ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุฟ้า ป่วนยุทธภพ (สถานะ จบไตรภาคแรก)

    ลำดับตอนที่ #2 : ก้าวแรก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 44.53K
      1.85K
      6 ม.ค. 61

    หลังการร่วงตกลงมาตายของยี่ฟงผ่านไปห้านาที   กลุ่มเพลเยอร์จำนวนหกคนก็ฝ่าฟันศัตรูจนขึ้นมาถึงที่อยู่ของเจ้าสำนักพยัคฆ์หมอบได้สำเร็จ     แต่สภาพยับเยินของสถานที่ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่ในสายตากลับสร้างความผิดหวังให้กับพวกเขาอย่างยิ่ง

    นี่ต้องเป็นฝีมือของวังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์แน่!

    มันกล้าลงมือแย่งชิงบอสตัดหน้าพวกเราตามที่พูดจริง ๆ หรือวะเนี่ย!

    เหล่าชายฉกรรจ์พากันโวยวาย  ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธแค้นปนอับอาย   แม้พวกเขาจะเป็นเพียงศิษย์ชั้นล่าง  แต่กิลด์ที่สังกัดอยู่ก็แข็งแกร่งมากกระทั่งครองอันดับสี่จากห้ากิลด์ใหญ่ของเกม!

    เหตุการณ์แย่งชิงทรัพยากรเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากจนแทบจะหลงลืมความรู้สึกขายขี้หน้าไปแล้วด้วยซ้ำ

    บัดซบ!  มันจะหยามกันเกินไปแล้ว  ชายหนุ่มใบหน้าเรียวแหลมคำรามลั่น

    พี่หอกหัก  เราควรแจ้งเรื่องนี้ให้คนระดับสูงในกิลด์ทราบทันที

    เออรู้แล้วโว้ย!

    ชายหน้าแหลมตะโกนสวนลูกน้องกลับไปอย่างเดือดดาล  มันรวบกำฝ่ามือแน่นกระทั่งเอ่ยอย่างกัดฟันขึ้นว่า

    วังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์  ดูเหมือนว่าพวกมันต้องการจะเปิดศึกกับเรา!

     

    เมืองจงหยาง  อันเป็นจุดแรกที่เหล่าเพลเยอร์หน้าใหม่ทุกคนล้วนต้องมาเริ่มกันที่นี่

    อะไรกันวะ  นี่ฉันได้เป็นยอดฝีมือแล้วเรอะ!?

    เสียงพึมพำนี้ดังมาจากยี่ฟงเอง  หลังจากชายหนุ่มกลับมาเกิดใหม่ในที่ที่ควร     เขาก็ใช้เวลาไปครู่หนึ่งเพื่อสงบจิตใจซึ่งยังคงเต้นระส่ำต่อเหตุการณ์ดิ่งทะลุฟ้าท้ามฤตยูก่อนหน้านี้      เมื่อทำใจได้แล้วสิ่งแรกที่เขาลงมือทำก็คือการไปยังอาคารเริ่มต้น!

    ชายหนุ่มมีเวลาเหลือเฟือที่จะศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ภายในเกม       แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขาไม่ใช่เรื่องปกติ  ทุกคนล้วนต้องมาเริ่มต้นที่เมืองจงหยางแห่งนี้  จะด้วยความผิดพลาดอะไรก็ตามแต่     ยี่ฟงเพียงสามารถคาดโทษพนักงานต้อนรับหน้าสวยใจทมิฬที่สมควรเป็นตัวต้นเรื่องได้เท่านั้น

    ในเมื่อเธอทำให้เขาต้องเผชิญพบเรื่องราวอันเลวร้าย       ยี่ฟงก็จะใช้ประโยชน์จากมันให้เต็มที่โดยไม่คิดไปแจ้งเรื่องหรือร้องเรียนใด ๆ ต่อพนักงานคนอื่นให้ต้องวุ่นวายไปมากกว่านี้        บางทีการอยู่เฉยอาจนับเป็นความคิดที่ถูกต้องที่สุดแล้วก็ได้

    กระทั่งยี่ฟงอ่านมาถึงข้อมูลเกี่ยวกับเลเวลคลาส

    ภายในเกมลำนำจ้าวยุทธจักร   เพลเยอร์สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวละครได้โดยการยกระดับเลเวลให้สูงขึ้น  ยังรวมไปถึงศัสตราและชุดเกราะที่สามารถค้นหามาครอบครองได้          แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือไอเทมประเภทคัมภีร์วิชายุทธ์

    ยิ่งตัวละครแข็งแกร่งขึ้น  วิชายุทธ์ในครอบครองก็จะยกระดับกล้าแข็งตามกัน

    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คัมภีร์ทุกเล่มไม่ว่าจะต่ำต้อยเพียงไรก็ยังเป็นที่ต้องการของเหล่าเพลเยอร์แทบทั้งสิ้น

    สำหรับเลเวลคลาสนั้น     แต่เดิมแล้วไม่เคยมีมาก่อน      ทว่ามันถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่เหล่าเพลเยอร์พากันกำหนดและตั้งขึ้นมาเองเพื่อเป็นเกียรติแก่เพลเยอร์ระดับสูง       กระทั่งทางผู้พัฒนาเกมเห็นชอบด้วยจึงอัพเดทระบบเลเวลคลาสให้อย่างเป็นทางการในที่สุด

    ยี่ฟงขณะนี้ก็กำลังไล่สายตาพินิจข้อมูลที่ว่าสลับกับการมองสารรูปตัวเองไปด้วย

    Lv Class

    30 : ยอดฝีมือ  ระดับต่ำ

    45 : ยอดฝีมือ  ระดับกลาง

    60 : ยอดฝีมือ  ระดับสูง

    70 : เทพยุทธ์

    100 : เซียนอมตะ

    เหอะ ๆ  ยังดีที่เพลเยอร์ไม่สามารถเห็นเลเวลของกันและกันได้หากยังไม่ได้รับอนุญาต  สารรูปตอนนี้จะให้ใครรู้ว่าฉันเป็นยอดฝีมือไม่ได้เด็ดขาด  มีหวังได้อับอายขายขี้หน้ากันพอดี

    ยี่ฟงพึมพำเสียงเบาหวิว  น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะโชคดีสังหารมอนสเตอร์ทั้งสามลงได้โดยบังเอิญ     แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เก็บไอเทมที่ดรอปจากพวกมันสักชิ้นเดียว       ปัจจุบันชายหนุ่มจึงยังอยู่ในคราบของเพลเยอร์หน้าใหม่ถอดด้ามหรือบางทีอาจดูอนาถกว่าชาวบ้านเขาด้วยซ้ำไป      เนื่องจากเสื้อผ้าของยี่ฟงยังหลงเหลือร่องรอยขาดวิ่นจากการเสียชีวิตให้เห็นอยู่ไม่น้อย

    ยี่ฟงเลื่อนจอภาพโปร่งแสงเปลี่ยนหน้าไปจนอยู่ในหัวข้อข่าวสารสะท้านยุทธภพ

    อื้อหือตีกันยับ!  จบมาจากโรงเรียนอีกากันหรือไงวะ

    ยิ่งชายหนุ่มเลื่อนลงไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งรู้สึกท้าทายอย่างช่วยไม่ได้  ข่าวสารมากมายล้วนแต่มีเรื่องราวใหญ่โตจนส่งผลกระทบต่อยุทธภพเป็นวงกว้างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

    มีข่าวใหม่เพิ่งอัพเดทด้วยแฮะโห  หนึ่งนาทีปาไปเกือบห้าพันความคิดเห็นแล้วเนี่ยนะ!

    ยี่ฟงเผลออุทานออกมาเสียงดัง       แต่พอเขาได้สังเกตรอบตัวจึงเพิ่งตระหนักว่าคนอื่น ๆ ก็กำลังแตกตื่นอยู่เช่นเดียวกัน  เวลานี้เสียงสนทนาอย่างออกรสกำลังดังวุ่นวายไปทั่วบริเวณ        และแทบทั้งหมดจะพูดถึงการเคลื่อนไหวของกิลด์ใหญ่อันดับสี่!

    นั่นทำให้ยี่ฟงต้องหันกลับมาสนใจข่าวใหม่ที่ว่าอีกครั้งพร้อมกับพึมพำชื่อหัวข้อขึ้นว่า

    วังจักรพรรดิเปิดศึกสายฟ้าแลบ

    เนื้อหาข่าวด้านในค่อนข้างจะสร้างความแปลกใจให้แก่เหล่าเพลเยอร์กันถ้วนหน้า          สาเหตุที่วังจักรพรรดิซึ่งเป็นกิลด์อันดับสี่ได้ประกาศเปิดศึกเช่นนี้            เนื่องมาจากถูกคนของทางฝ่ายวังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์ซึ่งเป็นกิลด์อันดับห้าเหยียดหยามโดยการข่มขู่ว่าจะแย่งชิงทรัพยากรอย่างโจ่งแจ้ง     และสุดท้ายพวกเขาก็ลงมือตามที่ลั่นวาจาเอาไว้จริง ๆ จนน่าตกใจ

    อย่างไรก็ตาม  ผู้คนล้วนตระหนักว่ากิลด์ใหญ่อันดับห้าไม่ใช่กลุ่มคนที่จะลงมือกระทำอะไรเช่นนั้น     มันจึงเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจแก่ชาวยุทธ์ทั่วหล้าได้เป็นอย่างดีในขณะนี้

    แน่นอนว่าศิษย์จากวังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์ไม่ได้ลงมือกระทำสิ่งใดตามข่าวลือแม้แต่น้อย        ทว่าพวกเขาไม่สามารถปฏิเสธข้อกล่าวหาใด ๆ ได้

    นอกจากจะไม่ช่วยให้เรื่องราวจบลงด้วยดีแล้วยังจะเป็นการเสียหน้าและชื่อเสียงแทนด้วยซ้ำไป

    ทางเดียวที่จ้าววังฟีนิกซ์เยือกแข็งนิรันดร์จะทำได้มีเพียงแต่           ตามน้ำไปและคอยรับมือการโจมตีจากทางวังจักรพรรดิที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างกล้าแข็ง

    นี่คือเกียรติสูงสุดของ 5 กิลด์ใหญ่  พวกเขาไม่อาจโอนอ่อนให้แก่กันได้แม้จะเป็นเรื่องทรัพยากรเล็ก ๆ น้อย ๆ

    เฮ้อ  เป็นเรื่องที่ไกลตัวฉันสุด ๆ  ไร้สาระจริง

    ยี่ฟงปิดจอภาพโปร่งแสงไปหลังกล่าวจบ       เขายื่นเหยียดฝ่ามือทั้งสองคล้ายบิดขี้เกียจก่อนจะออกจากอาคารเริ่มต้นมาที่ถนนใหญ่อีกครั้ง  ระหว่างที่ชาวยุทธ์กำลังถกเถียงกันอยู่นั้นยี่ฟงก็ได้ตัดสินใจเดินไปยังอาคารนักผจญภัย

    มันคือสถานที่รวบรวมเควสหรือภารกิจหลากหลายรูปแบบเอาไว้   บางทีชาวเมืองจงหยางที่เป็นเอไอก็จะเข้าไปร้องขอความช่วยเหลือจนบังเกิดเป็นภารกิจขึ้นมาให้แก่เหล่าเพลเยอร์ได้เลือกสรรกันอย่างอิสระ         ทั้งยังไม่ซ้ำซากจำเจอีกด้วย

    อาคารนักผจญภัยตั้งอยู่ห่างเพียงสามสิบเมตรเท่านั้น  บริเวณที่ตั้งคล้ายเป็นจัตุรัสของเมือง          พื้นที่ใจกลางจัตุรัสมีบ่อน้ำพุใหญ่โตประดับเอาไว้อย่างโดดเด่น  รอบข้างเต็มไปด้วยร้านค้านับไม่ถ้วน    เพียงกวาดสายตาพินิจครู่เดียวยี่ฟงก็มั่นใจได้ในทันทีว่าเหล่าเพลเยอร์ส่วนมากแทบจะมากองรวมกันอยู่ที่นี่

    ต่างจากอาคารเริ่มต้นราวฟ้ากับเหวเลยเว้ย!

    ยี่ฟงเอ่ยด้วยท่าทางคึกคัก  กระทั่งเขาบรรลุถึงเป้าหมายในที่สุด

    บานประตูไม้แบบพับคู่เล็กคล้ายในหนังคาวบอยถูกผลักอ้าออก  พร้อมกับที่ร่างของชายหนุ่มก้าวผ่านเข้าไปยังอาคารนักผจญภัย    สายตาของยี่ฟงกวาดมองไปทั่วจึงทราบว่าด้านในถูกจัดแต่งราวกับเป็นบาร์เหล้า       วัสดุแทบทั้งหมดทำจากไม้ดูเก่าแก่       ด้านซ้ายมือมีบอร์ดขนาดใหญ่ติดผนังซึ่งเพลเยอร์กลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมกันอยู่ตรงนั้น  ส่วนด้านในสุดไม่พ้นเป็นเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งมีตาลุงหนวดเคราเฟิ้มหยัดยืนประจำอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงดูไม่รับแขกเท่าไร

    ยี่ฟงไม่ใส่ใจรายละเอียดและไม่คิดมากที่ตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตา       แม้จะปรากฏเสียงหัวเราะคิกคักอยู่เนือง ๆ ก็ตาม    เขาเลือกจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ยกสูงตัวหนึ่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์จากนั้นค่อยถามขึ้นว่า  นี่ลุง  ฉันรับภารกิจตรงนี้ได้เปล่า  ไม่อยากไปแออัดอยู่นาน ๆ ตรงบอร์ดนั่นเลย

    ตาลุงหน้าตายเอียงคอไปมาจนกระดูกลั่น  ในขณะที่เหล่าเพลเยอร์ด้านหลังยี่ฟงพากันส่งเสียงหัวเราะลั่นอย่างไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป

    มีอะไรตลกนักหรือไงวะ!?  ยี่ฟงขมวดคิ้ว  ในใจเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาชอบกล

    นี่พี่ชาย!  คงเป็นหน้าใหม่สิท่า  ฉันว่าแค่บอร์ดเควสตรงนี้ยังดูจะลำบากสำหรับพี่ชายเลยด้วยซ้ำ

    ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา

    ใช่ ๆ  แล้วก็พวกฉันขอเตือนให้รีบถอยห่างออกมาจากไอ้จอมโหดนั่นดีกว่า  เพราะว่า

    ยังไม่ทันที่ชายอีกคนจะกล่าวจบคำ         ตาลุงซึ่งถูกเหล่าเพลเยอร์เรียกขานกันว่าจอมโหดก็กำลังรวบกำฝ่ามือแน่นจนกระดูกลั่นขึ้นมาอีกครั้ง    จากนั้นมัดกล้ามแขนใหญ่โตของชายแก่พลันเหวี่ยงออกไปกะทันหัน  แต่ในจังหวะเดียวกัน  ยี่ฟงพลันตอบสนองได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ       ร่างที่นั่งเอียงอยู่เล็กน้อยเร่งหมุนกลับมาพร้อมกับยิงหมัดสวนกลับไปหวังจะป้องกันตัวเอง

    ตูม!  เสียงหมัดปะทะหมัดดังก้อง     ตาลุงจอมโหดเบิ่งตาโตในขณะที่ร่างถูกแรงกระแทกอัดลอยถอยหลังไปจนชนเข้ากับชั้นวางของด้านหลัง  ส่วนยี่ฟงร่างเอนหงายไปเล็กน้อยเท่านั้นแม้จุดศูนย์ถ่วงจะย่ำแย่อย่างมากก็ตามที!

    นี่บ่งบอกได้ว่าการปะทะเมื่อครู่  ชายหนุ่มเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด!

    ทำบ้าอะไรเนี่ยไอ้เอไองี่เง่า!  ยี่ฟงที่กลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งตะโกนถามอย่างหัวเสีย

    ภายในอาคารนักผจญภัยกลับกลายเป็นเงียบสงัดราวกับเป็นสถานที่รกร้างไร้ผู้คน         กระทั่งเสียงปริแตกของกระจกชั้นวางของยังสามารถได้ยินไปทั้งร้าน

    ฮ่า ฮ่า  ขออภัยที่ล่วงเกิน         ข้าเพียงแต่ทดสอบดูว่าท่านมีคุณสมบัติพอที่จะรับภารกิจโดยตรงจากข้าหรือไม่เท่านั้น

    ตาลุงจอมโหดฉีกยิ้มและหัวเราะเป็นครั้งแรก         เขาปัดเศษกระจกตามเสื้อผ้าเล็กน้อยขณะเดินกลับมาเผชิญหน้ากับยี่ฟงด้วยท่าทางเป็นมิตรมากขึ้น

    จะหาจอมยุทธ์ในจงหยางแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร         ทว่าพวกมันต่างมีดีแค่บ้าน้ำลายและอวดเก่งอย่างน่าสมเพช       หากข้าไม่ทดสอบดูก่อน         เกรงว่าคำร้องขอจากชาวเมืองคงถูกใช้เป็นเพียงเครื่องมืออวดดีให้แก่พวกมันไปวัน ๆ เท่านั้น!

    ยี่ฟงเลิกคิ้วประหลาดใจ  คาดไม่ถึงเลยว่าตัวละครเอไอในเกมนี้จะมีความคิดลึกซึ้งต่างไปจากเกมอื่นจนเทียบกันไม่ติด

    แน่นอนว่าเหล่าเพลเยอร์ภายในอาคารยังคงไม่อาจเปล่งเสียงใดออกมาได้  พวกเขาแตกตื่นตกใจกับผลลัพธ์ไม่คาดฝัน   ทั้งยังอึ้งกับท่าทางของตาลุงจอมโหดที่ไม่เคยแสดงออกมาให้เห็นเลยสักครั้งเดียวตั้งแต่เกมเปิดให้ออนไลน์เข้ามาเล่น!

    ยินดีต้อนรับท่านนักผจญภัย  ข้ามีนามว่ามู่เฟิง  ชายแก่เอ่ยปากพร้อมประสานฝ่ามือคารวะอย่างนอบน้อม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×