเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความกลัว...กลัวว่าตนจะต้องอยู่คนเดียว...กลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป... "ฟุริจินจะกลับมาเล่นด้วยกันเหมือนเดิมใช่ไหม? จะมาคอยดุเวลาที่ฉันกินขนมมากไปเหมือนเดิมใช่ไหม? จะคอยปลอบโยนฉันเหมือนเดิมใช่ไหม?"

    "..." ฟุริฮาตะไม่ตอบอะไรอีกฝ่ายเพียงยิ้มให้ดังเดิมเท่านั้น

    "ฟุริจิน...ขอร้องล่ะ..." ดวงตาสีม่วงสวยเริ่มที่จะมีน้ำใสคลออยู่ "...อย่าตายนะ...อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียว...ขอร้อง"

    ...ทำไมกัน...ทำไมคนที่ถูกยิงไม่ใช่เขา? ...ทำไมต้องเป็นฟุริจินด้วย!!!...

    "ขอโทษนะ..." ฟุริฮาตะเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมยิ้มออกมาราวกับกำลังเยาะเย้ยในชะตากรรมของตนเอง "...ฉันคง...จะทำตาม...คำขอนั้น...ไม่ได้หรอก"

    ...เขารู้สภาพตัวตัวเองดี...

    ...ในตอนนี้น่ะ...

    ...เวลาของเขา...

    ...ใกล้ที่จะหมดลงแล้ว...

    "อย่าพูดอย่างนั้นสิ...ไม่เอานะ..." มุราซากิบาระกุ่มมือที่แสนเย็นเฉียบของฟุริฮาตะไว้ "...ฟุริจินต้องไม่เป็นไรนะ...ฟุริจิน..."

    "คงไม่ได้...หรอกนะ..." ฟุริฮาตะรู้สึกอ่อนใจเล็กน้อยกับคนที่ไม่ต่างจากเด็กข้างกายของตน "อย่าร้องไห้สิ..."

    "ฟุริจิน..."

    "...จากนี้ไป...นายต้องเจอ...คนที่ยอมรับนาย...เหมือนฉันแน่..."

    "ฟุริจิน..."

    "นายจะต้อง...มีความสุขแน่...เข้มแข็งเข้าไว้สิ..."

    "ฟุริจิน..."

    "และนาย...ลืมฉันเถอะนะ...เพื่อตัวนายเอง..."

    "ฟุริจิน!!!" มุราซากิบาระตะโกนใส่ฟุริฮาตะเสียงดัง "อย่าพูดอะไรบ้าๆ นะ!!! ฉันจะไม่มีทางลืมฟุริจินเด็ดขาด!!! ไม่มีวันลืมได้หรอก!!!"

    "นายนี่ดื้อจังนะ..." ฟุริฮาตะยิ้มบางๆ "ถึงอย่างนั้น...ฉันก็ดีใจนะ...ที่นาย...บอกอย่างนี้...แต่ว่านะ...หมดเวลา...ของฉัน...แล้วล่ะ..."

    "ฟุริจิน? ฟุริจิน!!!" มุราซากิบาระที่เห็นว่าฟุริฮาตะเริ่มนิ่งไปพร้อมกับที่แผงสัญญาณเครื่องช่วยชีวิตต่างๆ เริ่มดูที่จะผิดปกติ เด็กหนุ่มผมม่วงจึงรีบเรียกหมอมาทันที

    เหล่าหมอและพยาบาลทั้งหลายต่างวิ่งเข้ามาในห้องและมุราซากิบาระก็ถูกเชิญให้ออกมารอด้านนอก

    "มุราซากิบาระคุง!!! เกิดอะไรขึ้นครับ!?! ฟุริฮาตะคุงเป็นอะไรไป!?!" คุโรโกะที่กลับมาทันเห็นเหตุการณ์วุ่นวายจากหมอและพยาบาลที่วิ่งเข้าออกห้องไอซียูเป็นว่าเล่นเอ่ยถามแก่คนผมม่วงที่ดูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

    "ฉันไม่รู้...รู้แต่ว่า...ฟุริจินบอกว่า...เวลาของฟุริจินหมดลงแล้วน่ะ...ฮือ~~~" มุราซากิบาระกอดเข่าร้องไห้อย่างไม่สนใจใคร ในต้องนี้ในใจมีแค่ความกลัวว่าจะเสียอีกฝ่ายไปจริงๆ เท่านั้น

    "มุราซากิบาระคุง...ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ..." เด็กหนุ่มผู้จืดจางพยายามปลอบคนจัวใหญ่กว่าให้หยุดร้อง และขณะนั้นก็มีหมอคนหนึ่งเดินมาหาคุโรโกะพอดี

    "คุโรโกะคุง...มุราซากิบาระคุง...คือหมอเสียใจด้วย...คนไข้เสียแล้ว..." คุณหมอเจ้าของไข้ที่เห็นหน้ากันมาตลอดเกือบเดือนแจ้งข่าวร้ายให้ทั้งสองฟัง

    คุโรโกะนิ่งงั่นอย่างเสียศูนย์ไปทันทีกับข่าวร้ายที่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เช่นเดียวกับมุราซากิบาระที่ร้องไห้ปานจะขาดใจตายตามไปด้วยอีกคนให้ได้

    หลังจากที่เริ่มตั้งสติกันได้แล้ว มุราซากิบาระก็เดินเข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของฟุริฮาตะและยืนดูเงียบๆ ทางคุโรโกะและคุณหมอที่เห็นว่าควรปล่อยอีกฝ่ายไว้คนเดียวสักพักเลยพากันออกจากห้องไปทิ้งเด็กหนุ่มผมม่วงไว้คนเดียว

    ดวงตาสีม่วงจับจ้องร่างที่นอนสงบนิ่งราวกับหลับไปเท่านั้น น้ำตาหลั่นไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย นึกเสียใจเหลือเกินที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ ยังมีลมหายใจอยู่ทั้งที่อีกฝ่ายนั้นไม่มีทางหายใจและไม่มีทางลืมตาตื่นขึ้นมาได้อีกแล้ว...

    ที่จริงเขาควรที่จะกลับกลายเป็นตุ๊กตาดังเดิมตั้งแต่อีกฝ่ายสิ้นลมแล้ว แต่เมื่อเขายังอยู่ในร่างมนุษย์นั้นหมายความว่าเข้าบรรลุข้อจำกัดข้อที่สองไปแล้ว...

    ...ข้อแรกคือต้องมีเจ้าของ ซึ่งนั้นก็คือแค่มีคนยอมรับว่าเป็นเจ้าของและเมื่ออีกฝ่ายไม่ต้องการและทิ้งเขาเมื่อไหร่เขาก็จะกลายเป็นเพียงตุ๊กตาที่ไม่อาจขยับเขยื้อยได้เท่านั้น

    ...ส่วนข้อสองคือ...เขาต้องรักใครคนหนึ่งจากก้นบึ้งของหัวใจ ซึ่งนั้นจะทำให้เขากลายเป็นมนุษย์ไปอย่างถาวร

    ...ซึ่งความรักนั้นเขาได้มอบให้แก่ฟุริฮาตะ โคกิไปทั้งหัวใจ...

    ...เขาไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น เขายอมสูญเสียทุกอย่างถ้าได้อยู่ข้างกายฟุริจิน...

    ...แล้วทำไมกันนะ...เรื่องแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้น?...

    ...เขาทำอะไรผิด?...ทำไมถึงพรากฟุริจินไปจากเขากัน?...

    ...ช่างทรมานเหลือเกิน...ที่ยังอยู่ตรงนี้โดยไม่มีฟุริจิน...

    "ฟุริจิน..." มุราซากิบาระลูบเรือนผมสีน้ำตาลของฟุริฮาตะเบาๆ "...ฟุริจินฉันรักฟุริจินนะ...รักมาก...รักมากที่สุด..."

    เด็กหนุ่มพูดกับร่างไร้วิญญาณของอีกฝ่ายแม้รู้ก็ตามว่า...ฟุริฮาตะไม่มีวันที่จะยินเสียงของเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหวัง...หวังว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงของเขา

     

     

     

     

     

    "คุณมาที่นี่อีกแล้วเหรอครับ?" เสียงนิ่งๆ อันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังของชายหนุ่มคนหนึ่งผู้มีผมสีม่วงสวยที่ยืนนิ่งในสุสานแห่งหนึ่ง

    ชายหนุ่มหันกลับไปมองคนที่เรียกตน และก็พบว่าคนที่เรียกนั้นคือชายหนุ่มผมฟ้าผู้จืดจางนั้นเอง "ไง...คุโระจิน...ไม่เจอกันนานเลยนะ"

    "ครับ...ไม่เจอกันนานเลยนะครับ มุราซากิบาระคุง" คุโรโกะเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับวางช่อดอกไม้ลงที่หน้าป้ายหลุมศพที่สลักชื่อไว้ว่า 'ฟุริฮาตะ โคกิ'

    หลังจากวันที่ฟุริฮาตะเสียชีวิตไป มุราซากิบาระก็ทำงานและเรียนไปด้วยเพื่อหาเงินเรียนและหาเงินใช้ในชีวิตประจำวัน ถึงแม้จะยากลำบากแต่ด้วยคำพูดที่ฟุริฮาตะบอกไว้ก่อนตายว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้นั้นก็เป็นแรงผลักดันให้เขาอยู่ต่อไป จนในตอนนี้เขาได้เป็นเจ้าของร้านขนมชื่อดังที่ไม่ว่าใครที่ไหนก็รู้จัก...

    ...ทุกๆ ลมหายใจของเขาในตอนนี้เขาก็ยังคงมอบให้แก่ฟุริฮาตะ และไม่เคยลืมความรักที่ฝังในหัวใจที่มีต่ออีกฝ่ายได้เลย

    "หวังว่าคุณคงไม่ได้โดดงานมาอีกแล้วใช่ไหมครับ?" คุโรโกะถามเนื่องจากหลายๆ ครั้ง เขาเห็นว่าร้านของคนผมม่วงนี้ชอบปิดบ่อยๆ เพราะเจ้าของร้านที่พ่วงตำแหน่งคนทำขนมมักแว่บมาที่นี่ประจำ

    "คราวนี้เปล่าสักหน่อย วันนี้มันวันหยุดของร้านน่ะ" มุราซากิบาระตอบก่อนที่จะโดนครูอนุบาลผมฟ้าดุเอา

    "ถ้างั้นก็แล้วไปครับ" คุโรโกะมองด้วยสายตาคาดโทษว่าถ้ามีแว่บมาอีกตอนที่ต้องทำงานล่ะก็จะจับมาเทศซะเลย "เรากลับกันเถอะครับ...วันนี้ทุกคนมารวมตัวกันที่สตรีทบาสแถวๆ มาจิเบอร์เกอร์ที่เดิมทุกคนเลยนะครับ เห็นบอกว่ารุ่นพี่สึจิดะเสนอให้มารวมตัวกันรำลึกความหลังน่ะครับ"

    "อืม...คุโระจินไปก่อนเลย เดี๋ยวสักพักฉันค่อยไป" มุราซากิบาระบอก คุโรโกะก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่จะเดินออกจากสุสานไป

    เมื่อได้อยู่คนเดียวแล้วชายหนุ่มผมม่วงก็เอื้อมมือแตะป้ายหลุมศพเบาๆ ราวกับว่าสัมพัสของเขาจะสื่อไปถึงเจ้าของหลุมศพนี้ได้อย่างไรอย่างนั้น

    "นี่ฟุริจินรู้หรือเปล่า...ที่ฟุริจินบอกให้ฉันลืมฟุริจินน่ะ ฉันทำมันไม่ลงจริงๆ อย่าโกรธกันนะ~~ อ๋อ แล้ววันนี้เห็นสึจิจินบอกให้รวมตัวกันที่สตรีทบาสที่เดิมด้วยล่ะ~~ นึกถึงเมื่อก่อนจังเนอะ..." มุราซากิบาระเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยดวงตาที่เศร้าสร้อย...จนบัดนี้เขาก็ยังทำใจไม่ค่อยได้เรื่องที่คนที่เขารักที่สุดจากไปเลยจริงๆ "...เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้ล่ะนะ~~~ ตอนนี้ฉันก็มีความสุขดีไม่ต้องห่วงนะฟุริจิน...งั้นฉันกลับก่อนนะ เดี๋ยวคุโระจินบ่นเอา และก็...ฉันยังคงรักนายอยู่นะฟุริจิน ไม่ว่านานแค่ไหนฉันก็รักนายคนเดียว"

    เมื่อพูดกับหลุมศพเสร็จ มุราซากิบาระก็หมุนตัวหมายที่จะเดินออกไปจากสุสานและหูก็พลันได้ยินอะไรบ้างอย่างเข้า...เป็นเสียงที่เบาบางจนแทบหายไปกับสายลมแต่เขาก็ยังได้ยินมันชัดเจน

    '...ดีแล้วล่ะที่นายมีความสุข และขอโทษที่จากนายไปนะและ...ฉันก็รักนายเหมือนกันนะ...มุราซากิบาระ'

    "ฟุริจิน!?!" มุราซากิบาระหันขวับเพื่อหาต้นเสียงแต่ก็ไม่เยอสิ่งใดนอกจากป้ายหลุมศพที่วางกันเรียงราย

    'จำไว้นะว่า...ฉันจะเคียงข้างนายเสมอ แม้ฉันไม่ได้อยู่โลกนี้แล้วก็ตาม...จำไว้ให้ดีล่ะมุราซากิบาระ' เสียงของฟุริฮาตะดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเงียบหายไปกับสายลม

    "ฟุริจิน..." มุราซากิบาระเริ่มที่จะเผยรอยยิ้มเศร้าๆ ออกมา และได้ให้คำมั่นกับตนเองและฟุริฮาตะไว้ในใจว่า...

    ...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไหร่ ฉันก็จะรักนายตลอดไปและไม่มีวันเปลี่ยนแปลงแน่นอน ฟุริจิน...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×