คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ก้าวแรก
หลังการร่วงตกลงมาตายของยี่ฟงผ่านไปห้านาที กลุ่มเพลเยอร์จำนวนหกคนก็ฝ่าฟันศัตรูจนขึ้นมาถึงที่อยู่ของเจ้าสำนักพยัคฆ์หมอบได้สำเร็จ แต่สภาพยับเยินของสถานที่ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่ในสายตากลับสร้างความผิดหวังให้กับพวกเขาอย่างยิ่ง
“นี่ต้องเป็นฝีมือของวังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์แน่!”
“มันกล้าลงมือแย่งชิงบอสตัดหน้าพวกเราตามที่พูดจริง
ๆ หรือวะเนี่ย!”
เหล่าชายฉกรรจ์พากันโวยวาย ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธแค้นปนอับอาย แม้พวกเขาจะเป็นเพียงศิษย์ชั้นล่าง แต่กิลด์ที่สังกัดอยู่ก็แข็งแกร่งมากกระทั่งครองอันดับสี่จากห้ากิลด์ใหญ่ของเกม!
เหตุการณ์แย่งชิงทรัพยากรเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากจนแทบจะหลงลืมความรู้สึกขายขี้หน้าไปแล้วด้วยซ้ำ
“บัดซบ! มันจะหยามกันเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มใบหน้าเรียวแหลมคำรามลั่น
“พี่หอกหัก
เราควรแจ้งเรื่องนี้ให้คนระดับสูงในกิลด์ทราบทันที”
“เออรู้แล้วโว้ย!”
ชายหน้าแหลมตะโกนสวนลูกน้องกลับไปอย่างเดือดดาล มันรวบกำฝ่ามือแน่นกระทั่งเอ่ยอย่างกัดฟันขึ้นว่า
“วังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์ ดูเหมือนว่าพวกมันต้องการจะเปิดศึกกับเรา!”
เมืองจงหยาง อันเป็นจุดแรกที่เหล่าเพลเยอร์หน้าใหม่ทุกคนล้วนต้องมาเริ่มกันที่นี่
“อะไรกันวะ
นี่ฉันได้เป็นยอดฝีมือแล้วเรอะ!?”
เสียงพึมพำนี้ดังมาจากยี่ฟงเอง หลังจากชายหนุ่มกลับมาเกิดใหม่ในที่ที่ควร เขาก็ใช้เวลาไปครู่หนึ่งเพื่อสงบจิตใจซึ่งยังคงเต้นระส่ำต่อเหตุการณ์ดิ่งทะลุฟ้าท้ามฤตยูก่อนหน้านี้ เมื่อทำใจได้แล้วสิ่งแรกที่เขาลงมือทำก็คือการไปยังอาคารเริ่มต้น!
ชายหนุ่มมีเวลาเหลือเฟือที่จะศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ภายในเกม แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่เรื่องปกติ ทุกคนล้วนต้องมาเริ่มต้นที่เมืองจงหยางแห่งนี้ จะด้วยความผิดพลาดอะไรก็ตามแต่ ยี่ฟงเพียงสามารถคาดโทษพนักงานต้อนรับหน้าสวยใจทมิฬที่สมควรเป็นตัวต้นเรื่องได้เท่านั้น
ในเมื่อเธอทำให้เขาต้องเผชิญพบเรื่องราวอันเลวร้าย ยี่ฟงก็จะใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่โดยไม่คิดไปแจ้งเรื่องหรือร้องเรียนใด ๆ ต่อพนักงานคนอื่นให้ต้องวุ่นวายไปมากกว่านี้ บางทีการอยู่เฉยอาจนับเป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุดแล้วก็ได้
กระทั่งยี่ฟงอ่านมาถึงข้อมูลเกี่ยวกับเลเวลคลาส
ภายในเกมลำนำจ้าวยุทธจักร เพลเยอร์สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวละครได้โดยการยกระดับเลเวลให้สูงขึ้น ยังรวมไปถึงศัสตราและชุดเกราะที่สามารถค้นหามาครอบครองได้ แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือไอเทมประเภทคัมภีร์วิชายุทธ์
ยิ่งตัวละครแข็งแกร่งขึ้น วิชายุทธ์ในครอบครองก็จะยกระดับกล้าแข็งตามกัน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คัมภีร์ทุกเล่มไม่ว่าจะต่ำต้อยเพียงไรก็ยังเป็นที่ต้องการของเหล่าเพลเยอร์แทบทั้งสิ้น
สำหรับเลเวลคลาสนั้น แต่เดิมแล้วไม่เคยมีมาก่อน ทว่ามันถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่เหล่าเพลเยอร์พากันกำหนดและตั้งขึ้นมาเองเพื่อเป็นเกียรติแก่เพลเยอร์ระดับสูง กระทั่งทางผู้พัฒนาเกมเห็นชอบด้วยจึงอัพเดทระบบเลเวลคลาสให้อย่างเป็นทางการในที่สุด
ยี่ฟงขณะนี้ก็กำลังไล่สายตาพินิจข้อมูลที่ว่าสลับกับการมองสารรูปตัวเองไปด้วย
Lv Class
30 : ยอดฝีมือ ระดับต่ำ
45 : ยอดฝีมือ ระดับกลาง
60 : ยอดฝีมือ ระดับสูง
70 : เทพยุทธ์
100 : เซียนอมตะ
“เหอะ ๆ ยังดีที่เพลเยอร์ไม่สามารถเห็นเลเวลของกันและกันได้หากยังไม่ได้รับอนุญาต สารรูปตอนนี้จะให้ใครรู้ว่าฉันเป็นยอดฝีมือไม่ได้เด็ดขาด มีหวังได้อับอายขายขี้หน้ากันพอดี”
ยี่ฟงพึมพำเสียงเบาหวิว น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะโชคดีสังหารมอนสเตอร์ทั้งสามลงได้โดยบังเอิญ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เก็บไอเทมที่ดรอปจากพวกมันสักชิ้นเดียว ปัจจุบันชายหนุ่มจึงยังอยู่ในคราบของเพลเยอร์หน้าใหม่ถอดด้าม…หรือบางทีอาจดูอนาถกว่าชาวบ้านเขาด้วยซ้ำไป เนื่องจากเสื้อผ้าของยี่ฟงยังหลงเหลือร่องรอยขาดวิ่นจากการเสียชีวิตให้เห็นอยู่ไม่น้อย
ยี่ฟงเลื่อนจอภาพโปร่งแสงเปลี่ยนหน้าไปจนอยู่ในหัวข้อข่าวสารสะท้านยุทธภพ
“อื้อหือตีกันยับ!
จบมาจากโรงเรียนอีกากันหรือไงวะ”
ยิ่งชายหนุ่มเลื่อนลงไปเรื่อย
ๆ ก็ยิ่งรู้สึกท้าทายอย่างช่วยไม่ได้ ข่าวสารมากมายล้วนแต่มีเรื่องราวใหญ่โตจนส่งผลกระทบต่อยุทธภพเป็นวงกว้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“มีข่าวใหม่เพิ่งอัพเดทด้วยแฮะ…โห หนึ่งนาทีปาไปเกือบห้าพันความคิดเห็นแล้วเนี่ยนะ!”
ยี่ฟงเผลออุทานออกมาเสียงดัง แต่พอเขาได้สังเกตรอบตัวจึงเพิ่งตระหนักว่าคนอื่น ๆ ก็กำลังแตกตื่นอยู่เช่นเดียวกัน เวลานี้เสียงสนทนาอย่างออกรสกำลังดังวุ่นวายไปทั่วบริเวณ และแทบทั้งหมดจะพูดถึงการเคลื่อนไหวของกิลด์ใหญ่อันดับสี่!
นั่นทำให้ยี่ฟงต้องหันกลับมาสนใจข่าวใหม่ที่ว่าอีกครั้งพร้อมกับพึมพำชื่อหัวข้อขึ้นว่า
“วังจักรพรรดิเปิดศึกสายฟ้าแลบ”
เนื้อหาข่าวด้านในค่อนข้างจะสร้างความแปลกใจให้แก่เหล่าเพลเยอร์กันถ้วนหน้า สาเหตุที่วังจักรพรรดิซึ่งเป็นกิลด์อันดับสี่ได้ประกาศเปิดศึกเช่นนี้ เนื่องมาจากถูกคนของทางฝ่ายวังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์ซึ่งเป็นกิลด์อันดับห้าเหยียดหยามโดยการข่มขู่ว่าจะแย่งชิงทรัพยากรอย่างโจ่งแจ้ง และสุดท้ายพวกเขาก็ลงมือตามที่ลั่นวาจาเอาไว้จริง ๆ จนน่าตกใจ
อย่างไรก็ตาม ผู้คนล้วนตระหนักว่ากิลด์ใหญ่อันดับห้าไม่ใช่กลุ่มคนที่จะลงมือกระทำอะไรเช่นนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจแก่ชาวยุทธ์ทั่วหล้าได้เป็นอย่างดีในขณะนี้
แน่นอนว่าศิษย์จากวังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์ไม่ได้ลงมือกระทำสิ่งใดตามข่าวลือแม้แต่น้อย ทว่าพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธข้อกล่าวหาใด ๆ ได้
นอกจากจะไม่ช่วยให้เรื่องราวจบลงด้วยดีแล้วยังจะเป็นการเสียหน้าและชื่อเสียงแทนด้วยซ้ำไป
ทางเดียวที่จ้าววังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์จะทำได้มีเพียงแต่ ตามน้ำไปและคอยรับมือการโจมตีจากทางวังจักรพรรดิที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างกล้าแข็ง
นี่คือเกียรติสูงสุดของ 5 กิลด์ใหญ่ พวกเขาไม่อาจโอนอ่อนให้แก่กันได้แม้จะเป็นเรื่องทรัพยากรเล็ก ๆ น้อย ๆ
“เฮ้อ เป็นเรื่องที่ไกลตัวฉันสุด
ๆ ไร้สาระจริง”
ยี่ฟงปิดจอภาพโปร่งแสงไปหลังกล่าวจบ เขายื่นเหยียดฝ่ามือทั้งสองคล้ายบิดขี้เกียจก่อนจะออกจากอาคารเริ่มต้นมาที่ถนนใหญ่อีกครั้ง ระหว่างที่ชาวยุทธ์กำลังถกเถียงกันอยู่นั้นยี่ฟงก็ได้ตัดสินใจเดินไปยังอาคารนักผจญภัย
มันคือสถานที่รวบรวมเควสหรือภารกิจหลากหลายรูปแบบเอาไว้ บางทีชาวเมืองจงหยางที่เป็นเอไอก็จะเข้าไปร้องขอความช่วยเหลือจนบังเกิดเป็นภารกิจขึ้นมาให้แก่เหล่าเพลเยอร์ได้เลือกสรรกันอย่างอิสระ ทั้งยังไม่ซ้ำซากจำเจอีกด้วย
อาคารนักผจญภัยตั้งอยู่ห่างเพียงสามสิบเมตรเท่านั้น บริเวณที่ตั้งคล้ายเป็นจัตุรัสของเมือง พื้นที่ใจกลางจัตุรัสมีบ่อน้ำพุใหญ่โตประดับเอาไว้อย่างโดดเด่น รอบข้างเต็มไปด้วยร้านค้านับไม่ถ้วน เพียงกวาดสายตาพินิจครู่เดียวยี่ฟงก็มั่นใจได้ในทันทีว่าเหล่าเพลเยอร์ส่วนมากแทบจะมากองรวมกันอยู่ที่นี่
“ต่างจากอาคารเริ่มต้นราวฟ้ากับเหวเลยเว้ย!”
ยี่ฟงเอ่ยด้วยท่าทางคึกคัก กระทั่งเขาบรรลุถึงเป้าหมายในที่สุด
บานประตูไม้แบบพับคู่เล็กคล้ายในหนังคาวบอยถูกผลักอ้าออก พร้อมกับที่ร่างของชายหนุ่มก้าวผ่านเข้าไปยังอาคารนักผจญภัย สายตาของยี่ฟงกวาดมองไปทั่วจึงทราบว่าด้านในถูกจัดแต่งราวกับเป็นบาร์เหล้า วัสดุแทบทั้งหมดทำจากไม้ดูเก่าแก่ ด้านซ้ายมือมีบอร์ดขนาดใหญ่ติดผนังซึ่งเพลเยอร์กลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมกันอยู่ตรงนั้น ส่วนด้านในสุดไม่พ้นเป็นเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งมีตาลุงหนวดเคราเฟิ้มหยัดยืนประจำอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงดูไม่รับแขกเท่าไร
ยี่ฟงไม่ใส่ใจรายละเอียดและไม่คิดมากที่ตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา แม้จะปรากฏเสียงหัวเราะคิกคักอยู่เนือง ๆ ก็ตาม เขาเลือกจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ยกสูงตัวหนึ่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์จากนั้นค่อยถามขึ้นว่า “นี่ลุง ฉันรับภารกิจตรงนี้ได้เปล่า ไม่อยากไปแออัดอยู่นาน ๆ ตรงบอร์ดนั่นเลย”
ตาลุงหน้าตายเอียงคอไปมาจนกระดูกลั่น ในขณะที่เหล่าเพลเยอร์ด้านหลังยี่ฟงพากันส่งเสียงหัวเราะลั่นอย่างไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป
“มีอะไรตลกนักหรือไงวะ!?” ยี่ฟงขมวดคิ้ว
ในใจเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาชอบกล
“นี่พี่ชาย! คงเป็นหน้าใหม่สิท่า ฉันว่าแค่บอร์ดเควสตรงนี้ยังดูจะลำบากสำหรับพี่ชายเลยด้วยซ้ำ”
ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“ใช่ ๆ แล้วก็พวกฉันขอเตือนให้รีบถอยห่างออกมาจากไอ้จอมโหดนั่นดีกว่า เพราะว่า…”
ยังไม่ทันที่ชายอีกคนจะกล่าวจบคำ ตาลุงซึ่งถูกเหล่าเพลเยอร์เรียกขานกันว่าจอมโหดก็กำลังรวบกำฝ่ามือแน่นจนกระดูกลั่นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นมัดกล้ามแขนใหญ่โตของชายแก่พลันเหวี่ยงออกไปกะทันหัน แต่ในจังหวะเดียวกัน ยี่ฟงพลันตอบสนองได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างที่นั่งเอียงอยู่เล็กน้อยเร่งหมุนกลับมาพร้อมกับยิงหมัดสวนกลับไปหวังจะป้องกันตัวเอง
ตูม! เสียงหมัดปะทะหมัดดังก้อง ตาลุงจอมโหดเบิ่งตาโตในขณะที่ร่างถูกแรงกระแทกอัดลอยถอยหลังไปจนชนเข้ากับชั้นวางของด้านหลัง ส่วนยี่ฟงร่างเอนหงายไปเล็กน้อยเท่านั้นแม้จุดศูนย์ถ่วงจะย่ำแย่อย่างมากก็ตามที!
นี่บ่งบอกได้ว่าการปะทะเมื่อครู่ ชายหนุ่มเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด!
“ทำบ้าอะไรเนี่ยไอ้เอไองี่เง่า!” ยี่ฟงที่กลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งตะโกนถามอย่างหัวเสีย
ภายในอาคารนักผจญภัยกลับกลายเป็นเงียบสงัดราวกับเป็นสถานที่รกร้างไร้ผู้คน กระทั่งเสียงปริแตกของกระจกชั้นวางของยังสามารถได้ยินไปทั้งร้าน
“ฮ่า ฮ่า ขออภัยที่ล่วงเกิน ข้าเพียงแต่ทดสอบดูว่าท่านมีคุณสมบัติพอที่จะรับภารกิจโดยตรงจากข้าหรือไม่เท่านั้น”
ตาลุงจอมโหดฉีกยิ้มและหัวเราะเป็นครั้งแรก เขาปัดเศษกระจกตามเสื้อผ้าเล็กน้อยขณะเดินกลับมาเผชิญหน้ากับยี่ฟงด้วยท่าทางเป็นมิตรมากขึ้น
“จะหาจอมยุทธ์ในจงหยางแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทว่าพวกมันต่างมีดีแค่บ้าน้ำลายและอวดเก่งอย่างน่าสมเพช หากข้าไม่ทดสอบดูก่อน เกรงว่าคำร้องขอจากชาวเมืองคงถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมืออวดดีให้แก่พวกมันไปวัน ๆ เท่านั้น!”
ยี่ฟงเลิกคิ้วประหลาดใจ คาดไม่ถึงเลยว่าตัวละครเอไอในเกมนี้จะมีความคิดลึกซึ้งต่างไปจากเกมอื่นจนเทียบกันไม่ติด
แน่นอนว่าเหล่าเพลเยอร์ภายในอาคารยังคงไม่อาจเปล่งเสียงใดออกมาได้ พวกเขาแตกตื่นตกใจกับผลลัพธ์ไม่คาดฝัน ทั้งยังอึ้งกับท่าทางของตาลุงจอมโหดที่ไม่เคยแสดงออกมาให้เห็นเลยสักครั้งเดียวตั้งแต่เกมเปิดให้ออนไลน์เข้ามาเล่น!
“ยินดีต้อนรับท่านนักผจญภัย ข้ามีนามว่ามู่เฟิง” ชายแก่เอ่ยปากพร้อมประสานฝ่ามือคารวะอย่างนอบน้อม
ความคิดเห็น