คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #131 : สิ้นสุดการฝึก
ชายหนุ่มสมควรตายไปแล้วหากไม่ได้ร่างอมตะช่วย โลหิตทั่วร่างหยุดไหล บาดแผลฉีกขาดค่อย ๆ รักษาฟื้นฟูด้วยความรวดเร็วระดับหนึ่งแม้ไม่ต้องดื่มน้ำยาเลือดของระบบเกมก็ตาม
“ฮะฮะ
สงสัยจะก้าวกระโดดมากเกินไปหน่อย” ยี่ฟงเอ่ยเสียงเบาหวิว สาเหตุที่เขายังไม่หมดสตินั่นก็เพราะกระบวนท่าหน้าด้านไร้ยางอาย ยังมีผลของร่างอมตะ ค่าความเสียหายจึงลดทอนเบาลงไปมากเกือบจะ 20% เลยทีเดียว
ยี่ฟงฝืนดันร่างขึ้นมานั่งพิงกับก้อนหิน สถานะของหมัดมารเมรัยใกล้จะหมดลง ระหว่างนี้เขาจึงนำเอาไหสุราออกมาดื่ม พลังชีวิตและการฟื้นฟูค่อย ๆ เพิ่มประสิทธิภาพกว่าเดิม ผ่านไปประมาณสิบห้านาที ยี่ฟงก็ลุกมาเดินเหินได้สะดวกอีกครั้ง พลังวิชาก็คูลดาวน์กลับมาใช้ได้ใหม่แล้ว ซึ่งเขาไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าเริ่มต้นฝึกฝนต่อทันที วนลูปเดิมเฉกเช่นนี้ไปอย่างไม่รู้ตัว สิ่งรอบข้างค่อย ๆ ถูกตัดขาด หลงเหลือเพียงตัวเองกับธารน้ำเชี่ยว กระทั่งอาจารย์เหิงตื่นจากภวังค์และเดินย้อนกลับมาใกล้บริเวณที่เขาฝึกฝนก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราว ทางด้านกลุ่มเพื่อนที่ทำการทดสอบด่านประลองตัวเบาอยู่ข้างล่าง ทยอยกันผ่านจนครบถ้วนทุกคน เหิงอีจำต้องออกไปรับหน้า ปล่อยให้ศิษย์ของตนพร่ำเพียรฝึกฝนต่อไปอย่างเต็มที่
“พวกเจ้าทำได้ไม่เลว” เหิงอีกล่าวชมขณะยืนกอดอกอยู่บนหินสูงก้อนหนึ่ง
“ยี่ฟงหายไปไหนแล้ว” มังกรเฒ่าถามออกไปแทนทุกคน
“ศิษย์ของข้ากำลังปิดด่านฝึกตนเพื่อที่จะก้าวข้ามอุปสรรคทางพลังยุทธ์” เหิงอีตอบและชิงกล่าวตัดบทขึ้นว่า
“ข้าจะถ่ายทอดทักษะยุทธ์ไต่กำแพงให้พวกเจ้าเดี๋ยวนี้ ฉะนั้นเรื่องอื่นอย่าเพิ่งไปกล่าวถึง”
“ขออภัย
พวกข้าสามคนมีทักษะการไต่กำแพงอยู่แล้ว” ภูผาเพลิงตัดสินใจบอกกล่าว
“เช่นนั้นพวกเจ้าสามคนก็ไม่มีอะไรต้องเรียนรู้จากข้าอีก” เหิงอีกล่าวเสียงเรียบพลางหันไปให้ความสนใจคนที่เหลือ
สามมารเฒ่าไม่ถือสาเอาความ พวกเขาแยกออกไปนั่งพักรอคอยเหล่าเด็ก ๆ
กับมังกรเฒ่าบริเวณหนึ่งเงียบ ๆ กระทั่งการถ่ายทอดทักษะยุทธ์เริ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันกลุ่มของยี่ฟงได้รับค่าสถานะพลังกาย
+1% กับความเร็ว
+1% อย่างถาวรเรียบร้อยแล้วจากการผ่านด่านประลองกำลังและด่านประลองตัวเบาแห่งนี้ ตัวละครของสามมารเฒ่าแข็งแกร่งขึ้นตามที่ยี่ฟงได้บอกไว้จริง
ๆ
กับตัวละครขั้นเทพยุทธ์นี้ เพียงค่าสถานะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ความแตกต่างก็มหาศาลแล้ว
หลังผ่านพ้นขั้นตอนการถ่ายทอดทักษะยุทธ์ คนทั้งสี่ก็สละเวลาอันมีค่าไปกับการฝึกฝนให้ช่ำชอง กระทั่งพอที่จะสามารถไต่กำแพงสูงชันขึ้นไปสู่ที่ราบสูงได้สำเร็จ ทำให้พวกเขาดำเนินแผนต่อโดยไม่จำเป็นต้องให้ยี่ฟงมาสั่งการเพิ่ม เป้าหมายจากนี้ไปก็ไม่มีอะไรยากหรือซับซ้อน เมื่อล่ำลาเหิงอีแล้วกลุ่มของยี่ฟงก็เดินทางข้ามสะพานขุมสมบัติไปอย่างสบาย
ๆ และแทบจะบรรลุถึงเขตป้อมปราการพายุหอกที่อันตรายได้รวดเร็วกว่ากลุ่มอื่นหลายเท่าตัว
“พวกเราจะลุยเก็บค่าประสบการณ์บริเวณป้อมปราการนี้ไปจนกว่าจะถึงกำหนดการณ์ตามแผน” ภูผาเพลิงกลายเป็นคนที่ขึ้นมาสั่งการแทนชั่วคราว
“พวกเอ็งสี่คนเป็นตัวหลัก ส่วนพวกข้ามารเฒ่าจะคอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง ฉะนั้นไม่มีอะไรต้องกลัว” ภูผาเพลิงอธิบายแผนการที่ยี่ฟงวางไว้อีกครั้งหนึ่งเพื่อคลายแรงกดดันให้คนในกลุ่ม
มังกรเฒ่าพยักหน้ากล่าวตอบรับแทนพวกเหนือฟ้าไปว่า “เริ่มกันเลยเถอะ”
คนทั้งเจ็ดชักอาวุธเตรียมพร้อมสู่สมรภูมิรบ พอก้าวขาล้ำเขตแดนป้อมปราการพายุหอกไปได้เพียงครู่ เสียงแหวกอากาศดุดันก็ปรากฏ ซึ่งมันคือตัวหอกที่ถูกขว้างปาออกมาโดยฝีมือของนักรบตายซากที่ประจำการอยู่บนป้อมปราการ ทว่าเมื่อมีสามมารเฒ่าคอยคุ้มครองระวังภัยให้ การจะฝ่าคมหอกเหล่านี้ไปก็ไม่ใช่ปัญหา
แผนการฝึกฝนเก็บระดับเลเวลของยี่ฟงต้องใช้คำว่า
ป่าเถื่อนตะกละตะกลาม จึงจะเหมาะสม เพราะคนทั้งเจ็ดนี้กำลังจะต้องเข้าปะทะแตกหักกับทางป้อมปราการพายุหอก ซึ่งหลังจากเคลียร์มอนสเตอร์จนว่างเปล่าแล้ว พวกเขาต้องย้อนกลับออกมาตามแผนเพื่อให้เวลาป้อมปราการพายุหอกรีเซ็ตตัวเอง จากนั้นค่อยเปิดฉากเข้าปะทะใหม่วนเวียนไปเรื่อย
ๆ ให้ได้มากรอบที่สุด
ยี่ฟงคำนวณดูแล้ววิธีนี้จะทำให้กลุ่มของเขาเก็บค่าประสบการณ์ได้มหาศาลในเวลาอันสั้น
ตัวแปรสำคัญในแผนนี้ที่จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือสามมารเฒ่า ด้วยความแข็งแกร่งระดับ 75 จะช่วยสร้างความปลอดภัยให้แก่กลุ่มได้อย่างเด็ดขาด อีกทั้งเมื่อมีเพลเยอร์ระดับสูง ศัตรูในดันเจี้ยนใต้มหานครฉางอานก็จะแข็งแกร่งตามไปด้วย แต่เพดานเลเวลสูงสุดเท่าที่ดันเจี้ยนนี้จะเพิ่มขึ้นได้ก็เพียงแค่เลเวล
60 เท่านั้น ส่งผลให้ในขณะนี้เหล่านักรบตายซากบริเวณป้อมปราการพายุหอกต่างก็แสดงพื้นฐานที่เลเวล
60
ระดับเลเวลที่แตกต่างกับสามมารเฒ่าอยู่ถึง
15 ระดับ นับเป็นระยะห่างที่มากถึงขนาดกลายเป็นคนละชั้น
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สามวัน ในช่วงจังหวะที่กลุ่มของยี่ฟงแยกย้ายฝ่าดันเจี้ยนใต้มหานครฉางอานกันอยู่
เมืองเศียรมังกร ตั้งอยู่บนจุดศูนย์กลางของทวีปต้าเซี่ย เส้นทางจากเมืองต่าง ๆ ล้วนเชื่อมต่อมาถึงที่นี่ได้ หากจะกล่าวว่าเมืองดาบมังกรที่มีอาณาเขตติดกับจงหยางคือเขตแดนยอดฝีมือแล้ว เช่นนั้นเมืองเศียรมังกรก็คือเขตแดนยอดฝีมือระดับสูงที่เต็มไปด้วยเหล่าเพลเยอร์ระดับเลเวล 65 หรือสูงกว่า พื้นที่ภายในเมืองเศียรมังกรมีขนาดกว้างใหญ่เป็นสามเท่าของทุก ๆ เมืองที่ยี่ฟงเคยผ่านมาทั้งหมด และยังเต็มไปด้วยพรรคขนาดกลางไปถึงใหญ่ที่ปักหลักแข่งขันแย่งชิงทรัพยากรกันอย่างดุเดือดไม่เว้นแต่ละวัน
ยามนี้สายตาเกือบทุกคู่จับจ้องมองดูอยู่ที่คนกลุ่มหนึ่ง เกิดเสียงซุบซิบนินทาไปตลอดทางที่คนกลุ่มนี้ก้าวผ่าน หากสังเกตบริเวณทรวงอกด้านซ้ายของพวกเขาก็จะสามารถพบเห็นตราสัญลักษณ์กิลด์ที่สังกัดได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันเป็นตราที่สลักเป็นรูปสามง่ามกับคลื่นทะเลคลั่ง
กลุ่มคนที่ว่านี้เป็นศิษย์จากวังเทวาห้วงสมุทรหรือกิลด์ใหญ่อันดับสอง!
“พวกนายมาช้า” ชายหนุ่มใบหน้าหล่อปานเทพบุติกล่าวตำหนิเสียงเรียบ ข้าง ๆ กายเขา มีหญิงสาวงดงามเฉิดฉายไม่แพ้กันยืนกอดอกอยู่ด้วยสีหน้าบึ้ง สายตาแทบไม่เหลือบมามองใครด้วยซ้ำ
สองหนุ่มสาวคู่นี้มายืนรอพรรคพวกอยู่สักพักแล้ว
“นายมาเร็วเกินไปต่างหาก เดชสวรรค์” หนึ่งในคนที่เพิ่งมาถึงเอ่ยสวน
“เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ!?” เดชสวรรค์จ้องอีกฝ่ายเขม็งพลางถามเสียงเข้ม ชายคนนี้ก็คืออดีตเพื่อนรักของยี่ฟงเอง
“ไม่มีอะไรเพื่อน ใจเย็น ๆ สิ เอาเป็นว่าพวกฉันช้าเองแหละ แต่ก็มากันแล้วนี่” ชายคนเดิมตอบด้วยใบหน้ายิ้ม
ๆ ไม่สะทกสะท้านหวาดหวั่นให้เห็นแม้แต่น้อย กระทั่งสายตาเหล่ไปมองหญิงสาวแทนตามนิสัยเจ้าชู้ที่คนเขารู้ไปทั่ว
“มองอะไรของนาย?” เธอขึ้นเสียงถามอย่างไม่พอใจ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ธิดาแห่งห้วงสมุทร ตัวละครของเธอสวยไม่แพ้ตัวจริงอย่างที่คนอื่นเขาว่า”
ความจริงคำเรียกธิดาแห่งห้วงสมุทรเป็นเพียงฉายาของหญิงสาวเท่านั้น ส่วนนามแท้จริงคือ คมอักษร และโลกจริงเธอก็คืออดีตแฟนเก่าของยี่ฟง
“พูดจบหรือยัง? พวกเรากำลังจะเดินทางกันแล้ว” เดชสวรรค์ก้าวขึ้นมาขวางบดบังแฟนสาวเอาไว้ แววตาเหี้ยมโหดกวาดมองพรรคพวกตรงหน้า โดยเฉพาะกับชายหนุ่มที่เอ่ยสนทนาหยอกล้อกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเสแสร้งเมื่อครู่ ซึ่งมันมีนามว่า มังกรสมุทร หัวหน้ากองกำลังร่วมที่สาม
เพลเยอร์กลุ่มนี้ไม่มีใครไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ทุกคนล้วนเข้มแข็งแกร่งกร้าว
ปัจจุบันเซิร์ฟเวอร์ไทยยังคงมีจำนวนเพลเยอร์ที่ระดับเลเวล
70 ขึ้นไปน้อยนิดอย่างน่าเวทนา นับรวมดูแล้วยังไม่ถึงหนึ่งร้อยดีด้วยซ้ำ เพลเยอร์ส่วนใหญ่ระดับเลเวลจะค้างอยู่ที่ประมาณ 65 – 69 เนื่องเพราะความยากในการเก็บระดับค่าประสบการณ์
แต่คนกลุ่มนี้ผู้ที่มีเลเวลสูงสุดก็คือมังกรสมุทร ซึ่งอยู่ที่ 75 ส่วนสมาชิกในสังกัดที่ติดตามมาด้วยเลเวลเฉลี่ย
70 – 73 ทางเดชสวรรค์นั้นเพิ่งจะทะลวงคอขวดจนขึ้นมาแตะระดับเลเวล
70 ได้ไม่นาน และคมอักษรก็เพียงอ่อนกว่าเขาแค่หนึ่งระดับเท่านั้น
พวกเขาทั้งเก้าคน สามารถกล่าวได้ว่ายืนอยู่แถวหน้าของเซิร์ฟเวอร์ไทยแล้ว
ความจริงในใจเดชสวรรค์ ไม่อยากจะร่วมทางไปกับมังกรสมุทรเท่าไรนัก แต่เพราะกฎของกิลด์ เขาจะทำอะไรจึงต้องผ่านอนุมัติจากหัวหน้ากองกำลังที่สังกัดอยู่เสียก่อน ด้วยเหตุนี้มังกรสมุทรผู้รั้งตำแหน่งหัวหน้ากองกำลังร่วมที่สามเมื่อได้ทราบว่าเดชสวรรค์กำลังจะเดินทางย้อนกลับไปยังเมืองดาบมังกร มันก็เลยขอติดสอยให้ตามมาด้วย เป้าหมายส่วนตัวก็คือการไปลองของที่ดันเจี้ยนใหม่ใต้มหานครฉางอานซึ่งกำลังเป็นกระแสข่าวอยู่เต็มเว็บบอร์ดนั่นเอง
“ทำตัวตามสบายน่า” มังกรสมุทรหัวเราะขำ
พลางก้าวเดินขึ้นไปอยู่หน้าสุด จากนั้นหันมากล่าวว่า “เดินทาง! เดินทาง! ฉันจะปกป้องทุกคนจากอันตรายให้เอง”
สิ้นสุดถ้อยคำกวนบาทา มังกรสมุทรก็ออกเดินนำไปยังประตูเมืองทางทิศใต้ทันที เหล่าสหายของเดชสวรรค์ต่างเดินเข้ามาตบบ่าเข้าอกเข้าใจ และทยอยกันติดตามหัวหน้ากองกำลังไปอย่างไม่มีทางเลือก ทิ้งให้สองหนุ่มสาวเดินรั้งอยู่ท้ายกลุ่ม
“อีกไม่นานหรอก
ฉันจะต้องยึดตำแหน่งของมันมาให้ได้” เดชสวรรค์คำรามด้วยความโกรธเคือง
“ถึงวันนั้นเมื่อไร ฉันจะใช้มันยิ่งกว่าทาสให้ดู” คมอักษรกล่าวเสริมส่งอย่างอาฆาต
เส้นทางทิศใต้ของเมืองเศียรมังกรที่กลุ่มกองกำลังจากวังเทวาห้วงสมุทรเพิ่งพากันเดินไปนั้น เชื่อมต่อตรงไปยังเมืองดาบมังกรด้วยระยะทางที่ไกลมาก เพลเยอร์ทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้าหรือหกวันในการเดินทาง แต่ทว่า
สำหรับเพลเยอร์แถวหน้ากลุ่มนี้สมควรใช้เวลาแค่สี่วันก็อาจจะบรรลุถึงแล้ว อย่างที่ทราบกันดี เส้นทางไกลสายนี้เป็นหนึ่งในเส้นทางที่มีภารกิจคุ้มกันขบวนรถขนสินค้าอยู่ด้วย และนั่นคือเป้าหมายของเดชสวรรค์กับพรรคพวก พวกเขาคิดว่าในขบวนรถขนสินค้ายามนี้ มียี่ฟงร่วมเดินทางมาด้วย ฉะนั้นหากในกรอบสายตาของพวกเขาพบเห็นเป้าหมายเมื่อใด ย่อมกระโจนเข้าใส่เพื่อทุบทำลายอย่างดุร้ายทันทีเป็นแน่!
วันเวลาเดินหน้าไม่มีย้อนกลับ กระทั่งวันครบกำหนดแผนการฝึกฝนเป็นเวลาสี่วันโลกจริงของยี่ฟงมาถึง นั่นหมายความว่าเหลือเวลาอีกเพียงสามวัน งานแข่งขันประจำปีก็จะเริ่มขึ้นแล้ว จึงจะเห็นได้ว่าสื่อต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับวงการกีฬาอีสปอร์ต
แทบจะโหมประโคมข่าวอย่างคึกครื้นบ้าคลั่งไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ที่น่าจับตามองมากที่สุดยังคงเป็นยักษ์ใหญ่เจ้าเดิมผู้ครองแชมป์ต่อเนื่องยาวนานมาถึงสามปีซ้อน เซิร์ฟเวอร์หลักของทางประเทศจีน ถัดมาก็คือรองแชมป์ตลอดสามปีซ้อนจากทางประเทศเกาหลี
ทั้งโลกจริงและโลกเกมกำลังตื่นเต้นอลหม่าน กระนั้นภายในดันเจี้ยนใต้มหานครฉางอาน ยี่ฟงเพิ่งจะหยุดท่าร่างฝึกฝนของเขาลง สถานะชั่วคราวที่จุดชีพจรถูกทะลวงเปิดออก กินเวลานานเกือบจะหนึ่งวันโลกจริงเลยทีเดียว นับเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของชายหนุ่มมากจริง
ๆ จนในที่สุดเมื่อสิบชั่วโมงก่อน เสียงระบบก็รายงานขึ้นว่า
“เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับค่าประสบการณ์สามเท่าจากการฝึกฝนอยู่ภายในเขตแดนลมปราณประตูฟ้า ระดับเลเวลเลื่อนขึ้นเป็น 60”
“เนื่องจากตัวละครยี่ฟงเข้าสู่คลาสยอดฝีมือระดับสูง วิชาตัวเบาขั้นสูงสุดจึงเลื่อนขึ้นเป็น
วิชาท่องเมฆ”
ความคิดเห็น