ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #48 : [KiFuri] Star Love

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.29K
      57
      27 ก.ย. 57

     

    Title : Star Love

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Kise x Furihata

    Notes : shiko : อันดับ 6 ของการโหวตมาลงแล้วจ้า!!!  เป็นเรื่องที่ชื่อเรื่องตั้งไปมั่วๆ ที่สุดเลย นำแสดงโดยโกเด้นประจำเรื่องจ้า!!!

    คิเสะ : ง่า! ว่าใครเป็นโกเด้นนะ!!!

    shiko : นายไง...

    คิเสะ : ชิโกจจิใจร้ายอ่า!!!

    Shiko : จ้าๆ ใจร้ายก็ใจร้ายสิจ๊ะ...แต่ตอนนี้ลงไปแสดงได้แล้วจ้า คอมช่วงนี้ยิ่งเจ๊งๆ อยู่เดี๋ยวไม่ทันลงแล้วเครื่องดับไปก่อนอีก

    คิเสะ : ครับผม... (ค่อยๆ เดินไปในฟิค)

    ................................................................

    Star Love

     

    ซวย...

    ซวยที่สุด...

    ทำไมวันนี้มันซวยจังฟะ!!!...

    เด็กหนุ่มตัวจริงทีมบาสปีหนึ่งแห่งไคโจวผู้ทำงานเสริมเป็นนายแบบคร่ำครวญในใจ ขณะแอบอยู่หลังตึกที่ไม่ค่อยมีผู้คนผ่าน โดยมีสายฝนที่ก็ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย แถมหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วย อีกไม่นานคงมีพายุเข้าด้วยมั้ง? สมควรแก่การรีบกลับบ้านไปเก็บของล็อกประตูกันพายุเข้า...แต่ว่าตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าจะกลับบ้านยังไงเลย!!!

    สาเหตุที่ทำให้เขามาแอบอยู่แบบนี้น่ะเหรอ? ก็ไม่มีอะไรมากแค่มาทำธุระที่โตเกียวนี้แล้วโดนพวกแฟนคลับไล่มาจนต้องรีบเผ่นเพราะเล่นมาทั้งขบวน มือถือก็ดันตกน้ำจนเจ๊ง สะดุ้งล้มจนหน้าเกือบเสียโฉม โดนนกขี้ใส่ โดนโคลนกระเด็นใส่แบบอาบทั้งตัวเพราะรถบรรทุกขับผ่านนองน้ำที่พื้นตรงที่เขายืนอยู่พอดี กระเป๋าตังค์ก็หล่นหายไปไหนไม่รู้ และอีกมากมายสาระพัดความซวยอย่างจนอธิบายไม่หมดแค่นั้นเอง! (เราว่านั้นไม่เรียกว่าแค่นะ // s , ฉันประชด! // คิเสะ)

    คิเสะ เรียวตะนั่งลงกับพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากอย่างไม่รู้จะทำไงต่อดีจะเรียกแท๊กซี๊ก็ไม่มีเงินจ่าย จะเดินกลับก็ไม่ไหวไกลเกินไป บ้านเพื่อนสมัยม.ต้นทุกคนที่อยู่ในโตเกียวตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าอยู่หรือเปล่าอีก

    "เฮ้อ..." คิเสะถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำไง...หรือลองไปที่เซย์รินดี? ถึงไปะไม่มีใครอยู่แต่ก็ใช่หลบฝนได้มากกว่าที่นี้อ่ะนะ...

    คิเสะลุกขึ้นยืนพร้อมกับก้าวขาออกไป หมายจะไปยังโรงเรียนเซย์ริน แต่แล้วความซวยก็มาเยือนอีก...

    โครม!!!

    เสาเหล็กร่วงลงมาจากงานก่อสร้างใกล้ๆ เฉียดผมสีเหลืองขาดไปป๋อยหนึ่งอย่างเฉียดฉิว...

    ...วันนี้มันวันบ้าอะไรฟะ!!!...

    คนที่เกือบถูกเสาเหล็กแทงทะลุทำได้เพียงปลง และเดินต่อไป...หวังว่าคงไม่เกิดเรื่องอะไรอีกนะ...

    "แว๊ก!!!" เพื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ขาข้างหนึ่งของเด็กหนุ่มก็ร่วงลงไปในท่อซะแล้ว โชคยังดีที่ยั้งตัวไว้ทันไม่งั้นตกท่อตายอนาถแน่

    คิเสะสุดท้ายก็กลับไปหลบฝนที่เดิมเพราะกลัวว่าจะซวยอีก และนั่งแปะลงบนพื้นราวหมาหงอย (ไหงว่าฉันเป็นหมาเนี่ย? // คิเสะ , ก็มันเหมือนอยู่นะ อีกอย่างอธิบายแบบนี้เห็นภาพง่ายกว่า // s )

    เด็กหนุ่มผมเหลืองนั่งมองเหม่ออย่างไร้จุดหมาย เพราะไปไหนไม่ได้ และถ้าไม่มีคนผ่านมาเก็บเขาไปล่ะก็มีหวังเขาได้นอนที่นี่แน่

    ขณะที่คิดอย่างนั้นนั่นเอง สายฝนที่สาดกระเซ็นมาโดนเขาตั้งแต่เมื่อครู่ก็ถูกบางอย่างบังไว้ พร้อมเงาคนที่ทาบมาที่นายแบบหนุ่ม...

    ...คิเสะเงยหน้ามองเจ้าของเงานั้น และสิ่งแรกที่เขาเห็นคือสีหน้าที่แสดงความเป็นห่วงกับร่มสีฟ้าใสในมืออีกฝ่าย

    "คิเสะ? ไปโดนอะไรมาน่ะ?"

    สวรรค์จะเหมือนจะเมตตาหมาน้อย แอ๊ก! (โดนถีบ) เมตตาคิเสะจึงส่งคนมาช่วยจนได้...คนที่คิเสะจำได้อย่างแม่นยำว่าคือคนที่แข่งกับอดีตกัปตันทีมของเขาตอนวินเทอร์คัพแน่ๆ ...

    ...เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เตี้ยกว่าเขาค่อนข้างมาก กำลังมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง ในมือข้างหนึ่งถือร่มไว้ราวกับนางเอกในละครมาเจอพระเอกที่อยู่ท่ามกลางสายฝน...นอกเรื่องล่ะ เขาไม่ใช่พระเอกสักหน่อยอีกอย่างหมอนี่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงด้วย

    "สวัสดี..." คิเสะยิ้มให้อีกฝ่ายแห้งๆ พร้อมทำหน้าน่าสงสาร "นี่...ขอฉันไปอยู่บ้านนายสักวันได้ไหม?"

    ...ขอล่ะ! ให้เขาไปอยู่ด้วยเถอะ! อย่างน้อยให้เขายืมโทรศัพท์ก็ได้! เขาไม่อยากอยู่หนาวแบบนี้นะชิวาว่าคุง...เอ้ย! ไม่สิถ้าจำไม่ผิด คุโรโกจจิเรียกหมอนี่ว่า...ฟุริฮาตะ? หรือเปล่าหว่า?...

    "เอ๋?" ฟุริฮาตะมองคนเป็นนายแบบที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างกับตกท่อมาอย่างไรอย่างนั้นด้วยความงงงวยเล็กน้อย "ก็ได้อยู่หรอก..."

    "งั้นไปกันเลย!!!" คิเสะไม่รอช้ารีบคะยังคะยอให้รีบพาตนไปจากที่นี่เสียที

    "อ๊ะ!...อืม..." ฟุริฮาตะขานรับเบาและพยายามยกร่มให้สูงขึ้นเพื่อบังฝนให้อีกฝ่ายจนสุดแขน

    "อ๊ะ เดี๋ยวฉันถือให้" คิเสะคว้าร่มอีกฝ่ายมาถือแทนฟุริฮาตะ...เพราความสูงอีกฝ่ายคงไม่อำนวยกับการถือร่มให้เขาหรอก

    และทั้งสองก็เดินเนิบๆ ไปเรื่อยๆ จนถึงบ้านเดี่ยวสองชั้นที่อยู่ห่างจากที่คิเสะไปติดแหงะไม่มากนัก

    ฟุริฮาตะไขประตูรั้วก่อนที่จะเดินเข้าไปไขประตูบ้าน แสงไฟที่ถูกเปิดทิ้งไว้ส่องสลัวออกมาจากบานประตู...ไม่รู้คิเสะคิดไปเองหรือเปล่าว่าเมื่อแสงไฟกระทบกับร่างของคนตรงหน้าแล้วมันช่างให้ความรู้สึกอ่อนโยนเหลือเกิน

    "เข้ามาสิ..." ฟุริฮาตะเรียกร่างสูงที่ดูเหมือนจะเหม่ออยู่ให้เข้ามาในบ้าน

    "อ...อา" คิเสะที่กลับมาสู่ความจริงอีกครั้งขานรับ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมปิดประตูลงอย่างเงียบเฉียบ

    เด็กหนุ่มผมสีเหลืองมองบ้านที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างเรียบง่ายอย่างสนใจ...ที่จริงเขาแค่อยากละสายตาจากเด็กหนุ่มเบอร์สิบสองของเซย์รินต่างหาก เพราะเขารู้สึกว่าเผลอจ้องอีกฝ่ายมากไปตั้งแต่ตอนที่บังเอิญเจอกันที่หลังตึกนั้น...แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาจับจ้องคนผมสีน้ำตาลราวกับเขาไม่สามารถละสายตาจากอีกฝ่ายได้เลย

    "นายไปอาบน้ำก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวฉันหาชุดให้" ฟุริฮาตะเมื่อเห็นคิเสะยืนเปียกโชกก็ไล่อีกฝ่ายไปอาบน้ำก่อนที่จะเป็นหวัด

    "อืม รบกวนด้วยนะ" คิเสะก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายเพราะเขาก็หนาวจนจะเป็นน้ำแข็งอยู่แล้ว...

    ...และร่างของนายแบบหนุ่มก็หายไปในห้องอาบน้ำนั้นเอง

     

     

     

     

    "เป็นไง? ใส่พอดีไหม?" ฟุริฮาตะถามขึ้นเมื่อเห็นคนผมเหลืองเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ...

    ...ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายหลับในห้องน้ำด้วยซ้ำ เพราะขนาดเขาอาบน้ำจากห้องชั้นบนเสร็จตั้งนานแล้วและยังมานั่งรออีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะออกมา

    "ใส่ได้พอดีเลยล่ะ" คิเสะที่เริ่มสบายอารมณ์จากความซวยที่ตอนนี้ดูท่าจะไม่โถมเข้าหาแล้ว ก็เริ่มกลับมาสู่โหมดหมาน้อยสีเหลืองตามปกติ "ขอบคุณนะ~~"

    "อืม ไม่เป็นไรหรอก..." ฟุริฮาตะพูดขณะเช็ดผมตัวเอง ที่จริงเขาไม่คิดว่าคิเสะจะใส่เสื้อของพ่อเขาไม่ได้หรอก เพราะคิเสะกับพ่อเขาสูงเท่าๆ กัน...ซึ่งก็ทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อยที่พ่อเขาไม่แบ่งความสูงให้เขามากกว่านี้ "ว่าแต่...นายไปทำอะไรที่หลังตึกน่ะ? แถมสภาพนายเหมือนไปมุดท่อมายังงั้นแหละ"

    "ก็ไม่มีอะไรมาหรอก..." คิเสะพูดสีหน้าเซ็งๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น "แค่โดนแฟนคลับรุมราวกับสู้กับกองทัพสักประเทศ มือถือเจ๊งเพราะตกน้ำตอนที่หนี นกขี้ใส่ รถบรรทุกขับผ่านพร้อมเอาโคลนชะโลมตัว กระเป๋าตังค์หาย เกือบตกท่อ แทงเหล็กจากงานก่อสร้างตกใส่ บลาๆๆๆๆๆ"

    ฟุริฮาตะได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับความซวยที่คิเสะร่ายออกมาราวกับสวดมนต์ และอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงต้องไปทำบุญบ้างแล้ว

    "...เรื่องที่เจอทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ" สิบนาทีต่อมาในที่สุดคิเสะก็ร่ายจบ

    "ฉันว่านายไปทำบุญบ้างเถอะ" ฟุริฮาตะแนะนำ

    "ฉันก็ว่าจะไปอยู่" คิเสะตอบกลับทันที เพราเขาเล่นซวยขนาดนี้ คงดวงตกจริงๆ นั้นแหละ "...ว่าแต่นายอยู่บ้านคนเดียวเหรอ? แล้วพ่อแม่นายไปไหนอ่ะ?"

    "ติดงานที่ต่างจังหวัด อีกสองสามวันนั้นแหละพวกท่านถึงจะกลับ" ฟุริฮาตะตอบพร้อมลุกขึ้นเดินไปที่ครัวเพื่อที่จะทำข้าวเย็น

    "เหรอ~~" คิเสะมองแผ่นหลังของคนที่ยืนอยู่ครัวแบบเปิดโล่งอย่างไม่วางตา...ไม่รู้ทำไมกันน้า~~~ หรือว่าเขาจะชอบอีกฝ่ายเข้าให้แล้ว? อืม~ เป็นไปได้แฮะ...

    ...แต่...กับผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ?

    "นี่~ ฟุริฮาตัจจิ~" นายแบบหนุ่มเรีบกอีกฝ่ายโดยหวังว่าเขาจะไม่จำชื่ออีกฝ่ายผิด และยังคงเติมคำลงท้ายที่เขาชอบเติมลงไป...

    ...คำลงท้ายสำหรับคนที่เขายอมรับ...

    "หือ? เรียกฉันเหรอ?" ฟุริฮาตะถามขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆ ที่ออกมาจากปากอีกฝ่าย...แต่รู้สึกว่าจะคำนั้นจะประกอบขึ้นจากชื่อเขาชอบกล

    "อืม!" คิเสะรู้สึกว่าโชคดีที่ตนจำชื่ออีกฝ่ายถูก

    "แล้ว...ไอ้ -จิ เนี่ยมันอะไรกัน" แม้มือจะทำอย่างอื่นอยู่แต่ฟุริฮาตะก็ถามในสิ่งที่ค้องใจ เขารู้สึกว่าคุโรโกะกับคางามิก็ถูกเรียกด้วยคำลงท้ายแบบนี้เหมือนกัน

    "เป็นคำที่ฉันชอบเติมท้ายชื่อน่ะ!..." ...กับคนที่เขายอมรับ

    "งั้นเหรอ..." ฟุริฮาตะรู้สึกว่าชื่อถูกตั้งใหม่โดยอีกฝ่ายของเขามันฟังแปลกๆ ชอบล "...เอ้า! ข้าวเสร็จแล้วนะ!"

    "คร้าบบบ" คิเสะพุ่งไปที่โต๊ะทานข้าวที่ฟุริฮาตะเอาข้าวหน้าหมูทอดวางไว้ด้วยความหิวจากการที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน และมองฟุริฮาตะตาเป๋งราวกับลูกหมาขออาหาร (ทำไมเทียบฉันเป็นหมาตลอดเนี่ย!?! // คิเสะ)

    ฟุริฮาตะมองอีกฝ่ายอย่างขำๆ ก่อนที่นั่งลงตรงข้ามคิเสะ...

    "ทานล่ะนะครับ..."

     

     

     

     

     

    สามสิบนาทีต่อมาหลังจากที่ทั้งสองทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว และฟุริฮาตะล้างจานเสร็จแล้ว ทั้งสองก็มานั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น

    "นี่ๆ ฟุริฮาตัจจิ..." คิเสะเรียกคนผมสีน้ำตาล

    "มีอะไรเหรอ?" ฟุริฮาตะขานรับ

    "ไหงนายถึงไปที่หลังตึกนั้นล่ะ? ตรงนั้นไม่น่าจะเป็นทางผ่านได้เลยนิ..." ...แถมยังมืดๆ สลัวๆ น่ากลัวจะตาย

    "ปกติฉันก็ไม่ผ่านทางนั้นหรอก..." ฟุริฮาตะตอบ "...แค่วันนี้เห็นเหมือนว่าพายุจะเข้าเลยผ่านทางนั้นที่เป็นทางลัดน่ะ"

    "อ๋อ~~" คิเสะร้องออกมาอย่างเข้าใจ "แล้ว..."

    เปรี้ยง!!!

    ระหว่างที่ทั้งสองสนทนากันอยู่สายฟ้าจากเบื้องบนก็ผ่าลงมาเสียงดังสนั่น และไฟฟ้าในบ้านก็ดับในบัดดล

    "หวา!!!" ฟุริฮาตะหลุดร้องออกมาเมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นบวกกับตกใจที่จู่ๆ มีบ้างอย่างมากอดเอวตน...ซึ่งพอเดาออกว่าที่กอดเอวเขาอยู่คืออะไร "คิเสะ...มันอึดอัดนะ! ปล่อยสิ!"

    "ม...ไม่เอาง่ะ!" คิเสะตอบด้วยเสียงสั่นๆ "ถ้ามีผีออกมาจะทำไงล่ะ!?"

    "ไม่มีหรอกน่า..." ...นี้มันบ้านเขานะ ถ้ามีจริงๆ คงเจอไปตั้งนานแล้วล่ะ นี้คิเสะกลัวผีขึ้นสมองขนาดนี้เลยเหรอ

    "ยังไงก็ไม่ปล่อย!" คิเสะยังคงกอดอีกฝ่ายแน่น...

    ...เขากลัวความมืด...กลัวเสียงฟ้าผ่า...กลัวผี...และเขากลัวการอยู่คนเดียวด้วย...

    "งั้นก็นั่งแบบนี้ต่อไป" ฟุริฮาตะที่ขี้เกียจเถียงกับอีกฝ่ายตัดบทลงดื้อๆ

    "..."

    "..."

    "..."

    "..."

    "..."

    "...ฟุริฮาตัจจิ" หลังจากทั้งสองต่างเงียบ...เงียบจนน่าวังเวงอยู่นานสองนานจนคิเสะทนต่อไปไม่ไหวจึงเป็นคนแรกที่เอ่งออกมา

    "..." ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

    "ฟุริฮาตัจจิ?" คิเสะลองเรียกอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่ตอบอะไรกลับมา...

    ...โกรธอะไรเขาหรือเปล่านะ?...

    คิเสะอดกังวลในใจหน่อยๆ ไม่ได้ ถึงจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็เถอะ "นี่ ตอบหน่อยดิ ฟุริฮาตัจจิ..."

    "...ฟี้" เสียงคร่อกเบาๆ เป็นสิ่งที่ตอบกลับมา

    "ง...ง่ะ" คิเสะรู้สึกเสียฟอร์มยังไงไม่รู้...ก็เขาเล่นพูดคนเดียวตั้งนานนิ "หลับไปเฉยเลยนะ..."

    นายแบบหนุ่มประคองอีกฝ่ายมานอนบนตักตนแทนการนั่งหลับเอียงซ้ายทีขวาทีจนแทบตกโซฟา และขยี้เรือนผมสีน้ำตาลของอีกฝ่ายเป็นการแก้แค้นที่หลับไปโดยไม่บอกเขา!!! (หลับแล้วจะบอกได้ไงล่ะ // s)

    แต่ผมหมอนี้นุ่มชะมัด จับแล้วไม่อยากปล่อยเลยแฮะ แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาด้วย...เฮ้ย! จะบ้าเหรอฟะเรา!!! นี้เขากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!!!

    และขณะที่คิเสะกำลังทะเลาะกับตัวเองนั้นเองไฟฟ้าก็มาพอดี ทำให้คิเสะเลิกทะเลาะกับตัวเองมาจับจ้องบุคคลที่หลับอยู่ข้างเขาแทน...

    ...ใบหน้าสงบยามนิทราช่างดึงดูคิเสะยิ่งนัก สำหรับคิเสะมันช่างให้ความรู้สึกสงบและอ่อนโยนเหลือเกิน ยิ่งแสงไฟกระทบใบหน้านั่นยิ่งทำให้แลดูน่ามองมากยิ่งขึ้น

    ก่อนที่นายแบบหนุ่มจะได้จ้องนานกว่านี้ ฟุริฮาตะที่แสงไฟแยงตาเอาหน้าซุกเข้าหาคิเสะและเอามือกอดเอวคนผมเหลืองไว้ต่างหมอนข้าง

    ...น...น่าร้ากกก!!! ถ้าไม่ติดว่ามือถือเจ๊งล่ะก็อยากถ่ายรูปไว้จัง...

    คิเสะรู้สึกว่าคนคนนี้ช่างน่ารัก น่ากด เฮ้ย! น่ากอดเหลือเกิน จนอยากพาย้ายไปไคโจวกับเขาเลย...แต่ถ้าทำจริงเขาโดนเพื่อนที่จืดจางแต่เกรียนของเขาเจื๋อนทิ้งแน่

    ...อยากรู้จังว่ามีแฟนยัง...ถ้ายังเขาจะจีบเลย...

    นายแบบหนุ่มที่เริ่มเพ้อ (ไม่ว่าฉันสักครั้งจะเป็นไรไหมเนี่ย!?! // คิเสะ) คิดไปต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับคนที่หลับบนตักตนเอง ตอนนี้เขาไม่สนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย...เขาแค่จะทำตามที่ใจเขาเรียกร้องเท่านั้น

    คิเสะหัวเราะกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับที่ได้ยินเสียงมือถืออีกฝ่ายที่วางไว้โต๊ะข้างโซฟาดังขึ้นจนคนที่หลับอยู่เริ่มขยับยุกยิกอย่างคนยังไม่อยากตื่น เด็กหนุ่มจึงถือวิสาสะรับโทรศัพท์แทน...

    ...คนที่โทรมาก็เป็นที่เขารู้จักดีเลยล่ะ

    "ไง! คุโรโกจจิ!" คิเสะทักปลายสายทันทีที่รับสาย

    'คิเสะคุง? ไหงคุณเป็นคนรับสายได้ล่ะครับ? แล้วฟุริฮาตะคุงล่ะครับ?' คุโรโกะถามด้วยเสียงที่ไม่เปลี่ยนไปสักนิดจนไม่เหมือนประโยคคำถามสักเท่าไหร่

    "พอดีฟุริฮาตัจจิเก็บฉันมาน่ะ และตอนนี้ฟุริฮาตัจจิหลับอยู่ฉันเลยรับสายแทน" คิเสะตอบพลางลูบผมนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายเล่น

    '...งั้นถ้าฟุริฮาตะคุงด้วยนะครับ ว่าพรุ่งนี้โค้ชเลื่อนนัดจากตอนแปดโมงเป็นสิบโมงแทนน่ะครับ'

    "โอเค! ได้เลย!"

    'คิเสะคุง..." คุโรโกะเรียกคนปลายสายเบาๆ '...ผมเก็บกระเป๋าตังค์คุณได้น่ะครับ ยังไงพรุ่งนี้คุณก็มาเอาพร้อมกับฟุริฮาตะคุงเลยแล้วกัน'

    "อืม! เข้าใจแล้ว!" คิเสะตอบรับพร้อมกับที่ปลายสายได้วางสายไป เด็กหนุ่มวางมือถือไว้ที่เดิมก่อนที่จะอุ้มคนที่ท่าจะหลับยาวไปนอนที่ห้องนอนบนชั้นสอง...

    ซึ่งในคืนนั้นคิเสะก็ได้นอนด้วยกันกับฟุริฮาตะ (เพราะหาผ้าห่มที่จะเอาไปนอนที่โซฟาไม่เจอ) แบบแนบชิด (เพราะเตียงแคบ) จนคิเสะแทบไม่ได้นอนทั้งคืน

     

     

     

     

     

    "อรุณสวัสครับ ฟุริฮาตะคุง คิเสะคุง...ไหงคิเสะคุงถึงขอบตาดำแบบนั้นล่ะครับ" คุโรโกะทักเพื่อนตนทั้งสองที่เดินเข้ามาในโรงยิม โดยที่เพื่อนผู้เป็นนายแบบของตนมีสีหน้าเหมือนคนอดนอนทั้งคืน

    "แฮะๆ นอนไม่ค่อยหลับน่ะ..." ...เพราะมั่วมองหน้าคนข้างกายแทบตลอดทั้งคืนเลยล่ะ

    "..." ฟุริฮาตะยิ้มแห้งๆ ให้คิเสะ พร้อมนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า...

    ...เมื่อเช้าตอนตื่นเขาตกใจแทบตายที่ถูกคิเสะกอดไว้...ตอนแรกที่จริงเขาคิดว่าคิเสะเป็นผีเพราะลืมไปว่าเมื่อวานเขาพาคิเสะมาค้างที่บ้าน แถมยังเผลอหลับไปก่อนที่จะเตรียมที่นอนให้ด้วย

    หลังจากนั้นเขาก็ไปอาบน้ำแต่งตัวและเดินลงชั้นล่างไปห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเช้า ก่อนที่จะเดินขึ้นไปปลุกคิเสะ แต่คิเสะดัน...

    'อีกห้านาทีนะ...' คิเสะพูดพร้อมคว้าตัวเขาไปกอดจนใบหน้านั้นใกล้กันจนแทบจะไม่มีช่องว่างแล้ว

    'ค...คิเสะ!!!' เขาตะโกนเรียกอีกฝ่ายเพื่อปลุกเสียงดังลั่น ทำให้อีกฝ่ายยอมลืมตาตื่นขึ้นมา และเมื่อเห็นว่าใบหน้าของพวกตนอยู่ใกล้กันมาก คิเสะก็ผลักเขาออกด้วยใบหน้าแดงแจ๋

    'อ...อรุณสวัสดิ์' คิเสะพูดเสียงสั่นเล็กน้อย ก่อนที่จะวิ่งหายเข้าห้องน้ำไปเลย

    สิบนาทีต่อมาคิเสะก็ลงมาทานข้าวเช้ากับเขาพร้อมบอกว่าเมื่อคืนคุโรโกะโทรมาบอกว่าวันนี้เลื่อนนัดเป็นตอนสิบโมงแทน เขาจึงไปต้องรีบกินจนข้าวเกือบติดคอแบบทุกที แถมไม่ต้องวิ่งไปแบบทุกทีด้วย

    และสุดท้ายเขาก็เดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงโรงยิมกับคิเสะเนี่ยแหละ

    "นี้กระเป๋าตังค์คุณครับ คิเสะคุง" คุโรโกะหยิบกระเป๋าตังค์ยื่นให้คนผมเหลือง "ไหงคุณทำตกแถวๆ มาจิบะ แต่ดันไปเจอฟุริฮาตะคุงได้ล่ะครับ?"

    "คือว่าเมื่อวานนี้..." คิเสะเริ่มร่ายความซวยยาวพรืดที่เจอมาจนคนทั้งโรงยิมอดนึกไม่ได้ว่ามันไปทำอะไรมาถึงซวยขนาดนี้ "...เรื่องมันก็งี้แหละ"

    "ผมว่าคุณไปทำบุญบ้างหรือไม่ก็ไปปรึษามิโดริมะคุงเถอะครับ..." คุโรโกะพูดออกมาหน้าตาเฉยอย่างปลงกับความซวยของคนตรงหน้ามากกว่าสงสาร

    "ก็ว่าจะทำงั้นอยู่..." คิเสะตอบ ก่อนที่จะโดดกอดคอฟุริฮาตะ "นี่ๆ ฟุริฮาตัจจิ ฉันของซ้อมด้วยได้เปล่า? เห็นแล้วอยากเล่นด้วยอ่ะ..."

    "เอ๋?" ฟุริฮาตะมองอีกฝ่ายประมาณว่ามาถามอะไรเขา? "ถ้าโค้ชอนุญาติล่ะก็ได้ล่ะนะ"

    "งั้นเดี๋ยวฉันไปขอเลย!" คิเสะโดดดึ๋งไปหาริโกะทันที

    "ฟุริฮาตะคุง..." คุโรโกะเรียกเพื่อนร่วมทีมตน

    "หือ? มีอะไรเหรอ?" ฟุริฮาตะขานรับขณะมองคิเสะที่ไปอ้อนโค้ชของตนอยู่

    "เมื่อกี้นี้คิเสะคุงเรียกคุณว่า...ฟุริฮาตัจจิเหรอครับ?" คุโรโกะถาม สำหรับคนที่รู้จักกันมาในระดับหนึ่งย่อมรู้ว่าคิเสะคุงจะเรียกแบบนี้เฉพาะกับคนที่ตนยอมรับเท่านั้น...

    ...แต่เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาสงสัย เพราะคิเสะคุงอาจจะยอมรับตรงที่กล้าชนกับอาคาชิคุงตรงๆ ในการแข่งตอนนั้นก็ได้...ที่เขาสงสัยคือสายตาที่ใช้มองมาต่างหาก สายตาที่เหมือนกับ...อยากได้ตัวเพื่อนของเขา

    "อืม ใช่ เห็นบอกว่าชอบเรียกคนอื่นแบบนั้นน่ะ" ฟุริฮาตะตอบอย่างไม่คิดอะไร

    "งั้นเหรอครับ?..." ...เขาไม่ได้บอกเรื่องที่มักใส่ตัวลงท้ายนี้เฉพาะคนที่ยอมรับสินะ? แปลกจริง ปกติคิเสะคุงจะบอกด้วยนี้นา ทีตอนที่เขาถามครั้งแรกที่ถูกเติม -จิ ท้ายชื่อยังบอกเรื่องนี้เลย...

    ...แต่ทีนี่ทำไมไม่บอกฟุริฮาตะคุงล่ะ? หรือมีอะไรมากกว่านั้น?...หรือว่าคิเสะคุงจะชอบฟุริฮาตะคุง?...คงไม่ใช่มั้ง...แต่ถ้าใช่เขาคงต้องเค้นคอคิเสะคุงกันหน่อยแล้ว...

    "คุโรโกะ เป็นอะไรหรือเปล่า?" ฟุริฮาตะที่เห็นคนผมฟ้าทำหน้ายุ่งอย่างครุ่นคิดถามขึ้น

    "เปล่าครับ...ไม่มีอะไร..." คุโรโกะตอบพร้อมกับที่คิเสะวิ่งกลับมาพร้อมกระโดดเกาะฟุริฮาตะพอดี

    "เหวอ!!!" ฟุริฮาตะหลุดร้องออกเมื่อถูกกระโดดเกาะโดยไม่ทันตั้งตัว

    "นี่ๆๆๆ ริโกะซังอนุญาตด้วยล่ะ!" คิเสะเอาหน้าถูกไถอีกฝ่ายราวลูกหมา

    "คิเสะคุง..." คุโรโกะเอามือดันหน้าคิเสะออกจากเพื่อนร่วมทีมตน "...กรุณาเลิกเกาะฟุริฮาตะคุงได้แล้วครับ พวกผมต้องไปซ้อมแล้ว"

    "เกาะนิดเกาะหน่อยไม่เห็นเป็นไรเลย..." คิเสะบ่นเล็กน้อยพร้อมลูบหน้าที่ถูกดันไว้เมื่อกี้

    "ไม่ต้องมาบ่นเลยครับ" คุโรโกะพูดพร้อมลากฟุริฮาตะไปหาพวกริโกะที่เริ่มเรียกทุกคนรวมกลุ่มกัน โดยมีคิเสะเดินตามหลังไปติดๆ

    สุดท้ายกลายเป็นว่าในวันนี้คิเสะได้ฝึกซ้อมหฤษโหดกับพวกเซย์รินไปโดยปริยายด้วยประการนี้แหละ...

     

     

     

     

     

    "ฉันกลับล่ะนะ! ฟุริฮาตัจจิ! คุโรโกจจิ! คางามิจจิ!" คิเสะโดดเกาะคอฟุริฮาตะพูดขึ้นขณะที่ใกล้ถึงสถานีรถไฟ

    "อืม / ครับ / เอ้อ" ทั้งสามตอบรับคำของคิเสะ ก่อนที่คิเสะจะปล่อยฟุริฮาตะและหอมแก้มทีหนึ่งก่อนที่จะโดดแผ้วไปในสถานีรถไฟ ปล่อยให้คนโดนหอมแก้มกับคนผมสีเพลิงยืนอึ้ง โดยไม่ทันสังเกตว่าคนผมสีฟ้าข้างกายได้หายไปแล้ว...

    ทางคิเสะก็มายืนต่อแถวซื้อตั๋วรถไฟด้วยใบหน้าแดงแจ๋คล้ายคนเป็นไข้ด้วยความอายจากสิ่งที่ตนทำเมื่อครู่

    "สุดท้ายก็เผลอทำไปจนได้..." คิเสะบ่นกับตัวเองเบาๆ

    "คิเสะคุง..." เสียงเรียกอันแผ่วเบาทำให้นายแบบหนุ่มสะดุ้งโหยง มองซ้ายมองขวาหาต้นเสียง แต่หาไม่เจอ "ผมอยู่ข้างๆ คุณครับ คิเสะคุง กรุณาก้มหน้าลงมามองหน่อยสิครับ"

    "อ่ะ! คุโรโกจจิเองเหรอ?!" เมื่อก้มลงมองตามที่อีกฝ่ายบอกคิเสะก็เห็นเรือนผมสีฟ้าของเพื่อนสมัยม.ต้นของตนยืนอยู่

    "ครับ ผมเอง..." คุโรโกะมองคิเสะด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา "...พอดีผมมีเรื่องจะถามคุณหน่อยน่ะครับ ถ้าซื้อตั๋วเสร็จเมื่อไหร่ช่วยมาคุยกับผมหน่อยนะครับ"

    "อืม! ได้สิ!" คิเสะตอบรับคำพร้อมกับที่คุโรโกะเดินไปนั่งรอที่ม้านั่งสีขาวข้างทางรถไฟ

    สิบนาทีต่อมาคิเสะก็ซื้อตั๋วรถไฟเสร็จก็เดินมานั่งบนม้านั่งข้างๆ คุโรโกะ...

    "คุโรโกจจิมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?" คิเสะเอ่ยถามขึ้นทันทีด้วยความอยากรู้ปนกับกลัวรถไฟจะมาก่อนและตนจะตกรถไฟ

    "คุณชอบ ไม่สิ รักฟุริฮาตะคุงเหรอครับ?" คุโรโกะถามออกมาตรงๆ แบบขวานผ่าซากจนคิเสะถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง

    "แค่กๆๆ ค...คุโรโกจจิ...รู้ได้ไง!?!" คิเสะไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะดูออกว่าเขารักเพื่อนของคนผมฟ้าไปเสียแล้ว

    "ดูจากสีหน้าและท่าทางของคุณครับ...ว่าคุณเกาะฟุริฮาตะคุงมากเป็นพิเศษ" คุโรโกะสังเกตออกได้ง่ายๆ เนื่องจากชอบสังเกตพฤติกรรมมนุษย์จึงได้เป็นว่าเขาดูคนออกได้ง่ายๆ เลย ถ้าไม่นับอาคาชิคุงนะ

    "งั้นเหรอ..." คิเสะเริ่มคิดว่าเงาจางคนนี้ช่างสังเกตเหลือเกิน ขนานคนที่เขาเกาะเกือบทั้งวันยังไม่รู้ตัวเลย แต่คนข้างๆ นี้กลับรู้แล้ว "...คุโรโกจจิ คิดว่าฉันควรเอาไงต่อดีล่ะ?"

    "ไม่รู้สิครับ แต่..." คุโรโกะมองคิเสะด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เล็กน้อย "...ถ้าคุณช้าหรือไม่จริงจังกับฟุริฮาตะคุงล่ะก็...ผมจะเป็นคนจีบฟุริฮาตะคุงเอง ถึงตอนนั้นอย่าหาว่าผมแย่งฟุริฮาตะคุงจากคุณนะครับ"

    "..." คิเสะถึงกับพูดไม่ออก เพราะไม่คิดว่าคู่แข่งเรื่องความรักของเขาจะเป็นเพื่อนเขาเอง

    "รถไฟมาแล้วนะครับ คิเสะคุง" คุโรโกะที่ทำหน้าเหมือนสะใจที่ได้แกล้งหมาโกเด้นตรงหน้าเอ่ยบอกก่อนที่อีกไฟจะเหม่อจนตกรถไฟ

    จนคุโรโกะพาคิเสะขึ้นรถไฟนั้นแหละ คิเสะจึงเริ่มได้สติและก่อนที่ประตูรถไฟจะปิดคิเสะก็พูดคำที่เต็มไปด้วยความจริงจังออกมาว่า "ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยกฟุริฮาตัจจิให้คุโรโกจจิหรอกนะ!!!"

    คุโรโกะมองคิเสะที่อยู่หลังประตูที่เลื่อนเข้ามาปิดพร้อมกับขบวนรถไฟที่แล่นออกไปจนลับตาและยิ้มเย็นๆ ออกมา

    ...ขอโทษที่โกหกนะครับคิเสะคุง แต่ถ้าไม่มีตัวกระตุ้นล่ะก็คุณคงปล่อยฟุริฮาตะคุงรอเก้อไปตลอดแหงๆ ...

    และร่างเงาจางผมสีฟ้าก็เดินออกจากสถานีรถไฟไปหาฟุริฮาตะกับคางามิที่ตามหาเพื่อนตนที่จู่ๆ หายแว่บไปอยู่ที่หน้าสถานีนั้นแหละ...

     

     

     

     

     

    คิเสะเมื่อกลับถึงบ้านก็หยิบมือถืออีกเครื่องของตนมาเปลี่ยนซิมกับเครื่องที่ตกน้ำและโทรหาคนคนหนึ่ง เสียงรอสายดังอยู่สักพักก่อนที่จะมีคนรับสาย

    'โทรมามีอะไร?' เสียงทุ้มถามทันทีที่รับสาย

    "อย่าทำเสียงน่ากลัวนักสิ มิโดมัจจิ" คิเสะพูดด้วยเสียงยอกล้อกับเพื่อนผมเขียวของตน "นี่ถามหน่อยสิ...มิโดริมัจจิพอรู้ไหมว่าราศีฉันช่วงนี้มีอะไรพอเสริมดวงเรื่องความรักได้บ้าง?"

    'พรูด!!!' เสียงปลายสายเหมือนคนพ่นอะไรออกจากปาก 'แค่กๆๆๆ น...นายพูดจริงดิ? ไปชอบใครเข้าเนี่ยถึงขนาดโทรมาถามเรื่องนี้'

    "ม่ายบอก~" คิเสะที่ยังไม่อยากบอกว่าตนชอบใครปฏิเสธทันที

    'งั้นช่างเถอะ เอาเป็นว่าวันไหนนายดวงเรื่องความรักดีเป็นพิเศษจะบอกแล้วกัน'

    'ชินจางงง คุยกับใครอ่ะ?'

    'แค่นี้นะ!!!' และมิโดริมะ ชินทาโร่ก็วางสายไป

    คิเสะวางมือถือลงที่โต๊ะข้างเตียงก่อนที่จะล้มแพละกลางเตียงและคิดถึงเพียงภาพของคนผมสีน้ำตาลเบอร์ 12 ของเซย์รินเท่านั้น...

    ...เอาเถอะ...ยังไงเขาก็...

    ...ไม่มีวันปล่อยให้คุโรโกจจิคาบไปหรอก...

    ...ช่วยรอฉันด้วยนะ...

    ...ฟุริฮาตัจจิ...

     

     

     

     

     

    End

    เล็กๆ น้อยๆ หลังสอบเสร็จ

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×