ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #130 : หงส์รำพึง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.94K
      1.05K
      3 ก.ย. 61

    ภายหลังผ่านพ้นความเจ็บปวดในการฝืนเปิดจุดชีพจรพลันรู้สึกว่าร่างกายเบาโหวง  ยี่ฟงเป่าปากคลายความกดดันที่สั่งสมมาทั้งหมดอย่างช้า ๆ  สองตาที่ปิดลงเป็นระยะเวลาหนึ่งทำให้เขาต้องกะพริบตาถี่ซ้ำ ๆ เพื่อปรับโฟกัสแสง  ขณะที่อาจารย์ของตนร่างชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อและกำลังเข้าฌานรักษาความปั่นป่วนภายใน

    เลเวลอัปขึ้นมาได้จริง ๆ แฮะยี่ฟงคิดในใจ  ก่อนพยายามถอยห่างให้เกิดเสียงเบาที่สุดเพราะกลัวจะไปรบกวนเหิงอี

    สถานะนี้ไม่น่าจะอยู่ได้นานนัก  เราคงต้องรีบกอบโกย

    ยี่ฟงวางแผนฝึกฝนและสร้างเป้าหมายทันที  หลังจากระดับเลเวลของเขาค้างคาอยู่ที่ 57 มาสักพักเพราะถูกระบบปิดกั้น  แต่ในที่สุดก็พบเจอช่องโหว่ให้ฉกฉวย  เลเวลจึงเลื่อนขึ้นเป็น 58 ได้อย่างไม่คาดฝัน  ซึ่งหากต้องการจะให้มันเกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงเวลาอันสั้นบังคับนี้  ชายหนุ่มก็แทบไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อนเลยด้วยซ้ำ

    โอกาสมีแค่ครั้งเดียวยี่ฟงกล่าวกระตุ้นปลุกใจสู้

    เป็นเพราะเหิงอีเข้าฌานไปแล้วจึงไม่อาจสอบถามเพิ่มเติม ยี่ฟงมีแต่ต้องตัดสินใจเอาเอง เขากวาดสายตาพินิจพื้นที่โดยละเอียดรอบหนึ่ง  จะอย่างไรการฝึกฝนภายใต้เขตแดนลมปราณประตูฟ้าย่อมต้องเห็นผลรวดเร็วที่สุด  ไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะก้าวล้ำออกไปเป็นแน่  และไม่นานเขาก็สังเกตพบร่องรอยบางอย่าง  ตามธารน้ำที่ตัดผ่านตรงไปยังผาน้ำตกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ปรากฏเศษหินแตกหักมากมายผิดธรรมชาติ  ยี่ฟงสันนิษฐานเข้าข้างตัวเองว่าบางทีอาจารย์เหิงอาจจะใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อฝึกวิชาขัดเกลาวรยุทธก็เป็นได้ ยิ่งตรวจสอบพื้นที่ก็ยิ่งพบเจอความไม่สมเหตุสมผล   ทั้งหลุมบ่อ  รอยแตกบนพื้นดินที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์  ซึ่งเพียงแค่บริเวณธารน้ำตลอดเส้นสายนี้เท่านั้นที่แสดงร่องรอยความเสียหายให้ได้เห็น

    จากประโยชน์ของเขตแดนลมปราณประตูฟ้า  เกรงว่าคนที่ไม่รู้จักใช้สอยคงมีแต่คนสติไม่ดีแน่แล้ว

    คิดได้ดังนั้น  ยี่ฟงก็ไม่รีรออะไรอยู่อีก  เขาย้อนกลับไปยังต้นน้ำที่ติดกับผนังถ้ำจนออกห่างจากอาจารย์เหิงพอสมควร  ยี่ฟงเหินทะยานขึ้นไปเหยียบลงบนหินก้อนหนึ่งท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากกระทบกระแทกไปตามลำธารใสสะอาด  จากนั้นตรวจเช็กไอเทมต่าง ๆ ในช่องเก็บของของระบบ  กองไอเทมอื่น ๆ นอกจากสุรานั้นยี่ฟงไม่ไปให้ความสนใจ  คิดจะฝึกฝนวิชาทั้งทีมันก็ต้องทดลองของใหม่จึงจะคุ้มค่าสมแก่เวลาที่เสียไป  สุดท้ายชายหนุ่มก็คว้าเอาไหสุราออกมา  ซึ่งนับเป็นสุราชั้นสูงไม่น้อยนามว่าหงส์รำพึง  เถ้าแก่ร้านถึงกับออกปากชมไม่หยุด  เห็นว่าเป็นฝีมือเพลเยอร์ด้วยกันที่คิดค้นสูตรและผลิตมันขึ้นมา

    ยี่ฟงดึงเชือกเส้นจิ๋วที่ผูกติดอยู่กับจุกไหออก ปลดปล่อยกลิ่นหอมชวนลิ้มลองอันพิศวงพุ่งโจมตีประสาทรับกลิ่นให้ลุ่มหลงมัวเมา  เขาใช้ฝ่ามือซ้ายถือไหยกขึ้นกรอกปาก   พอน้ำเมาไหลทะลักออกมาปริมาณหนึ่งยี่ฟงก็ชักไหกลับและอมส่วนที่ว่าเอาไว้ในปาก  รสหวานปนฝาดแผ่ซ่านไปทั่วลิ้น  ใช่!  ยี่ฟงเลือกที่จะเปิดการรับรสของสุรา

    กระบวนท่ามังกรพ่นไฟถูกเปิดใช้ผ่านจิตสำนึก  พร้อม ๆ กับที่ชายหนุ่มพ่นสาดน้ำเมาออกไป  แต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยเปลวเพลิงพวยพุ่งเป็นเส้นสายม้วนตลบอยู่เหนือธารน้ำเชี่ยว  ไอความร้อนแผ่ขยายคลี่คลุมสองฟากข้าง  ปลายต้นหญ้าถึงกับงองุ้มสยบให้แก่เพลิงสุรา  แสงเงาก่อเกิดวูบวาบตามประกายไฟ  กระทั่งห้าลมหายใจล่วงผ่าน  กระบวนท่ามังกรพ่นไฟถึงค่อยสิ้นสุดลง

    ไม่เลวยี่ฟงเอ่ยปากชมเชย  ไม่ทราบกล่าวถึงรสชาติสุราหรือประสิทธิภาพของพลังวิชากันแน่

    การทดลองยังคงดำเนินต่อ  กระบวนท่าที่สี่ , หน้าด้านไร้ยางอายถูกเปิดใช้  ส่วนยี่ฟงก็ยกไหสุราขึ้นดื่มอีกครั้ง  ซึ่งรอบนี้เขากลืนมันลงคอไปสร้างความรู้สึกร้อนรุ่มกระชุ่มกระชวย  ฝ่ามือขวาที่ยังว่างเปล่าถูกรวบกำเป็นหมัดและกระแทกใส่อากาศเบื้องหน้า  แน่นอนว่ามันแฝงไว้ด้วยกระบวนท่าที่หนึ่งของวิชาหมัดมารเมรัย , พิษน้ำเมา

    คลื่นพลังปราณดีดทะยานออก ระหว่างทางมันแยกย้ายกระจายเป็นห้าสาย  รูปลักษณ์ผันแปรกลายเป็นกำปั้นที่ค่อย ๆ หมุนวนฉวัดเฉวียนจนยากที่จะกำหนดทิศทาง สุดท้ายความวุ่นวายทั้งห้าสายก็ดิ่งลงปะทะผิวน้ำ สร้างคลื่นกระเพื่อมและมวลน้ำให้สาดกระเซ็นซ่านอย่างรุนแรงเพราะการระเบิด

    อืม  เยี่ยมจริง ๆยี่ฟงค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ามันเป็นวิชาที่อันตรายต่อศัตรูของเขาไม่น้อย  ส่วนน้ำเมาที่หลงเหลืออยู่  เขาตัดสินใจยกดื่มอย่างเรี่ยราดกระทั่งไหวางเปล่า  เสื้อผ้าแทบจะเปียกชื้นและส่งกลิ่นสุรา  ทว่ากลิ่นของหงส์รำพึงไม่เหม็นชวนอ้วก  กลับกัน  มันเป็นกลิ่นหอมเจือจางที่ช่วยผ่อนคลายอารมณ์แทนด้วยซ้ำ  อดไม่ได้ที่จะต้องกล่าวชื่นชมคนคิดค้นสูตรและสามารถผลิตมันออกมาขายได้จริง ๆ

    ยี่ฟงหยุดคิดเรื่อยเปื่อย  ไหสุราถูกวางลงข้าง ๆ ก่อนเขาจะกระโดดลงไปยืนอยู่ในลำธาร  ความลึกของมันทำให้ขาใต้เข่าลงไปจมอยู่ในน้ำ  จากนั้นกระบวนท่าวิชายุทธ์ในครอบครองค่อย ๆ ถูกเรียกใช้  เริ่มตั้งแต่หมัดพายุเหล็ก  เสริมพลังด้วยหมัดเพลิงเป็นระยะ สองฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยลมปราณเหวี่ยงกระแทกใส่อากาศบ้างผิวน้ำบ้างสลับกันไป  ความเสียหายย่อมซึมซ่านลงดิน  บางส่วนกระจายหายไปในอากาศว่างเปล่า

    สิบนาทีผ่านไป  สถานะของหมัดพายุเหล็กก็สิ้นสุดลง

    ทันใดนั้นยี่ฟงก็คว้ากระบี่ขึ้นมือ  ตวัดวาดเพลงกระบี่ธาราและม้วนกลับมาพร้อมกับเพลงกระบี่ใบไม้ไหว  เศษใบไม้ที่ลอยเอื่อย ๆ อยู่บนผิวน้ำจึงถูกกระแสลมพัดโหมเข้าหาคมกระบี่ในมือ  มวลน้ำปริมาณหนึ่งที่เกาะอยู่ตามใบไม้พลันร่วงหล่นราวกับสายฝน  ขณะยี่ฟงทิ่มแทงกระบี่ออกไปในจังหวะอันรวดเร็ว คลื่นกระแสลมจากเพลงกระบี่ย่อมถูกปลดปล่อยตามไปด้วย  ภาพที่เกิดขึ้นคือสายน้ำถูกแหวกออกเป็นเส้นตรงชั่วแวบหนึ่งก่อนจะไหลคืนกลับดังเดิม

    ส่วนยี่ฟงที่เพิ่งจะทำการโจมตีออกไป  บัดนี้กำลังเรียกใช้วิชาปราณเก้ากระบี่เวหาอย่างต่อเนื่อง  ช่วงจังหวะที่ชายหนุ่มดึงตัวกระบี่ม้วนกลับขึ้นมาถือด้วยสองมือ  ตามทางก็ทิ้งเงาร่างกระบี่ไว้อย่างพิศวง  สภาวะปราณกระบี่ทั้งเก้าลอยเคว้งอยู่รอบกาย คล้ายเสมือนเป็นบริวารที่พร้อมรับคำสั่งสังหารทุกเมื่อ ยี่ฟงเพ่งจิตสมาธิฝืนรั้งสภาวะปราณเก้ากระบี่เอาไว้  ปกติหากไม่รีบใช้จู่โจมออก  พวกมันก็จะสลายไปเอง  ทว่ายามนี้ชายหนุ่มไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น  นี่ย่อมสร้างภาระทั้งต่อพลังกายและพลังลมปราณโดยตรง

    อัจฉริยะ!  ในส่วนค่าประสบการณ์ฝึกฝน  วิธีนี้สามารถช่วยพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับตัวละครได้อย่างดีเยี่ยมจริง ๆ

    ยี่ฟงฝืนคงสภาพเอาไว้ได้เพียงสองนาทีก็จำต้องยอมปลดปล่อยปราณกระบี่ทั้งเก้าเล่ม พวกมันพุ่งทะยานเรียดธารน้ำไปเบื้องหน้า ก่อนจะระเบิดดังสนั่นถี่ยิบจนมวลน้ำถูกตัดขาดออกจากกันชั่วขณะ  เจ้าของวิชาอย่างยี่ฟง  ยามนี้ถึงกับหอบหายใจจนตัวโยน  ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเพื่อที่จะกำหนดลมหายใจให้กลับมาเชื่องช้าสม่ำเสมอได้อีกครั้ง  ก่อนจะเก็บกระบี่เขายังปลดปล่อยเพลงกระบี่ใบไม้ไหวอีกคำรบ  เพลงกระบี่ธาราเองก็เช่นกัน

    ยี่ฟงเลือกที่จะไม่ใช้พลังวิชาขุนศึกคำรามในตอนนี้  เพราะเสียงที่ดังอาจก้องกังวานจนไปรบกวนอาจารย์เหิงที่บริเวณผาน้ำตกเอาได้

    ฉะนั้นชายหนุ่มจึงมาเริ่มต้นที่วิชาสิบฝ่ามือกำหนดฟ้าแทน  นับจากกระบวนท่าที่หนึ่ง

    กรงเล็บเพลิง  คลื่นพลังปราณแหลมคมดุจอุ้งมือนักล่ากรีดผ่ามวลอากาศลอยออกไป

    กระบวนท่าที่สอง , จู่โจมจุดอ่อน  ถูกข้ามไปเช่นกันเพราะยี่ฟงไม่มีเป้าหมายให้โฟกัส

    กระบวนท่าที่สาม , ทะยานฟ้า ร่างกายของยี่ฟงที่ยืนอยู่ในลำธารเคลื่อนไหวรวดเร็วจนมองเห็นเป็นเงาวูบวาบ ทว่าขาสองข้างที่จมอยู่ใต้น้ำ ส่งผลให้ความเร็วของกระบวนท่านี้เชื่องช้าลงไปบ้าง  กระนั้นยี่ฟงก็ยากที่จะคำนวณในทันที

    กระบวนท่าที่สี่ , หนึ่งฝ่ามือสามลักษณ์ ยี่ฟงเลือกจู่โจมออกด้วยลักษณ์ฟีนิกซ์เพลิงก่อนเป็นลำดับแรก ตามด้วยพยัคฆ์เหล็ก  ปิดท้ายกระบวนท่านี้ด้วยลักษณ์มังกรทอง  ความรุนแรงของพลังวิชาค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้น  กระทั่งธารน้ำบริเวณนี้เริ่มจะกลายเป็นหลุมบ่อนับไม่ถ้วน  ต้นไม้ต้นหญ้า  และดอกไม้มอดไหม้ขาดแหว่งไปเรื่อย ๆ

    กระบวนท่าที่ห้า , เคลื่อนเมฆา  ยี่ฟงสะบัดฝ่ามือหวดใส่ผิวน้ำดังตูม  จนมวลน้ำแยกออกแทบจะว่างเปล่าไปเลย  กระแสลมพายุพัดโหมดูดกลืนเศษหินเศษใบไม้จนปั่นป่วนอยู่ชั่วครู่

    กระบวนท่าที่หก , หมู่มังกรสยบทศทิศ หลังจากยี่ฟงกระแทกฝ่ามือลงไปยังธารน้ำใส  พลังปราณมังกรสีทองสว่างไสวก็พวยพุ่งขึ้นมาอาละวาดไปรอบกาย

    กระบวนท่าที่เจ็ด , พิโรธคลั่ง  คือเพดานสูงสุดเท่าที่ชายหนุ่มจะเรียกใช้ได้แล้วในยามนี้  พลังวิชาสิบฝ่ามือกำหนดฟ้านับเป็นจุดเปลี่ยนเลยก็ว่าได้  ตัวละครยี่ฟงแข็งแกร่งขึ้นมหาศาลก็ด้วยวิชานี้เสียเป็นส่วนใหญ่  ซึ่งเขาจำต้องทะลวงขีดจำกัดเลเวลก่อน  เพราะปัจจุบันระดับเลเวล 58 ยังไม่เพียงพอ  การจะปลดปล่อยพลังอำนาจระดับเทพยุทธ์  ตัวละครยี่ฟงต้องมีเลเวลแตะ 60 เป็นอย่างต่ำ

    เหตุนี้จึงทำให้เคล็ดวิหคอหังการถูกเรียกใช้  คลื่นพลังคลุ้มคลั่งร้อนแรงพลันพวยพุ่งทะยานขึ้นฟ้า  เพียงแต่ครั้งนี้ยี่ฟงพยายามฝืนสะกดข่มตัววิชา  เขาไม่ต้องการให้ดวงจิตวิหคเพลิงส่งเสียงร้องคำราม  ที่นี่เวลานี้ไม่มีศัตรูคนไหนให้ข่มขวัญ  ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงกลายเป็นว่า  ดวงไฟที่กำลังก่อรูปเสมือนวิหคเพลิงระเบิดออกแทน  สะเก็ดไฟนับไม่ถ้วนปลิวว่อนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง  เดือดร้อนให้ยี่ฟงต้องรีบปลดปล่อยเพลงกระบี่ใบไม้ไหวหอบเอากระแสลมและมวลน้ำขึ้นไปดับเพลิงตามจุดต่าง ๆ

    เมื่อความวุ่นวายอลหม่านสงบลง ยี่ฟงก็ย้อนกลับมาฝึกฝนต่อ  กระบวนท่าพิโรธคลั่งแสดงผลและอีกครั้งที่ยี่ฟงทดลองกระจายคลื่นพลังอันมหาศาลไปทั่วร่างกายแทนที่จะรวมรั้งเอาไว้ที่ฝ่ามือเพียงอย่างเดียว  ขุมพลังที่ทะลักทลายอยู่ภายในร่างจึงค่อย ๆ ถูกชักนำกระจายออก  แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าร่างกายของยี่ฟงไม่อาจทนรับไหว  มันถึงค่อย ๆ ฉีกขาดพรั่งพรูไปด้วยเส้นสายโลหิตอาบชโลม  สุดท้ายล้มหงายหลังกระแทกลงไปกับธารน้ำใส

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×