คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #173 : [HanaYuu] Rival
Title : Rival
Fandom : Kuroko no Basket
Paring : Hanamiya x Miyaji (yuuya)
Notes : สารภาพตามตรงคือ...มั่วแหลจ้า! และเราลืมวันเกิดอาคาชิไปสนิกเลยเขียนคู่นี้แทนเนี่ย 555 (โดนกรรไกรบินลอยปักหัว) ขอให้สนุกกับฟิคสุดแสนมั่วนี้นะ!!! (มุดท่อหนีก่อนโดนกรรไกรบินรอบสอง)
.....................................................................................
Rival
...บางที...วันนี้อาจเป็นวันซวยของเขาแฮะ...
ความคิดอันแสนขุ่นมัวลอยไปลอยมาไม่หยุดภายในหัวของเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งที่ยามนี้ทำหน้าปลงสุดแสน ทำเอาใบหน้าหล่อออกไปทางหวานนั้นดูหมองลงถนัดตา
“ยูยะซัง...เป็นอะไรหรือเปล่าครับเนี่ย? หน้าเครียดๆ” เด็กหนุ่มผมดำหัวเหม่ง (ชิโกะ...เลิกว่าฉันหัวเหม่งเถอะ ชักรู้สึกแปลกๆ นะ // ทาคาโอะ , รอเราหายบ้าก่อนแล้วกัน // s , บอกว่ารอไปชาติหน้าเข้าท่ากว่านะ // ทาคาโอะ) ถามรุ่นพี่ผมสีน้ำผึ้งของตน “เครียดที่ต้องแข่งกับทีมคิริซากิไดอิจิเหรอครับ?”
“เปล่า...” มิยาจิ ยูยะผู้เป็นกัปตันทีมบาสคนปัจจุบันของทีมบาสชูโตกุตอบกลับไป...อย่างเขาแข่งกับทีมไหนก็คงไม่มานั่งปลงแบบนี้หรอก แลัวไอ้ที่เขาปลงเนี่ย...
...เรื่องที่เกิดในวันนี้ล้วนๆ! วันนี้เป็นบ้าอะไรไม่รู้ซวยเซ็คเลย! ไม่ว่าจะโดนลูกหลงจากพ่อแม่ทะเลาะกันลอยมากระแทกหัวจนน็อกกลางอากาศรับเช้าวันใหม่ รถเฉี่ยว เกือบตกท่อ ไอ้ทาคาโอะโดดเกาะหลังจนหน้าทิ่ม โดนโค้ชดุเพราะไปวิ่งไล่ล่า (?) ทาคาโอะบนทางเดินอาคารเรียน คานเหล็กหล่นใส่...อันนี้ยังดีที่หลบได้ทันไม่งั้นไปเฝ้ายมบาลแล้วแหง และอีกสาระพัดความซวยที่ทำเอาเขาอดคิดไม่ได้ว่าความไปทำบุญสักแปดวัดเก้าวัดจริงๆ
“แน่ใจนะครับ? สีหน้าไม่ค่อยดีเลย...เอาลักกี้ไอเทมหน่อยไหมครับ?” เด็กหนุ่มผมเขียวยื่น...ไม้คาทาของเล่นสีหวานแหวว
“ไม่ล่ะ และทางที่ดีเอาไอ้นั้นไปไกลๆ ฉันเลย ไม่งั้นฉันหักมันทิ้งแน่” ยูยะทำเสียงเหี้ยม ทำให้คนผมเขียวรีบเก็บของในมือตนทันทีก่อนโดนตื้บ และในขณะนั้นเอง...
“แล้วกลุ้มอะไรวะยูยะ?!” ...เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคนหนึ่งที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องพักนักกีฬาก็เดินมาตบหลังคนเป็นกัปตันทีมอย่างแรง
“โอ๊ย! เจ็บนะเฟ้ย! ทำอะไรของนายเนี่ย!?” คนโดนตบหลังหันไปแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายอย่างน่ากลัว
“โอ๊ะๆ! กลับโหมดเดิมแล้ว!” เด็กหนุ่มที่ทำร้ายชาวบ้านเมื่อครู่ยิ้มร่าแบบไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“ฉันบอกแล้ววิธีนี้ได้ผล” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลอีกคนที่เตี๊ยกว่าคนแรกเล็กน้อยเอ่ย
“พวกแกอยากตายใช่ไหมห๊า? ยามาโตะ อิยามิ...” ยูยะหักไม้หักมือเตรียมตื้บชาวบ้านเต็มที่
“เรื่องสิ ใครอยากตายเล่า” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลทั้งสองรีบลี้ภัยไปหลบหลังคนผมเขียวทันที
“มาหลบอะไรหลังผมเนี่ย!?” มิโดริมะ ชินทาโร่อดีต SG มือดีของทีมปฏิหาริย์ทำหน้าเหมือนอยากเป็นลมขึ้นมาตงิดๆ ...ถึงเขาหลบสับปะรดบิน (?) บ่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะหนาจะด้านจนทนมือทนเท้ารายนี้ได้นะ!
“wwwหน้าชินจังตลดจังเลย!” ทาคาโอะ คาซึนาริ PG ประจำทีมหลุดหัวเราะก๊ากออกมาเมื่อเห็นสีหน้าคนผมเขียว
“เงียบไปเลยทาคาโอะ!” มิโดริมะแว๊ดลั่น “แล้วรุ่นพี่ยามาโตะ รุ่นพี่อิยามิปล่อยผมนะ! ผมยังไม่อยากโดนลูกหลง!”
“โดนนิดๆ หน่อยๆ ไม่ตายหรอกน่า” เด็กหนุ่มทั้งสองที่ใช้รุ่นน้องเป็นโล่ตอบกลับอย่างหน้าด้านสุดฤทธิ์
“ใช่...มิโดริมะไม่ตาย แต่พวกนายนี่แหละจะตาย...” ระหว่างที่เหล่านักบาสหนุ่มทั้งหลายกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน (?) เสียงเหี้ยมๆ ก็ดังขึ้นมา ทำให้ยามาโตะกับอิยามิเหงื่อแตกพลั่กเนื่องจากรู้ดีว่าเสียงนี้เป็นเสียงใคร เด็กหนุ่มทั้งสองค่อยๆ หันไปยังต้นเสียงอย่างช้าๆ “...นี่อยากโดนลงโทษกันนักใช่ไหมทั้งสองคน?”
“ชะอุ๋ย! โค้ชมาเมื่อไหร่เนี่ย?” ตัวป่วน (?) ทั้งสองยิ้มแห้งๆ ก่อนที่จะทิ้งโล่สีเขียวไปหาโล่สีดำแทน เสียแต่...ผู้เป็นโค้ชดันรู้ทัน จับคอเสื้อทั้งสองไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหนีเลย! จะแข่งแล้วยังมัวเล่นมัวป่วนชาวบ้านอีก...” นาทาคานิ มาซาอากิผู้เป็นโค้ชของทีมบาสชูโตกุส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ ...ตั้งแต่พวกปีสามจบไปปีก่อนรู้สึกว่าในทีมตัวจริงเหลือคนปกติธรรมดาแค่คนเดียวแล้วแฮะ “...รีบไปที่สนามกันได้แล้ว คนอื่นเขาไปกันหมดแล้วนะ”
“ครับผม!” ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำสอง ตัวจริงทีมบาสทั้งห้าก็รีบใส่เกียร์หมาวิ่งไปที่สนามแข่งทันที และเมื่อมาถึงเพียงเหล่าเด็กหนุ่มก้าวเข้ามาในสนามก้าวแรก...ตัวจริงสองคนทางด้านทีมคิริซากิก็จ้องมองยูยะตาแป๋วพลางซุบซิบอะไรกันสักอย่าง
...มันนินทาอะไรกูวะ?...
ยูยะมองปฏิกิริยาของอีกทีมอย่างงุนงง ขณะที่เด็กหนุ่มคิ้วลูกอ๊อช (...ใครก็ได้...เอายาล้าวสมองมาให้ยัยนี่ทีเถอะ! จะได้เลิกแกล้งฉันสักที! // ฮานามิยะ , เราไม่เลิกแกล้งนายง่ายๆ หรอกน่า~~~ // s) มาเขกหัวคนที่กำลังกระซิบกระซาบอะไรไม่รู้กันสองคนอย่างแรง
“อุ๊ย~ เจ็บ~~~” เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลส้มกุ้มหัว
“โอ๊ย! เขกมาได้! ถ้าฉันสมองเสื่อมรับผิดชอบด้วยนะเฟ้ย!” เด็กหนุ่มผมสีออกม่วงๆ เทาๆ ทำหน้างอใส่คนที่เขกหัวตน
“อย่างน่าไม่มีให้เสื่อมแล้วล่ะ” คนที่ประทุษร้ายชาวบ้านหน้าตาเฉยยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “แล้วมาอู้อะไรกันอยู่มิทราบห๊า?”
“กำลังคุยกันว่ากัปตันทีมชูโตกุคนนี้หน้าตาเหมือนตัวจริงปีสามเมื่อปีก่อนจังน่ะ” ยามาซากิ ฮิโรชิผู้เป็นคนปกติธรรมดาที่สุดในหมู่ (?) ตอบ
“ฉันเลยคิดว่าไอ้ปีสามเมื่อปีก่อนนั้นอาจได้เรียนซ้ำชั้นน่ะ แต่ซากิเถียงว่าคงแค่หน้าคล้ายน่ะ” ฮาระ คาซึยะผู้ที่เคี้ยวหมากฝรั่งได้ตลอดเวลาโดยไม่ทำหลุดติดคอตัวเองได้ไงไม่รู้ (เฮ้ยๆ ไปแกล้งฮานามิยะนู้น อย่าแกล้งฉันเซ่! // ฮาระ , ไม่เอา เราอยากแกล้งนายบ้าง // s , ห้ามหนีเชียว...มาร่วมชะตากรรมเดียวกับฉันซะดีๆ! // ฮานามิยะ) เอ่ยเสริม
“...” ยูยะที่ได้ยินคำพูดทั้งหมดของทีมฝ่ายตรงข้ามก็ถึงกับกรอกตาไปมาอย่างอดไม่ได้...นี่กูโดนเข้าใจว่าเป็นพี่อีกแล้วเหรอฟะ!?
“ทำใจเถอะวะ...หน้าตาดันเหมือนกันเอง” อิยามิตบบ่าปลอบ...ก็นะ ใครใช้ให้ยูยะกับพี่มันหน้าตาคล้ายกันถึง 90% ล่ะ
“น่าจะชินแล้วนิ?” ยามาโตะเอ่ย
“ชินน่ะชินแล้ว แต่อดปลงไม่ได้เฟ้ย!” ยูยะยกเท้าถีบยามาโตะ
“เหวอ! รุนแรงอ่ะ!” ยามาโตะหลบอย่างทันทวนทีพร้อมส่งเสียงกวนโอ๊ยกลับไป
“เออ ยอมรับ...และถ้ามีสับปะรดแบบพี่ ฉันจะเอาปาหัวนายคนแรกเลย” ยูยะค้อนใส่อีกฝ่าย
“ใจร้ายจริง” ยามาโตะรีบลี้ภัยไปหลังคนผมเขียว
“...ทำไมเอาผมเป็นโล่ตลอดเลยเนี่ย!?” มิโดริมะโวยใส่รุ่นพี่ตน
“เพราะยูยะมันไม่แจกลูกหลงให้คนอื่นมั่วๆ ไง” ยามาโตะตอบพร้อมเกาะมิโดริมะแน่น ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อได้รับไอ้เย็นๆ จากใครบางคนเข้า
“แต่ยามาโตะซัง...กรุณาออกห่างๆ ชินจังบ้างเถอะครับ เห็นแบบนี้ผมก็หึงเป็นนะครับ” ทาคาโอะแสยะยิ้มเล็กน้อย
“ชะอุ๋ย! โทษทีๆ” ยามาโตะรีบเผ่นไปหาอิยามิแทนทันที
“ให้ตายเถอะไอ้พวกนี่...” ยูยะถึงกับคุมขมับกับเพื่อนร่วมชั้นตน...มันจะไปทำให้ทาคาโอะของขึ้นทำไมวะ?
“เออ...ขอโทษนะ...” เสียงทักที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังเบาๆ ทำให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งหันไปมองยังต้นเสียง “...ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“นาย...” ยูยะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่มาคุยกับตนคือกัปตันทีมฝ่ายตรงข้าม “...อา...ได้สิ มีอะไรล่ะ?”
“ทำไมนายหน้าเหมือนกับตัวจริงปีสามเมื่อปีก่อนเลยล่ะ?” ฮานามิยะ มาโคโตะกัปตันทีมพวงตำแหน่งโค้ชของทีมบาสคิริซากิไดอิจิถาม
“ห๊า?” ยูยะหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ ...เขาไม่คิดว่า ‘ตัวโกง’ แบบหมอนี่จะคิดถามอะไรแบบนี้เองหรอกนะ “ถามไหมเนี่ย?”
“ไมมีอะไรแค่...ไอ้ลูกทีมไม่เต็มเต็งสองหน่อของฉันอยากรู้น่ะ” ฮานามิยะตอบโดยเมินเสียงโวยวายทีลอยมาของผู้ถูกอ้างถึงไป
“อ๋อ...” ยูยะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “...งั้นฝากบอกเพื่อนนายกลับไปแล้วกันว่าฉันเป็นน้องรายนั้น และอย่าไปพูดมั่วๆ ว่าพี่ฉันสอบตกจนเรียนซ้ำชั้นล่ะ ไม่งั้นต่อให้ไปเรียนมหาลัยแล้วพี่ฉันก็กลับมาตื้บเพื่อนนายได้แน่”
“แค่โดนตื้บไม่ตายหรอกมั้ง” ฮานามิยะกรอกตาไปมา
“ก็ไม่แน่...” ยูยะยักไหล่เล็กน้อย “...หมดคำถามแล้วใช่ไหม? ฉันไปล่ะ”
“เดี๋ยว...ยังมีอีกอย่างที่อยากจะบอก...” ฮานามิยะเอ่ยรั้นไว้ “...เตรียมตัวแพ้ไว้ให้ดีล่ะ คราวนี้ฉันไม่ยอมแพ้ชูโตกุอีกรอบแน่”
“ห๊า?” ยูยะกระตุกยิ้มเหี้ยมๆ พร้อมกับ...ยื่นมือไปดึงแก้มอีกฝ่ายเสียจนยืด “พูดจาน่าฆ่ามาก...คราวก่อนมันเพราะพวกแกหนีไปนั่งดูเซย์รินกันเองไม่ใช่หรือไงฟะ!?”
“เอ็บอะเอ้ย!” ฮานามิยะโวยพร้อมกับ...ยื่นมือไปดึงแก้มอีกฝ่ายกลับเช่นกัน
“แอเอิ่มอ่อนอะ!” ยูยะเถียงกลับ
“เฮ้ยๆ อย่าทะเลาะกลางสนามสิฟะ!” เหล่าคนในทีมบาสชูโตกุกับคิริซากิไดอิจิเอ่ยห้าม “เตรียมตัวแข่งได้แล้วเฟ้ย!”
“ชิ!” เด็กหนุ่มทั้งสองต่างปล่อยมือจากแก้มอีกฝ่ายแล้วสะบับหน้าไปคนล่ะทาง ก่อนที่จะเดินกลับไปทางฝั่งใครฝั่งมัน
“ยูยะซัง...ไหงไปทะเลาะกับเขาแบบนั้นล่ะครับ?” เด็กหนุ่มผมเขียวถามขึ้น...ปกติรายนี้ใจเย็นกว่านี้นี่นา?
“ไม่มีอะไร แค่เจอคำพูดชวนจิ๊ดน่ะ” ยูยะตอบกลับไปส่งๆ โดยไม่คิดขยายความอะไรเพิ่มเติมเนื่องจากหัวเสียจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ส่วนทางด้านฮานามิยะนั้น...
“นายไปทะเลาะกับกัปตันฝั่งนู้นทำไมเนี่ย?” ...ก็ถูกถามไม่ต่างกันเลย “ปกตินายโดนหาเรื่องอะไรในสนามก็อยู่เฉยๆ ให้ทางนู้นโดนดุฝ่ายเดียวนิ? ไหงคราวนี้ไปดึงแก้มเขากลับล่ะ?”
“ไม่รู้ แค่...ดูเหมือนจะมีบางอย่างน่าสนใจนิดหน่อยแล้วล่ะหมอนั่นน่ะ” ฮานมมิยะเร่มแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย (เลิกแกล้งฉันสักทีเถอะ! // ฮานามิยะ , ไม่มีทาง~ // s)
“อะไรของนายเนี่ย?” นายหน้าง่วงตลอดกาล (เฮ้ยๆ // เซโตะ) ขมวดคิ้วเป็นปม
“คิดเองดิ...” ฮานามิยะหัวเราะหึๆ ชวนไม่น่าไว้วางใจก่อนที่จะเดินหนีไปประจำจุดของตน ทิ้งความงุนงงไว้ให้เหล่าคนในทีมไปคิดกันเล่นเอาเอง
ในการแข่งระหว่างชูโตกุกับคิริซากิไดอิจิผลการแข่งขันคือทีมชูโตกุชนะด้วยคะแนน 90-89 โดยที่ไม่มีใครบาดเจ็บ แม้บางคนเกือบโดนหามไปโรงพยาบาลจากการแข่งกับทีมที่ทำร้ายคู่แข่งมันทุกคู่ก็เถอะ
หลังจากนั้นเมื่อเสร็จสิ้นทุกอย่างแล้วเหล่าคนในทีมชูโตกุก็ก็พากันเก็บข้าวของและกะจะกลับบ้านใครบ้านมันเลยตามปกติ แต่ด้วยความเหนื่อยและความหิวของเหล่านักกีฬาตัวจริงทั้งหลายที่ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันก็ตัดสินใจแยกกลุ่มกับคนในทีมตนและผู้เป็นโค้ชที่จะต้องพานักเรียนตัวเองไปส่งที่โรงเรียนบางส่วนแล้วแวะร้านราเมงร้านหนึ่งที่เป็นทางผ่าน และเมื่อเปิดประตูร้านเข้ามา...
“อ่ะ...ชูโตกุนิ?” ...ก็ดันเจอเหล่าตัวจริงของทีมที่พวกตนแข่งด้วยเมื่อครู่นั่งอยู่ในร้านซะนิ
“...นี่ความซวยของฉันยังไม่หมดสินะ?” เสียงบ่นอันแผ่วดังออกจากปากกัปตันทีมคนปัจจุบันของทีมบาสชูโตกุกับภาพที่ปรากฏตรงหน้า
“นั้นมันคำพูดของฉันเฟ้ย!” เด็กหนุ่มคิ้วหนาแค่นเสียงเบาๆ หากแต่บนดวงหน้ากลับประดับด้วยยิ้มแบบไม่เข้ากับคำพูดเมื่อครู่เลย
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันอีกรอบเซ่~~” นายหน้าผากมีปุ่ม (เขาเรียกไฝเฟ้ย! บอกกี่ทีแล้วเนี่ย!? // เซโตะ , ไม่รู้ไม่ได้นับ // s) ลากเสียงยาว
“ฉันว่าเรา...” ยูยะทำท่าจะเสนออะไรบางอย่าง แต่ว่า...
“เอาร้านนี้แหละ ขี้เกียจหาร้านอื่น” ....อิยามิกลับเอ่ยอย่างรู้ทันพลางดึงแขนเพื่อนตนที่กะจะหนีไปหาร้านอื่นกินแทนเอาไว้ “ฉันหิวแล้วนะเฟ้ย!”
“นั้นสิครับ!” ทาคาโอะรีบวิ่งเข้าไปจองที่นั่งทันที “ลุง! ราเมงห้าที่ครับ!”
“ได้ๆ”
“เฮ้ย! ทาคาโอะ!” ยูยะแว๊ดใส่รุ่นน้องหัวดำของตนดันไปสั่งอาหารกับเจ้าของร้านให้เสร็จสัพไปแล้ว จึงทำให้ต่ออยากไปร้านอื่นแค่ไหนก็ไปไม่ได้แล้วทีนี้
“อย่าทำหน้าเหมือนระเบิดลงสิวะ แค่นั่งกินร้านเดียวกันเองนะเฟ้ย” ยามาโตะตบหลังยูยะ...อย่างแรงอีกเช่นเคย
“โอ๊ย! นี้มือหรือตีนวะ?!” ยูยะหันไปถีบอีกฝ่าย
“มือเว้ย! แต่แกนี่ตีนของแท้!” ยามาโตะโวยกลับพร้อมวิ่งจู้ดเข้าร้านไปเกาะทาคาโอะหนึบราวตุ๊กแกก่อนที่จะโดนถีบอีกรอบ
“เอาอีกแล้วสิน้า...” มิโดริมะส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ พลางเดินไปจับรุ่นพี่ตนที่ชักเกาะคนรักตนมากเกินไปแล้ว
“เพิ่งทำทาคาโอะหึงมิโดริมะมา คราวนี้จะทำให้มิโดริมะหึงทาคาโอะกลับบ้างหรือไงวะเนี่ย?” อิยามิบ่นเบาๆ พลางมองเพื่อนตนโดนคนหัวเขียวจับไปนั่งจุดอื่นแทนก่อนที่รายนั้นจะทิ้งตัวลงข้างๆ ทาคาโอะ แล้วค่อยเดินเข้าไปนั่งในร้านอีกคน
“เฮ้ย...เดี๋ยวนะ ถ้านั่งแบบนี้...” ยูยะเริ่มคิ้วกระตุกเมื่อเห็นว่าจุดที่คนในทีมตนเว้นไว้ให้นั้น...มันดันอยู่ข้างคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้ามากที่สุดน่ะสิ!
...ให้ตายเถอะ! จงใจแกล้งกันหรือไง!?
“...อา...ดูท่าพวกนายได้นั่งข้างกันนะ ฮานามิยะ” เด็กหนุ่มหน้าตายมองที่ว่างสลับกับคนผมสีน้ำผึ้งที่ทำหน้าเหมือนอยากเดินหนีไปให้พ้นๆ
“ใช่...” ฮานามิยะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่...น่าถีบมากมาย
“แต่ฉันไม่อยากเฟ้ย! อิยามิ! สลับที่กันเถอะ!” ยูยะเอ่ยเรียกเพื่อนตน
“ไม่เอา...” อิยามิตอบกลับทันควัน “...แค่นั่งใกล้กันจะเป็นไรไปเล่า?”
“มันทำให้หงุดหงิดไงฟะ!?” ยูยะทำหน้ามุ่ยลงกว่าเดิม
“ขี้โมโหมากๆ ระวังหน้าแก่ล่ะ” ฮานามิยะที่เห็นยูยะโวยอยู่นานและไม่ยอมเข้าใกล้ตนแม้แต่น้อยเอ่ยขึ้นมา “แล้วนี่ไปซะห่างเลย กลัวฉันจับปล้ำหรือไง?”
“แกน่ะเงียบไปเลย! แล้วนี่เล่นมุขบ้าบออะไรของแกแบบนั้นฟะ!? ฉันเสียหายนะเว้ย!” ยูยะหักไม้หักไม้เหมือนอยากจะฟัดกับใครสักคนติดแต่ว่าทำไม่ได้นี่สิ
“อย่าโวยวายในร้านสิครับยูยะซัง...” มิโดริมะพยายามห้ามรุ่นพี่ตนไม่ให้พังร้านชาวบ้านเขาเล่น “...ถ้าก่อเรื่องระวังมีคนคาบข่าวไปบอกมิยาจิซังนะครับ”
“...ชิ!” เมื่อได้ยินชื่อของบุคคลที่สาม เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งก็ถึงกับชะงักก่อนที่จะทำหน้างอแล้วเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ฮานามิยะอย่างขอไปที...ก็แหง ถ้าเขาก่อเรื่องแล้วพี่รู้เขาก็โดนไอ้พี่บ้าเขกหัวปูกเป็นลูกไอติมสามชั้นน่ะสิ!
“ทีนี่ยอมง่ายเลยนะ” ฮานามิยะแซวเล็กน้อย
“พอดีฉันไม่บ้าพอมีเรื่องกับพี่ตัวเองวะ ไม่เหมือนคนปากหาเรื่องตายบางคน” ยูยะสวนกลับแทบจะทันที
“เอ๋~~~ หมายถึงใครนะ~~~~” เด็กหนุ่มคิ้วลูกออชลากเสียงยาวอย่างยียวน
“เงียบแล้วเก็บปากไว้กินข้าวไปเถอะ!” ยูยะค้อนใส่คนที่ขยันกวนตนเหลือเกิน
“ปากร้ายจังนะ” ฮานามิยะหัวเราะหึๆ
“หัวเราะบ้าอะไรวะ?!” ยูยะทำท่าเหมือนจะถอยห่าง...มันบ้าหรือเปล่าวะเนี่ย? อยู่ๆ หัวเราะทั้งๆ ที่เขาเพิ่งด่าไปเฉยเลย
“เปล่า แค่คิดว่า...นายน่าสนใจกว่าที่คิดนิดหน่อยนะ” ฮานามิยะยักไหล่น้อยๆ
“ห๊า? อะไรของนายวะ?” ยูยะขมวดคิ้วเป็นปมอย่างน่ากลัว
“ไม่บอก” ฮานามิยะตอบแบบให้อีกฝ่ายคาใจเล่น และแน่นอนว่ายูยะที่อยากรู้ความหมายที่อีกฝ่ายพูดก็โวยใส่ แต่มีหรือคนอย่างฮานมมิยะ มาโคโตะจะสนใจ? มีแต่จะแกล้งยูยะต่อไปจนกลายเป็นการถกเถียงกันแบบไม่แคร์สายตาชาวบ้านของทั้งสองไปในที่สุด...ทั้งคู่ต่างเถียงกันไปกันมาอยู่พักใหญ่จนราเมงมาเสริฟ์นั้นแหละศึกระหว่างทั้งสองถึงได้สงบลง
วันเวลาผ่านไป นับตั้งแต่วันทีมบาสชูโตกุได้แข่งขันกับทีมบาสคิริซากิไปนั้นเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งผู้เป็นกัปตันของทีมชูโตกุก็ยิ่งรู้สึกราวกับว่าตนมีวิญญาณตามติดขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก...
...มาไอ้บ้าคิ้วหนาบางตัวมันตามเขาทุกครั้งที่มีโอกาสเนี่ย!!!
“นาย...ว่างมากหรือไงถึงตามมาเนี่ย?” ยูยะเอ่ยเสียงเหี้ยมใส่คนที่เดินตามหลังตนมาในยามนี่แบบไม่สนว่าคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมาจะสะดุ้งกับเสียงตนหรือเปล่าแม้แต่น้อย
“ใช่ ว่างมาก ไม่มีอะไรทำ เลยมาป่วนนายเล่นน่ะ” คำตอบแบบชวนให้อยากฆ่าทิ้งดังออกมาจากปากของฮานามิยะ มาโคโตะ
“งั้นไปนรกซะไป!” ยูยะชักปวดหัวกับรายนี่แล้วสิ...ตกลงว่ามาป่วนเล่นว่างั้น? ถ้ารู้แบบนี้นอนกลิ้งอยู่บ้านดีกว่าออกมาเจอไอ้นี่แฮะ
“เรื่องสิ” ฮานามิยะแล่บลิ้นใส่ “จะอยู่ป่วนกวนแกล้งนายอีกนานน่า”
“เดี๋ยวพ่อปั๊ดฆ่าเสียนิ” ยูยะอยากฝังไอ้คนหน้าหล่อแต่นิสัยน่าถีบนี้ขึ้นมาตงิกๆ
“อย่างนายฆ่าฉันไม่ได้หรอกกกกก” ฮานามิยะลากเสียงยาวอย่างกวนโอ๊ยเป็นที่สุด
“ลองดูไหมล่ะ?” ยูยะหักไม้หัแมือเตรียมตื้บคน
“นายก็ลองทำสิ ฉันจะจับนายจูบให้ดู” ฮานามิยะสวนกลับทันควัน
“แค่ก!” ยูยะเมื่อได้ยินดังนี้ก็ถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองเลยทีเดียว “จะบ้าหรือไงนาย!? ม...มุขนี้ไม่ขำนะเว้ย!”
...มุขน่าขนลุกแบบนี้มันคิดออกมาจากสมองส่วนไหนของมันวะ??!...
“ใครว่ามุขล่ะ?” ฮานามิยะยักคิ้วเล็กน้อยพร้อมฉวยโอกาสยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย “ฉันน่ะ...เอาจริงนะ”
“อะ...” ยูยะอ้าปากพะงาบๆ อยางคนสมองตามไม่ทันก่อนที่จะ...รีบผลักอีกฝ่ายออกห่างอย่างรวดเร็ว “...อ...ออกไปห่างๆ เลย! ไอ้บ้า! ชาวบ้านเขามองแล้วเฟ้ย!”
“ช่างประไร ฉันไม่สนนิ” ฮานามิยะยิ้มร่า
“นายไม่สน แต่ฉันสนเว้ย!!!” ยูยะยกเท้าถีบฮานามิยะ หากแต่อีกฝ่ายกลับหลบได้อย่างรวดเร็ว “ไปตายซะ!”
“ไม่มีทางงงงงง” ฮานามิยะตอบอย่างกวนๆ ดวงตาสีน้ำตาลอมเทามองคนผมสีน้ำผึ้งที่สะบับหน้าหนีราวกับคนงอนอย่างขำๆ “ยูยะ~~~ รอด้วยสิ~~~~”
“ไม่เอาเว้ย!” ยูยะเริ่มเร่งฝีเท้าตนเพื่อหนีจากคนหน้าด้าน (?)
“ย...” ฮานามิยะเองก็ตามไปติดๆ จนมาถึงยังบริเวณหนึ่งที่ไร้ซึ่งผู้คนแห่งหนึ่งและในตอนที่เด็กหนุ่มผมดำกำลังจะจับตัวอีกฝ่ายได้นั้นเอง...
ซ่า...
...ฝนเจ้ากรรมดันตกลงมาซะงั้น
“...” เด็กหนุ่มทั้งสองที่อยู่ๆ ก็กลายสภาพเป็นลูกหมาตกน้ำถึงกับเกิดอาการกินจุดขึ้นมาทันใด
“เราหาที่หลบฝนกันก่อนเถอะ” ฮานามิยะเสนอขึ้นมา
“เออ...” ยูยะกรอกตาไปมาพลางเดินไปหลบ ณ อาคารร้างแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ โดยในใจอดคิดไม่ได้ว่า...
...วันนี้วันบ้าอะไรฟะ!?...
“ให้ตายเถอะ ไอ้ฝนบ้ามันตกแบบไม่มีเตือนเลยวุ้ย” ฮานามิยะที่เดินมาหลบในอาคารร้างอีกคนบ่นอุบ...เล่นซะหมดอารมณ์แกล้งคนเลย
“นั้นสิ” ยูยะพยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนที่จะ...
“เฮ้ยๆ! จะทำอะไรของนายฟะ!?” ...ถอดเสื้อที่ตนใส่มันตรงนี้เลย
“จะบิดน้ำออกจากเสื้อเว้ย! แกจะกริ้ดกร้าดทำไมห๊า!? เป็นผู้หญิงหรือไง!?” ยูยะโวยกลับพร้อมกับบิดเสื้อทีเปียกราวกับเพิ่งโยนลงถังน้ำมาของตน โดยไม่สังเกตสีหน้าของคนที่จ้องมองอยู่แม้แต่น้อย
...ไม่ใช่โว้ย! ไอ้ความรู้สึกช้า!...
ฮานามิยะโวยในใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาจับจ้องยังร่างกายสมส่วนของอีกฝ่ายอย่างมิอาจละสายตาได้ ยิ่งหยาดน้ำที่ไหลลงมาจากเส้นผมสีน้ำผึ้งเพิ่มความเซ็กซี่ให้เจ้าตัวได้เป็นอย่างดีนั่นยิ่งดึงดูดสายตาฮานามิยะยิ่งนัก
...นี่ยั่วกันหรือไงวะ!? เกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไม่รู้ด้วยแล้วนะเว้ย!...
“มองอะไร?” ยยะหันไปมองฮานามิยะที่จ้องตาแป๋ว ก่อนที่จะแว๊ดลั่นในเวลาต่อมาเมื่ออีกฝ่ายกระโจนใส่ตนจนล้มกลิ้งไปนอนกับพื้น “เฮ้ย! ทำอะไรของนายฟะ!?”
“คิดว่าอะไรล่ะ?” ฮานามิยะที่ยามนี้คล่อมอยู่บนร่างของคนผมสีน้ำผึ้งแค่นเสียงออกมาเบาๆ “นายนี่ซื่อบื้อกว่าที่คิดแฮะ”
“อ...” ยูยะที่สมองตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทันสะดุ้งโหยงกับสายตาราวสัตว์ป่าล่าเหยื่อจากคนคิ้วหนา “...ด...เดี๋ยว! จ...จะท...ทำบ้าอะไรฟะ!?”
“นั้นสิ...จะทำอะไรนะ” ฮานามิยะแสยะยิ้มแล้ว...นำเชือกมาจากไหนไม่รู้มามัดมือร่างใต้ตนอย่างรวดเร็วเกินกว่าคนที่กำลังสับสนอยู่จะได้ทันตั้งตัว
“เฮ้ย! เอาเชือกมาจากไหนเนี่ย!?” ยูยะที่โดนมัดโดยไม่ทันที่จะรู้ตัวด้วยซ้ำพยายามหาทางแก้เชือกออก
“ในกระเป๋า...พอดีมักเจอคนดักตีหัวบ่อยเลยพบไว้เผื่อเจอใครดักตีหัวอีกจะได้มัดมันทิ้งไว้กับต้นไม้ให้ยุงกัดเล่นเลย” ฮานามิยะมองผลงานของตนอย่างพึงพอใจ มือหน้าค่อยๆ ลูบไล้ไปตามผิวกายสวยได้รูป
“น...นาย...” ยูยะที่ถูกกระทำเช่นนี้หน้าแดงวาบด้วยความอับอายพร้อมกับ...ตวัดขาเตะคนที่คล่อมตนอยู่ “...ไปตายซะเถอะ! อ...ไอ้บ้า!!!”
“โอ๊ะโอ๋?” ฮานามิยะรับขาที่ถูกส่งมาด้วยความชำนาญ “นายคิดว่าแค่นี้ฉันจะหลบไม่ได้?”
“หน็อย...” ยูยะกัดฟันกร๊อดก่อนที่จะสะดุ้งอีกระรอบเมื่ออยู่ๆ ฮานามิยะจับตนพลิกคว่ำหน้าลงกับพื้นอย่างง่ายดาย เด็กหนุ่มผมน้ำผึ้งเริ่มหน้าซีดด้วยความที่ว่าเดาเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจากนี้ออก...และถ้าเป็นไปได้ยูยะไม่อย่างให้สิ่งทีคิดนี่เกิดขึ้นเลย! “...อึก...เดี๋ยว...อย่านะ...”
“อย่าอะไรมิทราบ?” ฮานามิยะถามกลับพร้อมกับมือเริ่มล้วงเข้าไปในกางเกงอีกฝ่ายและ...เริ่มแหย่ปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่มเบื้องล่าง ดวงตาสีน้ำตาลอมเทาจับจ้องแผ่นหลังที่กำลังสั่นไหวราวลูกนก รอยยิ้มที่แสดงถึงความพึงพอใจปรากฏดวงหน้าหล่อเหลาแต่เคะได้ (เอาดีๆ ตลอดบ้างเถอะ! ว่าแต่ทำไมบทฉันชั่วอีกแล้วเนี่ย!? // ฮานามิยะ , น่าๆ แสดงไปเถอะจ้า // s) “โอ๋ สั่นใหญ่เลยนะ~ แถมด้านในตัวนี่ทำให้รู้สึกดีจังนะ แบบนี้...ยิ่งอยากได้นายเข้าไปใหญ่เลยเนอะ~~~”
“อื้อ~~~” ยูยะครางออกมาเบาๆ หยาดน้ำไหลออกมาดวงตาสีน้ำผึ้งด้วยความหวาดกลัว “ม...ไม่เอาแล้ว! ค...ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!”
“เฮ้ย! นั้นทำอะไรกัน!?” ระหว่างที่สถานการณ์กำลังจะไปสู่ฉาก NC (?) นั้นเองก็มีเสียงตะโกนอันดังลั่นดังขึ้นพร้อมกับมือข้างหนึ่งกระชากคอเสื้อฮานามิยะออกห่างจากยูยะ “แกทำบ้าอะไรกับน้องฉันห๊า!?”
“อ๊ะอ่า? มิยาจิซังไม่ใช่หรือนี่?” ฮานามิยะมองคนผมสีน้ำผึ้งผู้มาใหม่อย่างแปลกใจนิดๆ ด้วยความที่ว่าไม่คิดว่ารายนี่จะมาโผล่ที่นี่ได้
“ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลย! บอกมาแกจะทำอะไรน้องฉันห๊า??!” มิยาจิ คิโยชิค้อนใส่คนคิ้วหนาพร้อมพยุยร่างที่นอนตัวสั่นอยู่กับพื้นขึ้นมา...และยิ่งเมื่อเห็นดวงหน้าที่เปื้อนหยาดน้ำตา มิยาจิก็เริ่มเกิดอาการอยากตื้บคนขึ้นมาตงิดๆ...
...ไอ้บ้านี่...ทำอะไรน้องกูวะเนี่ย!?...
“จะจับทำเมียไงครับ” ฮานามิยะตอบกลับหน้าตาเฉย
“ไอ้หน้าด้าน! ไอ้$&/’_(!:_€*♤●<}♢&/%*?” เมื่อได้คำตอบเช่นนี้มิยาจิก็ด่าอีกฝ่ายแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้นพลางพยายามปลอบน้องลายตนที่สั่นเทาอยู่ไปด้วย จนผ่านไปากพักมิยาจิเห็นว่าด่าคนหน้าหนาบางคนไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาและเนื่องจากจะตื้บรายนี้ก็ไม่ได้เพราะไม่งั้นอาจมีเรื่องวุ่นวายลอยมาหาน้องตนได้จึงทำได้เพียงแก้มัดเชือกที่รัดแน่นที่ข้อมือยูยะออกแล้วดึงอกฝ่ายให้ลุกขึ้น “ไป! กลับบ้าน!”
“อ...อื้อ” ยูยะพยักหน้ารับขณะโดนพี่ชายตนลากออกจากตัวอาคาร
“...” ฮานามิยะมองแผ่นหลังของคนที่เดินจากไปท่ามกลางสายฝนจนลับตา “หึ...ดันมีคนมาขวางซะได้”
...แต่เอาเถอะ...ยังมีโอกาสครั้งหน้าอยู่...
“เดี๋ยวเราจะรู้กันว่านายจะหนีได้สักกี่น้ำ...ยูยะ...”
...หงุดหงิด...
...หงุดหงิดสุดๆ...
...หงุดหงิดจะตายแล้วเฟ้ย!!!...
...นี่นายไปซ่อนอยู่ไหนวะ!?...
...ยูยะ!!!...
ความคิดอันเต็มไปด้วยคสามขุ่นมัวลอยไปลอยมาภายในสมองของเด็กหนุ่มผู้ถูกขนานนามว่าแมงมุมพิษไม่หยุด ส่วนสาเหตุที่เจ้าตัวต้องมานั่งกลุ้มปานคนโดนหวยกินนี่ก็ไม่ใช่อะไร ก็มาจากคนคนหนึ่งที่ตนนั้น...เกือบขืนใจไปนั้นเอง เพราะนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมารายนั้นพยายามหาทางหนีเขาตลอดจนปานนี้ปาไปเกือบเดือนแล้วเจ้าตัวก็ยังหาทางเข้าใกล้อีกฝ่ายไม่ได้เลย...
...ตอนแรกฮานามิยะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแอบจะหนีอะไรได้เก่งนักเพราะเห็นว่าเป็นพวกเลือดร้อนแบบมิยาจิคนพี่ คงไม่ใช่พวกชอบหนีปัญหาอะไรพวกนั้แน่ แต่ความจริงไม่ใช่เลย...ยูยะหนีไวจนไม่รู้จะเปรียบเปรยยังไงเลย! แถมหนีเก่งเสียจนน่าสงสัยว่าไปฝึกไอ้เรื่องแบบนี้มาจากไหนด้วยซ้ำ!
“ฮานามิยะ...” ขณะที่กำลังหงุดหงิดอยู่นั้นก็มีเสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้น ทำให้ฮานามิยะต้องหันไปมองยังต้นเสีย “...เป็นอะไรหรือเปล่า? หน้าบูดเชียว”
“...คิดว่าไงล่ะ?” ฮานามิยะถามกลับเหมือนเห็นว่าผู้ที่ถามตนนั้นคือเพื่อนหน้าปลาตายของตนนั้นเอง
“ถ้าให้เดา...เรื่องของมิยาจิ ยูยะจากทีมชูโตกุสินะ?” คนหน้าตายหรือฟุรุฮาชิ โคจิโร่เอ่ยตามที่ตนคิด
“ก็รู้แล้วจะถามทำไม?” ฮานามิยะถามกลับห้วนๆ
“เผื่อเดาผิดน่ะ...” ฟุรุฮาชิยักไหล่พลางเลื่อนเก้าอี้ออกเล็กน้อยแล้วทิ้งตัวนั่งลงที่ข้างๆ ฮานามิยะ “...ฉันว่านายน่ะ...รีบไปคุยกับรายนั่นให้รู้เรื่องดีกว่า ไม่งั้นนายได้เสียใจทีหลังแน่”
“...หมายความว่าไง?” ฮานามิยะขมวดคิ้วเล็กน้อย
“น่าจะรู้ดีนิ” ฟุรุฮาชิสวนกลับทันที
“...” พอโดนตอบกลับแบบนี้ฮานามิยะก็ถึงกับนิ่งเงียบไป...ใช่ เขารู้ความหมายที่อีกฝ่ายพูดดี รู้ว่าตนนั้นรู้สึกยังไงกับคนที่หนีหน้าตนและรู้ดีด้วยว่าตัวเองควรต้องทำอะไรต่อ...
...เสียแต่...เขายังไม่กล้าทำเท่านั้น
“รีบไปสิ เดี๋ยวลาเรียนให้” ฟุรุฮาชิเอ่ยเร่งด้วยน้ำเสียงแบบที่นานๆ ที่จะได้ยินจากปากคนหน้าตายตลอดคดแบบนี้
“...ขอบใจ” ฮานามิยะนิ่งไปคล้ายลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะรีบลุกพรวดจากที่นั่งตนแล้วรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปในทันที...เป็นตัวบ่งบอกว่าฮานามิยะ มาโคโตะได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างไปแล้วนั้นเอง
“ขอให้โชคดีล่ะ” ฟุรุฮาชิอวยพรด้วยถ้อยคำที่แผ่วเบาพลางคลี่ยิ้มบางๆ ออกมาแบบไม่สนใจคนในห้องที่เริ่มควักกล้องออกมาถ่ายตนเพราะเห็นเป็นของแปลกแม้แต่น้อย ส่วนทางด้านฮานามิยะนั้นเจ้าตัวพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้ไปพบคนที่ตนเฝ้าคำนึงหาเร็วๆ และเมื่อมาถึงยังจุดหมายปลายทางหรือโรงเรียนมัธยมปลายชูโตกุด้วยอาการหอบแฮ่กๆ จากการวิ่งระยะไกลก็...ปีนเข้ารั้วโรงเรียนไปหน้าตาเฉย
“แฮ่กๆ น...นี่...” ฮานามิยะที่เข้ามาภายในรั้วโรงเรียนอื่นหน้าด้านๆ เอ่ยเรียกเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เดินผ่านมาพอดี “...รู้จักมิยาจิ ยูยะหรือเปล่า?”
“เอ๋?” คนโดนถามทำหน้างงเล็กน้อยกับคนจากต่างโรงเรียนที่โผล่มาที่นี่ได้ไงไม่รู้ในเวลาเรียนนี่ “อา...รู้สิ ทำไมเหรอ?”
“แล้วพอทราบไหมครับ...ว่า...ว่ารายนั้นอยู่ไหน?” ฮานามิยะถาม
“อ๋อ ไม่มาเรียนหรอก เห็นว่ายูยะซังป่วยน่ะ ถามท...เอ้ย! จะไปไหนน่ะ!? นี่!!!” เดกหนุ่มที่ถูกถามตะโกนเรียกฮานามิยะที่พอได้คำตอบแล้วก็ปีนรั้วกลับออกไปอย่างรวดเร็ว หากแต่นายคิ้วลูกอ๊อชมิได้สนเสียงเรียกนั้นเลยแม้แต่ ในสมองเจ้าตัวยามนี้มีแต่เรื่องของคนผมสีน้ำผึ้งที่ตนวิ่งตามหาเป็นบ้าเป็นหลักอยู่ในตอนนี้เท่านั้น
...บ้าเอ้ย...นายจะทำให้ฉันหลงไปถึงไหนวะ!?...
กัปตันแห่งทีมบาวคิริซากิคิดอย่างหัวเสียปนอ่อนใจกับตนเองนิดๆ ...แต่ก็นะ ใครใช้ให้เขามา ‘หลงรัก’ รายนี่กันล่ะ ถ้าไม่ใช่ตัวของเขาเอง
ฮานามิยะหัวเราะเยาะตัวเองเล็กน้อยตลอดทางที่วิ่งมาและพอมาถึงหน้าบ้านของยูยะเจ้าตัวก็ไม่รอช้ากดกริ้งหน้าบ้านทันที หลังจากนั้นไม่ถึงหานาทีก็มีคนคนหนึ่งมาเปิดประตูให้
“คร้าบบบบ...” ชายหนุ่มผมดำคนหนึ่งเปิดประตูบ้านออกมา ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมจับจ้องยังเด็กหนุ่มแปลกหน้าอย่างงุนงง “...มาหาใครครับ?”
“ย...ยูยะอยู่ไหมครับ?” ฮานามิยะถามปนหอบนิดๆ
“ยูจังเหรอ? อยู่สิๆ เข้ามาก่อนสิ...” ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่า ยังจับมือฮานามิยะลากเข้ามาในบ้านอีกต่างหาก “...มาเยี่ยมยูจังเหรอ? ว่าแต่เวลานี่เวลาเรียนไม่ใช่เหรอ?”
“ลาเรียนมาครับ” ฮานามิยะตอบไปตามตรง
“งั้นเหรอ~ แต่แบบนี้มันไม่ดีนะ~~~” ชายหนุ่มดุแบบไม่จริงจังนักขณะที่ลากฮานามิยะขึ้นไปชั้นสองของบ้าน “แต่เอาเถอะ...ถือว่าเพราะห่วงยูจังแล้วกันเนอะ~”
“อา...ครับ...” ฮานามิยะพยักหน้ารับพลางปล่อยให้อีกฝ่ายลากตนต่อไป “...เออ...คุณ...เป็นพี่ของยูยะเหรอครับ?”
...ยูยะมีพี่กี่คนวะเนี่ย?...แต่ยังดี คนนี้ดูไม่โหดเท่ามิยาจิซังล่ะ...
“เปล่า ฉันเป็นพ่อยูจังต่างหาก”
“...” ฮานามิยะพอได้รับคำตอบแบบนี้ถึงกับนิ่งอึ้งไป เนื่องจากชายหนุ่มตรงหน้านี่ดูยังไงก็แค่เกือบสามสิบเท่านั้น...
...พ่อเหรอวะ!!? หน้าอ่อนชิบ!...
“อ่ะ ถึงห้องยูจังแล้ว เข้าไปหาเองนะ ฉันโดนห้ามไม่ให้เข้าห้องน่ะ” เมื่อมาถึงหน้าห้องห้องหนึ่งที่มีป้ายติดว่า ‘ยูยะ’ และมีป้ายเล็กๆ ติดอยู่ใต้ชื่อเจ้าของห้องว่า ‘ห้ามป่วน’ ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาเช่นนี้
“ทำไมล่ะครับ?” หลังจากหายอึ้งจากความจริงเรื่องอายุของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วฮานามิยะก็ถามต่อ
“เมื่อเช้าคิโยมิกับคิโยจังบอกว่า ‘ห้ามเข้าห้องยูยะเด็ดขาด ยกเว้นแต่เวลาเอาข้าวมาให้และห้ามป่วนยูยะให้สติแตกเด็ดขาด เดี๋ยวยูยะจะป่วยหนักกว่าเก่าเอา’ น่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะร่าราวกับว่าเรื่องที่พูดนี้เป็นเรื่องปกติ ก่อนที่จะเดินไปที่บันได “และฉันไปล่ะ...ภรรยาที่เคารพฝากให้ไปตากผ้าน่ะ”
“อ้าวเฮ้ย!” ฮานามิยะสะดุ้งเมื่อเห็นชายหนุ่มโดดลงจากชั้นสองไปหน้าตาเฉย เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปยังจุดที่ชายหนุ่มโดดลงไปเมื่อครู่และเมื่อก้มลงไปมองชั้นล่าง...ก็พบชายหนุ่มเจ้าเก่ารายเดิมเดินลั้นลาในสภาพครบสามสิบสองดี ไม่มีร่องรอยว่าบาดเจ็บหรืออะไรแม้แต่น้อย
...ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่าวะเนี่ย!? โดดลงไปหน้าตาเฉยแบบนี้!...
ฮานามิยะเริ่มเข้าใจทำคนในบ้านนี่ห้ามรายนี้เข้าห้องยูยะ เพราะถ้าเกิดเข้าไปหายูยะตอนนี้มีแววว่าจะทำอะไรให้ยูยะเส้นเลือดในสมองแตกตายเอา...ขนาดเขาสติยังเต็มร้อยยังแทบไมเกรนขึ้นเลย
“เฮ้อ...ช่างเถอะ...” ฮานามิยะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่เดินกลับมาที่ห้องยูยะอีกรอบ มือหยาบจากการเล่นกีฬายกขึ้นเคาะบานประตูเบาๆ ตามมารยาท
“ใคร?” เสียงถามเบาๆ ดังออกจากในห้อง
“...” เด็กหนุ่มผู้เป็นกัปตันควบโค้ชของคิริซากิไม่ตอบอะไรกลับไปแต่เปิดประตูเข้าไปในห้องหน้าตาเฉย ดวงตาสีน้ำตาลอมเทากวาดมองภายในห้องที่ดูสะอาดสะอางดีก่อนที่จะไปหยุดที่ร่างของคนเพียงคนเดียวภายในห้อง
“น...นี่นาย...ทำไมมาอยู่ที่นี่!?” เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งถึงกับถอยกรูดเมื่อเห็นว่าใครมา แม้ว่าในยามนี้ร่างกายตนมิอาจขยับได้ดังใจนักก็ตาม
“วิ่งมา” ฮานามิยะตอบไปตามตรงพลางเดินเข้ามาและปิดประตูห้องลงอย่างแผ่วเบา โดยที่สายตาไม่ละไปจากอีกฝ่ายที่...ดูหอบหายใจกว่าปกติ หยาดเหงื่อที่ไหลตามกายบ่งบอกถึงอาการอีกฝ่ายได้อย่างดี ดวงหน้าสวยที่ขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยพิษไข้ทำเอาฮานามิยะใจเต้นไม่เป็นจังหวะแต่ก็ต้องพยายามยั้งใจไว้ไม่ให้เกิดเรื่องให้อีกฝ่ายหนีหน้าตนรอบสอง...
...ป่วยหนักพอดูแฮะ แบบนี้จะคุยกันจนจบไหมเนี่ย?...
“...” ยูยะมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจนักพร้อมเขยิบตัวไปชิดกับกำแพงยิ่งกว่าเดิม...ที่จริงดูแล้วถ้าเกิดหลอมตัวไปกับผนักได้เจ้าตัวคงทำไปแล้วแหง
“ไม่ต้องกลัวนักก็ได้ ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกน่า” ฮานามิยะเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้จากอีกฝ่ายได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่เรื่องนี้ก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเขาเองล่ะนะ
...ไม่เชื่อโว้ย!!!...
ยูยะแอบเถียงในใจอย่างหวั่นๆ เนื่องจากในยามนี้สภาพตนนั้นไม่สู้ดีนัก และหากมีฉุกเฉิกขึ้นมาเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะหนีหรือตะโกนเรียกให้ใครช่วยได้ด้วยซ้ำ
“จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามแต่นายเถอะ” ฮานามิยะยักไหล่เล็กน้อยพลางยืนพิงประตูแบบไม่คิดที่จะเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากกว่านี้ด้วยความที่รู้ดีว่า...ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้อีกฝ่ายคงหาทางหนีตนสุดฤทธิ์แน่ “แต่มีเรื่องหนึ่งที่อยากให้นายรับฟังหน่อย”
“...อะไร?” ยูยะถามกลับห้วนๆ
“ขอโทษ” ฮานามิยะเอ่ย
“ห๊า?” ยูยะหลุดร้องออกมาอย่างงุนงง
“ขอโทษ...เรื่องตอนนั่นน่ะ” ฮานามิยะย้ำคำเมื่อครู่อีกครั้งชัดๆ
“เออ...นี่ฉันสมองเบลอหรือนายป่วยเนี่ย?” ยูยะคิ้วกระตุกนิดๆ ...นี่อย่างหมอนี่เนี่ยนะมาขอโทษเขา
“ไม่ใช่ทั้งคู่นั้นแหละ...” ฮานามิยะกรอกตาไปมา “...ฉัน...พูดจริงนะ”
“...หัวไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่าเนี่ย!?” ยูยะเริ่มคิดว่าไม่ตนก็ต้องอีกฝ่ายนี่แหละที่เพี้ยนไปแล้วงานนี้
“เปล่าสักหน่อย ยังสบายดีครบสามสิบสองถึงจะมีสติหลุดกับพ่อนายบ้างก็เถอะ” ฮานามิยะเถียงกลับ
“...” ยูยะคุมขมับ พยายามเรียบเรียงความคิดทั้งหมดภายในสมองที่สุดแสนจะเบลอของตนในยามนี้ “...นี่...ขอถามอะไรหน่อยสิ”
“อื้อ” ฮานามินะขานรับ
“ตอนนั้น...นายทำแบบนั้นทำไม?” ยูยะถามตรงๆ ...เขาว่าแปลกอยู่นะ ถ้าหมอนั่นตั้งใจที่จะขืนใจเขาจริงๆ คงไม่หน้าด้านมาขอโทษเขาถึงบ้านเสี่ยงให้โดยพี่เขาตื้บอีกรอบหรอก เว้นแต่คิดจะหลอกให้เขาตายใจแล้วลากเข้ามุมมืดอีกรอบล่ะนะ...
...ซึ่งแน่ล่ะ...เขาไม่คิดว่าหมอนี่จะเลวขนาดนั้นหรอก
“แค่ตบะแตกน่ะ” ฮานามิยะหลบตาวูบ
“ห๊า?” ยูยะขมวดคิ้วเป็นปมกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ก็นาย...เล่นยั่วฉันนี่หว่า!” ฮานามิยะตอบด้วยใบหน้าแดงแปล็ดด้วยความอายเมื่อนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น “ฉันไม่ใช่รูปปั้นนะเฟ้ย! ที่คนที่ชอบมายั่วตรงหน้าแล้วจะไม่รู้สึกอะไรน่ะ! และฉันไม่ใช่พวกความอดทนสูงกับเรื่องแบบนี้ด้วยเลย...เผลอไปน่ะ”
“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้นายว่าไงนะ?” ยูยะที่เริ่มตามสถานการณ์ไม่ทันเอ่ยขึ้นมา
“ฉันชอบนาย! ชัดไหม!?” ฮานามิยะกุมหน้าตัวเองที่ร้อนพร่านราวกับจะระเบิดออกมาของตน...
...อ๊ากกก! อายเฟ้ย!...
“...” ยูยะคุมขมับ คล้ายกำลังพยายามประมวลคำพูดเมื่อครู่นี้ “มาชอบอะไรกับฉันเนี่ยไอ้บ้า!?”
“ฉันก็ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันแหละ!” ฮานามิยะลดมือลงเมื่อคิดว่าปรับสีหน้าตนเองได้แล้ว “รู้แค่ว่าตอนแรกแค่รู้สึกสนใจ แต่ไปๆ มาๆ ก็ชอบไปแล้วนี่หว่า!”
“...เฮ้อ...ให้ตายเถอะ” ยูยะถอนหายใจออกมาเบาๆ กับคำยืนยันของฮานามิยะ “ตกลง...ชอบฉันจริง?”
“เออดิ” คนคิ้วลูกอ๊อช (ขอล่ะ...เลิกเรียกแบบนี้จะตายไหมห๊า!? // ฮานามิยะ , ไม่ตาย แต่ไม่หนุกเรา // s) พยักหน้ารับอย่างตรงไปตรงมาที่สุดในชีวิตคนซึน
“งั้นโทษทีที่ให้ต้องเสียใจ แต่ฉันไม่ชอบนายวะ” ยูยะคิดว่าการปฏิเสธอย่างเด็ดขาดไปเลยนี่เป็นผลดีกับพวกเขาทั้งสองมากที่สุด...ดีกว่าการให้ความหวังชาวบ้านโดยไม่คิดอะไรเยอะเลย
“ฉันรู้...” ...ก็ฉันเล่นทั้งแกล้ง ทั้งทะเลาะ ทั้งเกือบกดนายอีก ถ้านายชอบฉันกลับตอนนี้ฉันคิดว่านายคงเป็น M แล้วล่ะ
“ทั้งที่รู้ยังหน้าด้านมาบอก?” ยูยะเลอกคิ้วเล็กน้อย
“ใช่...ก็ดีกว่าไม่บอกอะไรเลยจนนายโดนคนอื่นงาบไปล่ะ” ฮานามิยะหัวเราะเบาๆ
“บอกไม่บอกก็มีค่าเท่ากันนั้นแหละ” ยูยะไม่เห็นว่ามันมีค่าต่างกันตรงไหน ในเมื่อผลคือเขาก็ปฏิเสธทั้งคู่นั้นแหละ
“มีสิ อย่างน้อย...” ดวงตาสีน้ำตาลอมเทาจับจ้องยังดวงหน้าของอีกฝ่าย “...ฉันก็จะได้ตามจีบนายอย่างเปิดเผยหน่อยล่ะ”
“...นี่นายบ้าไปแล้วเหรอฟะ!?” ยูยะขว้างหมอนใส่ เสียแต่ว่า...แรงไม่พอ เลยทำให้หมอนลอยไปไม่ถึงตัวเป้าหมาย
“ไม่บ้าหรอก” ฮานามิยะก้มเก็บหมอนแล้วโยนคืนให้ยูยะอย่างแม่นยำ “และเอาจริงด้วย...เตรียมตัวเตรียมใจได้เลย:)”
“นายนี่มัน...ไม่สนนายแล้วเว้ย! ถ้าโผล่มาบ่อยๆ แล้วโดนพี่ไล่ตื้บฉันไม่ช่วยนะเว้ย!” ยูยะแว๊ดกลับพร้อมม้วนตัวในผ้าห่มจนเหมือนก้อนอะไรสักอย่างขาวๆ
“รู้แล้วน่า...” ฮานามิยะยักไหล่น้อยๆ “...งั้นฉันกลับก่อนล่ะ...ถ้ารีบไปเรียนตอนนี้คงทันคาบบ่ายอยู่”
“เออๆ ไปไหนก็ไปเลย” ยูยะเอ่ยกึ้งไล่อีกฝ่ายเล็กน้อย ขณะที่มองอีกฝ่ายเดินออกจากห้องไปและเมื่อบานประตูถูกปิดลงจนเหลือเพียงตนภายในห้อง เด็กหนุ่มก็โผล่ออกมาจากผ้าห่มเผยให้เห็นดวงหน้าที่แดงด้วยพิษไข้อยู่แล้วนั้นขึ้นสีแดงฉานกว่าเดิม “ให้ตายเถอะ...พูดมาได้นะ ไอ้บ้าเอ้ย”
วันเวลาผ่านไป...สองเดือนนับจากวันที่ฮานามิยะโผล่มาขอโทษและขอจีบชาวบ้านหน้าตาเฉยเป็นต้นมานั้น ไม่รู้ว่ามิยาจิ ยูยะคิดไปเองหรือว่านับวันชีวิตตนเริ่มปั่นป่วนขึ้นมาเรื่อยๆ กันแน่ ไม่ว่าจะ...
“ยูยะซางงงงงงงง” ...ทาคาโอะที่เกาะแจ
“ยูยะซัง เอาลักกี้ไอเทมไหมครับ?” ...มิโดริมะที่พยายามยัดเยียดลักกี้ไอเทมประหลาดๆ ให้
“ยูยะ...ขนมไหม?” ...อิยามิซึ่งตามจ้องเขามากกว่าปกติ
“ฉันว่าอย่างยูยะคงกินแต่สับปะรดแบบมิยาจิซังนั้นแหละวะ” ...ยามาโตะที่ปากชวนตื้บเหมือนเดิม
“แกห้ามเข้ามาใกล้เกินสามเมตรนะเว้ย!” ...พี่เขาที่โผล่มาปล่อยไอมาคุข้างๆ ให้อึดอัดเล่นได้ทุกวัน
“ไม่สนครับ” ...และว่าตามจริงตัวดึงความป่วนมาสู่เขานี่คงไม่พ้นไอ้นี่..ไอ้บ้าที่นึกเพี้ยนตามจีบเขาเนี่ย
เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งกวาดตามองความวุ่นวายรอบข้างพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ว่าตามจริงยูยะไม่คิดว่าตนจะกล้าให้ฮานามิยะเข้าใกล้ตนรอบสองแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่พอมันโผล่มางอนเขาเรื่อยๆ สุดท้ายก็ใจอ่อนจนยอมให้มันเข้าใกล้และแน่นอนว่าพอพี่เขารู้เรื่องนี้เข้าก็โผล่มาหาเขาทุกเย็นเวลาเลิกซ้อมค่อยสร้างความผวา (?) ให้แก่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
...แถมพอไอ้เพื่อนสองบวกรุ่นน้องสองตัวนี่รู้เรื่องที่ฮานามิยะทำกับเขาก่อนหน้านี่ก็พากันเกาะเขาหนึบ ชนิดที่ว่าไม่ยอมให้อยุ่กับฮานามิยะแค่สองคนอีกต่างหาก...จนตอนนี้ไม่รู้จะปวดหัวเรื่องฮานามิยะ พี่เขาหรือไอ้พวกนี่ดีแล้วเนี่ย
“ไปไกลๆ น้องฉันเลยโว้ย!” มิยาจิ คิโยชิยกเท้าถีบคนที่เริ่มหน้าด้านเนียนมาเกาะแขนน้องตนหน้าตาเฉย ซึ่งแน่นอนว่าฮานามิยะหลบได้อย่างสบายๆ
“อย่าฆ่ากันเซ่” ยูยะพยายามเอ่ยห้ามเพื่อไม่ให้มีเหตุนองเลือดเกิดขึ้น
“ถ้าไอ้บ้านี่ไปห่างๆ เท้าฉันเมื่อไหร่ก็เลิก” มิยาจิยังคงหาทางตื้บฮานามิยะไม่เลิก
“ส่วนฉัน...เมื่อมิยาจิซังเลิกเป็นบราค่อนน่ะ” ฮานามิยะยักไหล่เล็กน้อยก่อนก้มหลบสับปะรดบิน (?)
“ไม่ได้เป็นเฟ้ย!” มิยาจิแยกเขี้ยวใส่คนคิ้วลูกอ๊อช
“หยุดทะเลาะกันสักทีเถอะ...” ยูยะเอ่ยแบบอ่อนใจสุดแสน
“อย่าห้ามให้เหนื่อยเลยครับ คงไม่หยุดง่ายๆ หรอก” ทาคาโอะที่เกาะแขนอีกฝ่ายของยูยะหนึบไม่คิดว่าคนอย่างมิยาจิ คิโยชิจะยอมหยุดง่ายๆ หรอก...ยิ่งเป็นเรื่องนี้ด้วยแล้ว
“งั้นสิ ปล่อยเถียงกันไปนั้นแหละดีแล้ว” อิยามิมองคนที่เริ่มวางมวยกันแล้วหยิบขนมเข้าปากรายกำลังดูละครในทีวีอยู่
“...เฮ้อ” ยูยะถอนหายใจอีกระรอบพลางมองพี่ตนกับคนที่มาจีบตนอย่างไม่กลัวตายฟัดกันไป...
...หวังว่าพี่เขาจะไม่เผลอฆ่าฮานามิยะมันนะ...
End
ความคิดเห็น