ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #172 : [LuiFuku] Onsei

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 977
      15
      9 ธ.ค. 59

    Title : Onsei

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Lui x Fukui

    Notes : ฟิคนี้เป็นราวฟิครวมตัวประกอบ... #โดนถีบ

    .....................................................................................

    Onsei

     

    ไปเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนกัน...” เสียงเอื่อยเอ่ยดังออกมาจากหญิงสาวผมดำ ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมจับจ้องไปยังเหล่าเด็กหนุ่มทั้งห้าที่บ้ามาซ้อมกันทั้งๆ ที่เป็นวันหยุดจนค่ำ...หรือเอาตามจริงคือตั้งใจมาเองจริงๆ แค่สี่ส่วนอีกหนึ่งโดนลากมาแน่นอน

    ห๊า!?” ทางเด็กหนุ่มเองเมื่อได้ยินพูดพูดนี่จากผู้เป็นโค้ชก็ถึงกับหันไปมองหวับ ลูกบอลสีส้มในมือพากันทำหลุดร่วงพราว เมื่อกี้โค้ชว่าอะไรนะครับ!?”

    ไปเที่ยวออนเซ็นกันอารากิ มาซาโกะเอ่ยย้ำอีกทีเน้นๆ

    เออ...ขออนุญาตนะครับ...” เด็กหนุ่มหน้ากอริ... (หยุด! ไม่ว่าเธอจะคิดพูดอะไรก็หยุดแค่นั้นเลยนะ! // โอคามุระ , จ้าๆ แหม ขี้บ่นจัง // s) เดินไปตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะเอามือใหญ่ๆ ของตนทาบหน้าผากอีกฝ่าย “...ไข้ก็ไม่มี...กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่าหว่า?”

    พูดแบบนี้หมายความว่าไงย่ะ!?” มาซาโกะแยกเขี้ยวใส่พร้อมชัก (?) ดาบไม้ออกมาเตรียมฟาด

    เดี๋ยวๆ โค้ช อย่าเพิ่งฆ่าโอคามุระมันสิครับ...” เด็กหนุ่มผมทองที่เห็นท่าไม่ดีรีบห้ามปราม “...แล้วนี่ทำไมโค้ชอยู่ๆ ชวนไปเที่ยวล่ะครับ?”

    ไม่มีอะไรมาก แค่รุ่นพี่สมัยเรียนของฉันคนหนึ่งชวนไปเที่ยวแล้วยัดบัตรเที่ยวฟรีให้ฉันมาหกใบ ไม่รู้จะชวนใครเลยชวนพวกนายเนี่ยมาซาโกะอธิบายง่ายๆ สั้นๆ ตกลงจะไปไหม? งานนี้ฉันเลี้ยงหมดนะ

    ไปครับ!!!” เด็กหนุ่มทั้งห้ารีบขานรับทันทีราวกับกลัวว่าโค้ชของตนจะเปลี่ยนใจ

    ...แหงล่ะ! นานๆ ที่โค้ชจะชวนไปเที่ยวแบบฟรีๆ นิ!!!...

    ตกลงตามนี้...งั้นพรุ่งนี้เจอกันหน้าโรงเรียนแปดโมง อย่าสายล่ะเมื่อเห็นว่าเหล่าเด็กหนุ่มตกลงรับข้อเสนอจึงทำการนัดเวลาทันที

    ครับ!!!” เด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับ ทางหญิงสาวเมื่อได้คำตอบที่น่าพอใจแล้วก็เดินจากไปโดยไม่ลืมที่จะ... “อ๋อ และพวกนายรีบกลับบ้านด้วยล่ะ นี่มันค่ำแล้ว...ถ้าพรุ่งนี้มาสายกันแม่ซัดไม่เลี้ยงนะขอบอก

    ...และไม่ต้องรอให้ย้ำรอบสองเด็กหนุ่มทั้งหลายก็พากันเอาลูกบาสไปเก็บแล้วรีบเก็บข้าวของกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

    นี่ๆ ฟุคุอิๆเด็กหนุ่มผมน้ำตาลที่สูงราวสองเมตรเมื่อรอดจากโค้ชมหาโหด (?) มาได้แล้วเอ่ยเรียกคนตัวเล็กกว่าร่วมยี่สิบหกเซนด้วยท่าทีราวเด็กๆ

    เติมซังด้วยสิฟะคนผมทองเถียงกลับอย่างเคยชิน มีอะไร?”

    ไปออนเซ็น...เขาต้องไปเตรียมอะไรไปบ้างน่อ?” เด็กหนุ่มร่างสูงหรือหลิว เหว่ย นักเรียนแลกเปลี่ยนจากประเทศจีบเอียงคอถาม

    “...” คนผมทองนามฟุคุอิ เคนสุเกะรองกัปตันทีมบาสโยเนพอเจอคำถามนี่ก็ใบ้กินไปเล็กน้อยก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายนั่นไม่เคยไปออนเซ็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว “...อ๋อ เอาแค่เสื้อผ้าของใช้ส่วนตัวพอ

    งั้นเหรอหลิวลากเสียงยาว แล้วออนเซ็นนี่เขาไปทำอะไรเหรอ? มีอะไรน่าไปอ่ะ?”

    คือมัน...” ฟุคุอิทำหน้ายุ่งเล็กน้อยด้วยความที่ว่าไม่รู้จะอธิบายยังไงให้รุ่นน้องตัวเองเข้าใจดี

    อาาาา ฟุคุจินนนน หลิวจินนนน ทำอะไรกันอ่ะ?” เสียงลากยาวๆ ดังขึ้นดังบทสนทนาของเด็กหนุ่มทั้งสอง ทางคนถูกเรียกเองก็หันไปยังต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

    สวัสดีครับฟุคุอิซัง หลิว คุยอะไรกันล่ะ?” เด็กหนุ่มหน้าหวานผมดำส่งยิ้มให้ทั้งสอง

    คุยเรื่องไปออนเซ็นพรุ่งนี้น่ะฟุคุอิตอบไปตามตรง

    อ๋อ~~~” เด็กหนุ่มผมม่วงลากเสียงยาวด้วยท่าทีง่วงๆ

    จะว่าไปน่าสนุกดีนะครับ ผมเองตั้งแต่กลับมานี่ผมยังไม่เคยไปเลยคนหน้าสวยหรือฮิมุโระ ทัตสึยะพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ

    งั้นก็ถือว่าไปดูไว้ประดับสมองกันทั้งคู่แล้วกันฟุคุอิยักไหล่เล็กน้อย ฉันว่าพวกนายรีบกลับไปเตรียมตัวดีกว่า ถ้าเกิดพรุ่งนี้ไปสายมีหวังโดนตีหีวเรียงตัวแน่

    หว่าๆ อย่าพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้นสิ~~~” มุราซากิบาระ อัตสึชิส่งสีหน้าเหมือนกำลังสยองออกมาอย่างไม่มีกั๊ก

    น่าๆ อัตสึชิฮิมุโระเอ่ยปลอบเด็กโข่งที่ทำท่าราวกับเด็กกำลังกลัวผี

    อั๊วว่าเรารีบกลับเถอะ...อั๊วกลัวโดนโค้ชเล่นอ่ะหลิวเอ่ยพร้อมกับ...แบกตัวคนผมทองขึ้นบ่าแล้วออกวิ่งทันที แล้วเจอกันพรุ่งนี้น่อ! ฮิมุโระ! มุราซากิบาระ!”

    แล้วนายจะอุ้มฉันทำมายยยยยฟุคุอิโวยลั่นขณะที่ได้ยินคำพูดประมาณว่า แล้วเจอกันพรุ่งนี้ลอยมาแว่วๆ

    อั๊วกลับว่าถ้าช้าจะโดนโค้ชเล่นอ่ะ!” หลิวตอบกลับไปตามตรง

    ฉันไม่ได้หมายความว่าโค้ชจะโผล่มาเล่นถึงห้องโว้ย!!! ไอ้บ้า!!!” ฟุคุอิเริ่มอยากเขกหัวคนที่แบกตนสักทีสองทีจริงๆ

    กันไว้ดีกว่าแก้น่อ!!!” หลิวเถียงกลับก่อนที่จะ...กลายเป็นว่าทั้งสองนั้นเถียงกันไปกันมาแบบไม่แคร์สายตาชาวบ้านไปในที่สุด

     

     

     

     

    “...พวกนายมาได้อย่างฉิวเฉียดเลยนะคำเอ่ยทักทายแบบปนขำเล็กน้อยดังออกจากปากหญิงสาวผมดำที่กำลังมองแต่ล่ะหน่อที่วิ่งกระหืบกระหอบมาตามเวลาที่ตนนัด...แบบทันเวลาพอดีเป๊ะ ไม่มีขาดไม่มีเกิน

    ถ้ามาช้าโค้ชก็ไปลากพวกอั๊วมาด้วยตัวเองดิ...แอ๊ก!” หลิวบ่นอุบอิบก่อนที่จะร้องเสียงหลงเมื่อโดนดาบไม้ในมือผู้เป็นโค้ชฟาดหัวเต็มๆ

    เติมครับด้วยสิย่ะ!!!” มาซาโกะแยกเขี้ยวใส่เด็กหนุ่มชาวจีน

    ขอโทษครับ!!!” หลิวรีบเผ่นไปหลบหลังคนผมทองอย่างรวดเร็ว

    อย่าเอาฉันเป็นโล่เซ่!!!” ฟุคุอิพยายามหาทางถีบคนที่จะนำภัยมาสู่ตนออกห่าง

    หว่าๆ อย่าเสียงดังสิ...คนมองแล้วน้าาาาาเด็กโข่งม่วงลากเสียงยาวด้วยท่าทีเอื่อยๆ เหมือนกับไม่สนใจที่รุ่นพี่ตนที่กำลังจะถูกเชือด (?) เลยแม้แต่น้อย

    ฉันวาเขามองที่นายหอบขนมมายังกับจะเอาไปขายมากกว่าฮิมุโระส่ายหน้าไปมา แล้วฉันว่านายควรลดขนมลงนะ...เอาไปแค่สามห่อพอ

    ไม่อ้าววววว ขนมฉานนนนนนมุราซากิบาระเมื่อได้ยินว่าจะถูกพรากจากขนม (?) ก็ออกอาการงอแงทันที

    อัตสึชิอย่าดื้อ! นายกินขนมมากไปนะ!!!” ฮิมุโระดุคนผมม่วง

    เอาๆ เลิกเล่นกันได้แล้ว...” มาซาโกะคุมขมับอย่างปวดหัวกับลูกศิษย์ของตนแต่ล่ะคนยิ่ง “...ถ้าไม่หยุดเล่นเดี๋ยวแม่ตีหัวเรียงตัวเลย

    หยุดแล้วครับ~~~!!!!” เหล่าตัวจริงทีมบาสโยเซ็นรีบหยุดการกระทำทุกอย่างของตนทันทีก่อนที่จะได้ลูกมะนาวมาประดับบนหัว

    งั้นรีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวตกลงหรอกมาซาโกะที่เห็นว่าถ้าเกิดไม่รีบไปยังจุดหมายมีแววว่าเหล่าเด็กหนุ่มจะเล่นกันไม่เลิกเป็นแน่เอ่ย

    ครับ!!!!” เด็กหนุ่มทั้งหลายขานรับ และพอได้รับคำตอบรับโค้ชสาวก็เริ่มลากเหล่าตัวป่วน (?) ไปขึ้นรถไฟที่สถานนีชินคันเซ็น จากนั้นก็ลงรถไฟแล้วขึ้นรถโดยสารอีกประมาณยี่สิบนาที ก่อนจะเดินเท้าอีกครึ่งชั่วโมงจนมาถึงยังสถานที่พักที่มัน......ทำเอาเหล่าเด็กหนุ่มอ้าปากค้างเลยทีเดียว

    โค้ช...นี่แน่ใจนะครับว่าได้บัตรฟรีมา?” โอคามุระที่ถูกลืม (ไม่แกล้งฉันสักวิจะตายไหมห๊า!? // โอคามุระ , ไม่ตาย แต่เราอยากแกล้ง // s) ถามขึ้นมาเสียงแผ่ว

    แน่สิมาซาโกะพยักหน้ารับ

    มาซาโกะจินแน่ใจนะ...ว่ามาถูกที่อ่ะ?” มุราซากิบาระเอียงคอมองสถานที่ตรงหน้าอย่างแปลกใจ

    ฉันไม่ใช่นายนะที่จะพามาผิดที่น่ะมาซาโกะกรอกตาไปมา

    แต่...” ฟุคุอิคิ้วกระตุกนิดๆ พลางมองที่พักตรงหน้แบบอยากเป็นลมสักรอบจริงๆ “...มันหรูไปหรือเปล่าครับ?! นี่มันออรเซ็นระดับแพงหูฉีกชัดๆ!!! ไม่น่าได้ตั๋วฟรีมาง่ายๆ นะครับ!!!”

    ถ้าปกติก็ใช่ แต่งานนี้รุ่นพี่ฉันหามา ดังนั้นไม่แปลกอะไรหรอกมาซาโกะที่ดูจะไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาที่ได้รับเท่าไหร่นักยักไหล่เล็กน้อย

    รุ่นพี่โค้ชไปทำอีท่าไหนได้ตั๋วมาน่อ...ครับหลิวไม่คิดว่าจะได้ตั๋วพักในที่แบบนี้มาง่ายๆ แน่...หวังว่าคงไม่ใช้ว่ารุ่นพี่ของโค้ชไปปล้นชาวบ้านเขามานะ

    ก็คงไปฟรุตได้มาสักทางน่ะ เห็นปกติก็ดวงดีแปลกๆ แบบนี้ออกบ่อย...และนายไม่ต้องคิดว่ารุ่นพี่ฉันไปปล้นใครเขาเลย ไม่งั้นรายนั้นรู้เข้านายเตรียมโดนฝังได้เลย...” มาซาโกะที่รู้ทันในความคิดของเด็กหนุ่มชาวจีนเอ่ยพลางมองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะสะดุดเข้าที่คนกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังเดินมาพอดี “...นั้นไง มาแล้ว...ได้ไอ้ตั๋วนี่มาจากไหนก็ถามเองเลยแล้วกัน

    หื้อ?” เด็กหนุ่มทั้งหลายหันไปมองตามโค้ชสาวของตนและถึงกับหลุดเหวออกมาในเวลาต่อมา เมื่อสองในสี่ของกลุ่มคนที่เดินมามันเป็นคนที่เหล่าตัวจริงทีมบาสโยเซ็นรู้จักกันดี เฮ้ย! นั้นมัน...คนจากทีมชูโตกุ!?”

    ว่าไงพวกนายเด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งโบกมือทักทายคนที่ทำหน้าเหวอใส่ตน ก่อนที่จะหันไปคุยกับหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งที่อยู้ข้างๆ ตน ไม่คิดรุ่นน้องที่แม่บอกคือโค้ชของทีมโยเซ็นนะครับเนี่ย

    ก็นะหญิงสาวยักไหล่นิดๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก

    บังเอิญไปไหมเนี่ย?” เด็กหนุ่มผมสีน้ำผึ้งอีกคนที่ผมสั้นกว่าคนแรกถอนหายใจออกมาเบาๆ

    น่าๆ อย่าเครียดดิยูจัง...เดี๋ยวแก่เร็วนะชายหนุ่มผมดำยิ้มอย่างเริงร่าราวกับกำลังสนุกกับท่าทีของเด็กหนุ่มแต่ล่ะคนในที่นี่อยู่

    แต่แบบคุณน่ะจะตายก่อนแก่ ถ้ายังลั้นลาไม่เลิกเนี่ยหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งส่ายหน้าไปมา

    คิโยมิใจร้ายอ่าาาาาาคนผมดำลากเสียงยาวแบบ...น่าถีบมากมาย

    ถ้าไม่เลิกเล่นเดี๋ยวแม่ตื้บจมดินซะนิหญิงสาวหรือมิยาจิ คิโยมิหักมือกร๊อบๆ เตรียมตื้บสามีตัวเอง

    บู้~~~~ เล่นหน่อยก็ไม่ได้มิยาจิ ยูโตะทำเสียงเหมือนกำลังแหย่อีกฝ่ายเล่น

    อย่าเพิ่งไปแกล้งแม่สิพ่อ...” มิยาจิ คิโยชิกับมิยาจิ ยูยะซึ่งเป็นลูกชายของชายหญิงคู่นี้รีบห้ามก่อนที่จะมีเหตุนองเลือดเกิดขึ้น...ซึ่งแน่นอนว่ามันจะนำความพินาศไปสู่ทุกสิ่งโดยรอบด้วยแน่

    “...บางทีฉันว่าฉันรู้แล้วแฮะว่ามิยาจิติดเหี้ยมมาจากใครฟุคุอิเบ้หน้าเล็กน้อย

    อั๊วก็ว่างั้นแหละหลิวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    โทษทีแล้วกันที่เหี้ยม...” หญิงสาวค้อนขวับใส่คนที่นินทาตนเมื่อครู่

    อุ้ย! ได้ยินด้วยเหรอครับ?” ฟุคุอิกับหลิวสะดุ้งโหยงพลางส่งยิ้มแห้งๆ ไปขัดทัพ...เมื่อกี้พวกเขามั่นใจว่าพูดกันเบาแล้วนะ ยังได้ยินอีก

    นินทากันใกล้ๆ แค่นี้ถ้ารุ่นพี่เขาไม่ได้ยินก็ไม่รู้ว่าไงล่ะมาซาโกะถอนหายใจออกมาเบาๆ ว่าแต่รุ่นพี่...พากันมาแค่นี้เหรอ? ได้ยินว่าได้ตั๋วฟรีมาตั้งหลายใบนิ?”

    เปล่า ยังมีไอ้ลูกศิษย์ตัวแสบมาด้วย...แต่พวกนั้นหายหัวไปไหนกันก็ไม่รู้คิโยมิตอบ

    ตัวแสบ? รุ่นพี่คงไม่ได้หมายถึง...ไอ้พวกเกินคนนั้นนะ?” มาซาโกะเริ่มคิ้วกระตุกเล็กน้อย

    โทษที พอดีว่าใช่น่ะคิโยมิมองสีหน้ารุ่นน้องตนอย่างขำๆ ด้วยความที่รู้ดีว่า...ไอ้ลูกศิษย์ตัวแสบของตนนั้นเคยก่อวีรกรรมที่ทำให้อีกฝ่ายขยาดขนาดไหน

    “...ไอ้หัวน้ำตาลนั้นจะพังข้าวของชาวบ้านอีกไหมเนี่ย?” มาซาโกะถึงกับคุมขมับ

    ไม่หรอก พอดีเอาเมียมันมาด้วย รับรองไม่กล้าทำอะไรพังหรอกคิโยมิตบบ่าหญิงสาวผมดำเบาๆ

    “...มีใครกล้าเป็นแฟนหมอนั่นด้วยเหรอ?” ว่าตามจริงมาซาโกะไม่คิดว่าจะมีใครบ้าพอเอาไอ้คนที่เธอกำลังพูดถึงนี่ไปเป็นแฟนด้วยซ้ำ

    มีแล้วนี่ไงคิโยมิเอ่ย และหลังจากนั้นไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นสาวเจ้าเพียงสองคนของกลุ่มก็คุยกันตามประสาสาวๆ ที่...ไม่เหมือนสาวปกติคุยกันเท่าไหร่นัก เพราะทั้งคู่ดันคุยเรื่องวิธีการต่อสู้มือเปล่า เรื่องที่ไปอัดชาวบ้านจนสลบเหมือดและอีกสารพัดเรื่องที่ดูไม่เหมือนเรื่องที่ผู้หญิงปกติคุยกันสักนิด

    และความจริงสองสาวก็คงคุยกันอีกนานถ้าไม่ติดว่านายมิยาจิ ยูโตะที่เกิดอาการหวงภรรยาหรือไงก็ไม่ทราบกระโดดเกาหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งจนเป็นเหตุให้คิโยมิต้องหันมาแงะสามีตนที่แปลงร่างเป็นด้วงเกาะต้นไม้แทน ร้อนถึงลูกชายทั้งสองของคนที่ใกล้จะทะเลาะกันรอบสองของวัน (หรืออาจมากกว่านั้น) ต้องรีบหาทางเปลี่ยนเรื่องแทนโดยการเตือนว่าพวกตนควรไปเซ็คอินเข้าที่พักได้แล้วทำให้ไม่มีเหตุนองเลือดเกิดขึ้น (?)

    เมื่อเหล่าเด็กหนุ่มบวกคนแก่อีกสาม.. (เฮ้ย! อย่าขว้างของมาทางเราสิ!!! #ก้มหลบข้าวของที่ลอยมา // s) พากันเช็คอินเข้าที่พักกันเสร็จแล้ว เหล่านักกีฬาตัวจริงทีมโยเซ็นก็พากันเดินไปยังห้องพัก...ที่เป็นห้องใหญ่กว่าคนอื่นเขาเยอะเลย

    ส่วนที่ได้ห้องใหญ่ไม่ใช่อะไร แค่มาซาโกะเห็นว่าถ้าพวกนี่เกาะกลุ่มกันไว้มันก่อเรื่องน้อยกว่าแค่นั้นแหละ และจะได้คุมไม่ให้ก่อเรื่องกันได้ง่ายๆ ด้วยเนื่องจากห้องทางด้านซ้ายเป็นห้องพักแบบห้องเดี่ยวซึ่งเป็นของมาซาโกะ ส่วนทางด้านขวาเป็นห้องคู่ของคู่สามีภรรยามิยาจิ ส่วนฝั่งตรงข้ามห้องพักของเหล่าโยเซ็นคือห้องพักแบบคู่ของพวกมิยาจิคนลูก...หรือง่ายๆ คือเหล่าเด็กหนุ่มจากชมรมบาสโยเซ็นโดนเฝ้าทุกทิศทุกทางไม่ให้ไปก่อเรื่อง (?) นั้นเอง

    และพอมาถึงยังห้องพักสิ่งแรกที่เกิดขึ้นก็คือ...

    ว้าววววว ห้องกว้างจังน่อออออ” ...นายหลิว เหว่ยที่วิ่งพล่านไปทั่วห้องนั่นเอง

    เฮ้ๆ อย่าวิ่งพล่านไปทั่วห้องดิ เป็นเด็กหรือไง?” ฟคุอิส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ

    ก็หลิวจินเพิ่งเคยมาครั้งแรกนี่เนอะ~~~~” มุราซากิบาระเอ่ยพลางเคี้ยวขนมกร้วมๆ

    อัตสึชิ...หยุดกินขนมสักวิเถอะ...” ฮิมุโระถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ไม่เอา...” มุราซากิบาระส่ายหน้าวืด “...แต่ถ้ามุโระจินให้กินมุโระจินล่ะก็โอเคเลย~~~~”

    เอาไว้วันหลังเถอะ เรื่องแบบนั้นน่ะฮิมุโระส่งยิ้มแห้งๆ ให้เด็กโข่งที่กำลังจะกลายร่างเป็นหมาป่าแล้ว

    พูดอะไรช่วยอายปากสักนิดเถอะฟุคุอิกรอกตาไปมา ว่าแต่...ห้องข้างๆ โครมครามอะไรกันเนี่ย?”

    ไม่รู้สิ~~~” มุราซากิบาระลากเสียงยาว จะว่าไป...ไหงกัปตันกอริล่าถึงไปนั่งมืดมนอยู่มุมห้องแบบนั้นอ่ะ?”

    โดนหลิวมันพูดใจดำก่อนหน้านี่เหมือนเดิมฟุคุอิพูดไม่แปลกใจนักว่าทำไมเพื่อนหน้ากอรอล่าของตนไปหลบมุมมืดนัก...ก็มันเกิดขึ้นทุกวันนี่หว่า จะแปลกใจอะไรล่ะ

    ช่วยอย่าพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาได้เปล่าวะ!?” โอคามุระแว๊ดใส่คนตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม

    แต่มันก็เป็นเรื่องปกติจริงๆ นี่หว่าฟุคุอิยักไหล่

    ใจร้าย!” โอคามุระเริ่มงอแงตามสเต็ปเดิม

    เออๆฟุคุอิขานรับไปส่งๆ

    ฟุคุอิๆเสียงหลิวดังขึ้นขัดการแกล้งคนประจำวัน (?) ของฟุคุอิ พลางกวัดมือเรียกคนผมทอง

    เติมซังสักครั้งเถอะ...มีอะไรล่ะ?” ฟุคุอิถาม

    ปกติเสามันบินได้เหรอ?” หลิวถามด้วยน้ำเสียง...เหมือนคนกำลังเอ๋อกิน

    ห๊า? อะไรของนาย?” คนผมทองเลิกคิ้วขี้นอย่างแปลกใจ

    ก็นั้นอ่ะ...” หลิวชี้ไปนอกหน้าต่างที่...มีไม้ขนาดสามคนโอบลอยขึ้นมาก่อนที่จะร่วงลงไปและลอยขึ้นมาอีกราวกับว่ามีใครโยนมันเล่นอยู่!!!

    “...เสามันลอยมาจากไหนฟะ!?” ฟุคุอิรีบพุ่งไปดูที่หน้าต่างทันที

    ไม่รู้น่อหลิวรีบพุ่งไปดูอีกคนพร้อมกับคนที่เหลือที่ดูท่าอยากรู้เหมือนกันว่าเสามันลอยได้ยังไง โดยที่ในตอนนั้น...เสียงคนทะเลาะกันก็ลอยแว่วตามมาพร้อมกับภาพชวนเหวอปรากฏเข้าสู่สายตาของเหล่าเด็กหนุ่ม

    ไอ้เคียววววว แกจะโยนเสาเล่นทำมายยยยย!?” เสียงที่ลอยมาเสียงแรกเป็นเสียงของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองคนหนึ่งที่ดูท่าอยากเป็นลมเต็มแก่

    ก็มันเบื่ออ่ะ!” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ติดกิ๊ปไว้ที่ปอยผมด้านซ้าย...ซึ่งเป็นไอ้ตัวที่โยนเสานี่แหละเถียงกลับ

    งั้นก็ไม่อ้อนเมียแกนู้น!” หญิงสาวผมดำเพียงนางเดียวในกลุ่ม...ที่ถ้าไม่ติดว่าหน้าอกหน้าใจใหญ่อาจมองเป็นหนุ่มหน้าหวานได้ง่ายๆ คุมขมับ

    บอกกี่ครั้งแล่วว่าผมไม่ใช่เมียมันนะเจ๊!” ชายหนุ่มผมดำที่ดูมาดนักเลงพอดูเถียง

    แต่ก็โดนกินแล้วนิย่ะ!” หญิงสาวสวนกลับอย่างรวดเร็ว

    เรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้ครับ!” ชายหนุ่มผมดำทำหน้ามุ่ย

    ความวุ่นวายมาเยือนอีกแล้ว...หวังว่าจะไม่โดนจ่ายค่าเสียหายให้ชาวบ้านอีกนะ?” ชายหนุ่มผมทองดูเกเรบ่นขึ้นมาแบบให้ชาวบ้านพอได้ยิน (?) โดยที่ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวที่ดูเรียบร้อยราวเด็กเรียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    หนวกหู...” ชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวมองความวุ่นวายรอบตัวก่อนที่จะหาวออกมาเบาๆ

    แกเองก็เลิกประหยัดพลังงานสัมห้านาทีบ้างเถอะ!” หญิงสาวผมดำหันไปค้อนใส่คนที่กำลังทำหน้าง่วงอยู่แทน

    คานาเดะ...ขี้บ่น...” ชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวทำหน้ายื่น

    วะฮ่าฮา! คำนี่แจ่มวะ!” คนผมน้ำตาลที่ถูกเรียกว่าเคียวตบบ่าคนผมสีดำเหลือบเขียวอย่างถุกใจกับคำพูดเมื่อครู่อย่างแรง

    เงียบไปเลยไอ้แรงช้างสาร! แล้วก็เอาเสาไปเก็บเลยด้วย!” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าคานาเดะแยกเขี้ยวใส่

    ...” เคียวทำท่าเหมือนจะปฏิเสธกลับ แต่แล้ว...

    เอาๆ! เลิกเล่นแล้วเอาเสาไปเก็บเลยเฟ้ย! มันรบกวนชาวบ้านนะ!!!” ...ชายหนุ่มผมดำก็เอามือสับเข้ากลางหัวสีน้ำตาลของเคียวเต็มๆ

    เจ็บนะ~~~” เคียวร้องโอดครวญแบบบ...น่าถีบสักรอบเหลือหลาย

    หน้าอย่างแกเนี่ยนะเจ็บ? และที่สำคัญ...เก็บเสาเดี๋ยวนี้เลย!” ชายหนุ่มผมดำว่าพลางเขกหัวเคียวอีกรอบ

    จ้าเมียจ้า~~~” เคียวลากเสียงยาวพร้อมเอาเสาปักลงที่เดิมที่ตนดึงออกมาเล่น

    ใครเมียแกฟะ!?” ชายหนุ่มผมดำค้อนใส่อีกฝ่ายและ...การเถียงกันรอบใหม่ของคนในกลุ่มนี้ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

    “...” ทางทุกคนในทีมโยเซ็นมองเหล่าคนที่ทะเลาะกันอยู่ชั้นล่างแล้วถึงกับเอ๋อกินกันทั่วหน้ากับกลุ่มชายหกหญิงหนึ่งด้านล่างที่ส่งเสียงดังแบบไม่อายใคร แถมหนึ่งในนั้นยังทำสิ่งที่คนปกติไม่น่าทำได้อีกต่างหาก

    “...นี่คือพวกเกินคนที่โค้ชพูดถึงสินะ?” ฟุคุอิที่ดึงสติกลับเข้าร่างได้คนแรกถามขึ้นมาลอยๆ

    เออ...คงงั้นมั้งครับ?” ฮิมุโระที่ดึงสติกลับมาได้เป็นคนต่อมาเอ่ยอย่างไม่แน่ใจนัก

    สยองน่อ...” หลิวค่อยๆ กระดึบไปหลบหลังคนผมทอง

    นั้นมันยังเป็นคนอีกเหรอฟะ?” โอคามุระคิ้วกระตุกนิดๆ

    “...” มุราซากิบาระมองลงไปชั้นล่างด้วยสายตาง่วงๆ ก่อนที่จะยื่นหัวออกไปนอกหน้าต่างและ... “...เฮ้! โชจิจิน!!!”

    หื้อ?” เหล่าตัวจริงทีมโยเซ็นมองคนอายุน้อยสุดในกลุ่มอย่างแปลกใจ ในขณะเดียวกันกลุ่มคนประหลาด (?) ก็เงยหน้าขึ้นมามองเด็กโข่งม่วง

    อ้าว? อัตสึชิไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยทักขึ้นมาทำให้คนรอบข้างพากันเลิกคิ้วอย่างแปลกใจยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่คิดว่าทั้งคู่จะรู้จักกัน มาทำอะไรที่นี่ล่ะ? มาเที่ยวกับครอบครัว?”

    เปล่า ถูกโค้ชชวนมาเที่ยวน่ะ แล้วโชจิจินล่ะ?” มุราซากิบาระถามกลับ

    โดนชวนมาเหมือนกัน!” ชายหนุ่มผมดำที่ถูกเรียกว่าโชจิตอบกลับ ก่อนที่จะ...โดนแต่ล่ะหน่อที่อยู่ข้างๆ ล็อก คล้ายกับจะถามว่าไปรู้จักไททันม่วง (?) ได้อย่างไร เช่นเดียวกับทางมุราซากิบาระที่...

    พูดกับคนอายุมากกว่าให้มีหางเสียงหน่อยเซ่!!!” ...โดนฟุคุอิแว๊ดใส่ทันทีที่ตั้งสติได้เนี่ย

    ฟุคุจินขี้บ่น ทีโชจิจินยังไม่ว่าอะไรเลย~~~~” มุราซากิบาระทำปากจู๋

    แต่มันก็ไม่ควรเฟ้ย!!!!” ฟุคุอิแยกเขี้ยวใส่

    เอาน่าๆ ใจเย็นๆ ก่อนเถอะครับฮิมุโระเริ่มทำหน้าที่ห้ามไม่ให้มีมวยต่างไซส์เกิดขึ้น

    อย่าให้ท้ายมันเซ่!” ฟุคุอิกรอกตาไปมา

    ฟุคุอิไม่เห็นต้องคิดเม็ดคิดน้อยเลย...” หลิวเอาคางวางพาดบนหัวสีทองนิ่มๆ

    จะไม่ให้คิดไงวะ!? แล้วถ้าพูดให้ถูกต้องคิดเล็กคิดน้อยเฟ้ย!!!” ฟุคุอิหันมาแว๊ดใส่เด็กหนุ่มชาวจีนแทน

    หยวนๆ น่อหลิวเถียงกลับและ...การเถียงประจำวันของรองกัปตันทีมบาสกับเด็กหนุ่มนักเรียนแลกเปลี่ยนจากจีนก็เริ่มขึ้นก่อนจบด้วยการที่...

    เล่นบ้าอะไรกันย่ะ!? มันดังรบกวนชาวบ้านนะ!!!” ...หญิงสาวผมดำกับหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งที่อยู่ห้องข้างๆ โผล่มาแว๊ด

    อะจึ๋ย! ขอโทษครับ!” เด็กหนุ่มแต่ล่ะคนรีบเอ่ยขอโทษหญิงสาวสุดโหดทั้งสองขึ้นมาทันทีก่อนที่จะโดนอะไรฟาดหัวเข้า

    แหมๆ อย่าโวยวายสิคิโยมิซังเดี๋ยวแก่เร็วนะ...” และจากนั้นเสียงๆ หนึ่งที่...ไม่ใช่เสียงของเด็กหนุ่มในห้องดังขึ้นมาจากทางหน้าต่าง

    เฮ้ย!!!” เด็กหนุ่มทั้งหลายสะดุ้งโหยงแล้วหันไปทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง ขึ้นมาได้ไง!? นี่มันชั้นสองนะเพ่!!!”

    ปีนขึ้นมา...แอ๊ก!” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ก่อนหน้านี่อยู่ชั้นล่างยิ้มร่าให้เหล่าเด็กหนุ่มก่อนที่จะโดนรองเท้าจากหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งปาตกหน้าต่างไป

    อ้าวเฮ้ย!” เด็กหนุ่มทั้งหลายถึงกับสะดุ้งโหยงอีกรอบกับการกระทำของหญิงสาว...ความสูงขนาดนี่ตกลงไปนี่ถึงตายได้เลยนะเจ๊!

    อย่าไปสนใจมันเลย แค่นี้ไม่ตายหรอกมาซาโกะที่เห็นท่าทีของลูกศิษย์ตนแต่ล่ะหน่อก็เอ่ยขึ้นมาในขณะที่...

    อันตรายนะคิโยมิซัง! ขว้างมาได้!” ...คนที่โดนสอยร่วงเมื่อครู่ปีนกลับขึ้นมาพอดี

    ไม่มีอะไรอันตรายเท่าแกอีกแล้วล่ะย่ะคิโยมิแยกเขี้ยวใส่ชายหนุ่มที่หน้ามึนปีนขึ้นมาทางหน้าต่างรอบสอง

    รุ่นพี่....ฉันว่ารุ่นพี่รีบๆ ลากไอ้ตัวแสบทั้งหลายขึ้นมาอธิบายเถอะ บางคนสติหลุดแล้วแหน่ะมาซาโกะเอ่ยขัดทัพระหว่างชายหนุ่มผมน้ำตาลกับหญิงสาวผมสีน้ำผึ้งไว้พลางชี้ไปยังเด็กหนุ่มทั้งหลายที่บางคนเริ่มควานหายาดมมาดมแล้ว

    ฉันก็ว่างั้น...” คิโยมิส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจก่อนที่จะเดินไปที่หน้าต่างเพื่อเรียกเหล่าคนที่ยังคงอยู่ด้านล่าง “...เฮ้! พวกนายช่วยรีบๆ ขึ้นมาบนนี้หน่อย! ไอ้เคียวทำคนสติหลุดอีกแล้ว! และขึ้นมาทางปกติกันนะย่ะ!!!”

    ครับ! / ค่ะ!” ชายหนุ่มห้าหญิงสาวหนึ่งขานรับด้วยท่าทางเคยชินก่อนที่จะรีบวิ่งจู่เข้าไปในตัวอาคารแทนที่จะปีนขึ้นชั้นสองเป็นจิ้งจกแบบชายหนุ่มผมน้ำตาล และจากนั้นไม่กี่นาที...เหล่าชายหญิงก็วิ่งมาถึงยังห้องพักของเหล่านักกีฬาตัวจริงของทีมบาสโยเซ็น ยังไม่มีใครซ็อกตายเพราะไอ้เคียวใช่ไหม?”

    ยัง มีแค่เอ๋อกินคิโยมิบู้ใบ้ไปทางเหล่าเด็กหนุ่มที่ยามนี้ต้องพึ่งยาดมกันทั่วหน้า

    อัตสึชิ...นายโอเคนะ?” ชายหนุ่มผมดำถามคนผมม่วงที่ใช้ถุงขนมต่างยาดม (?)

    ยังอยู่ดี...” มุราซากิบาระตอบกลับไปอย่างลอยๆ

    แต่ฉันว่าไม่วะโชจิส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะช่วยดึงสติแต่ล่ะคนภายในห้องอย่างเคยชิน...ก็นะ ตั้งแต่รู้จักไอ้หัวน้ำตาลนี่เขาต้องช่วยเรียกสติชาวบ้านบ่อยจนชินนี่หว่า

    ผ่านไปสักพักสติสตางค์ของแต่ล่ะหน่อก็เริ่มกลับเข้าร่างได้และคิโยมิก็ได้ทำการจับเหล่าเด็กหนุ่มทั้งหลายให้นั่งหน้าเอ๋ออยู่กับพื้น รวมทั้งไปลากลูกชายทั้งสองของตนที่ไม่เคยเจอของแปลก (?) มานั่งร่วมวงด้วย เพื่ออธิบายเกี่ยวกับลูกศิษย์ตนจะได้ไม่มีใครสติหลุดอีก

    เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันขอแนะนำไอ้พวกนี่ให้ทุกคนรู้จักก่อนเลยแล้วกัน แล้วถ้าพวกมันทำอะไรชวนสติหลุดก็อย่าแปลกใจ เพราะลูกศิษย์ฉันแต่ล่ะตัวไม่ปกติทั้งนั้นคิโยมิเอ่ยพลางชี้ไปยังเหล่าชายหนุ่มบวกหญิงสาวอีกหนึ่ง

    แต่โชจิจินก็ยังปกติดีนิ?” มุราซากิบาระถามแทรกขึ้นมา

    ไอ้นี่ไม่ใช่ลูกศิษย์ฉัน สองคนนั่นด้วย...” คิโยมิชี้ไปยังคนผมดำก่อนที่จะเลื่อนไปยังคนผมสีทองและคนผมสีฟางข้าว

    สามคนนี่เป็นลูกน้องฉัน พอดีเจ๊คิโยมิให้ตั๋วมาพอดีพวกมันสามคนบวกไอ้ตัวนี่พอดีน่ะหญิงสาวผมดำหรือคานาเดะเอ่ย

    เรียกดีๆ สักครั้งไม่ได้เหรอเจ๊!?” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ดูจะรู้ว่าคนที่ถูกพาดพิงอีกคนคือตนแยกเขี้ยวใส่

    ไม่ได้คานาเดะยักไหล่เล็กน้อยแบบไม่ใส่ใจนัก

    เอาๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยชายหนุ่มผมน้ำตาลลากเสียงยาวแบบน่าถีบเสียทีสองที ฉันว่าเราว่าแนะนำตัวกันก่อนดีกว่านะ...ฉันชื่อฟุริฮาตะ เคียว

    เอ๊ะ?” เหล่าเด็กหนุ่มเมื่อได้ยินนามสกุลของอีกฝ่ายก็ถึงกับคิ้วขมวด เนื่องจาก...มันทำให้นึกถึงใครบางคนขึ้นมาตงิดๆ ฟุริฮาตะ?”

    นามสกุลฉัน ทำไมเหรอ?” เคียวมองท่าทีของแต่ล่ะคนอย่างแปลกใจ...นามสกุลเขามันมีอะไรแปลกฟะ!?

    กำลังนึกคนที่เหมือนชิวาว่าของทีมเซย์รินล่ะสิมาซาโกะที่พอเดาสีหน้าชาวบ้านออกเอ่ยอย่างรู้ทัน ทางเหล่าเด็กหนุ่มก็พยักหน้างึกๆ งั้นไม่ต้องแปลกใจเลย ที่นามสกุลเหมือนกันเพราะนั่นน่ะน้องไอ้นี่...ถึงไม่เหมือนกันสักนิดก็เถอะ

    และบอกก่อนเลยว่าส่วนใหญ่ในกลุ่มนี่เนี่ยน้องอยู่ชมรมบาสม.ปลายทั้งนั้น...เว้นแต่สองคนนี่อ่ะนะคิโยมิที่พอเดาได้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นเอ่ยเสริม

    “...ฉันชักเดาว่าดีไม่ดีแต่ล่ะคนเป็นพี่ของคนรู้จักแฮะฟุคุอิบ่นขึ้นมาเบาๆ

    อั๊วก็ว่างั้นหลิวไม่เถียงว่าอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

    เดี๋ยวก็รู้...” ชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวที่นั่งทำหน้าง่วงอยู่ที่ถึงแม้อยู่ห่างจากวงชาวบ้านพอดูแต่ยังอุตสาห์ได้ยินเอ่ย “...ส่วนฉันโมริยามะ โยชิกิ...หาว~~~”

    นี่เพิ่งบ่ายโมงนะ! อย่าเพิ่งหาวเซ่!” คิโยมิแว๊ดใส่พร้อมโยนกระเป๋าของใครสักคนใส่

    คร้าบบบบบโยชิกิลากเสียงยาวพลางหลบของที่ถูกโยนมาอย่างเอื่อยๆ

    “...” ฟุคุอิคุมขมับเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าคนหน้าง่วงคนนี้พี่ใคร “...มิยาจิ...คิดไหมว่าต่างจากโมริยามะคนที่เรารู้จักลิบลับเลยน่ะ?”

    เออ คิดเหมือนกันวะมิยาจิถอนหายใจออกมาเบาๆ ...ไอ้โมริยามะคนน้องน่ะได้ชื่อหล่อเสียของเหมือนเขา นิสัยก็ลั้นลาพอดู แต่ไหงคนพี่ถึงดูต่างกันขนาดนี่ได้ฟะ!?

    โทษทีแล้วกันที่ฉันไม่เหมือนโยชิทากะน่ะโยชิกิที่ดันหูดีได้ยินชาวบ้านนินทาอีกรอบเอ่ย ทำให้ฟุคุอิกับมิยาจิที่กำลังนินทาชาวบ้านอยู่สะดุ้งโหยง

    อย่าแกล้งคนเซ่ ติดนิสัยไอ้เคียวมาหรือไง?” หญิงสาวเพียงนางเดียวของกลุ่มชายหนุ่ม (ที่สาวจริงๆ ไม่ใช่สาวเหลือน้อย #หลบรองเท้าบินจากคิโยมิและมาซาโกะ // S) ขัดขึ้นมาก่อนความวุ่นวายจะมาเยือนอีกรอบ ส่วนฉันยามาซากิ คานาเดะ

    ยามาซากิ ชิโรบะชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองเอ่ยต่อจากหญิงสาวแทบจะทันที

    ทั้งสองเป็นพี่น้องกันเหรอครับ?” ฮิมุโระถามขึ้น

    อื้อ และที่สีหัวต่างกันไม่ต้องสงสัย...ย้อมกันมาทั้งคู่นั้นแหละคานาเดะตอบพร้อมเอ่ยดักเรื่องสีผมพวกตนไว้ก่อนเนื่องจากพอมีคนถามคำถามต่อจากคำถามนี่ส่วนใหญ่มักจะตามด้วยเรื่องสีผมของพวกตนตลอดยิ่งเป็นคนรู้จักของน้องเล็กของพวกตนแล้วด้วย

    และสีเดิมคือสีน้ำตาลออกส้มใช่ไหมครับ?” ฟุคุอิมองชายหญิงทั้งสองพลางนึกถึงภาพคนนามสกุลนี่คนหนึ่งซึ่งอยู่ในทีมคิริซากิ...พอนึกๆ ดูแล้วก็เหมือนกันอยู่แฮะ

    ถูกชิโระพยักหน้ารับ

    แล้ว...ไหงดูเหมือนอายุเท่ากันเลยน่อ?” หลิวถามต่อเนื่องจากเท่าที่ดูการพูดคุยทั้งหมดนี่...มันให้ความรู้สึกเหมือนคนอายุเท่ากันสองคนคุยกันมากกว่าพี่น้องชอบกล

    อื้อ...จะว่าไงดีล่ะ?” คานาเดะเกาหัวนิดๆ เหมือนไม่รู้จะอธิบายยังไงดี

    พอดียัยนี่ถ้านับจริงๆ ก็เกิดปีเดียวกับไอ้ชิโระมันนั้นแหละ แบบยัยนี่คลอดปุ๊บก็ท้องไอ้ชิโระต่อเลยน่ะ...” เมื่อเห็นเพื่อนสาวตนไม่รู้จะอธิบายเรื่องของตัวเองยังไง เคียวจึงเป็นคนเอ่ยขึ้นมาแทน “...แถมพอดียัยนี่เกิดต้นปีไอ้ชิโระเกิดปลายปีด้วยก็เลยได้เรียนชั้นเดียวกันอีกแหน่ะ

    “...” สองพี่น้องยามาซากิถึงกับนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะ...แว๊ดใส่คนผมน้ำตาลอย่างพร้อมเพรียง แล้วแกไปรู้ได้ไงห๊า!? ไอ้เคียว!”

    ...พวกกูอยู่คนละโรงเรียนกับแกตังแต่อนุบาลยันมหาลัยเลยนะเฮ้ย! แล้วรู้ได้งายยยยย!?...

    แม่พวกนายเมาส์ให้ฟัง คราวก่อนบังเอิญไปเจอกันน่ะเคียวยักคิ้วอย่างกวนๆ ให้เพื่อนทั้งสองของตนที่ดูเหมือนกำลังอยากขบหัวตนอยู่ร่อมร่อเลย

    ชิบ...” คานาเดะกับชิโระถึงกับคุมขมับ...ทำกันได้นะแม่! จะนินทากันทีทำไมต้องมานินทากับไอ้นี่ด้วยเนี่ย!?

    เอาน่าๆ ไอ้เคียวมันก็แบบนี้แหละเจ๊...ส่วนฉันอาสึกะ เรียวเป็นลูกจ้างของอาเจ๊เขาน่ะ และอย่าเอานามสกุลฉันไปคิดถึงใครล่ะ ฉันลูกคนเดียวชายหนุ่มผมทองเอ่ย

    อย่าไปกวนคนอื่นเขาสิครับ...ผมวากะ มิคารุครับชายหนุ่มผมสีฟางข้าวดุคนข้างๆ ตนเล็กน้อยก่อนที่จะแนะนำตัวอย่างสุภาพ

    ฉันไฮซากิ โชจิชายหนุ่มผมดำแนะนำตัวเป็นคนสุดท้ายสั้นๆ

    เดี๋ยวนะครับ...ไฮซากิ?” ฮิมุโระเมื่อได้ยินนามสกุลอีกฝ่ายถึงกับคิ้วกระตุกนิดๆ เนื่องจาก...มันดันทำให้คิดถึงคนนิสัยน่าฆ่าทิ้งบางคนขึ้นมาตงิดๆ

    อย่างที่มุโรจินคิดแหละ...” มุราซากิบาระที่เดาความคิดของรุ่นพี่หน้าหวานออกเอ่ยพลางแอบกระดึบๆ ออกห่างจากฮิมุโระที่เริ่มปล่อยไอมาคุออกมา “...โชจิจินเป็นพี่ของซากิจินอ่ะ

    “...” ฮิมุโระเบ้หน้าเล็กน้อย คล้ายกับว่ากำลังหงุดหงิดกับชื่อที่คนผมม่วงเอ่ยออกมาอยู่

    “...โชโงะมันไปก่อเรื่องอีกแล้วสินะ?” โชจิที่เห็นท่าทีของคนหน้าหวานก็เดาได้เลย...ว่าน้องตนนั้นต้องไปก่อเรื่องอะไรให้ชาวบ้านอยากฆ่าหมกป่าอีกเป็นแน่

    ปกติก็ก่อเรื่องอยู่แล้วนิ?” เรียวยักไหล่นิดๆ

    แกไม่ต้องพูดเลย แกนั้นแหละตัวดีทำน้องฉันเสียคนว่าแล้วโชจิก็ยกเท้าถีบอีกฝ่ายไปทีหนึ่ง

    เฮ้ๆ อย่าใกล้กันนักสิ เห็นแบบนี้ฉันก็หึงนะเว้ย!” เคียวกระดึบๆ มาคั้นกลางสองหนุ่ม

    จะหึงทำแป๋ะอะไรกับไอ้นี่วะไอ้บ้า!” โชจิชี้ที่ชายหนุ่มหัวทองอย่างเจาะจง

    “...เอาไงต่อดีครับ?” มิคารุมองความวุ่นวายเบื้องหาานิ่งๆ ด้วยความเคยชินพลางหันไปถามเจ้านายตน

    ไม่ต้องอะไร ปล่อยมันไปแบบนั้นแหละ เดี๋ยวท้ายเดี๋ยวไอ้เคียวก็ยอมเมียเหมือนเดิมนั้นแหละคานาเดะตอบ

    บอกกี่ครั้งแล้วครับว่าผมไม่ใช่เมียมัน!” โชจินหันไปโวยใส่หญิงสาว

    แต่ก็ถูกกินแล้วนี่หว่าคานาเดะโตกลับทันที

    อา ซากิจินได้พี่เขยแล้วมุราซากิบาระลากเสียงยาวขณะที่เอาไม้เขี่ยขนมไปให้ฮิมุโระ (?) เผื่ออีกฝ่ายจะได้ใจเย็นลงและเลิกปล่อยไอมาคุเสียที

    ดูมันส์ดีแฮะฟุคุอิมองแต่ล่ะคนที่เริ่มฟัดกันอย่างขำๆ

    เหมือนดูละครหลังข่าวอยู่เลยน่อหลิวเอ่ยขึ้นมาลอยๆ

    จะโดนห้องอื่นขึ้นมาตื้บข้อหาเสียงดังไหมเนี่ย?” โอคามุระที่ถูกลืม... (เฮ้ยๆ เอาดีให้ได้นานๆ หน่อยสิ! // โอคามุระ) ถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ผมว่าถึงมาฝ่ายที่โดนตื้บก็ไม่ใช่เราหรอกยูยะที่เงียบมานานเพราะเอ๋อกินกับพวกเพี้ยน (?) แต่ล่ะหน่อเอ่ยขึ้น...เขามั่นใจว่าถ้ามคนจะมาตื้บพวกเขาคนโดนคงไม่ใช่คนในกลุ่มพวกเขาแน่...

    ...เพราะรายนั่นรับรอง...โดนลูกหลงที่เริ่มลอยว่อนนี่สอยไปก่อนชัวท์

     

     

     

     

     

    ความวุ่นวายภายในห้องพักดำเนินไปสักระยะหนึ่งก่อนที่จะจบลงด้วยการที่คิโยมิเกิดรำคาญหรืออะไรไม่ทราบแว๊ดขึ้นมา ทำเอาเหล่าคนที่เล่นๆ ป่วนๆ กันอยู่นั้นหยุดชะงักและกลับมาทำตัวเป้นผู้เป็นคน (?) กันอย่างรวดเร็ว

    ทางมาซาโกะที่เห็นว่าความวุ่นวายได้จบลงไปแล้วก็เสนอว่าให้ทุกคนไปเที่ยวด้วยกันก่อนที่ใครจะก่อเรื่องขึ้นมาอีกระรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่วายมีเรื่องวุ่นวายมาอีกรอบเมือนายเคียวดันไปดึงเสาดึงอะไรก็ตามที่ชาวบ้านเขายกไม่ได้มาเล่นเสียจนโดนคิโยมิตื้บไปหนึ่งทีถึงจะยอมอยู่เฉยๆ ...แต่ว่าตอนที่คิโยมิตื้บเคียวเนี่ยทั้งคู่ดันแจกลูกหลงให้ชาวบ้านหลบกันจนเหนื่อยกันด้วยเสียนิ

    ต่อจากนั้นเมื่อเที่ยวกันเสร็จและกลับมายังที่พักความวุ่นวายอย่างใหม่ก็เข้ามาเมื่อตอนที่จะไปแช่น้ำพุร้อนกัน หลิวดันวิ่งพล่านไปทั่วตามประสาคนไม่เคยมา ฮิมุโระก็ดันใส่กางเกงว่ายน้ำเข้าไปด้วยทั้งๆ ปกติไม่มีใครทำจนฟุคุอิต้องคอยนั่งอธิบายสองหน่อที่มาจากต่างประเทศกันนานพอดูเลยทีเดียว

    พอแช่น้ำร้อนเสร็จแล้วทุกคนก็พากันไปเล่นกันที่ส่วนพักผ่อนที่ทางโรงแรมจัดเอาไว้...เว้นเพียงฟุคุอิที่บอกว่าอยากพักเลยขอกลับห้องก่อนกับหลิวที่ตามฟุคุอิราววิญญาณตามติดเท่านั้น

    เหนื่อยจังเลยน่อ~~~~” หลิวลากเสียงยาวพลางกลิ้งไปมากับพื้น

    เหนื่อยอะไรของนายเหล่า? วันนี้เราแค่เดินเที่ยวเองนะฟุคุอิถาม...ที่จริงก็ถามไปงั้นๆ แหละ เพราะเขาเองก็เหนื่อยไม่ต่างกันนั้นแหละ...

    ...แต่เป็นเหนื่อยใจอ่ะนะ

    เหนื่อยกับการหลบลูกหลงน่อหลิวตอบกลับอย่างซื่อๆ

    ก็นะ...” ฟุคุอิไม่เถียงว่าไอ้การหลบลูกหลงของพวกเกินคนเนี่ย...โคตรเหนื่อย! แถมอันตรายต่อหัวใจสุดแสนอีก! “...และเดาว่านายคงต้องคอยหลบลูกหลงอีกหลายวันเลยล่ะ

    ตายสิหลิวเดาได้เลยว่าถ้ามีไอ้แบบวันนี้ทุกวันล่ะก็...คงมีลูกหลงลอยมากระแทกหน้าตายเข้าสักวันเป็นแน่

    ไม่ตายหรอกน่า...” ฟุคุอิส่ายหน้าไปมา...ยังไงเขามั่นใจว่าถ้าโค้ชอยู่ด้วยคงไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาตายง่ายๆ หรอก “...แล้วนายไม่ไปเล่นปิงปองกับโอคามุระมันเหรอ?”

    ไม่ล่ะน่อ ขี้เกียจน่อหลิวเอ่ย...ถึงฟังดูน่าสนุกดี แต่เขาอยากที่จะนอนเสียมากกว่า

    เฮ้ๆ อย่าเพิ่งหลับนะเฮ้ย! เอาฝูกมาปูก่อน!” ฟุคุอิที่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตามปรือโวยลั่นแล้วรีบไปเอาฝูกในตู้ออกมา

    ไม่ได้หลับสักหน่อยน่อ แค่พักสายตาเองหลิวเถียงกลับ

    แต่ปล่อยไว้นายได้หลับจริงๆ แหง!” ฟุคุอิเดาได้เลยว่าปล่อยรายนี่นอนกลิ้งต่อไปล่ะก็...หลับชัวท์

    ฟุคุอิบ่นเป็นแม่เลยน่อหลิวทำหน้ายื่นเมื่อถูกบ่น

    เติม -ซัง ด้วยสิฟะ! แล้วใครเป็นแม่นายกัน?!” ฟุคุอิค้อนใส่เด็กหนุ่มชายจีน

    ฟุคุอิไงน่อ...แต่เป็นแม่ของลูกนะน่อหลิวเล่นมุขต่อหน้าตาเฉย ซึ่งนั้นทำให้...

    “...” ...ฟุคุอิถึงกับใบ้กินก่อนที่จะ...แว๊ดลั่นพร้อมโยนหมอนในมือใส่อีกฝ่ายในเวลาต่อมา ไอ้บ้า! ไอ้ตี๋งี่เง่า! นี่พ่นอะไรอกมาฟะ~~~!!?”

    โอ๊ยๆ เจ็บน่อ โยนมาได้...” หลิวลากเสียงยาวแบบกวนโอ๊ยสุดๆ “...เขินโหดจังน่อ

    ว่าใครเขินกัน!? ไม่มี!” ฟุคุอิขึ้นเสียงสูง

    มีฟุคุอิไงหลิวเถียงกลับด้วยสีหน้าอารมณ์ดีสุดแสน

    ไม่ได้เขิน!” ฟุคุอิปฏิเสธเสียงดัง

    เขินแน่ๆหลิวเอ่ยแหย่อีกฝ่ายพร้อมเนียนกลิ้งไปหา (ทำไมไม่ลุกเดินเอาล่ะ? // s , ขี้เกียจน่อ // หลิว , แล้วถ้าเราให้กดฟุคุอิ? // s , ไม่มีคำว่าขี้เกียจเข้ามาในหัวอั๊วแน่นอน // หลิว , ขอล่ะ...กลับเข้าเนื้อเรื่องเถอะ! และอย่าคิดทำอะไรแบบนั้นจริงๆ เชียวนะชิโกะ! // ฟุคุอิ)

    ไม่ได้เขินเฟ้ย!” ฟุคุอิยังคงซึนไม่เลิก (?) พร้อมเอาเท้าเขี่ยๆ หลิวที่เข้ามาใกล้

    แน่ใจ?” หลิวคว้าขาฟุคุอิหมับ

    แน่!” ฟุคุอิพยายามดึงขาตัวเองออกจากมืออีกฝ่าย

    งั้นอั๊วขอจูบฟุคุอิ ฟุคุอิก็ไม่ว่าใช่ไหม?” หลิวถามพร้อมดึงตัวฟุคุอิลงมานอนกลิ้งกับพื้นด้วยกัน

    ใช่! เอ้ย! เดี๋ยว! ฉันม...” ฟคุอิที่เผลอเอออ่อตามรีบกลับคำทันที

    ปฏิเสธตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วน่อหลิวพลิกตัวขึ้นคล่อมฟุคุอิ วันนี้อั๊วขอจุ๊บฟุคุอินะ^^”

    ไม่ได้เฟ้ย!” ฟุคุอิดันหน้าอีกฝ่ายให้ออกห่าง

    ไม่สนหลิวปฏิเสธแบบไม่ต้องผ่านสมองเลยสักนิด

    ไอ้บ้า!” ฟุคุอิเริ่มปวดหัวกับรุ่นน้อง...ที่เล่นมุขแปลกๆ แบบนี้ได้ทุกวี่ทุกวันขึ้นมาตงิกๆ และในตอนนั่นเอง...

    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...

    ...ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพอดี

    “...สงสัยเราเสียงดังไปจนมีคนมาโวยแล้วแหละฟุคุอิเริ่มเหงื่อตกนิดๆ ...หวังว่าคงไม่มีใครขึ้นมาตื้บข้อหาเสียงดังหรอกนะ?

    คงงั้นน่อ...” หลิวเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจพร้อมลุกขึ้นจากตัวฟุคุอิพลางมองบานประตูที่มีเสียงเคาะดังขึ้นเรื่อยๆ “...แต่ทำไมเสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อยๆ เหมือนในหนังผีเลยน่อ?”

    ไม่รู้เฟ้ย!” ฟุคุอิค้อนใส่ไอ้รุ่นน้องตนที่ดันมาพูดเรื่องผีเรื่องสางในเวลานี่ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตูเพื่อไม่ให้คนที่มาหารอนาน แต่ทว่า...เมื่อเปิดประตูออกแล้วสิ่งปรากฏเข้าสู้สายตาของคนผมทองนั้นกลับมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดยืนอยู่เลย...

    ...แม่เจ้า คงไม่ใช่...ผีจริงๆ ใช่ไหม?...

    เฮ้ๆ นายมองไปทางไหนน่ะนั้น? ฉันอยู่นี่...” ในขณะที่ฟุคุอิกำลังคิดว่าควรไปหายันต์มาแปะหน้าห้องไหมนั้นก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมา “...ก้มลงมาสิโว้ย! มองไปทางไหนน่ะ?”

    อ่ะ!” ฟุคุอิสะดุ้งโหยงก่อนที่จะก้มลงมองตามเสียงที่ได้ยินและพบกับ...ชายหนุ่มผมสีออกส้มๆ ขาวๆ ในชุดสูทคนหนึ่งซึ่งสูงราวร้อยหกสิบกว่าเท่านั้นยืนอยู่ เออ...ห้องผมส่งเสียงดังรบกวนคุณมากไปหรือเปล่าครับ?”

    เปล่า แค่ได้ยินเสียงคุ้นๆ เลยมาดูน่ะ...และเป็นไปตามคาดด้วยสิ...” ชายหนุ่มยิ้มร่าพร้อมเบี่ยงตัวมองเข้าไปภายในห้อง “...โย่! หลิว!”

    อ้าวเฮ้ย! ไอ้อวี่!? ลื้อมาได้ไง!?” หลิวถึงกับลุกพรวกเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือคนรู้จักของตนที่จีนนั้นเอง

    ...ให้ตายสิ วันนี้วันรวมตัวประกอบหรือไง? มากันเยอะจริง! (ว่าใครเห็นตัวประกอบห๊า!? // เสียงหลายเสียงที่ลอยแว่วมา , เดาเองแล้วกันนะ // s) ...

    มาทำงานน่ะ และพอดีได้ยินเสียงคุ้นๆ เลยลองตามเสียงมาดูชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าอวี่ตอบอย่างอารมณ์ดี

    ไม่กลัวเดาผิดเลยเนอะหลิวเบ้หน้าเล็กน้อย แล้วนี่ลื้ออย่าบอกนะว่าลื้อมาคนเดียว ถ้าเป็นงั้นอย่าเข้าใกล้อั๊วกับฟุคุอิเชียว เดี๋ยวความซวยของลื้อจะลอยมาหาพวกอั๊วด้วย

    แหม...ทำท่าซะเหมือนฉันเป็นขยะเปียกเลยนะ!” อวี่แยกเขี้ยวใส่

    ก็ลื้อเล่นถ้าไม่อยู่ใกล้หยางทีไรความซวยวิ่งเข้าหาทุกทีนิหลิวเอ่ยพร้อมเดินไปลากฟุคุอิออกห่างจากอีกฝ่าย

    แล้วนายคิดเหรอว่าอย่างมันจะปล่อยฉันมาคนเดียว?” อวี่ถามกลับ

    ไม่ ถ้ากล้านี้จะให้ถีบเลยหลิวกล้าพนันเลยว่าเพื่อนอีกคนที่ตนกล่าวถึงนั้นไม่มีทางปล่อยไอ้นี่มาคนเดียวแน่นอนล้านเปอร์เซ็น แล้วหยางไปไหน?”

    ไอ้หยางมันอยากขยายกิจการมาที่นี่เลยไปเจรจากับหุ้นส่วนทางอยู่นี่น่ะอวี่อธิบายสั้นๆ

    โอเค อั๊วเข้าใจล่ะหลิวพยักหน้ารับอย่างเข้าใจโดยที่ในขณะนั่น...ก็มีบางอย่างลอยทะลุพื้นขึ้นมาลอยเข้าที่คางนายอวี่เต็มๆ อ้าวเฮ้ย! อวี่!”

    เฮ้ยๆ ตายไหมนั้น!?” ฟุคุอิหลุดร้องออกมาเสียงหลง...ยิ่งเมื่อเห็นชัดๆ ว่าอะไรลอยขึ้นมายิ่งอดคิดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอาจตายแล้วก็ได้...

    ...ว่าแต่...ไม้เบสบอลลอยมาจากไหนฟะ!?...

    ปากเสียโว้ย!” คนทีโดนสอยเมื่อครู่โวยลั่น ให้ตายเถอะ ไอ้นี่ลอยมาไงวะ?”

    อั๊วก็อยู่กับลื้อ คงรู้เนอะหลิวถามกลับอย่างกวนๆ

    ไม่ต้องมากวนเลยไอ้บ้า!” อวี่แยกเขี้ยวใส่

    นี่...” ระหว่างที่เด็กหนุ่มหนึ่งบวกชายหนุ่มอีกหนึ่งกำลังเถียงกันอย่างสนุกสนาน (?) เสียงนิ่มๆ เหมือนคนง่วงก็ดังขึ้นทำให้คนที่เถียงกันและคนที่ยืนดูอีกหนึ่งสะดุ้งโหยงก่อนพากันหันไปมองต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง...และพบว่ายามนี่ ณ จุดที่พื้นเป็นรูเพราะของลอยทะลุมีชายหนุ่มผมสีดำเหลือบเขียวกำลังปีนขึ้นมาอยู่ “...ใครเห็นไม้เบสบอลลอยมาไหม?”

    เห็นครับ และเสยชาวบ้านไปเต็มๆ ด้วยครับฟุคุอิตอบ

    แล้วตายไหม?” โยกชิกิถามต่อด้วยหน้าตายสนิก

    “...ทำไมพากันแช่งฉันกันจังเนี่ย?” อวี่กรอกตาไปมา

    อ้าว? นายคือคนโดนเหรอ?” โยชิกิเอียงคอน้อยๆ แปลกจัง...คนปกติโดนลูกหลงจากเคียวอย่างน้อยสุดคงสติบินไปแล้ว

    ก็ไอ้นี่ไม่ปกติน่อ อึดเกินคนไปนานแล้วหลิวเอ่ยขึ้นมา

    พูดดีๆ สักครั้งนี้จะตายหรือไงห๊า?!” อวี่ค้อนใส่เด็กหนุ่มตัวสูงโย่ง...นี่ถ้าไม่ติดว่ามันสูงว่าเขาเยอะเนี่ยจะเขกหัวสักทีเลย! ค่อยดู!

    ไม่ตายแต่อั๊วอยากแกล้งลื้อน่อหลิวแล่บลิ้นใส่ก่อนที่จะ...ใส่เกียร์หมาเผ่นอย่างรวดเร็ว

    หึๆอวี่กระตุกยิ้มเหี้ยมเล็กน้อย กลับมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะหลิว! มาให้ฉันตื้บซะดีๆ! ไอ้บ้า!!!”

    เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน!!!” ฟุคุอิโวยลั่นก่อนที่จะตั้งสติวิ่งตามไปอีกคน อย่าทะเลาะกันสิ! มันรบกวนคนอื่นนะ!!!”

    “...” โยชิกิมองทั้งสามที่สองคนวิ่งไปทะเลาะกันไปส่วนอีกหนึ่งพยายามห้าม...ซึ่งไปๆ มาๆ กลายเป็นไอ้คนที่พยายามห้ามร่วมวงทะเลาะกับอีกสองคนเสียแทนแล้วด้วยสายตานิ่งๆ “...ไม่คิโยมิซังก็มาซาโกะซัง...มาตื้บแน่

    ...ขอไว้อาลัยล่วงหน้าเลยแล้วกันนะ...

     

     

     

     

     

    ให้ตายสิ เพราะนายแท้ๆเสียงบ่นอุบอิบดังขึ้นเบาๆ จากคนผมทอง

    มาโทษอั๊วไม่ได้น่อหลิวเอ่ย

    แต่ฉันว่าแกนั้นแหละตัวดีเลยฟุคุอิทำหน้ามุ่ยพลางนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี่

    ย้อนไปเมื่อราวๆ สิบนาทีก่อนที่ฟุคุอิ หลิวและวิ่งดันวิ่งไล่กันเสียงดังไปหน่อยจนโดนหญิงสาวผมดำผู้เป็นโค้ชแห่งทีมบาสโยเซ็นเดินหน้ายักษ์เอาดาบไม้มาตีแต่ละหน่อเรียงตัว ไม่เว้นแม้แต่นายอวี่ที่โดนไปกับเขาด้วยและกว่าเรื่องจะจบลงได้ก็เมื่อมีชายหนุ่มผมดำที่ดูมีมาดเหมือนพวกนักธุระกิจวิ่งมาห้ามพร้อมบอกว่า...

    หยุดก่อนครับ! หยุดดดดด! อย่าเพิ่งฆ่าไอ้นี่นะเดี๋ยวผมเป็นม่าย

    ...คำพูดนี่ทำให้ชาวบ้านงงกันพักหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงหนึ่งแว๊ดขึ้นมา...โดยคนแว๊ดก็อวี่นั้นแหละ ส่วนหลิวถึงขั้นปล่อยก๊ากแล้วไปกลิ้งกับพื้นเลย และจากนั้นฟุคุอิก็ได้รู้ทีหลังว่าคนคนนี่คือหยางที่หลิวพูดถึงก่อนหน้านี่จากคำโวยวายปนด่าของอวี่

    ...พอเรื่องวุ่นวายระหว่างสามีภรรยา (ไม่ใช่เว้ย! เอาดีๆ เซ่! // อวี่ , รู้แล้วน่าๆ บ่นจริง // s) สองหนุ่มนักธุรกิจ มาซาโกะก็คาดโทษใส่ลูกศิษย์สองหน่อของตนต่อและไล่ฟุคุอิกับหลิวไปนอนที่อื่นหนึ่งวันเป็นการทำโทษ...ทำให้ทั้งสองต้องพากันมาชุกหัวนอนที่ห้องของอวี่ซึ่งเป็นตัวต้นเหตุอีกคนในยามนี่นี้เอง

    ไม่ต้องเกี่ยงกัน ทั้งคู่นั้นแหละชายหนุ่มผมดำส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจกับคนอายุน้อยกว่าทั้งสอง และฉันมั่นใจว่าถ้าพวกนายยังเล่นกันเสียงดังแล้วอาเจ้ผมดำได้ยินล่ะก็โดนอีกแน่

    “...” ฟุคุอิกับหลิวที่เถียงกันเมื่อครู่ปิดปากเงียบในบัดดล

    แหม ที่นี่นิ่งเป็นเด็กกลัวผีเชียวอวี่แซวเด็กหนุ่มทั้งสองเล็กน้อย...แต่ก็ว่าสองคนนี้ไม่ได้แฮะ ใครใช่ให้เจ้คนที่ว่าโหดบรรลัยขนาดนั้น นี่ยังไม่นับอาเจ๊ผมสีน้ำผึ้งที่เขาเห็นตอนลงไปดูไอ้คนที่เอาไม้เบสบอลสอยเขาตามที่หลิวบอก รายนั่นตอนตื้บคนดูน่าสยองกว่าอีก

    อั๊วไม่ใช่เด็กนะ!” หลิวทำหน้ามุ่ย

    รู้แล้วๆ อย่างอนน่าอวี่หัวเราะเบาๆ กับท่าทีของเพื่อนตน

    ฉันว่าเรารีบนอนดีกว่าเนอะหยางที่เห็นว่าแววความวุ่นวายจะมาเยือนอีกรอบรีบเปลี่ยนเรื่อง...ก่อนที่เขาจะเส้นกระตุกตื้บไอ้พวกนี่เป็นรายต่อไป

    นั้นสิน้าาาอวี่ที่พอเดาสีหน้าหยางออกรีบตอบรับทันที

    ตามแต่หลิวซึ่งขี้เกียจเถียงเหมือนกันพยักหน้ารับ

    ไงก็ได้ฟุคุอิถอนหายใจออกมาเบาๆ

    งั้นปิดไฟนะหยางเอ่ยพร้อมรีบกระตุกสายเป็นการปิดไฟทันทีก่อนมีใครคิดพิเรนท์เล่นอะไรจนความวุ่นวายมาเยือนอีก

    เมื่อความมืดเริ่มเข้าครอบนำโดยรอบ ทุกเสียงที่คุยกันก่อนหน้านี่ก็ค่อยๆ เงียบลงไปพร้อมกับสติของแต่ล่ะคนเริ่มเข้าสู้ห้วงนิทราอันแสนสุขและสุดท้ายความวุ่นวายในห้องนี่ก็จบลงและแทนที่ด้วยเสียงคร่อกแทน (?) ...จนมาถึงกลางดึก...

    “...ฟุคุอิ” ...เด็กหนุ่มชาวจีนก็ตื่นขึ้นมาแล้วเขย่าร่างของคนผมทองที่ฝูกนอนข้างๆ ตน ฟุคุอิๆ ฟุคุอิตื่นดิ

    ...อื้อ รู้แล้วๆฟุคุอิเอ่ยขึ้นมาอย่างงัวเงีย มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาขยี้ตาเล็กน้อยก่อนที่ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมจะจับจ้องไปยังคนที่ปลุกตนขึ้นมากลางดึก ว่าไง?”

    อั๊ว...เออ...” หลิวส่งยิ้มแห้งๆ ให้ “...พาอั๊วไปห้องน้ำหน่อยดิ?”

    ห๊า? ห้องน้ำก็อยู่แค่นี้ทำไมไม่ไปเองล่ะฟุคุอิเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ...ปกติตอนเข้าค่ายต่อให้ห้องน้ำอยู่ไกลแค่ไหนมันก็ไปเองได้นี่หว่า?

    คือ...” ดวงตาคมเหล่ทองที่คนผมดำที่กำลังหลับอยู่เล็กน้อย “...หยาง

    หยางทำไม?” ฟุคุอิถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

    ก็...ก็ไอ้ที่ไม่ใช่คนมันชอบมาหาหยางนิ!” หลิวทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยที่ต้องพูดในเรื่องที่ตนไม่อยากพูดเท่าไหร่นัก

    หา?” ฟุคุอิหลุดร้องออกมาอย่างงุนงง

    หยางเป็นพวกเห็นผีน่อ ผีเลยชอบมาหา...” หลิวอธิบายสั้นๆ

    “...” ...โอเค เข้าใจสาเหตุล่ะ...

    พาอั๊วไปหน่อยนะๆๆๆๆหลิวพยายามทำเสียงออดอ้อนสุดฤทธิ์

    โอเคๆ อย่าอ้อนเป็นเด็กๆ เซ่!” ฟุคุอิถอนหายใจอย่างปลงๆ กับคนที่กลายเป็นเด็กโข่งเบอร์สองของทีมเสียแล้ว

    ขอบใจน่อหลิวยิ่มแฉ่ง

    เออๆฟุคุอิขานรับไปส่งๆ กอนที่จัดการลากตัวคนสูงกว่าตนไปยังห้องน้ำภายในห้อง รีบๆ เข้าไป อย่ามาราดตรงนี่ล่ะ

    ฟุคุอิเข้ามาด้วยกันได้ไหมอ่ะ?” หลิวถาม...เขากลัวว่าไอ้ที่ไม่ใช่คนจะมาดักในห้องน้ำอ่ะ!

    “...” ฟุคุอิถึงกับนิ่งเงียบไปกับคำถามที่ถามออกมาอย่างไม่อายปากจากอีกฝ่ายก่อนที่จะ...เตะแข้งเด็กหนุ่มชาวจีนอย่างแรง “......ไม่ได้เฟ้ย! ไอ้บ้า!!!”

    อุ๊ย~ พูดกันดีๆ ก็ได้หลิวทำเสียงโอดครวญแบบ...น่าเตะอีกสักรอบมากกว่าน่าสงสารเสียอีก

    ไม่ต้องมาลีลา รีบเข้าไปเลยไปฟุคุอิค้อนใส่

    ก็ด้ายยยหลิวที่กลัวจะโดนรุ่นพี่ผมทองโกรธตอบรับอย่างง่ายดาย ก่อนที่จะรีบเข้าห้องน้ำพร้อมปิดประตูกันโดนเขกหัวอีกรอบ

    เฮ้อ...ไอ้นี่...” ฟุคุอิเมื่อถูกทิ้งไว้คนเดียวหน้าห้องน้ำบ่นขึ้นมาอย่างปลงๆ กับไอ้โย่งชาวจีนและในตอนนั้นเอง...อยู่ๆ เด็กหนุ่มผมทองก็ขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ “...ทำไมมันอยู่ๆ เย็นขึ้นมาดื้อๆ วะ?”

    ...คงไม่ใช่ว่าที่หลิวพูด...มันเป็นเรื่องจริงนะ?...

    วื้ด...

    ระหว่างที่ฟุคุอิกำเสียวๆ กับเรื่องที่รุ้นน้องตนบอกนั้นก็เสียงลมพัดมาทั้งๆ ที่ไม่มีหน้าต่างบานไหนเปิดไว้เลย ลมภายในห้องนี่ก็มีแค่จากเครื่องปรับอากาศเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องปรับอากาศไม่มีทางมีเสียงแบบนี้ได้แน่นอนพร้อมกับ...มีร่างของหญิงสาวที่ร่างโชกไปด้วยเลือดปรากฏขึ้นมาภายในห้อง!

    ......ชิบหายล่ะ!...

    ฟุคุอิเหงื่อพลักๆ ตัวเริ่มสั่นด้วยความกลัวแต่ก็ยังยื่นมือสั่นๆ ของตนไปเคาะประตูห้องน้ำ ...หลิวๆ เสร็จยัง?”

    เดี๋ยวน่อเสียงหลิวลอยแว่วกลับมา

    ...เดี๋ยวกะผีสิ!...

    ฟุคุอิอยากกรีดร้องให้ได้ยินไปสามบ้านแปดบ้านเมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ โดยที่...เวลาเดียวกันนั้นเสียงยานๆ ก็ดังขึ้นจากร่างโชกเลือดพร้อมค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาใกล้คนผมทอง

    เรียกกันเหรอพ่อรูปหล่อออ

    ...เปล่าครับฟุคุอิที่พยายามทำใจกล้าตอบกลับไปในขณะที่...

    แอ๊ด...

    ...เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มสูงเกินสองเมตรโผล่ออกมาพอดี

    ฟุคุอิ เมื่อกี้ฟุคุอิพูดกับใครน่อ?” หลิวที่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเอียงคอน้อยๆ

    เออ...” ฟุคุอิเหล่มองไปยังทางที่ร่างโชกเลือดยืนอยู่เมื่อครู่เล็กน้อย...ซึงในตอนนี่ร่างนั้นได้หายไปเสียแล้ว เด็กหนุ่มผมทองจึงตัดสินใจไม่พูดอะไรให้รุ่นน้องตนกลัวเพราะถือว่ามันไปแล้วคงไม่มาอีก...มั้งนะ “...เปล่า ไม่มีอะไร เรารีบกลับไปนอนเถอะ

    ฟุคุอิเป็นอะไรไปน่อ? ดูร้อนรนแปลกๆหลิวมองคนที่ดูสั่นๆ แปลกๆ อย่างไม่เข้าใจนัก

    คิดไปเองมั้ง...” ฟุคุอิตอบปัดๆ ไป “...ไปๆ ไปนอนกัน

    เดี๋ยวดิ...” หลิวที่เริ่ทถูกคนตัวเล็กกว่าลากกลับไปนอนทวงขึ้นมาเล็กน้อย แต่...

    เงียบแล้วนอนไปซะ!” ...กลับถูกฟุคุอิขัดขาจนล้มลงไปนอนบนฝูกพร้อมจัดการห่มผ้าให้พร้อมอีก...ดูราวกับแม่กำลังจับลูกเข้านอนขึ้นมาชอบกล

    ก็ได้ๆ น่อ...บ่นเป็นแม่เชียวหลิวทำหน้ามุ่ย

    ใครแม่นายฟะ?!” ฟุคุอิแยกเขี้ยวใส่

    เปล่าน่อ ราตรีสวัสดิ์น่อหลิวบ่ายเบี่ยงเรื่องเมื่อครู่พร้อมแกล้งทำเป็นหลับ ถึงแม้จะสงสัยในท่าทีของคนผมทอง แต่เจ้าตัวรู้ดีว่าถามไปตอนนี้ก็ไม่มีทางได้คำตอบจึงนอนเล่นๆ ไปเงียบๆ จนเมื่อผ่านไปสักยี่สิบนาที...หลิวก็รู้สึกว่าเหมือนมีใครสักคนมากอดตนจากด้านหลัง หื้อ? อะไร?”

    ...คงไม่ใช่เพื่อนเกลอของหยางอีกนะ? ไม่งั้นต่อให้โดนตื้บภายหลังเขาจะร้องลั่นห้องเลยคอยดู...

    “...” อ้อมกอดเริ่มกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเสียงอ้อมแอ้มที่คุ้นหูจะดังขึ้น “...ขอนอนด้วยดิ

    “...ฟุคุอิ?” หลิวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคนที่กอดตนเป็นรุ่นพี่หัวทองมิใช่ผีอย่างที่ตนคิดในตอนแรก

    คิดว่าใครล่ะไอ้ตี๋บ๊องฟุคุอิถามกลับ

    คิดว่าเพื่อนเกลอน่อหลิวตอบไปตามตรง แล้วฟุคุอิอยู่ๆ ทำไมอยากนอนด้วยล่ะน่อ?”

    ...ปกติเขาขอนอนด้วยยังบ่นเขาตลอดเลยนิ?...

    แค่อยากนอนด้วย มีอะไรไหม?” ฟุคุอิทำเสียงเหมือนคนงอนตอบกลับมา

    ...ไม่มีอะไรน่อหลิวเอ่ย...

    ...ฟุคุอิ...อย่ายั่วกันได้ไหม?! เดี๋ยวตบะแตกจับกดซะหรอก!!!...

    งั้นราตรีสวัสดิ์ฟุคุอิเมื่อเห็นว่าไม่มีใครบ่นตนแล้วก็ซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของหลิว

    “...” ทางหลิวก็ทำได้เพียงตัวแข็งทื่อเป็นหมอนข้างจำเป็นให้คนผมทองกอดโดยไม่มีอาการง่วงอย่างที่สมควรเป็นเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากพอฟุคุอิหลับก็ยิ่งกอดแน่นกว่าเดิม ทำหลิวก็ตาสว่างมากกว่าเดิม ยิ่งเมื่อลมหายใจร้อนๆ มารนปะทะต้นคอยิ่งทำให้สติสตางค์แทบจะกระเจิงกว่าเดิมอีก

    ...แล้วแบบนี้อั๊วจะได้หลับไหมเนี่ย!?...

    อื้ม~~” เสียงครางเบาๆ จากฟุคุอิทำให้หลิวสะดุ้งเล็กน้อย “.........”

    หื้อ?” หลิวส่งเสียงกลับไปเหมือนเป็นเชิงบอกว่าตนยังตื่นอยู่เพราะคิดว่าอีกฝ่ายตื่นเสียงแล้ว หากแต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นกลายเป็นเสียงกรนแทน ละเมอเหรอ?”

    ฟี้...” ฟุคุอิเริ่มเอาหน้าไถ่ๆ หลังหลิวราวกับวิญญาณแมวเข้าสิง (?) “...อื้อ...หลิว...อย่าแย่งนะ

    “...ฝันอะไรเนี่ย?” หลิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย...ฝันว่าเขากำลังแย่งกินมื้อเที่ยงอยู่หรือไงกัน?

    ไมให้...” ฟุคุอิเกาะหลิวหนึบ “...ไม่ให้...หลิว...ของฉัน

    “...” หลิวนิ่งเงียบ พยายามตั้งใจว่าประโยคที่คนที่กอดตนอยู่นั้นจะพูดคืออะไร

    หลิวน่ะ...เป็นของฉัน...” ฟุคุอิเอ่ย “...ไม่ยกให้หรอก

    “...” เมื่อฟังจบประโยค หลิวก็หน้าแดงวาบขึ้นมาในทันใด ฟุคุอิขี้โกง

    ...แต่ก็ดี...อย่างน้อยก็มั่นใจว่าฟุคุอิจะไม่ไปหาคนอื่นให้เขาช้ำใจง่ายๆ แล้วกัน...

    ฟุคุอิ...” หลิวแอบเนียนแงะมือฟุคุอิออกแล้วพลิกตัวกลับไปเป็นฝ่ายกอดฟุคุอิแทน “...รักนะ ฟุคุอิ

    อื้อ...” ฟุคุอิส่งเสียงในลำคอ “...รัก...เหมือนกัน

    “...คิดว่าฝันสินะ?” หลิวหัวเราะออกมาเบาๆ เอาเถอะ...เดี๋ยววันหลังไว้เหมาะๆ อั๊วจะบอกฟุคุอิเอง

     

     

     

     

     

    ดูท่าจะไปได้สวยนะเสียงเอ่ยอย่างอารมณ์ดีดังขึ้นออกจากปากชายหนุ่มผมสีส้มขาว ดวงตาสีเดียวกับเรือนผมจับจ้องที่ภาพตรงหน้าพร้อมถ่ายรูปไว้เตรียมล้ออีกฝ่ายเมื่อยามตื่นขึ้นมา กับภาพที่...เพื่อนตนเองกำลังกอดกันตัวกลมกับคนผมทอง ซึ่งมันทำให้รู้สึกดูน่ารักแบบแปลกๆ ดี

    นั้นสิเนอะ...ไม่เสียแรงที่อุตสาห์ขอให้เพื่อนเกลอช่วยชายหนุ่มผมดำกระตุกยิ้มนิดๆ อย่างชั่วร้าย... (เฮ้ยๆ อย่าโยนของมาทางเราสิ! // s , ช่วยไม่ได้ ปากเสียเอง // หยาง) พลางจินตนาการถึงสาเหตุที่เด็กหนุ่มทั้งสองมานอนกอดกันแบบขำๆ ...

    ...ความจริงเขามองออกว่าสองคนนี่ชอบคอกันแต่เห็นเล่นซึนกันไปมาอยู่นั้นแหละเขาเลยจัดซะเข้าให้...ซึ่งถ้าพวกนี่ถ้าคนใดคนหนึ่งรู้เข้าสงสัยโวยเขาข้อหาเกือบทำให้จับไข้หัวโกร๋นแหง

    ว่าแต่...แกเอาอะไรไปเป็นขอแลกเปลี่ยนให้วิญญาณตนนั้นช่วยล่ะ?” อวี่ที่รู้แผนของรายมาแต่แรกแล้วถามขึ้นมา...เขาไม่คิดว่าพวกวิญญาณจะยอมช่วยเพื่อนตนแบบฟรีๆ หรอก เว้นแต่โดนขู่มาล่ะนะ (?)

    ก็ไม่มีอะไรมากแค่...” หยางฉีกยิ้มมากกว่าเดิม “...ขอดูฉันกับนาย×××กันแค่นั้นเอง พอดีเพื่อนเกลอที่ฉันขอให้ช่วยเป็นสาววายน่ะ ไว้เดี๋ยวหมอนี่กับหลิวกลับห้องตัวเองได้เมื่อไหร่ค่อยทำกันเนอะ

    เฮ้ย! เอาจริงดิ!?” อวี่หน้าซีดลงฉับพลันเมื่อรู้ชะตาของตนในอนาคตอันใกล้นี่...คงไม่พ้นนอนเอวเคล็ดเป็นแน่แท้

    แหงสิ และห้ามหนีด้วย...” หยางหัวเราะออกมาเบาๆ “...ทำกันออกบ่อยยังไม่ชินหรือไง?”

    ฉันไม่มีวันหน้าด้านเท่าแกเว้ย!” อวี่แยกเขี้ยวใส่คนที่ทำหน้าระรื่นจนน่าถีบ เสียแต่ถีบไม่ได้เดี๋ยวโดนสวนกลับอ่ะนะ

    ก็ไม่แน่หยางเริ่มแหย่อีกฝ่ายเล่น และถ้านายยังโวยไม่เลิกฉันจะลากนายไปทำในห้องน้ำแทนนะ

    ไม่ต้องเลยไอ้หื่น!” อวี่หน้าแดงวาบขึ้นมาก่อนที่จะรีบวิ่งแผล่วไปหลบในห้องน้ำพร้อมล็อกประตูเสียงดังแกร๊งเพื่อกันไม่ให้มีคนหื่นบุกมาปล้ำตนขึ้นมาจริงๆ

    หึๆหยางมองคนรักตนเองที่งอนหนีเข้าห้องน้ำราวเด็กๆ ก่อนที่จะเลื่อนสายตามายังคนที่ยังไม่ตื่นทั้งสอง แกเองก็รีบๆ บอกรุ่นพี่แกนะเว้ย ระวังโดนงาบไปก่อนล่ะ

    ...ดูสิ...ว่าจากนี่เขาจะได้ไปงานแต่งมันหรือต้องไปปลอบมันเพราะอกหักกัน...

    ...ซึ่งเขาหวังว่าจะได้ข้อแรกนะ ไอ้บ้าหลิวมันงอแงทีนี่น่าปวดหัวจะตายชัก...

    เฮ้! หยาง!” เสียงอวี่ที่เข้าห้องน้ำไปเมื่อครู่ลอยแว่วมา แถมไม่ใช่แค่เสียง ตัวก็วิ่งมาหาด้วยทำให้คนถูกเรียกหันไปมองยังต้นเสียงและ...เกิดอาการคิ้วกระตุกในเวลาต่อมา มีอะไรเกาะฉันอยู่หรือเปล่าวะ!? ...หมันหนักๆ อ่ะ!”

    “...” หยางคว้าตัวอวี่ที่วิ่งเข้ามาหามากอดเอาไว้พร้อมส่งสายตาอาฆาตใส่ความว่างเปล่า คุณ...กรุณาไปห่างภรรยาผมเลย ไม่งั้นจะผีหรือตัวอะไรก็จะตื้บให้ลืมบ้านเก่าเลย

    ไปก็ได้...อย่าปล่อยรังสีอาฆาตแบบนี้สิ เห็นแบบนี้ข้าก็กลัวเป็นนะ

    “...” อวี่เหงื่อพลั่กเมื่อได้ยินเสียงไม่ทราบที่มาดังขึ้น...ถึงตั้งแต่คบกับไอ้นี่มาเจอบ่อยแต่ก็ใช่ว่าเขาไม่กลัวนะเฮ้ย! “...หยาง...ที่นี่ผีเยอะเหรอ?”

    ทุกที่ก็ผีเยอะหมดแหละหยางที่เห็นผีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วกรอกตาไปมา แต่ถ้านับเป็นผีในยุคนี้จริงๆ มีแค่เพื่อนเกลอที่เป็นสาววายเท่านั้น ที่เหลือเป็นผีหลงยุคทั้งนั้น

    ปากเสียยย ไม่ได้หลงยุคนะ~~~”

    “...” หยางกระตุกยิ้มเหี้ยมเล็กน้อยก่อนที่จะยกเท้าถีบอะไรสักอย่างที่คนธรรมดามองไม่เห็น ผมบอกแล้วนะครับว่าถ้ามาใกล้จะตื้บให้จมดิน?”

    อูย~~~ โหดเว้ย! ไปดีกว่า!”

    “...คราวนี้ไปจริงๆ แล้วใช่ไหม?” อวี่ถามขึ้นโดยหวังว่าจะไม่มีเสียงอะไรแปลกๆ ดังขึ้นให้หลอนเล่นอีก

    อื้อ ไปแล้วหยางพยักหน้ารับ และในเวลาเดียวกันนั้น...

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ...เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำให้อวี่สะดุ้งโหยงเนื่องจากคิดว่าเพื่อนเกลอมาอีกแล้ว ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเสียงที่คุ้นหูพอสมควรลอยแว่วมา...ซึ่งเสียงนี่ก็ไม่ใช่เสียงใคร เสียงของอารากิ มาซาโกะโค้ชของไอ้สองตัวที่มานอนค้างห้องพวกเขานั้นเอง

    นี่! ขอโทษนะคะ! ไอ้สองตัวนั้นมันตื่นยัง!?”

    ยังครับ! แต่เดี๋ยวปลุกให้! กรุณารอสักครู่นะครับ!” หยางตะโกนกลับไป เรารีบปลุกหลิวกับฟุคุอิเถอะ เดี๋ยวโดนดาบไม้ฟาดหัวเรียงตัวเอา

    โอเค!” อวี่ขานรับก่อนที่จะรีบปลุกเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างเร่งด่วนก่อนได้ลูกมะกรูดประดับตัวเป็นการต้อนรับวันใหม่...จนในท้ายที่สุดชายหนุ่มทั้งสองก็ช่วยจัดการลากและถีบเด็กหนุ่มทั้งสองไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วพาไปหาหญิงสาวที่ยืนรออยู่โดยที่สาวเจ้าไม่หัวเสียจนเอาดาบไม้ฟาดหัวชาวบ้านได้สำเร็จ

    จากนั้นมาซาโกะก็ลากลูกศิษย์ตัวเองไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เพื่อไปเที่ยวตามที่นัดกันไว้ สวนทางหยางกับอวี่ก็แอบเนียนตามไปเที่ยวกับเขาด้วยเนื่องจากทำงานกันเสร็จแล้วอยากเที่ยว แต่ไม่รู้จะไปที่ไหนดี...เลยกลายเป็นมีตัวป่วนเพิ่มมาอีกสอง (?) ทำให้การเดินทางเที่ยวคราวนี้วุ่นวายกว่าเดิม...

    ...ส่วนจากนี้ตลอดยันถึงวันกลับสถานที่แห่งนี้จะมีอะไรเละหรือพังมากกว่านี้ไหมนั้น...ก็แล้วแต่ดวงล่ะนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End

    http://vignette1.wikia.nocookie.net/kurokonobasuke/images/e/ef/Kensuke_Fukui.png/revision/20140309100109

    Cr. จำไม่ได้ว่าตอนไหนอ่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×