ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    fanfic knb by shiko

    ลำดับตอนที่ #171 : [FuriHai (Bro.)] Yuuenchi

    • อัปเดตล่าสุด 25 พ.ย. 59


    Title :   Yuuenchi

    Fandom : Kuroko no Basket

    Paring : Furihata (Kyou) x Haizaki (Shoji)

    Notes : ความมั่วบังเกิดบวกกับความเบลอคือเดิมจากการใกล้สอบ...หลายๆ คนคงรู้ดีนะจ๊ะ ว่าใกล้สอบแล้วจะมีความเบลออะไรเกิดขึ้น

    .....................................................................................

    Yuuenchi

     

    ไม่ไปไม่ได้จริงดิ?”

    ไม่ได้! แกต้องไปด้วย!”

    ก็ฉันไม่อยากไปนี่หว่า!”

    นี่มันงานนะเว้ย! ไม่อยากไปก็ต้องไป!”

    ไม่สน! ทำไมฉันต้องไปด้วยเล่า!”

    เพราะเป็นคำสั่งจากหัวหน้าไงเว้ย! ไอ้บ้า!”

    แล้วทำไมต้องสั่งให้มาวันนี้ด้วยเนี่ย!?”

    ฯลฯ

    เสียงถกเถียงปานจะฆ่ากันให้ตายดังขึ้นเป็นระยะๆ จากชายหนุ่มในชุดลำลองสองคนแบบไม่มีใครยอมใคร โดยไม่สนใจสายตาของผู้คนรอบข้างที่จ้องมองอย่างใคร่รู้เลยแม้แต่น้อยทีดันมาเถียงปานคู่รักทะเลาะกันในสวนสนุกเนี่ย

    โว้ย! วันนี้แกจะบ่นอะไรนักหนาฟะ!? นัดแฟนไว้หรือไง!?” ชายหนุ่มร่างสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ สบถอย่างหงุดหงิด มือหนาขยี้เรือนผมสีดำของตนเองด้วยความหัวเสีย

    คิดว่าหน้าอย่างฉันจะมีแฟนหรือไงวะ!?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลที่สูงกว่าอีกฝ่ายเป็นคืบถามกลับ

    ไม่คิด! และไม่คิดว่าบ้าๆ บอๆ อย่าแกจะมีใครเอาด้วย!!!” คนผมดำมั่นใจเลยว่าร้อยทั้งร้อยถ้าใครได้ไอ้เพื่อนตัวนี้ของตนไปเป็นแฟน...ต้องเป็นบุคคลที่น่าสงสารที่สุดในโลกแน่!

    อ้าวๆ นั้นปากหรือฟะ!?” คนโดนว่าแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่าย

    ก็ปากสิฟะ! แล้วนี่ตกลงเป็นอะไรกันแน่แกถึงงอแงปานเด็กอนุบาลล่ะห๊า!? ไอ้เคียว!” ชายหนุ่มโวยกลับ

    ว่าใครเป็นเด็กอนุบาลวะ! ไอ้บ้าเซย์!” เคียวค้อนใส่คนที่ว่าตนวงเบ้อเร้อ

    ก็แกไง! ตกลงว่าเป็นอะไรถึงไม่อยากทำงานห๊า!? เลิกลีลาแล้วบอกมาเร็วๆ เซ่!” เซย์หรือที่ชื่อเต็มๆ ว่าอันเซย์ถามพร้อมส่งสีหน้าประมาณว่า ถ้าไม่บอกดีๆ คราวนี้มีถีบแน่!’ ไปให้คนผมน้ำตาลด้วย

    เออๆ! ขี้บ่นจริงวุ้ย!” เคียวบ่นอุบ ก็วันนี้มันวันหยุดนี่หว่า! แถมวันนี้โคกิยังอุตสาห์ไม่มีซ้อมหรือนัดเที่ยวกับเพื่อนทั้งทีนิ!”

    หรือง่ายๆ คืออาการติดน้องของแกกำเริบ?” เซย์กรอกตาไปมาด้วยความปลง

    เออ!” เคียวขานรับห้วนๆ

    ทีแบบนี่ยอมรับง่ายเชียวเซย์ถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ก็ดีกว่าคนโดนน้องหนีแล้วยังทำเป็นรับไม่ได้แล้วกันเมื่อโดนว่าแบบนี้เคียวก็สวนกลับทันที

    ไม่ได้โดนน้องหนีเฟ้ย!” เซย์เริ่มยกเท้าเตรียมถีบคน และในตอนนั้นเอง...

    เอ้าๆ ...นี่จะเล่นกันอีกนานไหมเนี่ยไอ้พวกเด็กบ้า! นี่มาทำงานนะเว้ย! ไม่ใช่มาเล่น!!!” ...เสียงมหากาฬก็ดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือพิฆาตสับลงที่กลางหัวชายหนุ่มทั้งสองเต็มๆ

    แอ๊ก! เจ็บนะครับ!” เซย์ร้องโอดครวญพลางมองชายหนุ่มวัยกลางคนผมสีน้ำเงินที่ประทุษร้ายตนเมื่อครู่

    อูย~~ ไดสุเกะซังป่าเถื่อน...เพราะแบบนี้ไงลูกถึงเมินเคียวลูบหัวตนอย่างเจ็บๆ แต่ก็ยังไม่วายแหย่คนที่ตีหัวตนเล่น

    ไดกิไม่ได้เมินฉันเว้ย! ไอ้นี่! เดี๋ยวพ่อปั๊ดจับไปอบรมมารยาทอีกรอบเลยนิ!” ไดสึเกะแยกเขี้ยวใส่คนผมน้ำตาง

    อุ้ย! ไม่เอาด้วยหรอก!” เคียวรีบถอยห่าง...แค่โดนจับไปนั่งฟังอะไรก็ไม่รู้คราวก่อนก็เบื่อจะตายแล้ว! ถ้าให้ไปอะไรแบบนั้นอีกเขาสู้ไปลุยดงระเบิดดีกว่า!

    ถ้าไม่อยากโดนก็มาทำงานดีๆ สักที!” ไดสึเกะเอ่ย

    คร้าบบบบเคียวลากเสียงยาวในขณะที่...

    สารวัตอาโอมิเนะ! ผู้หมวดฟุริฮาตะ! ผู้หมวดเนบุยะ! เกิดเรื่องแล้วครับ!” ...ชายหนุ่มคนหนึ่งวิ่งหาพวกเคียวพร้อมคำเรียกที่เป็นตัวบ่งบอกอาชีพของชายหนุ่มทั้งสามได้เป็นอย่างดี

    หื้อ? มีอะไรล่ะ?” อาโอมิเนะ ไดสึเกะที่ตำแหน่งสูงสุดในหมู่สามคนถาม

    เกิดระเบิดขึ้นที่บริเวณเกมเซนเตอร์น่ะครับ!” ชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ย

    พวกมันเริ่มแล้วสินะ?” ไดสึเกะขมวดคิ้วเล็กน้อยก็หยิบวอตำรวจที่กระเป๋ากางเกงขึ้นมา งั้น...รีบไปก่อนที่เกิดเหตุกันเร็ว! และไอ้เคียว...”

    มันวิ่งไปดูที่เกิดเหตุตั้งแต่บอกว่ามีเหตุระเบิดที่ไหนแล้วครับเนบุยะ อันเซย์ชี้ไปยังเงาลิบๆ ของเพื่อนตัวเองที่วิ่งเร็วยังกับนักวิ่งทีมชาติจนน่าจับไปแข่งชอบกล

    พอเรื่องงานนี่ถึงบ่นแค่ไหนแต่ก็ไปเร็วดีแฮะ...” ไดสึเกะบ่นพร้อมกับเปิดวอเตรียมเรียกให้เพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นๆ ในบริเวณนี้มาช่วยงาน “...รีบไปสมทบกับไอ้เคียวมันเถอะ ถึงมันจะอึดมันจะถึกเกินคน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะคุมคนได้นานแค่ไหนล่ะนะ

    ครับ!” เซย์กับนายตำรวจผู้น้อยขานรับ ก่อนที่ทั้งสามจะเริ่มวิ่งไปยังจุดเกิเหตุกันอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

    ทางด้านเคียวที่วิ่งมาก่อนหมู่นั้น เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุก็ถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะกับภาพที่เห็นคือจุดที่เป็นเกมเซนเตอร์นั้น...ถล่มลงมากองกับพื้นไปข้างหนึ่งจนดูเหมือนสามเหลี่ยมมุมฉากเป็นตัวบ่งบอกว่าระเบิดที่ว่านั้นต้องไประเบิดตรงเสาหลักของสถานที่นี่หรือว่าอีกอย่างคือคนทำกะจะฝังคนที่อยู่ด้านในไปเลย แต่ดันโชคดีที่มันพังไปด้านเดียวไม่ใช่ทรุดถล่มลงมาทั้งหมดจนคนด้านในกลายเป็นกล้วยทับ...

    ...และสิ่งที่ดึงสติของเคียวกลับมาคือเสียงโวยวายที่ดังกว่ารอบข้างหลายเท่าพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาเตะจมูก

    ใครก็ได้...มาช่วยเพื่อนผมหน่อยเถอะ! ใครพอมีแรงบ้างช่วยหน่อย!” ชายหนุ่มผมทองพยายามตะโกนเรียกหาคนช่วย ขณะที่เจ้าตัวนั้นยังคงอยู่ตรงภายในซากอาคารที่ใกล้พังแบบไม่กลัวอันตราย

    เฮ้ย! อย่าเพิ่งตายนะ! ไม่งั้นต่อให้อยู่ในนรกผมจะตามไปตื้บแน่!” ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวที่เป็นอีกคนที่ยังอยู่ภายใต้ซากอาคารเอ่ยกับใครสักคนด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่คำพูดนี่ไปคนล่ะเรื่องเลย

    ก่อนที่คิดจะตื้บใครพวกแกรีบออกไปเลยเว้ย! เดี๋ยวกลายเป็นกล้วยทับกันหมดหรอก!” เสียงหนึ่งลอยแว่วมาจากใต้ซากอาคารส่วนที่ถล่มลงมาแล้ว

    แต่ให้ทิ้งแกไว้นี่ก็ไม่เอาหรอกเฟ้ย!” ชายหนุ่มผมทองหันไปแยกเขี้ยวใส่ใครสักคน

    เออ...ขอโทษครับ! มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?!” เคียวที่รู้สึกว่าตนอู้งานเกินควรแล้วกระโดด...ชนิดที่ว่าทีเดียวถึงจุดหมายถาม

    เหวอ! มาเมื่อไหร่เนี่ย!?” ชายหนุ่มผมทองสะดุ้งโหยง

    มันใช่เรื่องควรสงสัยตอนนี่ไหมเรียว?” คนผมสีฟางข้าวค้อนใส่เพื่อนตน ก่อนที่จะหันไปตอบเคียว คุณช่วยหาทางช่วยเพื่อนผมหน่อยได้ไหมครับ? ขาเขาโดนซากอาคารทับขยับไม่ได้เลยน่ะคร้บ

    หื้อ? ไหนดูสิ...” เคียวก้มลงมามองไปยังจุดที่ชายหนุ่มว่าและพบกับ...ชายหนุ่มผมดำทีดูไม่ต่างจากนักเลงนักคนหนึ่งกำลังพยายามดึงขาตัวเองออกจากซากที่พังลงมาทับอยู่ส่วนในสุดของตัวอาคาร “...นี่ติดอยู่คนเดียวใช่ไหม?”

    ไม่ทราบครับ รู้แค่ว่าไม่มีเสียงอะไรภายในอาคารนี่เลยคนผมสีฟางข้าวคนเดิมตอบ แต่ก็น่าจะใช่นะครับ มันอยู่แถวๆ ตรงที่เสาถล่มพอดีเลยติดแหงะอยู่คนเดียวเนี่ย

    ...งั้นแสดงว่าอยู่ใกล้จุดระเบิดพอดีสินะ?...

    เคียวคิดในใจพลางมองเศษวัสดุก่อสร้างที่ร่วงลงมาราวเม็ดฝนซึ่งเป็นตัวบ่งบอกว่าเหลือเวลาไม่มานักแล้ว และตอนนี้เคียวต้องตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยหรือไม่ช่วยคนที่ติดอยู่

    โว้ย! ไอ้เรียว! ไอ้มิกะ! ไอ้หัวน้ำตาล! รีบหนีเร็ว! อาคารนี่จะถล่มแล้วนะเว้ย!!!” ชายหนุ่มผมดำที่ติดอยู่ตะโกนเสียงดังลั่น

    แล้วแกล่ะเว้ย!” เรียวกัดฟันกรอด...นี่เขาช่วยอะไรเพื่อนตัวเองไม่ได้เลยเหรอ!?

    ระวังถ้านายตายโชโงะจะป่วนกว่าเก่าะล่ะ!” คนผมสีฟางข้าวเอ่ย

    ห่วงกันดีจังแฮะ...” เคียวหัวเราะออกมาเบาๆ พลางมองอาคารที่เริ่มถล่มลงมาและ...ผลักชายหนุ่มทั้งสองออกไปนอกตัวอาคารเต็มแรง

    โครม!!!

    เสียงอันดังลั่นของโลหะเปรียบเสมือนเสียงคำรามของปีศาจร้าย ชายหนุ่มทั้งสองที่ถูกผลักออกมามองซากอาคารที่ถล่มลงมาอย่างตกตะลึง

    เฮ้ย! โชจิ! ไอ้หัวน้ำตาล!” เรียวพยายามวิ่งเข้าไปยังซากอาคารตรงหน้า เสียแต่กลับคนข้างกายจับแขนเอาไว้ ทำอะไรเนี่ย!? ปล่อยฉันนะเว้ยมิกะ!”

    ใจเย็นสิเรียว...ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้หรอกนะ แถมดีไม่ดีถ้าไปพยายามรื้อไอ้ซากอาคารมั่วๆ มันอาจถล่มลงหนักกว่าเก่าก็ได้ชายหนุ่มเอ่ยอย่างใจเย็นพลางเหล่มองเหล่าตำรวจที่กำลังวิ่งมาปานหมาหอบแดด ที่เหลือให้พวกตำรวจจัดการเถอะ

    “...” คนผมทองไม่ตอบอะไร ทำเพียงพยักหน้ารับทำตามที่เพื่อนตนบอกเท่านั้น เพราะเจ้าตัวก็รู้ดีว่าตนคงทำอะไรไม่ได้นอกจากหวังว่าให้เพื่อนตนนั้นยังปลอดภัยเท่านั้น

    ตกลงตามนี่นะ...” มิกะ...ที่ที่จริงแล้วเจ้าตัวชื่อมิคารุแต่โดนเพื่อนตัวเองเรียกย่อเฉยๆ หันไปหาคนผมสีน้ำเงินคนหนึ่งที่วิ่งมาพร้อมพวกตำรวจที่วิ่งเข้ามาใกล้ “...ใครก็ได้ช่วยหาคนมารื้อซากอาคารให้หน่อยเถอะครับ มีคนติดอยู่ใต้นั้นสองคนครับ

    มีคนติดอยู่?! ไอ้เคียวมันมัวไปทำบ้าอะไรของมันฟะ! แล้วมันอยู่ไหนเนี่ย!?” คนผมน้ำเงินสบลออกมาเบาๆ

    เดี๋ยวๆ ใจเย็นก่อนไดสุเกะซัง...” ชายหนุ่มผมดำเอ่ยกับคนอายุมากกว่าก่อนหันมาคุยกับคนผมสีฟางข้าว “...นี่ขอถามหน่อย...มีใครติดอยู่บ้างเหรอ? แล้วแน่ใจนะว่ามีแค่สองคน?”

    ไม่แน่ใจครับ แต่เห็นจะๆ สองคนแน่...” มิคารุที่พอเดาได้ว่ารายนี่ก็เป็นตำรวจตอบ “...คนหนึ่งเป็นเพื่อนผม ส่วนอีกคนเป็นคนที่มาช่วยแล้วดันผลักผมกับไอ้นี่ออกมานอกอาคารก่อนที่อาคารจะถล่มน่ะครับ

    คนที่มาช่วย? เดี๋ยวนะ...คนที่มาช่วยคงไม่ใช่ผู้ชายผมสีน้ำตาล ติดกิ๊ฟไว้ที่ปอยผมด้านซ้ายหรอกใช่ไหม?”

    “...ขอโทษที่ต้องทำลายความหวังนะครับ แต่มันใช่ครับมิคารุมองคนทำหน้าเหมือนไมเกรนขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

    “...งั้นคงไม่ต้องห่วงเรื่องคนที่ติดอยู่แล้วล่ะ เดี๋ยวคงมุด (?) ออกมาได้แล้วล่ะชายหนุ่มผมดำถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ทำใจเถอะอันเซย์...มันก็ชอบทำคนอื่นหัวใจวายแบบนี้แหละนายตำรวจคนหนึ่งเอง

    หวังว่าจะไม่มีใครซ็อกตายกับมันนะไดสึเกะคุมขมับอย่างเพลียๆ

    “...หมายความว่าไง...ครับเรียวที่เงียบมาสักพักถามอย่างหงุดหงิด...ทำไมพูดเหมือนจะไม่ไปหาคนมาช่วยเพื่อนเขาเนี่ย!?

    หมายความว่าเดี๋ยวเพื่อนนายจากโดนไอ้เคียวลากออกมาจากซากอาคารนั้นแล้วไงไดสึเกะเอ่ยพลางเตรียมยามดม ยาลม ยาหม่องไว้เผื่อมีใครปวดหัวเพราะลูกน้องตนเข้า (?)

    ห๊า?” เรียวกับมิคารุหลุดร้องออกมาอย่างงงๆ และในขณะนั้นเอง...

    ตึง! ฟิ้ว! ปัง! โครม!!!!

    ...วัตุถที่มองยังไงก็เป็นแผ่นซีเมนต์หนาตึงอยู่ๆ ก็ลอยออกจากซากอาคารที่ถล่มเมื่อครู่ไปไกลจนไปลงไปบ่อน้ำใกล้ๆ พร้อมกับร่างมนุษย์ร่างหนึ่งปีนออกมาจากซากปะหลักปักพังโดยแบบใครอีกคนไว้บนบ่า

    ฟู่! ดีจังนะเนี่ยที่มีคนติดอยู่คนเดียวไม่งั้นได้แบกเยอะกว่านี้แหง!” เสียงเอ่ยอย่างโล่งอกดังออกมาจากปาชายหนุ่มผมน้ำตาลที่มุดออกมาจากซากอาคารเสียดื้อๆ

    เฮอะๆ นี่ฉันตายแล้วหรือว่ากำลังฝันอยู่วะเนี่ย? ...” เสียงที่ดูเหมือนคนจิตหลุดดังขึ้นมาติดๆ จากคผมดำที่ถูกแบกอยู่ “...คนที่เตะแผ่นปูนกระเด็นง่ายๆ ยังกับเตะกระป๋องมีบนโลกนี่ด้วยเหรอ?”

    ...ถึงความรู้เจ็บตามตัวจะบ่งบอกว่านี่คือความจริงก็เถอะ...แต่มันไม่อยากเชื่อโว้ย!!!...

    ก็มีแล้วนี่ไง และรีบดึงสติกลับเข้าร่างเลยนะ ฉันไม่อยากโดนโวยเรื่องทำชาวบ้านจิตตกอีกน่ะเคียวเอ่ยพร้อมโดดดึ๋งๆ ไปหาเหล่าคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาตนดี เฮ้! เรียกรถพยาบาลมายังวะไอ้เซย์!”

    มีคนเรียกตั้งนานแล้ววะ แต่ปานนี้ยังมาไม่ถึงเลยเซย์ตอบกลับพลางมองร่างคนผมดำที่ถูกแบกออกมาซึ่ง...ที่ขาเห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยล่ะ

    งั้นฉันพาหมอนี่ไปโรงพยาบาลก่อนแล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวเลือดหมดตัวตายแน่เคียวเอ่ย

    ไม่ต้อง! รอรถพยาบาลเถอะ!!!” นายตำรวจทั้งหลายแว๊ดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ถ้าพาไปด้วยวิธีของแกมีหวังได้มีคนหัวใจวายตายก่อนแน่!”

    ไม่ตายหรอกน่าเคียว้บ้หน้าเล็กน้อย

    ไม่ตายหลอกๆ น่ะสิไอ้บ้า!” ไดสึเกะแยกเขี้ยวใส่ในขณะที่เสียงหว่อของรถพยาบาลนั่นใกล้เข้ามา นู้น! รถพยาบาลมานู้นแล้ว! แกไม่ต้องพาไปเองแล้วนะเว้ย!”

    ครับๆ แหม ขี้บ่นจัง...เพราะแบบนี่แหละเลยโดนลูกหนีเคียวบ่นเล็กน้อยก่อนที่จะรีบแว่บไปยังรถพยาบาลที่มาจอดบริเวณใกล้ๆ นี่แล้ว

    ไดกิมันไม่ได้หนีฉันโว้ย! ไอ้เด็กบ้า! ทำไมแกไม่ซึมซับนิสัยดีๆ ของน้องแกมาบ้างเนี่ย?!” ไดสึเกะโวยลั่นแม้คนที่ตนโวยหนีไปแล้วก็เถอด

    ไดสึเกะซัง...ผมว่าแบบนั้นยากครับ หาทางไม่ให้น้องมันติดนิสัยเพี้ยนๆ ตามไอ้นี่ง่ายกว่าคร้บเซย์กล้ารับประกันเลยว่าอย่างเพื่อนตนคงเปลี่ยนนิสัยไม่ได้แล้วล่ะ

    เออ! จริงแฮะ!” ไดสึเกะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    เออ...หยุดทะเลาะกันก่อนครับ ช่วยบอกก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย?” มิคารุที่เริ่มตั้งสติจากที่ได้เห็นของที่มนุษย์ไม่น่าถีบได้ลอยละลิ่วต่อหน้าต่อตาได้เอ่ยถาม

    อธิบายอยากแฮะ...เอาเป็นว่าพวกนายสองคนนั่งรถพยาบาลไปกับเพื่อนนายก่อน แล้วพอพวกฉันตามไปสอบปากคำพวกนายที่โรงพยาบาลต่อ...” ไดสึเกะบอกปัดไปตามประสาคนขี้เกียจอธิบาย เพราะถ้าให้อธิบายจริงๆ พูดทั้งวันก็ไม่หมดหรอก “...อ๋อ และเอาไอ้เคียว...ไอ้หัวน้ำตาลๆ นั้นไปด้วยล่ะ ไว้กันพวกนายหนีบวกกับดูท่าไอ้เคียวมันเริ่มติดเพื่อนพวกนายแล้วล่ะ

    “...ครับมิคารุทีแม้จะตงิดๆ กับคำพูดอีกฝ่าย แต่ในสถานการณ์แบบนี้การทำตามที่ตำรวจบอกน่าจะดีกว่า เจ้าตัวเลยจัดการลากเพื่อนหัวทองของตนที่ยังเอ๋อกินไปยังรถพยาบาลที่กำลังลำเลียงร่างเพื่อนหัวดำของตนขึ้นรถไปโดยมีนายหัวน้ำตาลที่ดูจะไม่เป็นอะไรเลยค่อยนั่งมองอยู่ข้างๆ จากนั้นชายหนุ่มทั้งสามที่ไม่บาดเจ็บมากนักนอกจากมารอยะลอกตามตัวก็โดนจับขึ้นรถอีกคันไปโรงพยาบาลในที่สุด

     

     

     

     

     

    เออ...ขอโทษทีนะ ว่าแต่นายจะมาจ้องฉันทำไมเนี่ย?” เสียงถามเจื่อด้วยความหงุดหงิดดังออกมาปากชายหนุ่มผมดำที่นอนเดี้ยงอยู่บนเตียงคนไข้ ดวงตาสีดำเหล่สายตาดุๆ ไปยังคนผมน้ำตางที่ยิ้มแป้นอย่างน่าหมั่นไส้ข้างๆ เตียง...

    ...แค่ขาหักจนต้องนอนเดี้ยงแบบนี้ก็เซ็งจะตายแล้ว ไหงต้องโดนไอบ้าหัวน้ำตาลนี่มาจ้องยังกับหาหวยด้วยวะ!?...

    ก็อยากจ้องเลยทำน่ะคนผมน้ำตาลตอบกลับอย่างกวนๆ

    แล้วจะจ้องหาแมวอะไรวะไอ้หัวน้ำตาล! อยากได้คำขอบคุณหรือไง!?” คนผมดำโวยใส่...ถึงแม้ปกติเขาจะไม่ใช่พวกหาเรื่องใครเหมือนหน้าตา (?) แต่เห็นหน้าไอ้นี่แล้วทำไมรู้สึกอยากถีบจังวะ!?

    ฉันไม่ได้ชื่อหัวน้ำตาลสักหน่อย ฉันชื่อเคียวต่างหากล่ะ...” เคียวยักคิ้วเล็กน้อย “...ส่วนไอ้คำขอบคุณน่าขนลุกนั้นฉันไม่เอาหรอก แต่ที่ฉันอยากได้น่ะ...คือการได้ป่วนนายเล่นมากกว่านะ คุณไฮซากิ โชจิ~~~”

    แล้วจะป่วนฉันหาขนมจีบอะไร!? ...เดี๋ยวนะ นายรู้ชื่อฉันได้งายยยยยย!?” โชจิร้องโหยหวน (?)

    เอาเป็นว่ารู้แล้วกัน ส่วนที่ฉันจะป่วนนายเนี่ย...เพราะอยากสนิกกับนายอ่ะ มันหายากนะคนที่เห็นฉันทำลายข้าวของแล้วดึงสติกลับมาบ่นได้ภายในหนึ่งนาทีน่ะเคียวหัวเราะเบาๆ

    นั้นใช่ประเด็นเหรอ!?” โชจิทำหน้าเหมือนอยากเป็นลม...ฮือ ใครก็ได้เอามันไปเก็บที!!!

    ก็แหงสิ ส่วนใหญ่คนที่เห็นครั้งแรกจะสติหลุดสักสามนาทีเป็นอย่างต่ำ แต่นายแค่นาทีเดียวเองนะ! ดีไม่ดีไม่ถึงนาทีด้วย! หายากสุดๆ เลย! มีแค่ไม่กี่คนเองนะที่จะเป็นแบบนี่เนี่ย!” เคียวยิ้มร่า

    อย่าพูดเหมือนฉันเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เซ่!!!” โชจิแว๊ดลั่น พวกนายก็ช่วยฉันกันหน่อยสิ! ไอ้เรียว! ไอ้มิกะ!”

    ไม่เอา ตอนนายสลบโดนรายนี่ป่วนจนจิตตกมากพอแล้วชายหนุ่มผมทองส่ายหน้าแบบไม่เอาเด็ดๆ

    และนี่ในโรงพยาบาลนะ เงียบๆ หน่อยสิ...” ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวเอ่ยหน้าตายพลางพลิกหนังสือในมือตนอ่านไป

    นายลองมาเป็นคนโดนจ้องดูสิ! จะได้รู้ว่ามันอดแว๊ดไม่ได้หรอก!” โชจิค้อนใส่เพื่อนแต่ล่ะหน่อของตนที่ดูจะไม่ยอมช่วยตนเลยแม้แต่น้อย

    แหม~~~ ใจร้ายจังนะโชจิ~~~~~” เคียวลากเสียงยาว

    อย่ามาเรียกด้วยชื่อต้นนะเว้ย! ไอ้บ้า!!!” โชจิโวยพลางมองหาตัวช่วย และในตอนนั้นเอง...

    เฮ้ๆ อย่าแกล้งคนเจ็บสิวะไอ้เคียว!” ...ตัวช่วยที่ว่านั้นก็มาพอดีพร้อมกับเขกหัวสีน้ำตาลๆ ของชายหนุ่มเต็มแรง

    โอ๊ย! เจ็บนะครับ! ไดสึเกะซังป่าเถื่อน!” เคียวกุมหัวตนอย่างเจ็บๆ แต่ก็ยังไม่วายกวนคนอายุมากกว่าเล่น

    ก็ใครมัวแต่เล่นไม่ทำงานทำการแล้วมาป่วนชาวบ้านฟะ?” ไดสึเกะแกเขี้ยวใส่

    บู้! ขี้บ่น!” เคียวทำปากจู๋

    ถ้านายไม่เลิกเล่นฉันจะเอาเรื่องที่นายก่อคราวก่อนไปบอกน้องนายคอยดูไดสึเกะแสยะยิ้มเหี้ยม

    หว่า! เลิกเล่นแล้วครับ! ห้ามบอกโคกินะ! ไม่งั้นโดนบ่นตายเลย!” เคียวเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว...ก็น้องเขาเป็นคนทำข้าวเย็นตลอด ถ้าเกิดงอนขึ้นมาเขาก็อดข้าวเย็นดิ!

    ถ้าไม่อยากให้บอกก็รีบทำงานซะ! นายสอบปากคำไฮซากิซัง ส่วนฉันกับไอ้เซย์จะสอบปากคำสองคนนี่! เข้าใจไหม!?” ไดสึเกะบู้ใบ้ไปยังคนผมดำที่เริ่มสองปากคำคนผมสีฟางข้าว โดนที่คนผมทองที่ไม่มีอะไรทำนั่งฟังอยู่ข้างๆ

    ครับผม!” เคียวขานรับ และเมื่อเห็นว่าได้รับคำตอบที่น่าพอใจแล้วไดสึเกะก็เดินไปทำหน้าที่ของตนต่อ หว่า ไดสึเกะซังนี่ขี้บ่นจังเนอะ

    นิสัยแบบนี้ ถ้าฉันเป็นหัวหน้านายฉันก็บ่น...” โชจิบ่นขึ้นมาเบาๆ “...ว่าแต่...นายเป็นตำรวจดิ?”

    อื้อ ใช่เคียวพยักหน้ารับ

    มาดไม่ให้สักนิดโชจิกล้าพูดเลยว่าไม่เคยเจอตำรวจที่มาดไม่ให้ขนาดนี้มาก่อนเลย! ถ้าบอกว่าเป็นพวกโฮตส์หรืออะไรพวกนี่เขายังเชื่อว่าอีก!

    ถึงมาดไม่ให้แต่ก็เจ๋งนขอบอก...” เคียวยักไหล่เล็กน้อย “...เอ้าๆ มาเริ่มงานเลยดีกว่า เดี๋ยวฉันโดนบ่นอีก...ข้อแรกก่อนเวลาเกิดเหตุนายอยู่ที่ไหน?”

    ไปเข้าห้องนำในเกมเซนเตอร์นั้นแหละ แล้วพอออกมาอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังตูมก่อนที่อาคารมันจะถล่มลงมาน่ะโชจิที่เห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง (?) ตอบอีกฝ่ายแต่โดยดี

    ตอนออกมาเห็นใครอยู่บริเวณนั้นบ้างไหม? เอาตรงที่เสาของอาคารน่ะเคียวถามต่อ

    เยอะแยะไป จะมีแปลกหน่อยก็แค่ตอนจะเข้าห้องน้ำเห็นมีคนว่างกระเป๋าทิ้งไว้ไว้ตรงเสาน่ะ แถมตอนออกจากห้องน้ำยังเห็นวางอยู่ที่เดิมอีกต่างหากโชจิทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย

    อื้อ บางทีกระเป๋านั้นอาจบรรจุระเบิดสินะ? แล้วนายเห็นรูปพรรณของคนที่วางกระเป๋าไว้ไหม?” เคียวเริ่มคิดว่ามีแววจะได้ข้อมูลดีๆ ถามต่อ

    ก็เห็นล่ะนะโชจิพยักหน้ารับ

    งั้นช่วยบอกหน่อยแล้วกันเคียวเอ่ย

    อื้อ คนที่เอากระเป๋าวางทิ้งไว้เห็นเป็นผู้ชายที่สูงพอๆ กับฉัน ผมสีออกเงินๆ น้ำตาลๆ คล้ายผมย้อมน่ะ หน้าตาก็แบบ{>♤》♤□{}¡{{♢□<<■●●□♤□\<¤^*;/_€^$#’&¥” โชจิอธิบายอย่างละเอียดยิบ

    อื้อ เห็นละเอียดดีแฮะ ไม่ใช่ว่ารู้จักคนร้ายอยู่แล้วนะ?” เคียวแซวคนเจ็บเล่น

    จะบ้าดิ! จะพูดหาคุกมาลอยใส่ทำไมเนี่ย!?” โชจิแยกเขี้ยวใส่คนที่พูดจาหาเรื่องใส่

    น่าๆ ล้อเล่นน่า...งั้นข้อต่อไป...” เคียวที่กลัวโดนตีหัวรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “...ไหงนายไปติดตรงนั้นได้ล่ะ? ถ้าเป็นสถานการณ์ที่ขนาดทุกคนยังหนีได้หมดแบบนี้ฉันว่าอยากนายไม่น่าไปติดแถวไหนง่ายๆ นิ?”

    ทำมาเป็นรู้จักฉันดีเชียว...ถึงจะจริงก็เถอะ...” โชจิบ่นนิดๆ “...ไอ้ตอนนั้นไม่รู้เหมือน รู้แค่ตอนเดินไปใกล้ๆ กระเป๋านั้นตอนแรกรู้เหมือนมีใครจ้องและตอนไอ้เสานั้นถล่มก็ถูกใครไม่รู้ผลักล้มแล้วตีเข้าที่ขาเนี่ย

    เดี๋ยวนะๆ นายจะบกว่า...นายโดนใครไม่รู้ตีที่ขาจนหนีไม่ได้เหรอ?” เคียวขมวดคิ้วเป็นปม

    เออดิ ฉันไม่เห็นว่าใครทำหรอกนะเพราะหน้าทิ่มอยู่ รู้แค่ว่าตีแรงเสียจนร้องไม่ออกแค่นั้นแหละโชจิเอ่ย...ว่าตามจริงตอนแรกเขาคิดว่าคนที่พยายามหนีตายมาเหยียบเขาเฉยๆ แต่ว่าพอโดนแบบถี่ๆ แรงๆ (ทำไมมันสองแง่สองง่ามชอบกลเนี่ย? // โชจิ , เอาน่าๆ อย่าบ่นน่าตัวเธอ // s) เขาก็รู้ว่าน่าจะไม่ใช่แค่โดนเหยีบแล้วแน่ล่ะ

    แสดงว่ามีคนตั้งใจจะฆ่านายน่ะสิ!?” เคียวหลุดร้องออกมาดังเสียจนคนทั้งห้องสะดุ้งโหยง

    คงงั้นโชจิตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก

    ยังจะมาชิวล์อีกเจ้าบ้า! นี่มีคนตังใจฆ่าแกเหรอ!?” เรียวโวยลั่นแบบไม่สนใจคนที่กำลังสอบปากคำตนเลยแม้แต่น้อย

    คิดว่าใช่มั้ง แต่อาจไม่ใช่ก็ได้โชจิเกาหัวนิดๆ

    แต่ผมว่าใช่แหงๆมิคารุถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมก็สงสัยอยู่ปกติอย่างนายน่าจะหนีทัน แถมนายยังวิ่งได้เร็วว่าผมอีกไม่น่าจะหนีไม่ทันแม้จะอยู่ใกล้จุดที่เสาถล่มก็เถอะ เว้นแต่นายได้รับบาดเจ็บก็อีกเรื่องล่ะนะ

    เอาตามความคิดฉัน...ฉันก็ว่าใช่นะ...” เคียวเอ่ยเสริมขึ้นมา “...ตอนที่ฉันยกหินที่ทับขานายออกฉันเห็นว่ามีรอยช้ำจนผิวแตกเป็นเส้นๆ เหมือนโดนตีมากกว่าโดนอะไรถล่มทับน่ะ ยิ่งไอ้ที่ทับนายบังเอิญเป็นหินหน้าเรียบจนไม่น่าสร้างรอยแบบนี้ได้ด้วยเนี่ยยิ่งมีเปอร์เซ็นที่ความจริงไอ้คนที่ทำเนี่ยตั้งใจจะฝังนายไปพร้อมอาคารนั้นยิ่งสูงเลย

    แล้วมันจะฝังฉันหาอะไรห๊า?” โชจิกรอกตาไปมา

    เพราะดันไปใกล้ไอ้กระเป๋านั้นไง...และนี่ถ้ามันรู้ว่านายเห็นหน้าไอ้คนวางกระเป๋านั้นไว้อีกมีแววโดนตามเก็บแหงเคียวเอ่ยเสียงเครียดอย่างที่นานๆ ทีจะได้เห็น

    เรื่องใหญ่แล้วไง...” ไดสึเกะที่ฟังบทสนทนาทั้งหมดถอนหายใจออกมาเบาๆ “...สรุปไฮซากิซังเห็นหน้าคนร้ายสินะ?”

    ประมาณนั้นเคียวตอบ ผมว่างานนี้หาคนคุมกันโชจิเถอะ...คุมไว้จนกว่าจะจับคนร้ายได้เลยยิ่งดี

    ผมเห็นด้วยครับ ว่าแต่...” มิคารุกวาดตามองเหล่าตำรวจทั้งหลาย “...ทำไมพวกคุณพูดเหมือนกับ...ว่ามีคนจงใจทำให้อาคารถล่มล่ะครับ?”

    เออแฮะ!” เรียวทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก

    อ้าว? นายยังไม่ได้บอกเหรอเคียว?” เซย์ที่เกือบถูกลืมถามคนผมน้ำตาล

    เปล่า แล้วนายล่ะโชจิ?” เคียวถามต่ออีกทอด

    วุ่นวายขนาดนี้จะเอาเวลาไหนบอก...และที่สำคัญอย่าเรียกด้วยชื่อต้นดิวะ! ไอ้บ้า!” โชจิแยกเขี้ยวใส่คนที่เนียนทำเป็นสนิกกับตนตั้งกลายครั้งหลายคราว

    มันใช่เวลามาเถียงเรื่องนี้กันไหมเนี่ย!? บอกพวกฉันกันก่อนสิเว้ยว่านี้มันเรื่องอะไรกัน!?” เรียวโวยลั่น

    อย่าเสียงดังกันสิ นี่ในโรงพยาบาลนะไดสึเกะถอนหายใจออกมาเบาๆ เอาเป็นว่าฉันอธิบายเอง...คือเมื่อวานนี้มีจดหมายขู่มาที่โรงพักว่าจะทำการระเบิดที่สวนสนุกที่พวกนายอยู่ก่อนหน้านี่ พวกฉันเลยพากันมาดักซุ้มหาผู้ต้องสงสัย แต่ไม่ทันทำอะไรก็ดันเกิดเหตุซะก่อนเนี่ย

    แล้วไอ้คนร้ายบ้านั่นดันมาเล่นงานโชจอสินะครับ?” มิคารุถอนหายใจออกมาเบาๆ นี่นายซวยตามโชโงะมันอีกคนแล้วหรือไง? คราวก่อนโชโงะก็ดันโดนโจรปล้นร้านสะดวกซื้อจับเป็นตัวประกันคราวนี่ก็นาย...วันหลังหัดไปทำบุญบ้างนะ จะได้ซวยน้อยๆ ลงหน่อย

    เห็นด้วยกับไอ้มิกะมันเลย...เล่นซวยกันขนาดนี่เนี่ย...” เรียวถอนหายใจออกมาด้วยความปลง “...แล้วจะเอาไงต่อเนี่ย? ฉันรู้แน่ๆ คือแกคงอยู่บ้านตัวเองไม่ได้ชัวท์ไม่งั้นแม่กับน้องแกโดนลูกหลงไปด้วยแน่

    ฉันก็ว่างั้นโชจิไม่เถียงว่าอาจเป็นงั้นจริงๆ แต่ฉันคงไม่เล่นงานหรอกมั้ง? มันคงไม่รู้ว่าฉันเห็นหน้าหรอก ที่ฉันโดนเล่นงานเพราะดันทำท่าจะเข้าไปดูไอ้กระเป๋าใส่ระเบิดนั่นมากกว่า

    จะโดนไม่โดนก็กันไว้ก่อนดีกว่าเคียวเอ่ย เอาเป็นว่า...ฉันจะเป็นคนคุ้มกันโชจิเอง รับรองว่าต่อให้มันเอา RPG มาไล่ยิงฉันก็ช่วยโชจิได้ทันชัวท์

    พูดเว่อร์ไปไหม? นี่แกคิดว่าแกเป็นแมลงสาปหรือไง? ถึงจะโดนขนาดนั้นแล้วไม่เป็นไรน่ะ?” ไดสึเกะถึงแม้รู้ว่าลูกน้องตนคนนี้เกินผู้เกินคนไปไกลแล้ว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันตายไม่เป็นนี่หว่า

    ไม่เป็นไรหรอกครับ...คงไม่คิดว่าผมบ้ารอให้มันยิงก่อนค่อยจัดการใช่ไหม? ผมจะจัดการมันตั้งแต่ถือไอ้ RPG นั้นแล้วเคียวยักไหล่เล็กน้อย

    อ้าว? มีหัวคิดด้วยแฮะไดสึเกะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ...คิดว่ามันจะรอให้คนร้ายเป็นฝ่ายเริ่มก่อนแบบทุกทีเสียอีก แสดงว่ายังมีหัวคิดว่าอะไรควรรอไม่ควรรอสินะ (?)

    ไหงว่างั้นล่ะครับ!?” เคียวโวยแบบไม่จริงจังเท่าไหร่นัก

    เดี๋ยวๆ ช่วยกรุณาอย่าพูดเหมือนลงมัติโดยไม่ถามกันเลยสิ!” โชจิโวยใส่นายตำรวจทั้งสองที่ดูจะตัดสินใจกันเองเสร็จสัพแบบไม่คิดถามความเห็นตนเลยแม้แต่น้อย

    ไม่สน! / ไม่สนเว้ย!!!” ทั้งหมดแว๊ดใส่คนเจ็บเป็นเสียงเดียวกัน

    ถ้าเกิดแกยังดื้อไม่เอาคนคุ้มกันอีก ฉันตีหัวแกแล้วจับมัดกับไอ้นี่จริงๆ นะเว้ย!!!” เรียวทำหน้ายักษ์

    ผมว่าจับมัดเฉยๆ พอ...แล้วจากนั้นค่อยเอาไอ้โชจิมันทำเป็นกระเป๋าให้หมอนี่แบกเลยมิคารุเอ่ยเสียงเย็น

    อย่าพูดเหมือนจะฆาตกรรมฉันดิ! หลอนนะเว้ย!!!” โชจิปาหมอนใส่เพื่อนตัวเองทั้งสอง

    “...” ไดสึเกะมองสามหนุ่มที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน (?) ผิดกับสถานการณ์ที่ควรจะตึงเตรียดลิบลับ พลางเอ่ยกับคนผมสีน้ำตาลที่กำลังชมการทะเลาะกันของสามหน่อตามประสาผู้ชมที่ดี (?) “...เดี๋ยวฉันกลับไปจัดการขอเบื้องบนเรื่องให้นายคุ้มกันพยานก่อนนะ ส่วนพวกนายก็ดูแลสามคนนี้ดีๆ อย่าให้เกิดเรื่องล่ะ

    ครับ~~~~” นายตำรวจทั้งสองขานรับเสียงยาวจนน่าถีบ

    นี่ไม่กวนกันสักวันจะตายไหมเนี่ย?” ไดสึเกะถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเพื่อกันไม่ให้ตนอดไม่ได้ที่จะเขกหัวลูกน้องตนสักทีสองที แล้วทิ้งความวุ่นวายของเหล่าคนหนุ่มกว่าตนทั้งหลายไว้เอาไว้...แบบว่าถ้าโดนพวกเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดุก็ให้จัดการกันเองเลย งานนี้เขาไม่เกี่ยวแล้วนะ

     

     

     

     

     

    วันเวลาผ่านไปนับจากวันที่มีเหตุอาคารเกมเซ็นเตอร์ในสวนสนุกแห่งหนึ่งถล่มลงมา ณ ตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยมากว่าสองเดือนแล้ว โดยที่คนร้ายที่เป็นผู้ก่อเหตุนั้นจนถึงบัดนี้ก็ยังตามจับตัวไม่ได้และผู้ที่กลายเป็นพยานเพียงคนเดียวของเหตุการณ์นั้นอาการเจ็บก็ดีขึ้นจนออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว...แต่ก็ยังต้องมีคนคอยคุ้มกันไม่ให้คนร้ายกลับมาจัดการพยานเพียงคนเดียวจนไม่มีหลักฐานในการจับคุมเข้า...

    ...และคนที่ได้ทำหน้าที่คุ้มกันนั้น...เป็นคนที่ทั้งกรมตำรวจไว้ใจว่าไม่มีใครทำอะไรมันได้แน่นอน!

    ให้ตายเถอะ...ปานนี้เลิกตามฉันได้แล้วมั้ง?” เสียงเอ่ยเบาๆ ดังออกจากปากชายหนุ่มผมดำ

    ไม่ได้ กันไว้แบบนี้แหละดีแล้วชายหนุ่มผมน้ำตาลตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ

    แต่แบบนี้มันอึดอัดนะเฟ้ย!” ชายผมดำหรือไฮซากิ โชจิค้อนใส่คนที่ตามติดตนราววิญญาญอาฆาตอย่างหัวเสีย...ถึงแม้จะต้องตัวติดกับมันมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ชินเว้ย!...

    ...ถึงเขาอ้างกับแม่และน้องว่าจะมาค้างที่อื่นสักพักเพียงให้สะดวกกับการเดินทางไปที่ทำงานที่ยังอุตสาห์ใจดี ไม่ไล่เขาออกหลังนอนเดี้ยงอยู่โรงพยาบาลสองเดือนเพื่อชดเชยเวลาที่เขาขาดงานไปก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าข้ออ้างนี่จะใช้ได้นานนะเฮ้ย!...

    แต่ฉันไม่นิ แถมแกล้งนายสนุกดีด้วยนายฟุริฮาตะ เคียวผู้ได้ทำหน้าที่คุ้มกันพยานผิวปากอย่างอารมณ์ดี

    สนุกกับผีดิ! ประเด็นหลักของนายคืองี้เหรอ!?” โชจิโวยใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิถึงแม้รายนี่จะเป็นที่คุ้มกันชีวิตตนอยู่ก็ตามด้วยความสนิก...ก็ใครใช้ให้หลังจากตัวติดกันมาสองเดือนมันเล่นตีซี้พวกเขาจนพวกเขานับรวมเขากลุ่ม จากเพื่อนกลุ่มสามคนเพิ่มเป็นสี่ล่ะ!...

    ...ว่าตามจริงตอนแรกโชจิไม่อยากนับเพื่อนกับรายนี่เท่าไหร่นัก แต่พอโดนนายเคียวตื้อ อ้อน ตีเนียนมันทุกวันๆ ผ่านไปเดือนเดียวเท่านั้นแหละ...รู้ตัวอีกที่ทั้งโชจิทั้งเพื่อนอีกสองหน่อของเจ้าตัวก็นับเคียวเป็นเพื่อนไปเสียแล้ว

    ...จนไม่รู้ว่าควรบอกว่าเคียวเข้าหาคนเก่งหรือพวกโชจิใจอ่อนเองเลยล่ะ

    น่าๆ ใจเย็นน่าโชจิ...คิดแง่ดีว่าตราบใดที่หมอนี่ตามติดนายก็ปลอดภัยชัวท์แล้วกันชายหนุ่มผมสีฟางข้าวเอ่ยอย่างใจเย็น

    ช่ายยยย อีกอย่างพวกนายเลิกทะเลาะกันเถอะ...เห็นแล้วนึกถึงคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันแบบนี้ มันหมั่นไส้วะชายหนุ่มผมทองหัวเราะร่า

    สามีภรรยาบ้านแกดิ! นี่ถ้าแกตาถั่วรีบไปตัดแว่นซะไป!” โชจิค้อนใส่คนที่ว่าตน

    แหม แบบนี่ก็ไม่ตาถั่วเท่าไหร่นะ...พูดได้ถูกใจฉันเป๊ะแบบนี้เนี่ยเคียวหัวเราะขึ้นมาอีกคน

    นี่แกก็สมองกลับไปแล้วเหรอ!?” โชจิยกเท้าถีบอีกฝ่าย...ซึ่งแน่นอนว่าคนผมน้ำตาลหลบได้อย่างรวดเร็ว

    สมองฉันปกติดีน่าเคียวเอ่ยอย่างเริงร่า

    ใช่ๆ ปกติดี...เพราะถ้ามันเพี้ยนกว่านี่โลกคงใกล้แตกแล้วล่ะเรียวพยักหน้ารับ แต่คำพูดนี่สิ...ว่าคนผมน้ำตาลชัดๆ

    ไหงว่างั้นล่ะ?!” เคียวทำแก้มป่อง

    เฮ้ยๆ อย่าทำหน้าแบ๊วแบบนั้นสิ...ขัดตาเฟ้ย!” โชจิยื่นมือไปดึงแก้มเคียว

    โอ๊อๆ เอ็บอ่ะเคียวร้องโอดครวญอย่างน่าถีบเป็นที่สุด

    โชจิ...แบบนี้ยิ่งดูเหมือนคนรักกันจริงๆ อย่างที่เรียวบอกเลยนะ...” มิคารุเอ่ยหน้าตายสนิก “...หรือที่จริงพวกนายคบกันอยู่?”

    จะบ้าเหรอ! ใครจะไปคบกับไอ้แรงช้างสารนี่!?” โชจิรีบปล่อยมือจากเคียวแล้วถอยห่างเหมือนขยะแขยง

    หว่า~~~ พูดแบบนี้มันเจ็บนะโชจิ~~~~ และอีกอย่าง...” เคียวเดินไปคว้าตัวโชจิที่ถอยห่างตนเมื่อครู่เข้ามากอด “...ฉันเคยบอกแล้วนี่ว่าอย่าอยู่ห่างฉันน่ะ?”

    โครม!!!

    เพียงชั่วเสี้ยววินาทีที่เคียวดึงร่างของคนผมดำมากอด แท่งเหล็กยาวก็ร่วงมาใส่จุดที่โชจิยืนอยู่เมื่อครู่พอดีเด๊ะ

    มันมาอีกแล้ว...” โชจิมองแท่งเหล็กที่ยามนี้เสียบทะลุพื้นพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ

    ให้ตายสิ...มันยังไม่เลิกเล่นงานโชจิอีกเหรอเนี่ย?” เรียวกรอกตาไปมา...ถ้าจำไม่ผิดตลอดสองเดือนมานี่มันเล่นงานเพื่อนเขาแทบทุกวันแล้วนะ! ไม่หนื่อยบ้างหรือไง!?

    ฉันว่าจนกว่าจะจับคนร้ายได้นั่นแหละมิคารุนวดขมับนิดๆ แล้วเคียว...เมื่อไหร่นายจะตามจับไอ้บ้านั่นเสียทีเนี่ย?”

    ก็เมื่อฉันแน่ใจว่าคนทำมีกี่คนกันแน่ไง ฉันไม่อยากเสี่ยงไปจับไอ้ตัวทำตอนนี้แล้วมีอีกคนคอยแอบเล่นงานโชจิหรอกนะเคียวอธิบาย

    อื้อ...ก็จริงแฮะมิคารุพยักหน้ารับ

    แต่ฉันว่านายไปจับมันมาเค้นคอสักคนก็ดีนะ...เรื่องมันจะได้จบเสียที และนายจะได้ไปทำงานทำการเลิกตามติดฉันด้วยโชจิเอ่ย

    หว่า ไหงพูดงั้นล่ะโชจิ? แบบนี้ฉันน้อยใจนะ~~~” เคียวลากเสียงยาว

    “...ช่วยเลิกพูดด้วยท่าทีน่าขนลุกสักทีเถอะ! ไอ้บ้า!” โชจิกระตื้บเท้าเคียวไปหนึ่งที

    ก็ฉันพูดจริงนิเคียวยักไหล่เล็กน้อยอย่างไม่สะทกสะท้านอะไร

    จริงไม่จริงบางครั้งไม่ต้องพูดหรอกเฟ้ย! แล้วนี่ปล่อยได้แล้ว! ฉันต้องรีบไปทำงานนะเฮ้ย!” โชจิโวยลั่น

    ครับๆเคียวขานรับอย่างเซ็งๆ ก่อนที่จะยอมปล่อยโชจิแต่โดยดี กอดนิดกอดหน่อยก็ไม่ได้...หวงตัวจังแฮะ

    ก็เล่นแบบนี้ก็สมควรล่ะครับ ว่าแต่...” มิคารุเอ่ยขึ้นมาเบาๆ “...ที่นายทำแบบนี้...คงไม่ใช่คิดแค่ทำสนุกๆ สินะ?”

    หื้อ? ดูออกด้วย?” เคียวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

    คิดว่าผมทำอาชีพอะไรล่ะครับ? ต้องดูออกสิ...” มิคารุยักไหล่เล็กน้อย

    ไม่ยักรู้ว่าบาร์เทนเด้อนี่อ่านใจคนออกด้วยนะเคียวแซวคนผมสีฟางข้าวเล็กน้อย

    ไม่ถึงกับอ่านใจ แต่ก็ดูคนออกนะครับ...” มิคารุเอ่ยเสียงเบาแบบกวนคนผมดำได้ยิน “...ถ้าจะทำอะไรก็รีบทำนะครับ อย่างโชจิน่ะไม่บอกไปเลยก็ไม่เลิกซึนหรอกครับและอย่ามัวลีลามากนัก...ไม่งั้นระวังเสียใจทีหลังล่ะ

    รู้แล้วล่ะน่าเคียวหัวเราะเบาๆ แลวเดินไปเกาะโชจิต่อ

    “...หวังว่าจะเป็นอย่างที่พูดเถอะมิคารุถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางมองคนผมน้ำตาลเริ่มเกาะแกะพลางแหย่คนผมดำเล่นอีกล่ะรอบ...

    ...ว่าแต่ทำไมนับวัน...เขายิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพ่อสื่อเนี่ย?...

     

     

     

     

     

    วันนี้โชจิแสดงถึงกี่ทุ่ม?” เสียงถามทุ้มๆ ดังออกจากปากคนผมน้ำตาล

    ประมาณห้าทุ่มครับชายหนุ่มผมสีฟางข้าวตอบพลางยื่นแก้วนมแก้วโตที่ดูขัดกับสถานที่ที่อยู่ในยามนี่เหลือเกินให้

    ไอ้เรียวล่ะ?” เคียวคว้าแก้วนมมาซดก่อนที่จะถามเช่นนี้

    รายนั้นสามทุ่มก็เสร็จแล้วมิคารุตอบสั้นๆ

    งั้นเหรอ...” เคียวลากเสียวยาน “...ถ้างั้น...พอเรียวมันแสดงเสร็จแล้วนายช่วยตัวติดหนึบกับมันทีแล้วกัน

    หื้อ? ทำไมผมต้องตัวติดหนึบกับมันล่ะ?” มิคารุเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

    เพราะว่า...” เคียวเหล่มองไปด้านหลังตน “...ตอนนี้พวกที่เล่นงานโชจิมันแฝงตัวเข้ามาในฝูงชนกันหมดแล้ว...เลยกะจะรวบตัวทีเดียว แต่กลัวมันจะทำร้ายไอ้เรียวแทนน่ะ

    ไม่กลัวว่าจะมีคนดักชุมเล่นงานโชจิมันตอนไล่จับพวกนั้นแล้วเหรอ?” มิคารุถาม

    ไม่หรอก...ถ้าสถานที่ปิดแบบนี้ฉันเล่นไล่จับกับพวกนั้นได้ง่ายๆ เลยล่ะ หึๆเคียวแสยะยิ้มออกมาราวกับเด็กได้ของเล่นชิ้นใหม่

    ไล่จับมาเชือดน่ะสิไม่ว่ามิคารุส่ายหน้าไปมาอย่างปลงๆ

    ก็นะเคียวยักไหล่เล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งเพื่อนหัวทองของตนแสดงเสร็จ มิคารุก็แอบไปลากตัวเรียวมาที่เคาเตอร์เครื่องดื่มตามที่เคียวบอกก่อนหน้านี้และพากันคุยเล่นกันต่อจน...มาถึงเวลาที่ไฮซากิ โชจิต้องขึ้นแสดง

    ...เอาล่ะ...ได้เวลาแล้ว...

    มิกะ...นายอยู่กับเรียวดีๆ ล่ะ ถ้าเกิดใครมาหาเรื่องก็เสยมันไปเลยเคียวมองคนผมดำที่คุ้นหน้าคุ้นตาดีบนเวทีพลางหันไปบอกบาร์เทนเด้อหนุ่มที่กำลังล็อกคอเพื่อนตัวเอง (?) เนื่องจากเมื่อครู่อีกฝ่ายจะแอบจิ๊กเหล้ามาดื่ม

    อื้ม เข้าใจแล้วมิคารุตอบโดยเมินเสียงที่พูดประมาณว่า ฉันดูแลตัวเองได้เฟ้ย!’ ของเพื่อนตนไป

    โอเค งั้นฉันเนียนไปหาโชจิหน้าเวทีเลยแล้วกันเคียวเอ่ยก่อนที่จะลุกจากที่นั่งแล้วเนียนเข้าไปในกลุ่มชนจริงๆ ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองไปทั่วเพื่อหาเป้าหมายขณะมุดไปตรงหน้าเวที พอมาจุดที่ติดหน้าเวทีเคียวก็เห็นวัตถุโลหะที่ตนรู้จักดีเจ้าตัวจึง...

    ฟิ้ว...ปั๊ด!...

    ...ขว้างกิ๊ปโลหะสีดำที่ตนใส่มาในวันนี้ใส่คนที่ถือวัตถุที่ว่านั้นอย่างแม่นยำทันที...แถมขว้างอีกท่าไหนไม่รู้แรงจะกิ๊ปมันฝังลงไปในเนื้ออีกฝ่ายด้วยอีกต่างหาก

    อ๊ากกกกกก!!!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นทำให้ผู้คนสะดุ้งเฮือก แม้แต่โชจิที่อยู่เวทีก็ถึงกับชะงักไป ทุกสายตามองไปที่ต้นเสียงก่อนที่จะ...เริ่มหนีตายกันในทันทีเมื่อเห็นว่าที่พื้นมีสิ่งที่เรียกว่าปืนตกอยู่ และนี่เป็นตัวบ่งบอกผู้คนในที่นี่ได้อย่างดีว่าอาจกำลังจะมีคนยิงกันหรือมีนักเลงตีกันในไม่ช้านี้

    เฮ้ย! อะไรน่ะ!?” โชจิที่เห็นเคียวอยู่ใกล้ๆ อยู่แล้วถามก่อนที่จะสะดุ้งโหยงอีกรอบเมื่อคนส่วนหนึ่งที่ไม่หนีไปไหนอย่างชาวบ้านเขาชักปืนออกมาเล็งที่ตน!

    มีพวกให้เรามาเล่นไล่จับไงพวกเคียวยิ้มร่า

    เล่นไล่จับไปเชือดน่ะสิ! ไอ้บ้า!” โชจิแว๊ดลั่นพร้อมโดดลงจากเวทีเพื่อไม่ให้ตนกลายเป็นเป้าให้ชาวบ้านยิงเล่น

    ไม่โดนเชือดหรือน่า...” เคียวเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “...เพราะฉันนี่แหละ...จะเป็นฝ่ายเชือดพวกมันเอง

    เฮ้ย!!!” เหล่าคนที่ถือปืนเล็งมาเมื่อครู่หลุดร้องลั่น เมื่อมีบางอย่างถูกโยนมาใส่แล้วปืนที่ถืออยู่ถึงกับแตกเป็นชิ้นๆ!

    เอาล่ะ ไม่มีอาวุธแล้ว...งั้นมาเล่นแปะโป้งกันดีกว่าเนอะ?” เคียวบิดตัวไปมาคลายเมื่อย

    ยังทำเป็นเล่นอีกไอ้เคียว!” โชจิแยกเขี้ยวใส่...ถึงไม่มีอาวุธแล้วแต่จำนวนคนฝ่ายนู้นก็เยอะอยู่ดีนะเฟ้ย!

    น่าๆ อย่าเครียดนักสิโชจิ...เดี๋ยวแก่เร็วนะเคียวที่ไม่เดือดเนื้อร้อนใจสักนิดยิ่งทวีความรู้สึกอยากเขกหัวคนของโชจิขึ้นอีกระดับ

    แต่ฉันจะได้ตายก่อนแก่เพราะปวดจิตกับแกเนี่ย!” โชจิค้อนใส่คนผมน้ำตาล

    นี่! อย่ามัวเล่นกันสิ! มันหันมาทางผมแทนแล้วนะ!” ระหว่างที่เคียวกับโชจิกำลังเล่นกัน (?) อยู่ เสียงมิคารุก็ลอยแว่วมา

    เออๆ ก็ได้ๆ ...โชจินายคิดว่าพอสู้ได้สักนิดไหม? แบบปัดป้องได้สักนาทีน่ะเคียวถาม

    ได้เฟ้ย! ทำไม!?” โชจิเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

    ฉันจะได้...ลุยอย่างไม่เกรงใจไง!” ว่าแล้วเคียวก็เริ่มจัดการชาวบ้านแบบที่...เล่นทำเอาโชจิอ้าปากค้างไปเลยทีเดียว

    นี่ที่แกถามว่าพอปัดป้องได้ไหมเนี่ยคือให้หลบลูกหลงเหรอฟะ!?” โชจิแว๊ดลั่นพลางก้มหลบเก้าอี้ตัวไม่น้อยที่ลอยมา

    เออดิ!” เคียวตอบสั้นๆ พลางจัดการชาวบ้านต่อไป

    “...หวังว่าไอ้เคียวจะไม่ทำใครตายนะ?” เรียวที่มองภาพความพินาศที่เกิดตรงหน้าหลังเคาเตอร์เหล้าบ่นขึ้นมาเบาๆ

    ก็หวังว่านั้นนะมิคารุถีบคนที่จะเล่นงานตนเมื่อครู่ออกไปก่อนที่จะมุดลงหลบหลังที่กำบัง (?) “และหวังว่า...จะมีใครช่วยอธิบายเรื่องนี้กับอาเจ๊นะ ไม่งั้นโดนไล่ออกยกหมู่แน่

    นั่นดิเรียวถอนหายใจออกมาเบาๆ ...

    ...หวังว่าจบงานนี้คงไม่ตกงานยกหมู่จริงๆ นะ? ไม่งั้นเขาได้กินแกรบแทนข้าวแน่...

     

     

     

     

     

    “...ไม่คิดแฮะว่างานนี้จะเละน้อยขนาดนี้นายตำรวจหนุ่มผมดำกวาดตามองไปรอบๆ สถานที่ที่ในยามนี่...มีทั้งหลุมลึกที่พื้นหลายหลุม ข้าวของพังระเนระนาด เพดานทะลุโหว่ ผนังถล่มไปไปแถบหนึ่งอย่างสนอกสนใจ

    ถามจริงนี่น้อย? แค่นี้ผมก็ไม่รู้จะไปอธิบายกับอาเจ้แกยังไงแล้ว!” ชายหนุ่มผมสีฟางข้าวในชุดบาร์เทนเด้อทำหน้าเหมือนจะเป็นลม

    ใช่...แถมมีแววโดนไล่ออกยกหมู่อีกต่างหากชายหนุ่มผมทองทำหน้าตาซึมเมื่อนึกถึงอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้

    หรือไม่ก็ฉันนี่แหละจะโดนทั้งไล่ออกทั้งชดใช้ค่าเสียหายเลยชายหนุ่มผมดำมองสถานที่ทำงานตกที่กลายภาพเป็นบ้านผีสิง (?) ด้วยท่าทีหม่นหมองสุดๆ

    ไม่โดนหรอกน่า พวกนายนี่คิดมากไปนะเนี่ยชายหนุ่มผมน้ำตาลยิ้มร่าต่างจากสามคนก่อนหน้านี้ลิบลับ

    ไอ้ตัวทำลายล้างอย่างแกไม่ต้องมาพูดเลย!!!” สามหนุ่มผู้ถูกทำลายที่ทำงานของตนแว๊ดใส่พร้อมสามัคคีกันเขกหัวนายตำรวจหน้าเป็นผมน้ำตาลที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาวสักนิด

    อูย~ เจ็บนะ~ พวกนายนี่สามัคคีกันทำร้ายฉันเหลือเกินนะเคียวร้องโอดครวญ

    ก็สมควรหรอก ก็หน้าแกมันไปกระตุกเส้นชาวบ้านเขาบ่อยๆ นิเซย์ที่ไม่สงสารเพื่อนร่วมงานตนเลยแม้แต่น้อย เมื่อมีโอกาสก็รีบซ้ำเติม (?) ทันที

    ปากหรืออะไรวะไอ้เซย์!?” เคียวแยกเขี้ยวใส่อีกฝ่ายที่ว่าตน

    ก็ปากดิวะ! เห็นเป็นเท้าเหรอ?” เซย์ยักคิ้วกวนๆ

    เอ้าๆ อย่ามัวเล่นกันเซ่...มาทำงานของตัวเองเลยไอ้พวกนี่!” นายตำรวจผมน้ำเงินที่ทำงานอยู่ห่างออกไปเล็กน้อยโวยใส่คนอู้งานทั้งสอง ส่วนไอ้เคียว...ไปเคลียร์เรื่องทำร้านชาวบ้านพีงเองนะเว้ย! เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยวนะ!”

    ไหงงั้นล่ะครับ! ไม่กลัวผมโดนเจ๊แกฆ่าตายหรือไง!?” เคียวโวยวายใส่คนอายุมากว่า

    อย่างแกไม่ตายง่ายๆ หรอกมั้ง!” ไดสึเกะเอ่ยพร้อมถอยห่างกว่าเดิมเหมือนกับบอก เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยว เชิญจัดการเองเลยมาให้

    เออ...ขอขัดหน่อยนะ...” โชจิที่ได้ยินบทสนทนาแปลกๆ ของคนผมน้ำเงินกับผมน้ำตาลเอ่ยขึ้นมา “...ทำไมพูดเหมือนกับ...รู้จักอาเจ๊เจ้าของร้านล่ะ?”

    พอดีเจ๊แกเป็นพี่สาวของเพื่อนฉันคนหนึ่งน่ะเคียวอธิบายสั้นๆ และในขณะนั้นเอง...

    ใครมาพังร้านฉันวะ!?” ...เสียงแว๊ดลั่นก็ดังขึ้น...แบบดังมากจนแทบแก้วหูระเบิดเลยล่ะ

    ชะอุ๋ย! พูดปุ๊บมาปับเลยแฮะ...” เคียวยิ้มแห้งๆ

    จัดการเองนะเฟ้ย!” เซย์ที่รู้ดีว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นไงรีบเผ่นออกห่างนายเคียวทันที

    “...เดี๋ยวพวกนายเตรียมยาเหลืองให้ฉันด้วยนะ...ยัยนั่นไม่น่าจะให้ฉันรอดไปง่ายๆ หรอกเคียวเอ่ยเหมือนสั่งเสีย (?) ให้เพื่อนตนทั้งสามที่ยังไม่หนีไปไหน

    จะเตรียมทั้งยาทั้งผ้าพันแผลให้เลยถ้านายไม่เอาลูกหลงจากเจ๊แกลอยมาหาพวกฉันด้วยน่ะโชจิเอ่ย

    รับรองว่าไม่โดนพวกนายแน่เพราะ...” เคียวรีบยกแขนมาตั้งรับขาของใครสักคนที่หมายจะฟาดหัวตนเต็มๆ “...เมื่อเห็นสภาพของสถานที่แล้วเห็นฉันเนี่ย...เจ๊ก็รู้แล้วล่ะว่าฝีมือฉันล้วนๆ

    ก็เล่นซะพื้นยุบแบบนี้มนุษย์ปกติที่ไหนเขาทำได้นอกจากแกย่ะ!? ไอ้เคียว!” คนที่ประทุษร้ายเคียวเมื่อครู่แยกเขี้ยวใส่พลางปัดผมยาวประบ่าสีดำสนิกของตนออกจากหน้า ดวงหน้าใสๆ ติดไปทางหล่อของหญิงสาวฉายแววเหี้ยมนิดๆ ดวงตาสีเขียวเข้มจ้องมองคนที่ทำลายร้านของตนตาเขียวปั๊ด

    อ้าว? ย้อมผมเป็นสีดำเหรอเจ๊? ปกติสีน้ำตาลออกส้มๆ ของเจ๊ก็ทำให้หน้าหลอนอยู่แล้ว พอทำผมดำเนี่ยเหมือนซาดาโกะเลย...เฮ้ย! อย่าขวางเก้าอี้ใส่ดิ! อันตรายนะ! เจ๊คานาเดะโหดหลายแท้! ไหงไอ้ชิโระมันไม่โหดเท่าเจ๊สักทีเนี่ย!?” เคียวเมื่อเห็นหญิงสาวชัดๆ ก็ทักตามประสาคนรู้จักกันแบบ...น่าถีบมาก

    ตัวอันตรายอย่างแกไม่ต้องมาพูดเลย! ว่าใครเหมือนซาดาโกะฟะ!? แล้วนี่แกนึกบ้าอะไรมาพังร้านฉันเนี่ย!?” หญิงสาวซัดหมัดขวาตรงใส่

    พอดีมีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยน่ะเจ๊เคียวรับหมัดที่ซัดเข้ามา

    สุดวิสัยบ้าบออะไร! แกไม่รู้จักอ้อมแรงมากกว่า!” คานาเดะกระโดเตะก้างคอ

    พูดยังกับเจ๊รู้จักอ้อมแรงตายล่ะ! ถึก อึด แรงวัวแรงควายแบบนี้ไงเลยไม่ลงจากคานสักทีเคียวก้มหลบลูกเตะ

    ว่าใครห๊าไอ้บ้าาาาาาา!!!” เมื่อเจอคำที่ชวนให้สติหลุดคานาเดะก็...เริ่มซัดใส่นายเคียวแบบไม่มีกั๊กเลย

    “...โชจิ...ฉันว่าเราเตรียมเรียกรถพยาบาลแทนเถอะ ดูท่าไม่น่าจะรอดนะนั้นเรียวที่มองการต่อสู้ระหว่างเพื่อนกับเจ้านายตนเบ้หน้าเล็กน้อย

    ฉันก็ว่างั้นแหละโชจิพยักหน้ารับ

    แต่ผมว่ารอดนะ...อย่าลืมสิขนาดตึกถล่มใส่เคียวยังมุดออกมาเองได้ แค่เจ๊เขาตื้บจะเป็นไรไปมิคารุเอ่ยเตือนความจำเพื่อนตน...เขาว่าแค่นี้ไม่ทำให้คนผมน้ำตาลตายได้หรอก

    เออ จริงแฮะเรียวทำท่าเหมืนเพิ่งนึกออก

    แต่จะว่าไป...ไม่ยักรู้ว่าเจ๊แกจะโหดได้ขนาดนี้แฮะโชจิมองการต่อสู้ของหญิงสาวอย่างแปลกใจ...ปกติถึงเจ้านายเขาจะโหด แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าโหดขนาดนี้!

    โหดได้ขนาดนี้ไม่แปลกหรอก...” นายตำรวจผมดำที่เผ่นไปก่อนหน้านี้และวกกลับมาเมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ย...เล่นซะชายหนุ่มทั้งสามสะดุ้งโหยงเลย “...พอดีสองคนนั้นเรียนต่อสู้ที่เดียวกัน จากคนคนเดียวกัน...และเป็นสองในสามคนที่เรียนรอดจนจบคลาสต่อสู้ระดับสูงสุดด้วยนะ

    สองในสาม? แสดงว่ามีอีกคนที่เป็นปีศาจแบบนี้สิ?” โชจิออกอาการเอ๋อกินนิดๆ ...

    ...นี่พวกนี่ไปฝึกที่ไหนกันมาวะ? ทำไมคนที่จบมาเล่นโหดลากเลือดแบบนี้ได้? ว่าแต่ตอนแรกเรียนกี่คนถึงเหลือรอดแค่สามเนี่ย?...

    ใช่ แต่ไม่ต้องห่วง อีกคนน่ะเป็นพวกประหยัดพลังงาน (?) ไม่บ้าเลือดเท่าไหร่หรอกเซย์ยักไหล่ ตอนนี้ฉันว่าพวกนายสามคนไปให้ปากคำกับฉันตรงนู้นเถอะ ทางนี่คงอีกนาน

    ก็ว่างั้นแหละโชจิไม่เถียงว่ามันอาจเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก่อนที่จะพากันไปให้ปากคำกับทางตำรวจโดยหวังว่า...นายฟุริฮาตะ เคียวจะไม่ซี้ม่องเทงไปเพราะเจ้านายตนตื้บเข้า ไม่งั้นที่ทำงานตนได้มีแววมีผีสิงแหง...

    ...ขอให้โชคดีนะเว้ย ไอ้เคียว...

     

     

     

     

     

    เสียงการปะทะกันของหนุ่มสามคู่หนึ่งดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแล้วยาวนาน...นานเสียจนเหล่าคนในเครื่องแบบบวกพนักงานในร้านอีกสามที่ทำงานทำการกันเสร็จหมดเรียบร้อยเริ่มพนันกันแล้วว่าฝ่ายไหนจะชนะ

    ให้ตายเถอะ...นี่แกจะถึกไปไหนย่ะ!?” เสียงโวยวายดังออกจากปากหญิงสาวผมดำ

    เจ๊ก็ถึกพอกันนั้นแหละ! ถึกจนอดคิดไม่ได้ว่าเจ๊แย่งความถึกมาหมดหรือเปล่าไอ้ชิโระกับน้องมันถึงป๋อแป๋เนี่ย!” ชายหนุ่มผมน้ำตาลโวยกลับ

    ว่าใครถึกห๊า!!? ไอ้เกินมนุษย์มนา!” คานาเดะค้อนใส่คนที่ตนกำลังตื้บอยู่

    ก็เจ๊ไง! ถึกจนใกล้เคียงกับคิโยมิซังแล้ว!” เคียวกลิ้งหลบกร้อมแล่บลิ้นใส่

    นินทาเจ๊คิโยมิแบบไม่กลัวตายเลยเนอะ! แอบอัดคลิปส่งไปให้เจ๊เขาฟังดีไหมเนี่ย!?”

    ดีกะผีสิ! คิโยมิซังฆ่าฉันน่ะสิ!!!” ถึงรายนั้นไม่แรงเยอะเท่าเขา แต่ด้านการลอบทำร้าย (?) เก่งยิ่งกว่าใครเลยนะ!

    งั้นแกหยุดบ้าแล้วอธิบายสักทีสิฟะว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับร้านฉัน!?” คานาเดะแว๊ดลั่น

    ก็ได้! แต่อธิบายเสร็จอย่าไปตื้บใครต่อล่ะ!” เคียวทำหน้ามุ่ย

    เออ!” คานาเดะขานรับห้วนๆ

    “...ดูท่างานนี้นายชนะพนันวะไอ้โชจิ...เจ๊แกชนะจริงๆชายหนุ่มผมทองที่แอบดูอยู่ห่างๆ เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

    ตอนแรกคิดว่าเจ๊จะปวดจิตจนยอมแพ้ไปเองเสียอีกชายหนุ่มผมสีฟางข้าวส่งสีหน้าเหมือนกำลังแปลกใจออกมา

    พวกนายไม่เคยโดนขู่ไม่รู้หรอก...ว่าเจ๊แกขู่ทีเนี่ยเป็นอันที่ชาวบ้านกลัวกันทั้งนั้นชายหนุ่มผมดำที่ชนะพนันกับชาวบ้านถอนหายใจออกมาปลงๆ

    “...ไม่รู้และไม่อยากโดนด้วยชายหนุ่มทั้งสองรีบส่ายหน้าวืดแบบคนไม่อยากลองดีกับเจ้านายตัวเอง โดยที่ขณะนั้นเอง...

    แหม...นินทากันมันส์เชียวไอ้พวกนี่!” ...หญิงสาวที่เดินมาหาทั้งสามเมื่อไหร่ไม่รู้เขกหัวเหล่าหนุ่มๆ เบาๆ นี่ถามจริงคิดบ้าอะไรโดนคนร้ายเล่นงานยังมาทำงานเนี่ย!? โดยเฉพาะโชจิ! นายที่เป็นเป้าหมายของพวกมันนี่แค่บอกกันสักนิดฉันก็ให้นายหยุดงานต่อแล้วย่ะ! คิดว่าฉันไร้เหตุผลขนาดนายโดนไล่เชือดจะไม่ยอมให้หยุดไปหาหลุมหลบภัย (?) หรือไง!?”

    โอ๊ย! ก็ผมหยุดนอนเดี้ยงมาสองเดือนแล้วนี่เจ๊! ถ้าหยุดให้เจ๊จ่ายเงินเดือนฟรีๆ อีกก็หน้าด้านไปล่ะ!” โชจิเถียงกลับ

    แกยอมด้านดีกว่าเกือบตายโว้ย! ไอ้บ้า!” ดวงตาสีเขียวเข้มกรอกไปมาด้วยความปลง เฮ้อ...เออๆ ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านๆ ไปแล้วนี่เนอะ

    อ้าว? ยอมโชจิง่ายจังนะเจ๊? เห็นนิสัยโชจิแล้วนึกถึงไอ้ชิโระหรือไง?” เคียวทักพร้อมกับ...โดดไปเกาะโชจิเสียดื้อๆ

    ไอ้ชิโระมันก่อเรื่องไม่เว้นแต่ล่ะวันคิดว่าเหมือนโชจิไหมล่ะ?” คานาเดะถาม

    ไม่ โชจินิสัยดีกว่าเยอะเคียวส่ายหน้าวืด

    รู้แล้วจะถามทำไงห๊า?” คานาเดะตอกกลับเสียจนเคียวแทบหน้าทิ่ม

    โอยยยยย ตอกกลับเจ็บจริงงงงง โชจิช่วยหน่อยยยยยเคียวยาวเสียงยาวโหยหวน

                   “เรื่องสิฟะ! และอย่ามาเกาะฉันด้วยเฟ้ย!” โชจิพยายามแงะมือคนผมน้ำตาลออกจากตน เสียแต่...แงะไม่ออกนี่สิ! “มือแกทำด้วยอะไรฟะ!? เหนียวจริง!”

    นี่แกติดเชื้อเด็กโข่งมาจากไหนเนี่ย?” คานาเดะมองคนผมน้ำตาลที่เกาะลูกน้องตนราวกับปลาหมึก

    ก่อนจะถามอะไรช่วยผมก่อนได้เปล่าเจ๊!!?” โชจิเริ่มหันไปถีบเคียว

    ไม่ล่ะ ขี้เกียจสู้กับมันแล้วคานาเดะเอ่ยพลางเหล่มองไปรอบๆ แต่เดี๋ยวมันก็ปล่อยนายแล้วล่ะนะ

    เอ๊ะ?” โชจิหลุดร้องอย่างงงๆ และจากนั้น...

    ฟัดกันเสร็จแล้วก็ช่วยเลิกเล่นแล้วมาทำงานสักที!” ...หนุ่มใหญ่ผมน้ำเงินก็สับกลางหัวนายเคียวเต็มๆ

    โอ๊ย! เจ็บนะครับไดสึเกะซัง! ตีมาได้!” เคียวทำหน้าบึงแต่...มือก็ไม่ปล่อยนายโชจิอยู่ดี

    ก็ใครใช้ให้มัวแต่เล่นล่ะฟะ!? มาทำงานเดี๋ยวนี้! เหลือแต่ถามข้อมูลจากนายคนเดียวแล้วนะเฟ้ย!” ไดสึเกะจัดการลากเคียวไปทำงาน

    ไม่อ่าวววววววว โชจิช้วยด้วยยยยยยเคียวร้องราวกับกำลังจะถูกเอาไปเชือด

    ไม่ล่ะ ช่วยตัวเองเถอะโชจิแล่บลิ้นใส่

    ใจร้ายอ่ะ!” เคียวทำแก้มป่อง

    เลิกเล่นแล้วมาทำงานได้แล้ว!” ไดสึเกะที่จัดการแงะเคียวออกจากโชจิได้สำเร็จรีบลากอีกฝ่ายไปทำงานก่อนที่จะเกาะอะไรอีกรอบ

    คร้าบบบบบ!” เคียวขานรับอย่างเซ็งๆ

    “...” คานาเดะมองคนที่ถูกลากไปอย่างแปลกใจ “...วันนี้มันดูกวนกว่าปกตินะเนี่ย

    ...ปกติถ้าโดนสั่งให้ไปทำงานมันไม่เคยงอแง (?) แบบนี้นี่หว่า? วันนี้มันล้มหัวฟาดพื้นมาหรือไงวะ?...

    งั้นเหรอครับ? แต่ผมก็เห็นมันป่วนผมมันทุกวันนะโชจิที่ได้ยินหญิงสาวบ่นเอ่ยขึ้นมา

    เอ๋? ป่วนนายเหรอ...” คานาเดะเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะคลี่รอยยิ้มออกมา “...งั้นอีกเดี๋ยวคงมีข่าวดีมาสินะ?”

    เอ๊ะ? ข่าวดีอะไรเหรอ?” โชจิถามกลับ

    ไม่บอกหรอก~~~ เดี๋ยวนายก็รู้เอง~~~” คานาเดะลากเสียงยาว

    ไหงงั้นอ่ะเจ๊!?” โชจิโวย...มาพูดแบบนี้แล้วไม่บอกมันยิ่งทำให้อยากรู้นะ!

    โวยไปเถอะ ยังไงฉันก็ไม่บอก~~~~” คานาเดะหัวเราะคิกคักพลางหยิบมือถือตนออกมาพิมพ์โดยเมินเสียงโวยวายราวเด็กๆ ของโชจิไป...และกดส่งข้อความให้ใครบางคน...

    ...ซึ่งคนที่ว่าก็ไม่ใช่ใครอื่น...นายฟุริฮาตะ เคียวที่โดนลากไปเมื่อกี้นั้นแหละ

    นายจีบโชจิติดเมื่อไหร่บอกฉันด้วยล่ะ

    ตึ้ดๆ...

    หลังส่งไปไม่กี่วิก็มีข้อความถูกส่งกลับมาว่า ดูออกเหรอ?’

    คิดว่าฉันเป็นใครล่ะ? แค่นี้ย่อมดูออกอยู่แล้วคานาเดะส่งข้อความกลับ

    งั้นเหรอ...งั้นถ้าหลังจากนี้ฉันโผล่มาป่วนโชจิที่ร้านก็อย่ามาเขกหัวกันแล้วกัน

    ถ้านายไม่ทำอะไรพังก็ไม่ว่าหรอก

    โอเค ตามนี้

    งั้นแค่นี้แหละ นายไปทำงานของนายต่อก่อนโดนโวยอีกเถอะ ว่าแต่ถามหน่อย...นายคิดว่าจะจีบไอ้โชจิมันติดเหรอ? มันยิ่งซึนๆ อยู่

    ติดแน่นอน เพราะว่า...’

    อุ๊บ...” คานาเดะถึงกับกลั้นหัวเราะทันทีเมื่อได้รับข้อความที่ตอบกลับมา ดวงตาสีเขียวเข้มมองข้อความที่ถูกส่งมาซ้ำอย่างขำๆ “...รักจริงหวังแต่งพอดูแฮะ

    ‘...ฉันไม่มีทางยกโชจิให้ใครหรอก ต่อให้ใครมาขวางก็ไมยอมเด็ดขาด

    ...ดูท่าในอนาคตได้ใส่ซองงานแต่งให้สองคนนี้แหง...

    เจ๊คานาเดะ...เป็นอะไรไป? แฟนส่งข้อความมาให้เหรอ?” โชจิที่โวยหญิงสาวจนเหนื่อยแล่วถามขึ้นมา...เล่นเมินเขาเล่นแต่โทรศัพท์อย่างเดียวเลยนะ!

    เปล่าหรอก แค่ได้ข่าวดีว่าเพื่อนฉันกำลังจะมีแฟนเร็วๆ นี้น่ะ...” คานาเดะตอบปัดๆ ไป “...ตอนนี้ก็ค่ำแล้วเราไปหาอะไรกินกันไหม? ฉันเลี้ยงเอง

    ถ้าเจ๊เลี้ยงจะช้าอยู่ใยล่ะ? ไปสิ!” โชจิยิ้มร่า

    งั้นไปเก็บข้าวเก็บของที่หลังร้านแล้วไปรอที่หน้าร้านล่ะ เดี๋ยวฉันไปชวนไอ้เคียวเอง...นายก็ไปบอกไอ้สองหน่อนั้นหน่อยแล้วกันคานาเดะเอ่ย

    โอเค!” ว่าแล้วโชจิก็วิ่งแผล๊วไปหาเพื่อนตนราวเด็กๆ

    ให้ตายเถอะไอ้พวกนี่...” คานาเดะส่ายหน้าไปมาก่อนเริ่มเดินไปหาเคียว “...บางทีสองคนนี้คงจับคู่กันได้ลงตัวเกินคาดแฮะ

    ...งานนี้ฉันขอชมเรื่องคราวนี้เงียบๆ อย่างเป็นผู้ชมที่ดีแล้วกันนะ...เคียว...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    End


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×