คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เล่ม 1 บทแรก ลำนำจ้าวยุทธจักร
E-sports คือกีฬาประเภทบุคคลหรือทีมชนิดหนึ่งที่เกี่ยวกับการแข่งขันวิดีโอเกม ซึ่งนับวันวงการนี้ยิ่งเติบโตรวดเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมันเป็นสิ่งที่เข้าถึงผู้คนได้ง่ายและทุกเพศทุกวัย ขอเพียงมีความสามารถในเกมกีฬานั้น ๆ วงการอีสปอร์ตก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับคุณแล้ว กระทั่งผ่านพ้นไปหลายสิบปี กาลเวลาก็ได้พิสูทธิ์ให้เห็นแล้วว่าวงการอีสปอร์ตเข้มแข็งเพียงใด เพราะมันไม่ใช่แค่ยังยืนหยัดอยู่ได้ แต่รากฐานกลับยิ่งฝังลึกอย่างมั่นคงจนแทบอยู่ในจุดที่ยากจะล้มทลายลงมาโดยง่ายอีก
และเมื่อมนุษยชาติก้าวเข้าสู่ยุคที่วิทยาการโลกเสมือนถือกำเนิด วงการอีสปอร์ตก็กลายเป็นดาวค้างฟ้าที่ไม่มีวันร่วงหล่นลงมาเปื้อนดินโคลนได้อย่างแท้จริง
“ไอดีของคุณผ่านเงื่อนไขการใช้บริการเกม ‘ลำนำจ้าวยุทธจักร’ แล้วค่ะ กรุณายืนยันการลงทะเบียน…”
เสียงแจ้งสถานะดังออกมาจากเครื่องเกมตามหน้าที่ แต่สำหรับชายหนุ่มหน้าตากวนตีนผู้เป็นเจ้าของไอดีแล้วมันราวกับเป็นเสียงจากสวรรค์ที่เพิ่งประสาทพรลงมา เสียงตะโกนของเขาในขณะนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีปนหัวเราะร่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงเวลาที่ฉันจะได้ท่องยุทธภพตบเกรียนอย่างคนอื่นเขาสักที!”
ในหัวของชายหนุ่มกำลังเพ้อเจ้ออวยตัวเองโดยไม่มีท่าทางเหนียมอายแม้แต่น้อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเขายังมีเพื่อนเลิฟอยู่คนหนึ่งกับคำสัญญาที่อีกฝ่ายเคยกล่าว จึงรีบทำการติดต่อไปหาด้วยสีหน้าแดงปลั่งยากที่จะข่มกลั้นระงับไว้
รอคอยไม่ถึงห้าวินาที ปลายสายก็ตอบรับ “มีไรวะไอ้วาด นานทีปีหนแกถึงจะโทรหาฉันก่อนสักครั้ง ถูกหวยหรือไง”
“ถือว่ารู้จักกันจริง แต่ไม่เกี่ยวกับหวยโว้ยไอ้เทพ” นายวาดตอบติดตลกจนหัวเราะขึ้นมาทั้งคู่
“มีไรก็รีบ ๆ พูดมา ฉันบังเอิญมีนัดกับคนในเกม เดี๋ยวต้องออนไลน์แล้วเนี่ย”
วาดที่สัมผัสได้ถึงความห่างเหินจากอีกฝ่ายพลันลดเสียงขณะตอบกลับไปว่า “เออ ๆ เกมลำนำจ้าวยุทธจักรใช่เปล่า? ที่ฉันโทรมาก็เพราะเรื่องเกมนี้แหละ”
ปลายสายไม่ปฏิเสธ และเริ่มสนใจขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน
วาดมีหรือจะรอช้า รีบบอกออกไปอย่างรวบรัดในทันที “ฉันลงทะเบียนเข้าเล่นเกมได้แล้วนะ นายยังไม่ลืมใช่มั้ยที่ว่าจะช่วยเก็บเลเวลเมื่อฉันพร้อม”
ได้ยินแบบนี้ไอ้เทพก็เงียบหายไป วาดที่ถือสายรออยู่อึดใจหนึ่งทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยถาม “ฟังอยู่หรือเปล่าวะ”
อีกฝ่ายสูดหายใจลึกตอบอย่างอึดอัดกลับมา “ฉันคงไปช่วยแกไม่ได้แล้ว หนึ่งปีมานี้ตัวละครของฉันพัฒนาไปไกลพอสมควร ทั้งได้เข้าร่วมสำนักใหญ่ การแข่งขันระดับสูงเพื่อจะแย่งชิงตำแหน่งกันเองภายใน บอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันมีเป้าหมายแบบชัดเจน ซึ่งก็คือการได้เป็นหนึ่งในนักกีฬาอีสปอร์ตภายใต้สังกัดของกิลด์ใหญ่ ฉันแบ่งเวลาไปช่วยแกไม่ได้หรอก ขอโทษทีว่ะ”
สีหน้าเบิกบานของวาดค่อย ๆ จางหาย แต่ก็เข้าใจดีด้วยเหตุผลที่เพื่อนเลิฟพยายามอธิบาย
แม้รู้สึกผิดหวังยังคงเก็บเอาไว้ในใจ ความจริงแล้ววาดก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหวังพึ่งพาอะไรอีกฝ่ายมากมายตั้งแต่แรก ที่ทวงถามนั้นเขามีเจตนาเพียงแค่อยากเดินทางท่องหล้าไปพร้อมกับสหาย น่าเสียดายระยะเวลาหนึ่งปีที่เสียไป ไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้สหายคนสนิทของเขาทิ้งห่างออกไปมากขนาดนี้
ดังคำเขาว่า จิตใจคนแปรผันตามกาลเวลา
แต่ก็ช่วยไม่ได้ เป็นเพราะเกมลำนำจ้าวยุทธจักรกำหนดเรตอายุ 20+ ไอ้เทพที่มีอายุมากกว่านายวาดหนึ่งปีจึงมีสิทธิ์ได้เข้าไปเล่นก่อน
เมื่อเรื่องราวลงเอยแบบนี้ วาดมีแต่ต้องกล่าวว่า “เออเข้าใจเว้ย เรื่องเล็กน้อยไม่มีปัญหา ถ้าเป็นเรื่องเกมแกก็รู้ว่าฉันไม่แพ้ใครอยู่แล้ว”
ปลายสายเหมือนผ่อนคลายลง จึงสามารถตอบได้อย่างสบายใจ “อย่าประมาทนะไอ้วาด ลำนำจ้าวยุทธจักรไม่ค่อยมีกฎเกณฑ์อะไรเข้มงวดเหมือนเกมอื่น มันคือโลกที่ปลาใหญ่ฮุบกลืนปลาเล็ก เพราะงั้นแกก็พยายามอย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนล่ะ เกมนี้เลเวลยิ่งขึ้นยากอยู่ด้วย”
คำเตือนนี้กลับทำให้นายวาดต้องหัวเราะขึ้นมาแทน
“ขอบใจว่ะเพื่อน แต่มันคงยากที่ฉันจะบดบังรัศมีความหล่อของตัวเองไว้ ไม่ให้ไปแยงตาไอ้พวกกากเกรียนได้นานหรอก ฮ่าฮ่าฮ่า”
ปลายสายคล้ายเพิ่งตระหนักได้ถึงเรื่องสำคัญ กระทั่งยังอดไม่ไหวต้องปล่อยเสียงฮาตามไปด้วยพลางกล่าว “เออใช่! ฉันดันลืมใบหน้าดูดตีนชาวบ้านของแกไปได้ไงกัน แบบนี้แกน่าจะอยู่ยากแล้วว่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ระหว่างที่คนทั้งสองร่วมหัวเราะชอบใจไปกับการพูดคุยไร้สาระ เทพก็ได้รับข้อความเร่งมาจากสมาชิกในเกม จึงต้องเอ่ยตัดบทร่ำลา
วาดตอบรับและเพียงกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “เดี๋ยวฉันจะลองฝ่านรกไล่ตามแกดู ทางแกก็เบา ๆ รอกันบ้างนะโว้ย”
“เออ โชคดี” เทพรับคำก่อนจะตัดสาย
นายวาดโยนวัตถุทรงกลมที่เพิ่งใช้ติดต่อเพื่อนเลิฟลงบนเตียง ขณะเดียวกัน เครื่องเกมที่ถูกออกแบบพัฒนาให้สะดวกสบายขึ้นจนอยู่ในรูปลักษณ์ของสายคาดศีรษะเช่นปัจจุบันก็ยังคงแจ้งเตือนให้เขายืนยันการลงทะเบียนไอดีอยู่เป็นระยะ วาดล้มตัวลงนอนพร้อมกับทำการลงทะเบียนขั้นตอนสุดท้ายจนเรียบร้อย
“ไอดีของคุณได้รับการยืนยันแล้วค่ะ ยินดีต้อนรับคุณฐนะ เทพศิวะฐานเข้าสู่โลกลำนำจ้าวยุทธจักร”
วาดสูดหายใจสงบสติอารมณ์ขณะนอนหลับตาอยู่บนเตียง แต่ยังอดคิดไม่ได้ว่า ‘ให้ตายเถอะ เกมแนวนี้มันต้องค่อย ๆ เล่นเสพเนื้อเรื่องไปทีละขั้นทีละตอนสิวะ ไอ้พวกนักกีฬาบ้าการแข่งขันคงเอาแต่ปั๊มเวลหาของกันอย่างเดียวเลยมั้ง น่าเสียดายแทน แต่ก็ทางใครทางมันล่ะนะ’
ชายหนุ่มจมอยู่ในห้วงความคิดเงียบ ๆ พักหนึ่ง กระทั่งหรี่ตาเล็กน้อยและคว้าเอาเครื่องเกมขึ้นมาคาดศีรษะ หลังจากระบบเชื่อมต่อกับเกมลำนำจ้าวยุทธจักรตามที่ได้ยืนยันไว้จนปรากฏสถานะพร้อมผ่านจุดแสงสีเขียว เขาก็พึมพำเสียงเบาว่า
‘ออนไลน์’
ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาอีกครั้งภายในโลกเสมือน สถานที่ที่เขาเพิ่งโผล่เข้ามาเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา มีไว้สำหรับต้อนรับมือใหม่
“สวัสดีค่ะคุณวาด นี่สมควรเป็นการออนไลน์ครั้งแรกของคุณ” หญิงสาวหน้าตาสะสวยเอ่ยเสียงหวาน
เขาไม่แปลกใจหากพนักงานต้อนรับจะทราบชื่อของตัวเอง วาดหมุนตัวไปเผชิญหน้ากับเธอพลางตอบสั้น ๆ “ใช่ครับ”
หญิงสาวฉีกยิ้มโปรยเสน่ห์และเริ่มต้นแนะนำเพลเยอร์ใหม่ “กรุณาตั้งชื่อตัวละครของคุณก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ”
วาดชะงักไปชั่วแวบหนึ่งก่อนจะบอกชื่อจำนวนมากที่เคยคิดเอาไว้มาเนิ่นนานแล้วออกเรียงตามความชอบ แต่ทั้งหมดล้วนมีคนใช้แล้ว
กระทั่งหลงเหลืออยู่เป็นชื่อสุดท้าย บีบคั้นจนชายหนุ่มต้องยกสองมือขึ้นพนมจดหน้าผากเพื่อวิงวอนกันเลยทีเดียว “ยี่ฟง”
หญิงสาวขบขันกับท่าทางของเขาอยู่ในใจ เพียงพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับแจ้งข่าวดี “ชื่อนี้สามารถใช้งานได้ ต่อไปจะเป็นการปรับแต่งตัวละครค่ะ”
วาดหรือยี่ฟงพลันเป่าปากโล่งอก จากนั้นกล่าวกับพนักงานสาวไปว่า “ช่วยลองสุ่มออกมาให้หน่อยแล้วกันครับ”
“ได้ค่ะ หากยังไม่ถูกใจสามารถแก้ไขด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ แต่เมื่อยืนยันไปแล้วจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใหม่ ทางเราจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ฉะนั้นขอให้คุณตรวจสอบดูให่แน่ใจก่อนทำการยืนยันทุกครั้งนะคะ”
วาดพยักหน้ารับรู้
และรอคอยอยู่ไม่ถึงสามวินาที ร่างกายของเขาก็เริ่มปรากฏความเปลี่ยนแปลง จากใบหน้าเกลี้ยงเกลาพลันมีรอยบากใต้ตาขวาซึ่งลากยาวลงไปเล็กน้อย รอบริมฝีปากผุดหนวดเคราขึ้นมาเสริมให้ใบหน้าเข้มดูกร้านโลก เส้นผมสีดำสั้นก็ยืดยาวลงไปถึงกลางหลัง ชุดที่เขาใส่อยู่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนให้ดูคล้ายชุดจอมยุทธ์สีขาวหม่น ค่อนข้างเรียบไม่มีอะไรหวือหวาสมกับเป็นชุดของมือใหม่
หลังจากยี่ฟงพินิจตัวเองโฉมใหม่ผ่านบานกระจกก็เผยท่าทางพึงพอใจอยู่บ้าง ขณะนี้ตัวเขาดูน่าเกรงขามและดุดันขึ้นทว่ายังคงเค้าเดิมของใบหน้าอยู่เจือจาง
เป็นเรื่องประหลาดเหมือนกัน ที่ร่องรอยความกวนตีนกลับยังคงถูกรักษาเอาไว้ทุกอิริยาบถของใบหน้า!
“ยืนยัน” ยี่ฟงกล่าวด้วยรอยยิ้มกวน ๆ
หญิงสาวเองก็ยิ้มรับอย่างยินดีเสมือนว่าได้ปลดเปลื้องภาระไปอีกหนึ่ง “ตัวละครของคุณเสร็จสมบูรณ์แล้ว หากต้องการศึกษาข้อมูลกับระบบต่าง ๆ ภายในเกม สามารถไปเรียนรู้ได้ที่อาคารเริ่มต้นของเมืองจงหยางนะคะ”
เธอแนะนำอยู่อีกสองสามเรื่อง จากนั้นจึงค่อยส่งชายหนุ่มเข้าสู่เกมจริง ๆ เสียที หญิงสาวกดนิ้วออกคำสั่งกับหน้าจอโปร่งใสด้วยความรวดเร็ว ส่งผลให้บังเกิดหลุมดำใต้ฝ่าเท้าของยี่ฟงก่อนมันจะฉุดดึงร่างของเขาร่วงหายลงไปแบบไม่มีสัญญาณเตือน
“เฮ้ย!” ขณะเดียวกัน หญิงสาวผู้รับหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับก็อุทานเสียงหลง สองตาจดจ้องหลุมดำที่กำลังสมานคืนกลับมาเป็นพื้นเรียบดังเดิมด้วยสีหน้าตกใจ “ฉิบหายแล้วไงล่ะยัยลี่ ดันลืมรีเซ็ตระบบกลับเป็นค่าเริ่มต้น ฉันไม่น่าไปหมุนพิกัดเล่นเลย โธ่เอ๊ย!” เธอเผยยิ้มแห้งและมีสีหน้าสำนึกผิดจริง ๆ “อโหสิกรรมให้ฉันด้วยแล้วกันนะคะคุณวาด”
ไม่ว่าพิกัดที่หญิงสาวสุ่มเล่นจะชักนำให้ชายหนุ่มไปโผล่ที่ไหนก็ตาม แต่ด้วยพื้นฐานเริ่มต้นของตัวละคร เขาคงต้องตายหยังเขียดแน่ ๆ
“พูดอะไรของแกอยู่คนเดียวน่ะยัยลูกเพี้ยน อโหสิกรรมให้ใคร?” เสียงเข้มของชายวัยกลางคนดังขึ้น
หญิงสาวสะดุ้ง พยายามเก็บซ่อนสีหน้าตื่นตระหนกเอาไว้ ก่อนเลือกจะหันไปโวยวายใส่ผู้เป็นบิดาเพื่อกลบเกลื่อน “ป๊า! ลี่จะช่วยเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ ถ้าอยากเข้าห้องน้ำก็ออฟไลน์ไว้สิ ถึงยังไงก็ไม่ได้มีพนักงานต้อนรับแค่ป๊าคนเดียวอยู่แล้ว เฮ้อ...เมื่อไรเขาจะนำระบบเอไอเข้ามาใช้งานในส่วนนี้แทนเนี่ย”
“มีระบบเอไอเข้ามา ป๊าแกก็ตกงานสิวะ เฝ้าแทนให้ไม่ถึงห้านาทีแค่นี้ก็บ่นฉอด ๆ แกก็รู้ว่าป๊าไม่อยากออฟไลน์เพราะต้องการทำยอดชั่วโมงเพื่อเงินโบนัส”
“ไม่รู้แหละ ลี่เป็นโปรเพลเยอร์นะป๊า เวลาทุกนาทีสำคัญจะตาย”
“น้อย ๆ หน่อยยัยหนู แกพูดแบบนี้มาสามปีแล้วไม่เห็นจะได้ชงได้แชมป์อะไรกับเขาสักที” ผู้เป็นบิดาเผลอกล่าวจี้แทงใจ เมื่อรู้ตัว่าผิดจึงรีบหุบปากเงียบ
ลิลลี่หน้าบูดบึ้ง จากนั้นตัดการเชื่อมต่อหนีไปโดยไม่คิดจะเอ่ยตอบอะไรอีก ปล่อยให้บิดาได้แต่ทอดถอนหายใจ
เหตุผิดพลาดในครั้งนี้ย่อมไม่ถูกปล่อยผ่านไปเฉย ๆ แต่จะส่งผลให้ทางผู้พัฒนาเกมได้ตระหนักถึงความสำคัญของระบบเอไอ ในอนาคตอันใกล้ ระบบนับไม่ถ้วนจึงถูกแก้ไขเปลี่ยนมาขับเคลื่อนด้วยเอไอแทนเพื่อความแม่นยำของข้อมูล
ระหว่างนั้นทางด้านของยี่ฟงก็จำต้องเผชิญกับเหตุสุดวิสัยน่าหวาดเสียวที่สุดในชีวิต
ตัวละครของเขาโผล่ออกมาเหนือพื้นแผ่นดิน กำลังร่วงทะลุชั้นเมฆและแผ่นฟ้า ใบหน้าของเขาซีดเผือด สัมผัสได้ถึงสายลมและอากาศเย็นยะเยียบไปทุกรูขุมขน เขาพยายามอ้าปากร้องตะโกน “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!”
ความเร็วในการตกของยี่ฟงค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้น ร่างหมุนตีลังกาจนปวดเศียรเวียนเกล้า สองตาหรี่เล็ก เส้นผมพัดพลิ้วกระจาย
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่สามารถประติดประต่อเรื่องราวได้ทัน กระนั้นที่แน่ใจได้เลยก็คือ เขาไม่สมควรถูกส่งมาโผล่อยู่กลางหาวแบบนี้! อีกทั้งตัวเขาเองก็กำลังลดระดับต่ำลงไปจนใกล้จะโหม่งโลกทุกขณะ เพียงขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น!!
“ตรูน่าจะไปเกิดที่เมืองจงหยางสิโว้ย WTF!!!” เมื่อฝืนอ้าปาก กระแสลมก็ม้วนตีเข้าไปจนกระพุ้งแก้มของเขาพองโต
ณ สำนักพยัคฆ์หมอบ
สถานที่แห่งนี้จัดตั้งโดยไต่อยู่บนภูเขาพยัคฆ์ จุดสูงที่สุดก็คือพื้นที่ตั้งของตึกหลัก และยามนี้บริเวณที่ว่าก็ปรากฏชายชราหนวดเครายาวลงถึงอก แววตาคมกล้าดุจพยัคฆ์ ท่วงท่าการยืนสง่างามและองอาจไม่สมวัย มันสวมใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวปักลายพยัคฆ์ตัวเขื่องที่เผยท่าทางอิริยาบถหมอบคลานไว้ด้านหลัง เยื้องไปข้างหลังชายชราเล็กน้อยยังมีชายฉกรรจ์สองคนปักหลักอยู่ซ้ายขวาเสมือนองครักษ์
แท้จริงแล้วพวกมันทั้งสามคือมอนสเตอร์!
เกมลำนำจ้าวยุทธจักรนี้ นอกจากสัตว์อสูรโดยทั่วไปแล้วยังมีมอนสเตอร์ประเภทมนุษย์อยู่ด้วย ทั้งยังมีหลายระดับชั้นตั้งแต่เจ้าสำนักยันโจรป่า
“ท่านเจ้าสำนักขอรับ ศัตรูทะลวงผ่านตีนเขาขึ้นมาได้แล้ว” คนส่งข่าววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาคุกเข่ารายงานแก่ชายชรา
ชายชราผู้มีศักดิ์ฐานะเจ้าสำนักเพียงหัวเราะเยาะ เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ปล่อยให้พวกมันดิ้นรนกันขึ้นมารับความตายภายใต้คมกระบี่ข้าเถิด”
สององครักษ์ของเจ้าสำนักชราก็แสดงท่าทีหยามเหยียดโอหัง
ศัตรูที่พวกมันกล่าวถึงอยู่นี้ย่อมหมายถึงเหล่าเพลเยอร์นั่นเอง สำนักพยัคฆ์หมอบแห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากดันเจี้ยนที่เฝ้ารอการถูกบุกรุก
ทันใดนั้น พลันบังเกิดเสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่นฟ้า
เป็นสถานการณ์อันแปลกแยกอย่างถึงที่สุด
เจ้าสำนักชรากับสององครักษ์ซึ่งแสดงรัศมีความเข้มแข็งต่างพากันแหงนเงยมองขึ้นไปอย่างประหลาดใจ แต่เพียงชั่วแวบเดียวเท่านั้น ร่างของชายหนุ่มที่เพิ่งได้รับนามยี่ฟงมาสด ๆ ร้อน ๆ ก็ปรากฏใกล้ชิดอยู่ห่างจากศีรษะของเจ้าสำนักชราแค่คืบ มันที่ยืนไพล่สองฝ่ามือไว้ด้านหลังอย่างหยิ่งทระนง เสมือนเป็นการใส่ตรวนพันธนาการตนเองไว้ ทำให้กว่าจะตอบสนองรับมือ เรื่องราวก็ดำเนินไปจนถึงฉากจบก่อนแล้ว
แรงปะทะท่วมท้นถาโถมใส่คนทั้งสามอย่างกะทันหัน ความเสียหายระเบิดออกเป็นวงกว้าง เสียงดังกระหึ่มสั่นสะเทือนจุดสูงสุดบนยอดเขาพยัคฆ์
แผ่นหินกระเบื้องแตกหักย่อยยับไปพร้อม ๆ กับร่างของมอนสเตอร์ทั้งสาม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ายี่ฟงจะลงเอยเช่นไร…จุดจบของเขาก็แทบไม่แตกต่างหรือบางทีอาจจะหนักหนากว่าด้วยซ้ำ
“เพลเยอร์ยี่ฟงทำการสังหารเจ้าสำนักพยัคฆ์หมอบเลเวล 35 และองครักษ์คลั่งสองตนเลเวล 20 ลงได้”
“เพลเยอร์ยี่ฟงได้รับค่าประสบการณ์คูณเป็นจำนวนมาก เลเวลเลื่อนขึ้นเป็น 35”
“เพลเยอร์ยี่ฟงเสียชีวิตจากการต่อสู้ เลเวลลดลงห้าระดับ”
ความคิดเห็น